“จา” ปัดตอบปัญหาเกาเหลา ปรัชญา แจงงบประมาณบานปลาย ก่อนออกตัวดีใจที่ได้กลับมาทำหนังเรื่อง “องค์บาก 2” ต่อ ด้าน “พันนา” เผย พระเอกนักบู๊เครียดน้อยลง มีความสุขในการทำงาน แม้งบประมาณบานปลายกว่า 300 ล้าน ขณะที่ทนายจารุพลหายเข้ากลีบเมฆ ไม่ติดต่อกับ “จา” อีก แย้มเตรียมโปรเจ็กต์ใหม่เสนอเสี่ยเร็วๆ นี้
ตามหาตัวกันให้ควัก หลัง “จา พนม ยีรัมย์” นักแสดงและผู้กำกับ “องค์บาก 2” ทิ้งกองอ้างเครียดจัด หายเข้าป่าไปฝึกสมาธิ พอโผล่มาอีกทีก็มีบุคคลที่สามอ้างว่าเป็นทนายที่ “จา” ส่งมาเพื่อต่อรองบอกอยากขอเลิกสัญญาที่เซ็นไว้กับทางสหมงคลฟิล์ม กลายเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต ทำให้หนังเรื่อง “องค์บาก 2” ที่พระเอกนักบู๊เจ้าของสโลแกน เล่นจริง เจ็บจริง โนสแตนด์อิน ต้องหยุดกองไปพักใหญ่และไม่เสร็จทันเข้าฉายในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ส่งผลกระทบกับทางต้นสังกัดอย่าง สหมงคลฟิล์มต้องสูญเงินไปหลายร้อยล้าน
แต่สุดท้ายภายหลัง “เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ” ออกโรงเคลียร์ปัญหาทุกอย่างกับพระเอกนักบู๊ด้วยตัวเอง “จา พนม” ก็หันมาเดินหน้าถ่ายทำ องค์บาก 2 ร่วมกับ “พันนา ฤทธิไกร” ต่อทันที โดยเจ้าตัวยืนยัน ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มไม่แสดงอาการเครียดเหมือนก่อนหน้าที่จะหายตัวไปครั้งแรกกลางกองถ่าย ที่จ.ระยองว่า 4 ธ.ค. นี้ได้ชมแน่นอน พร้อมบอกกลับมาถ่ายหนังคราวนี้ตนมีความสุขมากแม้งานจะหนัก
“กลับมาถ่ายทำครั้งนี้ก็แฮปปี้ดีพร้อมครับ (หัวเราะ) สำหรับตอนนี้ไม่ได้กังวลอะไรแล้ว ก็ลุยหน้าต่อไป ทางอ.พันนา และเสี่ยเจียงให้โอกาสผม รู้สึกเป็นเกียรติแล้วก็เราจะทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุด เพื่อให้กับพี่น้องชาวไทยและแฟนๆ ทั่วโลกครับ ก็ถือว่าเป็นเรื่องแรกที่เราเกิดมาได้ทำหนังฟอร์มยักษ์ ผมถือว่าโชคดีครับแล้วก็ภาคภูมิใจมาก”
“คือหนังเรื่องนี้หนักที่สุดเท่าที่เคยทำมา แสดงไปด้วยแล้วก็ต้องวิ่งไปดูจอมอนิเตอร์ด้วยมันก็สนุกไปอีกแบบ แล้วก็ที่สุดก็คือมันได้สิ่งที่เราไม่เคยสัมผัส อย่างเช่นการกำกับ เพราะตอนแรกเราเป็นแค่นักแสดง แล้วก็เล่นไปตามบทบาท พอเราเป็นผู้กำกับตอนนี้ถามว่ายากมั้ย ยากครับ เหนื่อยสุดๆ เลือดตาแทบกระเด็นครับ เสี่ยงตายทุกฉาก”
“ก็ถือว่าเป็นไปตามคาดหวัง ผมได้ประสบการณ์หลายอย่างที่ผ่านพ้นมา ได้ฝ่าฟันอุปสรรค ได้เจอสิ่งต่างๆ ผมถือว่ามันเป็นครูที่ดี และในหนังเรื่องนี้ได้รวมเรื่องของครูอย่างนาฏศิลป์, ธรรมะ, พราหมณ์ และครุฑผมก็ต้องไปศึกษาเพื่อให้สมจริง แล้วก็ใส่ใจและความศรัทธาในการทำงาน ทุกอย่างเลยผ่านพ้นไปด้วยดี ซึ่งจะน่าสนใจยังไงต้องติดตาม 4 ธ.ค.นี้แน่นอน (ยิ้ม) ตอนนี้ก็เหลืออีกแค่ 20 เปอร์เซ็นต์ก็จะถ่ายเสร็จแล้วครับ”
จากนั้นผู้สื่อข่าวถามถึงงบประมาณบานปลายหรือไม่ “จา” หน้านิ่งก่อนปัดไม่ขอพูดถึงเรื่องเงินทุน แจงไม่ใช่หน้าที่ของตน...“อันนี้ในส่วนของผมที่ผมกลับมาก็คือทำในส่วนหน้าที่ผู้กำกับและนักแสดง”
ส่วนกรณีมีปัญหากับผู้กำกับและผู้คุมงานสร้างอย่าง “ปรัชญา ปิ่นแก้ว” ถึงขั้นไม่คุยกัน ซ้ำก่อนหน้านี้ทาง “ปรัชญา” ยังออกมาประกาศชัดว่าทุกวันนี้กับพระเอกนักบู๊คุยกันแค่เรื่องธุรกิจ และจะไม่มีความสัมพันธ์แบบพี่น้องหรือพูดคุยเรื่องส่วนตัวเหมือนเมื่อก่อน “จา” เผยทุกอย่างคลี่คลายไปในทางที่ดี ยันยังเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิม...“ได้พูดคุยกัน ได้ปรึกษาพี่ปรัชญาเหมือนเดิมครับ คือพี่ปัดก็เปรียบเสมือนพี่ผม ทุกอย่างเหมือนเดิมครับ”
ด้าน “พันนา ฤทธิไกร” ที่ออกมาให้สัมภาษณ์พร้อม “จา พนม” ขอแจงถึงเรื่องงบประมาณด้วยตัวเอง พร้อมพูดถึงการกลับมาทำงานต่ออีกครั้งของพระเอกนักบู๊ว่า
“เรื่องงบประมาณตอนนี้ก็ 300 ล้านแล้ว ก็จะพยายามเอาให้อยู่ครับ เพราะจากที่ตั้งไว้ 200 รึเปล่าจำไม่ได้ (หัวเราะ) ส่วนการกลับมาถ่ายทำครั้งนี้ถือว่าทุกอย่างเป็นปกติดี บรรยากาศเก่าๆ กลับมา ทำงานมันมาก แต่ก็ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ครับ นับตั้งแต่ช่วงที่กลับมาทำครั้งนี้ ผมว่าเขาโอเคมากๆ ไม่ว่าจะเรื่องระบบการทำงาน เรื่องการกำกับ อารมณ์นักแสดงแล้วตัววิธีตัดสินใจผมว่าค่อนข้างน่าจะเป็นผู้กำกับที่สมบูรณ์แบบครับ”
“ยังช่วยกันกำกับเหมือนเดิม อยู่เคียงข้างกันเลย นึกถึงสมัยขอนแก่น (หัวเราะ) ช่วงที่ร่วมงานกันแรกๆ ผมชอบช่วงนี้ มีความสุขมาก เราคุยงานกันแค่บนโต๊ะ แล้วก็ตัดสินใจว่าเราจะเอาซีนไหน พอทำงานจาจะออกหน้ากองตัดสินใจทุกอย่างด้วยตัวเอง ไม่ใช่เฉพาะฉากแอ๊กชั่นนะครับ ฉากอารมณ์ต่างๆ เขาทำได้ดีมาก ถ่ายแอ๊กชั่นมันเป็นความรู้สึกภายในด้วย ไม่ใช่แค่ต่อยเตะอย่างเดียว ผมว่าน่าทึ่งมาก โดยเฉพาะเอานาฏศิลป์มาเป็นเป็นการต่อสู้ด้วย เฮ้ย คิดได้ไงวะ”
ก่อนเผย “จา” เครียดน้อยลง หลังได้กลับมาทำหนังที่รักอีกครั้ง
“ตอนนี้แทบจะไม่เห็นเขาเครียดเลยนะ เวลาส่วนใหญ่อยู่แต่กับการทำงาน การซ้อม สำหรับช่วงเวลาที่มีปัญหา ผมว่าเขายังใหม่ต่อโลกอันกว้างไกลนี้ ต่อโลกธุรกิจ เขาเพิ่งกำกับหนัง ต้องเป็นเจ้าของบริษัทบริหารงาน ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิตเขา เขาคงรับตรงนั้นไม่ไหว เพราะเขาไม่เคยเจอ แต่ที่จริงมันเป็นธรรมชาติของสังคม เหมือนรักผู้หญิงครั้งแรก แล้วโดนทิ้ง เลยอกหัก ความจริงไม่มีใครแกล้งนะ ปัญหามันแกล้งตัวมันเอง”
พร้อมแฉ “ทนายจารุพล” ที่เคยอ้างตัวเป็นผู้ดูแลพระเอกนักบู๊ในช่วงที่หายเข้าไปในป่า ตลอดจนเก็บตัวเงียบไม่ติดต่อแม้กระทั่งพ่อแม่นั้น จู่ๆ ก็หายตัวไป ไม่เข้ามายุ่งกับ “จา” อีก...”ผมไม่เห็นเขาเลยครับ ไม่มีมายุ่งแล้ว ไม่มี ส่วนผมก็จะไม่ไปยุ่งเรื่องส่วนตัวเขา เราคุยกันเรื่องงานแล้วก็ความรู้สึกที่เขาอยากทำหนังต่อไปแค่นั้น”
จากนั้นผู้สื่อข่าวสอบถามถึงการกลับมาครั้งนี้มีข้อตกลงระหว่าง จา กับ สหมงคลฟิล์ม ผู้กำกับชั้นครูบอกไม่มีข้อตกลงใดๆ จนกว่า พระเอกนักบู๊จะหมดสัญญากับต้นสังกัดถึงจะได้ข้อสรุป
“ไม่มีครับ ผมกับจาไม่มีข้อตกลงอะไรกัน กลับมามีแต่ใจทำงานๆ ส่วนข้อตกลงที่จาเคยเรียกร้องมาก่อนหน้านี้มันสรุปกันที่ทำหนัง เขาอยากทำหนัง ชีวิตเขาคือได้ทำหนังเขาทำเต็มที่จริงๆ เขาทำหนังอย่างเดียวจริงๆ ไม่มีเรื่องบริหาร เพราะผมจัดการให้หมด ตอนนี้ไม่มีสัญญาอะไรแล้วครับ ทำงานปกติ ก็แล้วแต่ถ่ายไปจาหมดสัญญากับสหฯ เมื่อไหร่ค่อยไปคุยกัน”
ฟุ้งตอนนี้ตนและ จา เตรียมโปรเจ็กต์ใหม่เสนอ “เสี่ยเจียง” เรียบร้อยแล้ว...“แต่ตอนนี้ผมกับจา เราคิดเรื่องแอ๊กชั่นไว้แล้ว เพียงแต่ยังไม่มีบท และจะทำออกมาแบบไหนยังไม่รู้แต่ทำกับเสี่ยเจียงแน่นอน เพราะได้เข้าไปคุยกับเสี่ยไว้แล้ว เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร ตอนนี้ไม่มีปัญหาอะไรครับ เราก็ทำงานกันไป”