วานนี้ (16 เม.ย.) นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย หรือ ครป.เปิดเผยว่า ได้ตั้งข้อสังเกตถึงเรื่องที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เร่งให้มีการตรวจสอบข้อเรียกร้องของ พล.ต.ต.เสวก ปิ่นสินชัย อดีตผู้บังคับการตำรวจป่าไม้ ที่กล่าวหาว่า มีการทุจริตในการพิมพ์บัตรเลือกตั้งของกกต. ซึ่งเห็นได้ว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างผิดปกติ เพราะดีเอสไอ มีเรื่องที่ต้องรีบดำเนินการอีกมาก เช่น การหายตัวไปของนายสมชาย นีละไพจิตร ซึ่งยังไม่มีอะไรคืบหน้า
เลขาธิการ ครป.ยังเรียกร้องให้ นายสุนัย มโนมัยอุดม อดีตอธิบดี ดีเอสไอ ชี้แจงกับสังคมว่า ในขณะที่เป็นอธิบดีมีเหตุผลอะไร จึงไม่สั่งให้มีการตรวจสอบการเรียกร้องนี้มาก่อน หรือเห็นว่าเรื่องที่ร้องเรียนไม่มีมูล เพื่อสังคมจะได้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง นอกจากนี้ เห็นว่า เรื่องนี้น่าจะมีเรื่องการเมืองเกี่ยวข้อง รวมถึงความพยายามลดความน่าเชื่อถือของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในการปฏิบัติหน้าที่
ส่วนเรื่องที่ กกต.เข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.ปทุมวัน หลังพบว่าบัตรเลือกตั้งที่หายไปใน จ.ชลบุรี อยู่ในการครอบครองของ พล.ต.ต.เสวก จึงต้องการให้สอบสวนว่าเอกสารเหล่านี้ไปอยู่ที่ พล.ต.ต.เสวก ได้อย่างไร
ขณะที่ พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย หัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีทุจริตบัตรเลือกตั้ง ระบุว่า ดีเอสไอ จำเป็นต้องให้มีการสอบสวนตามคำร้องเรียน เพราะมีหลักฐานเชื่อว่ามีการทุจริตขึ้น หากไม่ปฏิบัติหน้าที่ก็เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และพร้อมยืนยันว่า เป็นการทำหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องของการเมือง
ทั้งนี้ ภายในสัปดาห์นี้ พนักงานสอบสวนดีเอสไอ จะเข้าพบนายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. เพื่อสอบปากคำตามที่ดีเอสไอได้รับการร้องทุกข์กล่าวโทษจาก พล.ต.ต.เสวก ปิ่นสินชัย อดีตผู้บังคับการตำรวจป่าไม้ และ ข้อร้องทุกข์กล่าวโทษจาก นพ.เหวง โตจิราการ แนวร่วม นปก. และจะเร่งสอบปากคำเจ้าหน้าที่โรงพิมพ์ที่รับพิมพ์บัตรเลือกตั้ง เพื่อรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้ได้มากที่สุด
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับข้อมูลที่ดีเอสไอ ต้องการรวบรวมจากทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ขั้นตอนการประมูลพิมพ์บัตรเลือกตั้ง ที่อาจเข้าข่ายการแบ่งซื้อแบ่งจ้าง การตรวจสอบกระบวนการพิมพ์บัตร ตั้งแต่การสั่งกระดาษสำหรับพิมพ์บัตรเลือกตั้ง จำนวนกระดาษเสียจากกระบวนการพิมพ์ การเก็บรักษาบัตรเลือกตั้งว่ามีปัญหาหรือช่องว่างอย่างไร จึงทำให้มีบัตรเลือกตั้งบางส่วนสูญหายในหลายจังหวัด และบัตรเลือกตั้งส่วนหนึ่งตกไปอยู่กับ พล.ต.ต.เสวก
นอกจากนี้ยังจะต้องตรวจสอบถึงเหตุผลในการไม่จัดให้มีการลงทะเบียนของผู้ที่ต้องการใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า แบบในเขตจังหวัด ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ไม่อาจทราบได้ว่าจะมีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตจังหวัดมากน้อยเพียงใด จึงเป็นช่องว่างให้ไม่สามารถควบคุมจำนวนบัตรเลือกตั้งล่วงหน้า และต้องพิมพ์บัตรเลือกตั้งเกินจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งกว่า 10 ล้านใบ
เลขาธิการ ครป.ยังเรียกร้องให้ นายสุนัย มโนมัยอุดม อดีตอธิบดี ดีเอสไอ ชี้แจงกับสังคมว่า ในขณะที่เป็นอธิบดีมีเหตุผลอะไร จึงไม่สั่งให้มีการตรวจสอบการเรียกร้องนี้มาก่อน หรือเห็นว่าเรื่องที่ร้องเรียนไม่มีมูล เพื่อสังคมจะได้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง นอกจากนี้ เห็นว่า เรื่องนี้น่าจะมีเรื่องการเมืองเกี่ยวข้อง รวมถึงความพยายามลดความน่าเชื่อถือของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในการปฏิบัติหน้าที่
ส่วนเรื่องที่ กกต.เข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.ปทุมวัน หลังพบว่าบัตรเลือกตั้งที่หายไปใน จ.ชลบุรี อยู่ในการครอบครองของ พล.ต.ต.เสวก จึงต้องการให้สอบสวนว่าเอกสารเหล่านี้ไปอยู่ที่ พล.ต.ต.เสวก ได้อย่างไร
ขณะที่ พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย หัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีทุจริตบัตรเลือกตั้ง ระบุว่า ดีเอสไอ จำเป็นต้องให้มีการสอบสวนตามคำร้องเรียน เพราะมีหลักฐานเชื่อว่ามีการทุจริตขึ้น หากไม่ปฏิบัติหน้าที่ก็เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และพร้อมยืนยันว่า เป็นการทำหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องของการเมือง
ทั้งนี้ ภายในสัปดาห์นี้ พนักงานสอบสวนดีเอสไอ จะเข้าพบนายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. เพื่อสอบปากคำตามที่ดีเอสไอได้รับการร้องทุกข์กล่าวโทษจาก พล.ต.ต.เสวก ปิ่นสินชัย อดีตผู้บังคับการตำรวจป่าไม้ และ ข้อร้องทุกข์กล่าวโทษจาก นพ.เหวง โตจิราการ แนวร่วม นปก. และจะเร่งสอบปากคำเจ้าหน้าที่โรงพิมพ์ที่รับพิมพ์บัตรเลือกตั้ง เพื่อรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้ได้มากที่สุด
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับข้อมูลที่ดีเอสไอ ต้องการรวบรวมจากทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ขั้นตอนการประมูลพิมพ์บัตรเลือกตั้ง ที่อาจเข้าข่ายการแบ่งซื้อแบ่งจ้าง การตรวจสอบกระบวนการพิมพ์บัตร ตั้งแต่การสั่งกระดาษสำหรับพิมพ์บัตรเลือกตั้ง จำนวนกระดาษเสียจากกระบวนการพิมพ์ การเก็บรักษาบัตรเลือกตั้งว่ามีปัญหาหรือช่องว่างอย่างไร จึงทำให้มีบัตรเลือกตั้งบางส่วนสูญหายในหลายจังหวัด และบัตรเลือกตั้งส่วนหนึ่งตกไปอยู่กับ พล.ต.ต.เสวก
นอกจากนี้ยังจะต้องตรวจสอบถึงเหตุผลในการไม่จัดให้มีการลงทะเบียนของผู้ที่ต้องการใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า แบบในเขตจังหวัด ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ไม่อาจทราบได้ว่าจะมีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตจังหวัดมากน้อยเพียงใด จึงเป็นช่องว่างให้ไม่สามารถควบคุมจำนวนบัตรเลือกตั้งล่วงหน้า และต้องพิมพ์บัตรเลือกตั้งเกินจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งกว่า 10 ล้านใบ
