“ต๋อย” นำทีมผู้บริหาร “ทีไอทีวี” ร้องศาลปกครองคุ้มครองตนเอง ลุ้นรอผลศาลตัดสินพรุ่งนี้ บอกมาสู้เพื่อพี่น้องร่วมชายคาเดียวกัน บอกไม่ใช่รั้นสู้ทั้งที่แพ้ แต่สู้เพราะความยุติธรรม ยันหลังศาลตัดสินเสร็จถึงคิวรวมหัว “ผู้จัด” ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายแน่
วันนี้ (16 ม.ค.) “ต๋อย ไตรภพ ลิมปพัทธ์” ในฐานะตัวแทนจากทีไอทีวี ร่วมด้วย นายพีระวัฒน์ โชติธรรมโม บก.ข่าวเช้า นายจาตุรงค์ สุขเอียด บก.ข่าวเฉพาะกิจ นายอลงกรณ์ เหมือนดาว บก.บห.นายฉัตรชัย ตะวันธรงค์ รอง ผอ.ฝ่ายข่าว และ น.ส.ตวงพร อัศววิไล บก.ข่าวประจำวัน และบรรดาคนของทีไอทีวี มายื่นคำร้องขอให้ศาลปกครองนัดฟังคำสั่งว่าจะกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราว คดีที่พนักงานทีไอทีวี ฟ้องขอให้ยกเลิกคำสั่งกรมประชาสัมพันธ์ ที่ให้สถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี ยุติการแพร่ภาพ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (17) ทางศาลจะแจ้งคำสั่งให้ทราบทางโทรสาร ในช่วงเวลา 13.00 น.
โดยภายหลังจากการยื่นคำร้องดังกล่าว พิธีกรชื่อดัง และเจ้าของบริษัท บอร์น คอร์เปอเรชั่นอย่าง “ต๋อย ไตรภพ ลิมปพัทธ์” เปิดใจต่อการเข้ายื่นคำร้องครั้งนี้ว่า วันนี้ตนมาให้กำลังใจพี่น้องร่วมสถานี ยังไม่ได้มาในนามของเจ้าของบริษัทผลิตรายการ ยันมาเรียกร้องความเป็นธรรม เพราะได้รับการชี้แจงปิดสถานีผ่านแฟกซ์เท่านั้น
“วันนี้มาในหลายๆ ข้อ หลายๆ ข้อที่ว่ามันหลายข้อนี่ก็คือเรื่องของพนักงาน ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการทำงานของพนักงานแล้วการที่สถานีเลิกไป ไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญแล้วก็มีความเสียหายเกิดขึ้นทั้งตัวพนักงานและตัวผู้ผลิต แล้วก็เป็นความไม่พร้อมจากของรัฐด้วย เพราะฉะนั้นศาลก็ต้องเอาไปพิจารณาว่าจะเป็นอย่างไร”
“จริงๆ ว่าเราทำตามหน้าที่ของเรา เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมของพวกเรา เพราะว่าที่เราทำอยู่ตรงนี้ เนี่ยเราก็ฝากไว้กับสังคม มันสำคัญมาก ทำเพื่อความถูกต้องมันควรทำอะไรก็ได้เพื่อความถูกต้อง ถ้ามีอำนาจก็ต้องใช้อย่างถูกต้อง เราถึงต้องมาเรียกร้องกับศาล แต่ถ้าทุกท่านได้พอจะทราบเรื่องแล้วเนี่ย คำสั่งนี้เป็นคำสั่งแฟกซ์ด้วยซ้ำที่มาถึงเรา มาถึงตอนค่ำๆ มาถึงทุ่มกว่าๆ โดยไม่มีการบอกกล่าวใครล่วงหน้าเลย”
“ผมจะไม่พูดเรื่องของหลักกฎหมายหรอกนะครับ แต่ผมจะพูดถึงหลักเป็นจริง ว่าเราอยู่ด้วยกัน ทำงานทุกวันๆ แล้ววันหนึ่งก็มาทำอย่างนี้ คือ พวกผมอยู่ในช่วงของความลำบาก พูดอะไรก็ลำบาก ถ้าพูดก็จะเป็นการก้าวล่วงดุลยพินิจของศาล วันพรุ่งนี้เมื่อคำพิพากษาของศาลออกมาเรียบร้อยแล้ว พูดอย่างได้เต็มที่เลย ก็พรุ่งนี้ก็คงต้องมาดูกันก่อนน่ะครับเพราะว่า คำพิพากษามันดูได้หลายแบบ เพราะมันคือคำสั่งฉุกเฉิน ก็คือตัวผู้ร้องกับผู้ถูกกล่าวหา บ่ายๆ ก็จะออกมาด้วย”
พิธีกรชื่อดังพร้อมยืนยันสถานภาพว่า ตนมาในนามพี่น้องทีไอทีวี ยังไม่ถึงเวลาผู้จัดรายการออกโรง บอกที่ต่อสู้นี้เพื่อให้สังคมจารึกว่าไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามต้องทำตามกฎหมาย ยันสู้ต่อไปแน่
“วันนี้ศาลท่านถามไปตามที่ท่านควรถาม แต่ตรงนี้คงบอกไม่ได้จริงๆ เพราะเขาไม่บอกกัน พรุ่งนี้คงต้องทำได้จริงๆ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องคนในออฟฟิศ ผมจะต้องต่อสู้ให้คนพวกนี้เขา นี่เรื่องของผู้จัดเนี่ยเร็วๆ นี้ เราก็จะทำในส่วนของเรา คือเป็นเรื่องๆไป วันนี้ผมมาในนามของผมครับ มาในนามของ ไตรภพ ลิมปพัทธ์ ผมมาช่วยพี่น้องผม เดี๋ยวผมฟ้องของผมต่างหาก รอนิดหนึ่ง”
“ต้องถามทนายว่าฟ้องเท่าไหร่ ฟ้องศาลปกครองนี่แหละครับ และศาลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องที่จำเป็นจะต้องทำนะครับ บอกแล้วทั้งนี้และทั้งนั้นให้จารึกไว้ในสังคม ว่า จะทำอะไรก็ตามให้ทำตามกฎหมาย ให้ทำโดยสุจริต ถูกต้อง ต้องทำโดยถูกต้องและยุติธรรม เดี๋ยวจะได้เห็นไปเรื่อยๆ เราก็สู้ครับ”
“บางคนก็บอกว่าเราแพ้แล้วยังสู้ สู้ไปเรื่อย เราไม่ได้คิดแบบนั้นนะ เราคิดแค่ว่า เราสู้เพื่อความถูกต้อง เดี๋ยวคำฟ้องของผมออกมาก็คงจะบอกได้ แต่ส่วนนี้คือพนักงานเรียกร้องความเป็นธรรม เรียกร้องให้พนักงานอยู่ เดี๋ยวผู้จัดก็จะมาเรียกร้องของเราบ้าง ทั้งหมดที่เขาจะร่วมด้วย เราก็คงจะเรียกร้องเหมือนกันว่าทำแบบนี้กับเราได้อย่างไร ทำไมทำแบบนี้ หรือเราจะพูดอย่างไร”
พอถามถึงกรณีที่ว่า ทางบริษัทไหนจะร่วมเรียกร้อง ค่าเสียหายจากการปิดสถานีครั้งนี้บ้าง เจ้าตัวยืนยันว่ามีบริษัทที่ได้รับความเสียหายต่อการปิดสถานีนี้จำนวนมาก และหลังจากนี้ตนก็จะมีการเรียกร้องค่าเสียหายเป็นตัวเงินอย่างแน่นอน
“อย่าถามเลยว่าใครมาบ้างถามว่าใครไม่มาบ้าง หาคนไม่มาง่ายกว่ากันเยอะเลย เดิมทีถ้าสังเกตเห็นเนี่ย ผมไม่เคยพูดเรื่องเงินเลย บอกแล้วว่าความเสียหายเนี่ยผมไม่อยากพูดเรื่องส่วนตัว เพราะผมไม่ชอบ ผมเองไม่ได้สนใจเท่าไหร่ แต่คราวนี้จะพูดให้ฟังเร็วๆนี้ แล้วจะพูดให้ฟังรวมๆกันทั้งหมด แล้วกฎหมายต้องพูดถึงความเสียหายแล้วล่ะแล้วคุณก็จะให้เห็น ว่าแต่ละคนที่สตอกงานล่วงหน้ามันเสียหายอย่างไร การไม่บอกกล่าวสัญญา สัญญาอะไรบ้างเดี๋ยวก็จะได้ทราบ”
“เราเสียหายผู้จัดเยอะแยะ เรามีสัญญากับเขาอยู่ เราก็สต็อกงานมีเก็บเงินล่วงหน้ากับลูกค้า เขามาสัญญากับเรา แล้วมาเลิก แบบนี้เสียหายแน่นอนครับ เสียหายอย่างชัดเจนแน่นอน ฟ้องอีกแน่ครับ ศาลรัฐธรรมนูญก็มีส่วนด้วยครับ ต้องชัดเจนว่าเขามีอำนาจอะไรปิดสื่อครับ เขามีอำนาจอะไร ในโลกนี้มาปิดสื่อ เป็นเรื่องๆ ไป แต่นี้มันเป็นเรื่องของหลักการ เป็นเรื่องของความถูกต้อง แล้วผมก็ไม่แค้นส่วนตัวด้วย ไม่มีน่ะ”
“ส่วนมันจะเป็นไปในทางที่ดีมั้ย พวกเราที่เราได้ทำหน้าที่ที่ได้ทำ แต่ว่าศาลจะตัดสินอย่างไรเราตอบไม่ได้ เราไม่ทราบตรงนั้น แต่เราทำตามหน้าที่ของเราครบถ้วนหรือยัง เราทำครบถ้วนแล้วครับ ดูคำฟังเรียบร้อย เบิกความเรียบร้อยมั้ย เราบกพร่องตรงไหนมั้ยเราคิดว่าเราทำได้ในเบื้องต้น เขาเรียกว่าการขอร้องฉุกเฉิน”
