เมียเก่า-แฟนใหม่ "ไพโรจน์" ขึ้นศาลประจันหน้ากันจั๋งๆ เข้ารับฟังการไกล่เกลี่ยคดีฟ้องหย่าแบ่งสินสมรส 47 ล้านบาท โดยศาลตัดสินให้มีสิทธิ์ดูแลลูกร่วมกัน ส่วนคดีแบ่งสินสมรสศาลนัดอีกทีวันที่ 22 ส.ค. ที่จะถึงนี้
หลังจากที่ "พิศมัย" หรือ กชวัณน์ สังวริบุตร งัดไม้เด็ด จูงลูกชายวัย 13 ปี “พีค รวิกร” โผซบอกมูลนิธิปวีณาเพื่อขอความช่วยเหลือเรียกร้องเรื่องแบ่งสินสมรสพร้อมกับขอความเป็นธรรมที่ถูกแย่งสามี “ไพโรจน์ สังวริบุตร” ในกรณีฟ้องหย่าแบ่งสินสมรสมูลค่ากว่า 47 ล้านบาท ซึ่งยืนยันว่าเพิ่งจะได้ค่าเลี้ยงดูลูกเมื่อ 2 ปี และเคยให้ผู้ใหญ่ไปเจรจาแต่ไม่สำเร็จเป็นระยะเวลานาถึง 4 ปีแล้ว
วันนี้(14 ส.ค.)เวลาประมาณ 09.30 น. “ไพรโรจน์ สังวริบุตร” จำเลยที่ 1 ได้เดินทางมาพร้อมกับแฟนใหม่นาง "ชญานิศวร ์ พิริยศุภกาญจน์" จำเลยที่ 2 พร้อมทนาย “เจริญสุข รดีสุจริตกุล" ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ไร้กังวล มายังศาลแขวงสมุทรปราการ แผนกเยาวชนและครอบครัว เพื่อมาให้ศาลไตร่สวนไกล่เกลี่ยยอมความตามหมายเลขคดี พ.107/51 คดีฟ้องหย่าแบ่งสินสมรสเรียกค่าเลี้ยงดูอุปการะ โดยมีนาย “พีระ พวงมาลา” ผู้พิพากษาเจ้าของคดีเป็นผู้ไตร่สวน ซึ่งการนัดไกล่เกลี่ยครั้งนี้หากยอมความกันไม่ได้จะมีนการฟ้องร้องต่อไป ซึ่งทั้งนี้นาง “กชวัณน์” อดีตภรรยาเดินทางมารอที่ศาลก่อนหน้านี้แล้ว ด้วยท่าทีเคร่งเครียดกว่าทางอดีตสามี
โดยหลังการไตร่สวนเสร็จสิ้นในช่วงเช้า นักแสดงมากฝีมือยืนยันตนไม่ใช่ฝ่ายผิด…”จริงๆ เราอยู่ในสถานะที่ถอยอยู่ตลอดเวลา คนที่ทำให้คดีพลิกไปพลิกมาไม่ใช่ทางเราแล้วถ้าเมื่อไรที่หันเข้ามาคุยกับผมด้วยเหตุผลยังไงก็สำเร็จอยู่แล้วหมายถึงยอมความกันได้"
เผยที่ผ่านมาตกลงทำหนังสือสัญญาต่อหน้าศาลแล้วและศาลไม่มีคำสั่งใดๆ เพิกถอนสั่งหย่าโดยให้ทั้งคู่พยายามไกล่เกลี่ย แต่สุดท้ายทางด้าน “กชวัณน์” กลับไม่มาตามนัดและส่งทนายมาถอนฟ้อง มีผลให้คดีโดยโละใหม่หมด แต่ทั้งนี้ทางด้านนักแสดงรุ่นใหญ่ได้ยืนกรานว่า สถานภาพการสมรสของทั้งคู่ได้หย่าขาดจากกันแล้ว
"ตกลงกันแล้วทำเป็นหนังสือสัญญากันแล้วแต่เขาตกลงแล้วก็ยกเลิกภายหลังทำให้ปัญหาเกิด เรื่องนี้ต้องไปคุยกับทางคุณกชวัณน์เองเพราะว่าเราคุยกันด้วยเหตุด้วยผลอยู่แล้วแต่ที่เอาเรื่องเข้ามาสู่ศาลและผมเลือกที่จะพูดเรื่องทั้งหมดในศาลเพราะต้องการเหตุและผล เวลาที่เราไปพูดกันนอกศาลมันไมได้พูดโดยเหตุโดยผล ถ้าเราพูดผ่านศาลไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ผมว่าความมีเหตุผลของคนเราถ้าไม่ได้เจอกับตัวเองจะไม่รู้ว่าใครเป็นยังไง"
แจงตนยังสับสนกับข้อตกลงล่าสุดเพราะมีสัญญาหย่าอยู่ในมือ บอกไม่รู้ตนมีสิทธิ์ฟ้องกลับนาง “กชวัณน์” ได้หรือไม่ เพราะอีกฝ่ายทำผิดสัญญา
"ข้อตกลงล่าสุดก็คือตามที่มีในหนังสือสัญญาหย่า ที่ทำขึ้นในกระบวนการพิจารณาศาลเมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2551 ว่า 1.หย่าขาดจากกันนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป 2.ลูกผมดูแลร้อยเปอร์เซ็นต์ในเรื่องค่าใช้จ่าย ส่วนเรื่องปกครองลูกอยู่ในความปกครองของทั้งสองฝ่าย 3.เรื่องทรัพย์สินผมยกคอนโดให้เขา 2 ห้อง ซึ่งผมได้ยกให้เขาไปแล้วครึ่งนึงแต่เขาไม่ยอมรับ เขาผิดสัญญาฉะนั้นวันนี้มีการชี้สองสถานคือ จะฟ้องหย่าได้ไหม เพราะตอนนี้ผมเป็นจำเลยเขาฟ้องหย่าผม แต่จะฟ้องได้ไหมในเมื่อสัญญาหย่ายังมีอยู่ ส่วนอีกสถานนึงคือถ้าเผื่อไม่ได้จะทำยังไง ให้ศาลบังคับคดีให้เป็นไปตามสัญญา เวลานี้เหมือนกับว่าสมมติมีคนมาเช่าบ้านคุณคุณฟ้องขับไล่จบแล้ว แต่ถึงเวลาเขาไม่ยอมออกไป คดีตอนนี้มันเป็นประมาณนี้ สรุปตอนนี้จะฟ้องได้หรือฟ้องไม่ได้แล้วจะต้องทำตามสัญญาไหม"
"การเลี้ยงดูลูกมันไม่ใช่ปัญหาเพราะหนึ่ง ให้พ่อแม่มีสิทธิ์ทั้งสองคน หมายความว่าที่เราทำข้อตกลงไว้เมื่อไรที่ลูกอยากอยู่กับพ่อต้องได้แล้วเมื่อไรที่ลูกอยากอยู่กับแม่ต้องได้ 2. ไพโรจน์ สังวริบุตร ออกค่าเลี้ยงดูร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ไม่น่าจะมีปัญหากันอยู่แล้ว”
เผยปนเสียงหัวเราะกับข้อเรียกร้องฟ้องหย่า 47 ล้านของ “กชวัณน์” ...."ข้อเรียกร้องเขาก็เรื่องฟ้อง 47 ล้านไง (หัวเราะ) ที่เป็นปัญหากันอยู่"
ยอมรับลูกชายอยู่ในสภาพจิตใจที่กดดัน พร้อมแจงเหตุอีกฝ่ายดึงตัว “พีค” นำมาขึ้นศาลครั้งนี้เพื่อช่วยให้ศาลช่วยตัดสินกรณีพิพาทเรื่องสิทธิในการดูแลบุตร พร้อมเหน็บอดีตภรรยาพูดไม่รู้เรื่อง อารมณ์แปรปรวน ไม่มีเหตุผล ขณะที่ทางด้านแฟนใหม่นาง "ชญานิศวร ์" ยืนยิ้มเป็นกำลังใจข้างกาย นักแสดงรุ่นเก๋าอยู่ไม่ห่างในระหว่างให้สัมภาษณ์
"คือศาลไกล่เกลี่ยและมีความหวังว่าจะต้องจบ ศาลก็จะชี้สถานของลูกว่าจะยังไงผมก็เลยร้องขอจากศาลว่ายังไงก็แล้วแต่ไม่ว่าคดีจะเป็นยังไง ก็ขอให้อธิบายนิดนึงว่า คำว่าลูกอยู่ในความปกครองของพ่อได้คืออะไร เพราะที่ผ่านมาจะมีปัญหา อย่างเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาลูกโทรมาร้องไห้กับผมว่าอยากจะนอนกับพ่อที่บ้านแต่แม่ไม่ยอม”
“ในกรณีนี้ผมก็เลยอยากร้องขอจากศาลให้ช่วยอธิบายด้วย ไม่อย่างนั้นเวลาลูกมาหาพ่อแม่ก็อ้างสิซึ่งมันไม่น่าจะเห็นชอบด้วยกฎหมายว่าเป็นสิทธิ์ของเขา เขาจะอนุญาตหรือไม่เป็นเรื่องของเขา เขาบอกไม่อยากให้ลูกโดนพ่อดึงมาทางซ้ายที แม่ดึงมาทางขวาที ยื้อกันอยู่หน้าโรงเรียนเราจะไม่ทำ พยายามจะหลีกเลี่ยง ผมก็บอกให้ลูกอดใจอีกนิดเดี๋ยวพ่อจะพยายามขอร้องศาลให้อธิบายให้แม่ฟังจะได้ไม่มีปัญหากัน เราก็ทำได้แค่ปรับความเข้าใจกับลูก"
"ก็แน่นอนเป็นเด็กที่อยู่ในสภาพกดดัน แต่ดีที่ 6 ปีที่ผ่านมาเขาก็ทำใจได้ เราก็ค่อยๆ บอกให้เขายอมรับ บอกว่าพีคเป็นลูกผู้ชายนะลูกต้องอดทน ซึ่งผมก็มั่นใจว่าจะไกล่เกลี่ยได้ แต่ไม่ทราบเหมือนกันคุยกับคนแปรปรวนพูดยาก (หัวเราะเสียงดัง)"
ส่วนด้านเมียเก่า "กชวัณน์ สังวริบุตร" หลังจากที่ต้องเดินทางไปรับลูกชาย "พีค รวิกร" ที่โรงเรียนประจำ ย่านบางนา ในเวลาเกือบเที่ยง เพื่อมาให้ศาลไตร่สวนในเรื่องสิทธิการเลี้ยงดูบุตรว่า ลูกชายจะเลือกอยู่กับพ่อหรือแม่
"วันนี้ยังไงก็ต้องจบแต่จะจบแบบไหนไม่รู้ (อยากได้สมบัติหรือปล่า) (ขึ้นเสียง) ไม่ ที่พี่มาอยากได้สิทธิ์ของการเป็นภรรยาหลวง ไม่ได้ต้องการทรัพย์สมบัติ อะไรของเขาแต่ต้องการแค่สิทธิ์ที่ตัวเองควรจะได้ ส่วน 47 ล้านที่ฟ้อง ฟ้องฝ่ายหญิงนะไม่ได้ฟ้องฝ่ายชายเพราะฝ่ายหญิงมาทำให้ครอบครัวเราแตกแยก"
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงข้อเท็จจริงที่อดีตสามีได้ให้สัมภาษณ์ในช่วงเช้าว่า ลูกชายโทรมาร้องไห้อยากมานอนกับพ่อ แต่แม่ไม่ให้มา ซ้ำยังอ้างสิทธิผู้ปกครองเพียงผู้เดียว นางกชวัณน์ อารมณ์เสียเล็กน้อยก่อนเผย
"เขาพูดความจริงแค่ครึ่งเดียว เขาไม่พูดความจริงล่ะว่าที่จริงลูกโทรไปบอกพ่อว่ากระเป๋าเงินหาย น้องเขาร้องไห้ พี่ก็บอกเรื่องนี้อย่าบอกพ่อนะ เรากลัวลูกโดนตามใจเพราะถ้าพ่อเขารู้ก็ต้องเอาเงินให้อีก ไม่อยากให้ลูกเคยตัวเพราะพ่อตามใจเลยบอกไปว่าอย่าบอกพ่อเรื่องนี้"
ถามถึงการไตร่สวนในวันนี้(14 ส.ค.) จะจบลงด้วยการยอมความหรือไม่ นางกชวัณน์บอก..."เรื่องต้องจบแต่จบแบบไหนไม่รู้ ซึ่งเราก็ต้องยอมรับ"
สำหรับการไตร่สวนเพื่อไกล่เกลี่ยยอมความในครั้งนี้ บทสรุปที่หลายฝ่ายรอมาทั้งวัน "ไพรโรจน์ สังวริบุตร" ออกมาจากห้องด้วยใบหน้าเปี่ยมสุขพร้อมแฟนใหม่ "น้องพีค" ลูกชาย ด้านนางกชวัณน์ที่เดินออกมาจากห้องไตร่สวนก่อนทุกคนรีบเดินทางกลับไปทันที หลังศาลนัดให้มีการสอบปากคำอีกครั้งในวันที่ 22 ส.ค. เวลา 09.00 น. ที่ศาลแขวงสมุทปราการ แผนกเยาวชนและครอบครัว เพราะคดีความในครั้งนี้ยังไกล่เกลี่ยไม่สำเร็จ
โดยเรื่องที่สามารถยอมความความและตกลงกันได้จบ "ไพโรจน์" เผย... "ที่ไกล่เกลี่ยกันได้สำเร็จตอนนี้ก็คือเรื่องลูก สิทธิในการดูแลเป็นของทั้งสองฝ่ายตามที่ศาลท่านพิจจารณา ต่อไปจะมาบอกว่าเป็นสิทธิของใครฝ่ายเดียวไม่ได้อีกแล้ว ก็สรุปเคลียร์ได้แค่นี้ ส่วนเรื่องสินสมรสและเรื่องฟ้องร้อง 47 ล้าน อันนั้นศาลท่านนัดมาไตร่สวนกันอีกครั้งในวันที่ 22 ส.ค. อันนั้นคือยังไม่ลงตัว ก็เดี๋ยวมาว่ากันในวันนั้น"
พร้อมวอนสื่ออย่าซักอะไรมาก เนื่องจากเรื่องยังไม่จบและศาลลงความเห็นไม่อยากให้ทุกฝุายที่เกี่ยวข้องให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนมากนัก เนื่องจากกลัวกระทบกระเทือนถึงสภาพจิตใจลูกชายไพโรจน์
"ตอนนี้เรายังไม่อยากให้พูดอะไรมาก ต้องขอนะครับ เพราะจริงๆ ศาลท่านขอไว้ ความจริงไม่อยากให้พูดอะไรมาก เพราะอยู่ในช่วงการพิจารณาคดีแล้วก็กลัวจะกระทบกระเทือนจิตใจเด็ก ก็คือลูกชายผม เอาไว้เรื่องจบในวันที่ 22 ส.ค. คิดว่าน่าจะไกล่เกลี่ยได้นะ"