xs
xsm
sm
md
lg

หนัง “พระไตรปิฎก” สุดวุ่น ผู้สร้าง-อดีตพีอาร์ฟ้องกันนัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้สร้างหนัง “พระไตรปิฎก” ประกาศฟ้องอดีตพีอาร์ฯ หลังอีกฝ่ายร้องเรียนเรื่องสัญญาการว่าจ้าง แจงขั้นตอนทุกอย่าง รวมถึงเงินบริจาคโปร่งใส ด้านคู่กรณีปรี๊ดแตกถูกกล่าวหาหักเงินค่าตัวนักแสดง 30% ก่อนยันฟ้องกลับแน่

หลังอดีตประชาสัมพันธ์พานักแสดงจำนวนหนึ่งของหนังเรื่อง “พระไตรปิฎก” เดินทางไปที่กองปราบเพื่อร้องถึงสัญญาการแสดงที่ไม่เป็นธรรม รวมถึงเรื่องของเงินบริจาคในการจัดสร้างไปเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ล่าสุด ช่วงเช้าของวันนี้ (29) ที่มหามกุฏราชวิทยาลัย “นายสนั่นพงษ์ สุขดี” ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ พร้อมด้วย “มาร์ค สงกรานต์ ทับมณี” เจ้าของบทพระพุทธเจ้า และนักแสดงบางส่วน จึงได้จัดให้มีการชี้แจงต่อเรื่องดังกล่าวขึ้น

โดย นายสนั่นพงษ์ เผยว่า เหตุที่ตนต้องออกมาชี้แจงก็เพราะได้รับความเสียหายจากเรื่องที่เกิดขึ้น ส่วนที่ไม่ได้จ่ายค่าตัวนักแสดงนั้น ก็เนื่องจากได้ตกลงกันไว้ว่ามาถ่ายทำตัวอย่างหนัง พร้อมยืนยันขั้นตอนทุกอย่างนั้นเป็นไปอย่างถูกกติกา โปร่งใส และตนก็ได้แจ้งความอีกฝ่ายกลับแล้ว

“คือที่ น.ส.ภควดี และพวกอีก 6 คนไปร้องทุกข์เนี่ย ทำให้เราได้รับความเสียหายในเรื่องดังกล่าว ผมบอกเลยว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง แล้วผมก็ไปแจ้งความกลับแล้ว จริงอยู่เขาเคยมาอยู่กับเรา เราก็รับด้วยความเต็มใจ แต่ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กติกา ซึ่งการคัดเลือกนักแสดงเราก็เปิดคัดเลือกอย่างโปร่งใส”

“คนไหนไม่คัดเลือกเราก็ไม่ได้เก็บค่าใช้จ่ายอะไร แต่ค่าใช้จ่ายที่เราต้องจ่ายให้เขาอีก 30% ที่เขาจะหักจากเด็กเนี่ยเรารับไม่ได้ เราขอจ่ายค่าตัวตามปกติ เราไมได้จะแสวงหาผลประโยชน์ตรงนั้น ค่าจ้างนักแสดงทุกคนเนี่ยบอกเลยว่ามีขั้นตอนชัดเจน โปร่งใส และตรงไปตรงมาที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร เราก็อยู่กันเหมือนพี่เหมือนน้อง ดูแลกันไป แล้วใครจะได้เล่นตอนไหน ฉากไหนเนี่ย 30-40 วันเราก็จะแจ้งไปว่าใครได้เล่นตอนไหน คือใครที่ได้เห็นในฉากเนี่ยได้เล่นทุกคน แต่ไม่ใช่ว่าออกทุกตอน”

“เรื่องค่าใช้จ่ายผมเป็นคนหนึ่งที่มาที่นี่ มานำเสนองานที่นี่โดยที่ไม่รู้ใครมาก่อน เขาบอกว่าดีทุกอย่าง ข้อเสนอดีอะไรก็ดี แต่ไม่มีเงินสร้าง ที่ผ่านมาผมจำนองที่ดินมาเพื่อร่วมสร้างด้วย ไม่ใช่ว่าไปเอาเงินของใครมา เงินที่ได้เนี่ยได้จากการสนับสนุนภาพยนตร์ทั่วไป อย่างใครคิดจะช่วยสร้างกี่ตอนๆ ก็ว่ากันไป อย่างพันเอกพิเศษสุรินทร์เนี่ยเขาอยากช่วยก็มาดูว่าเขาช่วยได้กี่ตอน ใน 5 ตอนนี้มีเขาช่วย ก็มีชื่อของเขาออกมา ซึ่งคนอื่นๆ ก็มีบริจาคเข้ามานะ แต่เขาไม่สะดวกที่จะให้เอ่ยชื่อ เพราะว่ายังไม่ถึงตอนของเขาไง”

ยันไม่เคยเอาเงินรับบริจาคไปใช้จ่ายสักสลึงเดียว อีกทั้งไม่มีการจัดสรรปันส่วนใดๆ กับฝ่ายไหนทั้งสิ้น
“ส่วนการรับบริจาคเนี่ย เราได้รับการอนุญาตให้เราเรี่ยไรรับบริจาคเงินได้ จัดทำโปสเตอร์แจก แต่ในส่วนของการถ่ายทำเรายังไม่ได้ใช้เงินส่วนนี้สักสลึงเดียว ยังไม่เคยเลย มีคนถามว่ากลัวอาจารย์สนั่นพงษ์ จะโกง ถามหน่อยผมจะโกงเงินในกระเป๋าตัวเองหรือ ทุกอย่างมันโปร่งใส ตรงไปตรงมา”

“ไม่มีการจัดสรรกำไรอะไรทั้งนั้น แล้วผมถามว่าจะเอากำไรจากตรงไหนล่ะในเมื่อมันทำเพื่อแจก แล้วผมจะไปขายใคร”

กับงบประมาณ 1,200 ล้านบาท ที่จะขอจากทางรัฐบาลนั้น เจ้าตัวเผยว่าได้ดำเนินการไปมากแล้วและมีความหวังที่จะถ่ายทำหนังเรื่องนี้ต่อไป...“เรื่องงบจากรัฐบาลผมหวังนะ ไม่ว่าจะจากรัฐบาลชุดที่แล้วหรือว่าชุดนี้ เพราะเราดำเนินการไปมาก แต่ก็ไม่กล้าพูดว่าจะได้ และขอบคุณด้วยที่หลายๆ ฝ่ายช่วยกันตรวจสอบตรงนี้ ซึ่งจากนี้ผมก็คงถ่ายทำต่อไป เพราะเรามีเป้าหมายที่ชัดเจน”

ทั้งนี้ ระหว่างที่ นายสนั่นพงษ์ แถลงข่าวอยู่นั้น ทางฝ่ายคู่กรณี อดีตประชาสัมพันธ์ของหนังเรื่องนี้ “ปู ภควดี กองผาพา” และ “ไก่ จิรุตร์” ร่วมด้วยนักแสดงบางส่วนที่เดินทางไปกองปราบก็ได้เดินทางมาที่งานแถลงข่าวในครั้งนี้ด้วยก่อนจะเกิดการโต้ตอบกันไปมา

"คือ ที่ปูมาในวันนี้เนี่ยนะ ปูอยากให้อาจารย์ชี้แจง แต่ชี้แจงที่ไม่นอกประเด็นนะคะ แล้วนี่อาจารย์มาฟ้องปู มาหาว่าปูหักค่าจ้างเด็ก อาจารย์มีหลักฐานมั้ยคะ มาว่าปูแบบนี้ แล้วที่ปูไปร้องความเป็นธรรมที่กองปราบเนี่ย ไปกับพวกเด็กๆ เพราะว่าอยากให้อาจารย์ออกมาชี้แจงว่าที่เขาโกนหัวกันไปแล้ว ทำเพื่อศาสนากันไปเนี่ย อาจารย์เอาวีซีดีออกไปเผยแพร่ ขอรับบริจาคเนี่ย อาจารย์ไม่คิดจะเคลียร์ค่าเสียหายตรงนี้เลยหรือ”

“ความชัดเจนมันอยู่ตรงไหน น้องๆ ทุกคนตั้งใจกันมา แล้วอาจารย์เป็นผู้รับผิดชอบโครงการนี้ อาจารย์ต้องรับผิดชอบซิคะ สิ่งที่อาจารย์ต้องทำคือมาคุย ไม่ใช่ไปแจ้งความแบบนี้ อาจารย์แจ้งความเท็จนะคะเนี่ย เพราะว่าปูไม่ได้ให้ร้ายอาจารย์เลย อาจารย์ควรมาเคลียร์ไม่ใช่ไปทำแบบนี้”

“ปูก็ไม่ได้โกรธอาจารย์ คืออย่างนี้คะอาจารย์เด็กๆ ที่ปูดูแลอาจารย์ต้องฟังที่ลงไปตรงนั้นเป็นพยานได้

อ.สนั่นพงษ์ : “เดี๋ยวๆ คนละประเด็นเอาประเด็นที่ไปบอกกล่าวว่าโครงการไม่ได้ดำเนินการใดๆ เลย ผมไม่ได้พบพี่ ผมไม่ได้ฟังพี่ ผมเลยตอบไม่ได้”

ปู : “เด็กๆ เนี่ยนะคะเริ่มต้นถ่ายทีเซอร์ออกมาเนี่ยเขาไม่มีการติดต่อ อาจารย์ไม่ติดต่อเขาไปเล่น ค่าใช้จ่ายที่ทำงานไปหรือว่าข้อตกลงแล้วก็สัญญาทุกอย่าง แล้วมีการเปลี่ยนตัวแสดงหน้าตาเฉย อาจารย์ควรรับผิดชอบในสองประเด็นและเคลียร์ตัวเองจากโครงการเพราะว่าในเรื่องของการรับบริจาคที่ต้องตอบสังคมเยอะมาก”

อ.สนั่นพงษ์ : “ฟังทีละประเด็น ประเด็นแรกนักแสดงที่เราคัดเลือกช่วยกัน ซึ่งนักแสดงที่ทุกคนที่เราปรากฏเนี่ยเรารับไปแสดงหมด เมื่อรับไปแสดงหมดเนี่ยเราอยู่ในบทไหนถูกไหมครับ พอถึงบทไหนล่วงหน้าซึ่งประมาณสามสิบสี่สิบวันเราก็การฝึกอบรม ประเด็นที่สองเรามีการติดต่อตลอดเวลาซึ่งทางผู้กำกับเนี่ยเป็นคนติดต่อกับนักแสดงเองที่ผ่านมาเป็นแบบนี้”








ฝ่ายอดีตประชาสัมพันธ์และผู้จัดการดาราเดือดโดนฟ้องยันไม่เคยให้สัมภาษณ์ให้ร้าย เพียงแต่ขอให้ชี้แจงเรื่องดังกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
ปู : “ในตรงนี้นะคะอาจารย์บอกว่าอาจารย์แจ้งความแจ้งที่ไหนคะ ข้อหาอะไรคะ ในเนื้อหานั้นปูไม่ได้ว่าอาจารย์ ปูบอกว่าขอความเป็นธรรมให้เด็กๆ ที่โกนหัวเข้าทำงานแต่ไม่ได้รับความเป็นธรรมเรื่องค่าแรงที่เขาทำไปเกิดจากการทำวีซีดีออกแจกถูกไหมคะ ไม่ได้บอกว่าอาจารย์ทำผิดหรือไม่ผิด ปู บอกว่า ทางมหามงกุฎเป็นเจ้าของโครงการต้องออกมาชี้แจง”

“อาจารย์แจ้งผิดประเด็นรึเปล่าคะ จริงๆ อาจารย์ควรจะมาคุยกับเด็กมากกว่าการแจ้งความ อาจารย์เป็นผู้ใหญ่ เราทำงานเพื่อศาสนา เราทำงานเพื่อความถูกต้อง เริ่มต้นก็ผิดหมดเลย ปูยังไม่ได้ฟ้องอาจารย์นะคะเพราะตลอดเวลาอาจารย์ไม่เคยติดต่อ น้องๆ ทุกคนเป็นนักแสดงนะคะแต่เขาต้องมาโกนหัวเพื่อมาเล่นกับเรา ปูเป็นผู้จัดการต้องมารับหน้าให้กับเราปูรับผิดชอบต่อสังคมนะคะ ปูต้องร้องทุกข์”

อ.สนั่นพงษ์ : “ที่ผมดูจากสื่อ ก็หนังสือพิมพ์ 3-4 ฉบับ”

ไก่ : “ผมโดนสื่อมวลชนถามมาก ตกลงเรื่องบริจาคยังไงผมก็ตอบไม่ได้ ผมก็บอกผมไม่ได้ทำตรงนี้ไม่ได้ทำนานแล้ว เขาบอกว่าตอนที่ผมทำงานกับอาจารย์สนั่นเนี่ยทำเป็นข่าวใหญ่โตว่าผมเป็นพีอาร์เป็นประชาสัมพันธ์ เวลาไม่ทำผมก็ต้องแถลงให้สื่อมวลชนจะได้ทราบ แล้วประชาชนก็ต้องทราบ เขาก็โทรเข้ามาถาม แล้วจะให้ผมทำยังไง ผมก็ต้องแถลงว่าผมไม่ได้ทำ ตอนที่รับบริจาคผมก็บอกว่าไม่ได้ทำ แต่เรื่องของเด็ก เด็กเขาก็ไปร้องเรียนว่าเขาไม่ได้ค่าแรงที่ไปถ่ายทีเซอร์ไปเท่านั้นเอง”

อ.สนั่นพงษ์ : “พี่ฟังผมนิดหนึ่ง คือถ้าพี่พูดแค่ประเด็นนี้นะครับมันไม่มีปัญหาอะไร ถ้าพูดเรื่องรับบริจาคไม่รู้เรื่องอะไรเนี่ยตอนที่ผมชี้แจงมันไม่มีปัญหา แต่ผมติดต่อพี่ไม่ได้”

ไก่ : “แต่อาจารย์ต้องเห็นใจผมนิดนึงนะครับเพราะว่านักแสดงต่างๆ ที่ผมเรียกมาช่วยโครงการของอาจารย์เนี่ยถามผมหมด ผมได้บทอะไรเมื่อไหร่จะเรียกเล่น ถามแบบนี้หมด จนผมออกสังคมไม่ได้ อาจารย์ให้ผมทำยังไง เป็นโครงการของอาจายร์อาจารย์ต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่บอย (หนึ่งในทีมผู้กำกับ) รับผิดชอบถ้าบอยทำก็คือ ต้องผ่านจากอาจารย์มาถ้าไม่ได้นโยบายจากอาจารย์มา บอยจะทำได้อย่างไร บอยไม่เกี่ยว ที่เกี่ยวต้องเป็นนโยบายของอาจารย์”

เคลียร์ไม่ลงกรณีหักค่าตัวนักแสดง 30% จน นายจิรุตร์ ขอดูหลักฐานจากนายสนั่นพงษ์ ลั่นพระยังฉันข้าว แล้วตนก็มีสิทธิ์ได้ค่าจ้างเหมือนกัน
ปู : “คุณจิรุตร์อาสามาทำงานแล้วก็ดึงปูเข้ามา อาจารย์ฟังสถานภาพปูก่อนนะคะ ปูทำงานอีเว้นท์ออแกไนซ์แล้วดูแลนักแสดงเป็นผู้จัดการเด็ก นักแสดงได้รับการเชิญเข้ามาเพราะฉะนั้นบทบาทของปูต้องเป็นผู้จัดการเด็กถูกมั้ยคะ เมื่ออาจารย์ประกาศรับนักแสดงเข้าไปมันเป็นไปไม่ได้ที่นักแสดงทุกคนเดินเข้ามาโดยไม่มีผู้จัดการ อย่างนิค ยูโฟร์ก็เป็นดารา ถ้าปูไม่เข้ามาเขาจะยอมโกนหัวเพื่อปูหรือคะ ปูบอกทำเพื่อศาสนานะน้องนะ แล้วตรงนี้อาจารย์เอาจากตรงไหนมาพูดว่าปูหักจากเด็ก 30% คะ”

“30% อย่างนี้บริษัทโมเดลลิ่ง หรือเอเยนซี่เนี่ยก็ไม่ต้องทำมาหากินกันแล้วซิคะ ปูพูดถึงอย่างอื่นนะ อันนี้เขาติดต่อเด็กเองนะโดยไม่ผ่านตรงนี้ อันนี้ปูร้องเรียนให้กับพวกโมเดลลิ่งแล้วอาจารย์เอาหลักฐานมาไหมว่า 30% ตรงไหนคะว่าปูเรียกเก็บเด็ก 30% อาจารย์ขอร้องให้ปูเข้ามาเป็นทีมงาน ปูบอกโอเค ถ้างั้นเป็นทีมงาน อาจารย์ระบุเป็นตอนถึงแม้สัญญาไม่มี แต่อาจารย์แต่งตั้งปูเป็นเรื่องเป็นราว ปูทำงานมาห้าเดือนหลักฐานก็มีนะคะ อาจารย์ก็บอกเบิกเงินไม่ได้ผมจะหาเงินมาให้เอง”

อ.สนั่นพงษ์ : “มีหลักฐานนะครับ นี่ครับหลักฐาน 30% เห็นไหมครับ คุณจิรุตร์ ลงนามไว้”

ปู : “ถ้ามีหลักฐานปูขอด้วย ตลอดเวลานะคะปูกับคุณไก่เราอยู่ในฐานะหานักแสดง ปรากฏว่าเราทำตรงนี้แล้วมีการโทรเข้าไปตามเด็กแล้วเป็นบทที่เขาต้องเป็นแม่ชี แล้วมันคลุมเครือเขาก็โทรมาถามเรา เราก็บอกว่าเราไม่ได้ทำตรงนี้แล้ว แล้วผู้หญิงโกนหัวเรื่องใหญ่นะคะ มีคนโทรเข้ามาในโครงการ น้องแก้วกวินนาเป็นน้องหนูเอง เขาเห็นปูอยู่ตรงนี้เขาก็ต้องโทรมาถาม อาจารย์เอาชื่อเราไปเรียกเด็กเอง”

“ก่อนที่คุณไก่เขาจะมาทำตรงนี้ ก่อนที่จะมาทำพระไตรปิฏกเป็นเรื่องส่วนตัวของเขานะคะ แต่ตรงนี้อาจารย์บอกปูนะคะ 30% แล้วอาจารย์แจ้งความเนี่ยอาจารย์ต้องเคลียให้ชัดนะคะ พาดพิงปูเต็มที่นะคะ ปูทำงานตรงด้านสื่อมวลชนมาเยอะ อาจารย์มาทำอย่างนี้ไม่ได้ ปูเสีย แต่เป็นของคุณไก่ก่อนที่จะเข้ามาทำตรงนี้ ไม่ใช่พอเข้าวงการอาจารย์จะไปล้างสมองเด็กอย่างนี้ไม่ได้”

ไก่ : “ถามหน่อยว่าถ้าผมไม่พาเด็กเข้ามาเด็กมันจะเดินเข้ามาในโครงการได้ไหม แล้วผมไม่ต้องเสียค่าน้ำมันเสียค่าอะไรเลยหรือ แล้วอีกอย่างขนาดพระท่านยังฉันข้าวผมเองไม่ต้องกินข้าวหรือไง ผมพูดในประเด็นที่เข้ามาในวงการแล้วใครไม่มีผู้จัดการ แล้ว 30% เนี่ยมันเป็นมาตรฐานของวงการบันเทิงวี - วีรภาพ, อั้ม-พัชราภา ใครไม่มีผู้จัดการบ้างมีไหม ถ้าจะทำงานในวงการบันเทิงคุณต้องศึกษาตรงนี้”

ก่อนจะลงท้ายด้วยการจบที่ชั้นศาลอย่างแน่นอน เนื่องจากเอกสารที่ทางนายสนั่นพงษ์แจก กับเอกสารของทางอดีตประชาสัมพันธ์มีนั้นคนละฉบับกัน
ปู : “เอาอย่างนี้นะคะที่อาจารย์ไปแจ้งความปูในหน้าหนังสือพิมพ์ปูไม่จบแค่นี้นะคะเพราะว่าข้อเท็จจริงวิชาชีพปูเนี่ยปูเรียนประชาสัมพันธ์นิเทศศาสตร์ ปูเป็นกรรมการบริษัทสองสามบริษัทนะคะเพราะฉะนั้นเจตนาปูตรงนี้ปูเข้ามาทำงานเพื่อศาสนาสุดท้ายต้องมาจบที่การขึ้นโรงพักขึ้นโรงขึ้นศาล”

“ความรู้สึกของปูเนี่ยทำงานมาสี่ห้าเดือนแล้วเอาเด็กมาโกนหัว ทุกคนเป็นนายแบบ ทุกคนเป็นนักแสดง แล้วถึงตรงนี้ปูรับหน้าตลอดปูบอกอาจารย์คะทำอะไรให้ถูกต้อง ร่างนิติกรรมสัญญาว่าจ้างนักแสดงปูเป็นคนร่างเอง ปูร่างกฎหมายให้อาจารย์ อาจารย์เอาไปดูแล้วบอกจะต้องเอาไปให้นิติกรดูก่อน ผลที่ผ่านมาไม่มีอะไรคืบหน้าเลย”

“ปูรับหน้าสังคมสุดท้ายปูจำเป็นต้องร้องทุกข์เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับตัวเอง อาจารย์โทษสื่อ ปูไม่ได้ว่าอาจารย์ต้มตุ๋นหรือขี้โกงปูร้องทุกข์ขอความเป็นธรรม ขอให้อาจารย์แถลงข่าวเรื่องขอรับบริจาคแล้วอาจารย์มาบอกทั่วประเทศ อย่างนี้ปูออกสังคมไม่ได้ เด็กๆ ทำตรงนี้แล้วเด็กทุกคนยอมโกนหัวเนี่ยเขาก็มีศักดิ์ศรีนะคะ ปูต้องการคุยแต่ไม่ใช่ให้อาจารย์ทำแบบนี้ ที่ปูมาปูต้องการมาคุยกับอาจารย์ดีๆ สื่อมวลชนเขาลงเขาลงโอเคที่สุดแล้วคะ ไม่มีอะไรมากอย่างที่อาจารย์คิด”

“ก็เจอกันในชั้นศาลนะคะ ปูไม่ยอมหรอก”

***

ดาราโวยสัญญาหนัง “พระไตรปิฎก” จี้จับตาเงินบริจาค

“มาร์ค” รับเอ็มไทยแลนด์ให้แหวนวงเดียว ก่อนคุยพระไตรปิฎกหนังดี

เปิดกล้องแล้วหนังพระไตรปิฎก ชม "มาร์ค" ในบทพระพุทธเจ้า

พระรับได้ "มาร์ค" หวิว ส่วนหนังจะสร้าง/ไม่สร้าง อยู่ที่ทีมงาน

คุณหญิงทิฟฟี เห็นชอบเซ็นเอง งบหนังพระไตรปิฎก ทีมงานเมินอนิเมชั่น บอกของไทยอีก 100 ปีถึงทำได้

ชี้หนังพระไตรปิฎกตีบุคลิกพระอรหันต์ ทั้งพระนักกล้าม โง่นิดๆ รักสวยรักงาม

รัฐฯ เบรกงบหนังพระไตรปิฎกเหตุไม่เคลียร์ด้าน "มาร์ค" ยัน ทีมงานรู้ตนเคยถ่ายหวิว!

ผ่างบงุบงิบ 1,200 ล้านหนัง "พระไตรปิฎก"สร้าง หรือ ทำลาย ศรัทธาแห่งพุทธศาสนา


กำลังโหลดความคิดเห็น