จิตแพทย์ขอโทษ "ทอม ครูส" หลังชี้ "ป่วยทางจิต-เก็บกดแต่เด็ก"

"ดร.ดรูว์ พินสกี" จิตแพทย์ดังได้กล่าวขอโทษต่อ "ทอม ครูส" หลังเจ้าตัวออกมากล่าวผ่านสื่อว่าดาราคนดังที่ไปเข้าลัทธิอันแปลกแยกอย่างไซแอนโธโลจีนั้น เป็นสาเหตุมาจากความผิดปกติทางจิตอันสั่งสมมาแต่วัยเยาว์ จนทำให้ตัวแทนของยอดดาราออกมาสาดโคลนอย่างไม่ไว้หน้าต่อความเห็นดังกล่าว

ดร.ดรูว์ พินสกี จิตแพทย์ชื่อดังที่ไปออกรายการทีวีในอเมริกาบ่อยๆ และรายการ Celebrity Rehab with Dr. Drew ทางช่อง VH1 ได้เขียนบทความลงนิตยสาร Playboy โดยชี้ว่า ทอม ครูส ต้องป่วยทางจิตอะไรซักอย่างถึงได้หันไปเข้าร่วมลิทธิประหลาดอย่าง Church of Scientology โดยแนะว่าน่าจะมาจากเหตุการณ์ร้ายแรงบางอย่างที่เกิดขึ้นในวัยเด็กของเขา

"การที่ใครซักคนจะหันไปนับถือลัทธิประหลาดอย่างไซแอนโธโลจี สำหรับผม ปัจจัยสำคัญมาจากผู้ป่วยมีความว่างเปล่าในใจอย่างรุนแรงและน่าจะไม่ได้รับความเหลียวแลอย่างสิ้นเชิงในวัยเด็ก อาจจะเกิดจากการถูกทำร้ายบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการถูกทอดทิ้ง"

ทันทีที่ข้อความดังกล่าวถูกตีพิมพ์ออกมา ทาง เบิร์ต ฟิลด์ส ทนายส่วนตัวของดาราดังก็ออกมาโจมตีบทความดังกล่าว แล้วชี้ว่าการวิเคราะห์ของพินสกีเป็นเรื่องไร้สาระอย่างสิ้นเชิง

"หมอที่ไม่ได้มาตรฐานที่ชอบออกทีวีและกำลังหาเรื่องเสียชื่อเสียงใส่ตัว กำลังแสดงความไม่เป็นมืออาชีพอย่างบิดๆ เบี้ยวๆ ด้วยการพยายามที่จะวินิจฉัยทอมและชาวบ้านคนอื่นๆ ทั้งๆ ที่ไม่เคยพบพวกเขาแม้แต่ครั้งเดียว"

"สิ่งที่เขาพ่นออกมาคือความไร้สาระที่ว่าไซแอนโธโลจีสทุกคนกำลังป่วยทางจิต ครั้งสุดท้ายที่เราได้ยินขยะแบบนี้ต้องย้อนไปยุคโจเซฟ เกิบเบลส์ รัฐมนตรีกระทรวงการโฆษณาชวนเชื่อของพวกนาซี โน่น"

หลังจากโดนกระหน่ำไม่ไว้หน้า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา จิตแพทย์จอมวิเคราะห์รายนี้ก็ได้ออกมาขอโทษความเห็นของเขาต่อดาราเตี้ยล่ำผู้นี้แล้ว

"ดร.ดรูว์ไม่ได้คิดที่จะมุ่งร้ายต่อมร.ครูสแม้แต่น้อย และต้องขอขมาถ้าความเห็นนั้นทำร้ายจิตใจเขา" ตัวแทนของพินสกีกล่าว

แต่ดร.ดรูว์ก็ได้ออกมาตอบโต้ความเห็นทนายของครูสที่ออกมาโจมตีเขาด้วยถ้อยคำที่รุนแรงเช่นกัน

"แม้ว่าความเห็นของมร.ฟิลด์สจะเห็นได้ชัดว่าเป็นการพูดจาให้ร้ายและพยายามลดความน่าเชื่อถือของดร.ดรูว์อย่างชัดเจน ไม่มีความเป็นไปได้ที่ดร.ดรูว์จะออกมาให้คำวินิจฉัยอย่างเลื่อนลอยเกี่ยวกับไซแอนโธโลจีหรือมร.ครูสที่เขาไม่เคยรู้จัก ดร.ดรูว์เพียงใช้ชื่อของมร.ครูสที่เป็นที่รู้จักเพื่อความกระจ่างของสาธารณชน ซึ่งดร.ดรูว์ก็ไม่ได้ประสงค์ร้ายต่อตัวเขาเช่นกัน"

จากสถานการณ์นี้ เราอาจจะใช้คำสัมภาษณ์ของเจ้าตัวในอดีตมาเป็นตัวชี้วัดไม่มากก็น้อย เมื่อครูสเคยให้สัมภาษณ์ต่อนิตยสาร Parade เมื่อปี 2006 ถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ดีระหว่างเขาและอดีตพ่อผู้เหินห่างและล่วงลับของเขาว่าเป็น "พวกอันธพาลและขี้ขลาด เป็นเจ้าแห่งความยุ่งเหยิง"

"เขาเป็นคนประเภทที่ถ้าเกิดอะไรไม่ลงล็อก เขาก็จะถีบคุณทันที"