xs
xsm
sm
md
lg

Them : ผู้มาเยือนยามวิกาล

เผยแพร่:   โดย: โสภณา เชาว์วิวัฒน์กุล


* หมายเหตุ บทความชิ้นนี้เปิดเผยเนื้อหาส่วนสำคัญของหนัง
...
ตอนเปิดเรื่องของ Them ระบุว่า นี่คือหนังที่อิงเค้าโครงมาจากเรื่องจริง

ดิฉันพลิกแผ่นดินอินเตอร์เน็ตตามล่าหาความจริงที่ว่านั้นแล้ว แต่พบเพียงข้อมูลจำกัดจำเขี่ย (และไม่แน่ว่าน่าเชื่อถือ) จาก wikipedia.com แค่ว่า เหตุการณ์ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจของหนังเกิดขึ้นที่ประเทศสาธารณรัฐเชก สามี-ภรรยาชาวออสเตรียคู่หนึ่งถูกเด็กวัยรุ่น 3 คนรุมฆาตกรรมภายในบ้านพักตากอากาศของตน ระหว่างเดินทางไปพักผ่อนหมายหาความสำราญ ณ สถานที่แห่งนั้น

ไม่ว่าเหตุการณ์จริงจะเป็นเช่นไร เมื่อมันแปลงกายกลายเป็นหนังเรื่อง Them ของ ดาวีด์ มอโร และ ซาเวียร์ ปาลูด์ ผู้กำกับคู่หูดูโอชาวฝรั่งเศส (ต่อมา ทั้งคู่จะเป็นผู้กำกับ The Eye ฉบับรีเมค) เนื้อหาของหนังก็บอกเล่าเรื่องราวในหนึ่งคืนค่ำแห่งฝันร้ายของสามี-ภรรยาชาวฝรั่งเศสคู่หนึ่ง ซึ่งต้องพบกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญ ผู้มาเยือนที่ไม่ได้นัดหมาย ภายในบ้านพักโอ่อ่าของตนซึ่งตั้งอยู่ ณ ชานเมืองใหญ่แห่งหนึ่งในประเทศโรมาเนีย

Them ออกฉายในปี 2006 เสียงวิจารณ์ที่ได้รับค่อนข้างจะไปในทิศทางบวกอยู่หน่อยๆ นักวิจารณ์ที่ชื่นชอบมัน ชมว่ามันเป็นหนังระทึกขวัญที่แปลกและแตกต่างจากหนังกลุ่มเดียวกันทั่วไปที่ใครต่อใครเคยทำกันมา ในทางกลับกัน ผู้ที่ไม่นิยมชมชอบ ก็ส่งเสียงตำหนิติติงทำนองว่า มันเป็นหนังระทึกขวัญที่ขาด ‘ปัจจัยระทึก’ อย่างที่หนังระทึกขวัญที่ดีพึงจะมี

ส่วนตัวดิฉันเอง ขอแทงกั๊กยืนอยู่ตรงกลางระหว่างนักวิจารณ์ทั้ง 2 ฝ่าย

ด้านหนึ่งดิฉันเห็นว่า หนังมีบางอย่างที่น่าสนใจ แสดงให้เห็นความพยายามที่จะทดลองทำอะไรใหม่ๆ และทำแล้วก็ค่อนข้างจะได้ผลจริง

ขณะที่อีกด้าน หากเอาความบันเทิง –ซึ่งเป็นอารมณ์หลักที่น่าจะคาดหวังได้จากหนังระทึกขวัญ- เป็นตัวตั้ง ดิฉันเห็นด้วยว่า Them ค่อนข้างจะปวกเปียกในการปลุกปั่นสั่นหัวใจผู้ชมอยู่สักหน่อย (พูดง่ายๆ ก็คือ มันไม่สนุกเร้าใจอย่างที่ควรจะเป็น)

สิ่งที่ดีมากของ Them คือ การสะกดผู้ชมโดยใช้ ‘ความไม่รู้’ เป็นอาวุธ

หนังไม่เคยเปิดเผยตัวคนร้ายให้ผู้ชมและสองสามี-ภรรยาสุดซวยคู่นั้นได้เห็นเลยสักครั้งแทบจะทั้งเรื่อง เราได้ยินเพียงเสียงฝีเท้าเดินย่ำกึกกังตามทางเดิน เสียงเอี๊ยดอ๊าดของวัสดุอุปกรณ์บางอย่างที่เป็นเหมือนสัญญาณบ่งชี้ว่าคนร้ายอยู่ใกล้-ไกลแค่ไหน เราเห็นเงาคนโฉบไปเฉี่ยวมา เห็นจอโทรทัศน์ที่ทั้งที่ปิดไปแล้ว แต่จู่ๆ ก็ถูกเปิดขึ้นใหม่หน้าตาเฉย ฯลฯ พ้นจากนั้น หนังปกปิด เก็บงำ กำไว้เป็นความลับอย่างมิดชิด

ไม่มีใครรู้ว่าคนร้ายเป็นใคร ต้องการอะไร ทำเช่นนี้เพราะแค่บ้าหรือว่าโกรธแค้นกันมาแต่ชาติปางไหน เหนืออื่นใด สรุปแล้ว ‘พวกมัน’ มากันเท่าไหร่แน่

เคยได้ยินคำพูดทำนองว่า “ที่เรากลัวความมืด ก็เพราะเราไม่รู้ว่าในความมืดนั้นมีอะไร” ไหมคะ?

กรณีของ Them ก็เป็นเช่นนั้น การที่หนังไม่ยอมปล่อยข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับตัวคนร้ายให้เราล่วงรู้เลยแม้แต่น้อยนิด เปรียบเสมือนการเหยียบย่ำซ้ำเติมสถานการณ์ของเรา –ที่แต่เดิมก็ตกเป็นรองอยู่แล้ว- ให้ยิ่งเป็นรองหนัก แทบทั้งเรื่อง ผู้ชมและตัวละครตกอยู่ในสภาพเหมือน ‘ถูกกระทำ’ อยู่ฝ่ายเดียว เพราะในเมื่อเราไม่รู้ว่ากำลังต่อสู้อยู่กับอะไร เราก็ไม่อาจรู้ได้ว่าควรจะต่อสู้รับมือกับมันเช่นไร

ในส่วนของจุดอ่อนข้อด้อย เท่าที่ดิฉันดูแล้วรู้สึกตะหงิดติดขัดเป็นการส่วนตัว มีอยู่ด้วยกัน 2 ส่วนหลักๆ

หนึ่งคือ ช่วงเวลาไล่ล่าระทึกขวัญนั้นน้อยเกินไป และเท่าที่มีอยู่ก็ไม่เข้มข้นสาแก่ใจเท่าที่ควร (การเล่นกับความไม่รู้ เอาคนดูอยู่เป็นระยะเวลาหนึ่ง แต่เมื่อหนังขาดฉากระทึกขวัญเด็ดๆ เป็นเครื่องชูรส ผลสุดท้ายจึงทำให้หนังย่อหย่อนอ่อนความบันเทิงอย่างที่เขาว่ากัน)

ประการถัดมา จังหวะเวลาในการเปิดเผยตัวคนร้าย ซึ่งน่าจะทำให้คนดูช็อก มึน ตะลึงงัน หนังกลับทำได้ไม่ดี ซ้ำยังขาด ‘ลูกขยี้’ ที่จะทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความน่าหวาดหวั่นของคนร้ายเพิ่มขึ้นอีกดอก

ไหนๆ ก็เตือนกันไว้ล่วงหน้าแล้วว่า ‘บทความชิ้นนี้เฉลยเนื้อหาส่วนสำคัญของหนัง’ ดิฉันก็จะขอเฉลยเสียตรงนี้เลยนะคะว่า คนร้ายที่บุกรุกรังควาญหมายจะฆ่าสองสามี-ภรรยาคู่นั้นให้ดับดิ้น แท้จริงแล้วเป็นแค่เด็กๆ กลุ่มหนึ่ง

เด็กกลุ่มนี้มีกันอยู่ราว 5-6 คน อายุของแต่ละคนอยู่ในวัยเกิน 10 ขวบมาแค่ไม่กี่ปีเท่านั้น และการที่เด็กกลุ่มนี้กระทำการเช่นนี้ พวกเขามีเหตุผลง่ายๆ เพียงแค่ว่า มันเป็นการเล่นสนุกๆ ขำๆ เท่านั้น

น่าเสียดายที่หนังให้เวลากับเด็กกลุ่มนี้น้อยเกินไป (เฉลยก่อนจบแค่ 5 นาที) อีกทั้งยังเลือกใช้วิธีขึ้นตัวหนังสือในช่วงเครดิตท้ายในการบอกเล่ามูลเหตุจูงใจและผลลัพธ์สุดท้ายของเยาวชนเหล่านี้ ที่ควรจะตกใจจึงไม่ตกใจเท่าไหร่ ที่ควรจะร้อง “ชิบ!!!” ช็อกรับประทาน ก็เลยกลายเป็นพยักหน้าหงึกหงักส่งเสียงงึมงำ “อ่อ...มันเป็นเช่นนี้...” ไปเสียฉิบ

จะอย่างไรก็ตาม ถ้าถามดิฉันว่า Them เป็นหนังที่ควรค่าแก่การควานหามาดูไหม ดิฉันก็ยังแนะนำให้คุณดู เพราะพ้นจากข้อดี-ด้อยดังที่ได้กล่าวมา สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจของ Them ก็คือ ความพยายามที่จะสะท้อนประเด็นปัญหาบางประการในสังคมปัจจุบัน

ดิฉันมีโอกาสได้สัมภาษณ์เรื่องหนังๆ กับ พี่บ๊อบบี้ - คุณนิมิต ลักษมีพงษ์ ก่อนดูหนังเรื่องนี้หลายเดือน

ในการพูดคุยวันนั้น พี่บ๊อบบี้หยิบยก Them ขึ้นมาพูดถึงด้วย คำอธิบายที่เขามีต่อมันก็คือ “พอหนังจบ ความรู้สึกของผมก็คือ โลกมันโหดร้ายมาก นี่คือสังคมของมนุษย์จริงๆ โดยเฉพาะสังคมของเมืองใหญ่ ทุกคนต่างก็สนใจแต่เรื่องของตัวเอง...ทุกคนสาละวนกับการทำอะไรต่างๆ ของตัวเอง โดยหารู้ไม่ว่า ในซอกหลืบเล็กๆ มีบางคนที่กำลังรอความช่วยเหลืออยู่”

ดิฉันชอบหนังเรื่องนี้ไม่เท่าพี่บ๊อบบี้ แต่แง่มุมที่เขาพูดถึงนั้น ดิฉันเห็นด้วยทุกประการ

ในช่วงเปิดเรื่อง ก่อนเข้าสู่เนื้อหาหลัก –คือ เรื่องราวของสามี-ภรรยาคู่นั้น- หนังเล่าเรื่องของแม่-ลูกคู่หนึ่งที่ตกเป็นเหยื่อ ‘การละเล่น’ ของเด็กนรกแก๊งนี้อย่างเหี้ยมโหด เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นยามค่ำคืน ภายในรถ ริมถนนสายหนึ่ง ระหว่างที่ตัวลูกสาวถูกกระทำภายในรถ หนังก็เผยให้เห็นอย่างจงใจว่า มีรถคันหนึ่งขับผ่านมา และผ่านเลยไป โดยไม่แม้แต่จะชะลอให้ความสนใจรถของผู้เคราะห์ร้ายที่ติดแหงกคาต้นไม้อยู่เลยสักนิด

นอกจากนั้น ในฉากสุดท้ายของเรื่อง หนังยังแสดงให้เห็นภาพของตัวภรรยาที่วิ่งหนีการไล่ล่าของเด็กๆ จนกระทั่งมาจนมุมตรงลูกกรงทางระบายน้ำ

ทีแรกหนังจับภาพระยะใกล้ให้เห็นเพียงภาพของเธอที่กำลังกรีดร้องมือไม้ป่ายปะขอความช่วยเหลือ โดยมีลูกกรงเหล็กแน่นหนาขวางกั้นอยู่เท่านั้น ทว่าในจังหวะต่อมา หนังก็ตัดภาพขยายออกเป็นมุมกว้างขึ้น กระทั่งผู้ชมตระหนักว่า แท้จริงแล้วทางระบายน้ำดังกล่าวอยู่ริมถนนสายหนึ่ง และรถราที่วิ่งกันขวักไขว่ไปมา ก็ส่งเสียงดังหึ่งรบกวน กลบเสียงวิงวอนร้องขอชีวิตของเธอจนหมดสิ้น

คำว่า “them” ที่ถูกนำมาใช้เป็นชื่อหนัง ก็น่าจะมีเป้าหมายเพื่อสะท้อนสภาพสังคมในลักษณะดังกล่าว กล่าวคือ เรากำลังอยู่ในสังคมที่มีการแบ่งแยก ‘พวกเขา’ ‘พวกเรา’ อย่างชัดเจน เราสนใจแต่เรื่องของเราและพวกเรา ส่วนเรื่องของเขาและพวกเขา มีความสำคัญกับเราน้อยมาก และเราก็แทบจะร้างไร้ความรู้สึกรู้สมที่จะไปใส่ใจ

Them ชี้ให้ผู้ชมเห็นว่า สภาพสังคมที่อยู่กันอย่างตัวใครตัวมันเช่นนี้ กำลังขยายตัวและลุกลามอย่างหนัก ไม่เฉพาะคนโตๆ แล้วเท่านั้นที่หัวใจฉาบกระด้างด้วยความเฉยชาเช่นนั้น ทว่าแม้แต่เด็กๆ เองก็ไม่เว้น

เพราะในท้ายที่สุด แก๊งเด็กวายร้ายให้เหตุผลว่า ที่พวกเขาบุกเข้ามาในบ้านของคู่สามี-ภรรยานั้น ก็เพราะ “ ‘พวกเรา’ อยากจะเล่น”

และที่ถึงกับต้องลงมือเข่นฆ่าให้อีกฝ่ายดับดิ้นกันไปข้าง มันก็แค่ว่า “ก็ ‘พวกเขา’ ไม่ยอมเล่นกับพวกเรา”...แค่นั้น

...
หมายเหตุ
ในเว็บไซต์ทางการของหนัง (www.them-movie.com) หากคุณคลิกที่เมนู based on real event จะพบว่ามีการนำคลิปภาพข่าวที่หญิงสาวคนหนึ่งออกมาประกาศผ่านสื่อ ขอร้องให้ทุกคนช่วยตามหาพี่สาวของเธอกับแฟนหนุ่ม ซึ่งหายสาบสูญไปจากบ้านพักในย่านชานเมืองแห่งหนึ่งในประเทศโรมาเนียเป็นเวลา 1 สัปดาห์เต็ม เธอบอกว่า ตำรวจพบรอยเลือดเต็มบ้าน ทว่ากลับไร้ร่องรอยพี่สาวและว่าที่พี่เขยของเธอโดยสิ้นเชิง

อย่างไรก็ตาม มีเหตุผลหลายอย่างชวนให้เชื่อว่า คลิปวิดีโอดังกล่าวน่าจะเป็นแค่มุกโปรโมตหนังเท่านั้น ไม่ใช่เหตุการณ์จริงที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับหนังเรื่องนี้แต่อย่างใด เพราะหนึ่ง ชื่อเสียงเรียงนามและปูมหลังของพี่สาวที่เธอบอกเล่านั้น เหมือนกันกับตัวละครในหนังทุกกระเบียด ที่สำคัญ หญิงสาวผู้นี้บอกว่า พี่สาวของเธอและว่าที่พี่เขย หายตัวไปในเดือนพฤศจิกายน 2006 แต่ Them ถ่ายทำสำเร็จเสร็จสิ้นและออกฉายกว่าครึ่งปีก่อนหน้านั้นแล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น