อุ้ม สิริยากร” ลุยการเมืองเอาชื่อเสียงเป็นประกันการันตี “ดร.แดน” วิพากษ์กทม. 4 ปีที่ผ่านมามีแต่ภาพจอมปลอม ชำแหละเละผู้สมัครผู้ว่าฯ วอนคนกรุงเทพอย่าเลือกเพื่อความสะใจ หรือเลือกเพราะความฮา
เริ่มนับเวลาถอยหลังกันแล้ว สำหรับการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกทม. ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 5 ตุลาคม ช่วงนี้จึงไม่แปลกที่การหาเสียงของแต่ละเบอร์จะมีสีสันเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ และถึงแม้ว่าจะมีโพลสำรวจออกมาดูเหมือนอดีตผู้ว่าฯคนเก่า “อภิรักษ์ โกษะโยธิน” นั้นมีคะแนนนำหน้ามากว่าใคร แต่ก็ไม่ทำให้ผู้สมัครผู้ว่าฯคนอื่นย่อท้อ ต่างฝ่ายต่างก็มียุทธวิธีที่จะเข้าถึงประชาชนโกยคะแนนชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯกันยกใหญ่
โดยเฉพาะ “อุ้ม สิริยากร พุกกะเวส” นางเอกชื่อดังถึงแม้ว่าจะไม่ได้ลงสมัครผู้ว่าฯกทม.กับเขาด้วย แต่ครั้งนี้เจ้าตัวบอกเหนื่อยอยู่ไม่น้อยเนื่องจากต้องมาทำหน้าที่เป็นทีมโฆษกช่วย “ดร.แดน เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์” ผู้สมัครอิสระเบอร์ 2 หาเสียง และถ้าดร.แดนสามารถคว้าตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.ไปได้ อุ้มก็จะเข้าไปเป็นหนึ่งในทีมงานของดร.แดนนั่งบริหารงานอยู่ที่ศาลาว่าการกทม. นับว่าเป็นก้าวแรกสำหรับเวทีการเมืองของอุ้ม
“อุ้มไปเจอดร.แดนที่งานๆ หนึ่ง วันนั้นอุ้มไปพูดแสดงความคิดเห็นในหัวข้อหนึ่ง พอพูดเสร็จเขาก็เดินเข้ามาหาแล้วบอกว่า ชอบความคิดของเรา คนที่มีอายุเท่านี้มีความคิดแบบนี้เขาไม่เคยเจอ อยากคุยด้วยจริงๆ เราก็เป็นคนที่สนใจเรื่องการบ้านการเมืองเหมือนกัน แต่แค่รู้สึกว่ายังไม่ได้มีจังหวะในการเข้ามาร่วม เพราะยังไม่เชื่อนโยบายของใครเป็นพิเศษ แล้วการที่จะเอาตัวเราลงมามันก็เสี่ยง แต่พอวันนั้นได้มานั่งคุยกับดร.แดนเราเข้าใจและเห็นความตั้งใจของเขาที่จะทำอะไรเพื่อสังคมเยอะมาก”
“หลังจากนั้นอุ้มก็เริ่มศึกษาข้อมูลประวัติและนโยบายของดร.แดนอย่างละเอียด ดูเวลาที่เขาให้สัมภาษณ์ออกสื่อ เรียกว่าทำการบ้านเยอะมาก และอุ้มเชื่อแล้วว่าเขาเป็นคนที่มีความสามารถมาก ที่สำคัญไปกว่านั้นอีกคือ เขาเป็นคนดีจริงๆ อุ้มเคยผิดหวังกับคนมาแล้วมากมายมหาศาลจนไม่กล้าที่จะเชื่อใคร เพราะกลัวเจ็บเราเจ็บปวดมาเยอะ”
“มาครั้งนี้ถ้าจะต้องผิดหวังกับใครอีก อย่างน้อยขอให้เรามีศรัทธาในความดีงามของมนุษย์และความตั้งใจจริงที่จะเข้ามาแก้ปัญหา แล้วเราจะไม่ตั้งคำถาม อุ้มบอกกับดร.แดนว่าอุ้มจะให้กับเขาแค่ 1 คะแนนไม่ได้เพียงแค่เดินเข้าคูหาแล้วกาคะแนนให้อย่างเดียวไม่ได้ เราต้องช่วยสุดกำลังถ้ามีอะไรให้ช่วยบอกมาเลย”
“เราไม่ได้ต้องการแค่คนเก่ง เราต้องการคนดีเรื่องนี้สำคัญ แต่ถ้าดีอย่างเดียวไม่เก่งก็ไม่ได้ ในเมื่อนานๆ จะเจอคนที่มีส่วนผสมครบสมบูรณ์แบบนี้ มีหลายคนบอกว่าดร.แดน เป็นใครไม่เห็นรู้จักเลย อุ้มอยากจะบอกว่าขอเวลาสักนิดเดียวเข้าไปในเว็บไซต์ของดร.แดน ( WWW.DrDancanDo.com) ลองศึกษาสักนิด หรือถ้าไม่มีเวลาไปหาข้อมูลขอให้เชื่ออุ้มเถอะ คิดดูว่าอยู่ดีๆ ใครจะบ้าลุกขึ้นมาทำแบบนี้”
“และการที่อยู่ดีๆ คนๆ หนึ่งจะก้าวออกมาข้างหน้ารับกระสุน กับอยู่เฉยๆ ที่บ้านก็สบายดีจะเอาตัวเองมาเสี่ยงทำไม ซึ่งอุ้มคิดว่าการที่เราใช้ชีวิตสบายๆ อยู่ที่ปลอดภัยในบ้านไปเรื่อยๆ แล้วยังไง ต่างคนต่างอยู่ แต่ถ้าเรามีศรัทธาในสิ่งใดแล้วเราต้องเชื่อในสิ่งนั้นและผลักดันมันให้สุดกำลัง”
“แต่ต้องเชื่อด้วยปัญญาไม่ใช่หลับหูหลับตา ไม่ใช่เชื่อเพราะแค่เห็นบ่อยๆ คิดว่าก็คงโอเคมั้ง มันไม่พอเราต้องลงไปศึกษาและพิจารณาดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น สี่ปีผ่านไปแล้วยังมานั่งพูดนโยบายเก่ากันอยู่เลย มันจึงเกิดคำถามว่า แล้วสี่ปีที่ผ่านมาทำไมไม่ทำ มันไม่ใช่เวลาน้อยๆ เราไม่อยากที่จะแปดปีผ่านไปแล้วต้องมานั่งถามอีกตรงนี้มันจึงทำให้เราอยู่เฉยไม่ได้ต้องลงมาช่วยใครทำอะไรได้ทำ”
“อุ้มทำงานมานานจนถึงแบบที่ว่าเราไม่อยากที่จะได้ชื่อเสียงเงินทองอะไร เพราะเรามีหมดแล้วรู้สึกว่ามันพอแล้ว ตอนนี้สิ่งที่คิดมุ่งหวังมาตลอดคือ อยากทำอะไรเพื่อคนอื่นเพื่อประเทศชาติบ้านเมืองจริงๆ แต่ไม่รู้จะทำอะไร ทำกับใคร ไว้ใจได้หรือเปล่า แต่พอได้คุยกับดร.แดน รู้สึกเลยว่านี่ไงคนที่เรารอมานาน ท่านมีความรู้ความสามารถเราไม่ลองให้โอกาสเขาดู จริงอยู่ว่าเดี๋ยวนี้คนเก่งคนเรียนหนังสือจบเมืองนอกมีเยอะแยะ แต่จะมีสักกี่คนที่ตั้งใจไปเรียนเพื่อที่จะนำความรู้นั้นกลับมาช่วยบ้านเมืองตัวเอง”
“อุ้มคิดว่าอุ้มไม่ใช่สลักสำคัญบ้านเมืองสำคัญกว่า ถ้าชื่อเสียงอุ้มมีเท่านี้แล้วมันพอช่วยอะไรได้บ้างอุ้มจะเอามามอบให้ เราไม่ได้ทำเพื่อ ดร.แดน เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ เรามีบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง แล้วการที่คนๆ นี้เป็นผู้นำที่จะพาเราเดินไปทางเจริญได้ อยากจะบอกทุกคนว่าไปด้วยกันไหม กรุงเทพฯจะไปด้วยกันไหม ถ้าไปทุกอย่างจะเจริญมากๆ แต่ถ้าไม่เชื่อไม่เป็นไรเราจะเห็นกรุงเทพฯ เป็นแบบนี้ เป็นแบบที่ผ่าน”
นอกจากได้พูดคุยสืบค้นศึกษาประวัตินิสัยใจคอจนเป็นที่ประทับใจแล้วสิ่งหนึ่งที่ทำให้นางเอกอารมณ์ติสชื่อดัง “อุ้ม สิริยากร พุกกะเวช”ยอมที่จะเอาชื่อเสียงของตัวเองมาแลกเป็นเดิมพันกับการมาช่วยหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่ากทม.ให้กับ ดร.แดน เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ แล้วเจ้าตัวยังเผยเรื่องนโยบายก็เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ตนเชื่อมั่นและศรัทธาต่อผู้สมัครท่านนี้
“นโยบายถือเป็นเรื่องสำคัญ ดร.แดน รอบคอบมีจินตนาการในการคิดนโยบายของเขา โดยที่มีข้อมูลอยู่ในมือและเข้าไปศึกษาปัญหาจริงๆ นโยบายไม่ใช่แค่โครงการ แต่มันเป็นเรื่องจริงที่ครอบคลุม ซึ่งนโยบายเด่นๆของ ดร.แดน ที่รู้สึกชอบเป็นเรื่องของ Metro Port เราทำงานเปิดบริษัทเป็นของตัวเองและเพิ่งจะปรับให้ทุกคนในบริษัทสามารถที่จะทำงานอิสระต่อกันไม่ต้องเข้าออฟฟิตทุกวัน รู้สึกว่าชีวิตทุกคนดีขึ้นมากทุกคนทำงานจากจุดของตัวเองจากบ้านก็ได้”
“แต่ปัญหาคือการทำงานจากบ้านตอนนี้มันยังขาดบางอย่าง มันต้องไปหาที่ส่งอีเมล์ไม่มีแมสเซนเจอร์หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ออฟฟิศควรจะมี เพราะฉะนั้นนโยบายเรื่อง Metro Port อุ้มว่าจะช่วยในการแก้ปัญหารถติด มลภาวะจะลดลงไม่สิ้นเปลืองพลังงาน ปัญหาสภาวะน้ำมันขาดแคลนจะลดลง ถ้ามันมีตัวเลือกทำไมคนจะไม่เลือก เพราะที่ผ่านมามันไม่มีทางเลือกทุกคนก็ต้องขับรถเข้าเมือง ถามจริงๆ เถอะใครอยากรถติดบนถนนทุกวันเช้า-เย็น มันเสียสุขภาพจิต ถ้ามันมีแบบนี้แล้วมันเวิร์คคนจะได้หยุดการจราจรเข้าเมือง”
“แต่ถ้ามีการเข้าเมืองก็เพิ่มสายรถไฟฟ้าให้เยอะมากขึ้น มีคนมาพูดกับอุ้มเองว่า เส้นลาดพร้าวทำไมไม่มีรถไฟฟ้าเป็นเส้นที่มีรถติดและเป็นสายหลักคนอยู่มหาศาลมาก ก็เลยบอกเขาว่ากำลังจะมีเลือก ดร.แดน สิ ทุกอย่างที่พูดอยู่ในนโยบายหมดมีการคำนวณงบประมาณออกมาชัดเจน”
“อย่างเรื่องนโยบายการใช้ Bangkok Card ก็ชอบ ในประเทศต่างๆ ที่มีเมืองหลวงใหญ่ๆ เขาจะใช้บัตรนี้ทั้งนั้น มันใช้แทนทุกอย่าง ซึ่งดร.แดนเรียกว่าบุฟเฟ่ต์ไม่ว่าจะเป็นรถเมล์ รถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน เรือ เรือด่วน ใช้ได้มันจะเชื่อมโยงกัน แต่จะมีคนพูดว่าทุกอย่าอย่างมันไม่ใช่ความรับผิดชอบของกรุงเทพฯ ทั้งหมด คุณจะทำงานได้อย่างไร หน้าที่ของกรุงเทพฯไม่ใช่ทำเองไปซะทุกอย่าง มันต้องมีการประสานแล้วกระจายออกไปก่อให้เกิดสิ่งเหล่านี้”
“บางคนก็พูดว่าไม่มีพรรคไม่มีพวกจะทำงานได้อย่างไร แล้วที่ผ่านมาผู้ว่าฯ ที่มีพรรคทำงานได้เหรอ การไม่มีพรรคยิ่งทำงานง่ายขึ้นเราเชื่ออย่างนั้น ใครจะบอกว่าใสซื่อน้องนางบ้านนาแสนซื่อความจริงมันไม่ง่ายขนาดนั้น แต่อุ้มขอศรัทธาในสิ่งที่คิด แล้วขอสักครั้งได้ไหมเราต่อสู้แสนเจ็บปวดกับเรื่องพรรคมาแสนยาวนาน ขอได้ไหมให้กรุงเทพฯ มาเป็นพื้นที่อิสระ แล้วเราทำเพื่อเมืองด้วยกัน ข้าราชการหกหมื่นคนอุ้มคิดว่า ทุกคนมีความตั้งใจที่ดีที่จะทำให้มันเจริญ มันขาดแค่พ่อเมืองที่มีความตั้งใจจะแก้ปัญหาจริงๆ แล้วนำพาเขาไป”
จวกการบริหารงานกทม. 4 ปีที่ผ่านมามีแต่ภาพจับต้องไม่ได้
“ที่ผ่านมามันเศร้าใจเห็นรถดับเพลิงจอดเรียงกันแปดคันใช้เงินไปหกพันล้าน ถ้าจะให้ใช้งานได้จริงๆ ต้องเอาเงินลงไปอีกสี่พันล้านบาท รวมหมื่นล้านบาท นี่เป็นเงินภาษีเราเหมือนกันนะทำอะไรกันลงไป ที่ผ่านมามันมีอะไรแบบนี้เต็มไปหมด มันไม่ใช่ข้อดีมันมีอะไรที่เสียหาย อย่าตกอยู่ในภวังค์”
“อุ้มเชื่อว่าที่ผ่านมานั้นอุ้มทำสิ่งที่ดีงามเอาไว้พอสมควรและสิ่งเหล่านั้นมันน่าจะช่วยทำให้คนเชื่อถือและหันมาสนใจว่าผู้สมัครเบอร์ 2 คนนี้เป็นใคร คนที่ยังไม่ปักใจอะไรฉันยังไม่รู้จะเลือกใครยังไม่ตัดสินใจอยากให้ลองหันมาศึกษานโยบายของแต่ละคน อุ้มเชื่อว่าทุกคนต้องวุ่นวายกับเรื่องการทำมาหากินกัน แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราต้องใส่ใจ เพราะว่ากรุงเทพที่เราอยู่อาศัยในสี่ปีข้างหน้า ถ้าเราเลือกคนผิดมันจะอันตรายมาก”
“เราก็เห็นแล้วสี่ปีที่ผ่านมา ทุกคนทำหน้าที่กันเต็มที่แต่ทุกคนต้องพิจารณาว่า จริงๆ แล้วมันมีแต่ภาพที่เห็นแล้วมีเนื้อหามีความตั้งใจที่จะทำงานแก้ปัญหาอยู่เบื้องหลังจริงๆ หรือเปล่า อุ้มสงสัยเรื่องนี้มาตลอดตั้งแต่ก่อนที่จะรู้จักกับ ดร. แดนด้วยซ้ำ เราเห็นการทำงานของกรุงเทพฯ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแล้วคิดว่ามันจะยั่งยืนไหมกับการทำแบบนี้เห็นแต่ภาพ”
“ถ้าเราถูกขายด้วยภาพได้มันก็น่าเป็นห่วง เราไม่ได้อยู่ด้วยภาพปลอมๆ กรุงเทพฯ เป็นเมืองน่าเที่ยวอันดับหนึ่งนั้นเป็นอีกเรื่อง แต่อุ้มคิดว่าเราอยู่ที่นี่ไม่ใช่แค่มาเที่ยวกรุงเทพฯ ดัชนีชี้วัดมันสวนทางกันการท่องเที่ยวกับการอยู่อาศัย บางคนไม่กล้าพูดถึงเรื่องดัชนีที่อยู่อาศัย เพราะสี่ปีที่ผ่านมามันตกลงมาก อย่างฝรั่งมาเที่ยวเห็นแผงอาหารข้างทางตื่นเต้นสนุกจังเลย ถ้ามองกลับกันเวลามีแผงอาหารไปตั้งขายหน้าบ้านคุณจะสนุกตื่นเต้นไหม”
“ที่ตรอกข้าวสารดีมากมีชีวิตชีวามีสีสัน แต่เราไม่ได้อยู่อาศัยที่ๆ น่าตื่นเต้นแบบนั้น เราต้องการที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัยมีความก้าวหน้าของชีวิต ต้องการแก้ปัญหาจากรถติดด้วยวิธีการแก้ปัญหาจริงๆ ไม่ใช่อยู่ดีๆ มาพูดว่าจะแก้ปัญหาเรื่องรถติดแล้วก็จบ แต่ว่านโยบายของ ดร.แดน บอกอยู่เสมอว่ารถติดเพราะปริมาณรถมันมากกว่าถนนอย่างมหาศาลและหมักหมมมานานแสนนาน”
“ฉะนั้นเราต้องลดปริมาณรถที่สัญจรเข้ามาในเมือง ทุกคนต้องเข้ามาทำงานในเมืองก็ตั้ง Metro Port รอบๆ เมือง ทุกคนจะสามารถทำงานข้างนอกได้แล้วใช้กลไกลทางด้านภาษีหรืออะไรก็แล้วแต่ มาสนับสนุนให้เอกชนเองเกิดแรงจูงใจที่จะลงทุนร่วมกันมี Wimax ที่จะสามารถทำงานได้ทุกที่ไม่ใช่แค่ถนนสิบสายอย่างปัจจุบัน”
“จะมีกระแสะประชาชนรอบนอกโจมตี ดร.แดนว่าเป็นผู้สมัครของคนมีการศึกษา แต่ลองมาดูนโยบายจริงๆ ว่ามันทั่วถึงทุกที่อยากจะช่วยคนรอบนอกมากๆ จากที่เราไปคุยกับหลายคนที่อาศัยอยู่บริเวณรอบนอกของกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่จะบอกว่าเขาเหมือนประชาชนชั้นสองไม่ได้รับการดูแล โดยเฉพาะเรื่องการเก็บขยะเนื่องจากรอบนอกไม่ค่อยมีของมีค่าที่เขาจะเอาไปแยกขายได้เลยเก็บแค่รอบในอย่างเดียว “
“ตรงนี้นโยบายของเรามีการเก็บขยะทุกวันเรียกเก็บได้ภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อคนรอบนอกจะได้มีบ้านเรือนที่สะอาดเหมือนกัน ซึ่งจะเห็นว่านโยบายทุกอันมันคิดมาจากปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วทั้งนั้น อย่างเรื่องความปลอดภัยของสตรีในซอยเปลี่ยวเคยมีผู้หญิงท่านหนึ่งมาบอกกับ ดร.แดน ตอนที่เดินหาเสียงว่าเขาเคยโดนข่มขืนในซอยนี้ ท่านรู้สึกว่าเรื่องนี้มันปล่อยไว้ไม่ได้เรื่องความปลอดภัยกับชีวิตและทรัพย์สินมันเป็นเรื่องสำคัญ”
เผยโดนผู้สมัครผู้ว่าฯ บางคนลอกเลียนนโยบายจนทำให้มีคะแนนนิยมมากขึ้น
“จะเห็นได้ว่านโยบายแต่ละข้อของ ดร.แดน นั้นจะมาจากข้อมูลและปัญหาที่เกิดขึ้นจริงๆ จนทำให้ผู้สมัครรายอื่นเอาไปพูดเป็นของตัวเอง มีผู้สมัครบางรายที่คะแนนเพิ่งขึ้นก็เพราะเขาเอานโยบายคนอื่นไปพูดบางคนเราจับตาดูมาตั้งแต่ต้นไม่เคยมีนโยบายหาเสียง แต่พอได้ฟังผู้สมัครคนอื่นออกมาพูดก็มีนโยบายขึ้นมาทันที
“อันนี้ดร.แดน บอกอยู่เสมอว่าอย่าพูดโจมตีคนอื่นเขาอยากจะแข่งขันกับตนเองแล้วให้คนกรุงเทพฯตัดสินท่านเอง แต่อุ้มรู้สึกว่าบางเรื่องเป็นข้อเท็จจริงที่ต้องมีการบอกเล่าไม่พูดเลยมันทนไม่ไหว เราขอพูดในฐานะที่เป็นคนกรุงเทพฯคนหนึ่ง"
"อย่างเรื่องผู้สมัครหญิงคนหนึ่ง อุ้มอยากบอกกับผู้หญิงทุกคนถ้าคุณจะเลือกเขาแค่เล่นๆ ขำๆ ไม่รู้ว่าจะเลือกใครเอาคนนี้ล่ะฮาดี อย่าทำแบบนั้นเลย อย่าเอาคะแนนไปทิ้งน้ำ อย่าไปเลือกเพื่อความสะใจแค่เดินเข้าคูหามันไม่ขำนะไม่ตลก เสียดายถ้าจะเลือกแบบนั้นเอาคะแนนมาให้ดร.แดนเถอะ”
“ทุกคนต้องช่วยกันคนที่ยังไม่ได้มีการตัดสินใจว่าจะเลือกใครมีผลมากกับการเลือกตั้งครั้งนี้ บางคนว่าจะไม่ออกมาเลือกตั้งก็ขอให้เปลี่ยนใจ แล้วเลือกเบอร์ 2 คะแนนบางคะแนนเราอาจคิดว่าเขาโผงผางสนุกดีลองคิดดีๆ อุ้มไม่ได้เอ่ยชื่อใครและพูดถึงใครโดยเฉพาะ แต่มีใครไหมที่ย่ำยีผู้หญิง เรามองไปรอบๆ คนที่ออกมาเรียกร้องความสนใจในปัจจุบันนี้มีใครบ้างที่ย่ำยีผู้หญิง อุ้มรู้สึกรับไม่ได้นั่นมันเพศหญิง แล้วกล้าดีอย่างไรถึงลงสมัคร”
“สิ่งที่ดีที่สุดพระพุทธเจ้าทำคือ ไม่ต้องไปให้ความสนใจ อย่าไปพูดถึง อย่าไปทำข่าว ปล่อยเขาไป เราพิจารณาที่ความตั้งใจและนโยบายคิดได้รอบด้านรอบครอบละเอียดถี่ถ้วนหรือเปล่าใครบ้างที่มีแต่ภาพแต่ไม่มีนโยบาย แค่มองป้ายหาเสียงเราก็รู้แล้วว่าใครขายภาพบ้าง อย่าถูกสะกดจิต คนในกรุงเทพฯ อย่าถูกสะกดจิตอีกเลยเราอยู่ในภวังค์มานานมากแล้ว อย่าคิดแค่ว่ามันดีมั้ง”
“เราอาจจะเห็นแผงระแนงแขวนต้นไม้เหี่ยวๆ ที่ตามป้ายรถเมล์ แล้วมาบอกว่า เพราะกรุงเทพฯ ไม่มีพื้นที่ป่าปลูกพืชที่มันยั่งยืนอะไร แล้วอย่างอื่นล่ะ การจัดสรรทรัพยากรคน เงินที่มีอยู่แล้วนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด มนุษย์ต่างๆ มันมีความบกพร่องให้เราได้คิดอยู่เสมอ กรณีรถดับเพลิงก็ยังไม่เคลียร์ ทำไมไม่คิดก่อนว่าถ้ายังไม่ขาวสะอาดบริสุทธิ์ ยังจะกล้าที่จะอาสาทำงานนี้ไหม”
“เราต้องมาช่วยกันเปลี่ยนแปลงกรุงเทพ อันดับแรกต้องเปลี่ยนแปลงผู้ว่าฯ สิ่งที่ดีควรที่จะทำต่อไปจะได้ไม่ต้องไปเริ่มต้นใหม่ มันไม่ใช่นักการเมืองไม่เอานโยบายพรรคอื่นมันไม่ใช่ บ้านเมืองรอไม่ได้มีอะไรดีเราก็เก็บไว้แล้วเริ่มทำสิ่งใหม่ที่ดี บทบาทหน้าที่ที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ การหาข้อมูล อย่าบอกว่าไม่เห็นมีใบปลิวมาแจกที่บ้านเลย มันมีวิธีที่จะเข้าถึงข้อมูลมากมายมหาศาล”
“ต้องฝากขอโทษจริงที่ไปไม่ถึง เพราะกรุงเทพมันกว้างใหญ่ไพศาลเวลาเราน้อยมาก ในขณะที่บางคนอยู่หน้าสื่อมาหลายปี อยากที่จะขออะไรอย่างได้ไหม ช่วยเข้าไปหาข้อมูลให้หมดทุกคนแล้วเปรียบเทียบพิจารณาดูว่า อันไหนคือนโยบายจริงๆ อันไหนเป็นแค่ภาพ แล้วอันไหนคือผักชี เราเบื่อผักชี ที่สำคัญมันเหี่ยวหมดแล้วด้วยตอนนี้ถ้าดร.แดนรู้ว่าอุ้มพูดจาแบบนี้คงโดนดุ แต่ว่านาทีนี้จะมาเกรงอกเกรงใจคงไม่ได้แล้ว”
ถ้าความพยายามในการหาเสียงครั้งนี้ประสบความสำเร็จ “อุ้ม สิริยากร” ก็จะเป็นหนึ่งในทีมที่จะเข้าไปทำงานที่ศาลาว่าการกทม. กับ “ดร.แดน”
“ข่าวลงไปว่าอุ้มมาช่วยในฐานะโฆษก ซึ่งจริงๆ ตรงนี้อุ้มช่วยอยู่ในทีมทุกอย่าง แต่ว่าทางดร.แดนคงต้องบอกว่ามีตำแหน่งอะไรสักอย่าง แต่ในแง่ความเป็นจริงเราช่วยกันทุกทางแบบช่วยหาเสียงด้วยนั่นแหละ ตอนนี้เรายังไม่มีการเปิดตัวทีมงาน แต่ยังไงอุ้มก็ต้องเข้าไปด้วยแน่นอน เราต้องเข้าไปช่วยทำงานที่ศาลาว่าการกรุงเทพฯ”
“ดร.แดน พูดตั้งแต่ต้นว่าท่านไม่ได้ชวนอุ้มมาหาเสียง ในวันที่ชวนท่านพูดว่า อุ้มครับถ้าผมได้เป็นผู้ว่ากรุงเทพฯ ช่วยเข้าไปช่วยทำงานด้วยกัน ซึ่งอุ้มมีความคิดเห็นและมีเรื่องที่คิดไว้เกี่ยวกับเมืองอยู่เยอะมาก เราก็บอกดร. ว่าเราสนใจเกี่ยวกับเรื่องศิลปวัฒนธรรมมากๆ อยากที่จะเข้าไปทำเรื่องนี้ไม่ได้อยากได้ตำแหน่งอะไร”
“อยากที่จะให้ท่านสนับสนุนในเรื่องที่ควรต้องทำ และนั่งเล่าบอกให้ฟังว่าอุ้มคิดแบบนี้ มีเรื่องอะไรที่ควรต้องทำบ้าง ซึ่งมันเป็นเรื่องจุกจิกละเอียดไม่ใช่ภาพใหญ่ทั้งหมด ท่านฟังจบท่านถึงได้ชวนเรา ตอนแรกรู้สึกสงสัยว่าท่านชวนทุกคนหรือเปล่า ปรากฏว่าท่านก็ไม่ได้ชวนคน คือไม่ได้ชวนไปเรื่อยไม่ใช่นักการเมืองหาเสียง ในที่สุดเราก็โอเค เพราะเราเข้าไปไม่ใช่เพราะว่าเป็นดาราหรืออะไร เข้าไปช่วยกันคิดต้องนึกไว้ในแง่หนึ่งว่า อุ้มเรียนนิเทศศาสตร์มาแล้วทำงานในสื่อมาสิบปี และอุ้มก็ไม่ได้เล่นละครอย่างเดียวเราทำงานด้านอื่นๆ ด้วย”
“แต่อุ้มไม่คิดว่าสิ่งนี้เป็นการเมืองหรือว่าอะไร คิดว่าเรามาช่วยบ้านเมืองและไม่ได้เล่นการเมือง ถ้าเล่นการเมืองมันเป็นอีกแบบหนึ่งต้องมีการสร้างฐานเสียง แต่ถ้าได้เข้าไปทำในทีมนี้จะรู้ว่ามันไม่ใช่การเล่นการเมือง แต่สิ่งหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ การที่เราจะต้องขออำนาจรัฐเข้าไปมีอำนาจการตัดสินใจได้ เราต้องได้อำนาจจากรัฐและอำนาจจากรัฐก็มาจากประชาชนอีกทีด้วยวิธีการเลือกตั้ง”
“ฉะนั้นถ้าเกมส์มันเป็นแบบนี้เราต้องเล่นเกมส์นี้อุ้มจะไม่เย้วๆ ที่อื่น ไม่มีการไปเรียกร้องชุมนุมข้างนอกกรอบมันต้องมีกติกา”
“ส่วนในอนาคตถ้ามีพรรคการเมืองสนใจติดต่ออุ้มเล่นการเมืองถ้าถามตอนนี้คือ คนเราเปลี่ยนแปลงกันได้แต่ ณ ปัจจุบันนี้ที่อุ้มเข้ามาช่วยเพราะดร. แดนเป็นผู้สมัครอิสระ และอย่างที่บอกว่าเราทุกคนเห็นความเจ็บปวดและความหยุดชะงักของการพัฒนาจากการทะเลาะของพรรคการเมืองอยู่ตรงหน้า เรายังเชื่อในสิ่งนี้กันอยู่หรือ”
“การเมืองใหญ่มันช่วยไม่ได้ต้องอิงพรรค เพราะมันใหญ่เกินไป การที่ผู้สมัครอิสระจะเข้าไปลงเลือกตั้งเป็นนายกฯ ได้ระบบมันบังคับอยู่ว่าคุณต้องเล่นการเมืองแบบมีพรรค แต่สนามนี้มันทำได้อุ้มถึงมาช่วย แต่เรื่องการเมืองใหญ่ระดับชาติ อุ้มยังไม่คิดอะไรแบบนั้นเอาไว้เป็นเรื่องของอนาคตก่อนดีกว่า”
