xs
xsm
sm
md
lg

ระบำไฟ ตอนที่ 3

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ระบำไฟ ตอนที่ 3

เรือลำน้อยแล่นลอยพาตรีประดับและพยสมาตามแม่น้ำโอโนะ ส่วนเทศราชเดินเหงามาตามถนนริมน้ำ ดูราวกับเป็นเส้นขนานในชีวิตของสองคน

เทศราชเหลียวมองไปในเรือ จังหวะที่ลมพัดเบาๆ ผมตรีประดับปลิว พยสเกลี่ยผมเหน็บทัดหูให้ตรีประดับ
ช่างภาพหนุ่มเดินเหม่อ ล้วงมือหยิบของสิ่งหนึ่งออกจากกระเป๋า มองของชิ้นนั้นสีหน้าหมองลง มองกลับไปในเรือ อีกครั้ง เห็นพยสกับตรีประดับยิ้มหัวให้กันอย่างมีความสุข เขาพาตัวเอกเดินหนีไปจากภาพบาดใจนั้น

ส่วนพัดชานั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองพยสและตรีประดับในเรือ สีหน้าอิ่มเอม ยินดีกับความสุขของคู่รัก แต่ก็เหงาลึกๆ ในใจ
“ขอให้มีความสุขมากๆ นะคะคุณตรีประดับ คุณพยส”
ในมือพัดชายามนี้ มีสายสร้อยจี้โคลเวอร์สี่แฉก พัดชาอมยิ้มหวนนึกถึงตอนที่พยสให้มา

ภายหลังจากพัดชาบอกพยสไปว่า
“พัดจะตอบแทนคำแนะนำดีๆ ของคุณพยสยังไงดีเนี่ย”
พยสมองหน้าพัดชา ยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา เกิดไอเดียบางอย่าง
พัดชาเห็นสายตาของพยส เป็นประกายตาวิบวับพอจะเดาออก
“เมืองซาวาระนี่โรแมนติกมากนะคะ พัดเคยเห็นคู่รักหลายคู่มาขอแต่งงานที่นี่”
ในแม่น้ำซาวาระ เรือแล่นชมลำน้ำ คนนั่งในเรือดูมีความสุข
พยสมองนักท่องเที่ยวที่นั่งเรือล่องแม่น้ำ พัดชาเป็นคนพามาดูท่าเรือใกล้ๆ
“ผมว่าน้องพัดชาน่าจะช่วยผมได้”
“จะให้พัดชวนคุณตรีประดับมาลงเรือที่นี่....”
พัดชานึกออกว่าพยสน่าจะบอกรักกับตรีประดับ พัดชาตื่นเต้นดีใจด้วย
“เอ้อ คุณพยสกับคุณตรี พัดดีใจด้วยนะคะ”
พยสเขิน “อย่าเพิ่งรีบดีใจกับผมเลยครับ ผมไม่รู้ว่าตรีเค้าจะรับรักผมหรือเปล่า”
“พัดขออนุญาตนะคะ เท่าที่พัดเห็น ไม่มีใครจะไม่รับรักคุณพยสหรอกค่ะ คุณพยสเตรียมหัวใจไว้รับความรักเถอะ”
หัวใจพยสพองโต มีความหวังเต็มเปี่ยม แม้เป็นคำชมจากเด็กสาวคนหนึ่งที่เพิ่งรู้จัก เขาก็มีความมั่นใจขึ้น
“ถึงผมจะยังไม่รู้คำตอบจากตรี แต่สิ่งที่น้องพัดพูด มันทำให้หัวใจผมมีแรงขึ้น”
พยสหยิบสร้อยจี้โคลเวอร์สี่กลีบ ส่งให้พัดชาเป็นค่าตอบแทนน้ำใจ
“ขอบคุณนะครับ”
พัดชาตื่นเต้น “โคลเวอร์สี่กลีบ”
“ต่อไปนี้ ผมก็ขอให้น้องพัดชาได้พบกับความสุข และสมหวังในความรักเช่นกัน”
พัดชารับของแล้วไหว้นอบน้อม สายตาที่มองพยสมีแต่ความชื่นชม และยินดีกับความรักของพยสและตรีประดับอย่างจริงใจ ในขณะที่พยสมองพัดชาเหมือนคนรู้จักทั่วไป ไม่มีอะไรพิเศษ

พัดชามองพยสกับตรีประดับในเรือ ยิ้มชื่นมีความสุขไปกับสองคน แต่อดไม่ได้นึกถึงตัวเอง
“เมื่อไหร่จะมีคนรักแบบนั้นบ้างนะพัดชา”
พัดชาลุกขึ้น ใส่สร้อยจี้โคลเวอร์ที่คอระหงแล้ว เดินยิ้มออกไปช้าๆ

ในแม่น้ำ เรือรักลำน้อยแล่นพาตรีประดับกับพยส ลอยไปในบรรยากาศแสนหวานละมุนละไม

ในเรือที่คนถ่อคนพายเรือสองผัวเมียช่วยกันถ่อเรือไปเรื่อยๆ ตรีประดับดูเขินๆ เมื่อพยสขยับตัวเข้ามาใกล้

“เทศหายไปไหนแล้วไม่รู้นะคะ”
“ผมอยากให้เวลานี้ มีแค่เราสองคน”
“ก็...” พยสขยับมาใกล้อีก ตรีประดับหน้าแดงไม่รู้จะหลบทางไหน
“ผมอยากให้ตรี นึกถึงแค่ผม...คนเดียว”
ตรีประดับเงียบไปไม่รู้จะพูดอะไร พยสหวั่นกลัวขึ้นมาว่าตรีประดับจะอึดอัด และไม่มีท่าทีกับเขา เลยนิ่งไปเช่นกัน
จังหวะนั้น หญิงคนถ่อเรือเสียจังหวะ เรือโคลงเล็กน้อย ตรีประดับเซพยสอ้าแขนรับ ตรีประดับเลยตกอยู่ในอ้อมแขนพยสโดยปริยาย ชายคนคัดท้ายเรือโค้งให้เชิงขออภัย
สองคนยิ้มเชิงเข้าใจ แล้วหันมาสบตากัน สายตาพยสบ่งบอกความในใจจนหมดสิ้นทุกสิ่ง ตรีประดับไม่มีวันจะไม่รับรู้อีกแล้ว
“ตั้งแต่รู้จักตรี ผมก็ไม่เคยเห็นคนอื่น”
ตรีประดับทั้งตื่นเต้น ตื้นตัน สายตาของพยสที่เธอเคยเพิกเฉย ด้วยไม่รู้และไม่แน่ใจว่าเขาจะมีหัวใจไว้เพื่อเธอเพียงคนเดียว

ด้านเทศราชหยุดยืนจ้องโทรศัพท์ในมืออย่างหงอยเหงา ไม่มีข้อความหรือความเคลื่อนไหวใดๆ บนเฟซบุ๊ก ไลน์ หรือ ไอจีของตรีประดับ
“ตรีเงียบจัง”
พัดชาเดินผ่านมา เห็นเทศราชเกร่อยู่แถวนั้น จึงเข้ามาทักทายถามไถ่
“คุณเทศราชทำอะไรอยู่หรือคะ หลงทางหรือเปล่า”
เทศราชไม่อยากให้เด็กสาววัยใสรู้ว่าเขามารอตรีประดับ
“อ๋อ เปล่าครับ แถวนี้สวย ผมเลยจะถ่ายรูปเผื่อไว้ใช้ในงานหนังสือ”
“แถบเมืองซาวาระ มีร้านค้าของคนท้องถิ่น นักท่องเที่ยวก็เยอะ ดูมีชีวิตชีวาดีนะคะ”
“อืม...ที่นี่มีเสน่ห์เพราะแม่น้ำสายนั้น”
เทศราชยังออกอาการพะว้าพะวงห่วงตรีประดับ เด็กสาวแสนฉลาดอย่างพัดชามองจ้อง เกือบจับความรู้สึกนี้ได้ เทศราชรีบทำตัวรื่นรมย์กลบเกลื่อน
“ไหนคุณไกด์ลองแนะนำสิครับ”
“แม่น้ำโอโนะงาวะ นักท่องเที่ยวชอบล่องเรือที่นี่ค่ะ ยิ่งถ้าปลายเดือนมีนาคมจะเป็นช่วงที่ต้นหลิวเขียวสะพรั่งสองฝั่งแม่น้ำเลยค่ะ ยิ่งตอนลมพัดปลายกิ่งหลิวเต้นระบำ”
พัดชาเล่าอย่างเพลิดเพลิน ดูออกไม่ยากว่าเป็นคนที่มีความสุขกับการได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก โดยเฉพาะยามมีชีวิตอยู่นอกบ้านพ่อแม่บุญธรรม
เทศราชกดถ่ายเก็บภาพพัดชาขณะอธิบายไปเรื่อยๆ พัดชารู้ตัว ออกอาการเขินนิดๆ แต่ไม่ใช่จริตเชิงชู้สาว
“คุณเทศราชก็...”
เทศราชให้พัดชาดูรูปในกล้องด้วยกัน “คุณดูมีความสุขเวลาเล่าเรื่องนะ เหมือนกับว่าข้างในมันอิ่มเอม มันมีเรื่องอะไรมากมาย”
พัดชานิ่งงันไป มองเทศราชอย่างคาดไม่ถึง บุคลิกภายนอกที่ดูเป็นหนุ่มเจ้าสำราญ ติดตลก ใครเลยจะนึกว่าเทศราชจะมีมุมละเอียดอ่อนขนาดนี้
“มีอะไรหรือเปล่า”
พัดชาโดนจี้จุด ตรงที่ในชีวิตมีเรื่องอัดอั้นในใจมากมาย
“ไม่มีค่ะ” หล่อนเปลี่ยนเรื่องทันที “คุณเทศราชถ่ายรูปเก่งจัง พัดดูดีมากเลย”
เทศราชเลื่อนรูปให้ดู แต่กดเลื่อนเร็วไป มาเจอรูปก่อนหน้ารูปพัดชาเป็นรูปตรีประดับ สวยซึ้งเอามากๆ
พัดชาเห็นรูปนั้นเต็มตา อดคิดไม่ได้ว่าเทศราชอาจชอบตรีประดับ
“ถ่ายไม่เก่งอะไรหรอก” เขารีบปิดกล้อง “ไปตรงนู้นกันมั้ย”
เทศราชรีบเดินนำไป พัดชามองตาม นึกเอะใจแต่ไม่คิดอะไรมากกว่านั้น

สองคนเดินมาอีกมุมหนึ่ง แถวร้านชา และกาแฟ เทศราชแวะซื้อให้ตัวเอง แล้วหันมาถามพัดชา
“ซักแก้วไหม ชาร้อนหรือกาแฟ”
“ไม่ดีกว่าค่ะ เดี๋ยวพัดจะไปแล้ว”
เทศราชงง “อ้าว ไม่รอสองคนนั้นเหรอ”
พัดชายิ้มระรื่น “โธ่ คุณเทศราชช่างไม่รู้อะไรเลย คุณพยสอุตส่าห์วางแผนกับพัดเพื่อลงเรือไปกับคุณตรีประดับสองคน ป่านนี้คงมีข่าวดีแล้วค่ะ”
เทศราชเหวอไปเลย กาแฟที่กลืนลงไป ขมคอในระดับเสียดหัวใจทีเดียว
“คิดงั้นเหรอ”
“ก็ดูสายตาคุณตรีประดับสิคะ มีมุมหวานๆ กับคุณพยสด้วยนะคะ”
เทศราชเบือนหน้าไปอีกทางทำเป็นซดกาแฟ แต่กลืนกินน้ำตาลงไปในอก พัดชาโลกสวยต่ออีก
“พัดว่าไม่ต้องรอคุณพยสกับคุณตรีหรอกค่ะ ปล่อยให้คู่รักใหม่มีช่วงเวลาสองต่อสองดีไหมคะ”
เทศราชมองไปทางแม่น้ำ พะวงถึงตรีประดับ แต่คงถึงเวลาต้องปล่อย
“อืม...ปล่อยให้เขาไปมีความสุข...ก็ดีนะ”

เรือกลางลำน้ำแล่นห่างออกไป ตรีประดับโบกมือให้คนขับเรืออีกลำ เมื่อหันมา พบสายตาหวานฉ่ำเต็มไปด้วยความรักของพยส

พยสจ้องนานจนเคลิ้มไป ตรีประดับต้องโบกมือเรียกสติตรงหน้าเขา
“ตรีมีอะไรแปลกไปหรือคะ”
“ตรีคนที่เป็นนักศึกษา...”
แววตาพยสรำลึกจดจำเรื่องราวในวันหนึ่งของปี พ.ศ. 2550 ได้อย่างแม่นยำ
พยสอยู่ในห้องสมุดแอบมองตรีประดับ ผ่านช่องว่างระหว่างแถวหนังสือประมวลกฎหมายอาญาบนชั้น
ตรีประดับอยู่อีกฝั่งหนึ่งของชั้นหนังสือ พยสมองตะลึงประทับใจใบหน้าสวยหวานที่จดจ่อสมาธิอยู่กับการอ่านหนังสือ
พยสเล่าเสริมว่า “แล้วผมไปแอบมองในห้องสมุด เหมือนเป็นคนละคนกัน”
ตรีประดับฟังแล้วยิ้มเขิน อยากรู้ขึ้นมา
“ยังไงคะ ตรีก็ยังเป็นตรีคนเดิม ไม่เคยเปลี่ยน”
“ตรีประดับคนนั้นผมไม่แน่ใจว่าเขาคิดยังไงกับผม ผมได้แต่แอบมอง เห็นเพียงข้างหลัง แต่ตรีประดับคนนี้ ที่ยืนข้างหน้าผม เหมือนฝัน”

พยสเล่าว่า เขาได้แต่แอบมองอยู่อย่างนั้น
และตรีประดับยังคงอ่านหนังสืออยู่กับเพื่อนๆ พอมีเทศราชโผล่มา บรรยากาศก็กลายเป็นเฮฮา ตรีประดับหัวเราะหัวใคร่กับเทศราช พยสได้แต่มองจากด้านหลัง ไม่กล้าเข้าไป
ต่อมาพยสเห็นตรีประดับเลือกหนังสือ แต่หยิบไม่ถึง เขาเอื้อมไปหยิบให้ตรีประดับยิ้มขอบคุณแล้วเดินจากไป พยสไม่กล้าสานสัมพันธ์ต่อ

เล่าถึงตอนนี้ตรีประดับจับมือพยส ให้เขาแน่ใจว่านี่คือเรื่องจริง
“แน่ใจได้หรือยังคะว่านี่จริง”
คราวนี้ตรีประดับเป็นฝ่ายเล่า ขณะเธอเฮฮาอยู่กับเพื่อน จนเห็นพยสแอบมองอยู่ ตรีประดับมองไปตรงๆ พยสเดินหนีไปแล้ว
พยสหยิบหนังสือให้ ตรีประดับพูดขอบคุณ เดินออกมา แอบเขินคนเดียว เหลียวหลังไปมองอีกครั้งก็เห็นพยสเขินเช่นกัน

ได้ฟังแล้วพยสยิ้มชื่นหัวใจพองโตเมื่อรู้ว่าตรีประดับมีใจให้ตั้งแต่แรกเห็นเช่นกัน

พยสดึงมือตรีประดับมาแนบแก้ม “แล้วผมก็รู้ความจริงอย่างนึง คุณรับรู้ความรู้สึกของผม คุณเห็นสายตาของผมมาตลอด”
“เพียงแต่ตรีไม่เคยแน่ใจ”
พยสจุมพิตมือเบาๆ “นับแต่วันนี้ ผมจะทำให้คุณแน่ใจในตัวผม แน่ใจในความรักที่ผมมีให้คุณมานาน ตรีครับ...ต่อจากนี้ ให้ผมได้ดูแลคุณนะครับ”
พยสบรรจงสวมสร้อยที่เตรียมมาให้ตรีประดับ
“ขอบคุณนะคะ ตรีใส่สร้อยที่คุณให้แล้ว คงจะให้พยสดูแลตรีฝ่ายเดียวไม่ได้หรอกค่ะ ให้ตรีได้ดูแลพยสด้วยนะคะ”
“ผมรอวันนี้มานานแล้ว แต่งงานกับผมนะตรี”
ตรีประดับเขินหนักมาก ยิ้มพลางพยักหน้าช้าๆ พยสดีใจดึงรั้งร่างตรีประดับมาอยู่ในวงแขน
คู่รักคู่ใหม่ประคองกอดกันในเรือลำน้อยที่ล่องตามแม่น้ำโอโนะ ท่ามกลางกิ่งหลิวพลิ้วลู่ลมสวยงาม

เวลาเดียวกันนี้ พัดชานั่งรถไฟบนดินกลับร้าน มีคนนั่งเบียดเสียดพัดชาสองข้าง พัดชาทำตัวลีบเล็ก รักษาเนื้อรักษาตัวไม่โดนคนอื่น ต่างกันลิบลับกับตรีประดับที่อยู่ในอ้อมอกคนรัก
พัดชาพิมพ์ข้อความไลน์ส่งหาตรีประดับ
“คุณตรีคะ พัดดีใจด้วยนะคะ วันนี้เป็นวันที่น่าจดจำตลอดไป พัดเองยังมีความสุขไปด้วย”
พัดชาหยิบสร้อยคอจี้โคลเวอร์ที่ห้อยคอมาลูบเบาๆ
“พัดว่า เราต่างก็เจอใบโคลเวอร์สี่กลีบที่เราตามหาแล้ว”
ในรถไฟ แสงแดดอุ่นๆ อาบมาจากด้านนอก พัดชาสูดลมหายใจอย่างมีความสุขและความหวัง
ในรถไฟคันเดียวกันนี้ เทศราชยืนซึมมองจ้องมือถือในมือ เปิดเข้าไปดู ไอจีของตรีประดับ เห็นภาพคู่ของตรีประดับกับพยส พร้อมแคปชั่นแสนหวาน เชิงว่า
นักแปลนิยายญี่ปุ่นสาวสวย ถูกแฟนหนุ่มขอแต่งงานกลางแม่น้ำโอโนะ แสนโรแมนติก
เทศราชถึงขั้นอึ้งไปเลย

คู่รักข้าวใหม่ขึ้นจากเรือ เดินชมเมืองเคียงคู่กันมา ตรีประดับอ่านไลน์จากพัดชาจบลงแล้วหันมามองพยส
“คราวนี้ได้น้องพัดช่วย”
“ผมก็เคยจะให้เทศราชช่วย แต่...”
พยสนิ่งไป นึกถึงตอนที่ตนบอกเทศราชให้ช่วย แต่เทศราชกลับพูดจากวนตีนและไม่ได้ช่วยอะไร
“แต่...ช่างเถอะ
“แล้วเทศหายไปไหนนะคะ เราน่าจะบอกให้เขารู้”
“ช่วงเวลาดีๆ แบบนี้ ผมอยากอยู่กับตรีสองคน ได้ไหม”
ตรีประดับจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นเพื่อกดไลน์หาเทศราช พยสจับมือไว้ ตรีประดับเก็บโทรศัพท์ลง แต่แล้วโทรศัพท์เทศราชดังขึ้น เทศราชจะไม่รับ ตรีประดับท้วงว่า
“คนโทร.มา อาจจะมีเรื่องด่วนนะคะ”
พยสมองดูชื่อหน้าจอ “สงสัยจะจริง”
พยสหน้าเครียดขึ้นมานิดๆ มองตรีประดับทำนองขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์

ทันที่กดรับสาย พยสอมยิ้มเมื่อได้ยินเสียงกรี๊ดของชินานางมาจากปลายสาย
“ว่าไงครับมาดาม”
“ไม่ดงไม่ดามแล้วค่ะ ยสเมื่อไหร่จะกลับคะ”
“อย่าบอกว่าคุณคิดถึงผม”
“ก็ใช่สิคะ
ชินานางคุยไป ใช้นิ้วเล่นเสื้อผ้าบางเบาของตัวเองไปด้วย เวลานี้อยู่หน้าเซ็ตถ่ายละคร ช่อง เตรียมเข้าฉาก ช่างหน้าช่างผมเข้ามารุมตบแป้งเซ็ตผมระวิง
“คุณนางคะ นักข่าวมารอสัมภาษณ์เรื่องฟ้องหย่า”
พยสได้ยินเสียงเด็กกองเข้าพอดี รู้ว่าชินานางกำลังร้อนใจ
“เรื่องนี้นี่เอง คุณไม่ได้คิดถึงผมจริงๆ เสียหน่อย”
“คุณยสช่วยนางด้วยนะคะ ไอ้ผัวคนนี้ก็ไม่ยอมปล่อยนางซะที นางไม่ได้ขออะไรมากเลย เงินร้อยล้านค่าหย่าขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก”
“ใจเย็นๆ ครับ เดี๋ยวผมกลับไปเคลียร์ให้ แต่คุณนางอย่าเพิ่งให้ข่าวกับใครเด็ดขาดนะครับ”
“ค่ะๆ รับรอง”
ไม่ทันขาดคำ นักข่าวจอมเผือกกรูเข้ามาในเซ็ตเป็นพรวน ชินานางเหวอ

พยสกดวางสายจบการสนทนา นึกขำชินานาง ก่อนจะไล่สายตามองหาตรีประดับ เมื่อไม่เจอแถวนั้น เลยออกเดินตามหา

ในกองถ่ายละครที่กรุงเทพฯ ชินานางพยายามจะหลบจากเซ็ตไปห้องแต่งตัว นักข่าวจ่อไมค์รวม
“เดี๋ยวนะคะ อะไรคะ พอดีจะมีถ่ายคิวต่อไปแล้วค่ะ ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า”
นักข่าวดักหน้าดักหลัง ชินานางหนีออกอีกทาง ขาดันไปสะดุดพร็อปกองถ่าย ทำเสาไฟที่ช่างเพิ่งเอามาตั้งล้มดังโครม! ทั้งกองเหวอ หลังความเงียบงันมีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“อะไรกัน”
เจ้าของเสียงเป็น สิงคาร หนุ่มใหญ่ผู้กำกับชื่อดัง หมุนตัวหันมาทางชินานาง มาดหล่อ แต่เฮี้ยบมาก
“ผู้กำกับ”
ชินานางจะเข้ามาแก้ตัว รีบร้อนมาก เพราะนางหนีนักข่าวด้วย ส้นสูงแหลมปรี๊ด เหยียบชายกระโปรงตัวเองเสียหลักจะล้มหน้าคว่ำอยู่รอมร่อ
จังหวะนั้นเองสิงคารซึ่งอยู่ใกล้สุด ช้อนรับตัวชินานางไว้ได้ทัน กลายเป็นว่าประคองชินานางไว้ในอ้อมแขน ราวกับท่าจบของการเต้นแทงโก้ สองคนมองหน้ากัน หญิงสาวตัวอ่อนเอนกายอยู่ในวงแขนชายหนุ่ม
ช่างภาพนักข่าวถ่ายรูปกันพรึ่บพรั่บได้ข่าวใหม่อีกแล้ว นักข่าวเม้าท์มอยกันสนุกปาก
จังหวะที่นักข่าวถ่ายรูปในอ้อมแขนสิงคารนั้น ชินานางทำปากขมุบขมิบบอกไม่ให้นักข่าวจับได้ว่าพูดอะไรกัน
“อย่าเพิ่งปล่อยนะคะคุณสิงคาร ช่วยนางนะคะ”
“ละครยังไม่ทันเปิดกล้อง คุณก็จะสร้างข่าวใหม่กับผมแล้วหรือ เรื่องเก่ายังไม่เคลียร์เลยนะครับ”
“เป็นข่าวแบบนี้ ยิ่งโปรโมตละครไม่ใช่หรือคะ”
ชินานางสบตาอย่างท้าทาย
สิงคารยิ้มบางๆ สีหน้านิ่ง มาดโก้ เท่ เขาช้อนตัวชินานางให้ลุกขึ้นยืน กลายเป็นว่าสองคนยืนคู่กันให้นักข่าวสัมภาษณ์เฉยเลย
“นักข่าวทุกคนใจเย็นๆ นะครับ เอาเป็นว่าวันนี้ผมกับคุณชินานางจะเล่าถึงละครเรื่องนี้ให้ฟัง คุณนางมาเล่นเรื่องนี้ได้ยังไงนะครับ”
ชินานางยิ้มหวานรับรู้ว่าสิงคารมาช่วย หล่อนรีบไหลตามน้ำ ฝอยให้นักข่าวฟัง เลี่ยงเรื่องตัวเองไปได้
นักข่าวด้านหน้าจ่อไมค์รวมใส่หน้าชินานางกับสิงคาร พวกเผือกที่เข้าไม่ถึงสองสามคนสุมหัวเมาท์มอยกันไปด้วย
“คุณสิงคาร อดีตพระเอกดังที่ผันตัวเป็นผู้กำกับ ดูท่าสนิทกับยัยชินานาง”
“สนิท? ขนาดไหน?”
“แล้วที่มีข่าวหลุดว่ายัยชินานางไปสนิทกับหนุ่มหล่อรวยน่ะ ใช่ผู้กำกับสิงคารคนนี้หรือเปล่า”
นักข่าวทั้งสามมองกลับเข้าไปที่ต้นเรื่อง สองคนให้สัมภาษณ์ดูรับส่งมุขยิ้มหัวอย่างคนสนิทกันมาแต่ชาติปางไหน

อีกฟากโลก ตรีประดับยืนนิ่งอยู่ในแสงแดดสวย กุมสร้อยเอาไว้อย่างสุขสม อดนึกถึงเทศราชขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

เทศราชนั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์ในร้านเหล้าของซาโต้ ข้างกายมีสาเกขวดหนึ่งพร้อมแก้ว
เทศราชเทสาเกลงแก้ว โทรศัพท์มือถือของเทศราชที่วางอยู่ข้างแก้วมีข้อความไลน์จากตรีประดับส่งหา เทศราชแค่ชำเลืองมอง ดื่มสาเกไปโดยไม่สนใจโทรศัพท์
มีข้อความจากตรีประดับส่งมาว่า
“เทศอยู่ไหนจ๊ะ”
“โทร.หาเรานะ”
“เรามีอะไรจะบอก...”
เทศราชมองข้อความสุดท้ายแล้วรีบหันกลับ ดวดสาเกทีเดียวหมดขวด

ตรีประดับลดมือถือลงด้วยสีหน้าแปลกใจ
“ส่งไปก็ไม่อ่าน นายเทศหายไปไหนนะ”
ตรีประดับพยายามมองหา แต่ไม่เห็นแม้เงา นักแปลสาวออกเดินมาเรื่อยๆ ตามทาง แล้วพาตัวเองเดินเข้าไปชมร้านขายของที่ระลึก

ตรีประดับวนอยู่หน้าร้านขายของที่ระลึก เป็นร้านเดียวกับที่เธอมาหยุดดูกับเทศราช
แขวนเครื่องประดับว่างเปล่าสร้อยโคลเวอร์ที่เล็งไว้กับเทศราชไม่อยู่แล้ว
เสียงเทศราชดังก้องขึ้นในหูตรีประดับ
“ตรีอยากได้เหรอ”
ตรีประดับมองจ้องตู้ด้านใน ใจหายนิดๆ เมื่อไม่มีสร้อยเส้นนั้นอยู่แล้ว
“ใครจะไม่อยากมีความสุขแบบนั้นบ้าง”
พยสเดินเข้ามา
“อยากได้อะไรหรือครับ ผมซื้อให้ไหม”
“สร้อยโคลเวอร์ค่ะ คงมีคนซื้อไปแล้ว”
ตรีประดับเห็นสีหน้าพยส รีบยิ้มเอาใจ
“ตรีไม่อยากได้โคลเวอร์สี่กลีบแล้วล่ะค่ะ ที่ยสให้มา มันมีความหมายมากกว่านั้น”
“ตรีครับ วันนี้ผมพร้อมและมีทุกอย่างแล้วเพื่อคุณ ผมจะไม่ให้คุณลำบาก ผมจะทำให้คุณมีความสุขในทุกๆวันต่อจากนี้ไป”

พยสยื่นมือแบออกปตรงหน้า ตรีประดับมองอย่างมั่นใจ วางมือลงในมือนั้น ทั้งคู่เดินจูงมือกันเดินเที่ยวอย่างมีความสุข

ภายในร้านเหล้าของซาโต้ยามนี้ยังไม่มีลูกค้า ซาโต้กับมิจิ และเพื่อนๆ ช่วยกันเช็ดโต๊ะและยกเก้าอี้ลง ขวดเหล้าสาเกวางอยู่ตรงหน้า

เทศราชแนบหน้าอยู่กับเคาน์เตอร์บาร์ ดวดสาเกมาจนหน้าแดงได้ที่ แทบทรงตัวไม่อยู่ ดวงตาเหม่อลอย
ซาโต้กับมิจิ คุยกัน ชี้มาทางเทศราช ทำนองว่าเป็นอะไร ซาโต้ทำท่าอกหัก มิจิส่ายหน้า “เพื่อนเอ๊ย”
เทศราชยกสาเกกรอกปาก ดื่มจนหมดขวด
“ซาโต้ เอามาที”
ซาโต้ส่ายหน้าระอาเหลือ แต่ยังอุตส่าห์เอาสาเกมาวางให้อีกขวด
เทศราชยกมือป่ายปะจะหยิบ โดนขวดหล่นลงพื้น เทศราชลุกขึ้นจะก้มลงเก็บ เพื่อนรีบเข้ามาห้าม
“ไม่ๆๆ”
เทศราชก้มเก็บไม่ฟังเพื่อน เลยไถลลงไปกองคาพื้น ซาโต้และมิจิ ช่วยกันพยุงเทศราชขึ้น แล้วลากออกไป
“เฮ้ย อะไร พวกแกจะพาฉันไปไหน แกรู้เปล่าฉันเจออะไรมา”

ร่างเทศราชถูกยัดเข้าไปในห้องน้ำทรุดลงตรงอ่าง ฝักบัวถูกเปิดให้น้ำราดรดใส่หัวในเวลาติดๆ กัน
น้ำที่ราดรดหัวไหลโดนใบหน้าทำให้เทศราชสงบลงได้ เขานึกถึงตอนที่ตรีประดับดีดละอองน้ำใส่ที่บ้านสวนของเธอ
โดยในตอนนั้นตรีประดับเพิ่งกลับจากเก็บดอกไม้ในสวนบริเวณบ้าน ข้างตัวมีขันใบใหญ่ใส่น้ำลอยดอกพุดซ้อนอยู่ ติดๆ กันเทศราชนอนเขลงอยู่ ตาหลับลง แต่ปากถามไปเรื่อยๆ หลังได้ข่าวว่าพยสดอดมาบ้านสวน
“พยสมันมาบ้านตรีกี่ครั้งแล้ว”
“จะรู้ไปทำไม”
“มันกับตรีนี่ยังไง”
“ยังไง คืออะไร”
“เป็นสาวเป็นนาง ให้ผู้ชายเข้าบ้านบ่อยๆ มันไม่งาม”
ตรีประดับหัวเราะขัน ยกแขนตีเผียะ
“แล้วที่นอนอยู่นี่”
เทศราชกระเด้งตัวลุกขึ้น ยื่นหน้าไปกวนเล่นใกล้ๆ มองหัวจรดเท้า
“นี่มันเพื่อน เห็น...มาตั้งแต่อนุบาล ไหนเล่ามาสิ”
“ไม่มีอะไร”
“แน่นะ”
เทศราชยื่นหน้าไปจ้อง ตรีประดับหมั่นไส้ปนเขิน จุ่มมือในขันแช่ดอกพุดซ้อนพรมน้ำใส่หน้าเทศราช
“นี่แน่ะ บอกไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไรสิ”
“อะไรเนี่ย ปากแข็งแล้วยัง” เทศราชยกแขนขึ้นเช็ดบ่นบ้า “เปียกหมดแล้ว เข้าตาเลย น้ำอะไรมีพิษป่าว”
“น้ำสะอาด นี่ เข้าตาจริงเหรอ น้ำแช่ดอกไม้นะ ไม่น่ามีเศษผง ให้เราดูซิ”
เห็นเทศราชขยี้ตา ตรีประดับอดห่วงไม่ได้ เข้าไปดูใกล้ๆ
“ไม่มีนี่นา”
ห้วงเวลานั้น เทศราชมองจ้องหน้าตรีประดับเพลินตาอยู่ ตรีประดับดูเศษผงแล้วแต่ไม่มี มองสบตากับเทศราชจังๆ ต่างคนต่างอึ้งกันไป
“ไม่มีอะไรแล้ว”
“ไม่มีอะไรจริงๆ นะ”
เทศราชหมายถึงเรื่องตรีประดับกับพยส เขาถามย้ำและรอฟังคำตอบอยู่สักพัก ตรีประดับจึงรู้ว่าเทศราชหมายถึงเรื่องพยส
“ไม่มีอะไร เพื่อนกัน”
ใบหน้าตรีประดับและใบหน้าเทศราช ใกล้กันแค่คืบ ตรีประดับไม่รู้จะทำอะไรแก้เขิน จุ่มน้ำในขันดอกพุดมาพรมใส่อีกที คราวนี้กำราบให้เทศราชหยุดจ้องหน้าได้ชะงัดนัก
เทศราชก้มหน้าลอบยิ้มสุขใจ จึงไม่ทันเห็นว่าตรีประดับเองก็แอบยิ้ม และกำลังทบทวนว่าคิดกับพยสแบบเพื่อนจริงหรือไม่ ตรีประดับหันมาเจอเทศราชยิ้มมองอยู่ จึงดีดน้ำใส่หน้าอีก

ในห้องน้ำร้านซาโต้ เทศราชโดนละอองน้ำกระเซ็นใส่เต็มหน้าอกหักยับเยิน ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาเผชิญความจริง
“เพื่อนกัน ฉันสินะ”
เทศราชหัวเราะเยาะหยันให้กับคำว่า “เพื่อน”

เย็นนั้นพัดชากำลังทำงานหนักอยู่หลังร้าน
เสียงยูอิดังเข้ามาจิกหัวใช้ “มาเช็ดโต๊ะ”
พัดชาล้างชามวุ่นวายอยู่ ตะโกนตอบไป
“เดี๋ยวค่ะ ยังล้างชามไม่เสร็จเลยค่ะ”
สิ้นเสียงโครม ถังน้ำ ไม้ถูพื้น ถูกโยนมาข้างตัวพัดชา ไม้ถูพื้นฟาดโดนตัวพัดชาจนรู้สึกเจ็บ พัดชาหันไปมอง
ยูอิยืนหน้านิ่งอยู่ที่ประตู ออกคำสั่งด้วยสายตา
“ฉันยังทำงานตรงนี้ไม่เสร็จ ถ้าเสร็จแล้วฉันจะรีบไปกวาดถูค่ะ”
“ร้านจะเปิดแล้ว”
ขณะกำลังยืนงงว่าแม่บุญธรรมหมายความว่ายังไง ผ้าขี้ริ้วก็ลอยลิ่วมาใส่ใบหน้า
พัดชาดึงผ้าขี้ริ้วเปียกน้ำออก คุมแค้น กัดฟันอดทน

พัดชาเช็ดถูโต๊ะ ดูดฝุ่นพื้น ทำทุกอย่างโดยเร็ว ยูอิมองจิกมาจากเคาน์เตอร์
ยูอิเริ่มจัดโต๊ะ เอาขวดโชยุมาวางตามโต๊ะ สองคนจัดโต๊ะเตรียมเปิดร้านกันไปเงียบๆ เดฟเตรียมอาหารอยู่ในครัว
พัดชาลากเครื่องดูดฝุ่น ถอยหลังมาชนยูอิ ทำให้ขวดโชยุตกลงพื้นแตกกระจาย
“ฉันขอโทษค่ะ”
ยูอิมองนิ่ง แล้วกระชากคอพัดชากดลงที่พื้นจะให้เก็บขวดอย่างเร็วแรง
“เก็บ”
“ฉันขอโทษค่ะ ฉันขอโทษ”
ยูอิยังกดหัวพัดชาลงบังคับให้เก็บขวดโชยุ
ขวดแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่พื้นร้าน พัดชาไม่ทันระวัง มือที่ยันพื้นทรงตัวไว้ถูกเศษกระเบื้องเฉือนบาดมือ เลือดซึมออก แต่ยูอิไม่เห็น
“ซุ่มซ่าม ต้องทำโทษ”
ยูอิเงื้อถาดในมือขึ้นสุดแขน
พัดชาเงยหน้าขึ้นมาเห็นตกใจสุดขีด รีบกำมือไม่ให้เห็นเลือดไหลขึ้นกันหน้า
“โอกาซัง อย่าทำพัด ได้โปรด”
พัดชาไหว้น่าเวทนา ยูอิเงื้อมือจนสั่นจะฟาดลงอยู่รอมร่อ เดฟเดินมาจับมือยูอิไว้ได้ทัน พยักหน้าให้พัดชาออกไปก่อน
พัดชารีบลุกขึ้น กำมือแน่น ยูอิไม่ยอมยังตามมาจับตัวไว้
“โอกาซัง พัดเจ็บนะ โอ๊ย ปล่อย”
พัดชาสะบัดตัวออก ยูอิเสียหลักล้มลงกับเก้าอี้พอดีเลยไม่เจ็บมาก
“เอ่อ...โอก้าซัง”
พัดชาใจหาย เหลียวมองแว่บหนึ่ง แต่ไม่อยากอยู่ช่วย รีบเดินออกจากร้านไป
ยูอิมองตามด้วยสายตาเย็นชา

พอออกจากร้านมา ทำนบน้ำตาที่ทนกลั้นไว้ ก็ไหลทะลักออกมาอย่างหนักหน่วงรุนแรง
พัดชาดึงผ้ากันเปื้อนออกปาทิ้งที่หน้าร้าน แล้ววิ่งร้องไห้พาตัวเอาให้พ้นๆ ไปจากที่แห่งนี้

ซาโต้เงยหน้าขึ้นจากเคาน์เตอร์ ได้ยินเสียงประตูเปิด ยิ้มออก เทศราชออกมาจากด้านใน เปลี่ยนมาใส่เสื้อผ้าของซาโต้ หัวยังเปียก เหมือนคนเพิ่งอาบน้ำสระผมมา
“ยืมก่อน”
“โอเค?” มิจิถาม
“เฮ้ย เรื่องแค่นี้เล็กน้อย”
พร้อมกับว่าเทศราชหยิบกระเป๋า ทำตัวร่าเริง โบกมืออำลาเพื่อนทั้งสองออกจากร้านไป ซาโต้และมิจิมองตามอย่างรู้ทัน
ซาโต้ตะโกน “โกหก” เป็นคำญี่ปุ่นตามหลังไป

เทศราชพ้นร้านมาแล้ว แต่ยังได้ยินเสียงเพื่อนร้องด่าลอยตามหลังมา สีหน้ายิ้มร่าเริงของเขา ค่อยๆ หมองลงๆ เดินคอตกออกไป พร้อมกับดึงฮูดขึ้นสวมหัว ไม่อยากมองหน้าใครยามนี้
ระหว่างนี้พัดชาเดินก้มหน้าร้องไห้ไม่อยากให้ใครเห็น จึงไม่เห็นเทศราชที่เดินสวนมา

ทั้งคู่เดินสวนกัน โดยไม่มีใครเห็นใคร

พัดชาหลบมายืนเศร้าอยู่ใต้ต้นซากุระที่ยืนต้นโดดเด่นอย่างโดดเดี่ยวกลางโรงเรียนร้าง
 
หญิงสาววัยใสปาดน้ำตาทิ้ง แบมือซึ่งเปียกชุ่มไปทั้งน้ำตาและเลือดออกดู น้ำตาร่วงพรูออกมาอีก ซบหน้ากอดต้นซากุระร่ำไห้ ร่างทรุดลงไปกองใต้ต้นไม้ ร้องไห้สะอึกสะอื้นร่างสั่นสะท้าน

ฝ่ายตรีประดับและพยสเดินเกี่ยวแขนประสาคู่รักข้าวใหม่ปลามัน เห็นหรือมองอะไรก็สวยงามไปหมด พยสบันทึกความหวานนี้ไว้ด้วยการเซลฟี่ ตอนแรกตรีประดับเก้อเขินที่จะต้องใกล้ชิดคนรัก พยสเริ่มโอบไหล่ ตรีประดับเขินอยู่นั่น
พยสเอียงหัวติดกับตรีประดับ ใบหน้าใกล้กันแค่คืบ พยสเอียงหัวมามากกว่าเดิมตรีประดับเขินมาก เบือนหน้าออกกลายเป็นว่าพยสเอาจมูกมาชนหูตรีประดับซะงั้น
พอจะเซลฟี่ สองคนหันหน้าชนกันจมูกชนจมูก พยสกดถ่ายมือค้างไว้เคลื่อนหน้าเข้าใกล้ หมายจะจูบ
ตรีประดับตะลึงงัน ลมหายใจราดรดกัน สุดท้ายตรีประดับเบนหน้าหนีด้วยความเขินอาย พยสยิ้มอ่อนโยน อดทนรอได้

พัดชานอนหมดแรงอยู่ใต้ต้นไม้ในโรงเรียนร้าง ปาดน้ำตาหมดแล้ว เด็กสาวยกมือที่ยามนี้คราบเลือดแห้งกรังเล็กน้อย พัดชากางนิ้วออกมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เห็นกิ่งซากุระแผ่กว้างทาบขอบฟ้ายามใกล้ค่ำ ลดมือลงเพ่งมองไปยัง ดอกซากุระโดดเดี่ยวบนกิ่งหนึ่งกำลังผลิตุ่มดอก เตรียมจะบานในวันพรุ่ง
“เธอคงจะใกล้บานแล้ว...พรุ่งนี้หรือเปล่า”
พัดชาลุกขึ้น สูดลมหายใจ รวบรวมกำลังใจอีกครั้ง
“ชีวิตฉันพรุ่งนี้ต้องดีกว่าวันนี้”
พัดชามองซากุระดอกนั้นอีกครา ก่อนจะเดินออกไปอย่างมีความหวัง

ตรีประดับเดินผ่านทุ่งใบไม้สีเขียว อดมองหาไม่ได้
“ไหนว่าจะไม่มองหาใบโคลเวอร์สี่กลีบแล้วไงครับ”
“เคยมองหาทุกวัน เห็นทุ่งเขียวๆ แบบนี้ ถึงไม่เจอใบโคลเวอร์ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะมอง เหมือนได้หยุดทอดสายตา พักเรื่องเหนื่อยๆ เครียดๆ”
พยสซ้อนตัวเข้ามาจากด้านหลัง ค่อยๆ สอดมือเข้าไปกอดตรีประดับ บอกเสียงนุ่ม
“มีที่พักแล้ว โอเคมั้ย”
ครั้งนี้ตรีประดับไม่เคลื่อนตัวหนี ยอมให้กอดแต่โดยดี ทั้งคู่กอดกัน มองทอดสายตาไปยังทุ่งสีเขียวเบื้องหน้า
ดวงอาทิตย์สีส้มไล้เส้นขอบฟ้า ใกล้จะอำลาวันแห่งความสุขไปทุกขณะ ในเงาตะวันดวงโต พยสโน้มหน้าลงบรรจงจูบตรีประดับอย่างละมุนละไม

ในแสงสุดท้ายของวัน ซากุระทอดเงาพาดทับตัวเทศราช ชายหนุ่มขยับตัวเล็กน้อย แสงสีเหลืองนวลจับใบหน้าเผยให้เห็นแววตาอันเศร้าหมอง
“คุณคงมีความสุขมากนะ ตรี”
เทศราชซึมลง พยายามสะบัดความเศร้านั้นทิ้ง มองซากุระสวยสล้างอยู่บนกิ่งก้าน ดื่มด่ำกับความน่าหลงใหลอย่างโดดเดี่ยว กดชัตเตอร์ถ่าย ลำต้น กิ่ง ดอกซากุระ ระรัว เดินไปพูดกับต้นซากุระ
“ทำไมมาอยู่ตรงนี้คนเดียว ไม่มีคู่สินะ”
เทศราชถอนหายใจ มองซากุระจนฟ้ามืด

พัดชาหยุดยืนสูดลมหายใจที่หน้าร้าน ปลุกปลอบขวัญให้ตัวเองก่อนเข้าร้านไปเจอกับพ่อแม่บุญธรรมใจร้าย

พอก้าวเข้ามาในร้าน เห็นยูอิปรี่เข้ามาหาพร้อมใบหน้ายิ้มแย้ม ทำเอาพัดชาอึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง รีบค้อมหัวขอโทษ
“โอก้าซัง ฉันขอโทษ”
“ได้เวลาทำงาน”
พัดชาอึ้งไปอีก เมื่อยูอิยื่นมือมาวางลงบนหัว ทีท่าเหมือนจะลูบหัว มือข้างนั้นเลื่อนลงมาช้าๆ พลันยูอิก็กำผมยาวสลวยของพัดชาหมับเต็มมือ กำแน่นกระตุกแรงๆ
“ทีหลังอย่าออกไปเที่ยวเล่น”
“โอ๊ย ฉันเจ็บ โอก้าซังได้โปรดค่ะ ฉันขอร้อง อย่าทำฉันเลย”
เดฟเดินเข้ามา ดึงมือยูอิออกจากหัวพัดชา จนยูอิยอมปล่อยมือออก เหมือนไม่ได้โกรธขึ้งอะไรเลย เพียง ทำท่าเช็ดนิ้วเช็ดมือราวกับรังเกียจ
เดฟชำเลืองมอง จนเห็นยูอิเดินกลับไปนั่งเก็บเงินที่เคาน์เตอร์แล้ว จึงลูบไหล่พัดชาอย่างเป็นห่วง
“ทำอะไรต้องระมัดระวัง ไปกินข้าวซะ แล้วรีบมาทำงาน” เดฟบอก
พัดชาอึ้ง มองเดฟอย่างแปลกใจ ที่วันนี้ดีกับตนผิดปกติ
“ขอบคุณค่ะโอโต้ซัง”
พัดชารีบเข้าไปด้านในทันที รอดอย่างเหลือเชื่อ

สองหนุ่มสาวคนไทยนั่งปะปนลูกค้าอยู่ในร้านอาหาร มีคนวุ่นวายเข้าออก ต่อคิว รอกิน เพราะเป็นร้านดังของนาริตะ
ตรีประดับกับพยสนั่งด้วยกันตรงมุมเด่นของร้าน พยสทำตัวเป็นสุภาพบุรษเต็มที่ คอยดูแลตักอาหารให้ตรีประดับ
“ชิมจานนี้สิครับ ของขึ้นชื่อเมืองนาริตะเชียวนะ”
“แค่นี้ก็อิ่มจะแย่แล้วค่ะยส”
“อีกคำเดียว มาเถอะ ผมป้อน”
ตรีประดับเขิน แต่ยอมให้ป้อนโดยดี

เทศราชเดินมาตามถนนเล็กๆ หาอะไรรองท้องริมถนน ระหว่างนั้นเขาเปิดมือถือดูไม่มีข้อความจากตรีประดับ และข้อความที่ส่งไปก็ยังไม่ได้อ่าน เลยส่งไปใหม่ว่า Howdy?
“ไม่อ่าน”
เทศราชจำใจเก็บโทรศัพท์ของที่ซื้อมาก็กินไม่ลง ชายหนุ่มยืนเคว้งคว้างอยู่อย่างโดดเดียว ท่ามกลางผู้คนที่เดินสวนทางผ่านไปมา เทศราชดื่มกินความเศร้าอยู่อย่างนั้นนิ่งนาน

ช่วงหัวค่ำลูกค้าน้อย มีโต๊ะหนึ่งลูกค้าชายสองคนเอาแต่นั่งมองพัดชา พอไปเสิร์ฟอาหารให้พัดชามองฉงน
“ต้องการอะไรเพิ่มหรือเปล่าคะ”
“ขอเบอร์ได้ไหมครับ” คนค้าคนหนึ่งบอก
พัดชาส่ายหน้ายิ้มเชิงขอโทษ แต่ลูกค้ายังตื๊อไม่เลิก ยัดโทรศัพท์ใส่มือพัดชา อยากได้เบอร์
ยูอิมองตาขวางมาจากเคาน์เตอร์ เดฟมองจ้องมาจากครัว พัดชาคืนโทรศัพท์ให้ลูกค้าอย่างสุภาพ แล้วรีบไปทำงานต่อ พัดชาเอาจานเปล่าไปเก็บ ผ่านเคาน์เตอร์ที่ยูอินั่งอยู่
“ไว้ตัวบ้างก็ดีนะ คนจะมองว่าร้านนี้มีบริการพิเศษ”
“โอก้าซัง”
พัดชาตะลึง ไม่คิดว่ายูอิจะคิดและมองเธอไปในทางนั้นได้
“ฉันไมได้ปล่อยตัว และฉันก็ไม่ใช่คนแบบนั้น”
ยูอินั่งนิ่งไม่ใส่ใจอีก
พัดชาคุมแค้นไม่ได้คำขอโทษหรือความเข้าใจใดๆ จากแม่บุญธรรม เลี่ยงไปทำงานต่ออย่างเหนื่อยใจ

เวลาผ่านไปพัดชาวิ่งวุ่น ทั้งเสิร์ฟอาหาร เครื่องดื่ม เก็บจานชามมาล้าง ลูกค้าบางโต๊ะเริ่มเมาได้ที่ พัดชาเรียนรู้ที่จะหลบเลี่ยง ไม่ให้โดนลวนลาม ลูกค้ามือปลาหมึกยื่นมือมาเด็กสาวเบี่ยงตัวเอาถาดกันไว้
จากร้านลูกค้าแน่น จนเริ่มบางตา ลูกค้าคนสุดท้ายออกจากร้านไป พัดชาโค้งให้ก่อนจะไปเลื่อนประตูหน้าร้านปิดลง ยูอิร้องบอกให้เก็บกวาดให้เรียบร้อยส่วนตัวเองขึ้นบ้านไป
พัดชาเช็ดโต๊ะเก็บเก้าอี้เหลือตัวสุดท้ายในร้ายแล้ว เช็ดหน้าปาดเหงื่ออย่างเหนื่อยล้าหลังเสร็จ แต่จะยกเก้าอี้ก็ต้องตะลึง เมื่อมีข้าวหน้าแกงกะหรี่วางลงบนโต๊ะที่กำลังเช็ด พัดชาเงยหน้าขึ้น
“กินซะ”
พัดชายังอึ้งๆ อยู่ เดฟดันไหล่ให้เด็กสาวนั่งลงกินข้าว พัดชารีบตักข้าวเข้าปากเพราะหิวโซ
ระหว่างนั้นเดฟมองสำรวจเรือนร่างพัดชา
“พัดจังดูซูบๆ ผอมไปหน่อย ฉันไม่ชอบ”
พัดชาตกใจหันมามองหน้าพ่อบุญธรรมฝรั่ง เห็นสีหน้าเดฟเรียบเฉยไม่ได้บ่งบอกว่ากำลังคิดอะไร
“กินเยอะๆ นะ”
เดฟเข้าด้านในได้ยินเสียงขึ้นบันไดไป
พัดชาถอนหายใจโล่งอก ที่ไม่มีอะไรร้ายๆ เกิดขึ้นกับชีวิต ถือเป็นเรื่องดีๆ อีกหนึ่งวัน ทานข้าวต่ออย่างสบายใจ

ภายในห้องโถงแมนชั่นของตรีประดับ อาหารวางเต็มโต๊ะ มีไวน์ สาเก หรือเหล้าบ๊วยพร้อมฉลองวางอยู่
เสียงตรีประดับดังเข้ามา “อิ่มจังเลยนะคะยส”
“จับพุงผมสิ อืดมาก”
“ว้าย ยสล่ะก็ เอามือตรีมานะ ว้าย ไม่จับ”
ตรีประดับกับพยสเปิดประตูเข้ามาสองคนแทบจะกอดกัน มองไปเห็นอาหารบนโต๊ะถึงกับอึ้ง
เทศราชหมุนตัวออกมาจากแพนทรีเตรียมอาหาร เห็นภาพตรีประดับกับพยสแทบจะกอดกัน หน้าชาไปชั่วขณะ
ตรีประดับเขิน หัวใจกระตุกแปลกๆ แกะมือพยสออกจากตัว เคลื่อนออกจากอ้อมแขนของพยส
“เทศ หายไปไหนมา”
เทศราชรีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มกว้างร่าเริงเวอร์ๆ กลบเกลื่อนความช้ำ
“กินข้าวกันมารึยัง”
“เราสองคน”
ตรีประดับแย่งถาม “แล้วเทศหายไปไหนมา ไลน์ไปก็ไม่ตอบ”
“ผมตอบแล้ว ตรีต่างหากไม่ได้อ่านไลน์ผม”
ตรีประดับหน้าเจื่อนไป พยสอยู่ในภาวะอึดอัด เทศราชรีบคลี่คลายบรรยากาศห่วงความรู้สึกตรีประดับ
“ช่างเถอะ ผมไปเที่ยวตลาดมา ได้ของสดมาทำกับข้าวรอน่ะ เออ เมื่อกี๊ได้ยินไม่ถนัด ทานอะไรกันมาหรือยังนะ”
“เอ้อ...แค่รองท้องน่ะ ยังได้อีก”
พร้อมกับว่าตรีประดับนั่งลงเอาใจ พยสอึ้ง ตรีประดับแอบดึงมือพยสให้นั่งลงด้วย เทศราชยิ้มกว้างร่าเริงสุดๆ
“เอาล่ะ จะฉลองด้วยไวน์ สาเก เหล้าบ๊วย หรือน้ำเปล่า....ว่ามา”
ตรีประดับเขินปนตกใจ “เทศ”
พยสอึ้ง “นาย”
“ไม่ต้องเขินหรอกน่า ฉันรู้แล้ว”
ตรีประดับเขินจริงจัง พยสมองเทศราชอ่านความคิดแต่ไม่แน่ใจ เทศราชรินเหล้าดื่มกินอย่างร่าเริง ไม่มีวี่แววคนช้ำ
“ดูหน้าตรีสิ ไม่เคยเห็นเป็นอย่างนี้มาก่อน นายก็เหมือนกันพยส สีหน้านายเหมือน เหมือนผู้ชนะ ชนะทุกอย่างในโลก โดยเฉพาะ ชนะใจตรี
เทศราชแจกเครื่องดื่ม เพื่อนสองคนยังพูดไม่ออก
“ไม่ได้คิดเอง ก็จำๆ มาจากหนังสือที่ตรีแปล เอ้า ไม่ต้องอึ้ง ยินดีด้วยเพื่อน”
เทศราชชนแก้ว ตรีประดับยิ้มออก

พยสผ่อนคลายลง เมื่อเห็นเทศราชดูไม่คิดจะกวนตีน หรือขวางลำอะไรใดๆ

บนดาดฟ้าแมนชั่นที่พักของตรีประดับ แลเห็นวิวอันงดงามของเมืองนาริตะยามค่ำคืน

ทั้งสามคนอยู่บนนั้นมีแก้วไวน์ในมือคนละใบ กินดื่มคุยกันเบาๆ เทศราชจิบเครื่องดื่มทอดสายตาออกไปไกล
“กี่ปีแล้วนะ”
พยสงุนงงทวนถาม “กี่ปี”
“ที่นายชอบตรี”
ตรีประดับแอบเขิน สบตากับพยส
“อย่านับเลย จะนานแค่ไหนไม่สำคัญหรอก เพราะเวลาที่เหลือจากนี้ของฉัน ก็จะมีแค่ตรี”
“โฮ้ย นี่มันประโยคสารภาพ หรือขอแต่งงานมั้ย”
“ฉันยังไม่ทัน...” พยสจะบอกว่า ยังไม่ทันได้พูดขอ
เทศราชสวนออกมา “อ้าว จะรออะไร ปล่อยไว้นาน สุกคาต้น กระรอกมาสอยไปกินก่อนนะ”
ตรีประดับหมั่นไส้ “นายเทศ ฉันไม่ใช่มะม่วง เป็นซะอย่างนี้ พูดเล่นอยู่เรื่อย”
เทศราชวางท่าขึงขังจริงจัง “แล้วตรีอยากแต่งงานเมื่อไหร่ ไม่สิ อยากแต่งงานแบบไหน”
พยสรอคำตอบอยู่เช่นกัน
“ตรีไม่อยากได้อะไรมาก ขอให้คนที่ตรีรักอยู่พร้อมหน้า อยู่เพื่อให้ตรีอุ่นใจ อยู่เพื่อให้เห็นความรักของตรี ตรีอยากให้คนที่รักตรีมีความสุขไปพร้อมๆ กับตรี”
“โอเค เอาการ์ดมาเลย ไปแน่”
“ตรีไม่แจกการ์ดเทศหรอก เพราะเทศต้องไปอยู่แล้ว ใช่ไหม”
เทศราชยิ้มขื่น อารมณ์นี้ไม่ไปแน่นอน
“เทศราช ก่อนจะถึงวันนั้น ฉันอยากให้นายช่วยอะไรอีกอย่างนึง”
เทศราชรอฟัง

อีกฟากพัดชากำลังจะเข้านอน มีเสียงไลน์เข้าดังขึ้น พัดชาคว้ามือถือมากดเปิดอ่าน ดวงตาเบิกโตด้วยความดีใจ เขินและมีความสุขแทน
“คุณตรีประดับ”
พัดชาพิมพ์กดตอบไป
“พรุ่งนี้พบกันค่ะ”

รุ่งเช้า ตรีประดับยืนคุยอยู่กับเทศราช ในบรรยากาศขรึมขลัง สงบ และงดงามของศาลเจ้าคาโตริ
“เทศ ขอบใจนะที่ยอมถ่ายรูปให้เรา”
“เราไม่เคยถ่ายแนวพรีเวดดิ้งมาก่อนนะ ไม่รู้จะดีหรือเปล่า”
“ตรีเชื่อมือเทศ”
“ฝีมือน่ะเชื่อได้ แต่อย่าเชื่อใจนักล่ะ”
“บ้า พูดอะไร เธอถ่ายสวยอยู่แล้ว”
พยสเดินเข้ามาจากอีกมุม เขาตะลึงความสวยของตรีประดับและขัดเขินชุดตัวเอง
ตรีประดับหันไปสนใจพยส จนทำให้เทศราชรู้สึกไม่มีตัวตน
“ผมโอเคมั้ย”
“หล่อมากค่ะ” ตรีประดับจัดเสื้อผ้าให้พยส “ไม่เคยเห็นคุณแบบนี้เลย ดูดีเหมือนกันนะ”
“ตรีก็...โอย ผมตาลายไหมหมดแล้ว มองไม่เห็นอะไรเลย”
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ไม่สบายเหรอ เวียนหัวไหม ไหนตรีดูตาหน่อยค่ะ”
ตรีประดับเข้าไปใกล้ พยสยิ้มกริ่ม สบตาซึ้งๆ
“ผมมองไม่เห็นอะไรอื่น นอกจากคุณ”
เทศราชกระแอมกรไอกวนๆ “จะถ่ายได้หรือยัง”
พยสกับตรีประดับเขินนิดๆ กำลังจะตามเทศราชไปมีเสียงเรียกของพัดชา
“เดี๋ยวค่ะ คุณตรี คุณพยส”
พัดชารีบวิ่งเข้ามาสมทบ
“พัดขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ”
ตรีประดับและพยสยิ้มเอ็นดูเด็กสาวคนนี้มาก
“ขอบใจนะจ๊ะ พรุ่งนี้พี่กับคุณยส นายเทศ จะกลับแล้ว วันนี้ก็เลยอยากพบน้องพัดชาก่อนกลับ”
“ถ้าอย่างนั้น วันนี้พัดดูแลคุณตรีกับคุณพยสได้ทั้งวันเลยค่ะ พัดขอพ่อกับแม่มาแล้ว”
“ได้น้องพัดช่วย รูปแต่งงานของเราสองคนต้องออกมาดีแน่ๆ” พยสว่า
“งั้นก็รีบถ่าย” เสียงตอนท้ายของเทศราชเบาลง เหมือนบอกกับตัวเอง “จะได้จบๆ”
พัดชาดูแลหน้าผมทำหน้าที่สไตลิสต์ไปด้วย ตรีประดับกับพยสยืนเคียงกันในจุดที่เทศราชกำหนด สองโพสท่าคู่กันไปเรื่อยๆ เทศราชกดชัตเตอร์ระรัว พยสคอยโอบประคอง พัดชามองทั้งสองคนอย่างชื่นชม ปลาบปลื้มแทนตรีประดับ
บางจังหวะตรีประดับมีท่าทีขัดเขิน เทศราชเดินเข้ามาจัดท่า พยสมองเทศราชแล้วคลายกังวลใจ
เพราะเทศราชตั้งใจถ่ายรูปมาก และดูเหมือนจะมีความสุขดี
นอกจากภาพสวยหวานเป็นทางการ เทศราชยังแอบกดชัตเตอร์ตรีประดับในจังหวะเผลอไว้อีกด้วย

สามคนยืนอยู่ที่อ่างล้างมือก่อนขึ้นศาลเจ้า
พัดชาสาธิตวิธีการล้างมือและล้างปาก อธิบายก่อนขึ้นศาลเจ้า พยสและตรีประดับทำตามอย่างถูกต้อง
“ตรงนี้” เธอชี้ที่อ่างน้ำสี่เหลี่ยมยาวหน้าทางขึ้นเป็นที่ล้างมือบ้วนปาก “ก็เสมือนว่า เราได้ชำระร่างกายและจิตใจให้สะอาด เตรียมตัวเราให้สำรวมก่อนเข้าวัดค่ะ”
เทศราชหามุมคอยเก็บภาพเพื่อนทั้งสองในโมเมนต์ดีๆ นี้ไว้ตลอดเวลา แม้มันจะกรีดเฉือนบาดหัวใจให้เจ็บปวดเพียงใดก็ตาม

ว่าที่บ่าวสาวเดินเคียงคู่กันไปตามทางในศาลเจ้าภายใต้ร่มเงาต้นซากุระที่ออกดอกบานสะพรั่ง พัดชาเดินตามห่างออกมาระยะหนึ่ง
เทศราชถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ปล่อยให้ตรีประดับกับพยสเดินกันตามสบาย ในมุมที่เทศราชกดชัตเตอร์ถ่ายภาพ เผอิญมีพัดชาติดในเฟรม เทศราชซูมดูที่รูปแล้วต้องชะงัก
ในรูปนั้นพัดชามองพยสและตรีประดับด้วยสายตาเรียบเฉยแปลกๆ คล้ายจะชื่นชมความรักของตรีประดับแต่ก็เหมือนอิจฉาอยู่ในที
เทศราชเห็นสายตานั้นแล้วเอะใจ ลดกล้องลงมองหน้าพัดชาโดยที่ไม่มีใครเห็น
เพียงพริบตาเดียวพัดชาก็หันมายิ้มสดใสบริสุทธิ์ใจให้ ตรีประดับยิ้มตอบ พัดชารีบเข้าไปดูแลซับหน้า จัดชุดจับผมให้

พยสและตรีประดับอยู่หน้าที่ขอพรในศาลเจ้า ทั้งคู่โยนเหรียญแล้วไหว้ขอพร ภาพออกมาสวยงามสมใจเทศราช พยสและตรีประดับต่างดื่มด่ำในช่วงเวลาแห่งความสุข
เทศราชถ่ายรูปไป กล้ำกลืนฝืนยิ้ม ส่วนพัดชาลอบมองความรัก ความสุขตรงหน้า ฝันอยากมีอย่างนี้บ้าง

พยสและตรีประดับเลือกเครื่องรางความรักกันอยู่ ตามคำแนะของพัดชาที่ช่วยแปลและช่วยเลือกให้
“เครื่องรางความรักค่ะ มีสองสีด้วย ที่อื่นอาจจะไม่มีแบบที่ศาลเจ้าคาโตรินะคะ
“งั้นชิ้นนี้ ผมให้ตรีเก็บไว้ ส่วนชิ้นนี้ ผมเก็บไว้”
พยสเลือกเครื่องรางความรักสีฟ้าให้ตัวเอง และหยิบสีชมพูให้ตรีประดับ
ตรีประดับหันมามองเทศราชที่ยืนเก็บภาพอยู่อีกมุม “เทศ อยากได้สักอันไหม เผื่อจะเจอความรักกับเขาบ้าง”
“ฉันคงต้องเหมาที่ขายทั้งศาลเจ้า ถ้ามันจะเป็นจริง”
เทศราชมองตรีประดับมีความสุขกับพยสแล้วเลี่ยงไป ทำเป็นถ่ายรูปให้
“น้องพัดล่ะคะ อยากได้อันไหนพี่จะซื้อให้”
“ไม่เป็นไรค่ะ พัดมีแล้ว”
พัดชามองหน้าพยสแว่บหนึ่ง แล้วเดินห่างออกมา ปล่อยให้ตรีประดับกับพยสเลือกใบดูดวงกันต่อ

ถัดมาพัดชาชี้ให้พยสและตรีประดับดูที่ผูกกระดาษใบดูดวง พยสเอ่ยขึ้น
“จริงๆ แล้วไม่ว่าคำทำนายจะออกมาแบบไหน ชีวิตผมตอนนี้ก็มีความสุขที่สุดแล้ว”
“เอาไปมัดไว้ตรงนั้นเลยค่ะ ฝากไว้กับวัด”
ตรีประดับถามย้ำอีกครั้ง “น้องพัดชาแน่ใจนะคะว่าไม่อยากได้เครื่องรางอะไร”
“แน่ใจค่ะ พัดได้มาแล้ว คิดว่าดีที่สุดแล้วค่ะ”
ตรีประดับและพยสเดินไปผูกดวง
พัดชาล้วงกระเป๋า หยิบสร้อยห้อยจี้รูปใบโคลเวอร์ที่พยสให้ มากำไว้ในมืออย่างอบอุ่นใจ

พยสและตรีประดับชื่นชมความงามอีกมุมของศาลเจ้าอยู่สองคน พยสใช้มือปัดเกลี่ยผมตรีประดับให้เข้าที่ เทศราชได้ภาพสุดสวีทของเพื่อนอีกช็อต เขากดดูภาพ เศร้าลึกๆ แต่ไม่ยอมให้ใครเห็น
พัดชายิ้มระรื่นเข้ามาสมทบ
“หิวหรือยังคะ พัดจะพาทุกคนไปปิกนิกโรแมนติกกลางทุ่ง”

ทั้งคู่เดินเข้ามาที่สถานีรถไฟปิกนิก ตอนแรกยังงงๆ เพราะเป็นสถานีท้องถิ่น แต่แล้วทุกคนต้องตะลึง ซากุระบานสะพรั่งตลอดสองข้างทางรถไฟสายอิสุมิ
“แบบนี้โรแมนติกพอไหมคะ”
ตรีประดับชื่นชมความงามของซากุระอยู่ เทศราชตามไปถ่ายรูปตรีประดับ
พยสชื่นชมพัดชาอย่างจริงใจ พัดชาเก็บเอาไปเคลิ้มฝัน
“ผมรู้แล้วว่าทำไมน้องพัดชาไม่ต้องการเครื่องราง ที่จริง น้องพัดเป็นเครื่องรางนำโชค นำความสุขให้ทุกคนเลยนะ”
“คุณพยสก็พูดเกินไปค่ะ พัดไม่ได้มีความหมายขนาดนั้นหรอกค่ะ”
“อย่าดูถูกตัวเอง คนเรามีค่าเสมอ แม้คนอื่นจะไม่รู้ แต่ตัวเองต้องรู้ ถ้าน้องพัดรู้จักและเข้าใจคุณค่าตัวเอง ก็เท่ากับน้องพัดมีความมั่นใจอยู่ในมือ จะทำอะไรก็สำเร็จ”
“ขอบคุณค่ะ พัดจะจำไว้”

พยสหันไปเห็นเทศราชเก็บภาพตรีประดับทีเผลอบ่อยๆ มองอย่างขัดตาพลางเดินเข้าไปหา

การถ่ายภาพพรีเว้ดดิ้งอินนาริตะ เจแปน เสร็จสิ้นลงแล้ว พยสและเทศราชคุยกันอยู่สองคน

“คงไม่มีอะไรจะให้ฉันช่วยอีกแล้วนะ”
“ขอบใจนายมาก”
พยสยื่นมือให้จับวัดใจ เทศราชมอง ยื่นมือมาจับตอบ
สองหนุ่มจับมือกันอย่างลูกผู้ชาย ฉากหลังเป็นทิวซากุระแห่งอิสุมิ แสนงามงด
“ขอบใจที่หลีกทาง นายเป็นผู้แพ้ที่มีน้ำใจนักกีฬา”
“ฉันไม่ได้แข่งกับนาย และไม่ได้ทำเพื่อนาย ทั้งหมดนี่ เพื่อตรีประดับ”
สีหน้าพยสเปลี่ยนไปชัดแจ้ง มือที่จับกันแน่นขึ้น จนเหมือนบีบแน่น สองหนุ่มมองหน้าสบตากันจังๆ
ตรีประดับหันมาเจอมองอยู่ ว่าทั้งคู่ทำอะไรกัน และเดินเข้ามา วางมือลงบนมือพยสและเทศราชที่จับมือกันอยู่
“อะไรกันคะ”
“ลูกผู้ชาย แสดงความยินดีกัน” เทศราชว่า
“แล้วผมก็ขอบใจนายเทศ ที่ถ่ายรูปแต่งงานให้เราสองคน ที่สำคัญ นายเทศจะเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้ผมด้วย”
เทศราชยิ้มรับที่ถูกมัดมือชก ณ จุดนี้ พยสคงหมายจะย่ำยีกันให้ถึงตาย
ตรีประดับยิ้มชื่น “ดีจัง...เป็นข่าวดีที่สุด ตรีดีใจมากเลยเทศ”
พัดชายืนรออยู่มุมหนึ่งมองมา ตรีประดับกวักมือเรียก เด็กสาวเดินมาหา
“ถ้าเป็นไปได้ พี่อยากให้น้องพัดชาไปร่วมงานแต่งงานพี่ด้วยค่ะ เป็นเพื่อนเจ้าสาวมั้ย”
พัดชายิ้มกว้างดีใจมาก “คุณตรีให้เกียรติพัดเกินไปแล้ว แต่ก็ขอบคุณนะคะ”
พยสปล่อยมือเทศราช โอบประคองตรีประดับออกไปพาเดินชมซากุระ เทศราช คลายมือออก เพราะโดนพยสบีบอย่างแรง
“คุณเทศ ถ่ายอีกไหมคะ มุมนั้นสวยนะคะ จริงๆ น่าจะถ่ายวิดีโอด้วย กล้องนี้ถ่ายได้ไหมคะ”
ตรีประดับและพยสได้ยินพอดี ทั้งคู่มองรอคำตอบ
“จัดให้”
จากนั้นเทศราชก็เลือกมุมภาพถ่ายวิดีโอไว้ใช้ในงานแต่ง

จากนั้นทั้งสี่คนพากันมานั่งปิกนิกกันในลานของสวยสวน บรรยากาศร่มรื่น เต็มไปด้วยดอกไม้ผลิบาน
เทศราชเห็นพยสและตรีประดับผลัดกันป้อนข้าว รู้สึกอิ่มจนกินไม่ลง เดินออกไป 2-3 ก้าว ทำทีเป็นเล็งแลถ่ายเก็บภาพดอกไม้ในท้องทุ่งเบื้องหน้า
“พรุ่งนี้คุณตรีจะกลับแล้ว เสียดายจังเลยนะคะ” พัดชาว่า
“ต้องกลับไปสู่โลกแห่งความเป็นจริงแล้วค่ะ ทำงานหน้ามืด”
“กลับไปผมจะรีบจัดการเรื่องผู้ใหญ่นะครับ” พยสบอก
“ไม่ต้องรีบก็ได้ค่ะ ใจเย็นๆ” ตรีประดับหันมาทางเทศราช “เทศล่ะ จะส่งรูปให้เราดูได้เมื่อไหร่”
เทศราชยืนอยู่ห่างออกย้อนมาว่า “ไม่ต้องรีบ ใจเย็นๆ”
“เห็นนายตั้งใจถ่าย ตรีกับชั้นก็อยากดูน่ะ” พยสบอก
“จะแต่งวันพรุ่งนี้เรอะ เอาน่า เสร็จเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ทันงานแน่นอน” ช่างภาพติสต์ตัวพ่อว่า
“พัดไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ไปร่วมงานคุณตรีกับคุณพยสหรือเปล่า ยังไงขอแสดงความยินดีล่วงหน้านะคะ พัดเองก็ไม่มีของขวัญจะให้ นอกจาก...”
ทุกคนมองพัดชาเป็นตาเดียว

กลีบดอกซากุระที่เพิ่งผลิบาน เบ่งบานเต็มที่ กลีบซากุระเริงระบำในสายลม เสียงพัดชาอำนวยพรคู่รักข้าวใหม่ดังขึ้น
“พัดขอให้ซากุระต้นนี้ เป็นตัวแทนอวยพรคุณตรีและคุณยส ขอให้มีความสุขกับชีวิตคู่ที่กำลังจะเริ่มต้น”
ทั้งหมดยืนตะลึงดูซากุระยืนต้นโดดเดี่ยวอยู่อย่างโดดเด่นต้นที่พัดชาพามาดูนี้
ตรีประดับมองพัดชาอย่างซาบซึ้งใจและประทับใจมากๆ ในทุกอย่างที่อีกฝ่ายทำให้
พัดชายิ้มชื่นมองตรีประดับ รวมถึงชื่นชมความรักและคนรักของตรีประดับด้วย
“พัดอ่านหนังสือของคุณตรี ทำให้พัดมีกำลังใจ คุณตรีทำให้พัดอยากเขียนหนังสือ อยากแปลหนังสือ ในชีวิตพัดไม่เคยคิดว่าจะได้เจอคนต้นแบบของตัวเอง แต่เมื่อได้พบกันแล้ว พัดก็อยากทำอะไรตอบแทน ในฐานะที่เป็นแรงบันดาลใจให้พัด พัดขออวยพรให้การเริ่มต้นชีวิตคู่ของคุณตรีประดับกับคุณพยส งดงามและอ่อนโยนเช่นเดียวกับซากุระฤดูใบไม้ผลินะคะ”
“ขอบใจมากนะจ๊ะน้องพัด ขอบใจมาก”
ตรีประดับดึงร่างพัดชาเข้ามาสวมกอด เป็นอ้อมกอดที่แสนจริงใจ เต็มไปด้วยความปรารถนาดีแก่กัน
“เทศถ่ายรูปน้องพัดกับเราหน่อยได้ไหม”
เทศราชพยักหน้า กำลังจะกดชัตเตอร์ถ่าย แต่ตรีประดับดึงพยสให้มาถ่ายด้วยกัน เทศราชกดชัตเตอร์ ภาพคู่รักตรีประดับพยสที่มีพัดชายืนยิ้มอยู่ด้วย
จากนั้นตรีประดับกับพยสเดินออกไปสวีทกันกระหนุงกระหนิง มุ้งมิ้งอยู่มุมหนึ่ง
เทศราชนั่งเช็ครูปถ่ายจากกล้องอยู่ที่ชิงช้า พัดชาตามมานั่งข้างๆ เพราะไม่อยากรบกวนคู่รัก
“คุณตรีประดับกับคุณพยสเหมาะสมกันเหลือเกินนะคะ”
เทศราชหันไปมองแว่บหนึ่ง หัวเราะขมขื่นในอกกลัดหนอง
“น้องพัดเชื่อเรื่องบุพเพสันนิวาส ความรักโรแมนติกอะไรแบบนั้นด้วยเหรอ”
“แต่ก่อนพัดอาจจะไม่เชื่อ แต่พอเห็นคู่ของคุณตรีกับคุณพยส พัดเชื่อค่ะว่าในชีวิตเรา มีความรักแท้รอเราอยู่ และพัดก็รอวันที่จะได้พบกับความรัก แล้วคุณเทศราชล่ะคะ เชื่อมั้ย”
เทศราชมองรูปตรีประดับเดี่ยวในกล้องตัวเอง รอตรีประดับมานานและก็ไม่กล้าบอกจนเสียตรีประดับไปในที่สุด
“รอ...ความรักน่ะเหรอ ไม่รู้สิ อาจจะไม่เชื่อแล้วมั้ง” เทศราชหันไปมองตรีประดับและพยส “ไม่รู้ว่าควรจะรอต่อไปอีกมั้ย”
พัดชาหันมอง เอะใจในน้ำเสียงแสนเศร้านั้น
เทศราชยกกล้องขึ้นถ่ายรูปเสียก่อน ปิดบังใบหน้าและแววตาปวดร้าว
ในเลนส์กล้อง โฟกัสภาพพยสกำลังจะจูบตรีประดับพอดี จากนั้นจอภาพก็ดำมืดไปทันที

เทศราชเปิดกล้อง พบว่าแบตหมดเลยเปลี่ยนแบตใหม่ เมื่อเปิดดูพบภาพที่ถ่ายค้างไว้รูปสุดท้าย คือพยสจูบตรีประดับอยู่ใต้ต้นซากุระ องค์ประกอบภาพทั้งปวงสวยงามโรแมนติกหนักมาก เทศราชทนมองไม่ได้ เลือกปุ่มจัดการภาพ ลบทิ้ง หรือ แคนเซิล
เทศราชมองภาพ ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะลบหรือไม่ลบ
นิ้วเทศราชจิ้มลงไปที่กล้อง ไม่รู้ว่าเขาจะลบหรือแคนเซิล

คืนนั้นพัดชาอ่านงานแปลของตรีประดับอย่างดื่มด่ำ
“ฮารุมิ ไม่ใช่เธอคนเดียวหรอกที่รอความโชคดีและความรัก”
พัดชาหยิบสร้อยห้อยจี้ใบโคลเวอร์ที่ได้จากพยสมาดู อมยิ้ม
มีเสียงกุกกักจากด้านนอก พัดชารีบดับโคมไฟแล้วล้มตัวลงนอน ก่อนหลับตามีชำเลืองไปทางประตูเล็กน้อย ก่อนหลับตาลง
พัดชากุมสร้อยโคลเวอร์ ผล็อยหลับไป

ท่ามกลางแสงแดดอ่อนอุ่นนั้น ผีเสื้อบินวน ซากุระเริงระบำ พัดชาในชุดไมโกะ เดินเล่นสายตามองหาใบโคลเวอร์สี่แฉก
พัดชาเดินมองหาไปเรื่อยๆ จนเห็นกลุ่มต้นโคลเวอร์ เธอรวบกิโมโนย่อตัวลงประคองใบโคลเวอร์ดูว่ามีสี่แฉกหรือไม่
จู่ๆ มีมือชายคนหนึ่งยื่นเข้ามา พร้อมกับใบโคลเวอร์สี่แฉก
ชายหนุ่มคนนั้นร้องเรียกเธอว่า “ฮารุมิ” น้ำเสียงนุ่มนวล
“ไม่ใช่ค่ะ ฉัน พัดชา”
พัดชายิ้มชื่น ตื่นเต้นที่เห็นใบโคลเวอร์ ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน มองใบโคลเวอร์นิ่ง และมองหน้าชายหนุ่มตาเป็นประกาย
“พัดชา...ฉันให้เธอ...โคลเวอร์สี่กลีบ กลีบแรกหมายถึง ความหวัง กลีบที่สอง หมายถึง ความศรัทธา”
พัดชาพูดต่อว่า “กลีบที่สาม หมายถึง ความรัก กลีบที่สี่หมายถึง ความโชคดี”
ชายหนุ่มจับมือพัดชาวางใบโคลเวอร์ลงในมือ
“คุณกำลังมองหาความหวัง ความศรัทธา ความรัก หรือความโชคดีล่ะครับ”
พัดชามองใบโคลเวอร์ในมือ น้ำตารื้น ชื่นใจ มือชายหนุ่มประคองมือพัดชาไว้ สายลมอ่อนๆ พัดมา กลีบดอกไม้ปลิวอวลราวความฝัน

พัดชานอนหลับตาพริ้มยิ้มบางๆ มือยังกุมสร้อยจี้ใบโคลเวอร์ ขยับตัวจะดึงผ้าห่มขึ้น ตาปรือขึ้นเล็กน้อย มือเด็กสาวจับสร้อยแน่นขึ้นๆๆ ก่อนจะลืมตาตื่นจากฝันดีแสนหวานในชีวิต
พัดชาต้องตกใจเมื่อมองไป เห็นประตูห้องถูกเปิดออกตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ มืออันใหญ่โตหยาบกร้านของชายฝรั่งสูงวัย เลื่อนประตูนั้นปิดลงช้าๆ
สีหน้าพัดชาตื่นตระหนกดวงตาเบิกโพลง ขยับตัวจะลุกหนี แต่ถูกเดฟกระชากร่างให้นอนลงอย่างเดิม
อนิจจา...เด็กสาวตื่นจากฝันหวาน ต้องมาเจอฝันร้ายที่กลายเป็นตราบาปไปตลอดชีวิต

เช้าวันต่อมา สองคนมาถึงสนามบินนาริตะสักพักแล้ว ใกล้เวลาเช็คอิน พยสเหลียวมองหาเทศราชจนทั่วแต่ไม่เจอ ดูนาฬิกาก็แล้ว ยังไม่เห็นวี่แวว
“เทศราชนี่ยังไง บอกให้เรามาสนามบินก่อน แล้วนี่จะเช็คอินแล้ว”
ตรีประดับเอะใจ รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นกดดูที่หน้าจอมีข้อความไลน์จากเทศราชส่งมาหา 3 ข้อความ
“ตรีเดินทางปลอดภัยนะ”
“เราขอให้ตรีมีความสุข”
“เรากลับไปด้วยไม่ได้จริงๆ”
พยสเห็นตรีประดับอ่านไลน์แล้วนิ่งไป อดถามไม่ได้
“เทศราชหรือเปล่า มันว่ายังไง”
“เทศเขาบอกยังถ่ายงานไม่เสร็จค่ะ ยังมีรูปประกอบหนังสือของตรีที่ต้องถ่ายต่ออีก”
“เฮอะ แล้วก็ไม่บอก มันก็อย่างนี้ เห็นอะไรเป็นเรื่องง่ายๆ จะมาจะไป เปลี่ยนตลอด” พยสหงุดหงิด
“ยสคะ ไม่เป็นไรหรอก เรากลับบ้านกันเถอะ”
พยสอ่อนลง เลิกหัวเสีย จับมือตรีประดับเดินเข้าไปเช็คอินตรงช่องเฟิร์สคลาส
ตรีประดับอดไม่ได้มองข้อความของเทศราช รู้สึกแปลกๆ

อีกฟากเทศราชมองมือถือนิ่ง พบว่าข้อความทั้งหมดที่ส่งไปให้ตรีประดับ ถูกอ่านหมดแล้ว
เวลาเคลื่อนคล้อยไปอีกสักครู่หนึ่ง เทศราชยืนมองเครื่องบินที่กำลังลอยลำขึ้นผ่านแนวซากุระในสวน ด้วยสีหน้าหมองเศร้าชัดแจ้ง

โดยไม่ต้องปิดบังความชอกช้ำใจกับใครอีกแล้ว

อ่านต่อตอนที่ 4
ระบำไฟ ตอนที่ 1
ระบำไฟ ตอนที่ 1
กลีบดอกซากุระหลุดจากขั้ว ร่วงหล่นปลิวไหวตามแรงลมที่พัดโหมมารอรับ เกลียวลมหมุนวนนำพากลีบซากุระสีชมพูสวยเริงระบำไปในอากาศ กลีบแล้วกลีบเล่า บริเวณลานกว้างกลางสวนญี่ปุ่นแห่งนี้ บรรยากาศร่มรื่น ดอกไม้บานสะพรั่ง ลมพัดมาอ่อนๆ พากลีบดอกไม้ลอยปลิวเป็นระลอก คอยต้อนรับบรรดานักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่แวะมาเยือนโดยไม่รู้เหนื่อย บนศาลาพักร้อนในสวนสวย มีหญิงสาวคนหนึ่งละเลียดสายตาอ่านหนังสืออยู่ หน้าปกเป็นภาษาญี่ปุ่น ชื่อเรื่องแปลไทยได้ว่า “ระบำแห่งความรัก” หนังสือที่ยกสูงบังใบหน้าค่อยๆ ลดลงมา เผยให้เห็นว่าเป็น “ตรีประดับ” นักแปลนิยายสาวสวยของแวดวงวรรณกรรม ตรีประดับ เงยหน้าจากหนังสือ เห็นกลีบซากุระลอยลิ่วตามแรงลมปลิวมาตรงหน้า
กำลังโหลดความคิดเห็น