xs
xsm
sm
md
lg

“อานันท์” ปัดนั่งสมานฉันท์ 2 ขั้ว เชื่อไร้สาระรัฐแสร้งทำประชามติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี
“อดีตนายกฯ” ปัดเป็นตัวกลางสมานฉันท์ 2 ฝ่าย เชื่อไม่มีประโยชน์ เพราะจุดยืนแบ่งขั้วชัดเจน ตอกรัฐบาลทุ่มงบทำประชามติไร้สาระ เพราะไม่ชี้ชัดว่าจะแก้ไขในประเด็นใดบ้าง

วันนี้ (8 มิ.ย.) นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ความไม่สงบของบ้านเมืองในปัจจุบัน ว่า เรื่องนี้มีคนพูดมาเยอะแล้ว ขอเงียบๆ ดีกว่า เมื่อถามว่าในฐานะที่เคยเป็นอดีตนายกฯ และเป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมือง มองสถานการณ์แบบนี้อย่างไร นายอานันท์ กล่าวว่า มองด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ในหลักการของตน คิดว่ามันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่สังคมจะต้องมีความเห็นที่แตกต่าง แต่มันก็ควรอยู่บนพื้นฐานของการพูดคุยกันได้ หาทางออกร่วมกัน และไม่ควรที่จะนำไปสู่การให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งใช้กำลัง ควรเป็นการคุยโดยสันติภาพ อหิงสา ถ้าหากความเห็นแตกต่างกันนี้มันจะนำไปสู่ความแตกหักนั้น มันคงไม่สวยงาม แต่ปัจจุบันนี้มันแบ่งออกเป็น 2 ขั้วอย่างชัดเจน มันเกินขอบเขต ส่วนความสมานฉันท์จะเข้ามามีบทบาทอะไรได้บ้างในขณะนี้ ก่อนที่จะมีความสมานฉันท์กันได้ก็ต้องมองไปถึงเหตุที่มีความคิดที่แตกต่างกันมากกว่า เมื่อถามว่ามีความกังวลหรือไม่ นายอานันท์ กล่าวว่า ไม่กังวล

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทั้ง 2 ฝ่ายควรยุติความขัดแย้งลงก่อนหรือไม่ นายอานันท์ กล่าวว่า ปัจจุบันในสังคมไทยที่มีความแตกแยกออกเป็น 2 ขั้ว มันเกิดจากการที่ไม่ไว้ใจ ไม่เชื่อใจกัน ถ้าเกิดแบบนี้มันก็ต้องมีอะไรบางอย่าง เพื่อให้ความไม่ไว้ใจดังกล่าวลดน้อยลงไปก่อน

เมื่อถามว่าควรจะมีกลไกอะไรให้ทั้ง2ฝ่าย ยุติความขัดแย้ง นายอานันท์ กล่าวว่า ถ้าเป็นสังคมที่มีระบอบประชาธิปไตย ก็สามารถใช้กลไกทางรัฐสภาสกัดปัญหา หรือลดความเข้มข้นของปัญหานี้ลงได้ แต่ถ้าสภาของเราไม่ทำหน้าที่ที่สมบูรณ์ ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ข้อขัดแย้งมันจะลงไปสู่ถนนหนทาง ในทุกๆ แห่งทุกประเทศถ้าไม่สามารถแก้ปัญหาในสภาได้ มันก็ต้องออกมานอกสภา ปัจจุบันที่เห็นๆ กันอยู่ ข้าวยากหมากแพง น้ำมันขึ้นราคา ก็มีการออกมาชุมนุม ทุกหนทุกแห่งในโลก และนี่มันก็เป็นปรกฎการณ์ธรรมดา แต่ตราบใดที่การชุมนุมบนท้องถนนทำไปด้วยความสันติ ไม่ใช้ความรุนแรง มันก็เป็นสิทธิภายใต้รัฐธรรมนูญ

ผู้สื่อข่าวถามว่า นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส เสนอให้อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นตัวกลางประสานทั้ง 2 ฝ่าย นายอานันท์ กล่าวว่า ตนแก่แล้ว ขอพักผ่อนบ้าง ขอให้เป็นคนหนุ่มไป ตนรู้สึกงงๆ ยังไม่ทราบเพราะยังไม่ได้อ่านข่าวในหนังสือพิมพ์ จึงไม่รู้ว่าหมอประเวศมีแนวคิดอย่างไร แต่เรื่องตัวกลางนั้นได้มีการพูดมาหลายสมัยแล้ว แต่การที่จะมีตัวกลางได้นั้นมันต้องให้ 2 ฝ่ายเป็นผู้เสนอมากกว่า

เมื่อถามว่า ที่ระบุว่า เลยขีดความสมานฉันท์นั้น หมายถึงว่าเลยขีดที่ 2 ฝ่ายจะคุยกันไม่ได้เลยหรือไม่ นายอานันท์ กล่าวว่า ตนคิดว่าคุยกันไม่รู้เรื่อง เพราะฝ่ายหนึ่งไม่รู้เรื่อง ถ้าจะสมานฉันท์ได้มันต้องอยู่บนพื้นฐานที่ใกล้เคียงกันในบางประเด็นเสียก่อน สมมติฝ่ายหนึ่งบอกว่าต้องเอาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและอย่าไปแทรกแซง แล้วถ้าอีกฝ่ายไม่ยอมตอบประเด็นนี้ มันก็พูดกันต่อไปลำบาก เราไม่ได้บอกว่าฝ่ายไหนถูกหรือฝ่ายไหนผิด แต่พยายามจะวิเคราะห์ว่าฝ่ายหนึ่งเขาต้องการอะไร และอีกฝ่ายหนึ่งตอบประเด็นนั้นหรือเปล่า ถ้าไม่ยอมตอบประเด็นนั้นอย่างตรงไปตรงมา หรือไปยกประเด็นอื่นขึ้นมามันก็เหมือนกับพูดสวนทางกัน นี่มันไม่ได้เป็นพื้นฐานของความสมานฉันท์ มันต้องพูดในเรื่องเดียวกันด้วย เช่นถ้าตนถามว่าคุณไปไหนมา แต่คุณตอบว่าสามวาสองศอก มันจะไปสมานฉันท์ได้อย่างไร คุณจะต้องสร้างพื้นฐานการนำไปสู่ความสมานฉันท์มากกว่า

ผู้สื่อข่าวถามว่า ท่าทีของรัฐบาลก็ปล่อยให้ผู้ชุมนุมทำต่อไปในลักษณะนี้ นายอานันท์ กล่าวว่า ตนก็ชมรัฐบาลที่อย่างน้อยก็ไม่ได้ใช้ความรุนแรง และคิดว่าต่อๆ ไปก็คงจะไม่ใช้ความรุนแรง ก็ต้องให้เครดิตกับทางรัฐบาลและหน่วยราชการ แต่การที่บุคคลอื่นๆจะออกมาพูด หรือพฤติกรรมทางด้านอื่นก็ต้องระมัดระวังเหมือนกัน สำคัญต้องพูดให้รู้เรื่อง แต่ไม่ใช่ว่าต้องเห็นด้วยทั้ง 2 ฝ่าย มันต้องพูดเรื่องเดียวกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ตัวกลางสามารถช่วยอะไรได้หรือไม่ นายอานันท์ กล่าวว่า ตัวกลางจะไปทำอะไรได้ เพราะไม่สามารถบอกว่าคุณต้องพูดอย่างนี้ อย่างนั้น คนกลางเป็นเพียงแค่ผู้ที่จะสามารถช่วยอำนวยความสะดวกให้เกิดการแก้ปัญหา เหมือนเป็นผู้แทนคนหนึ่ง ทั้งนี้ฝ่ายหนึ่งบอกว่าไม่ไว้ใจที่จะให้มีการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ถอนไปแล้วก็เสนอขึ้นมาใหม่ได้

“ถ้าผมเป็นคนธรรมดา และสมมติว่าถ้ารัฐบาลประกาศในสภาฯว่าจะไม่ดำเนินการเรื่องนี้อีกแล้ว อันนั้นก็คงจะพอพูดคุยกันได้ แต่ผมไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะรับได้หรือไม่ แต่ในแง่ของคนทั่วๆไป คนที่อยู่ข้างนอก รู้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งเขาไม่เชื่อใจตรงนี้” อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลอ้างว่า จะทำประชามติก่อนจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายอานันท์ กล่าวว่า ขอถามว่าจะประชามติเรื่องอะไร อย่าไปคิดว่าประชามติมันจะออกมาง่ายๆ แค่ตอบว่าเอาไม่เอา แก้ไม่แก้ มันไม่ใช่อย่างนั้น ถ้าเป็นแบบนี้ตนก็คงจะลงมติไม่ได้ แต่ถ้าบอกว่าจะแก้ รธน.ในข้อ 1, 2, 3, 4, 5 มันก็ง่ายที่จะตัดสินใจว่าจะสนับสนุนหรือไม่ มันสมเหตุสมผลมากว่าเพราะอย่างน้อยก็รู้ว่าจะแก้ประเด็นไหน แต่แค่บอกว่าแก้ไม่แก้ ตนมองว่ามันไร้สาระ เมื่อถามว่าแสดงว่างบประมาณเกือบ 3 พันล้านบาทในการทำประชามติ ไม่มีประโยชน์

นายอานันท์ กล่าวว่า คิดว่าไม่มีประโยชน์ ตนก็ไม่ได้เห็นว่ารธน. 50 มันแก้ไขไม่ได้ และก็ไม่ได้เห็นว่ารธน.40 มันวิเศษเลิศลอย เห็นว่า ทั้ง 2 อันมันแก้ได้ทั้งนั้น แต่จะแก้ประเด็นใด แต่ถ้าบอกว่าจะไปแตะต้องในประเด็นที่มันสำคัญตนก็ไม่อยากให้แก้ ควรจะแก้ประเด็นที่มันแก้ได้ เช่น ส.ส.หรือรัฐมนตรีต้องเป็นผู้มีปริญญานั้น มันจะอยู่ที่ รธน.ฉบับไหนตนก็อยากให้แก้ เพราะคิดว่ามันไม่เป็นประชาธิปไตย ดังนั้น มันต้องพูดให้ชัดว่าถ้าจะแก้แล้วจะแก้อะไร
กำลังโหลดความคิดเห็น