xs
xsm
sm
md
lg

“มิเกล” โดนขู่! ไม่ให้ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ แขวะ ถ้ายังใช้ศาลเตี้ยระราน ปชช.ก็จะไม่อยู่แล้วประเทศนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“มิเกล” ไม่กลัวคำขู่! เข้าร่วมกู้ชาติกับพันธมิตรฯ เผยรู้สึกละอายที่เห็นคนแก่ อีกทั้งลูกเล็กเด็กแดง ดาหน้าออกมาแสดงพลังรักชาติอย่างกล้าหาญ โดยที่ตนเองนั่งดูเฉยๆ ซัด รัฐบาลปล่อยให้กิเลสครอบงำ จนไม่เห็นแก่บ้านเมือง ยกมือเห็นด้วยว่าควรเปลี่ยนรัฐบาล ก่อนตัดพ้อ หากการเข้าข้างพันธมิตรฯ จะกลายเป็นเป้านิ่งให้ขบวนการไข่แม้วรอบกัด ก็จะขอหนีตายไปอยู่ประเทศอื่นให้รู้แล้วรู้รอด

เป็นอีกหนึ่งศิลปินที่ก้าวขึ้นเวทีพันธมิตร ประกาศยืนข้างประชาชนที่รักชาติ สำหรับร็อกเกอร์หญิงเหล็ก “สุกัญญา มิเกล” ซึ่งถึงแม้ว่าจะโดนข่มขู่ แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนความตั้งใจของเจ้าตัวได้ โดยบอกว่า ต้องการมาร้องเพลงให้กำลังใจกับผู้ชุมนุม อีกทั้งอยากจะเป็นกระบอกเสียงเล็กๆ เพื่อส่งผ่านไปยังรัฐบาลว่าช่วยดูแลประชาชนด้วย พร้อมเฉ่งคนที่ครหาว่าเป็นหน้าม้า ถูกจ้างมาขึ้นเวที ว่า เป็นพวกจิตอกุศล

“มาครั้งนี้ตัดสินใจไม่ยาก แต่ว่าก่อนหน้านี้คิดว่าจะไม่มา แต่คอยเป็นแรงใจอยู่แล้วนะ อยู่ที่บ้านดูเอเอสทีวีตลอด แต่ไม่อยากให้คนมองว่าเรามาใช้เวทีสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง อันนี้ยอมรับว่ากลัวมาก เพราะไม่ได้มีความคิดนั้นเลย มิเกลนั่งคุยกับสามีที่บ้าน ดูสิเขามากันทั้งครอบครัวนะ ทั้งคนแก่คนเฒ่า มันรู้สึกอาย แล้วเพลงที่เราแต่งมันมีอยู่แล้ว คือ เพลงไปกับสายลม และเพลงเพื่อนเอย เพลงไปกับสายลม เนื้อหาคือเราไม่ยอมก้มหัวให้ใคร ส่วนเพลงเพื่อนเอย เป็นเพลงให้กำลังแม้เส้นทางจะยาวไกล แต่เราก็ต้องสู้”

“มีน้องที่เป็น รปภ.อยู่ที่นี่ คือ เขามาช่วยงานที่นี่ มิเกลก็เลยส่งเงินและจดหมายมา บอกเขาว่าพี่ไม่ไปนะ เพราะไม่อยากให้คนมองว่ามาหาชื่อเสียง เพราะมันมีหลายคนที่คิดอะไรแบบลบๆ แต่พอนั่งอายอยู่บ้านหลายๆ วัน มันรู้สึกตื้นขึ้นมาเรื่อยๆ แล้วพี่ตั้วก็ขึ้นบ่อย ใครต่อใครก็บ๊อย บ่อย เราก็เลยเอาวะ อย่างน้อยมาเป็นกำลังใจ มาสร้างสีสันให้เขามีกำลังใจก็ยังดี”

“มีคนคิดอกุศลว่าเราถูกจ้างมา พูดตรงๆ เลยนะ เมื่อวานโทร.ไปชวนเพื่อน ทั้งดังและไม่ดัง เพื่อนเราถามว่าเค้ามีงบให้มั้ย เราก็ตอบไปว่าไม่มีงบ และก็บอกนักดนตรีที่มาเล่นให้วันนี้ ว่า ไม่มีงบนะลูก ทุกคนก็ครับพี่ ส่วนศิลปินท่านนั้นเขาก็ไม่มา แล้วก็โทร.ไปหาเพื่อนหลายๆ คน เขาก็บอกเหมือนกันว่า คนนั้นไม่ต้องชวนหรอก ถ้าไม่มีงบเขาไม่ไปอยู่แล้ว ที่นี่ไม่มี ไม่มีแล้วยังเสียตังค์ด้วย ไม่ได้อยากได้ตังค์คืนนะ แต่อยากได้ข้าวแกงจานละ 15 บาทเหมือนเดิม ไม่อยากกินข้าวแกงจานละ 35 เพราะกินแล้วเจ็บท้องมาก สงสารลูกด้วยว่าอนาคตจะเป็นยังไง”

“แน่นอนที่ไม่มีใครกล้ามา เพราะกลัวผลกระทบ เรายังโดนขู่เลย แค่ข่าวออกมาวันเดียว มันไม่เชิงขู่ แต่คนเขาก็คงหวังดี มองว่า ศิลปินทุกคนควรอยู่ตรงกลาง ใครให้จ้างไปก็ไป ใครไม่จ้างเราก็ไม่สมควรจะ อะไรทำนองนี้ค่ะ ก็มีบอกเราว่าเราเป็นศิลปินนะ ว่าถ้าเราไปในฝั่งใดฝั่งหนึ่งมันจะยากต่อไปในอนาคต จะทำอะไรยาก เราก็เลยพูดกับสามีว่า ที่ผ่านมาเราก็ไม่ได้สบายนะ บางทีมันอยู่ฝั่งไหนก็ไม่รู้ แต่มันไม่อยากจ้างเรามันก็ไม่จ้างนะ มันก็คงลำบากเหมือนเดิมแหละ”

“ไม่กลัวหรอก เรื่องลำบาก แต่ถ้าปองร้ายเราถึงชีวิต เราก็คิดว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ข้างตัวเรา เราเชื่อในบารมีของในหลวงท่านที่เราศรัทธาอย่างบริสุทธิ์ ตรงนั้นน่าจะช่วยเราได้ ปกป้องร่างกายไม่ได้ เผลอๆ อาจโดนคนตีเอา แต่แน่นอนว่าเราดี อะไรก็น่าจะออกมาดี เอาแค่ว่าสังคมไทยมันน่าจะดีกว่านี้ ไม่ต้องดีในรุ่นเราก็ได้ แต่เห็นเด็กแล้วเราสงสารเด็ก เมื่อก่อนเราเป็นวัยรุ่น เราไม่สนใจอะไรเลย มาถึงวันนี้เราสงสารลูก เราเคยเป็นคนที่ไม่เคยสนใจอะไรมาก่อนไง พอมาวันหนึ่งเรามีลูก เราก็เริ่มสนใจมากขึ้น ว่าลูกเข้าโรงเรียนต้องเสียอะไร ปัจจุบันลูกเรียนอะไรบ้าง อินเตอร์เน็ตทำอะไรกับเด็กบ้าง เราเริ่มสนใจเรื่องนี้มากขึ้นตั้งแต่เราเริ่มท้อง”

“ตอนนี้น้ำมันขึ้นพ่อแม่ก็ลำบาก ลูกจะเข้าโรงเรียนบางบ้านก็ไม่มีตังค์ไปโรงเรียน เสื้อผ้าก็ใส่ตามแบบฟอร์มที่ผูกขาด โรงเรียนนี้แบบนั้น โรงเรียนนั้นแบบนี้ การเรียนการสอนจริยธรรมก็หายไปหมด แล้วลูกเราอยู่ในสังคมไทยที่เราอยู่ สมัยเราเรียนวิชาพวกนี้มันยังมีอยู่ ทุกวันศุกร์เราต้องไปไหว้พระ ฟังพระเทศน์ เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว”
 
“ถ้าเราปล่อยให้มันเป็นไปแบบนี้เรื่อยๆ พวกเขาไม่มองถึงเด็กตาดำๆ หรอก เราสงสารลูก สงสารลูกของเพื่อน สงสารเด็ก ที่อยู่ใต้สะพาน ทำไมมันไม่มีอะไรช่วยเหลือเด็กพวกนี้ในทางที่ถูกต้องบ้างหรือ มันเป็นจุดเล็กๆ ที่ผู้ใหญ่ไม่เคยมองเห็น ผู้ใหญ่มองเห็นแต่เงินน่ะ จริงๆ แล้วมันมีอะไรมากมายกว่าเงินเยอะแยะ ถ้าประชาชนอยู่ดีกันดี การกินดีอยู่ดีไม่ใช่ร่ำรวย แค่ของไม่แพงมาก ไม่อย่างนั้นเราว่ามันคงไม่ปะทุถึงขนาดนี้ อะไรที่ไม่จำเป็นเราตัดทิ้ง อย่าเห็นแต่เงิน”





“แต่สิ่งที่เขาทำรุนแรงที่สุดเลยก็คือในหลวง เห็นแล้วเราร้องไห้ เป็นแฟนเอเอสทีวีมานานแล้ว และก็พยายามศึกษาข้อมูลว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาถึงมาประท้วง ทำไมถึงตั้งกระทู้รุนแรงขนาดนี้ ทำให้ต้องไปดูข่าวย้อนหลัง และดูเอเอสทีวี แล้วสิ่งที่เห็นมันทำให้ร้องไห้ออกมา ก็เลยคิดว่าเอ๊ะ ถ้าคนดีๆ คนหนึ่งที่เขาทำเพื่อเราๆ ทั้งนั้นเลย และไม่รู้ว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร แล้วทำไมมันถึงได้เกิดการทำร้ายขนาดนั้น ทั้งๆ ที่เขาเป็นใครยังไม่รู้เลย เห็นแล้วเสียใจ แล้วมิเกลก็คิดว่าในหลวงท่านก็เสียใจ และคงจะมากกว่าที่เราเสียใจด้วยซ้ำ”

“เราอยากให้เมืองไทย มีความถูกต้อง คิดถึงความถูกต้องเป็นหลัก นอกเหนือจากความถูกต้องก็มีเรื่องหัวใจเป็นหลัก หัวใจต้องมาก่อน ถ้าเรารักใครสักคน สักอย่างหนึ่ง รักประเทศชาติ รักต้นไม้ รักทุกสิ่งทุกอย่าง มันก็สามารถทำให้รักคนดีๆ ได้ใช่มั้ย พอคนทั่วไปไม่ได้รัก มันก็จะมีแต่สิ่งที่น่าเกลียดเกิดขึ้น”

ยันไม่ต้องการเป็นปรปักษ์กับรัฐบาล เพียงแต่อยากเรียกร้องให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ฟังเสียงร้องทุกข์จากประชาชนตาดำๆ บ้างว่าเขากำลังเดือดร้อนแค่ไหน
“บอกตรงๆ เราไม่มีความสามารถพอ และเราไม่สามารถเรียนสูงมากพอ ที่จะวิเคราะห์อะไรขนาดนั้น แต่เรามีความเชื่อ ความเป็นมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นฝั่งรัฐบาลหรือฝั่งเรา ทุกคนเป็นมนุษย์ เหมือนกันหมด มีความต้องการคล้ายๆ กันบนพื้นฐาน เราแค่มีความเชื่อว่าจะยอมลดละลงบ้าง คนที่มีความดี ก็คงจะไม่ลดละ ถ้าเกิดทางนี้ลด ทางโน้นเพิ่ม แล้วแข่งกันแบบนี้ มันไม่มีวันจบ เราว่ามันก็คงแย่ขึ้นเรื่อยๆ”

“ตอนนี้มีหลายคนบอกว่าไม่เห็นด้วยกับทั้งสองฝ่าย อยากอยู่ตรงกลาง มันเหมือนเด็กทะเลาะกัน เรามองว่าไม่จำเป็นต้องเป็นสองฝ่ายก็ได้ คุณก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ตรงกลางก็ได้ อย่าคิดว่าเป็นฝักฝ่าย คิดแค่เหตุผลว่ามันต้องแก้อะไร คนที่มีหน้าที่ คุณได้เงินเยอะแล้วคุณแก้เสียหน่อย มันก็จะไปได้ดี แต่ถ้าคุณยังดื้อ เพราะคิดว่าลั่นวาจาไปแล้ว แต่นั่นมันเป็นการดื้อโดยไร้เหตุผลหรือเปล่า ขอให้มีคนจำนวนหนึ่ง หรือคนสัก 50 คนก็ได้ คุณได้อะไรเยอะแยะเป็นพันๆ ล้าน แล้วคุณเอาพันล้านไม่ต้องเก็บไป วางไว้ แล้วให้คนอื่นที่มากกว่าพวกคุณหลายเท่า ให้เขาได้อยู่ดีกันดีขึ้นมาบ้างได้มั้ย”

“ไม่ใช่ว่าให้เพิ่มค่าแรง แค่ลดส่วนที่ต้องจ่ายลง ก็พอ แล้วมันถึงจะอยู่กันได้ผาสุก ไม่ลำบากมาก ทุกคนเราเชื่อว่าถ้าเขาไม่ลำบาก เขาคงไม่ออกมานั่งแบบนี้หรอก ไม่ว่าจะทำอะไรยอมได้อยู่แล้ว เพราะคนไทยปรับตัวโคตรเก่งเลย น้ำมันขึ้น อ่ะจ่าย ค่ารถขึ้น อ่ะจ่าย...”

“ขับรถเข้าปั๊ม น้ำมันขึ้น... พูดไปจะตายหรือเปล่ายังไม่รู้เลย...(หัวเราะ) มองเด็กเติมน้ำมัน แล้วพูดกับตัวเองว่า แล้วใครสั่งน้ำมันขึ้นวะ แล้วเราก็นั่งคิดว่า คนสั่งขึ้นเนี่ยมันรู้มั้ยว่ามีความจำเป็น มันไม่ใช่แค่รถที่ขับ มันกระทบไปทุกอย่างเลย น้องที่ขายนมอยู่ขอนแก่น มาถามว่าเขาทำอะไรกันหรือพี่ เขาก็บอกว่าเขาเป็นกลางตอบเหมือนเราเป็นวัยรุ่น ผมไม่ชอบการเมือง เราก็เลยบอกน้องแค่ว่า นึกดูว่าใครทำน้ำตาลขึ้น แล้วก็ถามเขาว่ากระทบมั้ย เขาก็บอกขายไม่เคยได้กำไร ขาดทุนทุกเดือนเลย นั่นแหละลองคิดดูเอา”

“การที่จะไปพูดอะไรกับวัยรุ่นสมัยนี้ ด้วยเรื้องหนักขนาดนี้ เขาจะมองว่าพี่โคตรเชยเลย คือลองคิดว่ามันเกี่ยวโยงกับสิ่งรอบตัวน้องอย่างไร อย่างเช่น ค่าโทรศัพท์ ค่ารถเมล์ ค่าข้าวแกง มันมากขึ้นมั้ย มันทำให้เราเดือดร้อนมากขึ้นรึเปล่า ไม่ได้บอกว่าให้มาเป็นปรปักษ์กับรัฐบาล ไม่ได้มาถากถางรัฐบาล เรามาช่วยกันแก้ดีกว่า ให้น้องรู้ว่ามันเกี่ยวข้องและคิดอย่างมีเหตุผล ไม่ใช่มองว่าไม่ชอบการเมือง ไม่ได้ มันต้องใช้คำว่าเหตุผล ทำไม แก้อย่างไร ไม่ใช่แค่ชอบไม่ชอบ”

“ที่จริงเราไม่ต้องการเป็นปรปักษ์กับรัฐบาล ไม่ว่าจะชุดไหนๆ ก็แล้วแต่ ขอแค่ฟังเสียงประชาชนบ้าง คิดว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่ ให้ฟังคนตัวเล็กพูดบ้าง คนแก่ทำผิดมีเยอะแยะไป เด็กทำผิดยังเป็นความผิดบริสุทธิ์ แต่ถ้าผู้ใหญ่รู้แล้วยังทำเนี่ย มันก็ไม่น่าให้อภัย จะตายมั้ยเนี่ยเรา... (ยิ้ม)”

เห็นสมควรว่าควรเปลี่ยนรัฐบาล หรือไม่ก็เลือกตั้งใหม่ แล้วให้ประชาชนเป็นคนตัดสิน...
“หลายๆ อย่างในบ้านเรามันมีธรรมเนียม ซึ่งธรรมเนียมเนี่ย เราก็ตั้งมันขึ้นมา แล้วถ้ารัฐบาลเก่าใช้ธรรมเนียม เราคิดว่ามันต้องเป็นแบบนี้ไปตลอด ไม่ว่าจะคนรุ่นใหม่รุ่นเก่าก็ยังเหมือนเดิม แต่ถ้าเริ่มมีความคิด กับคนที่จะมาเป็นรัฐบาลใหม่ ตัดเรื่องเนียมออกบ้างก็จะดี แล้วเอาโจทย์ปัญหาเรื่องนั้นเรื่องนี้ คิดหาทางแก้ ถ้าเป็นไปได้คนที่มีหน้าที่ทำงาน ใช้เพียงแค่ว่า มองผลประโยชน์ของตัวเองน้อยๆ หน่อย เอาส่วนของคนตาดำๆ เป็นที่ตั้ง เราว่าทุกกย่างมันก็จะดีขึ้น”

“รัฐบาลชุดนี้ต้องเปลี่ยนมั้ย ก็น่านะ เอาแบบนี้ดีกว่า เสียงน้อยๆ ตัวเล็กๆ คนนี้จะบอกว่า เลือกตั้งใหม่ก็ได้ ถ้าเขามั่นใจว่าคุณเจ๋ง ก็เลือกตั้งใหม่ ให้คนเลือกตั้งคุณใหม่ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องรบราฆ่าฟัน มันไม่เกิดประโยชน์กับใคร”

ศิลปินที่ก้าวขึ้นเวทีพันธมิตรต่างก็โดนพิษไข่แม้วเล่นงาน ทำให้เจ้าตัวถึงกับตัดพ้อออกมาว่า ถ้าคนไม่ดีไม่ยอมให้คนดีอยู่ ก็จะไปอยู่ประเทศอื่น!
“เรายังยืนหยัดอยู่เสมอนะ เราคือผู้หญิงเราอาจจะทำอะไรได้ไม่มาก ถ้าเกิดคนดีอยู่ที่นี่ลำบาก เพราะว่าคนไม่ดีไม่ยอมให้คนดีอยู่ ก็คงจะไปลุยที่อื่น ไปอยู่ประเทศอื่น ถ้าที่นี่มีคนไม่ดีเยอะ แล้วไม่ยอมให้คนดีอยู่ ด้วยวิธีการศาลเตี้ยมันอันตรายแล้วมันลำบาก เราคงจะต้องไปที่อื่น เราคุยกันไว้แล้ว ไม่ต้องพยายามเนรเทศ ไม่ต้องทำอะไรเลย แค่รู้สึกว่าคนดีอยู่ไม่ได้ ก็ไม่อยากอยู่แล้ว ไปขุดรูอยู่ก็ได้ อยู่ถ้ำดีกว่า (ยิ้ม)“

“แต่เราเชื่อว่าพวกเค้าก็รักในหลวง ทุกคนรักในหลวงหมด เพราะในหลวงเป็นเทวดาในร่างคนจริงๆ มันต้องมีสักติ่งที่เขานึกถึงในหลวง แต่ด้วยความที่เขาหลีกหนีกิเลสไม่พ้น กับอัตราที่คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ ความคิดนี้เองที่ทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งที่ลึกๆ ก็รักในหลวง อยากให้ผู้ใหญ่ลดกิเลสลงหน่อย เราไม่ได้ต้องการอะไรมาก อยากได้ข้าวแกงจานละ 15 บาท น้ำมันลิตรละ 28 ก็พอ (ยิ้ม)”



กำลังโหลดความคิดเห็น