"ต๋อย" รีเทิร์น คลอด "CLUB 7" เบียด "7 กะรัต" ดีเดย์ 1 ก.ค.นี้ ยันเปล่าเกาเหลา "ชาลอต" เผยอดทนรอวิกหมอชิตเรียกตัวนาน 5 เดือน บอกสิ้นคิดหากทำรูปแบบก็อปประชัน "ตี 10" แจงโล่งอกอีกฝ่ายไม่คิดแข่ง โพล่งไม่น้อยใจวิกพระราม 4 ลืมตน ยันทุกวันนี้ยินดีกราบเท้าบอสใหญ่ พร้อมเรียก "นายประวิทย์" จนวันตาย
หลังต่อสู้และพ่ายแพ้กับวิกฤติสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวีจนต้องหยุดแพร่ภาพไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทำให้ "ต๋อย ไตรภพ ลิมปพัทธ์" เจ้าของบริษัทบอนด์ คอร์เปอร์เรชั่น และพนักงานต้องว่างงานนานถึง 5 เดือนเต็ม โดยที่ผู้บริหารและพิธีกรคนดัง บอกหลายเดือนที่ผ่านมาต้องอดทนนั่งรอทางสถานีต่างๆ ที่เล็งเห็นความสามารถในตัวบริษัทตนเพื่อเรียกตัวเข้าไปพบหวังได้ร่วมงานกันดีกว่าที่จะให้ตนนำรายการเดินเข้าไปยื่นเสนอป้อนให้กับช่องต่างๆ เอง
และในที่สุด ทางบอร์ดผู้บริหารใหญ่สถานีโทรทัศน์สี กองทัพบกช่อง 7 ก็ได้เรียกตัวผู้บริหารฝีมือฉมังเข้าไปพบพร้อมทั้งให้เช่าเวลาสำหรับรายการแนววาไรตี้ทอล์คโชว์ในชื่อ "CLUB 7" ออกอากาศในช่วงเวลา 22.20 น. ถึง 2 ชั่วโมงเต็ม แทนที่รายการ "7 กะรัต" ที่มี "ชาลอต โทณวณิก" คุมบังเหียนอยู่ ซึ่งเรื่องนี้ "ต๋อย" ยันรายการของตนที่เข้ามาเสียบแทนไม่เป็นปัญหาบานปลายจนกลายเป็นศึกเกาเหลา ระหว่างสองผู้จัดแน่นอน
"ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเลย ก็ได้รับความกรุณาจากคณะกรรมการ ทางบอร์ดเรียกเข้าไปคุยและบอกคุณไตรภพมีงานอะไรยังไงจะเสนอก็ได้งานนี้มาครับ ตอนเวลาเสนองานหรือทำงานต้องเสนอที่ตัวไอเดียว่าเราคิดยังไง คือทางคณะกรรมการต้องการดูว่าความคิดเราที่มองกับทีวีมองอะไร ตอนได้เราไม่รู้ว่าได้วันไหนนะครับ และเราไม่ได้เป็นคนเจาะจงขอเวลา เราไม่มีสิทธิ์ครับเราเพียงแต่พูดรูปร่างรายการของเราคร่าวๆ ว่าเป็นแบบนี้ คณะกรรมการตอบกลับมาเองว่างั้นคุณได้ทำรายการแล้ว คุณเขียนแผนมาคือคุยก่อนแล้วไม่มีกระดาษจนเป็นกระดาษกลับไปและคุณได้เวลานี้ เดือนนี้"
"ผมไม่มีปัญหากับใครทั้งสิ้นเลย ช่องนี้เป็นช่องที่สถานีให้เวลานะครับและทางสถานีเป็นคนกำหนดทั้งหมด แล้วคุณชาลอตพูดเองแล้วด้วยเพราะว่าเงินนาย ทุกอย่างได้นายได้ นี่คือชัดเจนเหมือนกันผมไม่ได้มีปัญหากับเขานะครับ ย้ำอีกครั้งผมไม่ได้เป็นคนชี้นะครับว่าจะเอาเวลาไหน ก็คาดหวังจะทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมเป็นพิธีกร "ท้าพิสูจน์" คนแรกนะครับและทำให้รายการประเภทนี้เกิดไหลตามกันมาก็คิดว่าจะทำให้ดีที่สุดที่เขามอบหมายมาที่จะให้เราทำ"
ปฏิเสธสำหรับกระแสข่าวก่อนหน้านี้บอกว่าผู้จัดคนเก่งนำรายการเสนอมาหลายช่องแต่สรุปที่วิกหมอชิต พร้อมลั่นรายการใหม่ไม่เหมือนกับรายการก่อนที่ทำมาแน่นอนจึงไม่กลัวถูกเปรียบเทียบ
"เป็นข่าวลือทั้งหมด เขาเรียกครับ ผมบอกแล้วว่าความกรุณาคือเขาเรียกเข้าไป ถามว่าไม่สะดวกจะไปช่องอื่นแล้ว ถ้าเชิญมาสะดวกทั้งนั้นละครับ คุณต้องเข้าใจว่าสถานีแต่ละสถานีมีคาแร็กเตอร์ที่แตกต่างกัน ถ้าเรามีคาแรกเตอร์อย่างนั้นอยู่แล้วและสถานีมีอยู่แล้วก็ทำไม่ได้ เพราะถ้าให้ผมไปทำคาแรกเตอร์เหมือนเขามีปัญหากับผู้จัดแน่ครับ ถ้าผมไปทำเหมือนเขามีแน่ครับผมไม่ทำครับ ถามว่าไปช่องนั้นช่องนี้ได้หรือเปล่าคาแรกเตอร์มันเป็นตัวบอกครับไม่ต้องห่วง"
"รายการเราในแต่ละอาทิตย์ไม่เหมือนกัน คุณเดารายการผมไม่ได้ จะไม่ได้เริ่มต้นด้วยร้องเพลง มีของมาโชว์และทอล์คโชว์และตบด้วยตลก คุณจะไม่มีวันรู้ว่าอาทิตย์นั้นเป็นอะไร ไม่เหมือนกันเลยครับถ้าเหมือนก็เหมือนทอล์คโชว์ และผมคิดว่าทอล์คโชว์คงเหมือนกันทั้งโลกคือคุยกับคนแต่ประเด็นไม่เหมือน วิธีคุยที่ผมคุยอย่างทุกวันนี้ไม่เหมือนทอล์คโชว์ในรายการไหนมีเลย มั่นใจว่าสิ่งที่นำเสนอออกไปแตกต่างแน่นอนแล้วก็เป็นประโยชน์และสนุกสนานแน่นอนเพราะเป็นวาไรตี้ควรจะมีครบรสในทุกๆ ส่วนก็ค่อนข้างมั่นใจครับ"
"ผมก็ยังแปลกใจระหว่างที่หยุดงาน 5 เดือนเอางานมาดูทั้งหมดและดูทีวีทั้งหมด ปรากฎพบว่า 17-18 ปีที่ที่ทำทอล์คโชว์จนถึงทุกวันนี้ก็ไม่มีใครทำแบบนี้ เลยคิดว่าไม่เป็นไรถึงกลับมาอีกทีก็ไม่เป็นไร วิธีถามแบบเรา อย่างบางท่าน คุณกบ สุวนันท์ ให้ใจสุดๆ แพนเค้ก คุณขวัญ เขาเลื่อนงานทุกอย่างเพื่อจะมาออกให้ เราก็ดีใจเรามองดูเด็กพวกนี้มาตลอดแต่ไม่ได้สัมภาษณ์ พอมีโอกาสได้สัมภาษณ์ ครั้งนี้จะได้สัมภาษณ์"
ถามต่อว่ามีอาการหนักใจหรือไม่เนื่องจากชนกับรายการ "ตี 10" ซึ่งมี "วิทวัส สุนทรวิเนตร์" บริหารและครองเรตติ้งในช่วงเวลานี้อยู่ เจ้าตัวเผยด้วยความเคารพในฝีมือ ย้ำไม่เคยคิดแข่ง
"ด้วยความเคารพในฝีมือของคุณวิทวัสและรายการตี 10 ผมเป็นผู้หนึ่งเลยที่ชื่นชอบในฝีมือและสิ่งที่เขาทำอยู่ ก่อนผมให้สัมภาษณ์วันนี้ เขาให้สัมภาษณ์หลายครั้งหลายหนว่ามันไม่ได้เกี่ยวกัน มันไม่ได้ชนกัน ไม่ได้อะไรทั้งสิ้นเป็นกำไรผู้ชมและเป็นทางเลือกผู้ชม ผมมองเหมือนกันแต่ผมเสริมนิดนึงผมมองการทำทีวีของผมเป็นการวิ่งแข่ง จริงๆ ประโยคนี้พูดมา 30 ปีแล้วว่ามนุษย์ทุกคนให้รู้จักสิว่ามีลู่ของเรา เพราะฉะนั้นพอคุณวิทวัสพูดมาอย่างนั้นแล้วผมมีความสุขมากแม้คำมันไม่เหมือนกันแต่วิธีคิดเหมือนกัน เขาก็ไม่ได้คิดแข่งกับผม ผมจำได้ว่ามีหนังสือบางฉบับสัมภาษณ์เขาว่าจะปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงเพื่อเตรียมต่อสู้ไหมเขาบอกเลยเขาไม่ทำ เขาบอกถ้าทำก็ไม่ใช่เขาสิ ผมชื่นชมมากและผมมีความรู้สึกว่าคนเราเก่งทางไหน ทำทางนั้น"
"เขาทำดันดาราผมว่าเขาโอเคมาก (เน้นเสียง) ถ้าถามผมว่าเขาดันดาราแล้วผมจะมาดันบ้างไหม ผมการันตีได้ครับว่าไม่เหมือนเลย เขาประกวดนักร้องผมต้องประกวดด้วยเหรออย่างนั้นสิ้นคิดครับผมไม่สิ้นคิดไม่ต้องกลัวครับ"
"เรื่องเรตติ้งไม่กดดันผมเลยครับ ผมยอมรับเรื่องเรตติ้งอย่างดี สถานีไม่ได้บอกว่าต้องทำเรตติ้งให้ได้เท่านี้ผมถึงได้บอกว่าผมได้รับเกียติไงครับ ถามว่ามีระยะเวลาไหมไม่ต้องมีครับ ก็ขอพูดเหมือนทุกๆ ครั้งที่ทำงานคือไม่ต้องมีใครมาบอกผมหรอกครับว่าควรทำหรือควรเลิก ในชีวิตนี้ไม่มีเลยผมเลิกของผมเองครับไม่ต้องห่วง ฝันที่เป็นจริงที่เลิกมันก็ไม่ได้ตกนะครับผมคิดว่าพอแล้ว ทุกวันนี้คนที่เจอผมยังบอกให้เอามาทำอีก ผมจะไม่มีวันทำอะไรที่ทำแล้ว แล้วทำอีก"
ต่อข้อถามว่ามีกระแสข่าวลืออีกว่ากำลังจะได้ลงรายการใหม่อีกหนึ่งรายการ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร พิธีกรฝีปากคมไม่ตอบแต่บอกมีรายการใหม่สต็อกเยอะ
"ถ้ามันเป็นความกรุณาที่ผู้ใหญ่ให้ หรือที่ผู้ใหญ่บอกว่าควรพูดก็พูดอะไรไม่ควรพูดก็อย่าพูด เอาเป็นว่าผมไม่พูดแล้วกันครับ ตอนนี้เราเหมือนเด็กแรกเกิดกลับมาใหม่หลังจากที่หายไป 5 เดือนไม่อยากพูดเรื่องพวกนี้ผมไม่ทราบจริงๆ ผมคิดว่าผู้ใหญ่ทั้งหลายคงรอดูผลงานจะเป็นยังไงแม้แต่ตัวผมเอง ก็ควรจะรอดูผลงานตัวเองด้วยว่าเป็นยังไงถ้าดีเขาคงกรุณาเองเพราะครั้งนี้เขาก็กรุณา รายการอื่นก็มีการเตรียมแน่นอนเป็นกระตั๊กเลยและมีที่แตกต่างออกไปด้วย"
เผยสาเหตุที่ไม่ยอมเสนอรายการยื่นผ่านช่องต่างๆ เหตุเพราะเชื่อว่ามีคนเล็งเห็นความสามารถจนได้มาเช่าเวลากับวิกหมอชิต ลั่นจะอยู่กับช่อง 7 ไปจนกว่าจะถูกเลิกจ้าง
"คุณดูประวัติเอาเองแล้วกันตั้งแต่ไหนแต่ไร ดูด้วยความเป็นธรรมและลึกนะครับผมไม่เคยออกจากใครเลยนะครับผมไม่เคยนะครับ บางครั้งคนเราต้องดิ้นรนเพื่อลูกน้องเพื่อบริษัท ไปเช็คได้ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาผมไม่ใช่คนที่จู่ๆ จะมาบอกไปดีกว่า ไปทำโน่นทำนี่ดีกว่า แล้วอย่างครั้งนี้ก็เหมือนกันคุณคิดดูว่าคนๆ หนึ่งจ่ายเงินทุกวัน ไม่มีใครต้องเดือดร้อนในบริษัทเพราะเห็นว่าเป็นลูกเป็นหลานเป็นพี่เป็นน้อง 5 เดือนเต็มๆ ไม่เคยยื่นของานใครเลย คิดดูว่าอดทนแค่ไหน"
"ถามดีมากครับว่าทำไมถึงไม่ยื่นรายการให้กับช่อง วิกฤติที่เกิดขึ้นตั้งแต่ผมโดนกับไอทีวีผมโดนข้อหาอะไรบ้างกับสังคม ผมทำทั้งหมดเพราะทำให้พนักงานไอทีวีทั้งหมดรอดให้ได้ แต่พอเวลาที่ออกมาผมโดนวิกฤติอะไรบ้าง ผมควรเอาความเดือดร้อนไปให้ใครไหม อดทนครับผมนั่งอดทันเท่านั้นเอง ผมไม่ใช่ยิ่งยโสโอหังอย่าเข้าใจผิดนะครับ เราเป็นคนที่มีคนรู้จักแล้วนะเราก็ทำงานในวงการและมีฝืมือและเราก็มีงานของเรานะ ถ้าใครที่เขาอยากได้ ใครที่เขารู้จักอ่ะ"
"ผมเชื่อว่าช่องทุกช่องรู้จักผมนะก็รอเขาเลือกไงครับ หลายคนบอกว่าผมคิดผิด เชื่อผมเถอะครับไม่ผิด ครั้งหนึ่งผมก็เคยอินชาร์จ ผมตามทุกคนที่เก่งหมดเลยครับ สมัยก่อนคนว่าผมมีเรื่องกับคุณปัญญา คุณไปถามตอนที่ผมอินชาร์ตผมไปตามคุณปัญญาคนแรกเลยครับ ผมตามทุกคนและผมก็มานั่งคิดตัวเราเองว่าเขาก็รู้จักเรานะถ้าเขาอยากได้และคิดว่าเราไปและเขาไม่เดือดร้อนในตอนนั้นเขาก็เรียกเองนะก็คิดอย่างนั้น พูดได้แน่นอนว่าจะทำจนกว่าช่อง 7 ไม่ต้องการเรา"
บอกยอมเดือดร้อนคนเดียวโดยให้ลิมิตจ่ายเงินเดือนพนักงานนาน 1 ปีหากไม่มีช่องไหนเห็นความสามารถของตน
"จริงๆ ผมตั้งใจทน 1 ปี โชคดีที่ผมทนได้แค่ 5 เดือนเอง เงินที่จ่ายให้พนักงานคุณคิดเอาก็แล้วกันคน 100 คน แล้วคนนึงเงินเดือนหลักหมื่นหลักแสนแต่ผมไม่สน ต้องควักเนื้อไหม เงินทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นส่วนไหนก็ตามเป็นเงินของผมทั้งหมด เงินในบริษัทส่วนที่ผมถือหุ้นก็ถือว่าเป็นเงินของผมเวลาเดือดร้อนผมเดือนร้อนคนเดียวฉะนั้นจะไม่มีใครว่าอะไรผมได้ ไม่มีใครว่ามาหรือมาแตะหรือมาว่าในการใช้เงินส่วนนี้ของผมได้"
รับไม่หวั่นความสัมพันธ์ที่เคยมีกับช่อง 3 จะแตก พร้อมเปรยไม่น้อยใจที่สถานีเก่าไม่ยอมเรียกไปร่วมงานอีกครั้ง ฟุ้งหากเจอ "นายประวิทย์" ยินดีกราบเท้าเหมือนเคยและพร้อมเรียกนายเช่นเดิม
"ไม่หวั่นเลยครับ นายยังคงเป็นนายอยู่ ทุกวันนี้นายประวิทย์ยังเป็นนายประวิทย์อยู่ นายประชายังนายประชา นายประสานยังเป็นนายประสาน เมื่อไม่กี่วันกินข้าวยังเจอนายประสานยังเฮฮาคุยกัน เจอนายประวิทย์ทุกวันนี้ก็ยังกราบตีนเหมือนเดิม ไม่มีความเปลี่ยนแปลงและไม่ว่าเมื่อไรก็เรียกนายประวิทย์ตลอดให้จนจะต้องตายไปก็เรียกแบบนั้น"
"คุณจะไปน้อยใจอะไร ใครจะอินชาร์จอะไรก็เรื่องของเขาจะไปน้อยใจเขาทำไม เขาก็มีหน้าที่ต้องดูแลเขาก็มีหน้าที่คิดของเขาก็มีวิธีการของเขาไม่น้อยใจ เห็นใจเขาด้วยซ้ำว่ามาเป็นเราจะลำบากไหมหนอ จะคิดยังไง ไม่มีไม่ต้องกลัว"
