ล่าดับตะวัน ตอนที่ 16
ล่วงเข้าสู่เช้าวันใหม่ พัดลมเพดานในห้องพักห้องหนึ่งของโรงแรมจิ้งหรีดแห่งนี้ กำลังหมุนอย่างหมดแรง เสียงดังครืดคราดจนน่ากลัวว่าจะหลุดลงมาโดนคนที่นอนอยู่เบื้องล่าง
เป็นภัสสรนอนเอามือก่ายหน้าผากมองเพดานห้องอย่างคนคิดหนัก และตัดสินใจได้ในที่สุด
เสียงโทรศัพท์สายภายในหน่วยเมฆาพยัคฆ์ ที่โต๊ะทำงานผู้กำกับดังขึ้น อัคคเดชยกหูรับสาย
“ฮัลโหล”
“สวัสดีค่ะ ท่านผู้กำกับ”
อัคคเดชได้ยินเสียงแหบโหยถึงกับอึ้งไป เพราะจำเสียงนี้ได้แม่น
“ภัสสร”
“ค่ะ สรเอง สรคิดอยู่นานที่จะโทร.มา แล้วสรก็ตัดสินใจแล้ว”
อัคคเดชตื่นเต้นเพราะเพิ่งปรารภเรื่องนี้กับภูผา
“ตัดสินใจที่จะเข้ามอบตัวใช่มั้ย”
“ใจเย็นๆ ก่อนซิคะเรื่องนั้น ที่สรโทร.มาเนี่ยสรอยากให้ความร่วมมือกับตำรวจให้การเรื่องเอาผิดนายตะวันต่างหาก”
“คุณจะให้ข้อมูลเรื่องนายตะวัน”
“ค่ะ ให้ข้อมูลทั้งหมด แต่ว่าต้องมีข้อแลกเปลี่ยน” เจ้าแม่เล้าจน์เปิดฉากต่อรอง
“แล้วคุณต้องการอะไรเป็นสิ่งแรกเปลี่ยน”
“ดิฉันขอถูกกันเป็นพยานค่ะ”
อัคคเดชนิ่งไปอย่างใช้ความคิด
“ได้ ผมจะคุยกับผู้ใหญ่ให้ แต่ผมยังรับปากคุณตอนนี้ไม่ได้นะ เพราะคดีของคุณก็มีหลายคดี คุณคงเข้าใจ”
ภัสสรวางสาย แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ ด้วยท่าทีคิดหนัก
อีกฟากหนึ่ง รัฐมนตรีกฤษชัยเดินตุ๊ต๊ะกลับมาขึ้นรถที่จอดรออยู่ในลานจอดของกระทรวง ขณะจะก้าวขึ้นรถต้องชะงักเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น พอเห็นว่าเป็นเบอร์ภัสสรก็นิ่วหน้ามองอย่างแปลกใจ ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งจึงกดรับสาย
“ฮัลโหล”
ปลายสายโทร.จากอีกมุมของกรุงเทพฯ ภัสสรอยู่ในสภาพปลอมตัวขั้นสูงสุด ไม่มีคราบเก่าของเจ้าแม่เลาจน์ผู้สวยสง่าหลงเหลือให้เห็น เอ่ยทักออกไป
“สวัสดีค่ะท่าน”
สองคนคุยสายกัน
“หวัดดีคุณสร คุณนี่กล้าจริงๆ นะ ขนาดตะวันตั้งค่าหัวคุณตั้งห้าล้าน คุณยังกล้าโทร.หาผมอีก ไม่กลัวผมขายคุณให้ตะวันหรือไง”
“ไม่ค่ะ เพราะสรมีผลประโยชน์มาเสนอท่าน”
กฤษชัยหูผึ่ง สนใจขึ้นมาทันควัน ทวนคำอย่างแปลกใจ
“ผลประโยชน์…ผลประโยชน์อะไร”
ภัสสรยิ้มสมใจ เข้าทาง “สรอยากรบกวนท่านช่วยพาสรหนี เรื่องค่าป่วยการเท่าไรคุยกันได้ค่ะ”
กฤษชัยยิ้มเจ้าเล่ห์ เหมือนมีแผนชั่วอยู่ในใจ
“ถ้าผมทำแบบนั้น ตะวันมันก็เล่นงานผมเท่านั้นเองสิ”
ภัสสรเย้าแหย่ด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยอยู่ในที “ท่านกลัวนายตะวันด้วยเหรอคะ”
กฤษชัยหน้าเจื่อน เหมือนถูกหักหน้า
“เปล่า แค่ไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวโดย่ไม่จำเป็น”
ภัสสรหน้าเสียนิดๆ รู้ว่ากฤษชัยเป็นประเภทลอยตัวเหนือดราม่า ไม่ชอบหาเรื่องใส่ตัว
ความเงียบทำหน้าที่ของมันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนกฤษชัยจะออกตัวขึ้นว่า
“แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่า มันจะไม่มีทางซะทีเดียวหรอกนะคุณสร”
ภัสสรยิ้ม รีบอ้อนเอาใจ “แล้วสรต้องทำยังไงล่ะคะท่านถึงจะยอมช่วยสร”
กฤษชัยยิ้มกระลิ้มกระเหลี่ยบอกไปว่า “ถ้าคุณพาผมไปขึ้นสวรรค์กับคุณสักคืน มันก็พอมีทางเป็นไปได้”
ภัสสรได้ยิน ถึงกับต้องทำหน้าขยะแขยงอย่างที่สุด ด่าในใจไอ้อ้วนเตี้ยจอมหื่น
“คุณลองเก็บเอาไปคิดดูก่อนก็ได้ ถ้าโอเคค่อยให้คำตอบผม ผมจะรอ งั้นแค่นี้ก่อนนะ”
กฤษชัยตัดบทจะวางสาย
“เดี๋ยวค่ะท่าน”
“ว่าไง”
ภัสสรถอนใจเฮือกใหญ่ ก่อนตัดสินใจบอกรับคำไปในที่สุด “ก็ได้ค่ะ”
กฤษชัยเยื้อนยิ้มพอใจ
“เสียดายคืนนี้ผมไม่ว่าง ต้องอีกสองวัน ไปเจอผมที่โรงแรมที่คุณจัดเด็กไปให้ผม ผมจะรอนะ”
“ค่ะ แล้วเจอกัน”
กฤษชัยวางสาย สีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง
“อีหน้าโง่ เสือกมาเข้าปากกูเองนะ ช่วยไม่ได้”
ส่วนภัสสรวางสายด้วยอาการสะท้อนใจว่าเจ้าหล่อนมาถึงจุดนี้ได้ยังไง ก่อนจะรีบเดินแฝงตัวกลืนหายไปกับผู้คนที่สัญจรไปมาแถวนั้นในย่านชุมชนแออัด
ปานวาดพาตัวเองมาทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ตรงจุดเดียวกับที่ภูผาเคยพามาเที่ยวในสยามโอเชียนเวิลด์ และเมื่อหวนนึกถึงวันที่ภูผาพามา แล้วยิ้มชื่นออกมาอย่างสุขใจ
“เวลาผมไม่สบายใจ ผมจะมาไปเดินดูปลาที่สวน มันทำให้ผมสบายใจขึ้น”
“อ้าว แล้วทำไมพาวาดมาที่นี่ล่ะ”
ภูผายิ้มขำ “ที่นั่นมันร้อน กลัววาดจะไม่ชอบ”
ปานวาดพลอยยิ้มขำไปด้วย
“แล้วตู้ที่นี่มันก็ใหญ่กว่า เห็นชัดกว่าด้วย”
คราวนี้ปานวาดหัวเราะขำ
“เห็นมั้ย คุณหัวเราะแล้ว”
ปานวาดยิ้มอารมณ์ดีออกมาเมื่อนึกถึง แต่แล้วสีหน้าเปื้อนยิ้มกลับเปลี่ยนเป็นหนักใจขึ้นมาทันทีทันใด เมื่อนึกถึงข้อตกลงที่เคยคุยกับหมอกเอาไว้
“แล้วถ้าภูผาเป็นคนฆ่าเมฆจริงๆ ล่ะ คุณจะทำยังไง”
หมอกยิ้มเหี้ยมเกรียม “ผมคงต้องส่งวิญญาณมันตามไปอยู่กับเมฆ”
ปานวาดรู้สึกหวาดหวั่น ชักเริ่มทำตัวไม่ถูกว่าจะทำยังไงต่อดีในเรื่องนี้
ที่บ้านสวน ตอนค่ำวันเดียวกัน หมอกนั่งเก้าอี้โยกอยู่ตรงระเบียงหน้าบ้าน กำลังใช้ความคิดอยู่ ด้วยอาการหนักใจ คิดไม่ตก
หลินยืนอยู่มุมหนึ่งของระเบียงบ้าน นิ่งฟังเสียงการโยกของเก้าอี้ แล้วรับรู้ได้ว่าหมอกกำลังใช้ความคิด และกำลังหนักใจเรื่องบางอย่าง
หมอกนั่งใจลอย จนมีมือบอบบางของหลินแต่ไหล่นวดให้เบาๆ หมอกยิ้มดีใจ รู้สึกดีขึ้นมาทันที
“ดีขึ้นรึยังคะ”
“ครับ”
หลินชวนคุย “คิดอะไรอยู่คะ”
หมอกอึ้งไปนิดๆ บอกขึ้นอย่างไม่ปิดบังว่า
“กำลังคิดว่าใครกันแน่ที่ฆ่าน้องชายผม ผมรู้ว่าคุณไม่สบายใจที่ผมพูดถึงเรื่องนี้แต่มันเป็นสิ่งที่ผมต้องคิดและต้องทำให้ได้ ผมเข้ามาสืบเรื่องนี้พักใหญ่แล้ว แต่ก็ยังหาตัวคนฆ่าน้องชายไม่ได้ แม้แต่ของที่เขาให้ผมตามหา ผมยังหามันไม่ได้เลยสักที”
หลินคิดตาม จู่ๆ ความคิดบางอย่างผุดขึ้นในหัว หลินจึงถามออกไป
“ของที่คุณหาอยู่ในแจกันตรงหน้ารูปพ่อแม่หลิน ใช่มั้ยคะ”
“ใช่ครับ”
หลินรีบล้วงเอาล็อคเก็ตออกมา แล้วถอดออกจากคอส่งให้หมอก
“ล็อกเก็ตอันนี้เคยอยู่ในแจกันตรงหน้ารูปพ่อแม่หลินมาก่อนค่ะ”
“จริงเหรอครับแต่ตอนที่ผมแอบเข้าไปค้นบ้านคุณ มันไม่อยู่แล้วนี่ครับ แล้วผมเคยถามคุณ คุณก็บอกไม่รู้ไม่เห็นของนี่เลย”
“ขอโทษนะคะที่ปกปิดมาตลอด ตอนนั้นหลินเริ่มสงสัยแล้วว่าคุณไม่ใช่คุณเมฆ พอคุณแกล้งมาถามแบบนั้น หลินเลยรีบเอามันออกมาเพราะไม่แน่ใจในควมปลอดภัย นี่ค่ะ ของที่คุณหา”
หมอกรีบหยิบไปดู ก่อนเปิดออกแล้วเห็นรูปพ่อกับแม่หลินอยู่ภายใน หมอกมองดูย่างพินิจพิจารณา หลินรอฟังผลอย่างตื่นเต้น อึดใจต่อมาจึงเริ่มผิดสังเกตบางอย่าง เพราะรูปฝั่งพ่อของหลินไม่เรียบอย่างที่ควรเป็น เห็นถึงความผิดปกติ
“ผมขอแกะรูปดูนะครับ”
“ค่ะ”
หมอกแกะด้านรูปพ่อหินออก แล้วพบว่ามี เมมโมรีโทรศัทพ์ซ่อนอยู่ด้านหลังรูป หมอกยิ้มกว้างดีใจ
“ต้องเป็นไอ้นี่แน่ๆ
“เจอแล้วเหรอคะ”
“ครับ ผมว่าผมเจอแล้ว”
เมมโมรีการ์ดถูกเสียบเข้าคอมพิวเตอร์ หมอกไล่เปิดดู พบว่าเป็นข้อมูลธุรกิจผิดกฎหมายของตะวัน ทั้งเอกสาร และรูปถ่าย อีกประมาณหนึ่ง ทั้งบ่อน ที่พักยา โกดังเก็บอาวุธสงคราม
ภาพถ่ายบางภาพเป็นการแอบถ่ายตะวันในกิจกรรมต่างๆ เช่น นัดเจอกับกฤษชัย ไปพบแป๊ะกง เจรจากับลูกค้า และการทำงาน ในที่ต่างๆ ต่างกรรมต่างวาระ แต่ไม่มีภาพที่ตะวันอยู่ในเหตุการณ์ที่เป็นการกระทำความผิดเลยแม้แต่ภาพเดียว หมอกดูแล้วถึงกับอึ้งไป
“เป็นยังไงบ้างคะ”
“มีแต่หลักฐานเล่นงานนายตะวัน” หมอกนิ่งนึก “แสดงว่าสิ่งที่เมฆต้องการจะบอกคือ ความชั่วของนายตะวัน เมฆต้องการให้ผมจัดการนายตะวัน และ นายตะวันอาจเป็นคนที่ฆ่าเมฆก็ได้”
เหมือนหมอกมุ่งมั่นมาดหมายกับข้อสรุปนี้มาก จนหลินอดท้วงไม่ได้
“แต่หลินอยากให้คุณแน่ใจก่อน ว่าคนที่ฆ่าคือนายตะวันจริงๆ หลักฐานเพียงแค่นี้ ยืนยันไม่ได้หรอกค่ะว่าเขาฆ่าน้องคุณ ให้กฎหมายจัดการคนชั่วดีกว่าค่ะ ในเมื่อเรามีหลักฐานเรื่องผิดกฎหมายของเขาในมือแล้ว หลินว่าส่งต่อให้ตำรวจไปจัดการซะจะดีกว่า”
หมอกคิดตาม ท่าทีเหมือนเห็นด้วยกับคนรัก
เช้าวันต่อมา อ้อยนั่งแต่งหน้าสวยอยู่ที่โต๊ะทำงาน ในออฟฟิศหน่วยเมฆาพยัคฆ์ โดยไม่รู้ว่าอัคคเดชกับชบา ซึ่งรู้แล้วว่าหนอนอีกคนคือหมวดอ้อยนี่เอง สองคนแอบดูอ้อยผ่านกระจกห้องทำงานผู้กำกับ
“งานนี้ต้องยกนิ้วให้หมวดอ้อยเลย เล่นได้เนียนจริงๆ แอบเป็นสายให้นายตะวัน แต่ยังนั่งทำงานหน้าตาเฉยได้โดยไม่ทุกข์ไม่ร้อน” ชบาว่า
“เค้าเรียกตีบทแตก” อัคคเดชท้วง
“ตีซะเนียน จนเรามองข้ามไปจริงๆ ค่ะ”
“แล้วที่ตามสะกดรอยอ้อย ได้อะไรเพิ่มมารึเปล่า”
“ไม่ค่ะ หมวดอ้อยไม่ได้ติดต่ออะไรกับใครอีกเลย ใช้ชีวิตปกติธรรมดาเหมือนเดิมเป๊ะ”
อัคคเดชนิ่งใช้ความคิด “ยังไงก็ตามต่อไปละกัน”
“รับทราบค่ะ”
อึดใจต่อมาเสียงโทรศัพท์มือถือของอัคคเดชดังขึ้น เห็นเป็นเบอร์ไม่คุ้นเอาเลย แต่ก็กดรับสาย
“ฮัลโหลครับ”
เสียงหมอกดังลอดออกมาว่า “ผู้กำกับอัคคเดชใช่มั้ยครับ”
“ครับ ผมอัคคเดชพูดสาย ไม่ทราบว่าผมกำลังเรียนสายอยุ่กับใครครับ”
หมอกพูดสายกับอัคคเดช ตรงมุมลับตาหน้าหน่วยเมฆาพยัคฆ์นั่นเอง
“มันไม่สำคัญหรอกว่าผมเป็นใคร แต่มันสำคัญที่ว่า ผมมีอะไรจะให้ผู้กำกับมากกว่า”
อัคคเดชออกอาการแปลกใจในคำพูดนั้น
“ตรงต้นไม้ที่หน้าสำนักงาน ปากทางเข้าไปอาคารที่คุณทำงาน ตอนนี้ มีถุงพลาสติกซ่อนอยู่ตรงง่ามไม้ รีบออกไปเอา”
“มันคืออะไร”
“ไปดูแล้วจะรู้เอง”
ขาดคำนั้นหมอกก็วางสายไปเลย
อัคคเดชหันไปบอกชบาพร้อมกับออกเดินนำ
“ตามมา”
อัคคเดชจ้ำอ้าวไปยังต้นไม้ที่ว่า โดยมีชบาตามมาด้วย
“ผู้กำกับจะไปไหนคะ”
“เอาของ”
“ของอะไรคะ”
“มีคนมาโทร.มาบอกว่าซ่อนของไว้ให้ผม”
ทั้งสองถึงที่แนวต้นไม้ที่ว่า
“ช่วยกันหาเร็ว เค้าบอกว่าซ่อนไว้ที่ง่ามไม้”
“ค่ะ”
ทั้งคู่ช่วยกันมองหา ชบาหันไปเห็นก่อน รีบร้องพลางชี้บอกอัคคเดช
“เจอแล้วค่ะ”
อัคคเดชมองตาม ชบาที่อยู่ใกล้กว่าหยิบออกมาส่งให้ อัคคเดชแกะดูแล้วพบว่าเป็น เมมโมรีอันเดียวกับที่หมอกได้จากล็อกเก็ตหลินนั่นเอง
อัคคเดชกับชบามองหน้ากันอย่างแปลกใจ
เรื่องนี้ถูกรายงานต่อเบื้องบนในทันที อัคคเดชเปิดข้อมูลจากเมมโมรีขึ้นจอคอมพ์ บนโต๊ะทำงานผู้การเด่นชาติ
หลังดูอย่างถี่ถ้วนแล้ว ผู้การถึงกับถอนใจอย่างเสียดาย
“มันเป็นข้อมูลการทำผิดกฎหมายของนายตะวัน แต่ใช้เป็นหลักฐานไม่ได้ ถึงจะมีรูปถ่ายยืนยันว่าตะวันอยู่กับบุคคลที่เป็นอาชญากรก็จริง แต่มันไม่สำแดงว่ากระทำความผิด”
อัคคเดชเห็นด้วย “ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกันครับ”
“ถ้าคิดจะจับมันต้องจับให้ได้คาหนังคาเขา มันจะได้ดิ้นไม่หลุด”
“ผมกำลังรอโอกาสนั้นอยู่ครับ”
“ยังไง”
“มันเพิ่งพบกับพวกมาเฟียต่างชาติไปเพื่อตกลงซื้อขายยาล็อตใหญ่ มันต้องส่งของกันอีกเร็วๆ นี้แน่ครับ”
“ดี เป็นโอกาสที่ดีที่เราจะจัดการมัน”
ผู้การรับรู้ อัคคเดชนึกขึ้นได้
“ท่านครับ ภัสสรติดต่อมา ขอให้การกับตำรวจเรื่องนายตะวันครับ แต่ขอให้เรากันเป็นพยานถ้าเธอให้ความร่วมมือ”
“อืม งั้นบอกว่าเราจะช่วยลดโทษให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ถ้าให้ความร่วมมือกับตำรวจ”
“แต่ผมว่าภัสสรคงไม่ยอมติดคุกแน่ครับ ดีไม่ดีอาจหนีออกนอกประเทศไปแล้วก็ได้”
ผู้การฟังแล้วออกอาการหนักใจ
“ก็ลองดู ถ้าตามตัวมาได้ จะเป็นประโยชน์กับเราเป็นอย่างมาก”
“ครับ ผมจะพยายาม”
อัคคเดชรับเอาคำ สีหน้าครุ่นคิด
อ่านต่อหน้า 2
ล่าดับตะวัน ตอนที่ 16 (ต่อ)
หมอกแวะมาหาปานวาดที่คอนโด และเล่าให้ฟังถึงเรื่องเมมโมรีที่ส่งให้อัคคเดช ปานวาดออกอาการตกใจมาก
“นี่คุณให้ข้อมูลนายตะวันกับตำรวจเหรอ วาดว่ามันจะทำให้พวกเราแย่กันไปหมดนะ คุณไม่น่าเอาพวกเราไปเสี่ยงด้วยเลย”
“มันเป็นสิ่งที่ผมควรจะทำ และเมฆมันก็ต้องการให้เป็นแบบนี้ด้วย ผมว่าเมฆมันไม่ไว้ใจนายตะวันนักหรอก มันคงคิดว่าวันนึงอาจจะถูกหักหลังก็ได้ ตัวคุณเองก็เหมือนกัน เลิกซะเถอะวาด ถ้าเราหาคนฆ่าเมฆได้ คุณก็ควรออกไปจากนายตะวันซะ เชื่อผม ไปทำอย่างอื่นที่สุจริตกว่านี้เถอะ”
ปานวาดอึ้งไป ตอบไม่ถูก ทำได้คือบ่ายเบี่ยงไปก่อน
“ถือว่าที่คุณพูดเป็นเรื่องของอนาคตละกันนะคะ ตอนนี้ที่วาดจะทำได้ คือเอาชีวิตให้รอดจากตรงนี้ไปก่อน ส่วนเรื่องที่คุณพูดวาดจะเก็บไปคิดละกัน แล้วต่อจากนี้คุณจะทำยังไงต่อไป”
“ผมก็ยังคงต้องตามต่อว่า ใครกันแน่ที่ฆ่าน้องผม”
“ค่ะ วาดก็ทำตามที่เราเคยคุยกันแล้วนะคะ”
“เรื่องอะไรเหรอ”
“เรื่องที่คุณให้วาดแกล้งบอกภูผาเรื่องเมฆที่เปลี่ยนไป อาจเป็นตัวปลอม”
“แล้วภูผามีปฎิกิริยายังไงบ้าง”
“ก็ดูเขาสนใจอยู่นะคะ”
“ดีแล้ว ถ้าเขาลงมือฆ่าเมฆจริงๆ ต้องอยู่ไม่สุขแน่ ป่านนี้อาจตามสืบเรื่องผมอยู่ก็ได้ ภูผามันไม่ธรรมดา ผมว่าเขามีอะไรซ่อนปกปิดเราอยู่ คุณคอยสังเกตเขาดีๆ ละกัน”
“ค่ะ”
ปานวาดคิดตาม ในใจแม่นักฆ่าขนตางอนยามนี้สับสนเหลือคณา
หมอกกลับมาถึงบ้าน ก้าวลงรถพร้อมกระถางไม้ดอกในมือมากพอควร จนสายตามองไปเห็นหลินกำลังเดินคลำ ดอมดมดอกไม้อยู่ที่สวนเล็กๆ ข้างเรือน หมอกยิ้มออกมาได้เมื่อเห็นความอ่อนหวานของคนรัก หลินเป็นสิ่งดีๆ ในยามที่เขาสวมคราบนักฆ่า ความอ่อนโยนของเธอทำให้หัวใจอันแข็งกระด้างของเขาอ่อนลงได้ หมอกเดินยิ้มเข้าไปหา
“คุณคงคิดถึงดอกไม้ของคุณสินะ”
หลินยิ้มดีใจหันมาหาทางเสียง “คุณหมอก”
“ผมไม่รู้จะหาอะไรมาให้คุณ ก็เลยคิดว่าสิ่งนี้น่าจะเหมาะกับคุณ”
หมอกยื่นดอกไม้ไปให้หลินยื่นมือมาจับอย่างดีใจ
“คุณซื้อดอกไม้มาให้หลินปลูกเหรอคะ”
“ครับ ซื้อมาเยอะเลย”
“ดีจังเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ ที่รู้ใจหลิน”
“ต่อไปจะพยายามรู้ใจให้มากกว่านี้อีกครับ”
คำหวานนี้เล่นเอาหลินเขิน
“ว่าแต่แบบนี้หลินก็ต้องมีลูกมือสิคะ”
หมอกยิ้มรับ “สั่งมาได้เลยครับ ผมเตรียมพร้อมละ”
“งั้นรอรับคำสั่งเลยค่ะ”
ทั้งสองหัวเราะหัวใคร่ให้กัน
ถัดมา สองคนช่วยกันปลูกต้นไม้ หลินคอยเช็ดเหงื่อให้หมอกบ้าง ส่วนหมอกก็คอยจับมือหลินแล้วช่วนกันพรวนดิน หมอกแกล้งทำดินเปื้อนแก้มแถมหัวเราะชอบใจ หลินตีหมอกให้เช็ดให้ สุดท้ายหมอกแอบขโมยหอมแก้มหลินฟอดใหญ่ หลินเขินอาย สีหน้าท่าทางของสองคนมีความสุขล้น
ตอนค่ำวันหนึ่งประตูลิฟต์เปิดออก เห็นภัสสรเดินออกมาจากลิฟต์ด้วยท่าทางปลงๆ ในโชคชะตา ใส่ชุดสวยประมาณหนึ่ง ออกแนวโชว์ ยั่วๆ หน่อยๆ
ภัสสรเดินอย่างยอมจำนนในชะตาชีวิตไปที่ห้องของกฤษชัย การ์ดสองคนที่หน้าห้องมองภัสสรที่เดินเข้ามาตาเป็นมัน ก่อนจะเปิดประตูให้เข้าไปในห้อง
กฤษชัยยืนจิบไวน์รออยู่ในห้อง หันมามองเมื่อภัสสรเดินเข้ามา ภัสสรยิ้มให้เจื่อนๆ
“มาดื่มกันก่อนซิ”
พร้อมกับว่ารินไวน์ใส่แก้วที่เตรียมเอาไว้ให้ ภัสสรเดินเข้ามารับไปดื่ม กฤษชัยมองภัสสรดื่มไวน์ตาวาวเจ้าเล่ห์พอกล
พอหมดแก้วก็ดึงตัวภัสสรมากอดไว้ด้วยอารมณ์เปลี่ยว เริ่มซุกไซร้ ภัสสรขืนตัวไว้
“เดี๋ยวซิคะ จะรีบร้อนไปไหน”
“ก็เวลาไม่คอยท่า”
ภัสสรสะดุดหู ก่อนจะรู้สึกได้ว่าร่างกายตัวเองมีบางอย่างผิดปกติ เริ่มมีอาการมึนๆ งงๆ เนื่องจากโดนรัฐมนตรีหื่นวางยา
“ใส่อะไรในไวน์”
“ก็แค่ยานิดหน่อย เผื่อคุณจะขัดขืน”
ภัสสรตกใจมาก รีบผละออกจากอ้อมกอดกฤษชัย
“ทำไมต้องใส่ยาด้วย” ภัสสรเริ่มล้นชา เหมือนคนอ่อนแรง
“ถามโง่ๆ ก็ผมไม่อยากส่งคุณออกนอกประเทศแล้ว แต่จะส่งคุณให้ตะวันแทน มันคงจะดีกว่านะสิ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว คุ้มยิงกว่าคุ้มเสียอีก”
ภัสสรคุมแค้น “ไอ้ชั่วเอ๊ย”
“ขอบคุณที่ชม เพิ่งรู้เหรอ ผมมันชั่วมานานแล้ว”
กฤษชัยยิ้มเยาะ พร้อมกับเดินรุกไล่ภัสสรไปที่เตียง ยาเริ่มออกฤทธิ์ ภัสสรเริ่มอ่อนแรงลงทุกขณะ หงายหลังล้มลงกับที่นอน กฤษชัยมองจ้องด้วยสายตาสุดหื่น
“มาสนุกกันส่งท้ายก่อนตายแล้วกันนะคุณสร”
กฤษชัยตรงเข้าปลุกปล้ำภัสสรอีกครั้ง อีกฝ่ายพยายามขัดขืนเต็มที่ แต่เรี่ยวแรงเริ่มจะหมด กัดฟันสู้ แต่สู้แรงจอมหื่นไม่ได้ เลยต้องปล่อยให้กฤษชัยขยี้ขยำทำตามอำเภอใจ แล้วอาศัยจังหวะที่กฤษชัยไม่ทันระวังตัว แอบดึงมีดสั้นเล่มเล็กที่พกติดตัวอยู่ตรงต้นขาใต้กระโปรง ออกมาจ้วงแทงกฤษชัยที่แก้มก้น
“อ๊าก...”
กฤษชัยร้องขึ้นเสียงหลง ผงะออกจากร่างภัสสร พยายามดึงมีดออก ภัสสรตั้งหลักได้ คว้าแจกันบนโต๊ะฟาดหัวกฤษชัยสุดแรงที่มี จนรัฐมนตรีกังฉินหมดสติแน่นิ่งไป
ภัสสรตรงดึงมีดออกจากก้นกฤษชัย แล้วใช้มีดเล่มนั้นกรีดฝ่ามือให้ตัวเองบาดเจ็บเพื่อสู้กับฤทธิ์ยา จนสติภัสสรเริ่มกับมาอีกครั้ง ภัสสรหาผ้าพันแผล เดินตรงไปที่หน้าต่างปีนออกไปทางนั้น แล้วโยนตัวปีนกลับเข้ามาในอาคารอีกครั้งลงลิฟต์หนีไป
การ์ดหน้าห้องสองคนรู้สึกผิดสังเกต จึงเปิดประตูเข้าไปดู เห็นกฤษชัยโดนทำร้ายจึงรีบเข้าช่วย
“เรียกรถพยาบาลด่วน แล้วแจ้งทุกฝ่ายปิดข่าวด้วย” การ์ด 1 บอก เพื่อน
การ์ด 2 แล้วรีบจัดการเรียกรถพยาบาล
เช้าวันต่อมา ตะวันเพิ่งวางสายโทรศัพท์จากกฤษชัยด้วยท่าทีหงุดหงิดเอาการ เดินหัวเสียบ่นบ้ากับปราการ
“คนอะไรโง่สิ้นดี หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ นึกยังไงอยากนอนกับนังภัสสร แถมปล่อยให้นังนั่นมันเล่นงานได้อีก บ้าจริงๆ”
“งั้นเราต้องรีบจัดการเจ๊สรแล้วละครับ ปล่อยไปแบบนี้มันจะกลับมาเล่นงานเราอีกด้วยนะครับ”
“ฉันไม่ปล่อยมันไว้แน่” ตะวันออกคำสั่งกับปราการ “กระจายข่าวออกไป เพิ่มค่าหัวภัสสรเป็นสิบล้าน”
“ครับนาย”
เสียงโทรศัพท์ปราการดังขึ้น ปราการรับสายก่อนส่งให้ตะวัน
“ท่านนายพลยี่เส่งครับ”
ตะวันรับไปพูดสาย
“สวัสดีครับท่าน”
นายพลยี่เส่งโทร.มาจากค่ายแถบตะเข็บชายแดนเช่นเคย สองคนคุยสายกันอย่างถูกคอ
“หวัดดีคุณตะวัน”
“ท่านโทร.มาหาผมแบบนี้ แสดงว่ามีข่าวดี”
“ใช่ ของที่สั่งไว้เรียบร้อยพร้อมส่งแล้ว”
ตะวันยิ้มพึงพอใจ “ดีครับ”
“แต่...”
“แต่อะไรครับ”
“ของมันมูลค่าสูง เพื่อป้องกันความผิดพลาด ผมจึงอยากให้คุณออกโรงด้วยตัวเอง”
“แน่นอนอยู่แล้ว งานใหญ่ขนาดนี้ผมต้องทำเองอยู่ครับท่านนายพล ไม่ต้องเป็นห่วง”
“ได้อย่างงั้นมันก็ดี ผมจะได้หมดห่วง” ยี่เส่งยิ้มชอบใจ
“แล้วท่านจะส่งของให้ผมเมื่อไร”
“เอาสะดวกคุณแล้วกัน”
อ่านต่อหน้า 3
ล่าดับตะวัน ตอนที่ 16 (ต่อ)
ที่ตลาดปลาสวยงามย่านสวนจตุจักร ชบาเดินอ้อยอิ่งทอดน่องดูปลาสวยงามฆ่าเวลาอย่างเบื่อๆ อยู่คนเดียว จนมาหยุดหน้าตู้หนึ่ง อันเป็นปลาแบบเดียวกับที่เคยบอกให้ภูผาซื้อไปเลี้ยง หมวดสาวหยุดมองคิดถึงโจรหน้าหล่อตะหงิดๆ ในหัว
“ไม่รู้ว่าน้องปลาที่นายนั่นเอาไปเลี้ยงจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”
ชบาถอนใจเฮือกใหญ่แล้วขยับเดินต่อ พลันสายตาเหลือบไปเห็นภูผาซึ่งกำลังยืนคุยกับเฮียเจ้าของร้านขายปลาอีกร้านห่างออกมา ชบายิ้มดีใจ
สักครู่หนึ่ง เจ้าของร้านเอาถุงของมาส่งให้ ภูผาจ่ายตังค์ ก่อนที่ชบาจะเข้ามาแสดงตัวขอตรวจค้น
“นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอทำการตรวจค้น ยกมือขึ้นแล้วหันหน้าเข้าข้างฝา”
พร้อมกับว่าหมวดสาวแสดงบัตรประจำตัว แล้วจับผลักภูผาหันเข้าผนังร้านข้างๆ
“อีกแล้วเหรอหมวด” ภูผาระอาเหลือ
“ไม่ต้องพูดมาก ให้ความร่วมมือซะดีๆ”
ภูผายอมทำตามอย่างว่าง่ายปล่อยให้ชบาค้นตามสบาย แม้นจะรู้สึกไม่พอใจนัก
“นี่หมวด ถามจริงๆ เถอะ ไม่เบื่อบ้างรึไง”
“มันเป็นหน้าที่ของฉันที่ต้องจัดการคนชั่วๆ อย่างนายจะเบื่อได้ยังไง”
“อย่ากล่าวหากันลอยๆ ซิครับ มันต้องมีหลักฐาน”
“ก็กำลังหาอยู่นี่ไง”
พร้อมกับว่า นางค้นตัวภูผาต่อ
“หาหลักฐานหรือว่า ลวนลามผู้ต้องหากันแน่ เห็นเจอหน้าผมที่ไรเป็นต้องถึงเนื้อถึงตัว มันชักจะยังไงแล้วน้า สงสัยคงอยากกินตับผมซะมากกว่า”
ชบาหยุดค้น มองหน้าภูผาด้วยอาการหมั่นไส้
“จะอ๊วก อย่างกับนายน่าพิศวาสตายล่ะ”
“อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันนะ ผมชมตัวเองไม่ได้ แต่หมวดก็แอบย่องขึ้นบ้านผมมาแล้ว ไม่รู้ว่าคิดทำมิดีมิร้ายอะไรผมรึเปล่าก็ไม่รู้”
ประโยคหลัง เขาจงใจยั่วโมโหในที
“ฉันไปเยี่ยมน้องปลาของฉันหรอกย่ะ” ก่อนยอมรามือจากการค้นตัว ภูผาลอบยิ้มได้ใจ “น้องปลาชั้นเป็นยังไงบ้าง”
“อยู่เย็นเป็นสุขดี แต่เครื่องกรองมันเสียเลยต้องมาซื้ออันใหม่”
“ดูแลดีๆ ล่ะ ถ้าน้องปลาฉันเป็นอะไรไปล่ะก็ นายตายแน่”
“ผมดูแลดีอยู่แล้ว”
เสียงโทรศัพท์ภูผาดังขึ้น เขาหยิบมาดู เห็นเป็นปิงโทร.มาจึงกดรับทันที
“ฮัลโหล ว่าไง”
เสียงปิงดังออกมาว่า “นายเรียกประชุม”
“ได้เดี๋ยวไป”
อ่านต่อหน้า 4
ล่าดับตะวัน ตอนที่ 16 (ต่อ)
ภูผาวางสายจากปิงแล้วหันมาหาชบา
“หมวดจะค้นอะไรต่ออีกรึเปล่า”
ชบาบอกด้วยน้ำเสียงสะบัด “ไม่แล้ว”
“งั้นผมขอตัวนะ พอดีมีธุระต้องไปทำ”
“จะรวมหัวไปทำชั่วที่ไหนอีกล่ะ” ชบาด่าดักคอ
ภูผาสวนขึ้นทันควัน “แสนรู้”
“ฉันไม่ใช่หมานะ” ชบาแว้ดใส่
“ผมเปล่าน๊า หมวดพูดของหมวดเองนะ ผมไม่เกี่ยว”
ชบามองจ้องหน้าหมั่นไส้สุดๆ คาดโทษไว้ด้วยท่าทีจริงจัง
“จะไปไหนก็ไปไป๊ อย่าให้จับได้ไล่ทันแล้วกัน รับรองไม่ปล่อยนายให้ลอยนวลแน่”
“ได้ทุกทีทุกเวลา แต่ห้ามบุกขึ้นบ้านอีกนะ ผมกลัว เกิดหมวดหน้ามืดขึ้นมา ผมอาจต้องสูญเสียความบริสุทธิ์ได้”
ชบาถลึงตาใส่ แต่ไม่ทันเพราะภูผารีบแจ้นหายไปจาก ณ จุดนั้นเสียแล้ว
หมวดสาวจอมโก๊ะเลยได้แต่มองตามหลังอย่างแค้นใจ
ในเวลาต่อมา ทุกคนพร้อมหน้าในห้องประชุมแล้ว และตะวันกำลังแจ้งเรื่องรับส่งยากับทุกคนในที่ประชุม มีปราการยืนอยู่ข้างๆ
“เราจะส่งยาให้มาเฟียเกาหลีที่ประมูลยาได้อาทิตย์หน้า”
แต่ละคนในที่ประชุม แสดงปฏิกิริยาตอบสนองตามจริตใครมัน ปิงดี๊ด๊าดีใจได้ทำงานใหญ่ ปานวาด กับหมอก รับฟังนิ่งๆ ภูผาลอบยิ้มในสีหน้า
“คราวนี้เราจะส่งยาที่อู่ต่อเรือ จะไม่มีการรับของล่วงหน้า แต่คนของนายพลยี่เส่งจะมาส่งเองเมื่อถึงเวลา เรามีหน้าที่คุ้มกันต่อส่งของ และดำเนินการ” ตะวันเว้นช่วงไปนิดหนึ่ง “เนื่องจากของครั้งนี้มีมูลค่ามาก เพื่อไม่ให้เกิดการผิดพลาด ฉันจะออกโรงเอง”
ปฏิกิริยาของทุกคนในที่ประชุมต่างแปลกประหลาดใจทั้งแถบ มีภูผาดีใจยิ่งกว่าครั้งแรก
อ่านต่อตอนที่ 17