นายศิริโชค โสภา กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผย โดยตั้งข้อสังเกตว่า กกต.มีเจตนาปกปิดในการชี้แจงข้อเท็จจริงว่า นายชัยวัฒน์ ฉางข้าวคำ กำนันใน จ.เชียงราย เคยเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย เนื่องจากเคยมีคำถามไปที่ กกต. จากนายสาคร ศิริชัย ทนายความของนายยงยุทธ ที่ถามว่า นายชัยวัฒน์ เคยเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ของ กกต.ตอบกลับไปว่า เคยเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เป็นการตอบที่ไม่ตรงกับสิ่งที่ได้ถาม ถือว่ามีเจตนาให้ผู้พิพากษาศาลฎีกาเกิดความเข้าใจผิด เพราะฝ่ายจำเลยพยายามนำสืบให้เห็นว่า นายชัยวัฒน์ เป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์ และมีเจตนากลั่นแกล้งทำลายนายยงยุทธ ซึ่งข้อเท็จจริงที่รู้กันทั่วไปว่า นายชัยวัฒน์เคยเป็นคนสนิทของนายยงยุทธมาก่อน
ขณะเดียวกัน นายธนิศร์ ศรีประเทศ เจ้าหน้าที่ กกต. ให้สัมภาษณ์เช่นกันว่า นายชัยวัฒน์ เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เพียงพรรคเดียวในปัจจุบัน โดยสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคตั้งแต่ วันที่ 20 กันยายน 2547 แต่นายธนิศร์ ได้ยอมรับตอนท้าย ลังจากนายศิริโชคทักท้วงและซักถามในเรื่องนี้ โดยยอมรับว่านายชัยวัฒน์ สมัครเข้าเป็นสมาชิกของพรรคไทยรักไทยในเวลาต่อมา
ด้านนางสดศรี สัตยธรรม ยอมรับว่า เอกสารที่ลงนามโดย พ.ต.อ.ณัฐศักดิ์ นานาวรรณ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย 5 เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ที่ส่งให้นายสาคร ซึ่งระบุว่า นายชัยวัฒน์เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์นั้น เป็นลายเซ็นปลอมของนายตำรวจอีกคนหนึ่ง และ กกต.ได้มีการสอบถามในเรื่องนี้ พร้อมยอมรับว่า ฝ่ายจำเลยได้ต่อสู้ในคดีเพื่อลดความน่าเชื่อถือของนายชัยวัฒน์ ที่เป็นพยานปากสำคัญในคดี
ศาลฎีกานัดอ่านคำพิพากษาคดีดังกล่าว วันที่ 8 กรกฎาคมนี้ ซึ่งหากศาลยืนตามคำวินิจฉัยของ กกต. จะต้องมีการส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณายุบพรรคพลังประชาชน เพราะนายยงยุทธ มีตำแหน่งเป็นกรรมการบริหารพรรค
ขณะเดียวกัน นายธนิศร์ ศรีประเทศ เจ้าหน้าที่ กกต. ให้สัมภาษณ์เช่นกันว่า นายชัยวัฒน์ เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เพียงพรรคเดียวในปัจจุบัน โดยสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคตั้งแต่ วันที่ 20 กันยายน 2547 แต่นายธนิศร์ ได้ยอมรับตอนท้าย ลังจากนายศิริโชคทักท้วงและซักถามในเรื่องนี้ โดยยอมรับว่านายชัยวัฒน์ สมัครเข้าเป็นสมาชิกของพรรคไทยรักไทยในเวลาต่อมา
ด้านนางสดศรี สัตยธรรม ยอมรับว่า เอกสารที่ลงนามโดย พ.ต.อ.ณัฐศักดิ์ นานาวรรณ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย 5 เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ที่ส่งให้นายสาคร ซึ่งระบุว่า นายชัยวัฒน์เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์นั้น เป็นลายเซ็นปลอมของนายตำรวจอีกคนหนึ่ง และ กกต.ได้มีการสอบถามในเรื่องนี้ พร้อมยอมรับว่า ฝ่ายจำเลยได้ต่อสู้ในคดีเพื่อลดความน่าเชื่อถือของนายชัยวัฒน์ ที่เป็นพยานปากสำคัญในคดี
ศาลฎีกานัดอ่านคำพิพากษาคดีดังกล่าว วันที่ 8 กรกฎาคมนี้ ซึ่งหากศาลยืนตามคำวินิจฉัยของ กกต. จะต้องมีการส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณายุบพรรคพลังประชาชน เพราะนายยงยุทธ มีตำแหน่งเป็นกรรมการบริหารพรรค