xs
xsm
sm
md
lg

"แพทริค" ให้อภัย "พี่มอส" แต่ไม่ลืม มั่นใจ "ดาราวีดีโอ" ไม่เบี้ยวค่าตัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"แพทริค" ยกโทษให้ "พี่มอส" บอกคงต้องใช้เวลากว่าจะสนิทใจ เจ้าตัวมั่นใจผู้จัดฯไม่แบน ลั่นที่ผ่านมาทำงานเต็มที่มาตลอด จึงเชื่อว่าผู้ใหญ่แยกแยะได้ ส่วนเรื่องค่าตัวที่ยังค้างคากันอยู่ น้องแพทริคเปิดใจ "ดาราวีดีโอ" คงไม่ตุกติก ด้านคุณแม่ถึงกับเครียดกลัวมีปัญหากับช่อง7

"น้องแพทริค" ด.ช.ชานนท์ มกรมณี ไม่ติดใจ หลัง "มอส ปฏิภาณ ปฐวีกานต์" นำทีมนักแสดงในละครเรื่อง "แสงดาวแห่งหัวใจ" ที่มีส่วนในการรุมจับแก้ผ้าทุกคนออกมาแถลงข่าวขอโทษอย่างเป็นทางการ เจ้าตัวบอกตอนนี้หายโกรธแล้ว เพียงแต่ต้องใช้เวลาสักพักถึงจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ พร้อมแสดงความมั่นใจว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้คงไม่ทำให้ผู้จัดละครค่ายอื่นขยาดไม่จ้าง อีกทั้งเชื่อในศักยภาพของตนเอง ซึ่งจุดนี้ผู้ใหญ่น่าจะมองเห็น

"ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว ก็โอเคแล้วละครับ เพราะว่าแป๊บเดียวเอง (ยิ้ม) ไม่มีติดค้างอะไรกับใครเลย ตอนนี้ก็ไม่ได้โกรธเท่าไหร่ไม่ได้โกรธแล้ว เพราะว่าเขาขอโทษ ตอนแรกแพทกลัวเพราะเขาบอกว่าสิ่งที่เขาทำอยู่เป็นสิ่งที่ถูกเขาบอกว่าเป็นธรรมเนียม พี่โหน่งผู้กำกับเป็นคนบอกผมเองเลย แต่ตอนนี้เขารู้แล้ว เขาบอกแพทว่าสิ่งที่เขาทำเป็นสิ่งที่ผิด แล้วเขาก็ขอโทษ ที่ลงบันทึกประจำวันไว้ก็จบแล้ว ไม่มีการดำเนินการอะไรก็ปล่อยไปเลยครับ แพทไม่ต้องการอะไรแล้ว เพราะแค่นี้ก็โอเคมากๆ เขาขอโทษมาก็ถือว่าดีแล้ว เอาแค่นี้ก็ให้จบๆ เลยดีกว่า"

"กับพี่มอสการจะเหมือนเดิมได้คงอีกนาน ก็อาจจะต้องใช้เวลาอีกช่วงหนึ่งกว่าจะกลับมาเหมือนเดิม เพราะว่ามันต้องใช้สปิริตในการทำงาน ที่ต้องเจอกกันกับพี่มอสด้วย แต่ถ้าเจอกันก็น่าจะได้ ไม่ได้บอกว่ามันเรียกกลับมาไม่ได้นะ แต่ว่าคงต้องใช้เวลาอีกสักพักหนึ่ง ในการปรับตัวให้เข้ากับทีมเดิม (ในตอนแรกการที่มอสไม่ยอมรับว่าเป็นคนจับแพทริคแก้ผ้ารู้สึกยังไง?) ตอนนั้นเขาอาจจะเห็นว่าเป็นเรื่องเล่น แต่อาจจะไม่ได้คิดว่ามันแรงเกินไป แต่ว่าตอนนี้เรื่องก็จบแล้วละครับ (ยิ้ม)"

"ถ้าผู้ใหญ่เรียกแพทก็ไป เพราะเขาเป็นคนบอกเอง เขาถามกันเองว่าแพทริคจะถูกแบนจากดาราวิดีโอไหม เขาก็บอกว่าไม่ และจะเรียกไปถ่ายอีก แพทก็ไปได้พร้อมเสมอถ้าเขาเรียก"

ถามถึงผลกระทบในการร่วมงานในอนาคต ว่ากลัวหรือไม่เพราะอาจทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะเล่นด้วยอีก รวมถึงผู้จัดละครค่ายอื่นเองก็อาจจะขยาดไม่จ้าง เจ้าตัวตอบว่าไม่กลัวเพราะเชื่อมั่นในศักยภาพของตนเอง รวมถึงค่าตัวจากละครเรื่อง "แสงดาวแห่งหัวใจ" ที่ยังมีปัญหาค้างคากันอยู่ เจ้าตัวก็แสดงความมั่นใจว่าผู้ใหญ่คงไม่รังแกเด็ก

"อันนี้แพทก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไง แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นก็... แต่แพทว่าคงไม่เป็นอย่างนั้น เพราะว่าเพื่อนแพทเขาก็ปกตินะครับ แพทว่าจริงๆ เขาคงรู้ว่าแพทเป็นยังไง แพทเล่นละครมาคือไม่ซ้ำค่ายเลย เล่นมาทั้งเอ็กแซ็กท์ เรดราม่า โพลีพลัส ชลลัมพี เยอะมากเลย ซึ่งก็ไม่ซ้ำค่าย เขาก็เห็นตัวตนของแพทว่าไม่ใช่อย่างนั้น เพราะฉะนั้นก็ไม่ห่วงเรื่องนี้เท่าไหร่ ไม่น่ามีผลกับเรื่องนี้เท่าไหร่"

"ตอนนี้เท่าที่รู้คือยังไม่ได้ให้มา แต่ตอนนี้ยังไม่รู้เพราะว่าละครเพิ่งจบ คุณแม่จะเป็นคนดูแลเรื่องค่าตัว ต้องถามกับคุณแม่ครับ กลัวจะเหนื่อยฟรีมั้ย ก็ไม่กลัว ผมก็ไม่เป็นไร แต่ก็ต้องดูก่อนและแพทก็ไม่รู้ว่าจะมีปัญหาหรือเปล่า แต่ก็ไม่อยากให้มันมีปัญหาเรื่องนี้ เพราะว่าแพทถ่ายให้เขาดึกนะ เรื่องนี้ตี 4-5 เลย แล้วก็ถ่ายให้เขาเต็มที่ด้วย และเขาเป็นคนบอกเองว่าจะให้"

และถึงแม้จะเจอเรื่องที่หนักหนาเพียงใด นักแสดงเด็กก็ไม่คิดจะหันหลังให้วงการบันเทิง พร้อมให้เหตุผลที่ฟังแล้วต้องยกนิ้วให้กับความคิดของเด็กวัย 11 ขวบ

"เรื่องนี้มันจะไม่หนักไป ถ้าไม่มีคนมาถาม เดินไปก็ถามและต้องคุยทุกอย่างให้ทุกคนฟัง บางทีมันก็เบื่อเหมือนกัน แบบว่าเดินไปแล้วถามว่าเป็นยังไงบ้าง โอเคขึ้นไหม เป็นอย่างนี้ทุกๆ คนเลย เดินห้างต้องเจอตลอดเวลา แพทก็รู้สึกไม่ไหว แต่ว่าสำหรับการทำงานแพทก็ทำงานให้เขาถึงตี 4-5 ติดกัน 2-3 วันแพทก็ทำได้ แล้วก็ถ่ายให้เขาแบบสุดความสามารถไม่มีง่วงไม่มีอะไร"

"แพทไม่คิดจะออกจากวงการนะครับ ก็แค่กลัวเขาเฉยๆ กลัวเรื่องนี้ แต่ไม่ได้อยากออกจากวงการหรืออะไรขนาดนั้น คือว่าแพทไม่ได้ยากจะเข้ามาในวงการอยู่แล้ว ตอนแรกเพื่อนของคุณแม่เขาชวนแพทตั้งแต่เด็กๆ เลย ตั้งแต่ขวบครึ่ง และแพทก็ทำงานมาตั้งแต่ตอนนั้นเรื่อยๆ แคสติ้งโฆษณาเรื่องแรก แล้วก็ได้มาและต่อมาเรื่อยๆ แต่ถ้าถามว่าอยากออกไหม แพทเคยถามและมีคนบอกว่า อาชีพนักแสดงมันไม่ได้สามารถออกได้ เป็นอาชีพเดียวที่เวลาออกไปแล้วมันไม่ได้สามารถออกได้ เพราะเขาอาจจะเรียกเราอีกก็ได้ อย่างหมออย่างทหารพอเราออกคือเราออก ก็จบ แต่อาชีพนักแสดงถึงออกมาแล้ว เวลาเดินห้างก็อาจจะมีคนเรียกหมูหยองมีคนเรียกต้นไม้อยู่ (ยิ้ม)"





จากใจคุณแม่น้องแพทริค

"เรื่องค่าตัวทางโน้นโทรมาให้ไปรับก่อนครึ่งนึง แต่แอนบอกไปว่าเราไม่ได้รีบร้อน ไว้รอให้เต็มเรื่องแล้วค่อยโทรตามอีกที เขาก็บอกว่าแล้วแม่จะเข้ามาเองหรือว่าส่งใครเข้ามารับ แม่ก็เลยบอกว่าเข้ามาเอง และคงพาน้องไปด้วยเพราะอยากเข้าไปขอโทษที่ทำให้เขาเสียหาย"

"ตั้งแต่เกิดเรื่องยังไม่เคยคุยกันอีกเลย ใช้วิธีผ่านสื่อกันทั้งนั้น เขาก็ผ่านสื่อผ่านโทรทัศน์ ที่เห็นก็มีทางรายการยูบีซีที่เขาขอโทษสด เขาโทรมานัดกับเราว่าขอคุยกับแพทริคด้วย แล้วก็รายการทีวีพูลฯมีคนเล่าให้ฟังว่าเขาออกมาขอโทษกันทั้งกองเลย แม่พอใจมากในความเป็นสุภาพบุรุษของเขา พอใจในฐานะที่ว่าเขาเป็นผู้ใหญ่ลงมาขอโทษเด็ก ตรงส่วนนี้พอใจมาก แต่เราไม่มั่นใจว่าถ้าเกิดมาเจอหน้ากันจังๆ แล้วมันจะสนิทใจกันหรือเปล่าเพราะว่าทุกอย่างผ่านสื่อหมด แต่ถึงจะผ่านคนกลางก็รู้สึกแฮปปี้ ซึ่งเขาก็ถ่ายทอดออกมาดี เขารู้สึกเสียใจรู้สึกทำรุนแรงเกินไป"

"ตอนนี้เราขอเงียบๆ ดีกว่า เก็บเนื้อเก็บตัวดีกว่าเพราะว่าเราก็ไม่รู้ว่าจิตใจลูกชายเราเข้มเข็งอย่างที่เราเห็นหรือเปล่า เขาพยายามเข้มเข็งนะ เขาบอกว่าแพทโอเคแพทเข้มแข็งแพทไม่เป็นอะไรแล้ว แต่เราไม่รู้ว่าลึกๆ แล้วเขาเป็นยังไง เพราะเขาช็อคกับมันมากอยู่เหมือนกัน"

บอกรับรู้ถึงความเสียหายที่เกิดขึ้น จึงเข้าใจหากช่อง 7 จะแบนไม่จ้างน้องแพทริคอีก ส่วนกับช่องอื่นคุณแม่มั่นใจไม่มีปัญหาเพราะเชื่อในศักยภาพของลูกชาย

"แอนก็เชื่อว่ามันน่าจะมีผลบ้าง อย่างน้อยๆ ก็ช่อง 7 ล่ะ นี่เราพูดกันกลางๆ ถ้าเราอยู่ในช่อง 7 แบบเต็มตัวแน่นอนว่าเด็กตัวแค่นี้ มาทำให้เกิดความเสียหายขนาดนี้ ก็คงไม่อยากจะเอามันเข้ามาแล้ว ในความรู้สึกของเรา นี่เราพูดในส่วนที่เราเป็นเขา แต่ในความเป็นจริงช่องอื่นไม่น่ากระทบ เพราะว่าแพททริกเองก็ได้แสดงฝีไม้ลายมือกับทุกๆ กองฯ เพราะว่าเขาเต็มร้อยเต็มที่ มีคำชมกลับมาทุกครั้งที่ทำงาน และตรงส่วนนี้ถ้ามีคนติดตามข่าวจริงๆ แล้ว น้องไม่ได้เกเรน้องตั้งใจและพยายามที่จะจบงานวันนั้นอย่างดีที่สุดด้วย หลังจากเกิดเหตุการณ์แล้วน้องเก็บอารมณ์ต่ออีกตั้ง 4-5 ชั่วโมง"

"ถามว่างานลดน้อยลงมั้ย จริงๆ แพทริคถือว่ามีงานเรื่อยๆ ไม่ได้มากจนล้นมือเพราะว่าตรงนี้เราก็เชื่อว่าเรื่องของวัย เขาไม่ใช่เด็กแล้วก็ไม่ใช่วัยรุ่น มันเป็นวัยที่กระโดกกระเดกไม่น่ารักเหมือนเล็กๆ หรือว่าเป็นหนุ่มหล่อไปเลย ก็เข้าใจเป็นธรรมชาติสัจธรรมเพราะว่าวัยนี้มันไม่ค่อยมีงาน ส่วนมากงานก็จะเป็นพวกงานโชว์ตัวซะมากกว่า"

ถามว่า ณ วันนี้เป็นห่วงอะไรมากที่สุด คุณแม่ตอบแบบไม่ต้องคิดนานว่า ห่วงว่าผู้ใหญ่ในช่อง7 จะไม่เข้าใจในสิ่งที่ทำลงไป

"แอนห่วงช่อง 7 ห่วงว่าเขาจะไม่แฮปปี้กับเรา แต่แอนอยากให้เข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ คือเราไม่เคยเห็นลูกเราร้องไห้โฮขนาดนั้น ที่บ้านคุณพ่อน้องจะสอนเรื่องความเป็นสุภาพบุรุษ และทุกคนต้องให้เกียรติกัน เค้าจะหล่อหลอมกันมาแบบนั้นตลอด พอโดนแบบนั้นแพทริคเขาก็เลยรู้สึกว่ามันไม่ถูก และเราก็ต้องเลือกดูแลความรู้สึกของลูกก่อนอย่างอื่น"

***
“พ่อ” ไม่สนใครจะแบน "แพทริค" บอกห่วงความรู้สึกลูกมากกว่าอย่างอื่น

ความจริงจากปาก “แพทริค” ถึง “พี่มอส” และ “ดาราวีดีโอ”

“มอส”ยันไม่ได้จับ "แพทริค" แก้ผ้า แต่ขอโทษที่ทำให้รู้สึกไม่ดี





กำลังโหลดความคิดเห็น