“หนุ่ม กรรชัย” เผยชีวิตรันทดโดน “แม่เลี้ยง” จับไปอยู่ห้องคนใช้ ก่อนเผยซ้ำผ่านรายการ “แฉแต่เช้า” ยัน ตั้งแต่พ่อตายก็ไม่ได้รับการหยิบยื่นหรือได้รับความช่วยเหลือจากแม่เลี้ยง ซ้ำยังหลบหน้าเป็นปี โต้ข่าวเรื่องฮุบเครื่องรางมูลค่านับ 10 ล้านอ้างเอาไปเก็บรักษาไว้เฉยๆ
นอกจากจะไกล่เกลี่ยคดีที่ "หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย" เป็นโจทก์ยื่นฟ้องแม่เลี้ยง "นางวิมลรัตน์ กำเนิดพลอย" และ "นายอัคระ" พี่ชายต่างมารดา ต่อศาลแพ่งธนบุรี เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งเปลี่ยนผู้จัดการมรดกและจัดแบ่งมรดกของบิดา "นายประกอบ กำเนิดพลอย" เนื่องจากที่คู่กรณีไม่ยอมแบ่งมรดกในส่วนที่ตนสมควรจะได้ ซ้ำยังโอนทรัพย์สินบางอย่างไปเป็นของทายาทคนอื่นและบุคคลอื่น รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดร่วม 100 ล้านบาท นัดแรกไม่สำเร็จแล้ว ดาราพิธีกรชื่อดังก็ยังมา เปิดศึกนอกรอบต่อ โดยโฟนอินเข้าไปในรายการ “แฉแต่เช้า” เล่าถึงต้นเหตุของคดีความดังกล่าว และเผยถึงความคืบหน้าล่าสุด
โดยหนุ่มได้เล่าว่า ที่ผ่านมาหลังจากที่ "นายประกอบ กำเนิดพลอย" เสียชีวิตแล้วตนก็ไม่ได้การหยิบยื่นหรือได้รับความช่วยเหลือจาก "นางวิมลรัตน์" แม่เลี้ยง รวมไปถึงเรื่องมรดกต่างๆ ก็ไม่ได้รับการติดต่อมาจากแม่เลี้ยงแต่อย่างใด โดยขาดการติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว และไม่เคยได้รับเงิน 2 แสนอย่างที่เป็นข่าวอยู่ ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าหนุ่มยืมเครื่องรางของขลังมูลค่าเกือบ 10 ล้านจาก “แม่เลี้ยง” และไม่เอามาคืนนั้น เจ้าตัวอ้างว่า ทางแม่เลี้ยงเป็นคนให้นำไปฝากขาย ซึ่งตนเองไม่เห็นด้วย และได้นำเอาไปเก็บรักษาไว้
นอกจากนั้นแล้ว ก่อนหน้านี้เจ้าตัวก็ยังเล่าถึงชีวิตรันทดผ่านหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งว่าในวัยเด็กสมัยที่ต้องย้ายเข้าไปอยู่กับ “แม่เลี้ยง” ตนต้องไปนอนกับคนขับรถและซักเสื้อผ้ารวมกับคนรับใช้ แม้กระทั่งงานบวชก็ไม่ได้รับการช่วยเหลือ
"ประเด็นแรกประเด็นที่เขาบอกว่าบวชให้ผม ไม่ใช่ครับ คนที่บวชให้ผมคือคุณป้าผม คุณสุภาพันธ์ ยงศ์จินดา ซึ่งเป็นคุณป้าของผมเป็นพี่ของแม่ผม มีข้อพิสูจน์ได้"
"ส่วนข้อที่สองคือคือรถฮอนด้า ก็เป็นของบริษัทไอซ์ดูไอซ์ ซึ่งเป็นต้นสังกัดของไอซ์มอนส์เตอร์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ซื้อรถคันนี้ออกมา เพื่อที่จะให้เป็นรถประจำตำแหน่งของผม อันนี้คือบริษัทเป็นคนซื้อและผมมีหลักฐานการเงินทั้งหมด"
"เรื่องที่สามคือเรื่องของเงิน 2 แสนบาทที่บอกว่าผมไปเอามาซึ่งมีต้นขั้วเช็คเป็นชื่อผม ยืนยันตรงนี้นะครับว่าผมยินดีที่จะเอาบัญชีของผมทั้งหมดที่มีอยู่ให้ดูได้ไม่ต้องไปขอศาลด้วยนะ ผมยินดีที่จะเอามาให้พิสูจน์เลยว่าเคยมีเช็คชื่อนี้หรือว่า หมายเลขเดียวกันเข้ามาในบัญชีของผมหรือเปล่า ไม่ว่าจะเล่มไหนก็ตามแต่อันนี้ก็คือยินดีนะครับ"
"ส่วนสุดท้ายในเรื่องของฤษีหรือว่าพระต่างๆ ก็ยืนยันนะครับว่าไม่เป็นความจริง เพราะว่าฤษีเนี่ยจริงๆทางฝ่ายนั้น ให้ผมเอาไปขายไปจำหน่ายแต่ผมเห็นว่าเป็นทรัพย์ของคุณพ่อ ซึ่งเป็นทรัพย์กลางผมเลยเอาฤษีองค์นี้ แทนที่จะไปขายผมเลยเอามาแถลงไปที่ศาลนะครับ บอกว่าฤษีองค์นี้เป็นของส่วนกลาง เป็นทรัพย์มรดกของคุณพ่อ เพราะฉะนั้นถ้าเกิดว่ามีการได้แบ่งสรรปันส่วน อย่างชัดเจนก็ให้เอาฤษีองค์นี้ไปอยู่ในกองมรดกด้วยผมไม่ได้เอาไปถือไว้แต่เพียงผู้เดียว แต่ผมต้องการที่จะรักษาไว้เพราะว่าผมได้อยากนำฤษีองค์นี้ไปจำหน่ายจ่ายแจกต่อไป ซึ่งอันนี้อยู่ในคำแถลงศาลและอยู่ในใบเบิกความของผมทั้งหมด และผมไม่ใช่คนอย่างนั้นอยู่แล้ว และที่สำคัญที่สุดอีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้มีการทำบัญชีเกี่ยวกับทรัพย์สินยื่นกับทางศาล เพราะฉะนั้น จะบอกว่าอันนี้เป็นของคนนี้ อันนี้เป็นของคนนั้นคือพูดได้หมด ถูกไหมครับ เพราะฉะนั้นมันยังไม่มีการแบ่งสรรปันส่วนอะไรเลย จะบอกว่าอันนี้พ่อให้ อันนี้พ่อให้ อย่างนั้นผมก็พูดได้สิครับว่าพ่อให้อันนั้นผม พ่อให้อันนี้ผม"
"คือจะบอกว่าจริงๆ แล้วถ้ามีหลักฐานเอามา เพราะมันเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเอกสารหรืออะไรก็ตามแต่นะครับเอามายืนยันกันนะครับมาพูดในชั้นศาลกัน อย่ามาพูดอะไรแบบนี้คือโตๆ กันแล้ว บางทีจะมาทำเป็นเรื่องเด็กเล่นขายของ โกหกไปโกหกมาเพื่อให้จะมีเครดิตกัน ผมอยากจะบอกว่า โอ้ย ... เครดิตผมไม่มีแล้ว มันหมดไปตั้งแต่เรื่องรถมินิแล้ว อย่ามาทำอย่างนี้กันเลย คือถ้าบริสุทธิ์ใจนะครับเราไปคุยกันในชั้นศาล แล้วมีหลักฐานอะไรก็ว่ากันไป ส่วนผมเองเนี่ย ผมสามารถโชว์หลักฐานได้หมดในสิ่งที่เขากล่าวหาผมว่าผมทำนู้นทำนี่ หาว่าผมไปเอา ผมสามารถโชว์ได้หมดว่าไม่ได้เป็นอย่างที่เขาบอกในสิ่งที่เขาบอก"
"เมื่อวานเป็นวันนัดไกล่เกลี่ยวันแรก (20 พ.ค.) ซึ่งผมได้ทวงถามไปนานแล้วแต่ไม่ได้รับการตอบรับอะไรเลยก็เลยต้องใช้บารมีของศาลเป็นที่พึ่งครับ นัดหน้าก็คงต้องมีการไกล่เกลี่ยกันอีกครั้งหนึ่งแต่ถ้าเกิดว่าไปแล้วมันต้องมีการชัดเจน และถูกต้องหากไม่มีถูกต้องเราก็คงต้องดำเนินคดีต่อ ก็คือต้องสืบพยานต่อไปครับ"
"รีสอร์ทที่ดินที่ประจวบก็อยู่ในกรณีพิพาทเหมือนกัน ทั้งหมดแหละครับก็คงต้องคอยติดตามกันต่อไป เพราะยังไงก็คงต้องรอศาลท่านเป็นคนพิจารณา แล้วผมเองก็มีหลักฐานเป็นปึ้งเหมือนกัน และก็ไม่ได้กล่าวลอยๆเหมือนอย่างที่เขากล่าวอ้างขึ้นมาว่าผมไปเอานู้นเอานี้เอานั้น ถ้าจะพูดใครก็พูดได้แต่หลักฐานละครับ เอาหลักฐานมายืนยัน ซึ่งผมก็คงต้องดำเนินคดีเหมือนกัน หรืออาจจะต้องพูดคุยกับทนายว่าจะต้องเอาอย่างไงต่อไป"
"คือจริงๆ ไม่เครียดหรอก เพราะการที่ฟ้องเนี่ยมันเป็นสิ่งที่เลวร้ายมากนะ ต่างคนต่างคิดที่อยากเอาชนะมันรู้สึกแย่มาก แต่อย่างที่บอกแหละครับแล้วคนที่เป็นพวกพ้องก็ต้องมานั่งทะเลาะกันเอง ที่เลวร้ายกว่าคือคนที่ไม่ยอมรับความเป็นจริงแล้วเอามาพูดซึ่งมันไร้สาระนะครับ"
ซึ่งหลังจากหนุ่ม กรรชัย โฟนอินเข้าไปในรายการวันที่ 21 พ.ค. แล้วทางรายการก็ได้นำ "พลอย" พลอยไพลิน กำเนิดพลอย หลานสาว "หนุ่ม" โฟนอินเข้ารายการ แล้วพูดถึงเงิน 2 แสน ที่ทางแม่เลี้ยงได้ให้กับหนุ่ม แต่หนุ่มอ้างว้าไม่ได้ให้ เป็นทาง “เมย์ เฟื่องอารมณ์” แฟนสาวตนหรือเปล่าที่ได้รับ
"คุณย่าเป็นคนเซ็นเช็คเงินสดให้ พลอยก็เลยบอกว่า เออทำไม! ทำไมถึงบอกว่าไม่เคยได้อะไรเลย แล้วเช็คตอนปีใหม่ละ แล้วที่ได้ไปนะลูกคนอื่นเขาไม่ได้นะ อาหนุ่มได้อยู่คนเดียวแล้วเขาก็บอกว่าเฮ้ย เช็คอะไร ไม่ได้อาไม่ได้ เมย์ได้หรือเปล่า พลอยก็เลยบอกว่าจะได้ได้ไง พี่เมย์เขาจะได้ได้ยังไง ย่าจะเอาเงิน 2 แสนไปให้กับพี่เมย์ทำไม เขาก็บอกว่ามันไม่ได้อยู่ในบัญชีเขา เขาบอกเอาไปเช็คได้เลยต้นขั้วไม่ได้อยู่บัญชีเขา อยู่ในบัญชีกับเมย์หรือเปล่า พลอยก็บอกว่าอาหนุ่มไม่เป็นไร โว้ย! คือถ้าอาหนุ่มเอาเช็คไปและอาหนุ่มเอาไปให้ใครเอาไปให้คนอื่นผู้หญิงหรือ เอาไปทำอะไร แต่ว่าถ้าเช็คแล้วต้นขั้วนี้เช็คแล้วไปเกี่ยวข้องกับคนที่เกี่ยวข้องกับอาหนุ่มอาหนุ่มก็แค่ยอมรับว่าอาหนุ่มได้รับมาก็แค่นั้นเองค่ะ"
และล่าสุดวันนี้ (22) ทางรายการได้โทรศัพท์ติดต่อกับ "เมย์ เฟื่องอารมณ์" แฟนสาว "หนุ่ม กรรชัย" เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเงิน 2 แสนที่ทางด้านแม่เลี้ยงของแฟนหนุ่มได้เซ็นให้ โดยอ้างว่า แม่เลี้ยงของแฟนหนุ่มให้ตนด้วยความเอ็นดู และทั้งหนุ่มและพลอยไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วยเลยไม่รู้เรื่อง
"เมย์ต้องบอกก่อนนะคะว่าระยะเวลาที่เมย์คบกับพี่หนุ่มมาก็เกือบๆ 10 ปีนะคะ แต่ก่อนหน้านี้เมย์ไม่สามารถรู้ได้เพราะว่าเป็นเรื่องของครอบครัวเขา แต่ตั้งแต่คบกันมาเมย์ก็เห็นว่าพี่หนุ่มเขาอยู่บ้านที่ราชวัตรคะ ซึ่งเป็นบ้านของแม่เขาจริงๆ ที่ให้กำเนิดเขา แต่ก็อาจจะมีบ้างที่ได้พบกับทางแม่ใหญ่ในช่วงที่คุณพ่อยังไม่เสียคะ เขาก็มีได้เจอกันบ้างเป็นธรรมดาแหละค่ะ"
"เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2 ปีคะ แล้วที่น้องพลอยบอกว่าเป็นไปไม่ได้ มันเป็นไปได้คะ และเมย์ก็ได้ไปเจอกับทางแม่ใหญ่ของเขา ท่านก็ยังบอกว่าถ้าเมย์มีอะไรก็ให้มาเจอได้นะ เพราะท่านก็มีความเอ็นดูส่วนตัวกับเมย์ด้วย ก็มีบ้างที่ท่านเรียกไป เอ้า หนุ่มมาเมย์มาโอเค ท่านก็ให้พระเมย์มาแล้วก็ให้เช็คมาด้วยอย่างที่บอก ซึ่งตอนนี้หลานพลอยก็ไม่ได้อยู่้ด้วยคะ ไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้นนะคะ ซึ่งท่านก็ให้เมย์ด้วยความเอ็นดู"
"เรื่องนี้ที่สำคัญคือมีเมย์เข้ามาเกี่ยวข้องแล้วเมย์ไม่อยากให้คนคิดว่าพี่หนุ่มได้เงินมาแล้วเอามาให้เมย์ แต่ตอนที่แม่ใหญ่ให้พี่หนุ่มก็อยู่แต่เพียงว่าเขาไม่ได้เข้ามานั่งใกล้ๆ เพราะมันเป็นห้องคะ"
"เมย์ไม่ค่อยหนักใจในเรื่องนี้เท่าไหร่คะ เพราะว่ามันเป็นเรื่องของครอบครัวและมันค่อนข้างเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน เมย์เชื่อว่าคงไม่มีใครที่จะไปรู้เพราะว่าเราก็เป็นคนนอก เดี๋ยวคนเอาไปพูดว่า อุ๊ยๆๆ ตรงนี้มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ทุกคนยากที่จะเข้าใจ แต่พอเมย์เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้เมย์ก็รู้สึกว่าเมย์ไม่สบายใจ พอฟังแล้วก็รู้สึกว่าเฮ้ยเรื่องมันแค่ตรงนี้เช็ค 2 แสนแล้วก็จะมาเป็นเรื่องเป็นราวไม่จบ ก็คิดว่าเรื่องนี้น่าจะอยู่ในชั้นศาลดีกว่า ให้ศาลเป็นผู้ตัดสินดีที่สุดค่ะ"