นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทย-กัมพูชา บริเวณปราสาทเขาพระวิหาร ว่า ล่าสุดรองนายกรัฐมนตรีของกัมพูชาได้ส่งแผนที่ใหม่มาให้กระทรวงการต่างประเทศแล้ว ซึ่งตนได้มอบให้เจ้าหน้าที่จากกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กรมเอเชียตะวันออก และกรมแผนที่ทหาร ไปตรวจวัดในพื้นที่ให้รอบคอบอีกครั้ง ด้วยระบบจีพีอาร์เอส (GPRS) คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 3 วันหลังจากนี้ จากนั้นจะนำแผนที่ดังกล่าวเสนอเข้าที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
สำหรับแผนที่ทางกัมพูชาที่ทำมาใหม่ คงเป็นไปตามเจตนาที่ตกลงกันเอาไว้ที่กรุงปารีส เบื้องต้นเห็นว่าขอบเขตของตัวปราสาทเขาพระวิหารอยู่ในกัมพูชา โดยตัวปราสาทอยู่ห่างจากเขตประมาณ 30 เมตร แต่หากเป็นไปตามนั้น หลังจากที่คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้ว ก็จะตอบตกลงแผนที่ดังกล่าว และจะส่งให้สมาชิกคณะกรรมการมรดกโลกพิจารณา ในวันที่ 15 มิถุนายน และในวันที่ 2 กรกฎาคมนี้ จะเดินทางไปประเทศแคนาดา เพื่อร่วมพิธีการขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยจะมีนายซก อาน รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เข้าร่วมด้วย ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีที่ไทยและกัมพูชาจะไม่เสียดินแดน ถือเป็นการตกลงทางการทูตครั้งยิ่งใหญ่ และกรณีนี้จะเป็นตัวอย่างในการตกลงกันต่อไป เพราะเรายังมีประโยชน์เชื่อมโยงกันอีกมาก
ส่วนที่มีการวิจารณ์ตนในเรื่องดังกล่าวนั้น นายนพดล กล่าวว่า ตนเป็นเป้าทางการเมือง เพราะมีความพยายามลดความน่าเชื่อถือคนที่ทำงานให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่มีบทบาทสำคัญ เพื่อหวังผลทางการเมือง โดยประเด็นที่ลดความน่าเชื่อถือจะมีเรื่องการโกง การยกแผ่นดินให้ชาติอื่น และการขายชาติ ซึ่งตนจะไม่ทำเช่นนั้นแน่นอน และจะไม่ยอมให้ไทยต้องเสียดินแดน
สำหรับแผนที่ทางกัมพูชาที่ทำมาใหม่ คงเป็นไปตามเจตนาที่ตกลงกันเอาไว้ที่กรุงปารีส เบื้องต้นเห็นว่าขอบเขตของตัวปราสาทเขาพระวิหารอยู่ในกัมพูชา โดยตัวปราสาทอยู่ห่างจากเขตประมาณ 30 เมตร แต่หากเป็นไปตามนั้น หลังจากที่คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้ว ก็จะตอบตกลงแผนที่ดังกล่าว และจะส่งให้สมาชิกคณะกรรมการมรดกโลกพิจารณา ในวันที่ 15 มิถุนายน และในวันที่ 2 กรกฎาคมนี้ จะเดินทางไปประเทศแคนาดา เพื่อร่วมพิธีการขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยจะมีนายซก อาน รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เข้าร่วมด้วย ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีที่ไทยและกัมพูชาจะไม่เสียดินแดน ถือเป็นการตกลงทางการทูตครั้งยิ่งใหญ่ และกรณีนี้จะเป็นตัวอย่างในการตกลงกันต่อไป เพราะเรายังมีประโยชน์เชื่อมโยงกันอีกมาก
ส่วนที่มีการวิจารณ์ตนในเรื่องดังกล่าวนั้น นายนพดล กล่าวว่า ตนเป็นเป้าทางการเมือง เพราะมีความพยายามลดความน่าเชื่อถือคนที่ทำงานให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่มีบทบาทสำคัญ เพื่อหวังผลทางการเมือง โดยประเด็นที่ลดความน่าเชื่อถือจะมีเรื่องการโกง การยกแผ่นดินให้ชาติอื่น และการขายชาติ ซึ่งตนจะไม่ทำเช่นนั้นแน่นอน และจะไม่ยอมให้ไทยต้องเสียดินแดน