ที่ สน.ดุสิต เมื่อเวลา 17.30 น. วานนี้ (7 ส.ค.) นายชัยรัตน์ ขนิษฐบุตร นิติกร 9 รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักกฏหมาย สำนักงานคตณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ สิงห์ไกร รอง ผกก.สส.สน.ดุสิต เพื่อแจ้งความให้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้นุมนุมที่รวมตัวกันด่าทอคณะกรรมการป.ป.ช. ด้วยถ้อยคำหยาบคาย ในข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ เพื่อให้ดำเนินคดีตามกฏหมายอาญา มาตรา 136 และข้อหา ซ่องโจร ตามกฏหมายอาญา มาตรา 210 โดยนำหลักฐาน เป็นแผ่นซีดีประมวลภาพการชุมนุมของกลุ่มต่อต้านคณะกรรมการป.ป.ช.จำนวน 33 แผ่น แผ่นบันทึกภาพและเสียง(วีซีดี) จำนวน 1 แผ่น พร้อมหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษ มอบให้กับพนักงานสอบสวน
ทั้งนี้ หนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษดังกล่าวระบุว่า ครั้งแรก เมื่อวันที่ 22 ก.ค. นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข กับพวก ในนามกลุ่มต่อต้านพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายวรัญชัย โชคชนะ กับพวก ในนามกลถุ่มต่อต้านพันธมิตรฯ นางสุนันทา ธรรมธีระ กับพวกในนามกลุ่มสตรีเพื่อประชาธิปไตย รวมประมาณ 50 คน ได้เดินทางมาที่สำนักงานป.ป.ช. และกล่าวถ้อยคำอันเป็นการดูถูกเหยียดหยาบ สบประมาท ด่าทอ ทำให้อับอายขายหน้า เช่น เป็นคณะกรรมการเถื่อน เป็นคณะกรรมการปราบปรามคนดีปอกลอกงบประมาณแห่งชาติ มีอคติกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เอนเองเลือกปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นกรณีเขายายเที่ยง กรณีนางจารุวรรณ เมณฑกา
นอกจากนี้ ยังนำป้ายผ้าสีดำ เขียนข้อความว่า คณะกรรมการปราบปรามคนดี ปอกลอกงบประมาณแห่งชาติ ปิดทับป้ายหน้าสำนักงาน ป.ป.ช. และนำโลงศพจำนวน 9 โลง มาวางหน้าป้ายสีดำ ซึ่งเป็นการแสดงให้ผู้อื่นหรือประชาชนเข้าใจว่า เป็นโลงศพของคณะกรรมการป.ป.ช.ทั้ง 9 คน จากนั้นได้นำมาเผา
ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 23 ก.ค. นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล กับพวกในนาม กลุ่มพิราบขาว 2006 ใช้รถบรรทุกเครื่องขยายเสียง กล่าวหาดูหมื่นคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยใช้ถ้อยคำว่า ประธานกรรมการป.ป.ช.และพวก เป็นคนเห็นแก่เงินเดือน และมาโดยไม่ถูกต้อง ไร้ต่อมคุณธรรม เนรคุณแผ่นดิน เป็นซากเดนพวกกบฏ รับใช้ทรราช ดีแต่ปกป้องพรรคประชาธิปัตย์
ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 29 ก.ค. เวลา 11.30 น. นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข กับพวก ในนามกลุ่มต่อต้านพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และในนามกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย นายสุเทพ วิภาตะวณิช กับพวก นางสุนันทา ธรรมธีระ กับพวกในนามกลุ่มสตรีเพื่อประชาธิปไตย และนายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล กับพวกในนามกลุ่มพิราบขาว 2006 ประมาณ 300 คน เดินทางมารวมตัวที่หน้าสำนักงานป.ป.ช. กล่าวถ้อยคำเป็นการดูหมิ่นคณะกรรมการป.ป.ช. เช่น คณะกรรมการป.ป.ช.เข้ามาทำหน้าที่อย่างไม่ถูกต้อง เป็นพวกรับใช้เผด็จการ ปล้นอำนาจอธิบไตยจากประชาชน เอนเอียงและเลือกปฏิบัติ นอกจากนี้ ยังนำกระเบื้องจำนวน 9 แผ่น เขียนถ้อนคำและติดภาพและชื่อกรรมการป.ป.ช. เพื่อให้ประชาชนหรือผู้อื่นเข้าใจว่า กรรมการป.ป.ช.หน้าหนา
ครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. เวลา 10.00 น. นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข กับพวก ในนามกลุ่มต่อต้านพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และในนามกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย นางสุนันทา ธรรมธีระ กับพวกในนามกลุ่มสตรีเพื่อประชาธิปไตย ได้รวมกลุ่มกันที่ลานพระราชวังดุวิต (ลานพระบรมรูปทรงม้า) เดินผ่านถนนพิษณุโลก หน้าสำนักงานป.ป.ช. และถนนนครปฐม หน้าอาคารที่ทำงานของคณะกรรมการป.ป.ช. โดยระหว่างเดิน มีการกล่าวถ้อยคำแสดงการดูถูกเหยียดหยาม สบประมาท ด่าทอ ทำให้อับอายขายหน้า เช่น คณะกรรมการป.ป.ช.มีฐานะเท่ากับเหี้ย เป็นป.ป.ช.เถื่อน ป.ป.ช.ทั้ง 9 คน ตามจำนวนตัวเหี้ยที่อยู่ในกรง พร้อมทั้งเขียน ชื่อกรรมการป.ป.ช.ไว้บนตัวเหี้ย และมีการปล่อยตัวเหี้ยเข้าไปในสำนักงานป.ป.ช.
หลังเข้าแจ้งความร้องทุกข์ และมอบหลักฐานทั้งหมดกับพนักงานสอบสวน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นายชัยรัตน์ เดินทางกลับทันที โดยไม่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน
ด้านพ.ต.อ.สมชาย เชยกลิ่น ผกก.สน.ดุสิต กล่าวว่า เบื้องต้น ตำรวจจะรับเรื่องร้องทุกข์และลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นจะดำเนินการสอบปากคำ โดยจะส่งเรื่องต่อให้คณะทำงานของ บก.น.1 เพื่อพิจารณาว่า การกระทำดังกล่าว เข้าข่ายดูหมิ่น หรือหมิ่นประมาทหรือไม่ หากเข้าข่าย จะดำเนินการตรวจสอบว่า ผู้ที่กระทำเป็นใคร จากนั้นจะเรียกตัวมาแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป
สำนักราชเลขาฯรับรองที่มาป.ป.ช.
นาย วิชา มหาคุณ คณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีที่ ป.ป.ช.แจ้งความดำเนินคดีอาญากับกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตยและเครือข่ายกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยไม่เอาเผด็จการ(นปก.) เนื่องจากกลุ่มดังกล่าว เดินทางมาชุมนุมและก่อความและปล่อยตัวเงินตัวทองเข้าไปในสำนักงาน ป.ป.ช. ว่า ป.ป.ช.ได้รวบรวมข้อมูลครบถ้วนแล้ว ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงาน การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดมาตรา 136 ประมวลกฎหมายอาญา เข้าข่ายอั้งยี่ซ่องโจรจึงให้ตำรวจดำเนินการกับผู้บงการและผู้สนับสนุนอีกด้วย ซึ่งเรามีหลักฐานทั้งหมดทุกอย่าง ได้ถ่ายวิดีโอไว้ทั้งหมด เจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวได้เก็บภาพไว้หมด ว่าเป็นใครบ้าง มีการระบุชื่อบุคคลด้วยมีประมาณ 100 กว่าคน ส่วนชื่ออยู่ในรายะละเอียดที่ตำรวจจะดำเนินการและเรื่องผู้สนับสนุน ผู้ใช้ ต้องเป็นเรื่องของตำรวจที่ต้องหามา เพราะอันนี้เป็นการร่วมกันกระทำผิด
นายวิชา เปิดเผยด้วยว่า ป.ป.ช.ได้รับข้อมูลมาเรียบร้อยแล้วจากสำนักราชเลขาธิการสำนักพระราชวังอนุญาตให้เปิดเผยข้อมูลได้การรับรองที่มาของ ป.ป.ช.ในกรณีที่ไม่ได้มีการโปรดเกล้าฯ
"เราจะเอาใส่ในสมุดปกขาว ซึ่งจะได้ชี้แจงกับประชาชนต่อไป คาดว่าสัปดาห์หน้าจะเรียบร้อย จะได้เผยแพร่กับประชาชน สื่อมวลชนและองค์กรอื่นๆ ทั้งหมด ได้ในสัปดาห์หน้า ทั้งหมดเป็นหลักฐานจากสำนักราชเลขาธิการ ครบถ้วนทุกอย่างครบถ้วนหมดแล้ว' นายวิชา กล่าว
กกต.ขู่ฟ้อง3เกลอโจมตีผ่านNBT
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต.) กล่าวถึง นายวีระ มุสิกพงษ์ นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน และนายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ดำเนินรายการ ความจริงวันนี้ ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ NBT ของกรมประชาสัมพันธ์ จัดรายการกล่าวหาว่า กกต.มีความไม่โปร่งใสในการพิมพ์บัตรลงประชามติว่า เรื่องนี้มีลักษณะคล้ายคลึงกับเรื่องการพิมพ์บัตรเลือกตั้งเกินที่เคยหยิบมาเป็นประเด็นโจมตีกกต. ก่อนหน้านี้ ซึ่งตนก็ได้เคยเข้าชี้แจงเรื่องนี้ต่อคณะอนุกรรมการฯของกรมสอบสวนคดีพิเศา (ดีเอสไอ) ถึงกระบวนการขั้นตอนในการพิมพ์บัตรไปแล้วครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้เท่าที่ติดตามรายการดังกล่าว พบว่ามีเนื้อหาคอยโจมตีองค์กรอิสระเป็นพิเศษ โดยจะสลับโจมตีอยู่ 3 องค์กรคือศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และกกต. ซึ่งที่ผ่านมาก็มักนำเสนอข้อมูล ที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง สร้างความสับสนให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก จึงขอเรียกร้องให้ทางป.ป.ช.เข้ามาตรวจสอบถึงที่มาที่ไปของบุคคลเหล่านี้ว่าถูกต้องหรือไม่ในการเข้ามาทำรายการดังกล่าวและสื่อมวลชนก็น่าจะเข้าไปตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
ผมคอยจับตาดูอยู่ตลอดว่าจะเอาผิดทางกฎหมายได้หรือไม่ โดยเฉพาะการพูดจาให้ร้ายตัวบุคคลหรือหน่วยงานอยู่ข้างเดียว ถ้าเจอก็จะฟ้องหมิ่นประมาททันที ผมอัดเทปเก็บไว้เป็นหลักฐานหมด เพราะถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปอีกหน่อย คนทำงานก็ท้อแท้ใจ
ชูศักดิ์อ้างแค่ดูแลNBTไม่กล้าแตะ
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการดูแลสื่อ ของรัฐในฐานะรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่า ยังสับสนอยู่ ไม่ทราบในอนาคตนายกรัฐมนตรีจะให้ดูแลสื่อของรัฐหรือไม่อย่างไร แต่ที่ผ่านมา นายจักรภพ เพ็ญแข ดูแลเรื่องสื่ออยู่ แต่เมื่อลาออกไปแล้วตนก็ต้องทำหน้าที่ ซึ่งก็ได้เสนอนายกฯ ไปนานแล้วว่า ที่มอบหมายอาจมีปัญหา จากเดิมไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ แต่ในกรณี นายจักรภพ ได้ลาออก จึงเสนอให้นายกรัฐมนตรี ลงนามเพิ่มเติมคำสั่งอีกครั้งหนึ่ง
ส่วนต้องมีการแบ่งงานในระดับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯใหม่หรือไม่นั้น นายชูศักดิ์ กล่าวว่า อาจจะมีการเกลี่ยกันใหม่ ขณะนี้ตนดูแลอยู่ อย่าให้พูดถึงนโยบาย ไม่อาจพูดได้ เพราะอาจมีการปรับเปลี่ยนกันใหม่
ผู้สื่อข่าวถามว่าการประกาศนโยบายสมานฉันฑ์ของนายกรัฐมนตรี แต่คนในรัฐบาลยังมีการพูดยั่วยุโต้ตอบกัน รัฐบาลนำสถานีโทรทัศน์ NBT ของกรมประชาสัมพันธ์ มาเป็นกระบอกเสียง ควรยุติหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า แน่นอน ควรให้ทาง สถานีผู้ที่รับผิดชอบดูว่าควรจะเป็นอย่างไร ต่อข้อถามว่า
ผู้สื่อข่าวถามถามย้ำว่าจะให้ทบทวนรายการของสถานีโทรทัศน์ NBT ใหม่ใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์ แย่งว่า ตนไม่ได้บอกให้ทบทวน แต่หมายความว่าให้สถานี หรือผู้จัดพิจารณาดูว่าสอดคล้องกับนโยบายที่นายกฯได้ประกาศหรือไม่อย่างไร เมื่อถามว่า บางรายการมีการยกเลิกสัญญา นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ให้เขาไปดูกัน ตนเพียงแต่ทำหน้าที่ แต่อย่าไปบอกว่า ตนให้ทบทวน ส่วนคนที่มีตำแหน่งหน้าที่ ภายในรัฐบาลแล้วไปจัดรายการควรจะทำอย่างไรในเรื่องดังกล่าว นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบ
ณัฐวุฒิขวางถอดรายการของ3เกลอ
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หนึ่งในผู้ดำเนิน รายการ ความจริงวันนี้ ทางสถานีโทรทัศน์ NBT กล่าวถึงความเป็นไปได้ที่จะถูกถอดรายการ หลังจากนายชูศักดิ์ ศิรินิล เข้ามากำกับดูแลงาน ของกรมประชาสัมพันธ์แทนนายจักรภพ เพ็ญแขว่า ต้องถามว่าจะถอดเพื่ออะไร ด้วยเหตุผลอะไร ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของสถานีหรือว่านโยบายของรัฐบาล ตลอดจนบริษัทผู้ผลิตรายการว่าจะพิจารณาดำเนินการอย่างไร แต่ในส่วนตัวเชื่อว่าข้อมูลข่าวสาร ที่นำเสนอไปในรายการน่าจะเป็นประโยชน์ให้กับประชาชนที่ได้รับข้อมูลอีกฟากด้านหนึ่ง
หากจะกล่าวอ้างว่าการเสนอให้ถอดถอนรายการดังกล่าวเพื่อความสมัครสมานสามัคคีในบ้านในเมืองผมว่าประเด็นเหล่านี้น่าจะเริ่มต้นจาก ASTV ซึ่งเป็นโทรทัศน์ดาวเทียมที่ออกอากาศเพื่อโจมตีและมุ่งหมายโค่นล้มรัฐบาลมาตลอด 24 ชั่วโมง ก็ไม่แน่ว่าหากASTVจะเริ่มต้นความคิดนี้ก่อน ทางบริษัทผู้ผลิตรายการ หรือทางรัฐบาลผู้กำกับดูแลสถานีก็อาจจะมีความคิดเดียวกันก็เป็นได้
นายณัฐวุฒิ อ้างว่ารายการดังกล่าวมีเรตติ้งที่สูงมาก โดยบริษัทเอซีนีลเส็น ซึ่งตนได้รับข้อมูลดังกล่าวเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ที่ทำการสำรวจบอกว่าเป็นรายการอันดับ 1 ของ NBT แต่ตนไม่รู้ว่าคนดูชอบหรือไม่ชอบ แต่คนเกลียดอาจจะดูด้วยก็ได้ แต่ว่าเรตติ้งมันสูงมาก แต่เรื่องของการขยายเวลาก็ไม่รู้ว่าทางสถานีเขาจะว่าอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า รายการได้แต้มเท่าไรเพราะโดยปกติการจัดเรตติ้งจะต้องมีแต้ม นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เขาบอกว่าร่วมๆ 3 เขาบอกมาอย่างนั้น ถ้าอยากทราบ ก็ให้ถามที่เอซีนีลเส็นก็แล้วกัน เมื่อถามว่าทำไมไม่ให้สำนักวิจัยสำรวจบ้าง นายณัฐวุฒิ กล่าวว่าเราจะให้เขาสำรวจได้อย่างไร เพราะเขาต้องทำกันเองเราจะบอกให้เขาทำอย่างไร
ทั้งนี้บริษัทเอซีนีลเส็น(AcNielsen) เป็นบริษัทชั้นนำของโลก ในด้านการนำ เสนอข้อมูล การวิจัยตลาด และการวิเคราะห์ เกี่ยวกับสินค้าอุปโภคบริโภค และบริการ โดยสถานที่ติดต่อเอซีนีลเส็น (ประเทศไทย) จำกัด อยู่ที่ชั้น18 อาคารยูไนเต็ดเซ็นเตอร์ 323 ถนนสีลม
ทั้งนี้ หนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษดังกล่าวระบุว่า ครั้งแรก เมื่อวันที่ 22 ก.ค. นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข กับพวก ในนามกลุ่มต่อต้านพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายวรัญชัย โชคชนะ กับพวก ในนามกลถุ่มต่อต้านพันธมิตรฯ นางสุนันทา ธรรมธีระ กับพวกในนามกลุ่มสตรีเพื่อประชาธิปไตย รวมประมาณ 50 คน ได้เดินทางมาที่สำนักงานป.ป.ช. และกล่าวถ้อยคำอันเป็นการดูถูกเหยียดหยาบ สบประมาท ด่าทอ ทำให้อับอายขายหน้า เช่น เป็นคณะกรรมการเถื่อน เป็นคณะกรรมการปราบปรามคนดีปอกลอกงบประมาณแห่งชาติ มีอคติกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เอนเองเลือกปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นกรณีเขายายเที่ยง กรณีนางจารุวรรณ เมณฑกา
นอกจากนี้ ยังนำป้ายผ้าสีดำ เขียนข้อความว่า คณะกรรมการปราบปรามคนดี ปอกลอกงบประมาณแห่งชาติ ปิดทับป้ายหน้าสำนักงาน ป.ป.ช. และนำโลงศพจำนวน 9 โลง มาวางหน้าป้ายสีดำ ซึ่งเป็นการแสดงให้ผู้อื่นหรือประชาชนเข้าใจว่า เป็นโลงศพของคณะกรรมการป.ป.ช.ทั้ง 9 คน จากนั้นได้นำมาเผา
ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 23 ก.ค. นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล กับพวกในนาม กลุ่มพิราบขาว 2006 ใช้รถบรรทุกเครื่องขยายเสียง กล่าวหาดูหมื่นคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยใช้ถ้อยคำว่า ประธานกรรมการป.ป.ช.และพวก เป็นคนเห็นแก่เงินเดือน และมาโดยไม่ถูกต้อง ไร้ต่อมคุณธรรม เนรคุณแผ่นดิน เป็นซากเดนพวกกบฏ รับใช้ทรราช ดีแต่ปกป้องพรรคประชาธิปัตย์
ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 29 ก.ค. เวลา 11.30 น. นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข กับพวก ในนามกลุ่มต่อต้านพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และในนามกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย นายสุเทพ วิภาตะวณิช กับพวก นางสุนันทา ธรรมธีระ กับพวกในนามกลุ่มสตรีเพื่อประชาธิปไตย และนายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล กับพวกในนามกลุ่มพิราบขาว 2006 ประมาณ 300 คน เดินทางมารวมตัวที่หน้าสำนักงานป.ป.ช. กล่าวถ้อยคำเป็นการดูหมิ่นคณะกรรมการป.ป.ช. เช่น คณะกรรมการป.ป.ช.เข้ามาทำหน้าที่อย่างไม่ถูกต้อง เป็นพวกรับใช้เผด็จการ ปล้นอำนาจอธิบไตยจากประชาชน เอนเอียงและเลือกปฏิบัติ นอกจากนี้ ยังนำกระเบื้องจำนวน 9 แผ่น เขียนถ้อนคำและติดภาพและชื่อกรรมการป.ป.ช. เพื่อให้ประชาชนหรือผู้อื่นเข้าใจว่า กรรมการป.ป.ช.หน้าหนา
ครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. เวลา 10.00 น. นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข กับพวก ในนามกลุ่มต่อต้านพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และในนามกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย นางสุนันทา ธรรมธีระ กับพวกในนามกลุ่มสตรีเพื่อประชาธิปไตย ได้รวมกลุ่มกันที่ลานพระราชวังดุวิต (ลานพระบรมรูปทรงม้า) เดินผ่านถนนพิษณุโลก หน้าสำนักงานป.ป.ช. และถนนนครปฐม หน้าอาคารที่ทำงานของคณะกรรมการป.ป.ช. โดยระหว่างเดิน มีการกล่าวถ้อยคำแสดงการดูถูกเหยียดหยาม สบประมาท ด่าทอ ทำให้อับอายขายหน้า เช่น คณะกรรมการป.ป.ช.มีฐานะเท่ากับเหี้ย เป็นป.ป.ช.เถื่อน ป.ป.ช.ทั้ง 9 คน ตามจำนวนตัวเหี้ยที่อยู่ในกรง พร้อมทั้งเขียน ชื่อกรรมการป.ป.ช.ไว้บนตัวเหี้ย และมีการปล่อยตัวเหี้ยเข้าไปในสำนักงานป.ป.ช.
หลังเข้าแจ้งความร้องทุกข์ และมอบหลักฐานทั้งหมดกับพนักงานสอบสวน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นายชัยรัตน์ เดินทางกลับทันที โดยไม่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน
ด้านพ.ต.อ.สมชาย เชยกลิ่น ผกก.สน.ดุสิต กล่าวว่า เบื้องต้น ตำรวจจะรับเรื่องร้องทุกข์และลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นจะดำเนินการสอบปากคำ โดยจะส่งเรื่องต่อให้คณะทำงานของ บก.น.1 เพื่อพิจารณาว่า การกระทำดังกล่าว เข้าข่ายดูหมิ่น หรือหมิ่นประมาทหรือไม่ หากเข้าข่าย จะดำเนินการตรวจสอบว่า ผู้ที่กระทำเป็นใคร จากนั้นจะเรียกตัวมาแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป
สำนักราชเลขาฯรับรองที่มาป.ป.ช.
นาย วิชา มหาคุณ คณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีที่ ป.ป.ช.แจ้งความดำเนินคดีอาญากับกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตยและเครือข่ายกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยไม่เอาเผด็จการ(นปก.) เนื่องจากกลุ่มดังกล่าว เดินทางมาชุมนุมและก่อความและปล่อยตัวเงินตัวทองเข้าไปในสำนักงาน ป.ป.ช. ว่า ป.ป.ช.ได้รวบรวมข้อมูลครบถ้วนแล้ว ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงาน การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดมาตรา 136 ประมวลกฎหมายอาญา เข้าข่ายอั้งยี่ซ่องโจรจึงให้ตำรวจดำเนินการกับผู้บงการและผู้สนับสนุนอีกด้วย ซึ่งเรามีหลักฐานทั้งหมดทุกอย่าง ได้ถ่ายวิดีโอไว้ทั้งหมด เจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวได้เก็บภาพไว้หมด ว่าเป็นใครบ้าง มีการระบุชื่อบุคคลด้วยมีประมาณ 100 กว่าคน ส่วนชื่ออยู่ในรายะละเอียดที่ตำรวจจะดำเนินการและเรื่องผู้สนับสนุน ผู้ใช้ ต้องเป็นเรื่องของตำรวจที่ต้องหามา เพราะอันนี้เป็นการร่วมกันกระทำผิด
นายวิชา เปิดเผยด้วยว่า ป.ป.ช.ได้รับข้อมูลมาเรียบร้อยแล้วจากสำนักราชเลขาธิการสำนักพระราชวังอนุญาตให้เปิดเผยข้อมูลได้การรับรองที่มาของ ป.ป.ช.ในกรณีที่ไม่ได้มีการโปรดเกล้าฯ
"เราจะเอาใส่ในสมุดปกขาว ซึ่งจะได้ชี้แจงกับประชาชนต่อไป คาดว่าสัปดาห์หน้าจะเรียบร้อย จะได้เผยแพร่กับประชาชน สื่อมวลชนและองค์กรอื่นๆ ทั้งหมด ได้ในสัปดาห์หน้า ทั้งหมดเป็นหลักฐานจากสำนักราชเลขาธิการ ครบถ้วนทุกอย่างครบถ้วนหมดแล้ว' นายวิชา กล่าว
กกต.ขู่ฟ้อง3เกลอโจมตีผ่านNBT
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต.) กล่าวถึง นายวีระ มุสิกพงษ์ นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน และนายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ดำเนินรายการ ความจริงวันนี้ ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ NBT ของกรมประชาสัมพันธ์ จัดรายการกล่าวหาว่า กกต.มีความไม่โปร่งใสในการพิมพ์บัตรลงประชามติว่า เรื่องนี้มีลักษณะคล้ายคลึงกับเรื่องการพิมพ์บัตรเลือกตั้งเกินที่เคยหยิบมาเป็นประเด็นโจมตีกกต. ก่อนหน้านี้ ซึ่งตนก็ได้เคยเข้าชี้แจงเรื่องนี้ต่อคณะอนุกรรมการฯของกรมสอบสวนคดีพิเศา (ดีเอสไอ) ถึงกระบวนการขั้นตอนในการพิมพ์บัตรไปแล้วครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้เท่าที่ติดตามรายการดังกล่าว พบว่ามีเนื้อหาคอยโจมตีองค์กรอิสระเป็นพิเศษ โดยจะสลับโจมตีอยู่ 3 องค์กรคือศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และกกต. ซึ่งที่ผ่านมาก็มักนำเสนอข้อมูล ที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง สร้างความสับสนให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก จึงขอเรียกร้องให้ทางป.ป.ช.เข้ามาตรวจสอบถึงที่มาที่ไปของบุคคลเหล่านี้ว่าถูกต้องหรือไม่ในการเข้ามาทำรายการดังกล่าวและสื่อมวลชนก็น่าจะเข้าไปตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
ผมคอยจับตาดูอยู่ตลอดว่าจะเอาผิดทางกฎหมายได้หรือไม่ โดยเฉพาะการพูดจาให้ร้ายตัวบุคคลหรือหน่วยงานอยู่ข้างเดียว ถ้าเจอก็จะฟ้องหมิ่นประมาททันที ผมอัดเทปเก็บไว้เป็นหลักฐานหมด เพราะถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปอีกหน่อย คนทำงานก็ท้อแท้ใจ
ชูศักดิ์อ้างแค่ดูแลNBTไม่กล้าแตะ
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการดูแลสื่อ ของรัฐในฐานะรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่า ยังสับสนอยู่ ไม่ทราบในอนาคตนายกรัฐมนตรีจะให้ดูแลสื่อของรัฐหรือไม่อย่างไร แต่ที่ผ่านมา นายจักรภพ เพ็ญแข ดูแลเรื่องสื่ออยู่ แต่เมื่อลาออกไปแล้วตนก็ต้องทำหน้าที่ ซึ่งก็ได้เสนอนายกฯ ไปนานแล้วว่า ที่มอบหมายอาจมีปัญหา จากเดิมไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ แต่ในกรณี นายจักรภพ ได้ลาออก จึงเสนอให้นายกรัฐมนตรี ลงนามเพิ่มเติมคำสั่งอีกครั้งหนึ่ง
ส่วนต้องมีการแบ่งงานในระดับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯใหม่หรือไม่นั้น นายชูศักดิ์ กล่าวว่า อาจจะมีการเกลี่ยกันใหม่ ขณะนี้ตนดูแลอยู่ อย่าให้พูดถึงนโยบาย ไม่อาจพูดได้ เพราะอาจมีการปรับเปลี่ยนกันใหม่
ผู้สื่อข่าวถามว่าการประกาศนโยบายสมานฉันฑ์ของนายกรัฐมนตรี แต่คนในรัฐบาลยังมีการพูดยั่วยุโต้ตอบกัน รัฐบาลนำสถานีโทรทัศน์ NBT ของกรมประชาสัมพันธ์ มาเป็นกระบอกเสียง ควรยุติหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า แน่นอน ควรให้ทาง สถานีผู้ที่รับผิดชอบดูว่าควรจะเป็นอย่างไร ต่อข้อถามว่า
ผู้สื่อข่าวถามถามย้ำว่าจะให้ทบทวนรายการของสถานีโทรทัศน์ NBT ใหม่ใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์ แย่งว่า ตนไม่ได้บอกให้ทบทวน แต่หมายความว่าให้สถานี หรือผู้จัดพิจารณาดูว่าสอดคล้องกับนโยบายที่นายกฯได้ประกาศหรือไม่อย่างไร เมื่อถามว่า บางรายการมีการยกเลิกสัญญา นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ให้เขาไปดูกัน ตนเพียงแต่ทำหน้าที่ แต่อย่าไปบอกว่า ตนให้ทบทวน ส่วนคนที่มีตำแหน่งหน้าที่ ภายในรัฐบาลแล้วไปจัดรายการควรจะทำอย่างไรในเรื่องดังกล่าว นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบ
ณัฐวุฒิขวางถอดรายการของ3เกลอ
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หนึ่งในผู้ดำเนิน รายการ ความจริงวันนี้ ทางสถานีโทรทัศน์ NBT กล่าวถึงความเป็นไปได้ที่จะถูกถอดรายการ หลังจากนายชูศักดิ์ ศิรินิล เข้ามากำกับดูแลงาน ของกรมประชาสัมพันธ์แทนนายจักรภพ เพ็ญแขว่า ต้องถามว่าจะถอดเพื่ออะไร ด้วยเหตุผลอะไร ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของสถานีหรือว่านโยบายของรัฐบาล ตลอดจนบริษัทผู้ผลิตรายการว่าจะพิจารณาดำเนินการอย่างไร แต่ในส่วนตัวเชื่อว่าข้อมูลข่าวสาร ที่นำเสนอไปในรายการน่าจะเป็นประโยชน์ให้กับประชาชนที่ได้รับข้อมูลอีกฟากด้านหนึ่ง
หากจะกล่าวอ้างว่าการเสนอให้ถอดถอนรายการดังกล่าวเพื่อความสมัครสมานสามัคคีในบ้านในเมืองผมว่าประเด็นเหล่านี้น่าจะเริ่มต้นจาก ASTV ซึ่งเป็นโทรทัศน์ดาวเทียมที่ออกอากาศเพื่อโจมตีและมุ่งหมายโค่นล้มรัฐบาลมาตลอด 24 ชั่วโมง ก็ไม่แน่ว่าหากASTVจะเริ่มต้นความคิดนี้ก่อน ทางบริษัทผู้ผลิตรายการ หรือทางรัฐบาลผู้กำกับดูแลสถานีก็อาจจะมีความคิดเดียวกันก็เป็นได้
นายณัฐวุฒิ อ้างว่ารายการดังกล่าวมีเรตติ้งที่สูงมาก โดยบริษัทเอซีนีลเส็น ซึ่งตนได้รับข้อมูลดังกล่าวเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ที่ทำการสำรวจบอกว่าเป็นรายการอันดับ 1 ของ NBT แต่ตนไม่รู้ว่าคนดูชอบหรือไม่ชอบ แต่คนเกลียดอาจจะดูด้วยก็ได้ แต่ว่าเรตติ้งมันสูงมาก แต่เรื่องของการขยายเวลาก็ไม่รู้ว่าทางสถานีเขาจะว่าอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า รายการได้แต้มเท่าไรเพราะโดยปกติการจัดเรตติ้งจะต้องมีแต้ม นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เขาบอกว่าร่วมๆ 3 เขาบอกมาอย่างนั้น ถ้าอยากทราบ ก็ให้ถามที่เอซีนีลเส็นก็แล้วกัน เมื่อถามว่าทำไมไม่ให้สำนักวิจัยสำรวจบ้าง นายณัฐวุฒิ กล่าวว่าเราจะให้เขาสำรวจได้อย่างไร เพราะเขาต้องทำกันเองเราจะบอกให้เขาทำอย่างไร
ทั้งนี้บริษัทเอซีนีลเส็น(AcNielsen) เป็นบริษัทชั้นนำของโลก ในด้านการนำ เสนอข้อมูล การวิจัยตลาด และการวิเคราะห์ เกี่ยวกับสินค้าอุปโภคบริโภค และบริการ โดยสถานที่ติดต่อเอซีนีลเส็น (ประเทศไทย) จำกัด อยู่ที่ชั้น18 อาคารยูไนเต็ดเซ็นเตอร์ 323 ถนนสีลม