xs
xsm
sm
md
lg

“แม่เลี้ยง” เปิดใจทั้งน้ำตา คิดไม่ถึง “หนุ่ม” จะแจ้งจับคดีอาญาเผยที่ผ่านมารักเหมือนลูก แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าอีกฝ่ายเกลียดตน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“แม่เลี้ยง” เปิดใจ รัก “หนุ่ม กรรชัย” เหมือนลูก เผยที่ผ่านมาให้หนุ่มมากกว่าลูกคนอื่นเพราะสงสารที่ไม่มีพ่อมีแม่ ไม่คิดว่าจะโดนฟ้องร้อง แจงตนไม่รู้เรื่องกฎหมายอยากได้อะไรทำไมไม่บอก จะได้จัดสรรตั้งแต่แรก สุดช้ำใจปล่อยโฮโดนหนุ่มแจ้งอาญาคิดไม่ถึงว่าจะทำกันได้ น้อยใจที่ผ่านมาคิดว่าเป็นลูก แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าไม่ใช่ ตัดพ้อหนุ่มคงเกลียดตนเองถึงทำได้ขนาดนี้ สะเทือนใจหนุ่มเรียก “แม่เลี้ยง” ทั้งที่แต่ก่อนเรียก “แม่” วอนขอให้หยุดเรียกคำนี้

เป็นเรื่องราวใหญ่โตเลยทีเดียวเมื่อ “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” เป็นโจทก์ยื่นฟ้องแม่เลี้ยง “นางวิมลรัตน์ กำเนิดพลอย” และ “นายอัคระ กำเนิดพลอย” พี่ชายต่างมารดา ต่อศาลแพ่งธนบุรี เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งเปลี่ยนผู้จัดการมรดกและจัดแบ่งมรดกของบิดา “นายประกอบ กำเนิดพลอย” เนื่องจากคู่กรณีไม่ยอมแบ่งมรดกในส่วนที่ตนสมควรจะได้ ซ้ำยังโอนทรัพย์สินบางอย่างไปเป็นของทายาทคนอื่นและบุคคลอื่น รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดร่วม 100 ล้าน

เท่านั้นไม่พอเจ้าตัวก็ยังให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อและรายการ “แฉแต่เช้า” ว่า ตั้งแต่พ่อตายก็ไม่เคยได้รับการหยิบยื่นให้ความช่วยเหลือจากฝ่ายแม่เลี้ยง ซ้ำยังหนีหน้าไม่ยอมเคลียร์เรื่องสมบัติ แม้กระทั่งบวชก็มีเพียงป้าเป็นธุระจัดการให้ แถมยังเล่าถึงชีวิตสุดรันทดสมัยที่ต้องเข้าไปอยู่บ้านกับแม่เลี้ยงว่า ต้องไปนอนกับคนขับรถ และซักเสื้อผ้ารวมกับคนรับใช้ พร้อมทั้งแฉว่าคู่กรณีนำพระเครื่องรางของพ่อขาย จน “พลอยไพลิน กำเนิดพลอย” ลูกสาวของ “เชษฐา กำเนิดพลอย” หลานสาวของนางวิมลรัตน์ทนไม่ไหวออกมาตอบโต้อย่างเผ็ดร้อน พร้อมกับงัดหลักฐานใบอุปสมบทที่มีชื่อของนางวิมลรัตน์เป็นผู้เซ็นต์รับรองการบวช ตีแสกหน้าหนุ่มเข้าอย่างจัง จนหนุ่มต้องออกมาแถลงข่าวในบ่ายวันนี้

ล่าสุดหลังจากที่เก็บตัวเงียบมานาน ในที่สุด “วิมลรัตน์ กำเนิดพลอย” หญิงชราวัย 74 ปีที่หนุ่มระบุว่าเป็น “แม่เลี้ยง” ก็ได้ออกมาเปิดใจกับ ASTV บันเทิงผู้จัดการรายวัน ถึงชีวิตความผูกพันกับหนุ่ม รวมไปถึงเรื่องคดีความที่ถูกฟ้องร้อง งานนี้เจ้าตัวบอกว่า เรื่องคดีการฟ้องร้องมรดกไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่เรื่องที่หนุ่มแจ้งความดำเนินคดีอาญาข้อหายักยอกทรัพย์เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เป็นสิ่งที่สะเทือนใจมากที่สุด

“หนุ่ย(ลูกชายคนที่สอง) เป็นคนพาหนุ่มเข้ามาหาแม่ประมาณอายุ 15-16 ปี แม่ก็เห็นว่าเป็นลูกพ่อก็ไม่ได้คิดอะไรมากช่างมันเหอะมันยังเด็ก เขาไม่ได้มาทำอะไรให้เขาไม่ได้รู้เรื่องด้วย เราก็อยู่กันแบบเป็นแม่เป็นลูกตลอดเวลา ไม่ได้คิดว่าเขาเป็นลูกเลี้ยง แม่เป็นเมียหลวงเมียน้อยไม่ได้คิดอย่างนั้นหรอก คิดแต่ว่าเขาเป็นลูก ก็เลี้ยงเขามีศักดิ์ศรีเท่ากันไปโรงเรียนก็มีคนขับรถไปส่ง”

ปฏิเสธเรื่องที่ “หนุ่ม” บอกว่าต้องไปนอนรวมกับคนขับรถ
“ห้องหนุ่มจะอยู่ข้างล่างเป็นห้องของพี่ยุ้ย(ลูกชายคนโต) มีพี่หนุ่ย(ลูกชายคนที่สอง)และก็มีเจ้าหนุ่ม และก็มีเพื่อนของเขาอีกคนหนึ่งก็นอนกันอยู่ตรงนั้นสามคนเตียงเบ้อเร่อเลย ไม่ใช่ว่าให้เขาไปอยู่กับคนขับรถเพราะคนขับรถไปกลับ บ้านเราไม่มีห้องสำหรับคนขับรถ อย่างเสื้อผ้าก็เหมือนกันก็ใช้เครื่องซักผ้าคนใช้เขาก็แบ่งแยกของเขาไปจะมาซักรวมกับของแม่ของลูกได้ไง ของแม่ก็จะมีของแม่ของลูกรวมกันอยู่ ไม่ใช่ว่าไอ้คนนี้มันไม่ใช่ลูกฉันไปซักรวมกับคนใช้ แม่ไม่ใช่คนอย่างนั้น”

“คือยังไงก็รักเหมือนลูก อย่าว่าแต่ลูกพ่อเลยนะถ้าเป็นลูกชาวบ้านถ้ามันน่ารักแม่ก็เก็บมาเลี้ยงเป็นลูกได้ แม่ยังเคยเลี้ยงลูกคนใช้เหมือนลูกหลานตัวเองเลย แล้วนี่เขาเป็นลูกพ่อด้วย ที่ให้สตางค์เขาไปเราก็ไม่ได้คิดอย่างอื่น ก็คิดว่าเขาเป็นลูกพ่อให้มันบ้าง แล้วไอ้การที่ว่าจะมามีทรัพย์สินแบ่งกันแม่ไม่เข้าใจเรื่องกฎหมาย ถ้าเข้าใจแม่ก็คงทำซะนานแล้วไม่ปล่อยมาถึงอย่างนี้ เพราะแม่มีแต่เดินถอยหลังลงโลงแต่เขาเดินไปข้างหน้า เพราะฉะนั้นแม่ไม่งกอะไร เงินทองแม่ก็มีของแม่ใช้ แม่ไม่ได้งกอะไรทั้งนั้น ฉะนั้นแม่ก็ไม่รู้จะเอาอะไรไปไว้ที่ไหน”

“ถ้าเขาจะเอาอะไรเข้ามาขอแม่ แม่ก็ให้ตลอด ลูกยังไม่ค่อยให้อะไรเลย นาฬิกาคาร์เทียเรือนเป็นล้านก็ยังให้ ปืนผาหน้าไม้ก็ให้เขาไปทั้งนั้น เขาขออะไรเราก็ให้หมด ขนาดระยะหลังที่พ่อตายไปแล้วมันมาขอพระก็ให้มันไปไม่ใช่ไม่ให้ ถามพวกพี่ๆ ได้เลยเพราะแม่เล่นพระไม่เป็น พ่อก็ให้พระแม่มาส่วนหนึ่งอยู่แล้ว แม่ไม่จำเป็นจะต้องมาแก่งแย่งกับเด็กหรือพวกลูกๆ”

ยันที่ผ่านมาหยิบยื่นเอื้อเฟื้อตลอด สวนทางกับสิ่งที่ “หนุ่ม” ให้สัมภาษณ์
“แม่จะให้เขาตลอดถามพี่หนุ่ยดูก็ได้เขามาขอพระบูชาองค์หนึ่งแต่เอาไป 3 องค์แม่ก็ให้ก็ให้ทั้งนั้น ขึ้นไปห้องพระจะเอาอะไรชี้ไปเหอะเอาไปได้ทั้งนั้น แม่ไม่ใช่คนหวงของให้มากกว่าลูกๆ ด้วยซ้ำ หนุ่ยเป็นคนที่ไม่ได้อะไรเลยมีแต่พระที่ห้อยอยู่พ่อให้ตอนที่เสีย”

“ที่ให้หนุ่มเยอะกว่าคนอื่นก็เพราะว่าสงสาร แม่มันก็ไม่มีพ่อมันก็ไม่มีก็สงสารมันก็ให้มัน แล้วพวกพี่ๆ ก็ไม่อิจฉาริษยาเลยให้ๆ ไปเถอะแม่ ทุกคนไม่มีใครอิจฉา ถ้าเขาไม่หาเรื่องขึ้นมาเขาก็อยู่อย่างสบาย หาเรื่องอย่างนี้แม่ก็ต่อสู้จนหัวชนฝา”

แจงสาเหตุที่ไม่ได้แบ่งมรดกตั้งแต่แรก
“เรื่องมรดกแม่ไม่เข้าใจเรื่องกฎหมายว่าจะต้องจัดสรรเอาอันนั้นมานี้ แม่เห็นว่าลูกๆ เอาใบมามอบให้เป็นผู้จัดการมรดกถ้าลูกๆ จะเอาอะไรก็คงให้เขาไป อย่างรีสอร์ตที่ชุมพรแม่ก็ต้องทำมาหากิน ถ้าไม่มีตรงนี้จะเอาที่ไหนมาเลี้ยงลูกแม่ ส่วนที่ว่างก็กะว่าจะขายและถ้าขายก็คงจะได้ประมาณ 20 ล้าน แม่ยังบอกกับหนุ่มเลยว่า ถ้าแม่ขายได้ 20 ล้านแม่จะให้หนุ่มเลย 5 ล้านนี่คือเรื่องจริง นอกจากนั้นก็แบ่งให้พี่ๆ ไป”

“แม่ทำรีสอร์ตก็ชวนเขามาลงทุนกับครอบครัวแต่เขาไม่เอา คือตอนที่พ่อเสียได้เงินมาก็เอาแบ่งกัน ซึ่งจริงๆ แล้วเงินตรงนี้แม่จะต้องได้รับแต่เพียงผู้เดียว แต่ว่าเราก็เอาแบ่งให้ทุกคนคนละ 2,250,000 พอแบ่งเสร็จก็บอกทุกคนว่า แม่จะทำรีสอร์ตนะลูกมีใครจะมาลงทุนบ้างไหม ถ้าไม่ทำอะไรเลยเราไม่มีเงินกินนะลูก มีแต่จะกินเข้าไปไม่มีเงินเข้ามา ทำตรงนั้นแม่ก็เห็นว่าต้องมีคนเช่าต้องมีคนเข้าไปอยู่ ถ้าไม่มีก็ต้องเสี่ยงเอา ถ้าเกิดว่าเงินมันจะหมดก็ไม่เป็นไรมันก็หมดเงินแม่เอง พี่น้องก็มาลงทุนกันแต่หนุ่มเขาไม่ลง เขาต้องการเงิน 2 ล้านก็เอาไป”







เผยเหตุที่ผ่านมายอมให้ “หนุ่ม” ทุกอย่างเพราะคิดว่า “ถึงไม่ใช่ลูกแต่ก็รักเหมือนลูก”
“ถึงไม่ใช่ลูกก็เหมือนใช่ (ให้เพราะรักหนุ่ม) ใช่......แม่นึกถึงพ่อ เพราะพ่อกับแม่รักกันมาก่อน ก็คิดว่าลูกเขาก็เหมือนลูกเรานั่นแหละ แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ วันนี้คิดแล้วว่าไม่ใช่ แต่ก่อนนี้ก็รักเขาจะปกป้องตลอดเวลา แม้กระทั่งให้แม่ไปขอเมย์(เมย์ เฟื่องอารมณ์)ก็ไปทำให้ พอไปขอให้เขาแล้วตกลงกันว่าหนุ่มจะมาหาฤกษ์ยามแต่เขาก็ไม่ทำ เราก็ต้องโดนเขาว่า เราก็อายเขานะ นี่ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้แม่ช้ำใจอยู่แต่แม่ก็ไม่ว่าอะไรก็ช่างเขา”

“วันนี้ไม่รู้จะบอกอะไรหนุ่ม ไม่รู้จะบอกอะไรหนุ่มอีกแล้ว ความรู้สึกมันหมดไปแล้วความรักความเอ็นดูมันก็หมดไปแล้ว ถ้าเขาจะอยู่กับป้าเขาก็ขอให้เขาเจริญๆ เถอะสาธุ(ยกมือท่วมหัว) แม่ไม่ถือโทษโกรธอะไรทั้งนั้น เขาจะทำอะไรกับแม่เจ็บแค่ไหน(ร้องไห้) จะคอยเอาตำรวจไปดักจับเรา เราก็ไม่ว่าอะไร ยกมือสาธุให้เขา พรุ่งนี้แม่จะไปทำบุญกรวดน้ำให้เขาไป อภัยให้เขาช่างเขาเถอะเขาจะนึกถึงไม่นึกถึงก็ไม่เป็นไร”

เสียใจไม่เคยคิดว่า “หนุ่ม” จะมาแจ้งคดีอาญากับคนที่เลี้ยงดูมา เผยเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่กว่าเรื่องมรดกซะอีก
“เรื่องที่เขาไปแจ้งความจับแม่เป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องที่สำคัญมากกว่ามรดก เพราะอะไรรู้ไหม เพราะคนที่ไปแจ้งความคดีอาญาถ้าเขาไม่เกลียดเราก็คงไม่ทำแบบนี้ นี่แสดงให้เห็นถึงหัวจิตหัวใจข้างในใจมันจริงๆ ว่ามันเกลียดเรา มันเจ็บมาก ให้เห็นเลยว่ามันเกลียดแม่อย่างหนักเลย(ร้องไห้) ถ้าคนมันไม่เกลียดมันคงไม่ทำถึงอย่างนี้หรอก ถ้าแม่เป็นมันแม่ก็คงทำไม่ลง”

“แม่คิดว่าแม่ไม่เคยบกพร่องอะไรเลย แม่ทำดีมาตลอดเลย ทำดีแล้วก็ให้ยิ่งกว่าลูกตัวเองซะอีก บวชพระแม่ก็บวชให้ เขาบอกว่าแม่ไม่มีส่วนในการบวชก็ไม่เป็นไร เขาพูดอะไรก็ขอให้ได้กับเขาไปเหอะ ไม่ว่าคำพูดของที่เขาเกลียดชังแม่ก็ขอให้เขาไป แม่ยกส่วนนั้นให้เขาไปแม่ไม่เอา แม่ยังมีลูกมีหลานต้องดูแลอีกหลายคน เขาจะเกลียดแม่จะยังไงก็แล้วแต่”

“คำว่าแม่เลี้ยงมันสะเทือนใจมากเลย เพาะเมื่อก่อนเขาเรียกเราว่าแม่ แม่ๆ หนุ่มจะเอาไอ้นั่นนะ แม่ๆ หนุ่มจะกินข้าวนะ ไปกินซี่อะไรแบบนี้ แล้วอยู่ๆ มาเป็นศัตรูกับเรามาแจ้งความให้ตำรวจจับ”

เผยไม่เสียใจที่ผ่านมาเคยเลี้ยงดูและให้ความช่วยเหลือ “หนุ่ม” แต่อยากจะให้ดาราพิธีกรชื่อดังกลับไปคิดทบทวน
“ไม่เสียใจหรอก เราก็คิดว่าเขาเป็นลูก เดี๋ยวนี้ก็ไม่ได้เสียใจอะไรทั้งนั้น แต่ว่าที่เขาจะฟ้องแม่อยากจะให้เขาคิดว่า เขามีส่วนมาทำอะไรบ้างในนี้(รีสอร์ตกำเนิดพลอย) มีเงินมาอยู่ซักบาทหนึ่งไหมที่จะมาฟ้องร้องเอาสมบัติแม่ อยากให้กลับไปคิดดูซะใหม่ เพราะแม่เองก็สู้แน่นอน ถ้าไม่ไหวก็ให้ลูกให้หลานไปแทนมั่ง แม่คงปีนกระไดศาลไม่ไหว”

“คือแม่ไม่เข้าใจ ถ้าเขาต้องการว่า จะต้องมาแบ่งสมบัติกันนะทำไมไม่มาบอกแม่ล่ะ มาบอกสิแม่จะได้ทำแบบนี้นะ จะได้เอาบ้านเอาช่องมาใครจะได้อะไรไปก็แบ่งกันไป แต่นี่อยู่ๆ มาฟ้องร้องจะแบ่งสมบัติ แล้วไอ้ที่ตัวเองเอาไปนั่นล่ะ”

“ไม่เคยคิดเลยอายุ 74 แล้วต้องมาขึ้นศาล แม่อยู่กับพ่อมา พ่อมีเมีย 4 คนแม่ก็ไม่เคยไปต่อล้อต่อเถียงกับใคร เพราะแม่เป็นคนที่รักครอบครัวไม่อยากให้ลูกเดือดเนื้อร้อนใจ ไม่อยากให้หลานที่เป็นผู้หญิง 3 คนปู่ๆ ย่าๆ มีเรื่องทะเลาะกันเมียน้อยเมียหลวง แม่ไม่ชอบเรื่องนี้ แม่ก็กัดฟันอยู่อย่างนี้ บางทีแม่ไปดูหนังตอนเย็นๆ ก็ไปเจอพ่อเขาไปกับผู้หญิงคงเป็นเมียน้อย แม่เจอแม่ก็เฉยมองอย่างอื่นเฉย เข้าโรงหนังไปเลย แม่เป็นคนไม่ชอบตอแยไม่ว่าจะอะไรกับลูกก็เหมือนกัน แม่ไม่เอาไม่เถียงไม่ต่อ”

จบการสัมภาษณ์ “นางวิมลรัตน์” ก็ได้กล่าวขอบคุณที่ให้โอกาสได้พูดเรื่องนี้บ้าง และดีใจที่วันนี้จะได้เป็น “แม่” จริงๆ ซักที หลังจากที่เป็น “แม่เลี้ยง” มานาน



กำลังโหลดความคิดเห็น