ละครซีรีส์ "หมอผี" ตอนที่ 1 - คนเล่นของ
อพาตเม้นท์เล็กๆ ดูวินเทจ แทรกตัวอยู่กลางเมืองย่านทันสมัย
ภายในห้องที่ทึบอับแสงนั้นถูกตกแต่งอย่างสวยงาม แต่ทว่าตอนนี้ สภาพดูเละเทะไร้การดูแล ทีวีถูกเปิดทิ้งไว้จนหมดรายการจะออกอากาศ แสงสว่างจากทีวีเผยให้เห็น อาคม ที่ซุกตัวหลับเหมือนคนหมดสภาพ ใบหน้าของเขารกไปด้วยหนวดเครา
มุมหนึ่ง... เท้าของหญิงสาวเดินผ่านโซฟาไปทางหนึ่ง
อาคมลืมตาขึ้นด้วยสัญชาติญาณที่ไวเป็นพิเศษ เขาเอื้อมมือไปหยิบปืนที่ซ่อนไว้ใต้หมอนทันที
บริเวณทางเดินในห้องพัก
ด้านหลังของหญิงสาวร่างโปร่งเดินหายเข้าไปในห้องน้า
อาคมโผล่จากมุมห้อง เขาอยู่ในท่าพร้อมปะทะหากมีอะไรผิดปกติ
ในห้องน้ำ
ณ อ่างอาบน้ำ ผ้าม่านปิดบัง เห็นเพียงเงาร่างของหญิงสาว
อาคมสไลด์ปืนและกระชับมันให้มั่น เขาค่อยๆเปิดประตูห้องน้าเข้าไป ภายในห้องน้านิ่งสงบ
อาคมสารวจไปรอบห้อง เขาได้ยินเสียงร้องไห้เบาๆที่อ่างน้ำ
ใบหน้าหญิงสาวคนนั้นกำลังร้องไห้ น้ำตาไหลเปื้อนมาสคาร่าเลอะบนใบหน้าที่ขาวซีด
อาคมตัดสินใจเปิดผ้าม่านบังตาออก สิ่งที่เขาเห็น ทำให้เขาตกตะลึง !
เลือดแดงไหลเต็มอ่างอาบน้ำ หญิงสาวมองและยิ้มให้อาคม
อาคมเสียใจกับภาพที่เห็น
"ข้าว คุณทำอย่างนี้ทำไม"
อาคมตะโกนร้อง เขาตื่นจากฝันร้าย ภาพฝันนั้นเหมือนจริงจนเขาใจหาย และเหนื่อยหอบ
ฉาก 2 ภายใน / ห้องบรรยาย / กลางวัน ( วันใหม่)
ตัวแสดง : อ.วิเศษ นักศึกษา
วันใหม่ ภายในห้องบรรยาย
ภาพท้องฟ้ากลางคืนเห็นระบบสุริยจักรวาลที่ดูอึมครึมน่ากลัว แต่แล้วก็ค่อยๆเห็นมีชั้นบรรยากาศซ้อนกลุ่มแก๊สและดวงดาว ที่ดูลี้ลับ
เสียงหวีดร้องของบางสิ่งดังก้องอยู่ในจักรวาลดนตรีและเสียงเอฟเฟคประกอบฟังดูวังเวง ประกอบกับเสียงที่แทบจะฟังไม่รู้เรื่องดังลอยมา วูบเข้า วูบออก บ้างดังซ้อนกัน เบาบ้างดังบ้าง ไม่สม่าเสมอ วูบผ่านไปคล้ายมาจากหลากหลายมิติ จากหลายแหล่งกำเนิด แต่เริ่มฟังชัดเจนขึ้น
"ผี มีจริงหรือไม่ ผมขอความเห็นใครสักคน" อจารยวิเศษผู้บรรยายบอก
นศ. ชายคนหนึ่งบอก
"ถ้าไม่มีการพิสูจน์ให้เห็นกับตาในเชิงวิทยาศาสตร์ ผมไม่มีทางเชื่อ"
"ตอบได้ดีมาก แล้วเธอล่ะ"
วิเศษชี้ไปที่กระเทยกลุ่มหนึ่งที่กำลังเม้าท์มอย
"เธอเชื่อไหมว่ายังมีบางสิ่งที่มองไม่เห็น ดำเนินชีวิตอยู่ร่วมกับเรา"
"เชื่อก็บ้าสิฮ้า เกิดมาก็ไม่เคยเห็นผีเผออะไร" ... แต่แบบก็กลัวๆนะ เรียกว่าไม่เชื่อแต่ไม่ลบหลู่น่ะค่า..." กระเทยยักษ์ตอบ
"ไม่เชื่อแต่ไม่หลบหลู่" วิเศษอมยิ้ม "คุณนี่มันไทยแท้ๆเลยนะ"
"จริงๆแล้วไม่ว่าวิทยาศาตร์หรือศาสนาไม่ได้สอนให้เราเชื่ออย่างงมงาย ผม อ.วิเศษ มาบรรยายพิเศษให้พวกคุณ งานวิจัยของผมเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่จะช่วยคุณค้นหาความจริงด้วยตัวพวกคุณเอง"
ที่จอโปรเจคเตอร์เป็นภาพของจักรวาล รูปปีศาจ ผีเทศ ผีไทย เทวดา และ หนังสือ - ไม่ได้มีแต่เพียงเรา - ในมิติวิญญาณ"
อาคมเดินเข้ามาในสำนักงานตำรวจด้วยท่าทางไม่สนใคร พวกตำรวจนอกเครื่องแบบมองอาคมแบบเกรงใจ
บริเวณหน้าห้องสอบสวน
ตำรวจนอกเครื่องแบบหนุ่มรุ่นน้องยืนรออาคมอยู่ด้วยความกระวนกระวาย จนอาคมเดินมาถึง
"พี่อาคม สั้นๆนะพี่"
"ขอบใจมาก" อาคมบอก
"สัญญานะพี่ว่า ไม่มีซ้อมนะ ถ้าเกิดอะไร ผมรับผิดชอบไม่ไหว"
อาคมตบไหล่รุ่นน้องก่อนจะเปิดประตูห้องสอบสวนเข้าไป
อาคมเปิดประตูเข้ามาในห้องสอบสวน
ชายคนหนึ่งในชุดนักโทษก้มหน้าอยู่ ทันทีที่อาคมปิดประตู มันเงยหน้าขึ้นมามองอาคมด้วยสายตา
"หมวดอาคมนั่นเอง นึกว่าใครที่ไหน ไม่ได้เจอกันซะนานนะ" มาเฟียบอก
อาคมเดินลงมานั่งที่เก้าอี้ นิ่งและมองหน้ามาเฟียด้วยสายตาแข็งกร้าว ซึ่งไอ้มาเฟียตัวนั้นก็มิได้แสดงอาการสะทกสะท้านใดๆ
บริเวณหน้าห้อง รุ่นน้องอาคม ลุ้น ๆ ถ้ามีเรื่อง เขาพร้อมจะเข้าไปในห้องทันที
อาคมจ้องมันนิ่ง เนิ่นนาน จนมันทนไม่ไหว
"มึงต้องการอะไรว่ามาดีกว่า"
"มึงทำอะไร ขวัญข้าว"
มาเฟียค่อยๆยิ้มแล้วเปิดปากกลายเป็นเสียงหัวเราะ
"กูถูกมึงจับเข้าคุก กูจะไปทำอะไรแฟนมึงได้"
มาเฟียหัวเราะกวนตีน
อาคมว่องไวมาก เขาไปอยู่ข้างหลังมัน โดยที่มันไม่รู้ตัว ก่อนที่มันจะรู้ตัวว่า อาคมอยู่หลังมัน อาคมก็ใช้เอ็นเส้นบางๆ รัดคอมันจนตาเหลือก
อาคมถามย้ำ
"มึง ทำอะไร ขวัญข้าว"
มาเฟียไม่พูดอะไร อาคมกระตุกเส้นเอ็นนั้นแรงขึ้นจนมันแทบขาดใจ มันดิ้นถีบโต๊ะล้ม
รุ่นน้องอาคมได้ยินเสียงโครมครามจึงวิ่งเข้ามาห้าม
"ปล่อยมันเดี๋ยวนี้นะพี่ พี่ทำบ้าๆแบบนี้ไง พี่ถึงได้ถูกพักงาน"
อาคมได้สติ แววตาลดความกร้าวลง
"กูบอกให้ก็ได้ว่า วิญญาณแฟนมึงอยู่ในที่ ที่มืดมิดยิ่งกว่านรก และมันจะต้องอยู่ที่นั่นไปตราบนานเท่านาน"
"ไอ้สัตว์ … มึงทำอะไร ขวัญข้าว"
อาคมคุมตัวเองไม่ได้ จะเข้าไปจัดการไอ้มาเฟีย แต่ถูกรุ่นน้องขวางเอาไว้
"พอแล้ว พี่ ออกไปเลย จบแล้ว พี่กำลังจะทำให้ผมเดือดร้อน" รุ่นน้องบอก
มาเฟียมองหน้าอาคมด้วยสายตากวนตีน
อาจารย์วิเศษ ยังยืนอยู่หน้าห้อง บรรยายให้นักศึกษาฟัง
"และวีดีโอที่ผมจะฉายให้พวกคุณดูนี้ เป็นส่วนหนึ่งในการวิจัย ผมไม่ได้ให้พวกคุณดูเพื่อจะให้คุณเชื่อ แต่ผมอยากจะบอกพวกคุณทุกคนว่า สิ่งที่เราเห็นกับสิ่งที่มันเป็นอาจไม่เหมือนกัน... เจ้าหน้าที่ช่วยปิดไฟด้วยครับ"
วิเศษกดรีโมทเล่นภาพขึ้นจอด้านหลัง ตัวหนังสือ งานวิจัย “ ไม่ได้มีแต่เพียงเรา ”
ภาพวีดีโอ หญิงสาวเนื้อตัวมอมแมม ขึ้นที่จอโปรเจคเตอร์
วิเศษ พูดกับกล้องที่เศกกำลังถ่าย
"หญิงคนนี้ป่วยทางจิตขั้นรุนแรงและมีภาวะโรคแทรกซ้อนมากมาย เศก เข้าไปใกล้อีกหน่อย"
หญิงคนนั้นเมื่อเห็น เศก ใบหน้าก็แสดงอาการวิปริต บิดเบี้ยว ก่นด่า เป็นภาษาโบราณ ภายในห้อง พื้นสั่นสะเทือน ข้าวของหล่นปลิว ดูน่ากลัว
"จ้อน เธอพูดว่าอะไร" วิเศษถาม
จ้อนหรือจอห์นนี่ ลูกครึ่งมาดนิ่งเปิดตาราเล่มหนา
"มันเป็นภาษาขอมโบราณครับ เหมือนกับเป็นการเชื้อเชิญผู้ยิ่งใหญ่ให้กลับมา"
จู่ๆ หญิงคนนั้นก็ เข้าจู่โจม เศก
"เฮ้ย … ออกไป ปล่อย ๆ"
รัตติกาลเข้าไปช่วยเศก
วิเศษสั่ง
"รัตติกาล มัดเธอไว้ก่อน"
รัตติกาลซึ่งมีความเก่งกาจด้านศิลปะการต่อสู้ จัดการมัดหญิงคนนั้นไว้ที่เก้าอี้
หญิงคนนั้นพ่นน้ำลายใส่รัตติกาลและด่าเกรี้ยวกราดเป็นภาษาแปลกๆ
รัตติกาลสีหน้าเปลี่ยนไป เธอเหมือนกลัวอะไรบางอย่าง เธอถอยหนี
หญิงบ้าคนนั้นกลายเป็นเสียงผู้ชาย
"พ่อ แม่เธอฝากความคิดถึงมานะ รัตติกาล"
ใบหน้าของหญิงคนนั้นมีใบหน้าของปีศาจร้ายซ้อนอยู่
"ไม่ ไม่จริงๆ" รัตติกาลบอก
"รัตติกาล เธออย่าหลงกลมัน ตั้งสติไว้" วิเศษสั่งกำชับ
รัตติกาลใช้นิ้วมือไขว้กันแตะไปมาคล้ายนักบวชทำสมาธิ แต่เธอก็ยังหวาดผวา
เสียงหญิงบ้าที่กลายเป็นเสียงผู้ชายดังน่ากลัว พูดภาษาขอมโบราณดังและกังวานคล้ายบทสวด
วิเศษสั่ง
"มหาเนิร์ด เตรียมใช้ Faraday cage"
"ได้คับ อาจารย์"
"ช่วยเธอให้ได้ก่อนมันกินร่างเธอ"
หญิงคนนั้นดิ้นเจ็บปวด เลือดสีดำเหนียวไหลออกมาตามตาและทะลักออกปาก
มหาเนิร์ดรีบต่อวงจรอิเลคโทนิคเข้าเครื่องมือจับผี ประจุไฟแสดงสถานะกาลังจะพร้อมใช้
หญิงบ้า หัวเราะบ้าคลั่ง มันเร่งสวดคาถาโบราณเร็ว หนักหน่วง จนกระทั่ง ไฟในห้องระเบิดและอุปกรณ์วิทยาศาตร์ของอ.วิเศษก็ระเบิด
ไฟในห้องบรรยายดับกระทันหัน แต่เสียงสวดของหญิงบ้ายังดังต่อเนื่องก่อนจะดับลง
"ไฟช็อตครับ อาจารย์" เจ้าหน้าที่บอก
ในห้องบรรยายมีเพียงไฟฉุกเฉินเท่านั้น แสงไฟส่องให้เห็นว่า อาคมนั่นฟังอยู่ที่มุมนึง เขาลุกขึ้นถามวิเศษ
"แล้วหญิงคนนั้นล่ะครับ"
"ไม่นาน เธอก็ฆ่าตัวตาย"
อาคม จ้องหน้าวิเศษนิ่งราวกับจะถามอะไรมากมาย
ไฟในห้องสว่างขึ้น
นักศึกษาชายคนหนึ่งลุกขึ้น
"ผมนึกว่าเราจะเรียนให้ฉลาดขึ้น แต่นี่มันงมงายชัดๆ"
"งั้นก็งมงายทั้งโลก ตำนานที่มีมานานของชาวตะวันตกก็มีซัคคิวบัส ปีศาจที่อยู่ในรูปของผู้หญิงที่มีเสน่ห์เย้ายวน ร่างจริงจะมีปีก ตาคล้ายงู แต่สามารถแปลงกายให้คล้ายมนุษย์ได้ ในพุทธพจน์ก็มีการกล่าวถึงเทพเทวดา เปรต"
อาคมมองหนังสือ “ ไม่ได้มีแต่เพียงเรา ” เขากำลังสนใจในตัวอาจารย์วิเศษ
"เรากำลังศึกษาสิ่งที่เชื่อมโยงกันในจักรวาลนี้ ..อย่างมีเหตุผล ถ้าเราไม่สนใจสิ่งรอบข้างเลย ก็คงไม่มีใครค้นพบหัวใจของการมีอยู่ อย่างอะคีมีดิสที่ร้องยูเรกา เขาไม่เคยอาบน้ำเหรอ นิวตันไม่เคยเห็นแอบเปิ้ลตกเหรอ แต่วันที่เขาเปิดใจเขาพบอะไร ...แรงโน้มถ่วงโลก"
ตัดไป
ฉาก 6 ภายนอก / สระน้าคอนโด / กลางวัน
ตัวแสดง : พตท.ศักดา หมวดทวี
-ขึ้นที่ภาพ
ณ ตึกสูง แห่งหนึ่ง ร่างหญิงสาววัย 32 ปี ลอยละลิ่วปลิวละล่องตามแรงโน้มถ่วงโลกอย่างเร็วปรี่
สูตรเกี่ยวกับน้ำหนักของวัตถุกับค่าความเร่งที่สัมพันธ์กับแรงโน้มถ่วงโลก w = mg
หญิงสาวนอนตาย สภาพศพตกจากตึกลงมา เลือดไหลเป็นทางยาวมายังสระน้ำใกล้ๆ ชั่วครู่... น้ำทั้งสระกลายเป็นสีแดงฉาน
หลังเส้นกั้น รอบๆ มีลูกบ้านของคอนโดฯ มามุงดูประมาณหนึ่ง และมีจนท.ตำรวจ พร้อมเจ้าหน้าที่โรงแรมช่วยกันคนออกจากสถานที่เกิดเหตุ
บริเวณ ริมสระว่ายน้าของคอนโดแห่งนี้ พ.ต.ท.ศักดาเดินเข้ามานั่งยองๆ ลงดูสถานที่เกิดเหตุ
หมวดทวีบอก
"ทำอะไรไม่รู้จักคิดนะผมว่า"
พ.ต.ท.ศักดา มองหมวดทวีกึ่งตำหนิ แล้วย้อนถาม
"ทำไมด่วนสรุปแบบนั้นล่ะ"
เสียง”แง้ววว”ดังขึ้น ทุกคนหันไปมอง
แมวดากระโดดลงมาโดนศพที่นอนอยู่นั้น เจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ใกล้ ไล่ออกไป
"เฮ้ย ไป๊ ไอ้แมวบ้านี่"
"ชั้นว่าเราประกาศขายห้องทิ้งเถอะ มันชักจะหนักขึ้นทุกวัน" ลูกบ้านหญิงว่า
ลูกบ้านชายบอก
"ผมว่าเก็บของซะวันนี้เลยดีกว่า ไปนอนโรงแรมกันก่อน อยู่ไม่ไหวจริงๆ"
พ.ต.ท.ศักดาได้ยิน ครุ่นคิด ก่อนจะหันไปมองที่มุมหนึ่ง
หมิงหญิงสาว อายุราวๆ 27 ปีโดยประมาณ ท่าทางประหลาดๆ คล้ายคนออทิสติก มองศพก่อนหลบหายไป
ในห้องผู้ตาย ม่านเปิดออก พอให้แสงเข้า ให้ความรู้สึกดูวังเวง บางขณะดูน่ากลัว พ.ต.ท.ศักดาเดินเข้ามา โดยมีจ.น.ท.พิสูจน์หลักฐาน 2 คนอยู่ก่อนแล้ว
"ทุกคน งานนี้ท่านรองคนเก่งของเรามารับช่วงอย่างนี้ต้องจับคนร้ายได้ในเร็ววัน" หมวดทวีบอก
พ.ต.ท.ศักดา บอก "ผมก็อยากให้เป็นอย่างนั้น"
หมวดทวีหยิบขวดยากล่อมประสาทขึ้นมา
"ยากล่อมประสาท ...มีเรื่องเครียดตามปกติ..น่าจะเป็นการฆ่าตัวตาย"
พ.ต.ท.ศักดาถามขึ้น
"มีจดหมายลาตายไหม"
หมวดทวีมองหน้าคนอื่นสักพัก ไม่มีใครตอบ
เจ้าหน้าที่ 2 บอก
"เท่าที่ดูตอนนี้ยังไม่พบค่ะ"
พ.ต.ท.ศักดากลับไม่ค่อยแน่ใจ เขาสำรวจรอบห้องอีกครั้ง จนกระทั่งเขารู้สึกแปลกกับตู้ใต้ซิงค์
หมวดทวีสังเกตว่าพ.ต.ท.ศักดากำลังสงสัยบางอย่าง
"อะไรครับ ท่านรอง" หมวดทวีถาม
หมวดทวีค่อยเดินเข้าไปที่ตู้ใต้ซิงค์ เขาค่อยย่อตัวไปและเปิดมันออก
หมิงคดตัวแอบอยู่ในตู้ เธออุ้มแมวดำไว้ แมวดาร้องขู่หมวดทวี หมิงร้องโวยวายคลุ้มคลั่ง ทุกคนในห้องตกใจและสับสน
ป่านเข้ามาในห้อง เธอตรงไปที่หมิงซึ่งกำลังร้องโวยวาย
"หมิง … หมิง ไม่ต้องกลัวแล้ว ไม่ต้องกลัว"
ป่านกอดหมิงไว้แน่น
หมิงเอานิ้ววาดกระจกเล่นที่หน้าต่างซึ่งเห็นสระว่ายน้ำด้านล่าง หมิงยิ้มหัวเราะแบบคนออทิสติก
ป่านบอก
"พี่หมิงเค้ามีอาการทางสมองคะ มักจะทำอะไรแปลกๆ แต่ก็ไม่เคยทำร้ายใครนะคะ คนที่นี่รักพี่หมิงทั้งนั้น"
พ.ต.ท.ศักดา
"เออ จริงสิ ผมเห็นลูกบ้านคุยกันว่าที่มีอะไรแปลกๆ พอจะเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ"
ป่านอึกอัก จะเล่าดีหรือไม่
"เออ คือ แบบว่า … คนเขาลือกันว่าที่นี่ผีดุค่ะ"
"ผีดุเหรอ มันยังไงกันครับ"
หมิง สายตาเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว
"คือ … ลูกบ้านที่อาศัยที่นี่เจอกันแทบทุกห้อง กลัวจนย้ายออกกันหมด ที่นี่เกือบจะร้างแล้วค่ะ"
"เจอแบบไหนบ้าง พอจะเล่าให้ฟังได้ไหมครับ" พ.ต.ท.ศักดาซัก
หมิง สายตาเป็นหวาดกลัวทันที
ขณะที่ป่านกาลังจะเล่าเรื่องให้ศักดาฟัง แต่ อร พี่สาวคนโตอายุราวๆ 40 ปัก็เข้ามาขัดเสียก่อน
"นี่มันเกิดอะไรกันอีก ป่าน แกมานั่งทำอะไรตรงนี้"
ป่านและหมิงดูเกรงๆ อรมากเป็นพิเศษ
"เปล่าคะ พี่อร" ป่านบอก
"เออ คือว่า ที่นี่เกิดเหตุ …"
"ชั้นทราบหมดแล้วค่ะ คุณตำรวจ ชั้นเป็นเจ้าของที่นี่ มีอะไรก็ถามชั้นจะดีกว่า"
หมิงซึ่งกำลังมองหน้าตัวเองในกระจกและหยิบตลับขี้ผึ้งมาทาปาก มองยิ้มกับเงาตัวเอง ทันใด... เธอก็เห็นหญิงสาวที่ตายด้านล่าง หมิงยิ้มและโบกมือให้
"หมิงสวยมั๊ย พี่แจน"
พ.ต.ท.ศักดา มองหมิงที่มีอาการแปลกๆ
"ป่าน พายัยหมิงกลับไปที่ห้องเดี๋ยวนี้เลย" อรสั่ง
ป่านลุกขึ้นพาหมิงเดินออกไป
"ป่าน ป่าน พี่แจนชวนว่ายน้ำ" หมิงบอก
"พี่หมิง พี่แจน ไม่อยู่แล้วนะ ไป ๆ กลับห้องกัน"
พ.ต.ท.ศักดารู้สึกว่า มีอะไรผิดปกติกับครอบครัวนี้
"ว่าไงคะ อยากได้ข้อมูลอะไรบ้าง" อรถาม
"ผมจะขอภาพจากกล้องวงจรปิดทั้งหมดที่มี และคงจะอยู่หาหลักฐานต่ออีกสักหน่อย"
"ได้คะ ดิชั้นจะสั่งลูกน้องไว้ให้ ถ้าต้องอะไรเพิ่มเติม โทร.หาดิชั้น ขอตัวก่อนนะคะ"
อรหยิบนามบัตรส่งให้ศักดาและลุกเดินจากไป
ศักดาครุ่นคิดและเดินไปที่หน้าต่าง มองไปด้านล่างสระน้า เอาปากเป่าไอร้อนไปที่กระจก ตัวหนังสือที่หมิงเขียนปรากฎคำว่า “หนีไป” ศักดาตะลึง และเขาเห็นตลับขี้ผึ้งของหมิงวางไว้ เขาหยิบขึ้นดู ตลับขี้ผึ้งเป็นตลับทองเหลือง ใต้ตลับมีสัญลักษณ์รูปยันต์
เวลาต่อมา อาจารย์วิเศษเสร็จจากการบรรยาย เดินกลับไปห้องพักอาจารย์
"กูว่ากูถอนว่ะ" นักศึกษา 1บอก
นักศึกษา 2 บอก
"กูว่าน่าเรียนว่ะ จารย์แม่งบ้าดี"
ในมืออาคมถือหนังสือของอ.วิเศษมาด้วย เขามองไปที่วิเศษอย่างมั่นใจว่ามาหาไม่ผิดคน
ท่ามกลางบรรยากาศของผู้คนที่เดินขวักไขว่ต่างดำเนินกิจกรรมของตนเองอย่างไม่มีใครสนใจใคร
อาจารย์วิเศษเดินปะปนกับผู้คน โดยมีอาคมเดินตามอยู่ด้านหลัง วิเศษเดินลัดเข้าไปตามทางที่วกวน
อาคมมองไม่เห็นวิเศษ เขาพลาด อาคมยืนเซ็ง แต่จู่ๆ วิเศษก็ปรากฎตัวข้างหลังอาคม
"คุณสะกดรอยตามผมมาตั้งแต่มหาวิทยาลัยแล้ว คุณต้องการอะไร" วิเศษถาม
อาคมเมื่อหาย งง ก็หยิบหนังสือที่อ.วิเศษเขียนส่งให้
"ขอโทษด้วยครับ คือผมมีเรื่องอยากขอคำแนะนำ"
"แล้วทำไมไม่ถามกันดีๆ"
"ที่อาจารย์บอกว่า สามารถสื่อสารกับโลกวิญญาณได้น่ะ มันจริงใช่มั๊ยครับ อาจารย์ทำได้ใช่มั๊ยครับ"
"ใจเย็นๆ ...คุณไม่ต้องเชื่อผมทั้งหมดก็ได้นะ"
"ผมมีบางสิ่งอยากให้อาจารย์ดู"
อาคมสีหน้าจริงจังและต้องการความช่วยเหลือ วิเศษใจอ่อน
"งั้นเราไปหาที่เงียบๆคุยกัน"
อาคมยิ้มแทนคำขอบคุณ
อาจารย์วิเศษดูภาพขวัญข้าวกำลังอาละวาด คลุ้มคลั่ง เหมือนวีดีโอที่วิเศษฉายในห้องบรรยาย
"ผมกับขวัญข้าวกำลังจะแต่งงานกัน แต่จู่ๆ เธอก็มีอาการแปลกๆ จากผู้หญิงเรียบร้อยกลายเป็นก้าวร้าว พูดจาไม่รู้เรื่องเหมือนถูกผีเข้า"
วิเศษส่งโทรศัพท์คืนอาคมแล้วถอนใจ
"นั่นไม่ใช่แฟนคุณหรอก อาคม แล้วตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง"
อาคมเสียใจ
"เธอฆ่าตัวตายไปแล้วครับ"
"ผมเสียใจด้วยนะ เรื่องแบบนี้ไม่เกิดขึ้นกับตัวเอง พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ"
"ผมยอมรับเลยว่าผมเริ่มสับสนกับความเชื่อของตัวเอง ผมไปหาหมอผี คนทรง ทั้งๆที่ผมไม่เคยเชื่อเรื่องแบบนี้มาก่อน"
"แล้วได้ความว่าอย่างไรละ"
"พวกนั้น บอกว่า วิญญาณขวัญข้าวถูกกักขังไว้ที่ใดที่หนึ่ง ผมอยากพบเธออีกครั้ง อาจารย์พอจะช่วยผมได้ไหมครับ"
"เฮ้ย … ผมไม่ใช่หมอผีนะ เกรงว่าคุณกำลังเข้าใจผิด"
"ที่อาจารย์เขียนถึงเรื่องการเชื่อมโยงหลากมิติบนพื้นพิภพนี้ นั่นทำให้ผมมีความหวังว่าผมจะสามารถติดต่อกับเธอได้อีกครั้ง.... อาจารย์ครับช่วยผมด้วยนะครับ"
อาคมจ้องวิเศษด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความเศร้า วิเศษนิ่งครุ่นคิด
อาจารย์วิเศษเดินนำอาคมมาที่ตึกเก่าแห่งหนึ่งในย่านธุรกิจ ชั้นล่างเป็นร้านหนังสือเก่าและรับซ่อมหนังสือ
อาคมมองไปที่หน้าร้านซึ่งมีข้อความเป็นสโลแกนเก๋ๆว่า “Spirit Seekers ห้องหนังสือสำหรับคนแสวงหา”
"ตามผมมา"
อาคมเดินตามวิเศษเข้าไปในร้านหนังสือ
พนักงานซึ่งเป็นชายแก่ในร้าน ยกมือทักทายวิเศษอย่างคุ้นเคย
อาคมมองสำรวจสถานที่ด้วยความฉงน ที่นี่เต็มไปด้วยหนังสือเก่ามากมาย ราวห้องสมุดในพิพิธภัณฑ์ บรรยากาศเงียบสงบ เต็มไปด้วยพลังแห่งการเรียนรู้
วิเศษพาอาคมมาหยุดที่ประตูหลัง มีป้ายเขียนว่า เฉพาะ”Staffเท่านั้น” ทะลุไปด้านหลังมีลิฟท์เก่าๆ พาขึ้นไปสู่ชั้นบน
"ที่นี่มัน"
"เดี๋ยวคุณก็รู้เอง อาคม น้อยคนนักนะ ที่ผมยอมให้เข้ามาใกล้ได้ถึงขนาดนี้"
อาคมตาวาวเป็นประกายด้วยความยินดี
วิเศษผลักลิฟท์เข้าไป
ลิฟท์เปิดออก อาจารย์วิเศษเดินนำออกมา และเดินต่อบันไดขึ้นไปอีกหนึ่งชั้น มีสวนเป็นลานโล่งที่มีโต๊ะนั่งพักผ่อนเป็นมุมหนึ่งอยู่ด้านหน้า สภาพตึกไม่ได้สะอาดสอ้านอะไรนัก แต่มองเห็นเป็นลานที่นั่งและทำกิจกรรมได้พอประมาณ แล้วจึงเห็นประตูทางเข้าโถงที่อยู่บนดาดฟ้า หลังคาทรงโค้ง บางส่วนทำด้วยกระจก สภาพโครงเหล็กของโถงนี้ดูเก่า
อาคม มองไปรอบๆ เห็นประตูที่ไม่ได้มีป้ายบ่งบอกอะไรอย่างเป็นทางการ
วิเศษเปิดประตูให้อาคมเดินเข้าไปภายในห้อง
"ขอต้อนรับสู่โลกที่เราไม่ได้อยู่เพียงคนเดียว" วิเศษว่า
ภายในห้อง มีการจัดโต๊ะ จัดมุมการทำงานเป็นสัดส่วน แต่ไม่ได้เป็นห้องจริงจัง หากเกิด
จากการกั้นห้องด้วยเฟอร์นิเจอร์เสียมากกว่า เฟอร์นิเจอร์ดูคละแบบกันคล้ายเอาของเก่าพอหาได้จากหลายๆที่มาใช้รวมกันแต่ดูดี แต่ส่วนที่เป็นอุปกรณ์เครื่องมือนั้นดูขลังดูจริงจัง
ฝั่งหนึ่ง มหาเนิร์ดกำลังง่วนอยู่กับคอมพิวเตอร์ของเขา รอบตัวมีคอมพิวเตอร์และจออยู่ 4-5จอ เขาถึงกับตกใจที่เห็นคนเดินเข้ามา ทุกคนดูแปลกใจกับการมาของอาคม เพราะปกติ ไม่มีคนแปลกหน้าเข้ามา
ที่มุมหนึ่งเป็นมุมของเศก มีสิ่งประดิษฐ์วางอยู่มากมายทั้งที่กำลังทำอยู่และเสร็จแล้ว บางชิ้นเป็นเครื่องฝึกสติที่ออกแบบมาให้ใช้ฝึกสมาธิและไหวพริบ สิ่งประดิษฐ์บางชิ้นเห็นว่าเป็นการเอาของเก่าๆมาดัดแปลงให้ใช้งานได้
เลยไปเป็นห้องพิเศษที่ปิดประตูแยกส่วนไว้ ห้องนี้ไว้เก็บพลังงาน และเป็นพื้นที่อันว่างเปล่า
มุมของจ้อนดูเป็นเพียงโต๊ะ แต่ค่อนข้างโล่ง เขานั่งใกล้มุมที่มีการจัดโซฟาเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่เอาไว้สาหรับประชุม มีจอฉายภาพที่ดึงขึ้นลงแขวนไว้กลางห้องอย่างสวยงาม เครื่องฉายภาพที่ไม่ได้ดู modern แต่เท่ห์หากใช้งานได้ มีโต๊ะใหญ่กลางห้องที่ไม่ไกลจากโซฟาที่ทุกคนสามารถมายืนล้อมโต๊ะคุยงานกันสะดวก เป็นต้น
อาคมหันไปเห็นโซนส่วนหนึ่งของรัตติกาลที่กั้นด้วยพาร์ทิชั่นประกอบเข้ากับตู้หนังสือ อาคม ตะลึงกับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้ากับพื้นที่ที่ดูเป็นเหมือนชมรมของคนแปลกๆมารวมกัน
อาจารย์วิเศษพาอาคม เดินผ่านจุดต่างๆไปยังโต๊ะทำงานของตัวเองที่อยู่ในสุด ซึ่งมีก็เพียงยก step มุมหนึ่งเป็นโต๊ะ เพดานเป็นกระจกใสมองขึ้นไปเห็นท้องฟ้าได้ บางตอนสามารถกลายเป็นจุดเชื่อมโยงกับวิญญาณได้ เบื้องหลังโต๊ะอาจารย์มีภาพของสามโลก โต๊ะทำงานทไม่ได้ถึงกับเป็นระเบียบมากนัก แต่ก็มีรูปครอบครัวตั้งอยู่
"เชิญทุกคนทางนี้หน่อย"
ทุกคนเดินมาหาวิเศษ
"เกือบทุกคนเป็นนักวิทยาศาสตร์ครับ นั่นมหาเนิร์ดเชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ เป็นอย่างมาก"
มหาเนิร์ดกินเบอร์เกอร์คาโตแล้วยิ้ม
"นี่ เศก บ้านรวยเหลือเฟือ เงินเหลือใช้ เป็นนักประดิษฐ์ฝีมือฉกาจ"
เศกหนุ่มหล่อในชุดช้อป เก็กทันที
"ส่วนจ้อนไม่เชื่อเรื่องผีสาง แต่เรียนเรื่องศาสนาสากลและเทวนิยม"
จ้อนในท่าทางกวนๆ
"สุดท้าย รัตติกาล เชี่ยวชาญเรื่องการสะกดจิตทั้งๆที่จบ UCLA เราเล็งไปที่โลกใบนี้เชื่อมโยงกันอย่างไร เพื่อหากุญแจไขความลับจักรวาล"
รัตติกาลนิ่งเฉย ดวงตาเธอเต็มไปด้วยความลึกลับ
"อาคม ผมไม่ได้ต้องการให้คุณเชื่ออะไรผม และผมเองก็ต้องการพิสูจน์เหมือนกัน ผมจะยินดีมากหากสิ่งที่พวกเราค้นคว้าอยู่ใน Paranormal research นี้จะช่วยคลี่คลายได้ อาคม ถ้าคุณไม่รังเกียจ ผมขอคลิปวีดีโอของคุณหน่อย"
อาคมถอดเอา sdcard ส่งให้วิเศษ
"ทุกคนผมรบกวนช่วยหาบางอย่างที่ผิดปกติในคลิปนี้ด้วย"
ทุกคนแยกย้ายกันไปที่มุมของตัวเอง
อาคมยังไม่หายอึ้งกับสิ่งที่ได้พบเห็น
บนสำนักงานตำรวจ ที่โต๊ะทำงาน พ.ต.ท.ศักดา กำลังพิจารณาตลับขี้ผึ้งที่ได้มา เขามองดูยันต์ด้านหลังอย่างถ้วนถี่ บรรยากาศในห้องดูวังเวง จู่ๆ โทรศัพท์ดังขึ้นมา ทำเอาสะดุ้ง
พ.ต.ท.ศักดา ฟังแล้วตอบ
"ได้เลย ผมจะไปเดี๋ยวนี้"
พ.ต.ท.ศักดาวางตลับขี้ผึ้งลงบนโต๊ะและรีบออกไป
หมวดทวี กาลังเปิดภาพจากกล้องวงจรปิดที่ได้มาจากสถานที่เกิดเหตุ เขาเห็นอะไรบางอย่างผิดปกติ
พ.ต.ท.ศักดา เข้ามาที่หมวดทวี
"มีอะไรหมวดทวี"
"รองดูนี่ครับ"
หมวดทวีเปิดภาพจากคอมพ์ ช่วงที่ ทางเดินหน้าห้องแจนว่างเปล่าและค่อยๆ มีเงาตะคุ่มๆของหมิง มาหยุดที่หน้าห้อง หมิงเคาะประตู แจนเปิดประตูออกมา หมิงเข้าไปในห้อง
"ภาพนี้บันทึกได้ ก่อนผู้ตายจะตกลงมาจากตึก เธอได้เปิดประตูให้ใครสักคนเข้าไปข้างใน"
พ.ต.ท.ศักดานิ่งคิด
ต่อมา ... ตำรวจหญิงคนหนึ่งมาเคาะห้องแล้วเปิดประตูเข้ามาพร้อมเอกสารที่จะให้ พ.ต.ท.ศักดาเซ็น เธอเอามาวางไว้บนโต๊ะ แล้วเหลือบไปเห็นตลับขี้ผึ้งนั้น เธอจ้องมันคล้ายถูกสะกด เธอหยิบ เปิดฝาตลับออกและใช้นิ้วป้ายมันขึ้นมาทาปาก สีหน้าเธอเปลี่ยนไปคล้ายถูกของเข้าตัว
หมวดทวี ถอยภาพในจอเป็นที่แจนมาส่งหมิงออกจากห้อง
"หญิงคนนั้นหายเข้าไป 10 นาที"
"เธอออกมาก่อนที่ผู้ตายจะโดดลงมา 10 นาที"
พ.ต.ท.ศักดาถาม
"ลองดูกล้องมุมอื่นหมดแล้วใช่ไหม"
"ครับ"
เสียงกรีดร้องของตำรวจหญิงดังขึ้น ทำเอาทั้งสองตกใจ
"เสียง เปิ้ลนี่ ดังมาจากห้องรอง"
ทั้งสองรีบออกไปทางเสียงร้องทันที
จอทางเดินไร้คน จู่ๆประตูห้องแจนก็เปิดเองได้ ดูน่ากลัว
ภายในห้องทำงานพ.ต.ท.ศักดา ตอนกลางคืน
เปิ้ล ตำรวจหญิงเกิดอาการคุ้มคลั่งเห็นเป็นภาพหลอน
"ออกไป ออกไป อย่าทำอะไรชั้น อย่า ชั้นกลัวแล้ว"
ทั้งสองเปิดประตูเข้ามาตกใจกับภาพที่เห็น หมวดทวีเข้าไปช่วย
"เปิ้ล เป็นอะไร ใจเย็น เธอกลัวอะไร"
"ช่วยด้วยมันจะฆ่าชั้น ช่วยด้วย"
ตำรวจหญิงคุ้มคลั่งจนสลบไป
พ.ต.ท. ศักดามองไปที่ตลับขี้ผึ้งซึ่งหล่นอยู่ที่พื้น เขาหยิบมันขึ้นมาดู
เวลาเดียวกัน ภายในห้องชุด ของคอนโดฯ อรกำลังคุยโทรศัพท์
"บอกแล้วไง ยังไงก็ไม่ขาย มันจะร้าง จะพัง จะอะไรก็แล้วแต่ ชั้นก็ไม่ขาย สมบัติที่พ่อแม่ชั้นสร้างไว้ ไปบอกเจ้านายแกเลยนะ ต่อให้เอาเงินมากองสูงท่วมตึกนี้ ชั้นก็ไม่ขาย"
อรกดวางสายทิ้ง เธอเหวี่ยงๆ หงุดหงิด
ป่านนั่งเล่นกับหมิงที่มุมหนึ่ง
"แกก็เหมือนกัน ป่าน พอเลยนะ เรื่องผีเรื่องสางอะไร เลิกคุย เลิกพูดกันได้แล้ว … ใครกลัวก็ให้มันย้ายออกไปให้หมด ยัยหมิงก็เหมือนกัน ถ้ายังบ้าไม่เลิก ชั้นจะพาไปอยู่ที่โรงบาลบ้าจริงๆ"
หมิงตัวสั่นเทาด้วยความกลัว ป่านเข้ามากอดหมิงไว้
"พี่หมิงเข้าไปนอนกันเถอะนะ ดึกแล้ว"
หมิงเชื่อฟังคำสั่งของป่าน เดินตามป่านไป อรยังคงนั่งหงุดหงิดอารมณ์เสียอยู่ที่เดิม
ภายในห้อง หมิงกำลังแปรงฟันที่กระจก จู่ๆเธอก็รู้สึกแปลกๆ ภาพความทรงจำบางอย่างแวบเข้ามา เป็นภาพที่หมิงสามารถวาดรูป เล่นเปียโน ได้แบบอย่างคนปกติ
เงาป่านสะท้อนเข้ามาในกระจก จ้องมาที่หมิง
"แปรงฟันแล้วก็มานอน เดี๋ยวป่านจะอ่านนิยายให้ฟัง"
ป่านเข้ามาจับไหล่หมิง หมิงยิ้มดีใจ
ต่อมา ยามดึก เงียบสงัด
อร นั่งที่ริมสระน้า ในบรรยากาศวังเวง หมิงยืนมอง อร ภาพในหัวหมิงแวบเข้ามาอีกครั้ง ... อรหัวเราะสนุกสนานกับหมิง
ป่านเดินเข้ามาเงียบๆ หมิงสะดุ้ง ป่านมองลงไปที่อร
จู่ๆอรก็กระโดดน้ำ เธอเครียดจัดว่ายน้ำท่ามกลางบรรยากาศน่ากลัว
เวลาเดียวกัน มหาเนิร์ดเปิดภาพจากจอ
"ผมใช้ภาพเดิม พิมพ์ลง film ใหม่อีกครั้งแล้วย้อมสีอินฟาเรด ให้เห็นในสิ่งที่ตามนุษย์ธรรมดามองไม่เห็น"
ภาพกลับสีแบบเนกาตีฟ เห็นร่างของขวัญข้าวสีขาวถูกร่างสีเขียวคล้ำซ้อนอยู่ข้างในอีกที
"และนี่ก็เป็นตัวอย่างเสียงของเธอ" เศกบอก
จอคอมพ์ขึ้นภาพ waveform ( เหมือนตัดต่อ ) เสียงน่ากลัวแทรกอยู่ระหว่างเสียงของขวัญข้าว
จ้อนบอก
"เราตัดต่อเสียงแล้วพบว่า มันเป็นภาษาเก่าแก่ชนิดหนึ่ง ซึ่งผมยังหาข้อมูลไม่ได้"
"แฟนของคุณถูกพลังงานบางอย่างเข้าควบคุมได้แค่ 40% เธอเองก็พยายามที่จะต่อต้านมันแต่ สู้พลังของมันไม่ได้" รัตติกาลบอก
ข้อมูลต่างๆ ทำให้อาคมเงียบงันไป
"ขอบคุณทุกคนมากนะครับ มีใครบอกผมได้บ้างว่า คนตายแล้ว วิญญาณนั้นไปไหน"
ทีม Paranormal research มองหน้ากัน แล้วหันไปทางอาจารย์วิเศษพร้อมกัน
ขณะนั้น วิเศษกำลังนั่งสนทนาอยู่กับพ.ต.ท.ศักดา
พ.ต.ท.ศักดายื่นตลับขี้ผึ้งมาตรงหน้าวิเศษ
"ผี" ศักดาโพล่ง
วิเศษดันตลับขี้ผึ้งคืนพ.ต.ท.ศักดา
"พลังเหนือธรรมชาติ"
ทั้งสองทำซ้าๆแบบนี้หลายครั้ง จนในที่สุด พ.ต.ท.ศักดาทนไม่ไหว
"งบพิเศษเพื่อพัฒนางานวิจัยพลังเหนือธรรมชาติ"
วิเศษหยิบตลับขี้ผึ้งขึ้นมาพิจารณา
"ของสิ่งนี้ มีบางสิ่งน่าสนใจ"
พ.ต.ท.ศักดามองเพื่อนแบบกวนตีน
"ถ้ามึงไม่ได้เป็นเพื่อนกูตั้งแต่เด็ก กูเตะมึงแน่ๆ ไอ้หมอผี"
"ถ้ามึงไม่ใช่เพื่อนกูตั้งแต่เด็ก กูไม่ช่วยงานมึงหรอก ไอ้ปอดแหก"
วิเศษนาเอาตลับขี้ผึ้งไปส่งให้เศก
"ชั้นจะลองแยกธาตุประกอบขี้ผึ้งดูว่า มันมีอะไรซ่อนอยู่"
วิเศษวางตลับและเตรียมอุปกรณ์กล้องขยายกำลังสูง
รัตติกาลหยิบตลับขี้ผึ้งขึ้นมาเพื่อจะนำมันมาทาละลายเพื่อส่องกล้อง แต่ภาพน่ากลัวก็ผุดออกมามากมาย จนรัตติกาลเสียหลักจะล้มลง
อาคมเข้ามาประคองรัตติกาลไว้ รัตติกาลเขินรีบผละตัวออกจากอาคม
รัตติกาลเตือนทุกคน
"พวกเราต้องระวัง ขีผึ้งตลับนี้หน่อยแล้วนะ มันมีอะไรแปลกๆ"
พ.ต.ท.ศักดามองหน้าอาคมแบบคุ้นๆ
"นั่น มัน หมวดอาคม ใช่ไหม"
อาคมก้มหัวเคารพผู้ใหญ่
"อ้าว … รู้จักกันด้วยเหรอ" วิเศษถาม
"อาคม เป็นตำรวจ ไม่ใช่สิ อดีตแล้วสินะ ฝีมือดีมากทั้งบู๊ทั้งบุ๋น เคยทำงานนิติวิทยาด้วยนะ คนมีฝีมืออย่างอาคมได้มาอยู่ทีมเดียวกันนี่สบายใจเลยนะ"
ทุกคนมอง งงๆกันใหญ่ พ.ต.ท.ศักดาพูดไปเรื่อย
อรว่ายน้ำอยู่ท่ามกลางความมืด เธอค่อยๆว่ายมาที่ขอบสระและขึ้นมาหยิบผ้าคลุมร่าง
ที่มุมหนึ่งเหมือนมีใครแอบจ้องมองเธออยู่ตลอดเวลา
อรเดินกลับมาตามทางเดิน จู่เธอก็รู้สึกแปลกๆ บรรยากาศวังเวง อรมองไปรอบตัวอย่างหวาดๆ
เงาหญิงคนหนึ่งยืนหลบอยู่ อรเดินเข้ามาเจอ เธอสะดุ้งสุดตัว
"ยัยหมิง บ้าจริง ตกใจหมด"
หมิงดูอาการดีขึ้นอย่างประหลาด
"หมิง หมิง แกเป็นอะไรอีกเนี่ย"
"พี่อร ชั้นรู้สึกแปลกๆ มันเหมือนจำอะไรไม่ค่อยได้"
"นี่ แก …"
จู่ๆ หมิงก็ร้องไห้ โผเข้ามากอดอร
"พี่อร ชั้นรู้สึกแปลกๆ"
อรกอดหมิงไว้ เธอครุ่นคิด
ภายในห้อง เตียงนอนหมิงว่างเปล่า
ป่านนั่งหวีผมที่หน้ากระจก เธอหยิบผมของเธอที่ติดแปรงหวีผม มาวางเรียงกันบนโต๊ะเครื่องแป้ง
อาคมใช้หลักวิชาที่ชำนาญกับเครื่องมือ ตรวจสอบขี้ผึ้งตลับนั้น
"ในขี้ผึ้งมีเศษชิ้นส่วนของผมและเล็บของคนเป็นส่วนประกอบ แต่ที่น่าตกใจคือ มันมีเลือดและของเหลวจากหลายกลุ่มปนอยู่"
ทุกคนอึ้ง
เศกบอก
"พวกเล่นของแน่นอนเลยที่ทำของแบบนี้"
มุมหนึ่งในห้อง มหาเนิร์ดเปิดภาพจากกล้องวงจรปิด
พ.ต.ท.ศักดาบอก
"ภาพอาจจะคุณภาพไม่ค่อยดีนัก เราอาจจะมองได้ไม่ชัด"
"ไม่ต้องห่วงครับ ด้วยคอมพิวเตอร์ตัวนี้เราสามารถแก้ไขคุณภาพให้ดีขึ้นได้อีก สูงสุดถึง 500เปอร์เซ็นต์เทคโนโลยีฝีมือเศกและก็..ผมครับ"
มหาเนิร์ดเข้าโปรแกรม และปรับภาพให้คมชัดขึ้นจนเห็นชัด
พ.ต.ท. ศักดารู้สึกทึ่งในคนทั้งสอง เศกยิ้มรับ
"สุดยอดไปเลยคุณเศก ถ้ากรมมีแบบนี้บ้างคงจับผู้ร้ายได้ไวขึ้นเลย"
"ความลับนะครับ แรงบันดาลใจในการทำชิ้นนี้นี่มาจากที่ผมเคยเห็น พวกเพื่อนสมัยเรียนปีหนึ่งแอบใช้กล้องไว้แอบดูสาวคณะอื่นน่ะครับ ผมก็เลยเอามาต่อยอด" เศกว่า
มหาเนิร์ดถาม
"เพื่อนหรือใครกันแน่พี่เศก"
"เพื่อนจริงๆ"
"ลองขยายดูสิ" รัตติกาลบอก
มหาเนิร์ดทำตามรัตติกาล
ภาพหมิงเดินออกมาจากห้อง กล้องซูมที่ปากหมิงเธอพูดว่า
รัตติกาล อ่านปาก
"ปากเธอขยับว่า ระวังตัว หนีไปซะ"
พ.ต.ท.ศักดาบอก
"ชักจะยังไงซะแล้ว ตอนแรกผมแอบคิดว่าหมิงคือผู้ต้องสงสัย"
ภาพแจนกอดอกท่าทางหนาวก่อนจะปิดประตูส่งหมิง
"สังเกตว่าเหยื่อมีอาการหนาว แสดงว่าอากาศเย็นลงกระทันหัน" วิเศษบอก
"นั่นหมายความว่า" จ้อนว่า
อาคมถาม "หมายความว่าอะไรครับ"
ภาพประตูห้องเปิดเองได้ พ.ต.ท.ศักดาสะดุ้ง
"เฮ้ย … เป็นไปได้ยังไง"
"มหาเนิรด์ลองใช้โปรแกรมอินฟาเรดย้อมภาพสิ" วิเศษบอก
มหาเนิร์ดทำตามที่วิเศษสั่ง เขากดปุ่มภาพอินฟาเรด
ภาพนั้นปรากฎเงารางๆของหญิงสาวเปิดประตูและเดินเข้าห้องไป
"พวกเราเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม เราต้องไปที่เกิดเหตุเดี๋ยวนี้เลย"
ทุกคนแยกย้ายจัดเตรียมอุปกรณ์ตามคำสั่งของอาจารย์วิเศษ
พ.ต.ท.ศักดา ส่งกำลังใจ
"เรื่องนี้ คงต้องฝากนายและทีมด้วยนะ เต็มที่นะ สู้ สู้"
"แล้วมึงไม่ไปด้วยกันล่ะ"
"พอดีกูติดราชการด่วน"
วิเศษ ส่ายหัว พ.ต.ท.ศักดายิ้มน้อยๆ
ผ่านเวลา วิเศษกับจ้อน ออกรถไปก่อน
ขณะที่ รัตติกาล เอากล่องเครื่องมือลังใหญ่ใส่เข้าไปในรถเป็นชิ้นสุดท้าย แล้วปิดประตูท้ายรถ -อาคมบิดมอเตอร์ไซค์ออกไป ทั้งสองสบสายตากันพอดี
มหาเนิร์ดบอก
"ไอ้หมอนั่น มันเท่ชะมัดเลย"
มหาเนิร์ดทาท่าบิดมอเตอร์ไซค์
รัตติกาลทำหน้าหมั่นไส้
"เดินทางปลอดภัยนะ ทุกคน ชั้นจะคอยเป็นกองหลังให้นะ"
"คืนนี้เสร็จงานแล้วไปหาอะไรกินกันไหม" เศกถาม
"ขอบใจนะ ..แต่เราคงกลับบ้านนอนดีกว่า...ไปกันเถอะ"
เศกปิดประตูแบบเสียดาย รัตติกาลนั่งอยู่ในรถ แต่ตาแอบเหลือบมองเศกจากด้านหลัง เธออมยิ้ม แล้วส่ายหน้าเบาๆ
เศกเอื้อมเปิดเพลง เร้าใจ ฮึกเหิม จังหวะทันสมัย
รถเศกพุ่งทะยานออกไป ตีคู่ขึ้นมาทันมอเตอร์ไซต์ของอาคม อาคมยิ้มให้และบิดหายเข้าไปในโค้ง
"แม่ง ห้าวสุดๆ" เศกบอก
เศกเร่งรถตามอาคมไปด้วยความรวดเร็ว
ณ สถานที่เกิดเหตุ ทุกคนเตรียมพร้อม เศกบันทึกภาพวีดีโอ
"วันนี้เราจะมาทำการพิสูจน์ให้รู้ชัดว่า มีความลี้ลับ เป็นข้อมูลเบื้องต้นว่า เราจะจัดการยังไงต่อไป ขั้นตอนนี้สาคัญมากนะทุกคน .. ที่สาคัญไปกว่านั้นคือ เราอาจกำลังเล่นอยู่กับพลังงานที่ขี้หงุดหงิดก็เป็นได้ ขอให้วะรังตัวด้วย ทุกคน" วิเศษบอก
"ครับ / ค่ะ"
"จ้อนกับเศกตรวจดูข้างล่างนะ รัตติกาล มหาเนิร์ด ไปเอาเครื่องมือแล้วมากับผม"
"คะ"
รัตติกาล แยกไปเอาของ
จ้อนคว้าเครื่องอัดเสียงออกมา ขณะที่เศกเดินถือกล้องบันทึกภาพตามมุมต่างๆ
จ้อนเหลือบดูนาฬิกา
"ตี สาม จุด ศูนย์ ศูนย์ น. ที่สถานที่เกิดเหตุ เดอะคอนโด"
รัตติกาลเดินกลับมาเอาของที่รถ พลางสายตาสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติบางอย่าง
อาคมยืนหลบๆอยู่ข้างรถที่จอดไว้ไม่ไกลนัก
"จะไปไหน .... ทำไมต้องตามพวกเรามาด้วย"
"คือ ผม...อยากจะช่วย"
"ถึงจะเป็นอดีตตำรวจฝีมือดี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะเข้าใจในสิ่งที่พวกเรากาลังทำอยู่นะ"
"คือเป็นห่วงกลัวผมได้รับอันตรายว่างั้น"
รัตติกาลยิ้มเยาะ
"กลัวไปเป็นภาระซะมากกว่า นายรออยู่ตรงนี้แหล่ะ ดีที่สุดแล้ว"
"ได้ครับ เจ้านาย"
รัตติกาลขนอุปกรณ์เดินออกไป
ในห้องนอน อรกำลังหลับสนิท บรรยากาศนิ่งสงบ จู่ๆ ที่เตียงของเธอก็มีรอบยุบเหมือนมีคนเดินขึ้นไป
ที่แขนของอร จู่ๆก็เกิดรอยช้ำประหลาดคล้ายถูกมือบีบ อรขยับตัวไปมา แต่ก็ยังไม่ตื่น
ผ้าห่มของเธอโป่งขึ้นเหมือนมีใครมุดเข้าไปในผ้าห่ม อรขยับตัวตื่น เธอเปิดผ้าห่มขึ้นดู
ใบหน้าผีโหงพรายจ้องมองเธออยู่ อรหวาดผวา ร้องกรี๊ดลั่น
ลิฟท์เปิดออก ท่ามกลางความมืดสลัวบนชั้นที่เกิดเหตุ วิเศษ รัตติกาล เดินออกมาจากลิฟท์
รัตติกาลชะงักนิดนึง ขนลุกซู่คล้ายสัมผัสอะไรบางอย่างได้ แต่เมื่อโฟกัสยังอยู่ที่งานข้างหน้า จึงเดินต่อไป
จนกระทั่งถึงหน้าห้องผู้ตาย รัตติกาลใช้กุญแจผีไขห้องแจนผู้ตายเข้าไป
"อาจารย์คะ ที่นี่น่าจะมีอะไรดีๆเพียบเลยล่ะค่ะ"
คล้ายมีลมพัดสวนออกมาปะทะคนทั้งสาม ทั้งสามชะงักชั่วครู่ วิเศษมองไปรอบๆพลางชี้ให้เห็นต้นเหตุของลมไปทางช่องประตูและระเบียงที่เปิดทิ้งไว้ตั้งแต่เกิดเหตุ
ลมพัดผ้าม่านปลิวพลิ้ว เสียงลมที่พัดทะลุช่องเข้ามาในตึกสูง พัดดังจนเกิดเสียงกรีดบาดเข้าไปที่ขั้วหัวใจ
วิเศษเหลือบมองไปทางรัตติกาล
"เริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ"
วิเศษ ใส่ถุงมือ ขณะที่รัตติกาลเดินสำรวจไปอย่างช้าๆ วิเศษเดินเข้ามา
รัตติกาลเดินเข้ามาหยิบรูปถ่ายของแจนขึ้นมาดู แล้วหลับตา เห็นเป็นภาพแจนเดินไปตรงระเบียงและหันมามองรัตติกาลก่อนจะกระโดดลงไป
"อย่า"
"รัตติกาล คุณ โอเคมั๊ย"
"ชั้นรู้สึกว่าเธอถูกบางสิ่งบังคับให้กระโดดลงไป"
"นี่อาจจะนำไปสู่คำตอบให้เรา"
บริเวณนอกคอนโดฯ
เศกกับจ้อนเดินสำรวจด้วยเครื่องมือวัดพลังแม่เหล็กไฟฟ้า ส่วนเศกก็มีเครื่องอัดติดตัวไปด้วย
"สัญญาณจากจุดเกิดเหตุแรงกว่าจุดนี้" จ้อนบอก
เครื่องวัดที่มือจ้อน บอกระดับความแรง เศกยังคงเดิน เสียงสัญญาณถี่ยิบดังรัว
"เครื่องวัดพลังงานร้องดังจัง"
"ไอ้เศก แถวนี้มีหม้อไฟฟ้าแรงสูงเหรอวะ"
"ไม่มีอ่ะ แต่อาจจะเป็นจากตรงนั้นรึเปล่า"
จ้อนหันไปมองด้านหลัง เห็นศาลพระชัยมงคลและพระภูมิเจ้าที่ ที่ดูลึกลับน่าเกรงขาม
จ้อนซึ่งไม่กลัวผี เขาค่อยๆลองเข้าจุดนั้น เสียงดังขึ้นตามลาดับ
จ้อนได้รับสัญญาณคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าอย่างชัดเจนเมื่อเดินผ่านศาลพระภูมิแถวนี้ จริงๆอาจจะไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์แต่อย่างไร แต่ในเชิงสถิติ นี่เป็นการทำงานบนพื้นที่ในเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับคดี ที่อาจจะเป็นการฆาตกรรม... และนี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเสียงสัญญาณดังขนาดนี้
เสียงเบาลงและจู่ๆก็เงียบไป ทำเอาจ้อนและเศกนิ่งงันไปด้วย ทั้งจ้อนและเศกมองไปรอบๆอย่างช้าๆและถือเครื่องวัดอย่างระแวดระวัง พวกเขาหมุนตัวจนครบ 360 องศาก็ยังคงเงียบฉี่
เข็มไม่ได้กระดิกเลย
ทันใดนั้นเสียงสัญญาณกลับดังขึ้น ทั้งสองรู้สึกถึงลมที่วูบผ่านด้านหลัง จ้อนแม้จะไม่ค่อยอยากเชื่อก็ถึงกับกลืนน้ำลาย แล้วค่อยๆยกมือขึ้นท่วมหัว
เศกบอก
"สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่สถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ พวกลูกเข้ามาเพื่อหาคนร้าย ไม่ได้ตั้งใจจะมาลบหลู่ท่าน ขอให้ท่านจงโปรดอภัย และชี้แนวทางให้พวกลูกได้พบลู่ทางจับคนร้ายได้ด้วยเถิดเจ้าข้า"
"จะได้ผลเหรอ" จ้อนถาม
"ผลทางใจเว้ย ไอ้ชิบหาย"
ที่สำนักงาน Paranormal research จอคอมพ์ของมหาเนิร์ด เป็นภาพขยายจนเห็นเค้าโครงของร่างที่เปิดประตูห้องแจนได้ชัดเจน มันเป็นใบหน้าคล้ายผู้หญิง เขาดูไปอีกสักพัก ภาพแสงก็ลอยไปอีกห้องที่อยู่ไกลออกไป
มหาเนิร์ดรีบกดโทรศัพท์หาวิเศษ
"อาจารย์ครับได้เรื่องแล้วครับ"
เสียงมือถือของวิเศษดังขึ้น เขารับมือถือจากมหาเนิร์ด แล้วเปิดคอมพ์และเปิด speaker phone ให้ดัง
"ผมกาลังส่งไฟล์ภาพไปให้ดูตอนนี้นะครับ"
ชั่วครู่ วิเศษรับไฟล์ โหลดเปิดไฟล์อย่างเร็ว ภาพประกอบเป็นภาพแสงที่ผ่านเข้าประตู
มหาเนิร์ดบอก
"สังเกตแสงที่ประตูนะฮะอาจารย์ มันไม่ใช่แสงสะท้อน หลังจากขยายดูแล้วพบว่า แสงนั้นมันเป็นพลังงานพิเศษระบุไม่ได้ แต่เค้ารางเป็นภาพหญิงสาว มันผ่าน..เข้า..ประตูไป หลังจากที่ผู้ตายตกตึก
มันก็ลอยออกมาอีกครั้งและมุ่งตรงไปที่ห้องหนึ่ง"
"ลองเช็กกล้องทุกตัว ตามหาให้ได้ว่า พลังงานนั้นมันมุ่งหน้าไปที่ห้องไหน"
วิเศษหันไปหารัตติกาลไม่เจอ
"รัตติกาล"
วิเศษมีสีหน้าเป็นกังวล
ในห้องนอน หมิงนอนหลับสนิท
ป่านนอนอยู่ดีๆก็ลืมตาโพลงขึ้น
รัตติกาลถือไฟฉาย เธอเดินสำรวจมาตามทางที่มืด จู่ๆ ก็มีเงาร่างหญิงหายไปทางดาดฟ้า รัตติกาลรีบตามไปทันที
ที่ดาดฟ้า รัตติกาลเห็น อรกำลังเดินตรงไปที่ระเบียง
"หยุดนะ อย่าออกไป"
รัตติกาลรีบวิ่งไปจับแขนอร แต่พออรหันหน้ากลับมา กลายเป็นหน้าโหงพรายที่น่ากลัว มันบีบคอรัตติกาลแน่น
รัตติกาลดิ้นแต่ไม่หลุดจากมือของโหงพราย เธอกำลังจะขาดใจ แต่แล้ว อาคมก็วิ่งเข้ามา เขาใช้เอ็นรัดคอโหงพรายจนกระเด็นออกไป
"รัตติกาล เป็นไงบ้าง"
"ไม่เป็นไรแล้ว"
อรนั่งนิ่งร้องไห้
"ช่วยชั้นด้วย"
ใบหน้าอรเปลี่ยนไปเป็นโหงพรายอีกครั้งและเดินตรงไปที่ระเบียง ปีนออกไป
"อาคม รีบไปช่วยเธอ"
อาคมรีบปล่อยรัตติกาลและตรงไปที่อร แต่ไม่ทัน ร่าง อรถูกโหงพรายสิงให้กระโดดลงไปด้านล่าง
รัตติกาลกรีดร้อง "ไม่..."
อาคมเสียใจ เขาช่วยอรไว้ไม่ได้
บริเวณที่จ้อนกับเศกวัดค่าพลังวิญญาณอยู่
จ้อนบอก
"ตามที่พระศาสดาท่านว่าไว้ ในพิภพนี้ มีภพภูมิ มีมิติซ้อนกันอยู่มากมาย 31 ภพภูมิ
ใครจะรู้ได้ว่าใครอยู่ตรงไหนอย่างไร พลังของใครทับซ้อนเคลื่อนผ่านเราไปบ้าง"
"สิ่งที่อ.วิเศษ ทำอยู่นี่มันโคตรจะเป็นจริง ไม่ได้แค่เอาวิทยาศาสตร์มาอธิบาย แต่เป็น
ฟิสิกส์...ควอนตัมฟิสิกส์เลยล่ะ" เศกบอก
เศก/จ้อนโพล่งพร้อมกัน
"สรรพสิ่งที่ไม่เคยอยู่นิ่ง"
ทั้งสองขำๆที่ดันพูดออกมาพร้อมกัน
"ตรงนั้นว่ะ มีพลังงานถี่ ได้เรื่องแล้ว ไปดูกัน"
สัญญาณดังขึ้นกว่าเดิมอีก ทั้งสองมองหน้ากันว่า ดูจะได้เรื่องแล้ว
ทันใดนั้นสัญญาณดีขึ้นลง เสียงสัญญาณคล้ายเกิดอะไรขึ้นอย่างน่ากลัว วุ่นวาย
เศก/จ้อน แหกปาก "เฮ้ย ... "
ร่างอร เสียบอยู่ที่รั้วเหล็กแหลม หันมาจ้องที่สองคนอย่างสยดสยอง
หมิงงัวเงียตื่นขึ้นมา เธอไม่เห็นป่าน ... เธอสงสัย เดินออกจากห้อง
"ป่าน ป่านอยู่ไหน"
หมิง เปิดประตูห้องอรเข้ามาหมิง เข้าไปหาแต่ไม่เจอ
"พี่อร พี่อร"
ด้านหลังหมิง ป่านมายืนอยู่ด้านหลัง หมิงหันมาเห็นก็สะดุ้ง
"ป่าน พี่อร หายไปไหน ป่านทำอะไร พี่อร"
ป่านยิ้มสยอง เอาตลับขี้ผึ้งออกมา
"ป่านเอาขี้ผึ้งมาให้พี่หมิง จะได้สวยๆไง"
"ไม่เอา หมิงไม่อยากสวยแล้ว ป่านเอาพี่อรไปไว้ไหน"
ป่านสีหน้าอำมหิต เปิดฝาขี้ผึ้งและเดินตรงมาหาหมิง
"ป่าน อย่า หมิงไม่เอาแล้ว ป่านอย่า"
ป่านป้ายขี้ผึ้งที่หน้าหมิง
แมวดำร้องคารามป่าน
ทั้งหมดรวมตัวกันที่ดาดฟ้า จู่ลมก็แรง เมฆเคลื่อนบังจันทร์
เสียงสวดบริกรรมของหญิงสาวก็ดังลอยมาพร้อมกับแสงประหลาดที่พุ่งตรงเข้าใส่รัตติกาล
อาคมบอก "ระวัง" แล้วกระโดดคว้ารัตติกาลหลบได้ทัน
เศก จ้อน เตรียมอุปกรณ์ คว้าเอากรงดักพลังงานมา กรงนี้ดีไซน์ขึ้นเพื่อใช้จับวิญญาณที่ต้องการ
ลำแสง กลายเป็นกลุ่มควันบางๆที่คล้ายจะเป็นใบหน้าโหงพราย แต่ดูไม่ออก
"นี่อะไรครับ" อาคมถามเมื่อเห็นกรงใบนั้น
วิเศษบอก
"กรงดักจับพลังงาน ไว้ค่อยอธิบาย ตอนนี้หาทางจับมันก่อน"
ทั้งสามกระจายกำลังออก วิเศษไปขวางทางประตูไว้ พร้อมถือกรงชูหรา...
เศกบอก "ไม่แน่... อาจารย์"
ทุกคนตึงเครียด
"รัตติกาลวัดพลังงาน" วิเศษสั่ง
รัตติกาลหยิบเครื่องมือวัดพลังงานออกมา ตัวเลขดีดขึ้นอย่างเร็วเป็นลำดับ
"สองร้อย.. สามร้อย.. ห้าร้อยแปดสิบเก้า ไดนามิคโวลท์"
"เฮ้ย ไม่เคยเจอพลังสูงขนาดนี้มาก่อนเลย" เศกบอก
ทุกคนตะลึงในค่าที่สูงมาก แต่อาคมยังไม่รู้เรื่องนัก แสงประหลาดนั้นเคลื่อนอย่างเร็วไปทางอาจาร์วิเศษ เขาหลบ ทำให้กรงหลุดมือกลิ้งไปทางอาคม
แสงประหลาดนั้นเหมือนจ้องจะทำร้ายวิเศษ
"อาคม ... ตั้งค่าที่หน้าปัด ไดนามิคโวลท์ ของกรงให้ตรงกันแล้วจะสามารถดูดพลังวิญญาณเข้ามาขังไว้ได้"
อาคมทำตามที่วิเศษสั่ง
"กดไปที่ห้าร้อยแปดสิบเก้าเร็วเข้า"
พอตั้งเสร็จ อาคมหันไปมองวิญญาณ เห็นกลุ่มควัน คล้ายจะถูกดูดเข้ามาจริงๆ กลุ่มควันนั้นพยายามฝืน และพอกำลังยื้อๆพอจะให้พลังถูกดูดเข้ามาอยู่แล้ว อาคมยื้มกรงไม่ให้หล่น จนวิญญาณนั้นถูกจับเข้าไปข้างในกรงได้สาเร็จ
"อาคม คุณนี่ใช้ได้เลย"
รัตติกาลบอก
"ว่าแต่...พลังเมื่อกี้นี่ไม่ธรรมดาเลย"
มหาเนิร์ด โทร.เข้ามาหาวิเศษ
"เจอแล้วเหรอ มหา เก่งมาก ส่งไฟล์มาเลย"
วิเศษ เปิดคอมพ์ด้วยความรวดเร็ว โหลดไฟล์ภาพ
"ไฟล์อะไรครับ อาจารย์" อาคมถาม
"มหาเนิร์ด จับภาพได้ว่า ไอ้พลังงานนั้น มันมุ่งหน้าไปที่ห้องไหน เราก็จะรู้ที่ซ่อนของมัน"
ทุกคนลุ้นรอโหลดไฟล์ภาพ
ภายในห้องที่เต็มไปด้วยเครื่องรางของขลัง โต๊ะหมู่บูชาปีศาจ เทวรูปท่าทางประหลาดน่ากลัว
หมิงฟุบอยู่หน้าโต๊ะบูชาเลือดเธอไหลออกจากปาก
"ลองของใช่มั๊ย มาเจอกันสักหน่อย"
ป่านนำของอาถรรพ์ สัตว์ร้าย แมงป่อง งูพิษ แมงมุม ใส่พานแล้วสวดคาถาปลุกผี หมิงนั่งตัวสั่น อาการเธอแย่กว่าเดิมมาก
ภายในห้อง อบอวลไปด้วยพลังงานชั่วร้ายที่ถูกปลุกขึ้นจากหลับไหล
บนดาดฟ้า วิเศษโหลดไฟล์ภาพเสร็จแล้ว ภาพ แสงไฟประหลาดหายเข้าไปในห้องที่ไม่มีเลขที่
"แล้วมันจะรู้มั๊ย เนี่ย ห้องไม่มีเลขที่ เวรแท้ๆ" เศกว่า
อาคม ไม่รอช้า ลุกขึ้น
"อาคม นายรู้ใช่มั๊ย" จ้อนถาม
อาคมส่ายหัว
"โธ่ … ผมก็นึกว่าคุณจะรู้ เอาไงดีล่ะ" วิเศษบอก
"แยกกันหาดีมั๊ย" รัตติกาลว่า
"ถ้าเป็นผมนะ ผมจะ …"
อาคมมองไปที่กรงขังวิญญาณ
ทุกคนอึ้ง
ทุกคนโพล่งพร้อมกัน "ไม่นะ"
อาคมไม่ฟังใครทั้งสิ้น เขาเปิดกรงปล่อยวิญญาณนั้นออกมา แสงไฟลอยมาหยุดตรงหน้าเขาก่อนจะ ลอยตรงไปที่ทางเดินอย่างรวดเร็ว
อาคมบอก
"ตามมันไป"
"แม่ง บุ่มบ่าม สุดๆ ทำห่าไรปรึกษากันบ้างมั๊ยเนี่ย" เศกว่า
ทั้งหมดรีบวิ่งตามแสงไฟดวงนั้นไปอย่างรวดเร็ว
ภายในห้องลับ ป่านบริกรรมคาถาเสร็จ ดวงไฟใหญ่น้อยพร้อมที่จะรับคำสั่ง
"พวกเจ้าจงไปทำลายพวกมันให้หมด"
ป่านยิ้มพอใจ
ดวงวิญาณดวงนั้นลอยกลับเข้ามาในห้อง
ป่านมองอย่างสงสัย ก่อนจะหันไปที่ประตูห้อง
อาคมถีบประตูห้องเข้ามา ป่านสะดุ้งตกใจ
ด้านนอก เศกกับจ้อน ถือเครื่องดูดวิญญานไว้ ทั้งสองยิ้มแยกเขี้ยว
เศก/จ้อนว่าพร้อมกัน
"ดูดแม่งให้หมด"
เศกบิดปุ่มเครื่องสุดลูกบิด วิญญานร้ายถูกดูดหายเข้าไปในกรง
ป่านอาศัยช่วงชุลมุนวิ่งหนีไป
รัตติกาลเข้าไปช่วยหมิงที่กรีดร้องตัวสั่นในมือเธอมีถุงผ้าเล็กถือไว้
ป่านวิ่งมาที่ดาดฟ้า เธอได้เจอกับ แจน ป่านตกใจ หันหนี แต่ก็เจอ อรยืนขวางไว้
"ไม่นะ พวกแกจะทำอะไร ชั้น ออกไป ลองดีใช้มั๊ย"
ป่านล้วงหาของที่จะใช้ปราบแต่หาไม่เจอ
"แจน แก … อย่าเข้านะ ออกไป"
แจนและอรเดิน บีบเข้ามาจนป่านกลัวจนสติแตก
ป่านหนีไปจนถึงระเบียง หวาดกลัวสติแตกจนพลัดหล่นลงไปข้างล่าง
ร่างของป่านลอยอยู่กับน้ำในสระ เลือดแดงฉาน
วันใหม่อันสวยงาม แมกไม้ นกบินออกหากิน อาคมเดินตามวิเศษมาที่หน้าห้องหนึ่งซึ่งดูเรียบง่าย
"นี่ไง สิ่งที่คุณถามถึง วิญญาณคนตายไปไหน"
วิเศษเปิดห้อง สภาพภายในห้อง สายไฟดวงกลมหลากสี ห้อยเต็มไปหมด
"ผมเชื่อว่าวิญญาณทุกดวงมีที่ไปตามเส้นทางของกรรม แต่บางดวงที่ยังไม่พร้อมไปสู่ที่สงบ เราก็จะเก็บไว้ในห้องนี้ ผมกำลังคิดค้นหาวิธีที่จะทำให้พวกเขาสงบลง ผมจะไม่ยอมให้ด้านมืดกลืนกินด้านสว่างได้อย่างเด็ดขาด นั่นคือความสมดุลย์และเป็นสัจธรรม"
"นี่หมายความว่า ถ้าอาจารย์ทำได้จริงๆล่ะก็ มันเปลี่ยนโลกใบนี้ได้เลยนะครับ"
"คุณเชื่อไหมล่ะว่า สักวันหนึ่งเราจะทำได้"
อาคมยิ้ม
"งั้นก็ยินดีต้อนรับ สมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นอีกคน"
ทุกคนในทีมยิ้มต้อนรับอาคม เข้าสู่ทีมหมอผี
"มีข้อแม้นะ เพื่อน ทำอะไรบอกกันบ้าง จะได้ตั้งหลักทัน" เศกบอก
ทุกคนยิ้มแย้มให้กัน
ลุงทำหนังสือเดินเข้ามาปิดประตูห้อง
อ่านต่อตอนที่ 2