เปิดฉากกันไปแล้วสำหรับการแสดง "เบรคเอาท์ ภารกิจ แดนซ์ซ่า ฮามิใช่น้อย" ที่เพิ่งเปิดการแสดงวันแรกไปเมื่อค่ำวานนี้ ( 1 ต.ค. ) ได้รับผลตอบรับดีเกินคาดหลังทำเอาทึ่งกันทั้งฮอลล์กับลีลาการเต้นของแต่ละคน เรียกได้ว่าเป็นละครเวทีที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัยอย่างแท้จริง
หลังจากเคยนำ จั๊มป์ Jump โชว์จากเกาหลีมาเปิดการแสดงให้คนไทยได้ขำกันสุดๆไปแล้วครั้งนี้ บีอีซี เทโร และ สิงห์ คอร์เปอเรชัน ได้นำการแสดง เบรคเอาท์ ภารกิจ แดนซ์ซ่า ฮามิใช่น้อย มาเปิดการแสดงที่เมืองไทยให้ได้ชมกันอีกครั้ง
โดยการแสดงครั้งนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการเต้น ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะสามารถผสานและลงตัวได้ดีกับการนำมาแสดงละครเวที
อย่างที่ทราบกันดีว่าตอนนี้วัฒนธรรมเกาหลีได้รับความนิยมและระบาดไปทั่วโลก โดยสิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดจากอุตสาหกรรมความบันเทิงตอนนี้ของเกาหลีนั่นคือ วัฒนธรรมการเต้น เบรคแดนซ์ ป๊อปปิ้ง ฮิปฮอป และ บี-บอย ที่ล้วนแล้วแต่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่ยอมรับของทั่วโลก จนเกิดเป็นไอเดียความคิดใหม่กับการนำรูปแบบการเต้นมาผสานเข้ากับบทละคร
เนื้อหาของละครเรื่องนี้เกี่ยวกับ นักโทษ 5 คนที่ออกจะซุ่มซ่ามแต่ก็ยังน่ารัก พวกเขาใช้ชีวิตแต่ละวันไปกับการทำงานและกิจวัตรซ้ำซากจำเจในโลกที่ถูกจำกัดขอบเขตด้วยผนังคอนกรีตสีเทาของนักโทษที่ถูกแยกเดี่ยว และถึงแม้ว่าพวกเขาจะโดนกดขี่และควบคุมตลอด 24 ชม. แต่นั่นก็ไม่ได้ทำลายอารมณ์ขันที่พวกเขามีอยู่ แต่แล้ววันเวลาอันแสนน่าเบื่อแบะสิ้นหวังก็เปลี่ยนไปเมื่อมีข้อความศักดิ์สิทธิ์โบราณตกลงมาสู่เรือนจำอย่างลึกลับ และด้วยพลังของข้อความศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง ทำให้พวกเขาได้รับรู้ความสุขและเริ่มที่จะโหยหาอิสรภาพ
จนกระทั่งในคืนที่มีพายุฝน พวกเขาตัดสินใจแหกคุกออกไปเพื่อได้ลิ้มรสกับความสุขแม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็เปี่ยมไปด้วยความสนุกเพราะหลังจากนั้นพวกเขาถูกตามล่า ซึ่งในระห่างหลบหนีพวกเขาได้หลุดเข้าไปในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งอย่างไม่ตั้งใจ ที่นี่เองพวกเขาได้ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ให้เป็ประโยชน์ ซึ่งดูเหมือนว่าการหลบหนีของพวกเขานั้นกำลังจะทำสำเร็จ ทำให้พวกเขาฝันถึงชีวิตใหม่ที่มีความสุข แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเมื่อที่สุดแล้วนักโทษแหกคุกทุกคนก็ถูกจับได้ในโบสถ์ที่พวกเขาใช้ซ่อนตัวอยู่
แม้ว่าเนื้อเรื่องย่อจะดูเคร่งเครียดไปบ้าง แต่ในส่วนของการแสดงนั้นกลับแตกต่างอย่างชัดเจน เปิดฉากด้วย หนังสือเล่มยักษ์บนเวทีที่เรียกได้ว่าเป็นข้อความศักดิ์สิทธิ์ โดยหนังสือเล่มนั้นได้รวบรวมเรื่องราวประวัติศาสตร์ต่างๆของโลก ซึ่งทั้งหมดล้วนจบลงที่การเต้นแทบทั้งสิ้นแม้แต่เรื่องการเมืองในเยอรมัน หรือการแข่งขันโอลิมปิก ซึ่งทำเอาคนดูขำกลิ้งกับไอเดียนี้ทีเดียว
ในส่วนของนักแสดงตัวเด่นทั้ง 5 คนได้ชื่อว่าเป็นนักโทษ แต่บทบาทในละครพวกเขากลับไม่ใช่นักโทษที่มีความน่ากลัวแต่อย่างใด แต่ละคนจะมีเอกลักษณ์ลักษณะเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนกันซึ่งเป็นเสน่ห์ของละครเรื่องนี้
ความแตกต่างของแต่ละคนเมื่อมาอยู่รวมกันกลับกลายเป็นแก๊งค์นักโทษที่น่ารัก ใสซื่อ และดูเหมือนจะทำให้เราคาดเดาได้ว่าความผิดติดตัวของนักโทษเหล่านี้น่าจะเกิดจากนิสัยส่วนตัวของแต่ละคนที่ล้วนแล้วแต่ซื่อบริสุทธิ์
ตลอดการแสดงแต่ละคนจะส่งผ่านเรื่องราวต่างๆผ่านทางการเต้น กับฉากแสงสีที่เรียกว่าไม่ได้เร้าใจอะไรมากนักแต่ก็ลงตัวดีกับการแสดง ที่ต้องการจะถ่ายทอดเรื่องราวผ่านทางสีหน้า ท่าทางของพวกเขามากกว่า รวมถึงการเต้นที่ทำให้เราตื่นตากับความมหัศจรรย์ของร่างกายมนุษย์
ในเรื่องนี้บทพูดมีน้อยมาก แต่ถึงมีก็ไม่มีอุปสรรคทางด้านภาษาแต่อย่างใดเพราะพวกเขาเปลี่ยนบทพูดเป็นภาษาไทยที่อาจจะดูแปล่งๆ แต่ก็เรียกเสียงฮาได้ไม่ใช่น้อย
สิ่งที่สัมผัสได้อีกอย่างคือ มิตรภาพ ความจริงใจ มนุษยธรรม ความภักดี ที่พวกเขาตั้งใจสื่อสารผ่านการเต้น บี-บอย แทบไม่น่าเชื่อว่าการเต้นเหล่านี้จะสามารถสื่อสารออกมาเป็นละครให้สัมผัสถึงความรู้สึกต่างๆได้ด้วย
นอกจากนั้นรูปแบบละคร มีการดำเนินภาพต่างๆให้เหมือนกับว่าเรากำลังชมภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง เพราะสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ชัดเจนของละครเรื่องนี้คือการใช้ภาพสโลโมชัน หรือ การเคลื่อนไหวช้าๆ และหยุดเป็นช็อตๆ เพื่อบอกรายละเอียดต่างๆ อย่างฉากที่แนะนำตัวนักโทษแต่ละคน ไม่ต่างจากที่เรานั้งดูภาพยนตร์เรื่องหนึ่งเลยทีเดียว แม้แต่การเต้นพวกเขาก็ทำเป็นภาพช้าได้ด้วย เพราะท่าหมุนหัวพวกเขาก็สามารถเต้นให้ช้าๆได้เช่นกัน
สิ่งที่น่ายกย่องเป็นพิเศษเห็นจะเป็นเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ กับการดัดแปลงฉากและอุปกรณ์ต่างๆที่มีอยู่ให้สามารถวนเวียนกลับมาใช้ได้อยู่เรื่อยๆ และที่สำคัญเรื่องของการเอนเตอร์เทน ที่งานนี้พวกเขาไม่ได้แสดงให้จบๆแต่บนเวทีเท่านั้น แต่การที่พวกเขาลงมาวิ่งเล่นข้างล่างเวที หยอกล้อกับคนดู ก็ล้วนแล้วแต่เป็นเสน่ห์ที่เรียกเสียงฮาได้ไม่น้อย นอกจากนั้นการแสดงบีท บ็อกซ์ ของเหล่านักแสดงที่ดัดแปลงเสียงเป็นเทิร์นเทเบิลหรือเสียงแซ็กโซโฟนก็ล้วนทำออกมาได้อย่างไม่มีที่ติ เรียกเสียงฮือฮาจากคนดูไปได้มากทีเดียว
เรื่องราวการแสดงของพวกเขาดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่องผ่านข้อความศักดิ์สิทธิ์ที่กลายเป็นตัวแปรสำคัญทำให้ใครที่แตะต้องหนังสือเล่มนั้น ต้องอดไม่ได้ที่จะแสดงพลังเท้าไฟของตนเองออกมา งานนี้รวมไปถึงเหล่าสาวๆที่รับบทแม่ชี นางพยาบาล และผู้คุมด้วย
โดยแต่ละฉาก แต่ละตอน จะมีมุขตลกๆ สอดแทรกอยุ่ตลอด ทำให้เราสามารถอมยิ้มและหัวเราะออกมาได้ทั้งเรื่อง จนกระทั่งถึงตอนจบที่แม้จะมีอารมณ์เศร้าซึ้งนิดๆ แต่เหล่านักแสดงก็ไม่ยอมให้ทุกคนกลับบ้านด้วยอาการน้ำตาคลอแน่นอน เพราะพวกเขาออกมาปรากฏตัวอีกครั้งเพื่อเอนเตอร์เทนให้ทุกคนลุกขึ้นเต้นไปกับพวกเขา กับลีลาบีทบ็อกซ์สุดมันเสมือนดีเจมาเปิดแผ่นเอง เรียกได้ว่าเป็นการจบฉากอย่างสมบูรณ์ทีเดียว งานนี้ใครต้องการรับชมความบันเทิงรูปแบบใหม่ไม่ควรพลาดจริงๆ
การแสดง Break Out จัดแสดงตั้งแต่วันที่ 1 - 5 ต.ค.นี้ ที่รอยัล พารากอน ฮอลล์ สยามพารากอน บัตรราคา 500/ 900/ 1,200 และ 1,500 บาทเริ่มจำหน่ายแล้วที่บูธไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา โทรจองบัตรได้แล้ววันนี้ที่ 02-262-3456 หรือที่ www.thaiticketmajor.com หรือ www.bectero.com