xs
xsm
sm
md
lg

My Best Friend’s Wedding : ผู้หญิงมีไว้ให้รัก

เผยแพร่:   โดย: โสภณา เชาว์วิวัฒน์กุล

ทอรี่ เอมอส นักร้อง-นักแต่งเพลงชาวอเมริกัน เคยกล่าวว่า เธอชอบเพลง A Case of You ที่ โจนี่ มิตเชล เขียนและร้องมากถึงขั้นที่ว่า “ฉันยอมสละแขนหนึ่งข้าง เพื่อแลกกับการได้เป็นคนแต่งเพลงนี้”

ดิฉันเอง แขนครึ่งข้างหรือนิ้วสักข้อก็ไม่ยอมสละทั้งนั้น กระนั้นก็ยอมรับว่า ที่ผ่านมา มีหลายครั้งดิฉันพบประโยคเด็ดๆ บางประโยค ข้อความคมๆ บางข้อความ ถ้อยคำสวยๆ บางคำ ที่อ่านแล้วถึงกับเกิดอาการองค์ลงตบเข่าฉาด เจ็บใจมากที่ข้อความแจ่มๆ เช่นนั้นไม่ใช่ผลผลิตจากสมองของเรา

“ผู้หญิงมีไว้ให้รัก” เป็นวลีหนึ่งที่ทำให้ดิฉันตบตัวเองจนเข่าแดงทุกครั้งที่นึกถึง

เจ้าของวลีดังกล่าว คือ คุณ ‘คนตัวเล็ก’ นักวิจารณ์รุ่นพี่ที่เคยมีผลงานตีพิมพ์ในนิตยสาร สตาร์พิคส์

‘ผู้หญิงมีไว้ให้รัก’ เป็นชื่อหนังสือรวมบทความเล่มที่ 2 ของเธอ ซึ่งออกวางจำหน่ายราว 10 ปีก่อน ในหนังสือมีข้อความเจ๋งๆ บรรจุไว้เพียบ เท่าที่จำได้ หนังสือเล่มนี้ฉบับที่ดิฉันเป็นเจ้าของ มีร่องรอยการขีดเส้นใต้เตือนความจำ-รับประกันความจี๊ดเปรอะไปหมด

เกริ่นยาวอย่างนี้ ดิฉันมีจุดประสงค์ 2 ข้อ หนึ่ง เพื่อบอกคุณว่า ชื่อ ‘ผู้หญิงมีไว้ให้รัก’ นั้น ดิฉันไม่ได้คิดเอง และสอง ดิฉันทำหนังสือเล่มนี้หายไปไหนไม่ทราบ คุณผู้อ่านท่านใดพอทราบว่าจะซื้อหามันได้ที่ไหน รบกวนบอกดิฉันด้วย จะเป็นพระคุณ

ดิฉันไม่มีวาระซ่อนเร้นอะไรเป็นพิเศษในการเลือก My Best Friend’s Wedding มาเขียนถึงคราวนี้ มันเพียงแต่เป็นหนังที่ดิฉันเคยดูเมื่อนานมาแล้วและชอบ ไม่นานมานี้หยิบมาดูอีกครั้งก็ยังชอบอยู่ จึงรู้สึกว่าอยากบอกต่อและเขียนถึง - เท่านั้น

เล่าเผื่อไว้สำหรับคนที่ยังไม่เคยดู – My Best Friend’s Wedding เล่าเรื่องของ จูลีแอน ผู้หญิงสวย เก่ง ฉลาด นักวิจารณ์อาหารระดับตัวแม่ที่ทำให้พ่อครัวตัวพ่อต้องครั่นคร้ามในทุกๆ ครั้งที่เธอเดินทางมาชิมอาหารที่ร้าน

มองกันอย่างผิวเผิน จูลีแอนเข้าตำรา ‘ผู้หญิงหัวก้าวหน้า’ สมัยใหม่จ๋าทุกกระเบียด เธอไม่เรียกร้องต้องการให้ผู้ชายคนไหนมาดูแลปกป้อง ชีวิตของเธอดูจะพุ่งเป้าเบนเข็มให้มุ่งสู่ความสำเร็จในหน้าที่การงานเป็นสำคัญ กระทั่งไม่มีที่ว่างเผื่อแผ่แบ่งปันให้ความรักมากมายนัก

อย่างไรก็ตาม เพียงไม่นานหนังก็เผยว่า แท้จริงแล้วจูลีแอนก็เคยมีประสบการณ์ ‘รักฝังใจ’ กับเขาเหมือนกัน ชายคนนั้นชื่อ ไมเคิล เป็นผู้ชายที่เธอรู้จักตั้งแต่สมัยเรียน ทั้งคู่เคยคบหากันเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่จะเป็นเพราะความคิด ‘ฉันดูแลตัวเองได้ ฉันไม่ง้อผู้ชาย’ หรืออะไรก็ตามแต่ ลงท้ายจูลีแอนก็เป็นฝ่ายตัดสินใจลดระดับความสัมพันธ์กับเขาให้เหลือเพียง ‘เพื่อนที่ดีต่อกัน’ โดยให้คำมั่นสัญญาต่อกันอย่างหลวมๆ เพียงว่า ถ้าอายุ 28 แล้วต่างฝ่ายต่างยังไม่มีใคร เราสองคนจะตกล่องปล่องชิ้นจับคู่แต่งงานกัน

วันนี้จูลีแอนอายุ 28 เธอยังไม่มีใคร และก็คิดไปว่า ไมเคิลที่เคยคลั่งไคล้เธอนักหนา ก็ไม่น่าจะมีใครด้วยเช่นกัน

ทันทีที่ไมเคิลโทรมาหาแล้วบอกว่า “มีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย” จูลีแอนจึงเกิดอาการลิงโลดอยู่ลึกล้ำ เพราะหลายปีที่ห่างกันไป ทำให้เธอมีโอกาสเรียนรู้หัวใจตัวเองว่า แท้จริงแล้วเธอก็รักผู้ชายคนนี้ไม่น้อยเหมือนกัน

อย่างไม่คาดคิด ไมเคิลโทรหาเธอเพื่อคุยเรื่องแต่งงานจริง...แต่ไม่ใช่กับเธอ และที่เขาโทรถึงเธอ ก็เพียงเพราะต้องการชวนไปร่วมงานและเป็นกำลังใจ ในฐานะที่เราเป็น ‘เพื่อนกัน’ เท่านั้น

ให้เวลาตัวเองช็อกซีเนม่าวูบหนึ่ง จูลีแอนก็ตัดสินใจบินลัดฟ้าไปหาไมเคิลโดยฉับพลัน

แต่เปล่า – เธอไม่ได้ไปแสดงความยินดีหรือให้กำลังใจตามที่เขาร้องขอ ทว่าเป้าหมายของเธอ คือ เพื่อขัดขวางทุกวิถีทางไม่ให้เกิดการแต่งงานครั้งนี้

จูลีแอนเชื่อเป็นจริงเป็นจังว่า หัวใจของไมเคิลนั้นเป็นของเธอ เขารักเธอมาตลอด กระทั่งวันนี้ก็ยังรัก เพราะฉะนั้นเจ้าสาวของเขาก็ควรเป็นเธอ ไม่ใช่นังหนูหน้าใหม่ที่โผล่มาเป็นตาอยู่แล้วจู่ๆ ก็คาบไมเคิลไปกินหน้าตาเฉยคนนั้น

My Best Friend’s Wedding ออกฉายในปี 1997 หนังเป็นผลงานกำกับของ พี. เจ. โฮแกน ผู้กำกับชาวออสเตรเลีย เจ้าของหนังขำๆ ปนสะเทือนใจอย่าง Muriel’s Wedding ส่วนบทหนังนั้นเป็นฝีมือ โรนัลด์ แบส คนเขียนบทหนังนุ่มๆ อาทิ The Joy Luck Club, Rain Man, Stepmom ฯลฯ

My Best Friend’s Wedding เป็นหนังโรแมนติก-คอมเมดี้ที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งที่ดิฉันเคยดูมาอย่างไม่ต้องสงสัย มันทั้งดูสนุก ตัวละครมีเสน่ห์ มีช่วงเวลาที่น่าจดจำมากมาย อีกทั้งยังมีวาทะเด็ดคำคม เสียดแทง จี๊ดใจ ปรากฏอยู่เพียบไปหมด

ในความเห็นของดิฉัน หนังเก่งมากที่สามารถสร้างความสมดุลย์ให้กับตัวละครหญิงคู่ปรับทั้งสอง –คือ จูลีแอน และ คิม ว่าที่เจ้าสาวของไมเคิล- ได้อย่างเหมาะเจาะพอดี

ทั้งคู่มีทั้งความเป็น ‘นางเอก’ และ ‘นางอิจฉา’ มากพอๆ กัน ต่างคนต่างก็มีช่วงเวลาที่ ‘น่ารัก’ และ ‘น่าตบ’ ของตัวเอง แล้วก็น่าแปลก ที่แม้ว่าตัวละครอย่างจูลีแอนนั้นดูจะเข้าข่ายนางเอกของเรื่องมากกว่า (เพราะเป็นทั้งตัวดำเนินเรื่อง เป็นคนที่เรารู้จักดีที่สุด เข้าใจมากที่สุด อีกทั้งยังรับบทโดย จูเลีย โรเบิร์ตส์ ที่ถือว่าเป็นนักแสดงหญิงอันดับเลขตัวเดียวเบอร์ต้นๆ ในช่วงเวลานั้น) ทว่าที่สุดแล้ว คนที่ผู้ชมเอาใจช่วยให้ได้สวมชุดเจ้าสาวแล้วไปยืนเคียงข้างไมเคิล กลับเป็นคิม ไม่ใช่เธอ

พูดกันตามจริง หากจับทั้งคู่มาเปรียบมวยเทียบกันหมัดต่อหมัดแล้ว จูลีแอนเหนือกว่าคิมแทบจะทุกด้าน เธอประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน (ขณะที่คิมชิงลาออกมาแต่งงานทั้งที่ยังเรียนไม่จบ) เธอแกร่งพอที่จะยืนหยัดเลี้ยงดูตัวเองได้ (ส่วนคิมยังใช้เงินของพ่อผู้มั่งคั่งเสียเป็นส่วนใหญ่) เธอมีอารมณ์ขันอันเป็นคุณสมบัติที่ทำให้ผู้ชายอยากอยู่ใกล้ เธอมีโอกาสแสดงความเฉียบคมของสติปัญญาออกมามากกว่า ส่วนเรื่องรูปร่างหน้าตา เธอก็ไม่เป็นรองคิมเลยสักนิด

อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่คิมมีแต่จูลีแอนไม่มี และมันก็ทำให้เธอเอาชนะใจไมเคิล –และผู้ชม- ได้อย่างขาดลอย ก็คือ ความกล้าหาญที่จะรัก

ตอนหนึ่งของหนัง ไมเคิลเล่าให้จูลีแอนฟังว่า เหตุผลสำคัญที่ทำให้เขาตัดสินใจแต่งงานกับคิม ก็เพราะเธอบอกเขาว่า “ถ้าเรารักใคร จงพูดออกไปเดี๋ยวนั้น พูดออกไปดังๆ ไม่เช่นนั้นโอกาสที่จะได้รักคนคนนั้น อาจหลุดลอยจากไปโดยไม่หวนคืนกลับมาอีก”

แน่นอนว่า คำพูดเช่นนั้นไม่มีวันหลุดออกจากปากของผู้หญิงอย่างจูลีแอน...บางทีผู้หญิงแกร่งก็มัวแต่วุ่นวายกับการพิสูจน์ว่าตัวเองเก่งจนลืมไปว่า แท้จริงแล้วการได้เป็นที่รักของใครสักคนนั้น มันดีแค่ไหน

จูลีแอนอาจไม่เคยกลัวเมื่อต้องวิพากษ์วิจารณ์อาหารฝีมือใคร แต่กลับไม่เคยกล้าที่จะพูดคำรักออกมา ทั้งที่หัวใจรับรู้การมีอยู่ของมันมาโดยตลอด

นอกจากนั้น คิมยังเป็นเจ้าของวาทะเด็ดอีกคำที่กระแทกใจจูลีแอนเข้าอย่างจัง เหตุการณ์ตอนนั้นเธอสารภาพกับจูลีแอนตรงๆ ว่า ครั้งหนึ่งเธอเคยอิจฉาจูลีแอนมาก “เพราะไมเคิลชื่นชมคุณอยู่เสมอว่า จูลส์เก่งอย่างนั้น จูลส์เก่งอย่างนี้”

อย่างไรก็ตาม ถึงวันนี้คิมบอกว่า เธอคิดตกและเลิกอิจฉาแล้ว “ฉันยอมรับแล้วว่าคุณเหนือกว่า คุณชนะ และฉันก็แพ้...แต่ก็ไม่เป็นไร ให้ไมเคิลมีคุณอยู่บนแท่นบูชา แล้วมีฉันอยู่ในอ้อมแขน เท่านั้นก็พอ...”

จะว่าดิฉันหัวโบราณ เต่าล้านปี หรืออะไรก็ตาม แต่ดิฉันก็เชื่อของดิฉันจริงๆ ว่า ถึงที่สุดแล้ว ที่ที่ทำให้ผู้หญิงรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่ามากที่สุด ไม่ได้อยู่บนแท่นบูชาที่ไหน

แต่มันอยู่ใกล้ๆ แค่ในอ้อมแขนของชายผู้เป็นที่รัก...เท่านั้นเอง

กำลังโหลดความคิดเห็น