xs
xsm
sm
md
lg

"อากู๋" หวังฟันรายได้ปีนี้ 8 พันล้าน เตรียมดันศิลปินบุกตลาดเอเชียเต็มที่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หวังฟันรายได้รวม 8 พันล้าน อากู๋" เดินหน้าดันศิลปินแกรมมี่บุกตลาดเอเชีย ย้ำศิลปินในค่ายมีคุณภาพดีมีสิทธิ์โกอินเตอร์ด้เพียบ เผยงานเพลงมีช่องทางรุ่งต่างชาติให้ความสนใจเยอะ มั่นใจมีกลยุทธ์รับมือไม่หวั่นปัญหาแผ่นผีเกลื่อนแผง

ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ บริษัทจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) และจีเอ็มเอ็ม มีเดีย จำกัด (มหาชน) เมื่อวานนี้ (18 ก.พ.) ได้เปิดแถลงข่าวถึงทิศทาง กลยุทธ์ และเป้าหมายในปี 2551 อย่างเป็นทางการที่ตึกจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ เพลส โดยมีนาย "ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม" ประธานกรรมการบริษัทจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ และจีเอ็มเอ็ม มีเดีย จำกัด (มหาชน) เปิดใจถึงเป้าหมายในปี 2551 นี้ว่าปีนี้หวังฟันกำไรกว่า 8 พันล้านบาททีเดียว

"สำหรับปีนี้ทางบริษัทแกรมมี่ฯ ของเราได้ตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะมีรายได้รวม 8 พันล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 8 เปอร์เซ็นต์ และเราก็จะเปลี่ยนแนวทางจากใหม่เพราะหลังจากนี้เราจะไม่ได้ขายแค่ซีดีอย่างเดียวแล้ว ซีดีจะอยู่ในประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ทั้งหมดที่เกี่ยวกับเรื่องเพลง จึงทำให้เกิดโครงสร้างการหารายได้เป็น 3 กลุ่มคือ การฟัง การดูและการร้อง ดังนั้นโครงสร้างรายได้เดิมจะปรับตัวตามไปด้วย ทำให้มีการขยายตัวขึ้นมาก เพราะมีรายได้มาจากการบริโภคหลายช่องทาง "

"สมัยนี้คนเราไม่ได้เดินไปซื้อแผ่นซีดีแล้ว เราถือว่าเพลงของเราที่ออกมาเราก็ไม่ได้มุ่งหวังว่าสื่อต่างๆ หรือสถานที่ต่างๆ จะต้องนำเพลงเราไปเปิด แต่เราถือว่าเพลงเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างบรรยากาศและผู้ฟังเพลงตอนนี้ก็สามารถฟังเพลงได้จากหลายที่ เช่น การบันเทิงลงไปในมือถือ ไอพอด ฟังเพลงจากอินเทอร์เน็ต คือเมื่อก่อนเราจะฟังเพลงได้จากวิทยุหรือแค่ในรถ แต่สมัยนี้คุณจะไปไหนก็สามารถฟังเพลงได้ตลอด"

"ดังนั้นการธุรกิจเพลงของเรา เราไม่ได้ทำเพลงให้ฮิตอย่างเดียว แต่เราจะจัดให้เพลงที่คุณชอบไปให้ท่าน อย่างตอนนี้เราก็มีเพลงเพื่อให้คุณโหลดได้แล้ว เรามีการให้ยืมฟังเพลงและเสียค่ายืมเป็นรายเดือนเพียงเดือนละ 49 บาทเท่านั้น อย่างวิทยุเราก็มีการฟังเพลงในอินเทอร์เน็ตได้ หรือตอนนี้เราก็มีการเปิดร้านคาราโอเกะให้ทุกคนได้มีนันทนาการอีกรูปแบบหนึ่ง เพราะการร้องเพลงถือเป็นการพักผ่อนหย่อนในอีกแบบหนึ่ง"

"เผยปีนี้มีโอกาสเดินหน้าขยายธุรกิจเพลงได้มากขึ้น เหตุมีค่ายเพลงยักษ์ใหญ่-ศิลปินมีคุณภาพมาก..."อย่างตอนนี้ทางบริษัทโทรศัพท์ต่างๆ ก็ได้ซื้อเพลงของเราเอาไปไว้ในโทรศัพท์ นั้นมันก็ถือเป็นอาวุธทางการตลาดของเขาในอีกรูปแบบหนึ่งด้วย คือตอนนี้บริษัทใหญ่ต่างๆ ก็เริ่มมารวมกับเราแล้ว ถือเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจ เราร่วมได้กำไรหรือขาดทุนร่วมกัน โดยการใช้เพลงเป็นส่วนประกอบหลัก เพราะแกรมมี่มีสิ่งเหล่านี้มากที่สุดในประเทศไทย เรามีคลังของเพลง เรามีนักร้องที่มากที่สุด เรามีผลงานออกมามากที่สุด ดังนั้นก็เป็นโอกาสที่เทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้นแล้วผมก็เชื่อว่าเราจะสามารถดำเนินธุรกิจไปได้ก้าวหน้าขึ้นและดีขึ้นมากกว่าเดิมแน่"

"อย่างปีที่แล้วซึ่งเป็นปีที่ไม่ได้สักเท่าไหร่ เพราะการเมืองยังไม่นิ่งมีปัญหาเยอะแยะ แต่เราก็ยังสามารถทำให้แกรมมี่กลับมาอยู่ในยุคของความรุ่งเรืองได้สำเร็จและปีนี้เราก็มีความตั้งใจว่าปีนี้น่าจะดีกว่าปีที่แล้ว ซักประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ เพราะเรามีประชาธิปไตย มีการเมืองที่นิ่งขึ้นและเราก็มีโครงสร้างที่เราสร้างไว้และน่าจะสามารถเติบโตภายในปีนี้น่าจะดีขึ้นกว่าเดิม"

เมื่อผู้สื่อข่าวสะกิดถามถึงการส่งศิลปินในค่ายแกรมมี่ไปโกอินเตอร์นั้น ประธานกรรมการบริษัทจี เอ็ม เอ็ม แกรมมี่ฯ กล่าวว่าก่อนหน้านี้ส่งไปดังที่เกาหลี ญี่ปุ่นมาแล้วแถมมีหลาบริษัทสนใจในตัวศิลปินไทยอีกด้วย

"กับการตีตลาดในเอเชียนั้นก็ค่อนข้างโชคดีที่ก่อนหน้านี้เราส่งศิลปินไปที่ญีปุ่น ไปที่เกาหลีแล้วทำค่อนข้างที่จะประสบและตอนนี้เราก็แผนการโดยเฉพาะในสิงคโปรหรือประเทศมาเลเซียทา ง 2 ประเทศนี้เพลงไทยของเราก็ยังติดชาร์ตของประเทศเขา และเราก็กำลังจะมีความร่วมมือ มีการวางแผนที่เราจะเอาเพลงไทยไปเปิดในสื่อต่างๆ อย่างเช่นแชนเนลวี โดยจะนำเพลงไทยไปเปิดวันละชั่วโมงทำให้คนต่างชาติได้รู้จักเพลงไทย ศิลปินไทยมากขึ้น"

"ช่วงนี้ทางบริษัทเราก็กำลังติดต่อบริษัทต่างชาติเพื่อที่จะนำเพลงไทยไปขายและเราก็จะให้ศิลปินของเราไปร้องเพลงในภาษาต่างๆ เช่น ภาษาญี่ปุ่น จีน เกาหลี เพราะฉะนั้นเราก็เชื่อว่าในปีนี้เราก็จะสามารถก้าวสู้ในเรื่องของการร่วมมือกับต่างประเทศได้มากขึ้น ในขณะเดียวกันเราก็จะเอาศิลปินต่างประเทศมาขายในประเทศไทยเหมือนกัน เพราะดนตรีมันไม่มีพรหมแดนแล้ว คนรุ่นใหม่สามารถฟังเพลงในหลากหลายภาษาได้แล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่เข้าใจในภาษามากก็ตาม"

"สำหรับศิลปินในค่ายที่เราจะส่งไปบุกไปตีตลาดเอเชียนั้นก็มีหลายคนนะ แต่เรายังไม่ขอเปิดเผยเอาไว้รอจะแถลงข่าวอีกครั้งหนึ่ง แต่ก็ตั้งใจเอาไว้หลายคนเลย เราก็คงจะส่งไปประเทศสิงคโปร์ จีน มาเลเซีย เพราะเป็นประเทศเป้าหมายสำคัญของปีนี้เลย ตอนนี้เราก็ได้คุยกับหลายประเทศแล้ว ได้คุยกับพันธมิตรบางส่วนไว้แล้ว "

ส่วนข้อถามเรื่องของปัญหาซีดีเถื่อนที่ยังไม่หมดไปจากประเทศไทย เจ้าตัวเผยต่อไปอย่างมั่นใจว่า... "ผมว่าเรื่องนี้มันเป็นพฤติกรรมของคนแต่ละกลุ่มที่มันไม่เหมือนกัน กลุ่มคนที่เขาซื้อของจริง เพราะเขารู้ว่าของแท้มันมีประสิทธิภาพ เพราะว่าคนที่อยากจะฟังเพลงเล่นๆ นั้นก็โหลดเอาได้เพราะมันถูกกว่า แต่ปีนี้เราจะบริษัทของเราก็จะผลิตซีดีรูปแบบใหม่ที่ทีคุณภาพมากกว่าเดิม"



กำลังโหลดความคิดเห็น