ปชป.จับผิด “ยงยุทธ-กกต.”รวมหัวแก้ไขฐานข้อมูลพรรคการเมือง จี้ กกต.ตั้ง กก.สอบเจ้าหน้าที่ระดับสูงเอาผิดเยี่ยงแก๊ง 3 หนา ย้ำมีหลักฐาน “ชัยวัฒน์” อดีตเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยจริง
วันนี้ (12 มิ.ย.) ที่รัฐสภา นายศิริโชค โสภา กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า จากแนวทางในการต่อสู้คดี ใบแดงของนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ที่พยายามใส่ร้ายป้ายสีพรรคประชาธิปัตย์ว่าอยู่เบื้องหลังจัดฉากเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของพยานปากสำคัญ คือ นายชัยวัฒน์ ฉางข้าวคำ ว่าเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อแสดงให้เห็นว่าสมคบกันระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ และเจ้าหน้าที่ของ กกต.เพื่อสร้างหลักฐานเอาผิดกับนายยงยุทธ ทางพรรคจึงไม่ได้นิ่งนอนใจได้ให้เจ้าหน้าที่ของพรรคประสานกับ กกต.และค้นข้อมูลจากระบบฐานข้อมูลพรรคการเมืองในเว็บไซต์ของ กกต.หลายครั้ง พบแต่นายชัยวัฒน์เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เพียงพรรคเดียวตามที่นายยงยุทธกล่าวหาจริง ซึ่งนายยงยุทธได้ยื่นเอกสารดังกล่าวต่อสู้ในชั้นการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีการเลือกตั้ง ทางพรรคจึงไม่ละความพยายาม เพราะมั่นใจที่นายชัยวัฒน์ยืนยันมาตลอดว่าเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย ดังนั้น เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่พรรคจึงได้ค้นข้อมูลจากระบบฐานข้อมูลของ กกต.อีกครั้ง ปรากฏพบว่านายชัยวัฒน์เป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย เลขที่ B570713055754 ตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค.48
นายศิริโชค กล่าวต่อว่า ทางพรรคขอให้นายยงยุทธแสดงความรับผิดชอบ เนื่องจากมีการสมคบกันกับเจ้าหน้าที่ของ กกต.สร้างหลักฐานเท็จเพื่อนำไปใช้ในการต่อสู้คดีในชั้นศาล และยังมีการเข้าไปแก้ไขข้อมูลในระบบฐานข้อมูลของพรรคการเมืองของ กกต.ทำให้ไม่สามารถค้นข้อมูลความเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยของนายชัยวัฒน์ได้ แต่พอมีการสืบพยานในชั้นศาลเป็นที่เรียบร้อย เกรงว่าจะมีความผิดก็มีการแก้ข้อมูลในระบบฐานข้อมูลพรรคการเมืองของ กกต.กลับไปเหมือนเดิมแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมการตัดแต่งพันธุกรรมข้อมูลเหมือนที่เคยพบในอดีต อันเป็นเหตุให้อดีต กกต.ทั้ง 3 คนต้องคำพิพากษาจำคุกมาแล้ว ดังนั้น ทางพรรคจึงขอเรียกร้องให้ กกต.ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริง หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่ กกต.ระดับสูงเกี่ยวข้องด้วยก็ต้องดำเนินการเอาผิดทางวินัย และอาญาต่อขบวนการที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป
นายศิริโชค กล่าวอีกว่า มีข้อสังเกตถึงกระบวนการตรวจสอบการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ของนายชัยวัฒน์ โดยมีการทำเรื่องร้องไปที่ กกต.เมื่อวันที่ 8 พ.ค.51 และสำนักสอบสวนของ กกต.ที่มีนายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.เป็นผู้กำกับดูแล ได้ตอบกลับมาภายในวันเดียวกัน แต่แจ้งเพียงว่านายชัยวัฒน์เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น แต่ภายหลังกลับมีการตรวจสอบพบการเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย ซึ่งตรงนี้เรามีหลักฐานชัดเจนและพยานเป็นเจ้าหน้าที่
เมื่อถามว่า หากพบว่านายสมชัยมีส่วนเกี่ยวข้องในการเปลี่ยนแปลงฐานข้อมูลจะดำเนินการเอาผิดด้วยหรือไม่ นายศิริโชค กล่าวว่า คงต้องหารือกันภายในพรรคก่อนเพราะถือเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะเกี่ยวข้องกับกระบวนการเลือกตั้งทั้งหมดว่ามีความชอบธรรมหรือไม่ เมื่อถามย้ำว่าสถานะในปัจจุบันของนายชัยวัฒน์เป็นสมาชิกของพรรคใด นายศิริโชค กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่พบว่านายชัยวัฒน์เป็นสมาชิกของพรรคพลังประชาชนหรือไม่ แต่เราก็จะตรวจสอบต่อไป อย่างไรก็ตาม ตามกฎหมายใหม่หากบุคคลใดเป็นสมาชิกของพรรคการเมืองมากกว่าหนึ่งพรรคขึ้นไปจะต้องถูกเพิกถอนทั้งหมด