แม่นาก ตอนที่ 9
มุมกินเหล้าของ เพลิง เก่ง หมึก
เพลิงนั่งนิ่ง สีหน้าเครียด เหมือนรออะไรบางอย่าง พิมวิ่งเข้ามา
"พี่เพลิง มาทำอะไรอยู่ตรงนี้"
"ยุ่ง จะไปไหนก็ไปไป๊"
พิมชะงัก สีหน้าแปลกใจมาก เดินเข้ามาใกล้ๆเพลิง แล้วสูดกลิ่นแรงๆ
"นี่ไม่ได้เมาหรอกหรือ"
"เอ๊ะ เอ็งนี่อะไรนักหนา หาเรื่องอยู่ได้ ไปให้พ้นไป๊"
พิมแปลกใจมาก
"แล้วนี่พี่ตื่นมาแต่เช้าทำไม ทุกทีตื่นไม่เกือบเพลก็เกือบเย็น วันนี้เกิดอะไรขึ้น มันน่าสงสัย"
พิมจ้องหน้าจับผิด
อีกทางหนึ่ง หมึกกับเก่ง เดินมาอย่างมีพิรุธ พอเห็นพิม เก่งกับหมึกชะงัก นิ่งเงียบ
พิมแอบปรายตามองอย่างสังเกต รู้ว่า มีความลับ
"ไปก็ได้ ฉันแค่จะมาเรียกไปกินข้าวเช้า ไปละ"
พิมไป เพลิงมองตามพิมจนลับตา หันไปหาเก่งกับหมึก
"เรียบร้อยมั๊ยวะ "
เก่งบอก
"เรียบร้อยสิพี่ มือชั้นนี้แล้ว เรื่องชั่วๆ ฉันถนัดนักแล"
"ไอ้สองคนนี่มันมาจากต่างถิ่น ไม่รู้เรื่องแม่นากพระโขนงหรอก" หมึกว่า
เพลิงหัวเราะ
"งั้นไอ้มากมึงเสร็จกู ครานี้ กูยิงนกทีเดียวได้มันทั้งครอบครัว หมดเสี้ยนหนามกันละคราวนี้"
เพลิงหัวเราะร่า
พิมเดินวนไปเวียนมา กัดเล็บแบบเครียดมาก
"เอายังไงดี เอาไงดี ต้องส่งข่าวให้พี่มากรู้ ไม่งั้นพี่เพลิงจะยิ่งบาปหนักเข้าไปใหญ่"
ปุกกับพวงจะนทร์ เดินคุยกันมาตามทาง เห็นพิมยืนอยู่ พวงจันทร์ก็ชะงัก
"พิมเอ๊ย วันนี้เอ็งต้องไปเก็บเงินค่าเช่าสวนให้แม่ไม่ใช่หรือ ป่านนี้ทำไมยังไม่ไปอีก"
"ค่าเช่าสวนหรือ"
"ก็ใช่น่ะสิ เอ็งนี่ชักจะเลอะเลือน หน้าที่ไม่รู้จักทำ เหลวไหลใหญ่แล้วนะเรา"
"งั้นฉันไปเดี๋ยวนี้เลย ไปนะจ๊ะ"
"ให้บ่าวไปเป็นเพื่อนด้วยมั๊ยเจ้าคะคุณหนู" ปุกถาม
"ไม่ต้อง ฉันไปเองได้"
พิมวิ่งไปตะโกนตอบไป
ปุกกับพวงจันทร์มองหน้ากัน
"นังลูกคนนี้อะไรของมัน หมู่นี้ใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย"
ปุกมองตามพิม วิตก
"บ่าวมีเรื่องจะเล่าให้คุณนายฟังเจ้าค่ะเกี่ยวกับคุณพิมนั่นแหละเจ้าค่ะ"
พวงจันทร์หันมามองหน้าปุก
"เรื่องผู้ชายหรือ"
"ก็ไม่ทั้งหมดหรอกเจ้าค่ะ"
พวงจันทร์หน้าเครียด
พวงจันทร์นั่งฟังปุกพูดสีหน้าเครียด
"ตายจริง แม่พิมมันไปรู้จักมักจี่กับไอ้มั่นตั้งแต่เมื่อไหร่"
"ตั้งแต่คราวพ่อเพลิงไปติดพันแม่นากคราวก่อนโน้นนั่นแหละเจ้าค่ะ"
พวงจันทร์คิด ... คืนนั้น ที่หัวสะพานเรือนขุนเพชร พิมตกน้ำ
"กลับมาได้แล้วรึแม่พิม"
พิมตกใจสะดุ้ง "จ๊ะแม่"
พวงนิ่งนึก...
"นังลูกคนนี้ มันคิดอะไรของมัน แทนที่จะเห็นแก่หน้าพี่หน้าเชื้อ ดันไปเห็นคนอื่นดีกว่า"
"เมื่อคืนนี้ คุณหนูก็ฝันถึงแม่นาก พอตื่นมาก็กังวล กลัวแม่นากจะมาเอาเรื่องพ่อเพลิง"
"หนอยแน่ะ มันจะมาทำอะไรลูกกูได้ กูไม่มีวันยอมหรอก"
"คุณนายเจ้าขา แต่ปุกว่า เตือนพ่อเพลิงบ้างก็ดีนะเจ้าคะ เรื่องแบบนี้น่ะ ถึงคนไม่เห็นแต่ผีเห็นนะเจ้าคะ"
พวงจันทร์ตวาด
"กลัวบาปเวร ถ้ามันเป็นจริงอย่างที่คุณหนูเล่า พ่อเพลิงก็มีส่วนอยู่ไม่น้อย"
"อีปุก มึงหุบปากไปเลย ไม่งั้นกูจะตบมึงให้ฟันร่วง อย่าบังอาจมาพูดว่าลูกกูผิดอีก ได้ยินมั๊ย"
"เจ้าค่ะ"
ส่วนเรื่องนังพิม ข้าจัดการเอง นังลูกคนนี้ ปล่อยปละเป็นไม่ได้ เหลิงเป็นว่าวหลงลมเชียว คอยดู ข้าจะกระตุกเตือนมันเอง ยังไง พี่เชื้อก็ต้องดีกว่าคนอื่นสิเล่า"
พวงจันทร์สีหน้าจริงจังมาก ปุกแอบถอนหายใจหนักอก
กลางวัน แม่นากนั่งอยู่ในเรือน ในมุมมืด
มากกำลังกินข้าวอยู่ พอเสร็จมาก ก็ฉวยพร้าที่เหน็บข้างฝาลุกขึ้น
"พี่จะไปไหนหรือ"
"พี่จะไปซ่อมบันไดบ้าน มันโยกเยกเต็มทีแล้ว"
"ไม่ต้องก็ได้พี่จ๋า นั่งพักตรงนี้ก่อนเถอะ"
"นากเอ๊ย ไม่ต้องเป็นห่วง พี่ไม่ไปไหนไกลหรอก อยู่ตรงหัวบันไดเรือนนี่เอง"
มากยิ้มให้นาก แล้วเดินไปที่หัวบันได
นากลุกขึ้นเลื่อนตัวออกไปยืนแอบมองที่มุมมืด
นากมองเห็นมากยืนพิจารณาบันไดอยู่
นากถอนหายใจโล่งอก
ทางเดินในหมู่บ้าน
คนร้าย 1-2 ที่เพลิงจ้างมาก เดินไปถามชาวบ้าน
คนร้าย 1ถาม
"บ้านไอ้ทิดมาก ไปอีกไกลมั๊ย"
"ถ้าลงเรือไป ก็คุ้งน้ำสุดท้าย โน่น ถ้าเดินลัดไป ก็อีกชั่วหม้อข้าวเดือดนั่นแหละ เอ็งสองคนไม่ใช่คนแถวนี้ล่ะสิ มีธุระอะไรกับไอ้มากมันหรือ"
คนร้าย 1-2 มองหน้ากัน
คนร้าย2 บอก
"ฉันเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กันน่ะ ผ่านมาแถวนี้ ก็เลยจะแวะหา"
"งั้นหรือ"
คนร้าย 1-2 รีบไป ชาวบ้านมองแล้วแปลกใจ
"เพื่อนไอ้มากหน้าตาเหมือนโจร"
พิมวิ่งๆๆๆมาอีกทาง
ที่หน้าเรือนมั่น มั่นนอนซมเหมือนเป็นไข้ ทุ้ย เค้ง โพล้งนั่งมองมั่นอยู่
ทุ้ยถาม
"เอ็งจับไข้แบบนี้ ข้าไปเจียดยามาต้มให้ดีมั๊ย ไอ้มั่น"
"บอกแล้วว่าไม่ได้เป็นอะไร อยากอยู่เงียบๆ"
ทุ้ย เค้ง โพล้งมองหน้ากัน
"ข้าว่าอาการมันเหมือน" โพล้งว่า
"เหมือนอะไร มัวแต่อมพะนำอยู่นั่นแหละ" เค้งว่า
"นั่นสิ อมอะไรอยู่ พูดมาเลย" ทุ้ยบอก
"คนอกหัก"
ทุ้ย/โพล้งถาม "ไอ้มั่นอกหักหรือ"
มั่นหงุดหงิด ลุกพรวดขึ้น
"ใครอกหัก จะบ้าหรือ บอกว่าไม่สบาย น่ารำคาญจริงๆ"
"เอ็งแน่ใจนะ ว่าไม่เป็นไร"
"บอกว่าไม่เป็นก็ไม่เป็นสิน่า"
มั่นล้มตัวลงนอนชักผ้าห่มคลุมหัว
เพื่อนๆ ส่ายหน้าพากันเดินออกจากห้องไป
มั่นแอบถอนหายใจโล่งอก
"อกหักบ้าอะไรกัน ผู้หญิงอะไร หน้าไม่อาย ไปหาผู้ชายถึงบ้าน"
"พี่มั่น ออกมาเดี๋ยวนี้"
มั่นผุดลุกพรวดขึ้น
"อะไรกัน นี่แม่พิมเอ็งตามมาหลอนข้าถึงขนาดนี้เชียวหรือ"
บริเวณหน้าบ้าน เพื่อนทั้งสามยืนขวางพิมไว้ พิมตะโกน
"พี่มั่น ออกมาเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ออกมา ฉันจะบุกเข้าไปละนะ"
ทุ้ยเค้งโพล้งมองหน้ากัน
"แม่พิม ฉันขอร้อง ไอ้มั่นมันป่วย ปล่อยมันไว้ซักคนเถอะนะแม่"
"ไม่ได้ ฉันมีเรื่องสำคัญมาก พี่มั่น ออกมาเดี๋ยวนี้"
มั่นเดินออกมา
"ตะโกนโวยวายทำไม บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่ามาที่นี่อีก"
"ฉันต้องมา พี่มากกำลังอยู่ในอันตราย"
มั่นชะงัก มองหน้าพิมพิมหน้าจริงจังมาก
"จะมาไม้ไหนอีก กลับไปไป๊ เป็นผู้หญิงน่ะต้องรู้จักเก็บกริยา ต้องอายให้เป็น"
พิมชะงัก รู้ว่ามั่นด่า
"พี่จะด่าว่าฉันยังไงก็ได้ แต่ตอนนี้ พี่ต้องไปกับฉัน ต้องไปช่วยพี่มาก ไม่อย่างนั้นพี่จะเสียใจไปตลอดชีวิต"
พิมจ้องหน้ามั่นจริงจัง ทุกคนหน้าเครียด
ที่หน้าเรือน มากกำลังถากไม้ แล้ววัดกับบันได ยังไม่ได้ขนาด มากก้มลงถากไม้ต่ออย่างจริงจัง
บนเรือน แม่นากนั่งมองไกวเปลอยู่ เสียงเพลงกล่อมลูกดัง แว่ว
มากหันไปมองแม่นากที่นั่งอยู่ในเงามืดแล้วยิ้ม ซ่อมบันไดต่อไป
แม่นาก ชะงัก หันไปมองอีกทาง สีหน้าเครียด
คนร้าย 1-2 เดินมาหยุดยืนมองเรือนอยู่ไกลๆ
คนร้าย1บอก"ข้าว่าเรือนนี้แหละ แต่ทำไมดูเหมือนเรือนร้างจัง"
คนร้าย 2 บอก"เรือนร้างสิดี ฆ่าไอ้มากแล้วก็ขุดหลุมฝังไว้ใต้เรือนซะเลย ไม่ต้องยุ่งยาก เปลี่ยวแบบนี้ไม่มีใครมารู้มาเห็นหรอก"
"ไม่ยักรู้ว่า ฆ่าคนจะได้เงินดีแบบนี้"
"ย้ายมาหากินแถวนี้ คงรวยไม่รู้เรื่อง"
สองคนมองหน้ากัน แล้วหัวเราะ หยิบผ้ามาโพกหัวปิดหน้า
อีกมุมหนึ่ง แม่นากยืนมองอยู่ในเงาไม้ สีหน้าดุร้าย
รอบๆตัว เกิดพายุหมุนบรรยากาศรอบๆมืดครึ้มลงง
คนร้ายทั้ง2 มองรอบๆตัวอย่างตกใจ
มาก กำลังซ่อมบันได มีมือเอื้อมจากด้านหลังมาจับมาก
มากหันขวับกลับมามอง พอเห็นเป็น มั่น มากทิ้งขวานลงทันที
"พี่มั่น"
"ไอ้มาก"
สองพี่น้องโผเข้ากอดกัน พิม ทุ้ย เค้ง โพล้งมองแล้วเมินหน้าหนี
คนร้าย 1-2 กำลังยืนต้านลมที่เกิดจากอำนาจของแม่นาก
"พายุทำไมมาเกิดตอนนี้ได้วะ"
"ข้าว่ามันยังไงๆพิกลว่ะ"
แม่นากปรากฏร่าง เดินเข้ามาหา 2 คนช้าๆ
"เอ็งสองคนมาทำอะไรแถวนี้"
คนร้าย 1-2 มองหน้ากันแล้วยิ้มเยาะ เห็นผู้หญิงตัวเล็ก
"แล้วน้องสาวล่ะจ๊ะมาทำอะไร ที่เปลี่ยวแบบนี้ไม่กลัวบ้างหรือ"
"ข้าถามว่าพวกเอ็งมาทำอะไร"
"ข้ามาหาคน แม่รู้จักบ้างไหม ไอ้ทิดมาก"
แม่นากหันไปจ้องมอง คนร้ายนิ่ง
"ใครใช้ให้เอ็งสองคนมาหาทิดมาก"
"น้องจะถามไปทำไมล่ะ หรือว่า ไอ้มากเป็นอะไรกับน้อง ถึงได้ห่วงนักห่วงหนา"
"พี่มากเป็นผัวกู"
คนร้าย 1-2 มองหน้ากัน แล้วหัวเราะ พอหันไปอีกที แม่นากหน้าเละ หนอนหลุด
"ไสหัวพวกมึงไปซะ ไม่งั้นกูจะฆ่าพวกมึงให้หมด"
แม่นากยื่นมือไปจับคนร้าย 1-2 ยกขึ้นตัวลอย คนร้ายทั้งสองดิ้นมือปัดป่าย แม่นากปล่อยสองคนหล่นลงพื้น
คนร้าย1-2 ตะกายหนีไม่คิดชีวิต
แม่นากยืนมองสักพัก ค่อยคืนร่างกลับเป็นปกติ เซเหมือนจะหมดแรง
"ทำไม ไม่ปล่อยให้เราอยู่กันตามลำพัง มายุ่งกับพวกฉันทำไม"
แม่นากเลือนร่างหายไปช้าๆ
มั่นกอดมากไว้แน่น
"ไม่อยากเชื่อเลยว่าเอ็อยู่ที่งนี่ ... เอ็งกลับมานานหรือยัง"
"สักพักนึงแล้ว ฉันยังนึกว่าพี่ทำไมไม่มาหาฉันบ้างเลย"
มั่นสีหน้าแปลกใจมาก มากหันไปเห็นพิม มากไม่พอใจ
"แม่พิม ข้าบอกแม่แล้วใช่มั๊ยว่าอย่ามาอีก ถ้าจะมาใส่ร้ายเมียข้าก็ไปซะ"
มั่นชะงัก มองหน้ามากกับพิมสลับกัน
พิมบอกกับมั่น
"ข้าบอกแล้วใช้มั๊ย พี่มั่นก็ไม่ยอมเชื่อข้า"
มากแปลกใจ
"พี่มั่นกับแม่พิมสองคนเล่นอะไรกัน บอกมา"
มั่นกับพิมอึ้งพูดไม่ออก ทุ้ยเค้งโพล้งมองรอบๆตัวด้วยความวิตก
"เอ็งก็รีบๆพูดไปสิวะ นี่ก็โพล้เพล้แล้วนะโว๊ย" ทุ้ยบอก
"พูดไปสิ พี่ไม่พูดฉันกลับนะ" เค้งบอก
"อะไรของพวกเอ็ง ทำไมต้องทำท่าเหมือนกลัวผีแบบนั้น"
โพล้งบอก "กูพูดก็ได้ แม่นากเมียเอ็งน่ะ ตายแล้ว"
มากอึ้ง โดดเข้าต่อยโพล้งทันที มั่นรีบห้ามไว้
"ไอ้มากอย่า!"
มากโกรธ ปรี่เข้าไปจะซ้ำ อีกครั้งมั่นดึงไว้
"เสียแรง ข้ารักพวกมึงเหมือนพี่น้อง ฝากเมียไว้ให้พวกมึงดูแล ที่แท้พวกมึงนี่เอง เป็นสาเหตุให้เมียกูทุกข์ใจ"
ทุกคนมองหน้ากัน ร้อนใจ
"ไอ้มากฟังข้าก่อน แม่นากน่ะ ตายไปตั้งนานแล้ว ข้าเป็นคนยกแม่นากลงหลุมกับมือ"
มากตะลึง
"ไม่จริง เป็นไปไม่ได้"
"พี่มากจ๋า...ฉันอยู่นี่"
มากหันขวับไปมอง ทุกคนตกใจ เพราะไม่ได้ยินและไม่เห็น แต่มากเห็นแม่นากยืนอุ้มลูกอยู่บนเรือน
"แม่นาก ลงมาสิลงมาให้พวกมันเห็นว่าเมียพี่เป็นคน"
แม่นากยิ้ม ค่อยๆเดินลงมาจากเรือน มากเห็นคนเดียว
ทุ้ยเค้งโพล้งเริ่มกลัว รวมตัวเบียดกันหลังมั่นกับพิม
"ไอ้มาก เอ็งพูดอะไร ไม่มีใครซักหน่อย"
"นั่นไง แม่นากเมียข้า ยืนอยู่บนเรือนโน่น พวกเอ็งแหกตาดูให้ชัดๆ"
ทุกคนมองไปที่เรือน ว่างเปล่า
" ทำยังไงดี ฉันว่ามันแปลกๆนะพี่มั่น" พิมบอก
มั่นตัดสินใจเดินไปลากมือมาก
"เอ็งต้องไปกับข้า ต้องไปด้วยกัน เดี๋ยวนี้"
มากสะบัด
"ข้าไม่ไป ข้าจะอยู่กับเมียข้า ถ้าพวกมึงยอมรับเมียกูไม่ได้ พวกมึงกับกูก็ขาดกัน"
ทันใดนั้น เกิดพายุลมพัดกระหน่ำขึ้นรอบๆตัวมั่น และพวก
โพล้งบอก
"กูว่าเราถอยไปตั้งหลักก่อนดีกว่า ไปสิไอ้มั่น กูขอร้อง ได้โปรดเถอะ"
"ถ้าไม่ไปฉันขอตัว ฉันยังไม่มีเมียไม่อยากตายจ๊ะ" ทุ้ยว่า
ทั้งสามดึงมือมั่นให้ถอย มั่นขืนตัวไว้
"ไอ้มาก ไปกับข้าเถอะข้าขอร้อง"
"กูไม่ไปไหนทั้งนั้น กูจะอยู่กับเมียกู ลูกของกู"
มากเดินขึ้นไปบนเรือนเคียงคู่นาก
ทุกคนเห็นมากยืนอยู่บนเรือนที่รกเรื้อคนเดียว
"ไปกันเถอะพี่มั่น เชื่อฉัน ไปก่อนนะ"
พิมลากมั่นไป ทุ้ยเค้ง โพล้งช่วยกันดึงมั่นไป มั่นฮึดฮัด
บนเรือน มากมองทุกคนอย่างเสียใจ หันไปกอดปลอบใจแม่นาก
"ไม่ต้องเสียใจไป ซักวันนึง พวกมันต้องเข้าใจ อย่าโกรธไอ้มั่นมันเลย มันโง่เง่า ไม่รู้จักคิด ถึงได้โดนคนอื่นเขาเป่าหู"
"ฉันไม่ได้โกรธใคร แต่ฉันไม่เข้าใจ ทำไมพวกเขาถึงไม่ปล่อยให้เราได้อยู่ด้วยกัน ฉันแค่อยากอยู่กับพี่ อยากอยู่กับคนที่ฉันรักตลอดไป"
"พี่สัญญา พี่จะอยู่กับนากตลอดไป พี่สัญญา"
มากกอดนากที่ร้องไห้สะอึกสะอื้น
อ่านต่อหน้า 2
แม่นาก ตอนที่ 9 (ต่อ)
ที่บ้านของมั่น ทุกคนนั่งครุ่นคิดไปต่างๆนา
"แล้วเราจะปล่อยไอ้มากไว้แบบนั้นน่ะหรือ"
โพล้งบอก "ไอ้มั่น เอ็งคิดนิดนึงสิ เอ็งก็เห็นว่าไอ้มากมันละเมอเพ้อพกว่า นังนากยังอยู่"
"แล้วยังไง ก็เขาผัวเมียกันเขาก็รักกัน บางทีไอ้มากอาจจะรู้แล้วว่านากมันตาย แต่ยังทำใจไม่ได้"
ทุ้ยบอก "พูดเป็นยิเกเชียวนะมึง กูว่ามันเชื่อจริงๆว่าอีนากยังอยู่"
เค้งบอก
"ใช่ฉันก็ว่างั้น ไม่อย่างนั้นมันจะไล่พวกเราเหมือนหมูเหมือนหมาหรือวะ คิดนิดนึง พี่ไม่เห็น แต่พี่มากมันเห็น แล้วที่สำคัญพี่มากเชื่อสิ่งที่พี่มากเห็น"
"แล้วจะทำยังไง จะเอายังไง จะปล่อยให้ไอ้มากอยู่กับผีไปตลอดชีวิตงั้นหรือ"
"อย่าเพิ่งใจร้อนสิพี่ มันต้องมีหนทาง"
ทุกคนหันไปมองหน้าพิม
"แล้วแม่รู้ได้อย่างไรว่า จะมีคนมาทำร้ายพี่มาก แล้วไหนล่ะคนร้าย"
พิมอึกอัก
"เป็นแผนของแม่ใช่มั๊ย"
"ไม่ใช่นะ ฉันแอบได้ยินพวกโจรมันคุยกัน ฉันก็เลย รีบมาบอก"
มั่นทำท่าจะเอาเรื่องพิม โพล้งรีบห้าม
"ไอ้มั่น มึงมองผิดที่แล้วละ ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องโจร ตอนนี้ มันเรื่องผี มึงเข้าใจมั๊ย ไอ้มากมันอยู่กับผี"
มั่นมองพิมแล้วฮึดฮัด พิมแอบถอนหายใจโล่งอก
"ฉันปล่อยให้พี่มากอยู่กับผีไม่ได้หรอก"
มั่นคิดหนัก
ตอนกลางคืน แม่นากนั่ง ตำน้ำพริกอยู่ที่นอกชาน สายตาก็มองไปทางมากตลอด
มากนั่งพิงเสา เหม่อลอย
คิดถึงพิมบอกมากว่า นากเป็นผี
"พี่มาก พี่ไม่รู้หรือว่าเมียพี่ตายไปแล้ว แม่นากตายไปแล้ว"
ต่อมาเมื่อเจอมั่น มั่นบอกว่า นากเป็นผี
"ไอ้มากฟังข้าก่อน แม่นากน่ะ ตายไปตั้งนานแล้ว ข้าเป็นคนยกแม่นากลงหลุมกับมือ"
มั่น หันไปมองทางนาก
"ไอ้พวกนี้มันบ้าไปกันใหญ่ แม่นากเป็นคนแท้ๆ กลับไปลือกันว่าเป็นผี ไอ้พวกเพื่อนเลว
แม่นากเศร้า
"ช่างเถอะพี่มาก ฉันชินซะแล้ว พี่ไปล้างเนื้อล้างตัวก่อนเถอะจ๊ะ ฉันจะตำน้ำพริกให้พี่กิน"
มากเดินไปใกล้ๆ ทรุดตัวลงจับมือแม่นากขึ้นมาจูบแรงๆ
แม่นากน้ำตาไหล มากถอนหายใจ หยิบผ้าผืนประเจียด สำหรับเช็ดน้ำหมาก ซับน้ำตาให้แม่นาก
"แม่นากต่างหาก อย่าคิดมาก ซักวันพวกมันต้องเข้าใจว่าแม่นากของพี่เป็นคน ไม่ใช่ผี นะจ๊ะ"
"จ๊ะ ฉันเข้าใจ"
มากมองหน้าอย่างเห็นใจ ยัดผ้าประเจียดใส่มือแม่นาก แล้วลุกขึ้นไป นากมองตามเศร้า
ผืนผ้าประเจียดตกอยู่ที่พื้นเรือน
เดินมาจากหัวสะพาน ลูบเนื้อลูบตัวเรียบร้อยแล้ว มากจะเดินขึ้นบันได แล้วชะงัก เสี้ยน ที่
บันไดตำขา
"อะไรกัน เฮ้อ ตอนเกลาก็ว่าไม่มีเสี้ยนแล้วนะ"
มากทรุดตัวลงนั่งที่บันได ข้างตุ่มน้ำ ก้มหน้าลงดึงเสี้ยนที่เท้าออก
แม่นาก นั่งอยู่ที่นอกชาน นั่งนิ่งมองสำรับกับข้าว
สำรับกับข้าว เป็น ชามใส่ใบไม้ ใส่หนอน ใส่ทรายฯลฯ
เปลผ้าขาวม้านิ่ง จู่ๆ ก็มีลมพัด เปลแกว่งเหมือนมีคนไกว
บรรยากาศรอบๆตัว มีลมพัด ใบไม้ในจานปลิวหล่นออกจากจาน ไปตามพื้น
ผ้าประเจียดที่พื้น ปลิวไปตกที่ร่องกระดาน แม่นากหันไปมองเห็นพอดี
พ่อมากนั่งอยู่ที่หัวบันได ดึงเสี้ยนออก หันกลับไปจะเดินขึ้นเรือน
ที่ใต้ถุนเรือน ผ้าประเจียดตกลงมาที่ร่อง กำลังลอยหล่นลงพื้น
มากจ้องดู แล้วตะลึง
ใกล้ผ้าประเจียดที่พื้นนั้น มือแม่นากยาวลอดช่องลงมาคว้าผ้าประเจียดไว้ได้ แล้ว
ค่อยๆ หดมือกลับไปที่ร่องกระดาน
มือยาวที่ยื่นตามร่องเรือนลงมาหยิบผ้าประเจียดนั้น ทำให้มากสับสน
"ไม่จริง เราตาฝาด"
นากเลื่อนตัวมาที่หัวบันไดเรือน
"เสร็จหรือยังจ๊ะพี่มาก"
มากก้มหน้าสั่น
"เสี้ยนมันตำขาพี่ กำลังถอนออก"
"ให้นากช่วยมั๊ยจ๊ะพี่"
"ไม่ต้อง เอ่อ.... แม่นากช่วยส่งผ้าประเจียดให้พี่ที่สิ"
นากยิ้ม
"ได้สิจ๊ะพี่มาก"
นากหยิบผ้าประเจียด ส่งให้มากทันที
มากจ้องผ้าเป็นผ้าผืนเดียวกัน มากหลับตาปี๋ ยื่นมือไปรับ
"เสร็จแล้ว รีบขึ้นมากินข้าวนะจ๊ะพี่มาก นากรออยู่"
มากพยักหน้ารับ นากไป มากนิ่งคิด ทำอะไรไม่ถูก
"ทำไงดี"
มากเงอะงะหันไปมองตุ่มน้ำ ที่ข้างบันได
แม่นากเลื่อนตัว ไปนั่งรอที่สำรับกับข้าว
"ทำไมช้านัก"
หูแม่นาก ได้ยิน...
ตุ่มน้ำข้างหัวบันได มีรอยเจาะ น้ำไหลออกจากตุ่ม มีเสียงเหมือนคนกำลังฉี่
ด้านข้าง มีผ้าประเจียดตกอยู่ที่พื้น
แม่นากยิ้มอ่อน หันไปมองที่เปล ที่เริ่มแกว่งเหมือนมีคนไกว แม่นากเริ่มร้องเพลงกล่อมลูก โอละเห่เอย...
ทางเดินในป่ายามค่ำคืนในคืนเดือนมืด มากวิ่งซมซาน ร้องไห้ปาดน้ำตามาตลอดทาง
"แม่นากของพี่ ไม่น่าเลย ไม่น่าเลย"
มากวิ่งไปร้องไห้ไป หกล้มหกลุกตลอดทาง
แม่นากนั่งมองท้องฟ้า ร้องเพลงกล่อมลูกแล้วชะงัก ตกใจ
"พี่มาก"
แม่นากผุดลุกขึ้น หันขวับไปมองที่หัวบันไดทันที
รอยเจาะ ... น้ำหมดจากตุ่มแล้ว ไหลนองพื้นเต็มไปหมด
แม่นากยืนมองที่พื้น มองซ้ายมองขวา หามาก แต่ไม่พบ
แม่นากเรียกโหยหวน
"พี่มากจ๋า.....พี่อยู่ที่ไหน พี่มากจ๋า"
แม่นากชะงัก ก้มลงมองที่พื้น เห็นผ้าประเจียด ตกอยู่ที่พื้น
" พี่รู้ความจริงแล้วใช่มั๊ย"
จากเศร้า เปลี่ยนเป็นเครียด และดุร้ายตามลำดับ
"พี่จะทิ้งฉันไปไม่ได้นะ ไม่ได้ พี่มาก"
วิ่งซมซานมาตามทาง แล้วชะงักเมื่อได้ยินเสียงแม่นาก
"พี่มาก พี่จะไปไหน พี่จะทิ้งฉันไปไหน"
มากหันไปมองสีหน้าตกใจ
"แม่นาก"
มากตกใจ หันไปมองข้างหลัง แล้วหันกลับมา ชะงัก
มากเห็น มั่น ทุ้ย เค้ง โพล้ง วิ่งกระหืดกระหอบมา
มากบอก "พี่มั่น ช่วยฉันด้วย"
มั่นหอบ พูดไม่ออก โพล้งสะกิดแบบกลัว มาก
โพล้งบอก
"ไอ้มั่นมึงรีบเข้าเลย ไม่ต้องพูดมาก เดี๋ยวแม่มึงก็มาหรอก"
มั่นรีบเอาสายสิญจน์ในคอ แบ่งออกมา มือไม้สั่น
อีกทางหนึ่ง แม่นากเลื่อนตัวเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ทุ้ย เค้ง โพล้ง กอดกันแน่น ปากก็ตะโกน
"มาแล้ว เร็วเข้าสิ ไอ้มั่น มึงจะช้าหาแม่นากหรือยังไง"
มากหันไปมองนาก ตะลึง
แม่นากยื่นมือยาวเข้ามาจะจับมาก
มั่นยิ่งลน ทำอะไรไม่ถูกยกสายสิญจน์กันไว้ แม่นากโดนสายสิญจน์ หดมือกลับไปอย่างรวดเร็ว
มั่นรีบคล้องสายสิญจน์กับคอมาก
"ไป เอ็งวิ่ง เข้าไปในวัดก่อนเร็ว"
มากยังตะลึงอยู่ มองนากเหมือนเป็นห่วงว่า นางจะบาดเจ็บ
สามเกลอวิ่งนำไป มั่นลากมากที่ยืนตะลึง วิ่งเข้าไปในเขตวัด
นากเจ็บปวดที่รอยสายสิญจน์ พอทรงตัวได้
"พี่มาก จะหนีฉันไปไหน พี่มากจ๋ากลับมาก่อน ฉันเจ็บเหลือเกิน"
นากกล้ำกลืนความเจ็บปวดส่งเสียงร้องโหยหวน
ทุกคนวิ่งมาถึงหน้าวัด มากชะงักเมื่อได้ยินเสียงแม่นากร้องด้วยความเจ็บปวด หันไปมอง
"แม่นาก "
มั่นลากมากทันที มากขืนตัวไว้
"จะรออะไรอีกเล่า รีบเข้าเขตวัดก่อนเถอะเร็ว"
"แม่นากจะเจ็บ"
"ไอ้มาก มึงมัวแต่ห่วงผี มึงไม่ห่วงคนเลยหรือ" โพล้งถาม
"ไอ้มาก ข้าขอร้อง นากเป็นผี อยู่กับคนไม่ได้หรอก ไปสิ"
มากยังลังเล ทุ้ย เค้ง โพล้ง ทนไม่ไหวพร้อมใจกันอุ้มมากลากเข้าไปในเขตวัด
แม่นากปรากฏร่างขึ้น เลื่อนตัวจะตามมากเข้าไปในเขตวัด
ใบเสมาที่ตั้งอยู่รอบวัด เมื่อนากเดินเข้าไป แล้วชะงัก เจ็บร้อนไปหมด
"พี่มากจ๋า พี่จะทิ้งนากไปไหน ไหนพี่สัญญาว่าจะไม่ทิ้งนากไงจ๊ะ"
มากชะงัก หันไปมอง เหมือนต้องมนต์ มากจะเดินกลับไปหานาก มั่นดึงไว้ มากขืนตัว
"ปล่อยกู กูจะไปหาแม่นาก"
ทุ้ย เค้ง โพล้งมองหน้ากัน เห็นท่าไม่ดี
โพล้งบอก "ไอ้มากกูขอโทษ"
โพล้ง ทุบมากสลบลงทันที
นากเปลี่ยนหน้าเป็นดุร้ายทันที
"พวกเอ็งทำร้ายผัวกูทำไม"
โพล้งหลับตาปี๋
"อีนาก กูขอโทษ มึงปล่อยไอ้มากไปเถอะ ผีกับคนจะอยู่ด้วยกันได้ไง"
"นาก พี่ขอร้องอย่าวุ่นวายกับไอ้มากอีกเลย"
"ทำไม ทำไมฉันถึงจะอยู่กับพี่มากไม่ได้ ทำไม ทำไม"
แม่นากเริ่มสีหน้าเครียดขึ้น น่ากลัวมากขึ้น
มากนอนสลบไม่ได้สติ มั่น ทุ้ย เค้ง โพล้ง ยืนเกาะกลุ่มกัน แบบทำอะไรไม่ถูก
นากเสียงโหยหวน
"ทำไมต้องมายุ่งกับ เรื่องของกูด้วย"
รอบๆตัว เกิดพายุลมกระหน่ำ
อีกมุมหนึ่งบริเวณวัด พิมวิ่งนำหน้าหลวงตามา พิมหยุดชะงักยืนมองพายุ
"ดูท่าทางบรรยากาศมันน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้สิ เร็วเข้าสิเจ้าคะหลวงตา"
"ปราบผี มันก็ไม่ใช่กิจของสงฆ์นะ"
"แต่ปล่อยให้คนตกทุกข์โดยไม่ช่วยน่ะมันเป็นบาปนะเจ้าคะ รีบไปเถอะ"
หลวงตาไป พิมวิ่งตามไปห่างๆ
แม่นากพยายามจะเดินฝ่าเข้ามาในเขตวัด แต่เข้าไม่ได้ ทุกครั้งที่เข้าใกล้ นากจะเจ็บร้อน
"พี่ทั้งหลาย ช่วยสงเคราะห์ฉันด้วยเถิด ชีวิตของฉัน ไม่ต้องการอะไรเลย นอกจากได้อยู่เป็นครอบครัว ได้อยู่กับคนที่ฉันรัก ทำไมพวกพี่ต้องพรากคนที่ฉันรักจากไปด้วย"
หลวงตา เดินเข้ามา สงบนิ่งแผ่เมตตา
นากสงบลง ทรุดตัวลงนั่งไหว้หลวงตา
"หลวงตาเจ้าขา ช่วยลูกด้วยเถอะค่ะ"
"สีกานากเอ๋ย รู้ไหมว่า ที่เอ็งทำน่ะมันเป็นบาป เอ็งฝ่าฝืนกฎธรรมชาติไม่ได้หรอก"
"ทำไมคะ ทำไม ฉันไม่เคยคิดทำร้ายใคร ไม่คิดจะยุ่งกับใคร ฉันขอแค่ได้อยู่กับคนที่ฉันรัก ทำไม ทุกคนต้องกีดกัน ทุกคนต้องแบ่งแยก"
"ข้ารู้ความรักของเอ็งที่มีต่อไอ้มากน่ะมันลึกซึ้งหนักหนา แต่นากเอ๋ย คนก็อยู่ส่วนคน ผีก็อยู่ส่วนผี จะอยู่ร่วมกันมันไม่ได้หรอก"
แม่นากเริ่มโกรธ
"ทำไมจะไม่ได้ ฉันก็อยู่กันมาตั้งนานสองนานแล้วนี่นา ทำไม"
"หากเอ็งทำแบบนี้ รังแต่จะเป็นการทำร้ายไอ้มากมัน ดูสภาพมันสิ มันแทบไม่ต่างอะไรกับซากศพ แค่มันยังมีลมหายใจเท่านั้น เอ็งต้องการให้คนที่เอ็งรักเป็นเช่นนั้นหรือ"
นากหันไปมองที่มากอย่างเพ่งพิจ
มากซูบผอม หนวดเคราครึ้ม เหมือนคนป่วย
" แต่ฉันก็รักพี่มาก พี่มากของฉัน ใครจะแบ่งแยกเราไม่ได้ ไม่ได้"
นากโกรธอีกครั้ง บันดาลกระแสลมพัดแรง น่ากลัว
ทุ้ยกระซิบถาม
"เราจะทำยังไงดีล่ะหลวงตา ของขลังน่ะมีมั๊ย"
"ข้าเป็นสงฆ์ ไม่ใช่อลัชชี จะมีของแบบนั้นได้อย่างไร"
ทุ้ย เค้ง โพล้ง สีหน้าหมดหวัง
"นั่งอยู่นั่นแหละ สวดมนต์ แผ่นเมตตาให้นากมัน"
"จะได้ผลหรือ หลวงตา แม่นากจะไม่บุกเข้ามาหาเราก่อนหรือ"
"ถ้าเข้าได้ มันคงบุกเข้ามาแล้วล่ะ แผ่เมตตาให้นากเถอะ อย่าทำร้ายกัน อีกเลย"
หลวงตามนั่งลง สวดมนต์ ทุกคนทำตาม เหมือนมีเงาสีเงิน ปกคลุมในวัด ค่อยๆแผ่ไปถึงนาก จากที่สีหน้าดุดันหน้ากลัว ก็ค่อยๆอ่อนลง กลายเป็นหน้าธรรมดาๆ นากนั่งลง ก้มหน้า
ร้องไห้
ริมขอบฟ้า แสงตะวันเริ่มเรื่อจับขอบฟ้า
นากหันไปมองที่แสงอาทิตย์ ค่อยๆเลือนร่างหายไป
อ่านต่อหน้า 3
แม่นาก ตอนที่ 9 (ต่อ)
เช้ามืด ในความฝันของป้าเงิน...
ป้าเงิน สะดุ้งตื่นขึ้นในมุ้ง ลุกขึ้น เห็น ร่างนากยืนอยู่ที่ปลายเท้า
"นั่นใคร นังจำปีหรือ"
ร่างนั้นค่อยๆ หันมา
"นังนาก!"
"ป้าเงินจ๋า ป้าช่วยฉันด้วย ช่วยฉันด้วย"
ป้าเงิน สะดุ้งลืมตาตื่นขึ้นมา ลุกขึ้น
เห็น เงาตะคุ่มๆ ยืนอยู่ปลายเท้า
"นังนาก"
เงาหันขวับมา กลายเป็นลำจวน จำปี ทั้งสองกรี๊ดลั่น โดดมุดเข้ามุ้งป้าเงินวุ่นวายไปหมด
"ป้าเงิน ....นากอยู่ไหน ฉันกลัวนะ" ลำจวนบอก
"นาก ฉันจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้นะ แต่ไม่ต้องมาให้ฉันเป็นนะ ฉันกลัว" จำปีบอก
" นังจำปี นังลำจวน อีบ้า เอ็ง2 ตัวเข้ามาทำไมไม่บอก"
ลำจวนกอดป้าเงินไว้แน่นมองซ้ายมองขวาวิตก ป้าเงินแกะมือลำจวนออกถอนหายใจเฮือก
"โอ๊ย กระดูกข้าลั่นหมดแล้ว เดี๋ยวข้าก็แหลกคามือพวกเอ็งหรอก"
"ป้าเห็นนากหรือ ที่ไหน"
"นากมาหาป้าหรือ มาเมื่อไหร่"
"เฮ้อ ... ข้าคง...ฝันไป"
ลำจวนบอก
"โธ่เอ๊ย แล้วก็ไม่บอกว่าฝัน ฉันเกือบตายตามนากมันไปแล้วนะเนี่ยป้า"
"งั้นก็ลุกขึ้นไปใส่บาตรเถอะจ๊ะ ฉันเตรียมของให้แล้ว" จำปีบอก
สองคนเดินจูงมือกันไป สีหน้าวิตกหวาดๆ
ป้าเงิน สีหน้ายังคิดวิตกอยู่
"เอ็งยังไม่สงบอีกหรือนางนากเอ๊ย"
ป้าเงินนั่งเงียบๆรอหลวงตามาบิณฑบาตที่หัวสะพาน พลางครุ่นคิด
จำปีกับลำจวนนั่งอยู่ด้านหลังนั่งซุบซิบกัน
ลำจวนบอก
"ฉันได้ยินเขาลือกัน เรื่องนังนาก เอ็งว่ามันจริงมั๊ย จำปี"
จำปี จุ๊ปาก กลัวป้าเงินได้ยิน
"เบาหน่อยสิ เดี๋ยวป้าแกได้ยิน"
"แล้วเอ็งเชื่อมั๊ยว่านังนากมันฆ่า เอ๊ย ไม่ใช่ ทำให้ยัยปริกตายน่ะ" ลำจวนถาม
"ฉันไม่เชื่อ ไม่เชื่อเด็ดขาด นากมันไม่ใช่คนแบบนั้น"
"แต่ตอนนี้นากมันไม่ใช่คนแล้วนะ"
"ไม่รู้ละ ยังไงฉันก็ไม่เชื่อว่านาก มันจะทำ"
ป้าเงินนิ่งเครียด ชะเง้อมองไปข้างหน้า
"ป่านนี้หลวงพ่อยังไม่มา พวกเอ็งเก็บของที เดี๋ยวข้าจะไปถวายหลวงพ่อที่วัดเลย"
ป้าเงินลุกขึ้น จำปีกับลำจวนมองหน้ากันแล้วพยายามขวาง
"ป้าจ๋า ฉันว่า ฉันไปทำให้ดีกว่า ป้าเดินเหินลำบาก อยู่บ้านดีมั๊ยจ๊ะ" ลำจวนบอก
"นั่นสิ แดดก็ร้องเปรี้ยงแบบนี้ เดี๋ยวเป็นลมแดดนะป้า"
"เอ็งสองคนมีอะไรปิดบังข้ากันแน่ ถึงไม่ยอมให้ข้าออกจากเรือนไปพบปะใครบ้างเลย หลีกไป ถ้าเอ็งไม่ไป ข้าไปเอง"
ป้าเงินขยับเดิน สองคนมองหน้ากันแล้วจำใจหลีกทาง ป้าเงินเดินไป
จำปีกับลำจวนมองหน้ากัน
"ป้าต้องรู้เรื่องคนเขาลือกันแน่เลย" จำปีบอก
"โอ๊ย ปิดมาตั้งนาน ไม่รู้ละ อะไรจะเกิดก็ต้องปล่อยแล้ว"
สองคนมองหน้ากันวิตก
มากนอนสลบไสลไม่ได้สติอยู่บนศาลา ทุกคนมองมากอย่างเป็นห่วง
"พี่มากจะตายหรือเปล่าเนี่ย ดูสิ ไม่ได้สติเลยตั้งแต่เมื่อคืนนี้" พิมว่า
มั่นบอก
"ไอ้โพล้งก็มือหนักยังกะช้างถีบ"
"ก็ไอ้มากมันจะวิ่งออกไปนี่หว่า ข้ากลัว เลยซัดซะเต็มเหนี่ยว"
หลวงตาจับชีพจร แล้วพยักหน้า
"มันไม่เป็นอะไรมากหรอก ดูท่าแล้วร่างกายมันอ่อนแอมาก"
"เท่าที่รู้ ไอ้มากกลับมาหลายวันแล้วนะ ไม่รู้ว่าอยู่กับแม่นากได้ยังไง ไอ้มากไม่รู้เลยหรือว่า แม่นากเป็น..."
"ฉันบอกแล้วไง พี่ก็ไม่เชื่อฉัน พี่มากน่ะถูกจำหน่ายกลับมาได้หลายเดือนแล้ว"
มั่นมองหน้าพิมแล้วเมิน
"จะอยู่ทำไมอีก บ้านช่องไม่กลับหรือไง ประเดี๋ยวก็เกิดเรื่องหรอก"
พิมนึกได้
พิมลุกพรวด
"ตายจริง ฉันกลับก่อนละ ตายๆๆ"
พิมลุกขึ้นตกใจ ไหว้หลวงตา แล้วทำท่าจะลงเรือนไป
"เดี๋ยวข้าพายเรือไปส่งแม่ก็ได้"
"ไม่ต้อง ฉันมาเอง กลับเองได้"
มั่นกับพิมมองหน้ากันแล้วเมิน พิมสะบัดหน้าลงไป
"เออ เก่งให้ตลอดแล้วกัน"
ทุกคนมองมั่นอย่างตำหนิ มั่นทำไม่รู้ไม่ชี้
พิมวิ่งพรวดพราดลงจากศาลามา เกือบชนกับป้าเงินที่เดินสวนมา
"ฉันขอโทษนะจ๊ะ ป้า"
"ไม่เป็นไรหรอก"
พิมรีบลุกลนไป จำปีกับลำจวนมองนิ่งคิด
"ฉันว่าฉันเคยเห็นแม่คนนี้นะ" ลำจวนบอก
"คุ้นๆเหมือนกัน แต่นึกไม่ออก"
"นี่เอ็งสองตัวจะคุยกันอีกนานมั๊ย ข้าจะถวายเพลนะโว๊ย"
ป้าเงินไป สองคนมองหน้ากันแล้วรีบตามไป
มากนอนแน่นิ่ง
"เอายังไงกันดีขอรับ จะให้กลับไปอยู่บ้านข้าดีมั๊ยหลวงตา"
"ขืนกลับไปอยู่บ้านเอ็ง นังนากคงมาลากตัวไปคืนนี้แหละ"
ทุ้ยเค้งโพล้งพอได้ยินชื่อนากก็รวมตัวกันทันที
ทุ้ยถาม
"แล้วเอาไงล่ะหลวงตา หลวงตามีของดีอะไรให้พวกฉันป้องกันตัวบ้างหรือเปล่าขอซักนิดเถอะนะหลวงตา เพื่อความมั่นใจ"
หลวงตาส่ายหน้า
"ข้าไม่มีหรอก มีแต่พุทธคุณจะคุ้มครองพวกเอ็งได้"
"เซ็งแล้ว ๆ" เค้งบอก
"ปล่อยกลับไปบ้านก็ไม่ได้ แล้วเอาไงล่ะครับหลวงตา" โพล้งว่า
"ให้มันพักรักษาตัวที่วัดนี่ก่อนก็แล้วกัน"
เสียงป้าเงินดังเข้ามา
"ให้ใครรักษาตัวที่วัดหรือเจ้าคะ"
ทุกคนตกใจหันไปมอง
จำปี ลำจวน ประคองป้าเงินเดินเข้ามา ทุกคนมองหน้าเลิ่กลั่ก
"เป็นอะไรของพวกเอ็ง ทำหน้าเหมือนเห็นผี"
ทุกคนก้มหน้า ป้าเงินมองกราด ไปเห็นมากนอนอยู่ที่พื้น
ป้าเงินตะลึง
"ไอ้ทิดมาก"
พวงจันทร์นั่งเครียด ปุกนั่งพัดไปก้มหน้า ไม่กล้าสบตา เพลิงนั่งสอพลอแม่
"งามหน้ามั๊ยล่ะแม่ หายหัวไปทั้งวันทั้งคืนแบบนี้" เพลิงว่า
"ประเดี๋ยวมันโผล่มา แม่จะเฆี่ยนมันให้ยับทั้งตัวเลยคอยดู"
เป็นจังหวะเดียวกับที่พิมเดินขึ้นบ้านมาสีหน้าเหนื่อยอ่อน เพลิงโดดขึ้นชี้หน้าทันที
"แม่ นังพิมมาแล้ว จัดการเลย"
พวงจันทร์ชี้หน้า
"นังลูกไม่รักดี ให้ไปเก็บเงิน นี่หายไปข้ามคืนเชียวหรือ อายเขาบ้างมั๊ยเนี่ย อย่างนี้มันต้องตีให้หลังลาย"
พวงจันทร์เงื้อไม้จะตี ปุกรีบโดดขวาง
"อย่าตีเจ้าค่ะอย่าเพิ่ง"
ปุกหลับตาปี๋เตรียมตัวรับไม้แทน พอลืมตา
ทุกคนมองที่พิมซึ่งสีหน้าเหนื่อยอ่อน
"ก่อนจะตีฉันให้ตาย ขอให้ฉันพูดอะไรหน่อยได้มั๊ย"
ทุกคนมองหน้ากันงงมาก
"เอ็งจะมาไม้ไหนของเอ็งนังพิม อย่าไปฟังมันแม่ มันหาเหตุมาได้ตลอด นั่นแหละ ตีมันเลย จะได้เข็ดหลาบ"
"คุณนายเจ้าขา อย่าตีนะเจ้าคะ ฟังเหตุผลคุณหนูก่อน"
ปุกยื้อยุดไม้ พวงจันทร์ไว้
"ว่ามาซิ เอ็งหายหัวไปไหนมาทั้งคืน"
"ฉันไปบางพระโขนงมา แล้วเมื่อคืนฉันก็อยู่ที่วัดทั้งคืน"
ทุกคนมองหน้ากันแปลกใจ
"ตอแหล เอ็งไปอยู่วัด อย่าบอกนะว่าไปสวดมนต์ แล่นไปหาผู้ชายสิไม่ว่า"
"ใช่ฉันไปหาผู้ชาย เพราะฉันไม่อยากให้พี่เพลิงบาปหนาสาหัสไปมากกว่านี้ แล้วที่ฉันสวดมนต์ เพราะเมื่อคืนนี้ ฉันได้เห็นผีแม่นากกับตา"
ทุกคนร้อง "ผีแม่นาก"
"ใช่เห็นกับตาว่าผีแม่นากมีจริง แล้วฉันมั่นใจว่า แม่นากคงไม่หยุดแค่ นี้" พิมหันมาจ้องหน้าเพลิง "แม่นากคงต้องเอาเรื่องทุกคนที่ทำให้เขาต้องตาย คนที่เขาหาเรื่องคอยทำร้ายผัวเขา"
"เอ็งพูดอะไรของเอ็ง ข้าไม่รู้เรื่อง"
"อย่ามาโกหก ใครทำให้แม่นากเจ็บจนแท้งลูก ใครซ้อมพี่มั่นจนเจ็บปางตาย แล้วใครส่งคนไปฆ่าพี่มาก"
"กูไม่รู้ กูไม่เกี่ยว"
"ช้างตายทั้งโขลง จะเอาใบมะยมมาปิดหรือพี่เพลิง"
พิมจ้องหน้าเพลิงดุ เพลิงถอยหนีจนสุดที่เสา พิมถอนหายใจเฮือก
"พี่ส่งฉันไปไหว้ขอขมาแม่นาก ทั้งๆที่รู้ว่าผีแม่นากมีจริง พี่ยังคิดว่าฉันเป็นน้องหรือเปล่า พี่เพลิงพี่ไม่ห่วงฉันบ้างหรือ"
พวงจันทร์เข้าข้างเพลิง
"แล้วยังไง ตอนนี้เอ็งก็มายืนชี้หน้าพี่ว่าเชื้ออยู่ได้ไม่ใช่หรือ"
"แม่ ฉันก็เป็นลูกนะ"
"ข้ารู้ว่าเอ็งเป็นลูก แต่มีลูกสาวก็เหมือนมีส้วมอยู่หน้าบ้าน ขืนเอ็งยังทำก๋ากั่น ไม่รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัว ฝากผีฝากไข้ไว้กับพี่เพลิงเขา ต่อไปเขาไม่เลี้ยงไม่รักเอ็ง แม่ก็ช่วยไม่ได้"
"แม่!"
"กูประกาศไว้ตรงนี้เลย ใครที่เป็นศัตรูกับพ่อเพลิงลูกข้า ก็ถือว่ามันเป็นศัตรูกับข้าด้วย พิมเอ็งจะเข้าข้างคนอื่น ก็ตามใจ แต่กูเข้าข้างเลือดของกู ถ้าเอ็งจะเห็นคนอื่นดีกว่าพี่น้องกูก็ตัดขาดมึงได้"
พิมจ้องหน้าแม่น้อยใจ เดินเข้าห้องไป ปุกมองพวงจันทร์แล้วถอนหายใจตามพิมไป
เพลิงหันไปมองหน้าแม่ แล้วโผเข้าไปกอด
"แม่จ๋า แม่ต้องช่วยเพลิงด้วยนะจ๊ะแม่จ๋า"
"ให้มันรู้ไปว่าอีนากผีไม่มีสกุลจะมาเก่งกว่ากูไปได้ ก็คอยดู"
พวงจันทร์จริงจังมาก เพลิงหน้าวิตก
พิมเดินเข้ามาในห้อง ปุกเดินตามมามองพิมอย่างเห็นใจ
พิมน้อยใจ ร้องไห้ แต่พยายามปาดน้ำตาไม่ให้ปุกเห็น ปุกเดินมากอดพิมไว้
"ทูนหัวของบ่าว อย่าร้องไห้เลยนะเจ้าคะ"
"ฉันเข้าใจว่าแม่รักลูกชาย รักพี่เพลิงมากกว่าฉัน ฉันถึงได้พยายามพิสูจน์ตัวเองว่าถึงฉันเป็นผู้หญิง ฉันก็มีค่าได้ ถึงบวชเรียนไม่ได้ก็เถอะ แต่แม่ทำแบบนี้มันเกินไปจริงๆ"
"อย่าพูดอย่างนั้นนะเจ้าคะ ต่อว่าติเตียนพ่อแม่ เป็นบาปหนักนัก ทำอะไรก็ไม่เจริญ ไม่เอาเจ้าค่ะ"
"ฉันทนเห็นพี่เพลิงทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้ไม่ได้ คนตั้งมากมายต้องมาทุกข์มาร้อน เพราะพี่เพลิง มันถูกต้องแล้วหรือ ถ้าแม่ตักเตือนพี่เพลิงซักหน่อย เรื่องก็คงไม่บานปลายขนาดนี้หรอก"
ปุกมองหน้าพิมเห็นใจ แต่ไม่รู้จะพูดอย่างไร
"นี่ยังจะไปหาซื้อที่ซื้อทางที่โน่นอีก เฮ้อ ฉันละหนักใจ ไม่รู้เวรกรรมอะไรทำให้เราต้องมาพบมาเจอกับคนพวกนี้ มาสร้างเวรต่อกรรมกับคนพวกนี้ไม่รู้จบรู้สิ้น"
"คุณหนูต้องทำใจนะเจ้าคะ บางทีเราก็ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วเขาทำเวรทำกรรมอะไรกันไว้ เราต้องปล่อย"
พิมฮึด
"ปล่อยไม่ได้หรอก กรรมที่พี่เพลิง ทำกับเขามันมีผลมากระทบกับตัวฉันด้วย ฉันไม่ยอมรับผลจากสิ่งที่ฉันไม่ก่อด้วย ฉันไม่ยอม"
พิมสีหน้าจริงจังมาก พิมปากน้ำตา ลุกขึ้นยืน
"ยังไงฉันก็ไม่เข้าข้างพี่เพลิงหรอก คนผิดก็ต้องรับกรรมที่เขาก่อ แต่ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด จะฉันจะรับผิดชอบด้วยไม่ได้หรอก"
พิมลุกขึ้นเดินไปมองที่หน้าต่างสีหน้าครุ่นคิด
ปุกแอบถอนหายใจเฮือก
"โอ๊ย อีปุกอยากตาย"
พิมหน้านิ่ง
มากนอนอยู่บนศาลา ทุกคนจ้องมาที่มากคนเดียว
มากค่อยๆลืมตาฟื้นขึ้นมา และทุกคนยังพร่ารางเลือน
"ไอ้มาก นี่ข้านะ ไอ้มั่นไง"
"พี่มั่น"
มากลืมตาตื่นเต็มที่ ลุกขึ้น แล้วร้องโอ๊ย
"ทำไมมันถึงได้เจ็บแบบนี้ก็ไม่รู้ แม่นาก แม่นากอยู่ที่ไหน"
มากได้สติ หันมองหน้ามั่น
"มันเรื่องจริงใช่มั๊ยพี่มั่น ข้าไม่ได้ฝันไปใช่มั๊ย"
หลวงตาบอก
"ไอ้มากเอ๊ย ตั้งสติก่อน"
มากหันไปกราบหลวงตา แล้วนั่งนิ่ง
"ไหนเอ็งเล่ามาสิ เป็นยังไงมายังไง กลับมาถึงพระโขนงนี่นานแค่ไหนแล้ว"
มากนิ่งคิด พยายามลำดับเหตุการณ์
"ข้ากลับมาจากชายแดน..."
ทุกคนฟังมากอย่างตั้งใจ
ที่เรือนแม่นาก
แม่นากนั่งสะอึกสะอื้น กอดลูกร้องไห้อยู่บนเรือน
"ไอ้แดง คนพวกนั้นเอาพ่อของเอ็งไปแล้ว ทำไมเขาต้องพรากครอบครัวของเราด้วย"
แม่นากร้องไห้สะอึกสะอื้น แล้วจู่ๆก็หันขวับไปมองอีกทาง สีหน้าดุร้าย
แม่นากเลือนร่างไปทันที
ที่มุมหนึ่งหลังเรือนแม่นาก นางตานียืนยิ้มอยู่
แม่นากปรากฏร่างขึ้น สีหน้าเครียด
"แม่ตานี เอ็งมาเรือนข้าทำไม"
นางตานียิ้ม
"ข้าก็มาดูเอ็งล่ะสินังนาก เป็นยังไง ทีนี้เชื่อข้าหรือยัง บอกแล้วไง ผีกะคนน่ะ อยู่ด้วยกันไม่ได้หรอก ยังไงก็ไม่ได้"
"ไม่จริง พี่มากอยู่กับข้ามาตั้งนาน ถ้าไม่มีคนมายุ่ง พี่มากก็ยังอยู่กับข้าต่อไป"
"นาก เอ็งนี่มันผีหัวดื้อจริงๆ ยอมรับความจริงซะบ้าง คนกับผีอยู่ร่วมกันไม่ได้ ลืมตาขึ้นมามองความจริงเถอะ นากเอ๊ย"
"ข้าไม่เชื่อ พี่มากรักข้า ข้าก็รักพี่มาก เราจะอยู่ด้วยกัน ไม่ว่า อะไรจะเกิดขึ้น"
"รู้มั๊ย ชีวิตคนน่ะผิดพลาดมากที่สุด ก็เพราะความรักนั่นแหละ รวมทั้งผีอย่างเอ็งด้วยนังนาก"
"ไม่ต้องมาสอนข้า แล้วเอ็งล่ะดีกว่าตรงไหน เอ็งก็ยังใช้มนต์หลอกล่อผู้ชายมาสมสู่ไม่เว้นแต่ละคืน"
"เฮ้อ เอ็งนี่ไม่เข้าใจใช่มั๊ยอย่างข้าเนี่ย เขาเรียกว่าความกิเลส ข้าไม่ผูกพัน กับใครทั้งนั้น เพราะข้ารู้ ความผูกพันมันนำมาซึ่งความทุกข์ สัมภเวสีอย่างข้า ล่องลอยไม่รู้ว่าวันไหนจะหมดวาระหมดกรรม อะไรที่มันเป็นความสุข ข้าก็ฉวยไว้ แต่ข้าไม่ทำให้ใครเดือดร้อนล้มตายเหมือนกับเอ็งหรอก"
"ข้าไม่เคยฆ่าใคร พวกมันเป็นไปตามกรรมของมัน"
"เออ เอ็งจะคิดแบบไหน คิดอย่างไร ก็เอาที่เอ็งสบายใจก็แล้วกัน แต่ข้าขอบอกว่า ไม่ว่าอย่างไร เอ็งต้องปล่อย ถ้าเอ็งยิ่งยึด เอ็งจะยิ่งเจ็บช้ำ ถึงไอ้มากกับเอ็ง จะรักกันมากแค่ไหน ก็ฝืนความจริงข้อนี้ไม่ได้หรอกนากเอ๊ย"
"ไม่จริง พี่มากต้องกลับมาหาข้าแน่นอน"
นางตานีขำ
"นังโง่ ป่านนี้เขาคงปรึกษากันแล้วว่า ทำยังไง จะหนีให้พ้นมือเอ็ง หรือไม่ก็คงคิดอ่านหาคนเก่งๆมาปราบเอ็ง เชื่อข้าสิ ข้าเป็นผีมาก่อน ข้ารู้"
นางตานีเลือนร่างหายไป นากครุ่นคิดสีหน้าเครียด
"ข้าไม่ยอมให้ใครมาพรากพี่มากไปจากข้าได้ ไม่มีทาง"
อ่านต่อหน้า 4
แม่นาก ตอนที่ 9 (ต่อ)
ทุกคนนั่งฟังมากเล่าเรื่องราว สีหน้าครุ่นคิด
"แสดงว่าเอ็งก็กลับมาเกือบ2เดือนแล้วสิ มิน่าเล่า เอ็งถึงได้ดูซูบซีดอย่างนี้" หลวงตาบอก
"ข้าไม่เคยคิดเลยว่านากจะเป็นผี ไม่น่าเชื่อเลย"
"คงเพราะความรัก ความผูกพันที่นากมันมีต่อเอ็ง มันลึกซึ้งมาก การที่มันตายกระทันหัน มันยากที่จะตัดบ่วงได้"
"แล้วเราจะทำอย่างไรเล่าขอรับหลวงตา" มั่นถาม
"ข้าก็ไม่รู้ แต่คิดว่า นังนากมันคงไม่ยอมรับเรื่องนี้ได้หรอก ไม่อย่างนั้น มันคงไม่กักตัวไอ้มากไว้นานขนาดนี้"
"โอ๊ย ถ้านังนากมันไม่ยอม ไอ้มากมิต้องอยู่วัดไปตลอดหรือขอรับ" โพล้งว่า
"งั้นเอ็งจะเอายังไง ส่งมันให้ไปอยู่กับนังนากหรือ" ทุ้ยบอก
"แล้วนังนากมันจะไม่กลับมาแก้แค้นพี่หรือ พี่กับพี่มั่นไปลากตัวพี่มากมานะข้าไม่เกี่ยว" เค้งบอก
ทุกคนทำท่าจะถกเถียงกัน หลวงตายกมือห้าม
"เอาอย่างนี้ก่อน ไอ้มากเอ็ง ถือศีลวิปัสสนา อุทิศส่วนกุศลให้แม่นากก่อน อย่างน้อยที่สุด กุศลผลบุญจะนำส่งให้จิตใจนากมันสงบเยือกเย็นลงได้ เรื่องอย่างนี้คงต้องใช้เวลา"
"ขอรับ หลวงตา"
มากสีหน้าวิตก มั่นมองมากอย่างเป็นห่วง
ทุ้ยเค้งโพล้ง วิตก
ตอนเย็น ป้าเงินนั่งเครียด สีหน้าครุ่นคิด ถึงความฝัน นากมาเรียกบอกให้ป้าเงินช่วย
"ป้าเงินจ๋า ป้าช่วยฉันด้วย ช่วยฉันด้วย"
ป้าเงิน ถอนหายใจ
"เวรกรรมอะไรของเอ็งวะ นังนากเอ๊ย ตายแล้วยังมีห่วงไม่จบไม่สิ้น"
ป้าเงิน ลุกขึ้นเดินออกไปมองที่หน้าต่าง เห็นพระอาทิตย์เริ่มคล้อยลงที่ยอดไผ่
บริเวณท่าน้ำเรือนแม่นาก ลมพายุพัดปั่นป่วน แม่นากเลื่อนตัวมาที่ท่าน้ำ
"พี่มากจ๋า..."
หน้าเรือนป้าเงิน ฝนตก พายุพัดกระหน่ำ ฟ้าแล่บ
ป้าเงิน จำปี ลำจวน นั่งกอดกันมองซ้ายมองขวา สีหน้าหวาดกลัว ป้าเงินนั่งหลับตาสวดมนต์พึมพัม
ภายในบ้านหลังอื่น ชาวบ้านวิตกตื่นกลัว ปิดประตูหน้าต่าง ปังๆ
อีกบ้านหนึ่ง ชาวบ้านมองซ้ายมองขวา อย่างหวาดกลัว ชวนกันมุดเข้ามุ้ง คลุมโปง
แม่นากเลื่อนตัวมาหยุดยืนมองที่หน้าวัด
"พี่มากจ๋า ออกมาหาเมียเถิด... พี่มากจ๋า"
ในศาลาวัด ทุกคนกำลังสวดมนต์ ทำวัตรเย็น
"พี่มากจ๋า....ออกมาหาเมียก่อน"
มากลืมตาขึ้นทันที หันขวับไปมองที่หน้าวัด ลุกขึ้น
"แม่นาก"
มั่น ทุ้ย เค้ง โพล้ง หันไปคว้ามือมากไว้
"ไอ้มาก เอ็งต้องสงบใจไว้นะ" มั่นว่า
"แต่ว่า แม่นากมา"
หลวงตาบอก
"ไอ้มากเอ๊ย ถ้าเอ็งอยากจะยุติเรื่องทั้งหมด เอ็งต้องใจแข็งไว้ ตั้งสติแล้ว สวดมนต์แผ่เมตตาต่อไป"
มั่นจับมือมากกระตุกเพื่อเตือน มากถอนหายใจ หันกลับมาข่มใจหลับตาสวดมนต์ต่อไป
แม่นาก ยืนมองที่หน้าวัด สีหน้าผิดหวัง
"พี่มากจ๋า พี่หมดรักนากแล้วหรือ จำที่พี่สัญญาไว้กับนากไม่ได้หรือจ๊ะ จำไม่ได้หรือ"
แม่นากทรุดตัวลงนั่งร้องไห้คร่ำครวญ
มากพยายามข่มตา สวดมนต์
พลันนึกถึงภาพในอดีต เมื่อนากยังมีชีวิตอยู่
มากกับนาก อ้อล้อ กันในบึงบัว ดอกบัว ดอกโสน บานสะพรั่ง
ทั้งคู่พายเรือเก็บสายบัวมีความสุขยิ้มส่งตาให้กัน
มากเก็บดอกบัวดอกสวย แล้วเอามือจับผมของนากแล้วรวมผมทัดหูให้ พลางยิ้มจ้องตา
นากดมกลิ่นดอกบัวแล้วส่งให้มาก มากรับมาดม แล้วเคี้ยวสายบัวกลืนเข้าคอไป นาก
หัวเราะขำ
มากโน้มกิ่งโสนให้นาก เก็บดอกใส่ในใบบัวที่วางไว้ สองคนยิ้มให้กัน
มากลาแม่นากที่หัวสะพาน ก่อนจะไปรบ แล้วก้าวขึ้นเรือ
"รักษาตัวด้วยนะจ๊ะพี่มาก"
"นากก็เหมือนกันรักษาตัวให้ดีด้วย"
นากจับมือกับมากไว้จนเรือค่อยๆห่างออกไปมือสองคนหลุดจากกัน
"พี่มากจ๋า....ฉันจะรอพี่ที่ตรงนี้ วันที่พี่กลับมาพี่จะได้เห็นฉันกับลูกนะจ๊ะพี่มาก"
มากยืนอยู่บนเรือน กอดปลอบใจแม่นาก
"พี่สัญญา พี่จะอยู่กับตลอดไป พี่สัญญา"
มากกอดนากไว้สีหน้ากดดัน นากร้องไห้สะอึกสะอื้น
มากเครียด
"โธ่นากของพี่"
มากทนเสียงเรียกของนากไม่ไหว ลุกขึ้นวิ่งออกไปจากศาลา
"มาก"
มั่นลุกขึ้นวิ่งตามไปทันที
ทุ้ยเค้ง โพล้งมองหน้าหัน แบบเอาไงดี แล้วถอนหายใจวิ่งตามออกไป
หลวงตาลืมตาขึ้นถอนหายใจหนักอก
มากวิ่งมาหยุดยืนมองไปที่หน้าวัด เห็นแม่นาก นั่งร้องไห้อุ้มลูกอยู่
"แม่นาก พี่ขอโทษ พี่ขอโทษจริงๆ"
"พี่มากจ๋า พี่กลับมาอยู่กับฉันกับลูกเถิดนะ"
หลังมาก มั่น ทุ้ย เค้ง โพล้งวิ่งมา
"แม่นาก อย่าทำแบบนี้ แม่เป็นผี อยู่กับคนไม่ได้หรอก มันผิด" มั่นบอก
"พี่มั่น พี่อย่ามายุ่งกับชีวิตของฉัน ทุกคนนั่นแหละ"
"แม่นากเอ๊ย กลับไปเถิด อย่าห่วงอะไรอีกเลย ชาตินี้เราทำบุญร่วมกันมาเพียงเท่านี้ ถ้าชาติหน้ามีจริง เราคงได้อยู่ร่วมกันอีก นะแม่นากนะ"
นากเสียใจ มองมากอย่างตัดพ้อ
"เพราะฉันเป็นผี พี่ถึงรังเกียจฉันใช่มั๊ย ทำไม พี่หมดรักฉันง่ายดายถึงเพียงนี้"
"พี่ไม่เคยหมดรักเจ้าเลยแม่นาก ไม่เคยเลย ถึงเวลานี้ พี่ก็ยังรักแม่ตลอด ไม่มีน้อยลง"
"แล้วทำไม พี่ถึงไม่ยอม มาอยู่กับฉัน"
มากนิ่งเงียบ
"เพราะเอ็งกับไอ้มากมันอยู่กันคนละภพ นากเอ๊ย ยิ่งเอ็งยื้อยุดแบบนี้ เอ็งจะยิ่งบาปหนักหนาขึ้น ตัดใจซะเถิดนังนากเอ๊ย" หลวงตาบอก
นากโกรธแค้น ตาแดงวาบ พายุรอบๆตัวนากหมุน จนกระทั่ง มั่น มากทุ้ย เค้งโพล้งเซไปเพราะแรงลม
"หลวงตาเป็นพระจะมารู้อะไรเรื่องของความรัก"
"ใช่ ข้าไม่รู้เรื่องของพวกเอ็งหรอก แต่ข้ารู้เพียงว่า ความยึดมั่น ถือมั่นของเอ็ง จะทำให้เอ็งเป็นทุกข์ ข้าขอเถอะนากเอ๊ย ปล่อยไอ้มากไปตามทางของมัน"
"ไม่มีทาง ไม่มีวัน ข้าไม่มีวันปล่อยพี่มากไป พวกเอ็งขวางข้า พวกเอ็งก็คือศัตรูหัวใจของข้า"
นากลุกขึ้นเดินลุกเข้ามาในวัด ทุกคนรวมตัวกันไปอยู่หลังหลวงตาพายุพัดลมกระหน่ำ
ในห้อง ป้าเงินนั่งสวดมนต์ จำปีกับลำจวนนั่งสวดมนต์ผิดๆถูกๆอยู่ด้านหลัง
ลำจวน ลืมตาขึ้นซ้ายทีขวาที แล้วหันไปสะกิดจำปี
"นังจำปี เอ็งคิดว่านากมันจะมาหลอกเราหรือ"
"ไม่รู้เหมือนกัน แต่กลัวไว้ก่อนไม่ได้หรือ"
"นังบ้า แล้วก็ไม่บอก ทำเอาข้าขวัญผวา"
ทั้งคู่มองไปที่ป้าเงิน เห็นป้าเงินกำลังสวดมนต์เสร็จ กราบพระ
"ป้าเงินจ๊ะ ป้าคิดว่า นากมันจะมาหลอกเราได้ลงคอเชียวหรือ" จำปีว่า
"ข้าไม่คิดว่ามันทำหรอก แต่สิ่งที่ข้ากลัวก็คือ นากมันจะหลงทางผิด"
ลำจวนถาม
"ทำไมจ๊ะป้า เป็นผีหลงผิดได้หรือ"
"โธ่ คนเราตอนตายน่ะ จิตใฝ่ไปทางใด มันจะน้อมนำให้เราเดินไปทางนั้น ถ้าจิตเป็นกุศล มันก็จะเดินไปในทางที่ดี แต่ถ้าจิตเราผูกพันกับเรื่องร้าย มันก็จะเดินไปในอบายภูมิ ข้าไม่อยากให้นากมันตกนรกเพราะหลงผิด"
"แล้วเราจะทำยังไงดีล่ะป้า"
"จะไปทำอะไรได้ ก็ได้แต่ภาวนาให้มันสำนึกได้เดินทางที่ถูก ให้มันอภัยให้กับทุกคนที่ทำบาปทำกรรมกับมันน่ะสิ"
ป้าเงินหน้าเครียด ลำจวนหันไปมองหน้าจำปีแบบไม่เข้าใจ
จำปีนิ่งคิด
นากเดินตรงเข้ามาจะบุกเข้ามาในวัด
"นากเอ๊ย เอ็งอย่าก่อเวรสร้างกรรมอีกเลย" หลวงตาบอก
"หลวงตาอย่ามายุ่ง เป็นพระก็อยู่ส่วนพระ อย่ามายุ่งเรื่องของฉัน"
หลวงตานิ่ง ส่ายหน้า หลับตาสวดมนต์
"พี่มากจ๋า ใครมันขวางพี่มากกับฉัน ฉันจะฆ่ามันให้หมด คอยดู"
มากทำท่าจะวิ่งออกไป มั่นดึงมือไว้ ทุ้ยเค้งโพล้งก็รีบฉุด กอด ดึงทึ้งไม่ให้มากออกไป
"ยังไงฉันก็ไม่ให้เอ็งออกไป ไม่ยอม"
"ปล่อยกู กูจะไปหาแม่นาก ปล่อยกู"
นากมองทุกคนด้วยแววตาโกรธแค้น เลื่อนตัวเข้ามาในเขตวัด
ตัวนากเหมือนไฟช๊อตร้องกรี๊ดก่อนเลือนหายไปทันที
ทุกคนชะงักมองดูนาก อย่างสงสาร
"แม่นาก โธ่ แม่นาก"
"เอ็งเห็นแล้วใช่มั๊ย ถึงเอ็งจะอยากไปอยู่กับนังนากก็เถอะ มันเป็นกฎธรรมชาติ เราฝืนมันไม่ได้หรอก ไอ้มากเอ๊ย"
มากสงสารนาก ทรุดตัวลงนั่งร้องไห้ ตรงนั้น ทุกคนมองมากด้วยความสงสาร
หลวงตา ส่ายหน้า เดินกลับเข้ามาในวัด
มากนั่งร้องไห้ คร่ำครวญอยู่
คืนเดียวกัน ขุนเพชรนั่งอยู่บนเรือน พวงจันทร์สีหน้าวิตก
"ทำไมบ้านช่องมันถึงได้เงียบแบบนี้ พิมมันไปไหนเสียล่ะ"
ปุกทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
"เห็นว่า ป่วยน่ะเจ้าค่ะคุณพี่"
"อ้าว แล้วเจียดหยูกเจียดยาให้ลูกหรือยังแม่พวง"
"ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ นังลูกสาวคนโปรดของพี่ขุนน่ะ มันหัวแข็ง"
พวงจันทร์ประชด ขุนเพชรมองแปลกใจ
"เออจริงสิ เรื่องที่ทางพระโขนงเป็นอย่างไรบ้าง ไปถึงไหนแล้ว"
"ยังไม่เท่าไหร่หรอกเจ้าค่ะ ตอนนี้ มันมีเรื่องยุ่ง"
"จัดการให้เร็วหน่อย นี่ขุนณรงค์เขาแจ้งข่าวมาว่าเดือนหน้าเขาจะไปเที่ยวดูที่ดูทางทางพระโขนง ที่สำคัญคุณชมนาดจะมาด้วย"
พวงจันทร์ตกใจ
"ตายจริง จะดีหรือเจ้าคะ เราจะเตรียมต้อนรับขับสู้ทันหรือ บ่ายเบี่ยงไปก่อนดีมั๊ยเจ้าคะ คุณพี่"
"จะบ่ายเบี่ยงทำไม ตอนนี้แหละเป็นโอกาสที่จะทำให้ไอ้เพลิงกับคุณชมนาดน่ะสนิทสนมกัน เออจริงสิ เรื่อง ที่น่ะ ทำไมถึงไม่คืบหน้า มันมีเรื่องอะไรหรือ"
พวงจันทร์นิ่ง ปุกเมินหน้าไปมองทางอื่น
"อะไรกัน ถามไม่ตอบ อมพะนำอะไรอยู่"
ในห้องเพลิงนั่งกลุ้มอยู่ในห้อง มองซ้ายมองขวาด้วยความหวาดระแวง
พิมเปิดประตูผางเข้าไป เพลิงตกใจ
"จะบ้าหรือ โอ๊ย หัวใจเกือบวาย เข้ามาทำไมวะ นังพิม"
"ฉันก็อยากเข้ามาเยี่ยมพี่น่ะสิ"
พิมทำหน้าเฉยเมย เดินเข้าไปดูเพลิงใกล้ๆ ยิ้มสวยจับมือเพลิงขึ้นมาแนบแก้ม
เพลิงแปลกใจทำหน้าขยะแขยง สะบัดมือหนี
"ทำอะไรของเอ็ง โดนแม่ด่าจนเพี้ยนหรือไง"
"เปล๊า ฉันแค่อยากเข้ามาดูพี่เพลิงใกล้ๆ ตอนที่พี่เพลิงยังดีๆอยู่น่ะสิ"
"เอ็งพูดอะไรของเอ็งวะนังพิม ข้าก็ดีตลอดนั่นแหละ จะไปมีอะไรเสีย ข้าเพลิงซะอย่าง รูปหล่อ หน้าตาดี มีเงิน ผู้หญิงมองข้ายังกะขนมหวาน วิ่งเข้าใส่ วิ่งเข้าหา เฮอะ จะเสียตรงไหน"
เพลิงยิ้มภูมิใจมาก พิมมองหน้าเพลิงอย่างเห็นด้วย
"พี่อาจจะดูดีสำหรับคน สำหรับผู้หญิงทั่วไป แต่......ไม่ใช่ผีอย่างแม่นากแน่"
เพลิงตกใจ แต่ทำไม่กลัว
"นังพิม เอ็งนี่มันกวนประสาทข้าจริงๆ ไปห่างๆเลยไป๊"
"เห็นแก่พี่เพลิงเป็นสายเลือดเดียวกับฉัน ฉันถึงได้มาเตือน เลิกวุ่นวายกับพวกพี่มากซะที ไม่อย่างนั้น จบไม่สวยแน่"
"หนอย คำนึงก็พี่มาก สองคำก็แม่นาก ไปสนิทสนมกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ อย่าบอกนะว่าเอ็ง มีใจให้ไอ้มาก"
พิมจ้องหน้า)
" ถ้ามีแล้วจะยังไง อย่างน้อยเขาก็ไม่ทำตัวชั่วร้ายเหมือนพี่"
เพลิงเงื้อมือตบเปรี้ยง แล้วชะงัก พิมหันหน้ามามองสีหน้าเจ็บช้ำ พิมปากแตก
"ไสหัวเอ็งไปจากห้องข้า ถ้ายังคิดว่าข้าเป็นพี่ นังน้องไม่รักดี"
"ถึงพี่จะตีฉันให้ตายฉันก็จะขอพูดทำเดิม อย่ายุ่งวุ่นวายกับคนพวกนั้นอีก"
เพลิงชี้ไป"
พิมน้อยใจ มองหน้าเพลิงตัดพ้อ แล้วเดินออกไป
พอพิมลับตัวไป เพลิงนั่งลงคิดหนัก
มุมหนึ่งหน้าเรือนป้าเงิน จำปีกำลังเดินถือธูปมา มองซ้ายมองขวาอย่างระแวง จำปียกมือ
ไหว้อธิษฐาน
"นากเอ๊ย อย่ามาหลอกพวกฉันเลยนะ"
มุมหนึ่ง นากปรากฏร่างขึ้น สีหน้าเจ็บปวด
จำปีรู้สึกขนลุกเกรียวมองซ้ายมองขวา เหมือนสัมผัสพลังงานจากนาก
"ฉันยอมรับว่ากลัว กลัวมาก ป้าเงินอยากให้เอ็งปล่อยวาง เดินไปในทางที่ถูก ตัดอกตัดใจเสียเถอะนะ"
"ทางไหน ในเมื่อทุกคนพยายามจะกีดขวางไม่ให้ฉันได้อยู่กับคนที่ฉันรัก ทำไมต้องทำแบบนี้"
"นากเอ๊ย ยกโทษให้พี่มั่น พี่โพล้ง พี่เท้ง ไอ้ทุ้ยมันด้วย ที่มันทำไปก็เพราะเป็นห่วงพี่มาก ส่วนไอ้เพลิงกับน้องมัน แม่พิมน่ะ ฉันไม่รู้จะว่าอย่างไรแต่ไหนๆแล้วให้อภัยมันไปซะเถิด อย่าถึงกับฆ่ากับแกงกันเหมือนยัยปริกเลย นะนาก แล้วฉันจะทำบุญส่วนอุทิศไปให้ทุกวัน ถึงฉันตำน้ำพริกไม่อร่อยเท่าแม่ก็เถิด แต่ฉันจะพยายามนะ นาก"
นากเลื่อนตัวเข้าไปใกล้ กอดจำปีไว้ เหมือนต้องการกำลังใจ จำปีตัวแข็งขนลุกเกรียว เพียงแต่จำปีมองไม่เห็น
จำปีสะบัดเนื้อสะบัดตัว แบบกลัวสัมผัสนั้น แม่นากผงะ
"พี่รังเกียจข้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ"
"ทำไมมันน่ากลัวแบบนี้นะ ขนลุกเกรียวโอ๊ย"
จำปีปักธูปไว้ที่กลางแจ้ง
เสียงลำจวนเรียก "จำปี นังจำปี"
จำปีตะโกนตอบ
"รอประเดี๋ยว ... ไปที่ชอบที่ชอบเถอะนะแม่นากเอ๊ย"
แม่นากมองจำปีเสียใจ
"ทุกคนรังเกียจข้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ แต่ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็ต้องพาพี่มากกลับไปอยู่ที่เรือนให้ได้"
แม่นากสีหน้าจริงจังมาก
จำปีกำลังก้มหน้าก้มตาไหว้ แล้วรีบขึ้นเรือนไป
บนศาลา มาก มั่น ทุ้ย เค้ง โพล้งนอนเรียงกันตรงหน้าพระพุทธรูป
มากกระสับกระส่าย นอนไม่หลับคิดหนัก
"ป่านนี้นากจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้"
เสียงจำปีเรียก "พี่มาก พี่มาก"
มากสะดุ้ง เงี่ยหูฟัง เสียงนั้นมากได้ยินเพียงคนเดียว
มั่นพลิกตัวมาเห็นมากนิ่งตั้งใจฟังเสียง
"อะไรหรือไอ้มาก"
"ข้าได้ยินเสียงจำปี"
"จำปีหรือ เป็นไปไม่ได้ ดึกดื่นป่านนี้ ออกจากบ้านมา ป้าเงินได้เฆี่ยนหลังลาย"
"แต่ข้าได้ยินจริงๆ"
"หูแว่วแล้วเอ็ง นอนไม่หลับก็ท่องพุทโธในใจ อย่างที่หลวงตาสอนนั่นแหละ"
มั่นพลิกตัวไปอีกทาง มากยังเงี่ยหูฟังอยู่
"พี่มาก พี่มาก"
มากลุกขึ้นเดินไปดูที่หน้าต่างเห็นจำปียืนโบกมือให้
"พี่มาก ช่วยฉันหน่อย"
จำปีหันหลังเดินออกไปจากหน้าวัด
มาก แปลกใจ
"รอประเดี๋ยวนะ"
มากหันกลับ รีบวิ่งจะลงจากศาลาไป
จำปีทางด้านหลังก่อนหมุนหน้ากลับมา เป็น แม่นาก
อ่านต่อตอนที่ 10