“เดี่ยว ชูพงษ์” ลั่นไม่กดดันโดนเปรียบเทียบฝีมือจา บอกต่างคนต่างทำงาน เผยตนไม่ใช่ลูกรักคนใหม่ของ "เสี่ยเจียง" แต่ดีใจที่ผู้ใหญ่ให้โอกาสแม้จะเคยมองข้ามตนไปก่อนแต่ก็ไม่เคยคิดน้อยใจ ส่วนเรื่องโกอินเตอร์ต้องรอ "ปรัชญา" เจรจาต่างชาติอีกครั้ง
เปิดตัวเล่นหนัง “เกิดมาลุย” แต่ดูเหมือนว่าไม่แรงเท่าดารานักบู๊รุ่นพี่อย่าง “จา พนม ยีรัมย์” โด่งดังและได้รับการดันเป็นลูกรัก “เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ” เจ้าของค่ายใบโพธิ์สหมงคลฟิล์ม แต่จู่ๆก็มาเกิดกระแสข่าว “จา พนม” หนีหายตัวและเกิดปัญหาขัดเคืองใจอยากจะฉีกสัญญา จนต้องตามตัวจ้าละหวั่น แถลงข่าวกันอยู่หลายรอบ ให้กลับมาถ่ายหนังเรื่ององค์บาก 2 ต่อให้จบ
ส่วน “ปรัชญา ปิ่นแก้ว” ผู้ที่เคยปลุกปั้นก็ออกมาให้สัมภาษณ์ชัดเจนว่า สัมพันธ์ต่างๆนั้นได้จบลงแล้ว คุยกับจาเฉพาะเรื่องงานเท่านั้น พร้อมดัน “เดี่ยว ชูพงษ์” พระเอกเบอร์รองของค่ายแทน งานนี้ หนุ่มเดี่ยวเผยถึงความรู้สึกครั้งนี้ก่อนมารับเล่นหนังตำนานสมเด็จพระนเรศวรภาค 3 แทน “จา”
“ผมมีโอกาสได้เข้าไปคุยกับท่านมุ้ยนะครับ ก็มีไปแคสกับท่าน ก็ต้องรอให้ชัวร์ก่อนนะครับ ยังพูดอะไรไม่ได้ แต่คงไม่มีใครแทนใครหรอกนะครับ ทำงานในบริษัทเดียวกัน เราก็ทำงานในส่วนของเราอย่างเต็มที่ ก็สนิทครับ เพราะตอนที่ยังไม่ได้ทำองค์บาก ก็อยู่ที่บาแรมยูก็เจอกันตลอด แต่ตอนนี้พี่เขาทำองค์บากก็เลยไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ ตอนนี้ก็ยังไม่ได้เจอหน้ากันเลยครับ”
ลั่นไม่กดดันคนเปรียบเทียบฝีมือกับ “จา พนม” บอกส่วนตัวแล้วรู้สึกเหมือนเป็นพี่น้องกัน บอกภูมิใจเสียด้วยซ้ำที่ “เสี่ยเจียง” ให้โอกาส อีกทั้งไม่เคยน้อยใจที่ก่อนหน้านี้ไม่ถูกดันเหมือนพระเอกนักบู๊รุ่นพี่ก็ตาม บอกตนไม่ใช่ลูกรักคนใหม่ของเสี่ยเจียง
“กดดันมั้ย ก็ไม่กดดัน เพราะ พี่จาก็ทำของพี่จา ผมก็ทำของผม คือเราจะแยกกัน แต่เราดูเหมือนเราเป็นพี่น้องกันมากกว่า ก็เลยจับมาเป็นประเด็น แต่คือจริงๆแล้วมันก็ไม่มีอะไรครับ ผมไม่อยากให้ไปเปรียบเทียบกับพี่จา เพราะทางพี่จาก็จะออกไปทางมวยไทยอยู่แล้ว"
“เสี่ยเจียงก็ให้ความกรุณาผมมาโดยตลอด รู้สึกภูมิใจและดีใจครับ ที่เสียให้ความอนุเคราะห์มาโดยตลอด ผมไม่เคยน้อยใจ รู้สึกดีใจด้วยซ้ำที่อย่างน้อยๆเราก็ยังมีงาน และมีผลงานออกมาให้ดูได้เรื่อยๆ มีอยู่ตลอด ไม่ใช่ว่าไม่มีเลย ถึงมันจะน้อยก็ไม่เป็นไร”
“คำว่าลูกรัก ผมว่าเสี่ย รักทุกคนเหมือนลูกอยู่แล้ว ไม่กดดันหรอกครับ ให้งานให้ความอบอุ่นเหมือนกันอยู่แล้ว”
เผยตอนนี้ฝึกวิทยายุทธ์ท่าต่อสู้อยู่ตลอด แม้จะยังไม่มีงาน ส่วนเรื่องโกอินเตอร์ต้องรอ “เสี่ยเจียง” เจรจากับทีมสร้างต่างประเทศเสียก่อน
“กับพี่ปรัชก็มีคุย แต่พี่เขาก็บอกให้เราทำงานในส่วนของเราต่อไปนะครับ ผมก็มีงานส่วนของเราอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ฝึกการต่อสู้อยู่เรื่อยๆแหละครับ ถึงไม่มีงานก็ยังฝึกอยู่เรื่อยๆ เพราะเราหยุดไม่ได้เราต้องฝึก เราต้องพร้อมอยู่ตลอดเวลา”
“โปรเจ็กต์กับต่างประเทศตอนนี้ก็ต้องรอเสี่ยนะครับ ต้องรออีกแป๊บ แล้วก็ต้องรอเสี่ยคุยกับพี่พันนาด้วย พี่ปรัชญาด้วย”
ก่อนเผยอยากเปลี่ยนเล่นบทอื่นดูบ้างเพื่อพิสูจน์ความสามารถของตนเอง
“ก็อยากเปลี่ยนนะครับ อยากเล่นหลายๆบทบาทอยากพิสูจน์ ความสามารถตัวเองว่าสามารถเล่นได้มั๊ย ไม่ได้มีแต่บทบู๊อย่างเดียว อยากเล่นตลก เพราะเวลาเจอพี่ๆ สื่อแล้วบอกว่าเราไม่ค่อยพูดคืออยากพิสูจน์มากกว่าว่าเราก็เล่นได้”
