“หนุ่ม กรรชัย” โต้ “พลอยไพลิน” ประกาศฟ้องกลับข้อหาหมิ่นประมาทผิดติดคุก 5 ปี ยันป้าเป็นฝ่ายบวชให้ไม่ใช่แม่เลี้ยง ส่วนหลักฐานที่เอามาโชว์เป็นแค่ใบรับรองการอุปสมเท่านั้น เผยฤาษี 10 ล้านยังอยู่เอามาแถลงต่อศาลเรียบร้อยแล้ว ซัดคู่กรณีแจงทรัพย์กลางไม่หมดโวยพระเครื่องหายไปไหน แจงฟ้องตามสิทธิ์เพื่อทวงความเป็นธรรม แต่โดนหาว่า “อกตัญญู” วอนทุกคนแยก “ความเป็นธรรม” กับ “บุญคุณ” ไว้คนละส่วน
หลังจากถูกหลานสาว “พลอยไพลิน กำเนิดพลอย” หอบหลักฐานบางส่วนออกมาเปิดโปง พร้อมกับแฉกลับ “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ว่าพูดไม่จริง กรณีที่หนุ่มไปให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์บางฉบับว่า ตั้งแต่พ่อตายก็ไม่เคยได้รับการหยิบยื่นให้ความช่วยเหลือจากฝ่ายแม่เลี้ยง ซ้ำยังหนีหน้าไม่ยอมเคลียร์เรื่องสมบัติ แถมยังเล่าชีวิตสุดรันทดสมัยที่ต้องเข้าไปอยู่บ้านกับแม่เลี้ยงว่า ต้องไปนอนกับคนขับรถ และซักเสื้อผ้ารวมกับคนรับใช้ พร้อมทั้งแฉว่าทางบ้านของแม่เลี้ยงนำพระเครื่องรางของพ่อไปขาย รวมไปถึงไม่ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องของมรดกต่างๆ จนเป็นเหตุให้เจ้าตัวลุกขึ้นมาฟ้องแบ่งสมบัติตามที่มีการเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้นั้น
ล่าสุดวันนี้(23 เม.ย.) หนุ่ม กรรชัย ก็ได้ควงทนาย “วิทยา แก้วกังสดาล” ทนายที่ดูแลคดีให้ ออกมาเปิดแถลงข่าวที่ช่อง 3 ตึกมาลีนนท์ ถนนพระราม4 โต้กลับ “พลอย” หลานสาว โดยยืนกรานว่า สิ่งที่หลานกล่าวหาเป็นเท็จทั้งหมด วันนี้จึงได้นำเอาหลักฐานมาแสดงต่อหน้าสื่อมวลชน เพื่อร้องขอความเป็นธรรม
“จริงๆ แล้วต้องบอกก่อนว่า เหตุการณ์ที่ผ่านมาเราได้มีการฟ้องร้องเกี่ยวกับคดีข้อพิพาทของการจัดการมรดกที่ไม่เป็นธรรม หลังจากนั้นพี่ๆ ก็ได้ติดตามเรื่องราวต่างๆ ไปแล้วบางส่วน บังเอิญว่ามีกรณีของผมถูกพาดพิงจากบุคคลที่ตั้งตัวว่าเป็นหลานสาวคือคุณพลอยไพลิน พูดผ่านรายการแฉแต่เช้าและเว็บไซต์ MANAGER ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วผมมองว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับข้อพิพาทตรงไหน แต่ที่ผมจำเป็นต้องออกมาพูดก็เพราะต้องป้องกันศักดิ์ศรีของตัวเอง แล้วอีกอย่างหนึ่งคือผมรู้สึกว่าสิ่งที่เขากล่าวมาเป็นเท็จทั้งหมด ฉะนั้นวันนี้ผมก็ได้เตรียมเอาหลักฐานมาเพื่อที่จะแสดงด้วยในหลายๆ เรื่อง ก็อยากให้พี่ๆ สื่อมวลชนทุกๆ คนเห็นหลักฐานตรงนี้แล้ว อยากจะช่วยให้ความเป็นธรรมกับผมด้วยว่า เหตุผลทั้งหมดมันคืออะไรและผลทั้งหมดมันคืออะไร”
"ส่วนเรื่องแรกที่มีการกล่าวอ้างในเว็ปไซต์ MANAGER รวมถึงรายการแฉแต่เช้าคงจะต้องบอกว่า การบวชในวันนั้น ผมต้องการบวชแบบเงียบๆ ก็ไม่ได้แจ้งใครนอกจากคุณป้า (สุภาพรรณ ยมจินดา) กับน้องสาว ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้อง(ชัญญา โชติญาณวงษ์) คุณแม่ใหญ่(นางวิมลรัตน์ กำเนิดพลอย) ก็ไม่ได้ทราบเรื่องแต่แรก แต่บังเอิญว่าทางวัดไทรม้าใต้ซึ่งเป็นวัดที่ผมไปบวช รู้จักกับทางบ้านคุณแม่ใหญ่ก็เลยมีการโทรศัพท์ไปบอกคุณแม่ใหญ่ว่าจะบวช หลังจากนั้นคุณแม่ก็เดินทางมาและมีการต่อว่าต่อขานเล็กน้อยว่า บวชแล้วทำไมไม่บอก”
“หนุ่มก็บอกว่าหนุ่มต้องการจะบวชเงียบๆ ซึ่งในเว็บไซต์ก็มีรูปโชว์ขึ้นมาว่าคุณพลอยกล่าวอ้างว่าทางเขาเป็นคนบวชให้ ซึ่งจริงๆ แล้วผมก็อยากจะโชว์ภาพนิดหนางว่า ผมก็มีภาพที่จะยืนยันได้ว่าคนที่บวชให้ผมคือคุณป้าผม ซึ่งเป็นผู้ที่ถือหมอน แต่หลักฐานที่เป็นเอกสารที่บอกว่าเป็นคนบวชให้ ซึ่งต้องบอกก่อนว่าไม่ได้เป็นการชี้ชัดว่าเป็นผู้บวชให้ แต่วันนั้นที่มาทางคุณแม่บ้านบ้านโน้น ก็ได้เตรียมเอาข้าวปลาอาหารมาจริง ได้มาร่วมงานบวชจริง มีการถ่ายรูปร่วมกันจริง เพราะตอนนั้นเราไม่ได้มีการโกรธเคืองอะไรกัน ไม่ได้มีข้อพิพาทอะไรกัน และที่สำคัญผมรู้สึกไว้ใจด้วยซ้ำ ถ้าไม่อย่างนั้นผมคงไม่เซ็นแต่งตั้งให้เขาเป็นผู้จัดการมรดก ถ้ามีการเกลียดกัน ผมยืนยันได้ว่าไม่มีการโกรธเกลียดกัน จนกระทั่งเกิดกรณีพิพาทขึ้นมา ส่วนอันนี้ผมอยากให้ทางทนายชี้แจงดีกว่าว่ามันคืออะไร''
ทนาย : “คือเรียนอย่างนี้นะครับ จากทางที่คุณแม่ใหญ่ของคุณหนุ่มเขากล่าวอ้างว่าเขาเป็นคนบวชให้เนี่ย ในความหมายของคนทั่วไปต้องคิดไปว่าหมายถึงคนจัดงานให้ แต่ว่าตามเอกสารที่นำมาชี้แจงในเว็บไซด์เป้นใบรับรองผู้สมัครของบรรพชาอุปสมบท ซึ่งตรงนี้ทางคุณวิมลรัตน์หรือคุณแม่ใหญ่เป็นคนเซ็นรับรองให้ว่าคุณหนุ่มไม่ได้เป็นผู้ที่ขาดคุณสมบัติในการที่จะบวชเป็นพระภิกษุสงฆ์เท่านั้นเองครับ ซึ่งตรงนี้จะบอกว่าคุณแม่ใหญ่จัดงานให้หรือว่าบวชให้คงยังไม่ได้''
หนุ่ม: ''ฉะนั้นอันนี้คือขอยืนยันว่าการบวชคือต้องแยกกันให้ชัดเจนนิดหนึ่ง การบวชถ้าบวชให้ผมจะต้องบอกว่าเป็นพระผู้อุปสมบทที่บวชให้ นั่นคือหมายถึงเจ้าอาวาสวัดไทรม้าใต้ แล้วรวมถึงท่าน ว.วชิรเมธี เป็นพระที่บวชให้ ถ้าเป็นแม่งานคือคุณป้าผมผู้ที่เสียค่าใช้จ่ายทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ถ้าผู้ที่หาข้าวปลาอาหารคือคุณแม่ใหญ่ ซึ่งที่สำคัญที่สุดผมขอยืนยันว่า การที่คุณพลอยไพลินออกมาพูด แล้วบอกว่าทางคุณแม่ใหญ่เป็นผู้บวชให้ ผมต้องยืนยันว่าคุณพลอยไพลินไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ เพราะคุณพลอยไพลินป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกนอนอยู่ที่ ร.พ เจ้าพระยา ซึ่งหลังจากที่ผมบวชเสร็จผมก็ไปเยี่ยม แล้วก็ยังผูกสายสิญจน์ที่ข้อมือให้ด้วย ฉะนั้นข้อนี้เป็นการกล่าวอ้างที่ไม่มีหลักฐาน แล้วก็ใช้หลักฐานซึ่งไม่ชัดเจนอันนี้ผมคงต้องบอกต่อไป''
“แล้วอีกอย่างหนึ่งคือเรื่องนี้มันเป็นเรื่องข้อพิพาทเกี่ยวกับฟ้องร้องผู้จัดการมรดก ไม่ได้ฟ้องร้องเกี่ยวกับเรื่องราวว่าใครเป็นเจ้าภาพบวชให้ผม ผมรู้สึกว่ามันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลย ก็ไม่รู้จะพูดเพื่ออะไร”
เปิดฉากเคลียร์ทีละข้อกล่าวหา ทั้งเรื่องถูกแม่เลี้ยงจับไปนอนห้องคนขับรถ เงิน 2.2 ล้าน รวมถึงเช็คเงินสด 2 แสนที่ให้แฟนสาวเมย์ เฟื่องอามรณ์ และฤาษีมูลค่ากว่า 10 ล้าน ที่มีการกล่าวอ้างว่าหนุ่มฮุบไป สรุปใครโกหก?....
“ส่วนกรณีที่มีการพาดพิงว่าผมอยู่ที่บ้านหลังนั้นแล้วได้ไปเที่ยวฮ่องกง ไม่ได้นอนอยู่ในห้องของคนขับรถ อันนี้ต้องขอยืนยันว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมามันเป็นช่วงชีวิตของแต่ละคน ตอนนั้นผมอายุประมาณ 16 - 17 ปี คุณพลอยไพลินอายุแค่ 8 ขวบ คงจะไม่ทราบว่าช่วงชีวิตของผมนี้มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ไอ้การที่มากล่าวอ้างแบบนี้ว่าชีวิตผมเหมือนซินเดอเรลล่า มันเกินไปหรือเปล่า”
“ผมบอกเลยชีวิตผมอาจจะยิ่งกว่าซินเดอเรลล่าด้วยซ้ำ ส่วนหนึ่งต้องขอยืนยันผมเองก็มีพยานหลักฐาน แล้วก็พยาน ณ ปัจจุบันนี้ค่อนข้างจะเป็นผู้ใหญ่พอสมควรด้วยซ้ำ มีความน่าเชื่อถือพอสมควร เขาเคยไปหาผมที่บ้านหลังนั้นแล้วก็รู้ว่าผมนอนอยู่ที่ไหนกับใคร ฉะนั้นตรงนี้ก็ขอผ่านนะ เพราะว่าผมถือว่ามันไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องราวตรงนี้ซะเท่าไหร่ แล้วเรื่องที่ผมไปเที่ยวฮ่องกงมีรูปมายืนยันอีกว่าผมไปเที่ยวฮ่องกง คุณพ่อผมเป็นคนจ่ายค่าใช้จ่ายให้อันนี้ฝากบอกไปด้วย''
''ส่วนรถยนต์ถ้าหมายถึงรถยนต์ที่ผมใช้อยู่ปัจจุบัน แล้วมีการกล่าวอ้างถึงโดยคุณเชษฐามีการพาดพิงบอกว่าผมได้เข้าไปขอเงินทางแม่ใหญ่เพื่อที่จะซื้อรถฮอนด้า ตลอดชีวิตผมที่ผ่านมาผมไม่เคยใช้รถฮอนด้าเพิ่งมีคันนี้เป็นรถฮอนด้าสีขาว ซึ่งรถคันนี้เป็นรถของบริษัทไอดูไอซ์ซึ่งเป็น ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์ของไอมอนเตอร์เป็นผู้ซื้อและก็ออกให้ผมในฐานะรถประจำตำแหน่ง ก็อีกละครับว่าไม่เห็นจะเกี่ยวข้องกับเรื่องราวการฟ้องร้องแต่อย่างใด''(พูดพร้อมยืนยันหลักฐานใบเช่าซื้อและสัญญา)"
''ส่วนเรื่องเงิน 2.2 ล้าน ผมยืนยันว่าผมได้รับมาจริง แต่ไม่เกี่ยวข้องกับกองมรดกแต่อย่างใด แล้วก็เป็นเงินของบุคคลภายนอก ซึ่งไม่ใช่บุคคลที่อยู่ในครอบครัวผมเลยแม้แต่คนเดียว จะมาถือสิทธิ์อ้างว่าเป็นเงินส่วนตัวหรือในครอบครัว ผมต้องขอยืนยันนะครับว่าไม่ใช่ ส่วนเงินจำนวนนี้จะมาจากใครหรือใครให้มาอะไรอย่างไรนั้น กรุณาไปถามเขาเอง เรื่องนี้ผมขออนุญาตไม่ตอบ แต่ขอยืนยันว่ามาได้รับมาจริง แต่ไม่ได้เป็นเงินในครอบครัว ในกองมรดก''
ยันเงิน 2.2 ล้านเป็นเงินที่ต้องแบ่งกันตามสัดส่วน ไม่ใช่เป็นเงินที่จะต้องเอาไปทำรีสอร์ต
''ไม่ใช่ครับ คือถ้าพูดแบบนั้นกรุณาเอาหลักฐานมาโชว์หน่อยครับ เพราะว่าตอนที่ทำรีสอร์ทเขาก็ทำกันขึ้นมาโดยที่ทำในพื้นดินของทรัพย์มรดกด้วยซ้ำ ซึ่งจริงๆ ก็ผิดอยู่แล้วตรงนี้ แล้วที่คุณพลอยไพลินพูดว่าตอนที่คุณปู่ตายมีเงินสดแค่ 6 แสนบาท? ตรงนั้นผมไม่เคยทราบจำนวนครับ เพราะว่าผมไม่เคยได้รับการตรวจ ไม่ได้รับการยื่นเกี่ยวกับทรัพย์มรดกของคุณพ่อเลยแม้แต่บาทเดียว ซึ่งเดี๋ยวผมจะมีหลักฐานในการยืนยันต่อไป''
ส่วนกรณีที่ “พลอยไพลิน” หลานสาวออกมาบอกว่า “หนุ่ม” เข้ามาเอาฤาษีและก็หายไปไม่สามารถ
ติดต่อได้นั้นเจ้าตัวบอกว่า...
''ผมต้องขอยืนยันก่อนนะว่า ขอโทษนะครับผมเป็นนักแสดงอาชีพ ผมเป็นพิธีกรอาชีพ ผมเชื่อว่าการที่จะตามตัวผมไม่ยากเลย ทำไมถึงจะตามตัวผมไม่ได้ครับ โทรศัพท์หาผม ผมไม่ได้รับโทรศัพท์ คุณก็สามารถไปหาผมที่บ้านได้ อย่าใช้คำว่าตามเลยครับ คือผมว่ามันเป็นเรื่องที่แย่ในการที่มาพูดแบบนี้ ผมไม่ได้หายตัวไปไหน ผมไม่ได้หนีไปอยู่เมืองนอก ผมเป็นบุคคลที่หลายๆ คนก็รู้จักจะใช้คำว่าต้องตามหาผม หรือว่าผมหายตัวไปผมว่ามันไม่ใช่เรื่องที่จะมากล่าวอ้างกันแบบนี้''
''อย่างที่บอกจริงๆ แล้วทั้งหมดเป็นเรื่องของคดีความที่อยู่ในชั้นศาลบางสิ่งบางอย่างผมอาจจะพูดอะไรไม่ได้มาก ผมพูดในส่วนที่พูดได้เท่านั้น แต่ในด้านของหลักฐานแล้วผมเองก็มั่นใจว่าผมมีมากพอสมควร แล้วอีกอันหนึ่งเขาได้มี การกล่าวอ้างเกี่ยวกับรถเบนซ์คันหนึ่งว่า คุณแม่ใหญ่และคุณพ่อจ่ายเงินให้ผมสองล้านบาทเพื่อซื้อรถคนนี้ ผมอยากจะบอกว่ารถคันนี้มันเคยเป็นรถของผมมาก่อนจริง ซึ่งผมซื้อมาในราคา 1 ล้าน 8 แสนบาท แล้วเขาบอกว่าซื้อต่อผมในราคา 2 ล้านบาทผมว่ามันตลกนะ”
“หลังจากนั้นผมก็ได้โอนให้คุณพ่อไปโดยไม่ได้มีการเรียกเงินคือ ผมให้คุณพ่อเพราะผมมีรถอีกคันหนึ่งอยู่แล้ว ผมก็โอนให้คุณพ่อไปซึ่งผมมีหลักฐานปรากฏอยู่เหมือนกัน อันนี้ตั้งเป็นข้อสงสัยรถคันนี้เป็นของผม ผมเองมอบให้คุณพ่อฉะนั้นคุณพ่อต้องถือ ทะเบียนกรรมสิทธิ์ในทะเบียนของรถคันนี้เป็นชื่อแรกคือชื่อนายประกอบ กำเนิดพลอย ซึ่งถือเป็นเจ้ามรดก ถือเป็นกองมรดก ต้องอยู่ในส่วนของกองมรดก แต่อยู่ดีๆมันเปลี่ยนชื่อ แล้วมันเปลี่ยนไปได้ยังไง เปลี่ยนเป็นชื่อนางวิมลรัตน์ กำเนิดพลอย หลังจากนั้นก็ได้มีการเปลี่ยนชื่อไปอีกจากนางวิมลรัตน์ กำเนิดพลอย ไปเป็น นายจิระ แก้วมณี ซึ่งผมถามว่าทำไมรถคันนี้ไม่อยู่ในทรัพย์ของกองมรดก มันเปลี่ยนชื่อไปได้ยังไง''
สำหรับเรื่องเช็ค 2 แสนที่ “พลอยไพลิน” หลานสาวกล่าวอ้างว่า “นางวิมลรัตน์” เป็นผู้มอบให้ “หนุ่ม” แสดงให้เห็นว่าที่ผ่านมาทางครอบครัวของตนได้หยิบยื่นความช่วยเหลือให้กับหนุ่มนั้น งานนี้ดาราพิธีกรชื่อดังยืนยันว่าเช็คดังกล่าวนางวิมลรัตน์ให้ “เมย์ เฟื่องอารมณ์” ไม่ได้ให้ตนเอง
''อันนี้เขาให้คุณเมย์ครับ คุณแม่บ้านโน้นให้คุณเมย์จริงๆ วันนั้นผมก็อยู่ในที่เกิดเหตุ คุณแม่ให้พระองค์หนึ่งกับเช็คจำนวน 2 แสนกับคุณเมย์ในวันก่อนปีใหม่ที่รีสอร์ท ท่านคงจะให้ด้วยความเสน่หา แล้วคุณแม่เขาก็เอ็นดูคุณเมย์อยู่แล้ว ก่อนอื่นต้องบอกว่า จริงๆแล้วผมอยากให้หลายๆ ฝ่าย หลายๆ คนเข้าใจว่า ทุกวันนี้ ณ เวลานี้ ผมถูกปรักปรำว่าผมเป็นคนอกกตัญญู ผมเป็นคนที่ไม่มีคุณธรรมศีลธรรม ผมอยากขอเรียนอย่างนี้ว่าทำไมถึงไม่คิดว่า ความเป็นธรรมในสิทธิ์ของผมที่ควรจะได้ กับศีลธรรมมันควรจะแยกออกจากกัน”
“ผมเรียกร้องความเป็นธรรมโดยการฟ้องร้องสิทธิ์ของคุณพ่อที่มีกับผม ผมต้องการความเป็นธรรมแต่กลับกลายเป็นว่า ผมเป็นคนที่อกกตัญญูไป ผมว่ามันไม่ชัดเจนนะ ผมต้องกลายเป็นคนแบบนี้เพราะผมต้องการความเป็นธรรมเหรอครับ อย่างนั้นความเป็นธรรมมันอยู่ตรงไหน''
หลายๆ คนค่อนข้างข้องใจว่าตอนนี้ฤาษีที่มูลค่านับ 10 ล้านที่ “พลอยไพลิน” อ้างว่า “หนุ่ม” มาขอยืมไปนั้น ยังอยู่หรือขายไปเรียบร้อยแล้วนั้น เจ้าตัวยืนยันหนักแน่นว่ายังอยู่ และขณะนี้ได้นำเอามาแถลงต่อศาลเพื่อให้เป็นทรัพย์กลางมรดกแล้ว
''คำถามนี้เป็นคำถามที่ผมอยากจะตอบมาก เพราะว่าหลายคนสงสัยกันมาก พระฤาษีเป็นฤาษีสมัยสุโขทัยราคาประเมินตั้งแต่ 8 ล้านบาทขึ้นไปจนถึงประมาณ 15 ล้านบาท ตรงนี้ผมถือว่าเป็นทรัพย์กลางเป็นทรัพย์มรดกของคุณพ่อ”
“ผมได้นำฤาษีองค์นี้มาจริง แต่สาเหตุที่ผมนำฤาษีองค์นี้มาคือ หนึ่งทางเขาจะนำฤาษีองค์นี้ไปขาย ผมถึงจำเป็นที่ต้องนำฤาษีองค์นี้มาเก็บเอาไว้ และก็นำไปแถลงกับศาลเรียบร้อยว่าฤาษีองค์นี้เป็นสมบัติส่วนกลาง ฉะนั้นถ้าเกิดมีการแบ่งปันสมบัติอย่างถูกต้องตามกฏหมายฤาษีองค์นี้จะมาอยู่ในกองกลางทันที ทุกคนมีสิทธิ์ในฤาษีองค์นี้ ถ้าใครที่สืบสันดานของนายประกอบกำเนิดพลอยมีสิทธิ์ที่จะได้ฤาษีองค์นี้ไปครอง''
''ซึ่งอันนี้ผมมีหลักฐานคำเบิกความของศาล เรื่องของเรื่องก็อยากจะบอกว่า ที่ผมมีอยู่เป็นเอกสารที่ห้ามนำไปใช้ในการอ้างอิง ผมไม่สามารถที่จะให้เอกสารฉบับนี้ไปได้ แต่ดูได้ว่าผมแถลงศาลว่ายังไงเกี่ยวกับฤาษีองค์นี้ ผมมีการเอาไปยืนยันหรือเปล่าว่าองค์นี้คืออยู่กับผมนะครับ แล้วเมื่อไหร่มีการเคลียร์บัญชีตรงนี้เสร็จก็ให้เอาฤาษีองค์นี้ไป”
“แล้วเป็นที่น่าสังเกตอีกเรื่องที่ผมอยากจะแจ้งคือว่า ใบนี้มีความสำคัญพอสมควรเป็นใบขอเป็นผู้จัดการมรดกในปี 2547 ที่นางวิมลรัตน์ กำเนิดพลอย ยื่นขอต่อศาลแพ่งในกรณีที่ขอเป็นผู้จัดการมรดก สำหรับการยื่นก็ต้องแจงบัญชีรายชื่อของทรัพย์มรดกของเจ้ามรดก สิ่งที่ผมอยากจะบอกทุกท่านผมถามว่า ฤาษีเป็นของกองมรดกไหม พระเป็นกองมรดกถูกไหม”
“แต่ในนี้สมุดฝากเงินกรุงศรีอยุธยาสาขาย่อยบรมราชชนนี โฉนดที่ดินอำเภอปากคลอง อำเภอประทิว โฉลดที่ดินที่บางกอกน้อย รถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ทะเบียน 6996 อาวุธปืน 1 กระบอก หุ้นต่างๆที่ไม่ทราบที่ตั้งแล้วชื่อบริษัทในการยื่นเข้าไป ผมถามว่าพระเครื่องไปไหนครับ ฤาษีไปไหน คุณผิดกฏหมายหรือเปล่า ผมถามแค่นี้กับสิ่งที่คุณมากล่าวอ้างผมหาว่าผมจะเรียกร้องเอาเงิน เปล่าครับผมต้องการความเป็นธรรมแล้วก็กรุณาอย่าออกมาพยายามบิดเบือนหรือดิสเครดิตผมเลย ผมเสียเครดิตมาเยอะแล้วตั้งแต่รถมินิ ฉะนั้นผมคงไม่มีอะไรในคุณดิสเครดิตอะไรอีกแล้ว''
เคลียร์เรื่องฤาษีกรณีที่ฝ่ายคู่กรณีอ้างว่า “หนุ่ม” ขอยืมฤาษีไป 3 ชม. แล้วจะเอามาคืน แต่สุดท้ายก็ติดต่อไม่ได้มาจนบัดนี้
“ไม่จริงครับเรื่องนี้ไม่จริงวันที่ผมนำฤาษีมาเพราะเขาต้องการที่จะให้ผมนำฤาษีองค์นี้ไปขาย ผมก็เอาฤาษีองค์นี้ออกมา ผมรู้อยู่แล้วว่ามันเป็นทรัพย์กลางมรดก ฉะนั้นผมจึงได้นำไปแถลงกับศาลเอาไว้ว่า ทรัพย์อันนี้เป็นของมรดกเขาจะให้ผมนำไปจำหน่าย ซึ่งผมเห็นว่ามันไม่สมควรผมก็เลยนำเรื่องทั้งหมดมายื่นร้องต่อศาล เมื่อไหร่ที่ผมเอาฤาษีองค์นี้ไปขายผมโดนจับทันทีครับ และผมก็รู้สึกว่าผมคงไม่เอาชื่อเสียงกับการเอาฤาษีองค์นี้ไปขายหรอกผมว่ามันไม่คุ้มกัน ถ้าผมจะขายผมขายไปนานแล้ว''
ประกาศฟ้องกลับหลานสาวข้อหาหมิ่นประมาท และความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เหตุทนไม่ได้ที่
พาดพิงทำให้ตนเสียชื่อเสียง
''ถ้าถามผมว่ารู้สึกยังไงที่รุ่นหลานออกมาพูดแบบนี้ ส่วนหนึ่งผมก็พยายามมองในมุมที่ดีโดยสาเหตุที่ว่า ตัวเขาในช่วงเวลานั้นที่ผมอยู่บ้านนั้น เขาก็อายุยังน้อยอยู่อาจจะยังไม่ได้รู้ข้อมูลอะไรหรือว่าอาจจะได้รับข้อมูลอะไรมาผิดๆ ถึงได้มีการมาพูดแบบนี้”
“แต่ในความเป็นจริงแล้ว ณ ปัจจุบันผมมานั่งคิดดูแล้ว คุณพลอยมีอายุประมาณ 30 กว่า ผมเชื่ออย่างหนึ่งว่าทั้งการศึกษาก็ดีหรือความคิดต่างๆ ประสบการณ์ต่างๆ ก็น่าจะสามารถที่ทำให้หลานคนนี้เป็นคนที่ค่อนข้างจะมีวิสัยทัศน์ที่ดีกว่านี้ แต่การที่ออกมาพูดแบบนี้มันทำให้ผมเสียชื่อเสียง ผมก็จำเป็นที่จะต้องปกป้องชื่อเสียงของตัวเอง โดยการที่ผมเองก็ได้ไปฟ้องศาลอาญาเรียบร้อยเกี่ยวกับคดีหมิ่นประมาทแล้วก็ผิด พ.ร.บ ของคอมพิวเตอร์''
ทางด้านทนายความก็ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า......
''อยากจะชี้แจงให้ทราบนะคือว่าเมื่อวานนี้วันที่ 22 เม.ย ทางคุณกรรชัยก็ได้มอบหมายให้ทางเราดำเนินการยื่นฟ้องคดีคุณพลอยไพลินเรียบร้อยแล้วข้อหามีสองข้อหาคือ ฐานหมิ่นประมาท และก็ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ก็คือทางเราได้พิจารณาข้อความแล้ว ข้อความที่กล่าวพาดพิงถึงทางคุณหนุ่มมีลักษณะใช้ถ้อยคำที่หยาบ ถึงจะไม่ใช่หยาบคายแต่ว่าเสียดสีและกล่าวหาโดยตรง แล้วมีการพูดพาดพิงในหลายจุดกระทบต่อชื่อเสียงของคุณหนุ่ม ตรงจุดนี้ผมว่าคุณหนุ่มเขาก็ไม่ได้อยากจะฟ้องคดีเพื่อให้ชนะเพื่อให้ทางคุณพลอยถูกลงโทษ แต่ว่าเป็นการต่อสู้เพื่อปกป้องชื่อเสียงของตัวเองมากกว่าอยากให้มองไปในจุดนั้น''
“หนุ่ม” เผยหากหลานสาวมีการกล่าวหาอีกก็อาจจะพิจารณาฟ้องอีก
“ซึ่งโทษก็จะมีโทษจำคุก 5 ปี แล้วทั้งจำทั้งปรับตาม พ.ร.บ คอมที่มีขึ้นในปี 2550 อันนี้ก็คืออยากจะฝากเรียนไปด้วยถ้าเกิดมีการโต้ตอบโดยการกล่าวหาผมอีก พาดพิงในทางที่ผมเสียหายอีกก็จะโดนอีกนะครับ ผมก็คงต้องร้องศาลอีกเพื่อความเป็นธรรม อันนี้ผมก็คงต้องไม่ยอมแล้ว'
“ส่วนคดีนี้จะสิ้นสุดยังไงก็คงต้องให้เป็นหน้าที่ของทางศาลในการพิจารณา คืออย่างน้อยผมจะได้แสดงความบริสุทธิ์ด้วย มันไม่ได้เป็นอย่างที่เขากล่าวอ้างเลยแม้แต่นิดเดียว ผมเลยจำเป็นที่จะต้องให้ศาลเป็นผู้วินิจฉัยว่าความผิดแบบนี้เขาทำได้ยังไง”
“อีกส่วนหนึ่งที่จะมาบอกว่าผมเป็นคนที่ไม่มีศีลธรรมเป็นคนอกตัญญู ผมถามว่า ณ วันนี้คุณเรียกผมว่าอาอยู่หรือเปล่า ถ้าคุณเรียกผมว่าอาคุณกรุณากลับไปนั่งคิดดูด้วยว่าสิ่งที่คุณกำลังพูดว่าผมไม่มีศีลธรรม ไม่มีจรรยาบรรณ แล้วคุณมาทำแบบนี้กับผม คุณช่วยเอาสิ่งที่คุณพูดกลับไปมองดูตัวเองก่อนแล้วค่อยย้อนมาว่าคนอื่น”
“ผมเชื่อว่าทุกสิ่งที่ผมพูดไปผมไม่ได้เป็นการกล่าวโจมตีใคร แต่สิ่งที่ผมพูดไปผมพูดในหลักความเป็นจริงแล้วก็มีหลักฐานมายืนยัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร แล้วอีกอย่างหนึ่งผมก็ต้องปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเองที่ผมถูกกล่าวหา ไม่ว่าจะเป็นกรณีต่างๆ ไอ้การที่ผมมาแก้ต่างตัวเอง โดยการที่เอาหลักฐานมายืนยันถ้าคิดว่าผมไปพาดพิงหรือกล่าวหาไปทำให้เขาเสื่อมเสียอีกผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกัน''
''ส่วนสื่อผมไม่ฟ้องหรอกครับ ที่ผ่านมาผมอยากจะบอกว่า ได้มีการมีคำพูดต่อว่าผมมาจากทางฝ่ายโน้นว่าผมไปให้ข่าวมากเกินไป รวมถึงไปกดดันทางเขา ซึ่งผมก็อยากจะเรียนตรงนี้ว่า ผมเองเป็นคนสาธารณะ ผมไม่สามารถที่จะห้ามสื่อมวลชนในการทำข่าวผมได้ ความเป็นนักแสดงของผมต้องอยู่คู่กับทางพี่ๆ สื่อมวลชนอยู่แล้ว การที่จะมาแยกน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่ามันไม่ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นสิ่งที่มันต้องเป็นไป ผมไม่ได้ใช้ระบบสื่อในการกดดัน แต่ผมพูดไปตามหลักความเป็นจริงของผู้เรียกร้องสิทธิ์''
เผยที่มาสัมพันธภาพกับครอบครัวของภรรยาคนแรกของพ่อค่อนข้างดี แต่ต้องฟ้องร้องเพื่อความเป็นธรรม วอนทุกคนแยกความเป็นธรรมกับบุญคุณออกจากกัน
''ปี 2547 หลังจากที่คุณพ่อเสียชีวิตไปผมได้มีการแต่งตั้งผู้จัดการมรดกก็คือนางวิมลรัตน์ กำเนิดพลอย หลังจากนั้นผมเองก็รอดูว่าจะมีการแบ่งสันปันส่วนและให้ความเป็นธรรมกับลูกทุกคนยังไงบ้าง ผมรอมากระทั้ง 3 ปี ผมก็ยังไม่ได้รับการติดต่อมาว่าตกลงจะแบ่งสันปันส่วนกันยังไง”
“หลังจากนั้นผมเองก็ได้ให้ทางคุณทนายช่วยเป็นธุระให้ในการติดตาม ปรากฏว่าก็ไปเจอเรื่องเกี่ยวกับที่ดินที่มีการถูกเปลี่ยนชื่อไป ซึ่งถามว่าผิดกฏหมายไหม ผมว่าตามหลักกฏหมายแล้วมันน่าจะเป็นทรัพย์กลางของเจ้ามรดกรอที่จะต้องแบ่งสันปันส่วน โดยผู้จัดการมรดกแบ่งให้กับทายาททุกๆ คนอย่างเท่าเทียมกัน แต่ผมยังไม่ได้อะไรเลยตั้งแต่คุณพ่อเสียชีวิต ผมยังไม่ได้ทรัพย์มรดกอะไรเลย ฉะนั้นก็ต้องมีการมาฟ้องร้องกัน เพื่อที่จะเรียกร้องความเป็นธรรม ผมไม่ได้ต้องการเงินผมต้องบอกก่อน ผมแค่ต้องกาความเป็นธรรม ผมไม่ได้เรียกร้องให้ตัวเองคนเดียว ผมเรียกร้องให้กับทุกคนที่เป็นทายาทของคุณพ่อ''
''ก่อนที่มีการฟ้องร้องความสัมพันธ์ดีไหม ดีครับผมไปอยู่บ้านหลังนั้นมาประมาณเกือบ 2 ปี จริงๆ แล้วแค่ข้าวเม็ดเดียวที่ผมทานอยู่บ้านหลังนั้น ผมถือว่าเป็นบุญคุณของผมมีข้าวให้ทาน น้ำให้ดื่ม แต่ ณ วันนี้ผมต้องกราบเรียนอย่างนี้ว่า บุญคุณผมไม่มีวันลืม ผมควรต้องทดแทนแม้แต่ข้าวเม็ดเดียวอย่างที่บอกไป แต่ความเป็นธรรมผมอยากให้แยกไว้อีกส่วนหนึ่ง ถ้าเกิดจะให้ผมมาทำแทนบุญคุณโดยการที่ผมไม่ต้องเรียกร้องสิทธิ์อะไรเลยโดยที่ปล่อยให้ความเป็นธรรมมันหายไป ผมก็ไม่รู้ว่าในโลกนี้มันจะมีความเป็นธรรมเพื่ออะไร''
รับแจ้งความคดีอาญา “นางวิมลรัตน์” จริง
'ผมยังไม่ได้ฟ้องคดีอาญาแต่ถ้าแจ้งความผมต้องแจ้ง เพราะว่าคดีนี้เป็นคดีอาญาในการยักย้ายถ่ายทรัพย์มรดก ผมมีความจำเป็นที่จะต้องแจ้งความ แต่ผมยังไม่ให้ทางเจ้าหน้าที่ส่งหมายเรียก เพราะผมคิดว่าอยู่ในขั้นเจรจา''
ย้อนอดีตถึงชีวิตในวัยเด็ก ยันนอนร่วมกับคนขับรถจริง พร้อมปฏิเสธข่าวที่ “พลอยไพลิน” บอกว่า “พ่อหนุ่ม” เป็นคนสร้างบ้านให้ในที่ดินของคุณตาย่านราชวัตร
''คือในความรู้สึกเป็นเด็ก คือทางบ้านก็ไม่ได้ทำอะไรผมแย่มากมาย เพียงแต่ว่าตอนที่อยู่บ้านหลังนั้นผมเองก็ไม่ได้มีห้องนอนเพราะผมเพิ่งไปอยู่ คุณป้าผมมีสามีเป็นคุณหมออยู่ที่แคนนาดาแล้วจะเอาผมไปอยู่ด้วย ตอนอายุ 15-16 แต่คุณพ่อไม่ยอมให้ผมไปอยากให้ผมไปอยู่ด้วย ผมก็ไปอยู่ด้วยประมาณ 2 ปี ซึ่งตรงนั้นผมไม่มีห้องอยู่ ผมก็ต้องไปนอนอยู่ในห้องคนขับรถเขาต้องนอนอยู่ตรงนั้น มันไม่ได้เป็นห้องคนขับรถ มันเป็นส่วนๆ หนึ่งที่คนขับรถต้องไปนอนอยู่ตรงนั้น ผมก็จะไปนอนอยู่ตรงนั้นกับคนขับรถ”
“ถามว่ามันทุกข์ไหม มันก็ไม่ทุกข์หรอกอยู่ได้ ถามว่ามันสุขไหมมันก็ไม่ได้สุขก็อยู่ได้ จริงๆ ผมว่าน่าจะเอาชีวิตผมมาทำเป็นละครด้วยซ้ำ อย่างที่บอกก็อยู่ในลักษณะเป็นลูกคนหนึ่ง แต่ว่าในความรู้สึกแล้วผมว่า มันก็มีความสนิมสนมกันในส่วนหนึ่ง แต่ถ้าถามจะเหมือนกับคุณป้าผมที่ผมอยู่มาตั้งแต่เด็กๆ หรือเปล่า ผมก็ยืนยันว่าไม่เหมือน”
“มีอันหนึ่งที่เขาบอกว่า ผมอยู่บ้านหลังนั้นมาตั้งแต่เกิดจนกระทั่งมาได้เป็นดาราถึงได้ย้ายมาอยู่บ้านราชวัตร แล้วคุณพ่อเองก็มาปลูกบ้านให้อยู่ในพื้นที่บ้านราชวัตร ผมบอกได้เลยว่าไม่เป็นความจริงเหมือนกัน ตัวผมเองอยู่บ้านราชวัตรบ้านของคุณแม่ผมเองตั้งแต่เด็กๆ ตั้งแต่เกิด ซึ่งผมก็มีทะเบียนบ้านมายืนยันเหมือนกัน คืออันนี้คุณพลอยจะได้เข้าใจด้วยว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณกล่าวอ้าง ไม่ใช่อย่างที่คุณคิด''
นอกจากนั้นแล้ว “หนุ่ม” ก็ยังยอมรับว่าได้ให้ผู้ใหญ่ไปสู่ขอ “เมย์ เฟื่องอารมณ์” จริง
''ไปขอจริงๆ ครับ เรื่องจริงผมก็ไม่ปิดบังก็พูดได้ ในอดีตมันเป็นธรรมดาคือผมเองก็คบหาสมาคมอยู่กับคุณเมย์อยู่หลายปี เป็นธรรมดาเมื่อก่อนเรามีความสนิทสนมกันกับทางบ้านโน้นก็เลยให้ทางเขาไปพูดคุยกับคุณพ่อคุณแม่คุณเมย์ อันนี้เรื่องจริง ยอมรับ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่นานแล้วหลายปีแล้ว แต่หลังจากนั้นคนที่ไปพูดคุยกับคุณพ่อคุณแม่คุณเมย์แทนคือคนอยู่ข้างๆ ครับก็เป็นเรื่องปกติ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกี่ยวข้องกับคดีความตรงไหน''
''ขอให้จบเรื่องยุ่งๆ จริงเถอะครับก็คงมีข่าวดีครับ เราพูดคุยกันมานานแล้ว ก็ในเมื่อทางฝ่ายนั้นก็ออกมาบอกอยู่แล้วว่าได้มีการไปขอสาว ก็มีการพูดเคยกันมานานแล้วตามเขาบอกอยู่แล้ว ส่วนเรื่องผมก็เคยบอกไปแล้วว่าถ้ามันถูกที่ถูกเวลาเมื่อไหร่มันก็คือแต่ง แต่ ณ วันนี้มันยังไม่ใช่ตรงนั้นก็คงตองรอดูต่อไปเรื่อยๆ ว่าจะเป็นยังไง''