ดิแองเจิ้ล นางฟ้าล่าผี ปี 2
Ep.10
เสียงกรีดร้องโหยหวนน่ากลัวของชายชรา ดังที่เรือนไม้โบราณ
ปู่เทียน ชายแก่สักยันต์เต็มตัว เหงื่ออาบท่วมร่าง คลานกระเสือกกระสนหนีใครบางคน ข้อเท้าทั้งสองถูกตัดเส้นเอ็น แกพยายามลุกขึ้นยืนแต่สุดท้ายก็ล้มลงด้วยความเจ็บปวด
เสียงไม้เท้ากระทบพื้นดังขึ้นในความมืดมิดของทางเดินตัวบ้าน บุญเพ็งค่อยๆปรากฏตัว ในมือถือเชือกล่ามใครบางคน
"พอเถอะ....บุญเพ็ง กูยอมแล้ว"
ปู่เทียนยกมือไหว้อย่างน่าสงสาร
บุญเพ็งยิ้มอย่างสะใจ
"อย่าไหว้ฉันสิ...ปู่เทียนเป็นครูอาคมผู้ยิ่งใหญ่...ทำเยี่ยงนี้ ฉันก็ลำบากใจสิจ๊ะ"
บุญเพ็งเอาไม้เท้าปัดมือปู่เทียนจนล้มคว่ำไป แล้วทรุดลงนั่งข้างๆ
"งั้นมึงอยากได้อะไร ก็เอาไปเถอะ..แต่ว่า"
บุญเพ็งสวน
"จริงเหรอ...อะไรก็ได้เหรอ ครู"
ปู่เทียนรีบพยักหน้า
"งั้น...ฉันขอชีวิตครูล่ะกัน"
"หา !"
บุญเพ็งลุกขึ้นแล้วกระตุกเชือก....
เสียงกระพรวนเท้าค่อยๆดังขึ้น กิ่งแก้ว เดินออกมาจากความมืด เชือกมัดแน่นที่ข้อมือ ดวงตาเหม่อลอยเหมือนคนไร้สติ น้ำลายไหลย้อยจากมุมปากที่เลอะเทอะไปด้วยคราบน้ำดิน
"กิ่งแก้ว !มึง... ไอ้บุญเพ็ง....มึงทำอะไรเมียกู"
"เมียครู? ถ้างั้นครูก็ถามมันเองสิ"
ญเพ็งกระตุกเชือกจนกิ่งแก้วเซไป ปู่เทียนรีบหลบวูบ
"เอาเลยสิ...กิ่งแก้ว ทำตัวให้สมกับที่เมียครูเทียนเสียหน่อย"
กิ่งแก้วผลักปู่เทียนให้ล้มลงกับพื้นแล้วค่อยคืบคลานขึ้นคร่อม
"อย่ากิ่งแก้ว...อย่าขึ้น"
กิ่งแก้วคืบคลาน...จนตัวขึ้นไปทับหน้าอกปู่เทียนแล้วยิ้มยั่วยวน
ปู่เทียนพยายามยกตัวขึ้นดันขาของกิ่งแก้วให้ออกไป แต่มือของเขากลับสัมผัสของเหลวบางอย่างจึงยกขึ้นดู น้ำปัสสาวะของกิ่งแก้วไหลนองตัวครูเทียน
ปู่เทียนตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ กรีดร้องลั่นแล้วออกแรงผลักกิ่งแก้วจนล้มลง
กิ่งแก้วลุกขึ้นนั่งหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง!
ปู่เทียนพยายามคลานหนีไปที่ประตู ควันสีดำเป็นตัวอักษรเขมรมากมายลอยออกจากผิวหนัง
ปู่เทียนร้องโหยหวนด้วยความแสบร้อน
"ช่วยด้วย...ช่วยด้วย"
ร่างบุญเพ็งสะอึกเมื่อควันดำและควันอักขระไหลเวียนจากร่างปู่เทียนผ่านแทรกซึมเข้าไปในผิวหนังของมัน
"อ๊า..."
ปู่เทียนจ้องมองด้วยความกลัวแล้วฝืนคลานหนีไปจนถึงหน้าประตู
บุญเพ็งเดินตามอย่างใจเย็น เอาตีนเหยียบแผ่นหลังปู่เทียน
"อาคมครู โดนน้ำอีกิ่งแก้วล้างซะสิ้นแล้ว แต่ไม่ต้องห่วง....ของๆครูฉันจะเป็นคนรับช่วงต่อไว้เอง"
บุญเพ็งดึงดาบออกจากไม้เท้า
"แต่ตอนนี้....ฉันขอหัวครูล่ะนะ"
บุญเพ็งเงื้อดาบขึ้น
"อย่า !"
บุญเพ็งตวัดคมดาบลงคอปู่เทียนสุดแรง!
ภายในห้องประชุม ทุกคนพร้อมหน้า พิมเปิดจอคอมโปร่งใสกลางห้องและดึงข้อมูลต่างๆขึ้นมาเต็มไปหมด
"จากข้อมูลที่พวกเราเคยรู้กันและเวลาช่วยแบมที่เหลือน้อยเต็มที ทำให้อาต้องใช้ภาพและข้อมูลจากหลายแหล่งมาปะติดปะต่อเข้าด้วยกัน ซึ่งหลายอย่างก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เราเข้าใจ"
แอนนาบอก
"ฐานข้อมูลอาชญากรสมัยก่อนยังไม่เป็นระบบเท่าที่ควร"
"ใช่...อาจึงให้เอโกะและปาล์มสืบค้นจากทุกที่ ทั้งหอจดหมายเหตุ ภาพถ่ายโบราณหรือแม้กระทั่งหนังสือแทบลอยด์ของฝรั่งในสมัยนั้น"
เอโกะบอก
"นอกจากนั้นข้อมูลแต่ละที่ก็ยังคลาดเคลื่อนกันด้วย"
ปาล์มบอก
"ใช่เจ๊...บางเรื่องก็ไม่มีการยืนยัน บางเรื่องก็เป็นแค่คำบอกเล่า..เหมือนพวกตำนาน"
"แล้วอย่างนี้ อะไรคือความจริงที่เกิดขึ้นกันแน่คะ"
"ตอนนี้ไม่ใช่ก็น่าจะใกล้เคียงที่สุดแล้วล่ะ"
พิมสไลด์ภาพนิ่งขึ้นมาชุดหนึ่ง เป็นภาพกองศพแห้งๆในวัดแห่งหนึ่งที่มีฝูงแร้งจ้องมองอย่างกระหาย
"พวกเธอรู้จักโรคห่ามั้ย"
ทุกคนส่ายหน้า
"โรคนี้เรามักเข้าใจว่ามันคืออหิวาตกโรค แต่จริงๆแล้วที่เริ่มในสมัยพระเจ้าอู่ทองมันหมายถึง กาฬโรค! ที่ยุโรปเรียกมันว่า Black Deathหรือ ความตายสีดำ กาฬโรคนี้คร่าชีวิตผู้คนครั้งละมากมาย ชาวบ้านจึงพาเรียกกันว่า โรคห่าลง"
"แล้วมันเกี่ยวข้องกับบุญเพ็งยังไงคะ"
"เพราะมันเป็นโรคที่เกิดขึ้นตลอดเวลาอย่างยาวนานจนมาถึงปี 2449 ที่ห่ากาฬโรค ระบาดหนักในหัวเมืองใหญ่ของไทยในขณะนั้น...แล้วเมียของบุญเพ็งก็เป็นเหยื่อของโรคนี้ด้วย ! ซึ่งเป็นช่วงเดียวกันที่บุญเพ็งเดินทางไปเจอ ปู่เทียน ครูอาคมในสมัยนั้น"
ในอดีต บรรยากาศริมคลองดูเงียบเหงา เรือแจวเล็กๆลำหนึ่งพายทวนน้ำขึ้นมาผ่านศพเน่าที่ลอยติดสวะริมน้ำชวนสยดสยอง เรือมาจอดที่ท่าน้ำบ้านไม้ บุญเพ็ง ชายหนุ่มหน้าตาซื่อๆยิ้มให้คนพายแล้วหยิบอัฐส่งให้
"กูไม่เอาของมึงหรอก....รีบๆลงไปเลย"
บุญเพ็งยิ้มเจื่อน รีบประคองร่างบุคคลลึกลับที่ใช้ผ้าห่อคลุมมิดร่าง เนื้อตัวสั่นไหวด้วยพิษไข้ลงจากเรือ
"มีใครอยู่มั้ยจ๊ะ"
บุญเพ็งยืนเงอะงะอยู่ที่ท่าน้ำและพยายามตะโกนเรียกอยู่นาน ก็ไม่มีใครตอบ
“ กริ๊ก “ จู่ๆประตูไม้ก็ลั่นกลอนออกได้เอง
บุญเพ็งและบุคคลลึกลับถือวิสาสะเปิดประตูบ้านเข้าไป บ้านไม้เบื้องหน้าดูโอ่อ่า อาณาบริเวณบ้านกว้างขวางแต่กลับเงียบรกร้างไร้ผู้คน.......
"เรามาถึงที่นี่ได้...เอ็งก็ต้องรอดตายแน่ๆ"
บุญเพ็งจะเอื้อมมือไปจับมือ แต่บุคคลลึกลับรีบดึงมือที่ไหม้ดำเลี่ยงไม่ให้จับ ร่างสั่นพยักหน้ารับ
ทันใดนั้นเอง ช้อย ที่ถือสำรับข้าวในมือกับไพร่ 3-4 คนโผล่พรวดออกมา ตวาดแว๊ด
"เอ็งเป็นใคร? คิดจะเข้ามาขโมยของใช่ไหม" ช้อยว่า
"ปะ....เปล่าจ๊ะ.....พวกฉันไม่ใช่ขโมย"
"โกหก...รั้วพวกกูก็ปิดกลอนกับมือ...ถ้ามึงไม่ใช่หัวขโมยจะสะเดาะเข้ามาได้ยังไง"
"มะ...มีคนเปิดให้...ฉันก็เลย...."
ไพร่ชายสองคน ไม่เชื่อจะเข้าทำร้าย หนึ่งในนั้นคว้าโดนผ้าคลุมบุคคลลึกลับเปิดออก
ชาย 1เหวอ.... "ฉิบหายแล้วป้า"
"อีนี่....อีนี่มันโดนห่ากิน" ป้าอ้อยบอก
ทุกคนแตกฮือออก
ผ้าคลุมหัว กิ่งแก้ว หลุดลุ่ยลงมาเผยให้เห็น เม็ดตุ่มน้ำเหลืองที่ซอกคอและผิวใบหน้าที่ซูบซีด เธอรีบใช้ฝ่ามือที่เต็มไปด้วยรอยดำดึงผ้ากลับไปคลุมหัว
"ออกไป...มึงสองคนรีบออกไปเลยนะ เดี๋ยวห่ามาลงที่พวกกู" ช้อยบอก
"เมียฉันโดนห่าลง สมบัติอะไรฉันขายไปซื้อยารักษาก็ไม่หายเขาลือกันว่าปู่เทียนมีอาคมฆ่าผีห่าได้ฉันเลยเดินทางมาให้ปู่เทียนช่วย....อย่าไล่พวกฉันไปเลยนะ"
ป้าอ้อยดันหลังช้อย
"อย่าไปยอมมัน...ไล่มันไป เสนียด !"
"เออๆ...รู้แล้ว มึงก็อย่าดันกูสิเว้ย....เหวอ"
ช้อยผวาหลบ เพราะกิ่งแก้วโจนเข้ามาหา
กิ่งแก้วไหว้
"ช่วยฉันด้วยเถอะนะ"
สองคนผัวเมีย ยกมือขึ้นไหว้อย่างน่าสงสาร
"มึงสองคนนี่พูดไม่รู้ฟังเหรอไงวะ"
เสียงปู่เทียนดังถาม
"พวกมึงเอะอะอะไรกัน"
ปู่เทียนชายสูงวัย ท่าทางน่าเกรงขามเดินลงมาจากเรือน ตวาดเสียงดัง
บ่าว ไพร่ทั้งหลายต่างรีบสงบปากสงบคำ ยกเว้นก็แต่ช้อย
"ไอ้อีสองตัวนี่เจ้าค่ะ มันแอบลักลอบเข้ามาในเรือนแถมนังเมียก็โดนห่ากินเสียด้วย"
ปู่เทียนไม่พูดอะไร เดินตรงเข้าหาบุญเพ็งและเมียแล้วใช้ไม้เท้าเขี่ยเลิกผ้าออก
"ผีห่ายังกินเนื้อไม่เยอะ"
"หมายความว่า ยังมีทางรักษานังกิ่งแก้วให้หายใช่ไหม ขอรับ"
ปู่เทียนจ้องกิ่งแก้วนิ่งเหมือนคิดอะไรบางอย่าง
"แต่มันเป็นเสนียดนะเจ้าค่ะ" ป้าอ้อยบอก
"ใช่เจ้าค่ะ...ถึงปู่เทียนจะรักษาหาย ประเดี๋ยวมันก็แอบเข้าไปลักของบนเรือนอย่างไอ้คนที่แล้วอีก" ช้อยว่า
"ไม่หรอกขอรับ ถ้ารักษานังแก้วได้กระผมยอมทุกอย่าง"
"อือม์"
"อย่าไปเชื่อมันนะเจ้าค่ะ...ไอ้หัวขโมยคนที่แล้วก็พูดเยี่ยงนี้"
บุญเพ็งรีบก้มลงกราบปฏิเสธตลอดเวลา
ปู่เทียนจ้องมองอยู่ชั่วครู่
"พามันสองคนไปไว้เรือนหลังเล็ก"
"อะ...เออ" ช้อยไม่รู้จะว่าอย่างไร
"ไปสิ!"
เหล่าบ่าวไพร่รีบพาบุญเพ็งและเมียไปทันที
"แล้วนี่เอ็งกำลังจะยกสำรับกับข้าวไปไหน"
"เอาไปให้คุณนายเจ้าคะ" ช้อยบอก
"ไม่ต้อง เอามานี่ เดี๋ยวข้าเอาขึ้นไปให้เมียเอง"
ปู่เทียนแย่งสำรับมาแล้วเดินขึ้นเรือนไป
ช้อยเดินกระฟัดกระเฟียดนำบุญเพ็งกับกิ่งแก้วมายังหน้าเรือนมุงแฝก
"เอ้า..ที่นี่แหละ...จะจุดไต้ จุดไฟก็ที่หลังเรือน เดี๋ยวข้าไปหาหมอน มุ้งมาให้"
"ขอบใจนะจ๊ะ" บุญเพ็งบอก
"แล้วมึงก็จำไว้...อย่าได้ทะเล่อทะล่าขึ้นเรือนใหญ่เป็นอันขาด โดยเฉพาะกลางคืน ไม่งั้นโดนของปู่เทียนแล้วจะหาว่าข้าไม่เตือน"
"จ๊ะ..จ๊ะ"
"เชอะ ไม่รู้ปู่เทียนจะใจดีอะไรกับมึงนักหนา....แล้วก็อย่าเนรคุณซะล่ะ"
บุญเพ็งพยักหน้ารับ ช้อยเดินจากไป
บุญเพ็งมองร่างกิ่งแก้วที่ยืนหนาวสั่นแล้วรีบประคองเข้าข้างใน
บุญเพ็งประคองกิ่งแก้วนอนลง
"พี่...พี่...ฉันหนาวเหลือเกิน...ฉันคงไม่รอดแน่ๆ"
บุญเพ็งกุมมือกิ่งแก้วอย่างไม่รังเกียจ
"เอ็งไม่เป็นไรหรอก นอนซะเถอะ...เดี๋ยวพี่ต้มน้ำอุ่นมาเช็ดตัว"
บุญเพ็งวางเมียรักลงอย่างทะนุถนอม
นอกเรือน กองไฟที่ลุกโชน บุญเพ็งเขยิบฝาหม้อดูก็ต้องรีบปล่อยลงด้วยความร้อน แต่สายตาเขาเหลือบเห็นอะไรบางอย่าง
ที่หน้าต่างเรือนใหญ่ ผู้หญิงคนหนึ่งนั่งหันหลัง หัวพิงผนัง สวมสร้อยทองเส้นใหญ่ดูแวววาว
บุญเพ็งจ้องมองด้วยความสงสัย จนอีช้อยเดินเข้ามาทัก
"มัวเหม่ออะไรอยู่วะ....เอ้านี่...มุ้งกับผ้าห่ม"
"อะ..เออ ขอบใจจ๊ะ"
เสียงกิ่งแก้วกรีดร้องลั่น ทั้งสองรีบผลุนผลันเข้าในตัวบ้าน
กิ่งแก้วน้ำลายฟูมปาก....ตาเหลือกโพลง บุญเพ็งรีบเข้าจับตัวแล้วหาผ้าให้กัดเอาไว้
"มาช่วยกันหน่อยซิ"
ช้อยมองตะลึงไม่ยอมเข้าไปช่วย บุญเพ็งจ้องมองอย่างไม่พอใจ รีบเอาผ้าอุ่นเช็ดตัวประคบหน้าผากจนกิ่งแก้วสงบลง
เสียงปู่เทียนถาม
"มันเป็นยังไงบ้าง"
บุญเพ็งและช้อยหันมา ปู่เทียนและป้าอ้อยถือสำรับยาตามเข้ามาด้านใน ก่อนที่บุญเพ็งจะตอบอะไร ปู่เทียนก็โบกมือให้ถอยไปแล้วจับชีพจรดูอาการ....หยิบล่วมยาออกมาพึมพำคาถาแล้วละลายน้ำให้ดื่ม
"กิ่งแก้ว มัน..."
"ตอนนี้ยังไม่เป็นอะไรมากหรอก"
บุญเพ็งยิ้มโล่งอก
"เออ...เมียปู่เทียนก็ไม่สบายเรอะจ๊ะ"
ปู่เทียนชะงัก
"มึงเห็นสายหยุดด้วยเหรอ"
"จ๊ะ...ฉันเห็นคุณนั่งพิงเก้าอี้เหมือนไม่สบาย"
"มึงรู้ได้ไงว่าเป็น แม่สายหยุด เมียกู"
"ก็แหม ทำไมจะไม่รู้ล่ะจ๊ะ?...คุณใส่ทองหยองเสียขนาดนั้น...จนโตป่านนี้ฉันยังไม่เคยเห็นสร้อยทองเส้นโตขนาดนี้มาก่อนเลย"
ช้อยกับป้าอ้อยเริ่มมองหน้ากันไม่ไว้ใจบุญเพ็ง
" แม่สายหยุดเขาก็สามวันดีสี่วันไข้อย่างนี้แหละ"
ปู่เทียนหยิบหมากพลูที่ห่อไว้สองชิ้นขึ้นมาแล้วยื่นให้บุญเพ็ง
"ทั้งมึง ทั้งเมียกินซะ...รับขวัญที่มาเจอกู จะได้เริ่มชีวิตใหม่เสียที ส่วนนี้ ยาผงที่กูลงอาคมไว้ช่วยแล้ว เอาไปต้มน้ำให้เดือดแล้วเอาให้เมียมึงดื่มซะ"
บุญเพ็งยกมือไหว้รับหมากมาเคี้ยวด้วยความซาบซึ้ง...
ดวงจันทร์คล้อยเคลื่อนเข้าสู่เมฆดำทะมึน เสียงนกแสกร้องดังก้องไปทั่ว
คืนนั้น เสียงกรอกแก็กทำให้บุญเพ็งสะดุ้งตื่น เขามองไปรอบๆ เห็นกิ่งแก้วที่นอนหลับไม่ได้สติ
บุญเพ็งคว้ามือของกิ่งแก้วมาดูก็เห็นรอยดำเริ่มจางลงก็ดีใจ
เสียงแก็กๆด้านนอกดังขึ้นอีกครั้ง บุญเพ็งมองลอดฝาไม้ออกไป ดวงตาใครบางคนวูบเข้ามา!
บุญเพ็งตกใจ ผงะล้มรีบคว้าไม้วิ่งออกไป
บุญเพ็งออกมายืนเพ่งมองผ่านความมืดก็ไม่เห็นใครแล้ว จู่ๆเขาก็รู้สึกมึนหัว
เสียงปู่เทียนแว่วเข้ามาในสมอง
"บุญเพ็ง....ทางนี้"
"ปู่เทียนเรอะขอรับ"
"บุญเพ็ง...ทางนี้"
บุญเพ็งจ้องมองไปที่เรือนใหญ่เห็นเงารางๆของปู่เทียนที่ยืนเรียกที่หัวบันได
"บุญเพ็ง...ทางนี้"
"ไปเดี๋ยวนี้ล่ะขอรับ"
บุญเพ็งตัดสินใจเดินไปที่หัวบันไดเรือนใหญ่ทันที
เงาของปู่เทียนวูบผ่านเข้าไปในตัวบ้าน บุญเพ็งพยายามเรียก...
"เดี๋ยวก่อนขอรับ...รอกระผมด้วย....ปู่เทียน.."
บุญเพ็งพยายามตามเข้าเรือนใหญ่ไป
จู่ๆ ภาพทุกอย่างรอบตัวบุญเพ็งดูเบลอและเหวี่ยงไปมา
บุญเพ็งพยายามประคองตัวเดินตามเสียงเรียกของปู่เทียนไปตามทางเดินของบ้านที่วกไปวนมา
"ทางนี้....ทางนี้"
เงาของปู่เทียนเหมือนค่อยๆเลือนหายเข้าไปหลังประตูบานหนึ่ง แต่เสียงปู่เทียนก็ยังคงเรียกหาบุญเพ็ง
บุญเพ็งเปิดประตูเข้าไปในห้องก็เห็นคุณสายหยุดนั่งหันหลังให้ประตูอยู่กลางห้อง
"คุณนายครับ...ปู่เทียนอยู่ไหนหรือขอรับ"
บุญเพ็งเอื้อมมือไปสุดแขนคว้าพนักเก้าอี้ให้หันมา....
ร่างของคุณสายหยุดที่ถูกแทงด้วยมีดปักคาอก เลือดไหลนองเสื้อ สีหน้าเธอบิดเบี้ยวน่ากลัวด้วยความเจ็บปวด ร่างของเธอล้มลงจากแรงดึงของบุญเพ็ง
บุญเพ็งผงะถอยหลังออกและพยายามดันร่างคุณสายหยุดให้พ้นตัวด้วยความตกใจ
"อ๊ากส"
บุญเพ็งพยายามตั้งสติจะหนี แต่...
"นั่น...มึงทำอะไร"
บุญเพ็งหันขวับก็เห็นทุกคนยืนจ้องมองร่างของเขาที่เปื้อนด้วยเลือดและศพคุณสายหยุด ที่กองบนพื้น
"กระผมเปล่านะขอรับ"
"มึง...ไอ้คนชาติชั่ว"
"ทำไม ? กูช่วยเหลือมึงแท้ ๆ ทำไมมึงถึงเนรคุณกู"
"เปล่า..ขอรับ...ผมไม่ได้ทำ...ผมไม่รู้เรื่อง"
"หลักฐานคาตา มึงยังกล้าโกหก"
"เสียเวลาพูดกับไอ้คนจัญไร...จับตัวมันส่งตะแลงแกง" ช้อยบอก
ไพร่ผู้ชายต่างรีบจะเข้าไปจับ บุญเพ็งรีบถอยหนีด้วยความกลัว มันจวนตัวล้มลงข้างศพคุณสายหยุดแล้วตัดสินใจดึงมีดที่ปักอกคุณสายหยุดออกมา
ทันใดนั้นเอง...ร่างคุณสายหยุดสะอึกเหมือนควันดำลอยหลุดออกมาตามมีด
ปู่เทียนตกใจนึกไม่ถึง
"รีบจับมันเอาไว้"
"กระผมไม่ได้ทำจริงๆ..."
บุญเพ็งคร่ำครวญแต่ไม่มีใครสนใจ ต่างรีบพยายามเข้าจับตัวไว้
บุญเพ็งใช้มีดอาคมฮึดสู้อย่าหมาจนตรอกจนเหล่าไพร่ต่างฮือหนี บุญเพ็งได้ทีรีบวิ่งหนีไปอีกทาง
ปู่เทียนหยิบหุ่นสานขึ้นมาแล้วเอาหมากแดงทาหัวแล้วกดเต็มแรง บุญเพ็งสะดุ้งเฮือกเหมือนหัวจะระเบิด เขาทรุดตัวลงร้องโหยหวน
อ๊ากส"
ทุกคนยืนอึ้ง ปู่เทียนยิ้มอย่างเหนือกว่า
"มึงกินหมากของกู...แล้วยังกล้าทรยศกูอีกเหรอ "
ปู่เทียนบิดมือหุ่นสาน
ร่างบุญเพ็งกระตุกตามแรงดึง เขาจับแขนด้วยความเจ็บปวด ปากสั่นระริก
"พวกมึงเข้าไปจับมันส่งให้กรมการเมือง" ช้อยบอก
ปู่เทียนหันมาตาขวาง
"อย่าเข้ามาเสือก...เรื่องนี้กูจัดการเอง"
ทุกคนหยุดอยู่กับที่ ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่ง ปู่เทียนเดินตามบุญเพ็งที่พยายามลากตัวหนีอย่างยากลำบาก
"ไอ้บุญเพ็ง"
บุญเพ็งหมดแรง หันกลับมายกมือไหว้อย่างน่าสงสาร
"ฉันไม่ทำจริงๆนะ"
ปู่เทียนยิ้มแล้วทรุดตัวลงนั่งข้าง กระซิบเบาๆ
"อือม์...กูรู้...แต่กูปล่อยให้มึงมีชีวิตไม่ได้....กูฆ่าอีสายหยุดเองล่ะ ส่วนมึงก็คิดซะว่าเป็นคราวเคราะห์ แล้วกูจะกรวดน้ำไปให้"
บุญเพ็งตะลึงตกใจ ปู่เทียนจับหัวหุ่นสานจะบิดอีกครั้ง
บุญเพ็งออกแรงครั้งสุดท้ายใช้มีดอาคมปาดเข้าที่ข้อมือปู่เทียนสุดแรง
"โอ้ยส"
บุญเพ็งได้ทีรีบคว้าหุ่นสานเอาไว้แล้วหนีไปทันที......
บุญเพ็งรีบเข้ามาภายในบ้านอย่างร้อนรน
"อีกิ่งแก้ว เราอยู่ไม่ได้ซะแล้ว"
บุญเพ็งพูดทันขาดคำ ก็ต้องชะงัก..
กิ่งแก้วนั่งอยู่บนแคร่อาการทุเลาไปมาก มันยิ้มให้ผัว !
"ทำไมจะอยู่ไม่ได้ล่ะจ๊ะ"
"มึง....มึงหายดีแล้ว"
"ก็ดีขึ้นมากแล้วล่ะจ๊ะ"
บุญเพ็งกอดเมียรักด้วยดีใจ แต่แล้วก็เหลือบไปเห็น...เศษหมากพูลที่ถูกแกะกิน
"กิ่งแก้ว...มึงกินหมากของปู่เทียน"
"ใช่จ๊ะ...พอฟื้นขึ้นมา ฉันเปรี้ยวปากเหลือเกิน...ก็เลย"
"อ๊วกออกมา...มึงต้องอ๊วกไอ้ของจัญใรนั่นออกมาเดี่ยวนี่"
ยังไม่ทันที่กิ่งแก้วจะปฏิเสธ บุญเพ็งก็กดคอกิ่งแก้วลงแล้วพยายามเอานิ้วล้วงคอ
"อย่าพี่...อย่า...อ๊อกก...อ๊อกส"
"อ๊ากสส"
บุญเพ็งร้องลั่นรีบกระชากนิ้วออกมา นิ้วบุญเพ็งชุ่มไปด้วยเลือด.....
กิ่งแก้วเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาขาวโพลน ปากเลอะไปด้วยเลือดของบุญเพ็ง
เสียงปู่เทียนอยู่ในร่างกิ่งแก้ว
"อีนี่..มันเป็นของกูแล้ว....มันไม่ไปไหนกับมึงทั้งนั้น"
กิ่งแก้วชักกระตุกแล้วล้มลงบุญเพ็งมองตกใจ เลิ่กลั่กทำอะไรไม่ถูก
เสียงปู่เทียนและไพร่-บ่าวดังใกล้เข้ามาทำให้บุญเพ็งต้องรีบคว้ามีดวิ่งหนีไปในทันที
บุญเพ็งหลบออกไป แต่ไม่วายถูกเห็นจนได้
"นั่น มันอยู่ตรงนั้น...รีบจับมัน"
บุญเพ็งรีบหนีทันที บ่าวหลายคนรีบวิ่งตามไป
"ส่วนมึงสองคนไม่ต้อง"
ช้อยกับป้าอ้อยหยุดนิ่ง ปู่เทียนมองผ่านประตูเข้าไปเห็นกิ่งแก้วนอนสลบอยู่
ปู่เทียนเดินเข้าไปจ้องมองกิ่งแก้ว แล้วเชยคางมองดูอย่างหลงไหล
"หึๆ...มึงสองคน..เอาผู้หญิงคนนี้ไปไว้บนเรือนใหญ่"
ป้าอ้อยและช้อยรีบเข้าไปอุ้มกิ่งแก้ว ปู่เทียนยิ้มอย่างพอใจ
ช้อยมองตามด้วยความสงสัย....
แสงแดดผ่านลอดดงไม้รกครึ้มแห่งหนึ่ง
หลุมดินภายในดงไม้เป็นกองผ้าเก่ากระดำกระด่างซุกซ่อนอยู่ท่ามกลางหญ้าแฝกแห้งพอกหนา บุญเพ็งตัวสั่นเทาด้วยความหนาวเหน็บ ผิวหนังบวมลอกไปทั่วทั้งร่าง ริมฝีปากขาวซีดเหมือนคนใกล้ตาย เวลาได้ยินเสียงภายนอกก็รีบขดตัวหลบกองผ้าห่มอย่างหวาดกลัว
เงาคนภายนอก วูบวาบไปมา
ชาย 1บอก
"กูว่า...ป่านนี้มันไม่รอดแล้วล่ะ...คนโดนของปู่เทียนไม่เกิน 3 วันรับรองเน่าตาย"
"นั่นสิ....ฉันก็ว่า มันหนีมาได้ไม่ไกลขนาดนี้หรอก" ชาย 2 บอก
"สมน้ำหน้า ไอ้เนรคุณ" ชาย 3บอก
"ยังดีนะมึง...ที่ปู่เทียนยังเมตตาเมียมัน"
"แหม...ก็เมียมันสวยขนาดนั้น ใครจะอดใจไหว ขนาดปู่เทียนแก่แล้ว"
"ไอ้ห่า...ปากเสีย ลามปามปู่ท่าน เดี๋ยวก็ได้ตายห่าแบบไอ้บุญเพ็งหรอก"
ชาย2 รีบหุบปากทันทีแต่ไม่วายทำท่าลามกใส่ชาย1 แล้วทั้งสามเดินผ่านดงไม้นั้นไป
บุญเพ็งเพ้อเบาๆ "กิ่งแก้ว"
กิ่งแก้วค่อยๆลืมตาขึ้นก็พบว่า ร่างถูกมัดเอาไว้เก้าอี้ไม้ตัวหนึ่ง รอบๆห้อง มีข้าวของใช้ประกอบมนต์ดำเต็มไปหมด รอบๆตัวเหมือนมีเสียงวิญญาณหัวเราะต่อกระซิกตลอดเวลา
กิ่งแก้วตกใจกลัว พยายามดิ้นแต่เชือกกลับยิ่งรัดแน่นขึ้น
ปู่เทียนเข้ามาพร้อมโหลดองศพงูเห่า
"มัดฉันทำไม ? ปล่อยฉันไปเถอะนะจ๊ะ"
ปู่เทียนยิ้มให้ไม่ตอบอะไร ตักน้ำดองศพงูใส่ถ้วยเล็กๆแล้วกรีดเลือดของตนลงไปผสมกับเศษขี้เถ้าในโกศใบนึง
"นิ่งๆไว้ เดี๋ยวก็เสร็จเรื่อง"
"ปู่จะทำอะไรฉัน...ปล่อยฉันเถอะฉันกลัวแล้ว"
"ปล่อยมึงไปแล้วกูจะได้อะไร"
"ปู่เทียนอยากได้อะไร เดี๋ยวฉันให้พี่บุญเพ็งหามาให้...ปล่อยฉันไปเถอะนะ"
"หึ...ไอ้บุญเพ็ง ผัวมึงนั่นหรือ"
"จ๊ะ...จ๊ะ...พี่บุญเพ็ง ผัวฉัน"
ปู่เทียนเอามือไล้ขากิ่งแก้วและมาหยุดข้อเท้าของเธอ
"เนื้อนวลมึง มันบอกว่ามึงคงเป็นลูกเต้าคนมีฐานะไม่ใช่น้อย ทำไมยอมเป็นเมียคนอย่างไอ้บุญเพ็งเสียล่ะ"
กิ่งแก้วนิ่งเงียบ ก้มหน้านิ่ง
"หรือมันฉุดมึงมา"
กิ่งแก้วก้มหน้าลง น้ำตาไหลอาบแก้ม
"หึ...ไอ้ไพร่นั่น ไม่มีอะไรที่เหมาะสมกับมึงเลย"
"ขอร้องนะจ๊ะ...ปล่อยฉันกับผัวไปเถอะ"
"กิ่งแก้วเอ๊ย...ป่านนี้ผัวมึงกลายเป็นศพให้แร้งกินไปแล้วมั้ง"
กิ่งแก้วตกใจนึกไม่ถึง ปู่เทียนเดินตรงมาที่กิ่งแก้ว
"แต่ไม่ต้องห่วงไปหรอก...กูจะเป็นผัวใหม่ให้มึงเอง"
"ไม่...ไม่!"
ปู่เทียนออกแรงบีบจมูกของกิ่งแก้วไว้แน่น กิ่งแก้วก่อนจะหมดลมหายใจเธออ้าปากออก
ปู่เทียนกรอกยาสั่งเข้าปากอย่างไม่ปราณี
กิ่งแก้วสำลักกลืนยาเข้าไป ทั้งที่ขยะแขยง
"กลืนเข้าไป...กลืนเลย นังกิ่งแก้ว"
"อ๊อกส...อ๊อกส"
จนยาหมดถ้วยนั่นแหละ ปู่เทียนจึงปล่อยจมูกกิ่งแก้ว กิ่งแก้วสำลักยา เหงื่อผุดเต็มหน้า เธอดิ้นทุรนทุรายแล้วฟุบนิ่งไปในที่สุด
ปู่เทียนเดินเข้ามาดูอาการ ลูบไล้ใบหน้าอย่างพิศวาส
"กิ่งแก้ว....กิ่งแก้ว"
กิ่งแก้วค่อยๆหันหน้ามามองปู่เทียน เลียริมฝีปากเบาๆอย่างกระหาย
"ร้อนใช่มั้ย"
กิ่งแก้วพยักหน้า
"งั้นกูถอดผ้าให้มั้ย"
"อย่าเสียเวลาขนาดนั้นเลย...ฉัน...ฉันไม่ไหวแล้ว"
"หึๆ...ไม่ไหวอะไร"
ปู่เทียนยิ้มหื่นกระหายแล้วค่อยๆถลกผ้าซิ่นขึ้น
กิ่งแก้วยิ้มแล้วหลับตาพริ้ม...
บุญเพ็งนอนกระสับกระส่ายเหงื่อท่วมตัวอยู่ที่ดงไม้ เหมือนมีเสียงของกิ่งแก้วเรียกชื่อเขาแต่แล้วกลับกลายเป็นเสียงคนอื่น
เสียงสายหยุดรียก "ไอ้บุญเพ็ง !"
บุญเพ็งสะดุ้งตื่นก็เห็นวิญญาณของคุณสายหยุดจ้องมองอยู่ที่ปลายเท้า
"คุณสายหยุด!....ผม...ผมไม่ได้ทำนะขอรับ"
บุญเพ็งถอยหนียกมือไหว้ท่วมหัวด้วยความกลัว ผีสายหยุดจ้องมองบุญเพ็งอย่างเย็นชา
"หึ....คนอย่างมึงมันจะทำอะไรกูได้ มึงมันก็แค่แพะรับบาป ไอ้เทียนชาติชั่วนั่นต่างหากที่ฆ่าเพื่อริบสมบัติกูแต่อย่างน้อยกูก็ต้องขอบใจมึงที่ดึงมีดอาคมนั่นออกจากร่างกู ไม่อย่างนั้นกูคงโดนสะกดวิญญาณไปจนชั่วกัปชั่วกัลป์
บุญเพ็งหยิบมีดอาคมนั่นขึ้นดู
"แต่ในไม่ช้ามึงก็คงต้องตาย เพราะโดนยาสั่งปู่เทียนเสียแล้ว ที่สำคัญ อีกิ่งแก้วเมียมึง...."
"กิ่งแก้ว...กิ่งแก้วทำไม"
"หึ....ตอนนี้ มันได้เสียเมียเป็นปู่เทียนไปซะแล้ว"
บุญเพ็งอึ้งขบกรามแน่นด้วยความแค้น ผีสายหยุดได้ทีขยับตัวเข้าหา
"คืนพรุ่ง...ข้างขึ้นจันทร์เต็มดวง...ฤกษ์อาคม มึงอยากเหนือกว่าไอ้ปู่เทียนมั้ย"
บุญเพ็งพยักหน้ารับอย่างเคียดแค้น
"กูช่วยทั้งมึง ทั้งกิ่งแก้วได้"
"จริงเหรอจ๊ะ"
"หึ...แต่กูมีข้อแลกเปลี่ยน"
"ได้ ฉันยอมแลก !"
เรือนใหญ่ในคืนวันพระจันทร์เต็มดวงดูน่ากลัว ไพร่ชายสองคนจุดไต้ระวังเฝ้ามองอยู่รอบๆ บ้าน
บุญเพ็งอ้อมเข้ามาด้านหลัง เอามือปิดปากชาย 1 ไว้แล้วจ้วงแทงจนมันทรุดลง
ชาย2 อีกคนเดินมาเห็นเข้าพอดี กำลังจะร้องแหกปาก บุญเพ็งปาไม้เข้าใส่จนมันล้มลง บุญเพ็งเข้าคร่อมตัวมัน ชาย2 สู้สุดฤทธิ์ บุญเพ็งคว้าหินข้างตัวฟาดหัวมันไม่ยั้งจนมันตายคามือ
บุญเพ็งลากศพมันทั้งคู่ไปซ่อนแล้วรีบขึ้นเรือนใหญ่ไป
"สิ่งที่มึงต้องทำลอบเข้าเรือนใหญ่...หาห้องทำพิธีให้เจอในนั้นมีของแก้ยาสั่ง"
บุญเพ็งพยายามเดินให้แผ่วเบาที่สุด แต่ก็ไม่วายเจ็บแปลบจนต้องล้มลง
เสียงปัดจาน-ชามดังสั่นหวั่นไหวมาจากห้องกลาง
"อาหารอะไร? รสชาดถึงได้สถุลเยี่ยงนี้"
บุญเพ็งรีบหลบแล้วเฝ้ามอง
กิ่งแก้วตอนนี้ใส่ชุดคุณนายเจ้าของบ้านจิกหัวด่าช้อย
"พวกมึงปรุงอาหารเสียสุกไร้สรชาด...โง่เง่าจริงๆ รีบไสหัวไปเอามาใหม่...ทำกึ่งดิบมาให้กูด้วย"
ป้าอ้อยและช้อยมองหน้ากัน
"ไปสิ" ปู่เทียนบอก
"เจ้าค่ะ" ช้อยบอก
ปู่เทียนประคองกิ่งแก้วเข้าห้องนอนด้านในไป
ป้าอ้อยและช้อยรอจนคนทั้งคู่เดินจากไปแล้วค้อนขวับ
"ดูมันสิอีช้อย...เมื่อวานซืนยังปางตาย วันนี้ได้เป็นคุณนายแทนคุณสายหยุดเฉย"
"ฉันว่า...ท่าทางมัน...เหมือนคนโดนของ"
ป้าอ้อยเขกกะโหลก
"มัน...มัน เรียกว่าคุณกิ่งแก้วซิ เดี๋ยวก็โดนตะเพิดอีกหรอก"
"แหวะ....คุณกิ่งแก้ว"
"ยัง ยังไม่หยุด"
"จริงๆนะป้า ทุกอย่างมันประจวบเหมาะเหลือเกิน ไอ้บุญเพ็ง...เมียรักมันก็ปางตายขนาดนั้น ยังจะใจกล้าฆ่าคนขโมยอีกเหรอ ส่วนศพของคุณสายหยุดก็แปลกๆไงไม่รู้ ฉันว่าเหมือนงานนี้ปู่เทียนได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง"
ป้าอ้อยเงื้อมือ
"อีห่านี่...ตีปาก...อย่าสู่รู้ มึงเก็บเช็ดให้สะอาดเลย เดี๋ยวกูไปทำกับข้าวมาให้คุณเขาใหม่"
ป้าอ้อยบ่นเสร็จแล้วก็เดินออกไป ทิ้งให้ช้อยเก็บถ้วยชามและทำความสะอาดตามลำพัง
"อะไรอีกล่ะป้า....ถ้าจะเดินกลับมาด่าฉันละก็..."
บุญเพ็งรีบเข้าถึงตัวแล้วปิดปากช้อยอย่างรวดเร็ว
ช้อยดิ้นอึกอักแต่ไม่มีแรงสู้ บุญเพ็งลากตัวออกมา
บุญเพ็งลากตัวช้อยมาที่ห้องเก็บของ...
"กูจะปล่อยมึง แต่สัญญาก่อนว่ามึงจะไม่ร้อง"
ช้อยพยักหน้าด้วยความกลัว บุญเพ็งค่อยๆปล่อยมือออก ช้อยรีบถอยห่างแล้วคว้าของใกล้มือเพื่อป้องกันตัว
"กูไม่ได้ฆ่าคุณสายหยุดจริงๆนะ"
"ปู่เทียนว่า มึงจะลักของแต่คุณสายหยุดมาเจอเข้า มึงก็เลย..."
"ไหนล่ะของ สร้อย แหวน กำไล....กูก็ไม่ได้แตะต้องสักชิ้น"
"แต่มีดนั่น"
"มีดนี่ของปู่เทียนใช่หรือไม่ ของแบบนี้จะมาอยู่ในมือกูได้ยังไง"
ช้อยอึกอักคิดตาม
"กูมาขอความช่วยเหลือ เมียกูก็ปางตายขนาดนั้นมึงก็เห็น ถ้าคิดจะมาลักขโมย คิดจะปล้น กูไม่มาเสียเวลาให้ใครได้เห็นหน้ากูหรอก"
ช้อยลดมือที่ถือของลง
"งั้นมึงจะเอายังไง"
"ปู่เทียนทำของใส่เมียกู มึงก็เห็นมันแล้วใช่ไหม"
ช้อยพยักหน้า
"กูอยากได้มันคืน"
กิ่งแก้วผลุดลุกขึ้นจากเตียงแล้วคว้าผ้ามาห่มร่าง ปู่เทียนไล้แขนนางอย่างหลงใหล
"ผิวเอ็งช่าง นุ่มเนียนเหลือเกิน"
กิ่งแก้วฝืนยิ้มให้ เสียงเคาะประตูดังขึ้น
"อาหารมาแล้วเจ้าค่ะ"
กิ่งแก้วผลุดตัวลุกขึ้นด้วยความหิวโหย
"เดี๋ยวก่อนกูมีของจะให้..."
ปู่เทียนหยิบ กระพรวนทองเหลืองคู่หนึ่งจากกล่อง สวมใส่ข้อเท้ากิ่งแก้วอย่างลุ่มหลง
กิ่งแก้วยิ้มพอใจแล้วหอมแก้มปู่เทียน....
" ไปเถอะ..กูจะรอมึงอยู่ห้องนี้แหละ"
กิ่งแก้วพยักหน้าแล้วรีบออกนอกห้องไปทันที
ปู่เทียนยิ้มแล้วฟุบตัวลงนอนอย่างเหนื่อยอ่อน
กิ่งแก้วเร่งเท้าตามช้อยอย่างหิวกระหาย
"ไหนล่ะอีไพร่ อาหารของกู"
"อ่ะ...เออ"
บุญเพ็งโผล่มาจากมุมห้องอย่างรวดเร็ว แล้วช่วยช้อยมัดปาก มือและเท้าแล้วรีบอุ้มออกไป
ประตูห้องทำคุณไสยถูกเปิดออก กลิ่นกำยาน...กลิ่นเหม็นเน่าของอวิชาโชยคลุ้งจนอีช้อยทำหน้าผะอืดผะอม
บุญเพ็งกับช้อยช่วยกันเอาเชือกมัดตัวกิ่งแก้วที่ดิ้นสุดชีวิต
"รอที่ข้างนอก คอยดูต้นทางให้กูที"
ช้อยพยักหน้าแล้วรีบวิ่งออกไป
บุญเพ็งมองหน้าเมียรัก ที่จ้องมองเขาอย่างเคียดแค้นแล้วก็อดเศร้าใจไม่ได้
"ไอ้เฒ่าตัณหากลับนั่น มันข่มเหงมึงเยี่ยงไรหนอ"
กิ่งแก้วดิ้นเหมือนจะพูด บุญเพ็งจึงดึงผ้าปิดปากออก
"แล้วมึงล่ะ...มึงข่มเหงกูเยี่ยงไร?ปล่อยกู....กูจะกลับไปหาผัวกู"
"ก็กูนี่ยังไง...ผัวมึง"
"ไม่ใช่...มึงไม่ใช่....ปล่อยกู"
กิ่งแก้วกรีดร้องน่ากลัวจนบุญเพ็งพยายามเอามือปิดปาก แต่กิ่งแก้วก็กัดจนเลือดอาบ
บุญเพ็งตบใบหน้าเธอซ้ำๆด้วยความโมโห
"หยุดๆๆๆ......โอ้ยส"
จู่ๆบุญเพ็งก็เกิดอาการปวดหัวอีกครั้งจนทรุดลง กิ่งแก้วเงยหน้าที่บวมช้ำขึ้นมา แต่ดวงตากลับกลอกขาว
"ฮิๆๆๆ....ไอ้โง่ อีนี่มันกลายเป็นเมียปู่เทียนไปแล้ว...มึงยังจะเอาอะไรอีก"
บุญเพ็งทรุดตัวลงเจ็บปวด
ย้อนกลับไป ผีสายหยุดจ้องหน้าบุญเพ็งบอก
"เมื่อมึงเข้าไปในห้องพิธี สิ่งแรกที่มึงต้องทำคือหา ก้อนเหล็กไหลลงอาคมที่ใส่ไว้ในกล่องหาให้เจอกลืนกินมันเพื่อถอนพิษยาสั่ง...ไม่งั้นพิษยาอาจจะกำเริบถึงตายได้"
บุญเพ็งพุ่งตัวเข้าไปที่แท่นวางของศักดิ์สิทธิ์หาเหล็กไหล มันรื้อข้าวของหล่นดัวเกรียวกราว
"ฮ่าๆๆๆๆ...มึงไม่รอดหรอก ตายแน่ๆ ไอ้บ้านนอก" กิ่งแก้วบอก
บุญเพ็งฝืนรื้อของกระจุยกระจาย
ช้อยฟังเสียงภายในแล้วพยายามเร่งให้บุญเพ็งรีบจัดการให้เสร็จก่อนปู่เทียนจะมา
บุญเพ็งรื้อจนเจอกล่องไม้เรียบๆมีผ้ายันต์ห่อทับ มันรีบฉีกออก....
ภายในกล่องเป็นก้อนเม็ดตะกั่วขนาดเท่ามะเขือเทศลูกเล็ก มีอักขระเขียนด้วยหมึกดำทั้งก้อน
บุญเพ็งยิ้มดีใจแล้วรีบกลืนเข้าไป เพียงชั่วครู่ก็รู้สึกผะอืดผะอมแล้วก็อาเจียนออกมาเป็นน้ำเมือกสีดำ
"อ๊อกสส"
ในน้ำเมือกสีดำที่มีทั้งเศษผม ตะปูและหนอนไต่ยั๊วเยี๊ยะ กิ่งแก้วทั้งดิ้นทั้งกระทืบตัว
"ปล่อยกู ปล่อยกู ไอ้ขี้ครอก...!"
บุญเพ็งพยายามตั้งสติ
ผีสายหยุดจ้องหน้าบุญเพ็งบอกต่ออีกว่า
"มีของสามสิ่งที่มึงต้องใช้ผสมกัน เพื่อทำน้ำมันเสน่ห์"
"แต่...แต่ ฉันอยากถอนของออกจากตัวกิ่งแก้วมากกว่า"
"ไอ้โง่....อย่าเสียเวลา...ใส่ของทับลงไปเลย ไม่งั้นปู่เทียนเล่นงานมึงได้แน่"
"แต่ว่า...กิ่งแก้วมันอาจจะกลายเป็นบ้า"
"หึ...งั้นมึงก็เสียเวลาเปล่า"
ผีสายหยุดหันหลังกลับ
"เดี๋ยว...ฉันจะทำ"
"ดี ของสามสิ่งคือ ยาดองศพแม่งูเห่า ขี้เถ้าผีตายโหงและก็....เลือดของมึงใส่ถ้วยตวงคนให้เข้าแล้วกรอกให้เมียมึงดื่ม ส่วนคาถาสะกดคือ...."
ผีสายหยุดเลื่อนมาที่บุญเพ็งแล้วกระซิบแผ่วเบา
บุญเพ็งรื้อข้าวของในห้องอย่างบ้าคลั่ง ท่ามกลางเสียงตะโกนด่าของกิ่งแก้ว
บุญเพ็งเทน้ำยาดองศพงู กำเถ้าผีตายโหงใส่ถ้วยและตัดสินใจกรีดเลือดตัวเองลงถ้วย
"มึงไม่กลัวอีนี่เป็นบ้า...มึงก็วางของทับมาเลย"
บุญเพ็งจ้องมองตาขวาง
"เอาเลยสิ.....เอาเลย มึงรักมันไม่ใช่เหรอ เอาเลย ฮ่าๆๆ"
บุญเพ็งทรุดตัว วางถ้วยลงแล้วร้องไห้
"สุดท้ายมึงก็แค่ไอ้ขี้ขลาดตัวหนึ่ง" กิ่งแก้วบอก
ช้อยที่แอบฟังอยู่ข้างนอก
"อีช้อย..เมียกูอยู่ในห้องนั่นใช่ไหม"
ช้อยตกใจหันมาเห็นปู่เทียน พนมมือไหว้ด้วยความกลัว
"อีขี้ข้าเลี้ยงไม่เชื่อง"
"อย่า..อย่า ฉันกลัวแล้ว"
ปู่เทียนเงื้อไม้เท้าหวดใส่ช้อยสุดแรง
เสียงกรีดร้องของช้อยดังขึ้น บุญเพ็งหันขวับไปมองที่ประตู
"กิ่งแก้ว...มึงอยู่ข้างในนั่นใช่ไหม"
เสียงปู่เทียนพยายามทุบประตูเข้ามา
"ฮ่าๆๆ...ผัวกูกำลังจะเข้ามาช่วยกูแล้ว มึงไม่รอดแน่"
"กูต่างหากที่เป็นผัวมึง"
"ปู่เทียนเป็นผัวกูต่างหาก...ไอ้ควาย"
กิ่งแก้วหัวเราะหยามใส่หน้าบุญเพ็ง บุญเพ็งจ้องมองด้วยเคียดแค้นสุดขีด...
ปู่เทียนพังประตูเข้ามาในห้องได้สำเร็จแล้วก็ต้องยืนตะลึง กิ่งแก้วตัวสั่นเทา สำลักน้ำยาเสน่ห์ที่ถูกจับกรอกปาก
"อ๊อกส"
ปู่เทียนรีบวิ่งเข้าไปเช็ดน้ำที่เลอะปาก
"ใครมันทำกับมึงอย่างนี้"
ปู่เทียนรีบประคองกิ่งแก้วขึ้นมา
"ล้วงคอเสีย..ยังทัน"
กิ่งแก้วกลับผลักปู่เทียนออกไป หันกลับมาจ้องมองดวงตาเลื่อนลอยเหมือนถูกผีเข้าสิง
"กูไม่ใช่ของมึงอีกแล้ว...ใช่ไหมจ๊ะ พี่บุญเพ็ง"
"บุญเพ็ง !"
"เออ..กูเอง"
ปู่เทียนหันมาก็โดนบุญเพ็งตวัดมีดอาคมเข้าใส่จนล้มลง ปู่เทียนกัดฟันทนเจ็บ หันตัวจะคว้าไม้เท้าแต่บุญเพ็งไวกว่าคว้าหยิบได้ก่อน
บุญเพ็งมองปู่เทียนอย่างใจเย็นแล้วชักดาบในไม้เท้าออกมาจ่อที่เอ็นข้อเท้า
บุญเพ็งแสยะยิ้มอำมหิต
"ตาฉันบ้างนะครู"
ปู่เทียนเบิ่งตาโพลงด้วยความกลัวสุดขีด
เมฆเคลื่อนออกจากดวงจันทร์ ลมกรรโชกแรง เสียงฟ้าคำรามน่ากลัว
เสียงปู่เทียนกรีดร้องโหยหวน
ปู่เทียน ตอนนี้เหงื่ออาบท่วมร่างคลานกระเสือกกระสนหนี ข้อเท้าทั้งสองถูกตัดเส้นเอ็น แกพยายามลุกขึ้นยืนแต่สุดท้ายก็ล้มลงด้วยความเจ็บปวด
เสียงไม้เท้ากระทบพื้นดังขึ้นในความมืดมิดของทางเดินบ้าน บุญเพ็งค่อยๆปรากฏตัวในมือถือเชือกล่ามใครบางคน
"พอเถอะ....บุญเพ็ง กูยอมแล้ว"
ปู่เทียนยกมือไหว้อย่างน่าสงสาร บุญเพ็งยิ้มอย่างสะใจ
"อย่าไหว้ฉันสิ...ปู่เทียนเป็นครูอาคมผู้ยิ่งใหญ่...ทำเยี่ยงนี้ ฉันก็ลำบากใจสิจ๊ะ"
บุญเพ็งเอาไม้เท้าปัดมือปู่เทียนจนล้มคว่ำไป แล้วทรุดลงนั่งข้างๆ
"งั้นมึงอยากได้อะไร ก็เอาไปเถอะ..แต่ว่า"
" จริงเหรอ...อะไรก็ได้เหรอ ครู"
ปู่เทียนรีบพยักหน้า
"งั้น...ฉันขอชีวิตครูล่ะกัน"
"หา !"
บุญเพ็งลุกขึ้นแล้วกระตุกเชือก.... เสียงกระพรวนเท้าค่อยๆดังขึ้น
กิ่งแก้ว เดินออกมาจากความมืด เชือกมัดแน่นที่ข้อมือ ดวงตาเหม่อลอยเหมือนคนไร้สติ น้ำลายไหลย้อยจากมุมปากที่เลอะเทอะไปด้วยคราบน้ำดิน
"กิ่งแก้ว ! มึง... ไอ้บุญเพ็ง....มึงทำอะไรเมียกู"
"เมียครู? ถ้างั้นครูก็ถามมันเองสิ"
บุญเพ็งกระตุกเชือกจนกิ่งแก้วเซไป ปู่เทียนรีบหลบวูบ
"เอาเลยสิ...กิ่งแก้ว ทำตัวให้สมกับที่เมียครูเทียนเสียหน่อย"
กิ่งแก้วผลักปู่เทียนให้ล้มลงกับพื้นแล้วค่อยคืบคลานขึ้นคร่อม
" อย่ากิ่งแก้ว...อย่าขึ้น"
กิ่งแก้วคืบคลานจนตัวขึ้นทับหน้าอกปู่เทียนแล้วยิ้มยั่วยวน
ปู่เทียนพยายามยกตัวขึ้นดันขาของกิ่งแก้วให้ออกไป แต่มือของเขากลับสัมผัสของเหลวบางอย่างจึงยกขึ้นดู น้ำปัสสาวะของกิ่งแก้วไหลนองตัวครูเทียน ปู่เทียนตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ กรีดร้องลั่นแล้วออกแรงผลักกิ่งแก้วจนล้มลง
กิ่งแก้วลุกขึ้นนั่งหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง!
ปู่เทียนพยายามคลานหนีไปที่ประตู ควันสีดำเป็นตัวอักษรเขมรมากมายลอยออกจากผิวหนัง
ปู่เทียนร้องโหยหวนด้วยความแสบร้อน
"ช่วยด้วย...ช่วยด้วย"
ดวงจันทร์สีส้มเผยเต็มดวง สว่างจ้า ท่ามกลางเสียงร้องโหยหวน
ร่างบุญเพ็งสะอึกเมื่อควันดำและควันอักขระไหลเวียนจากร่างปู่เทียนผ่านแทรกซึมเข้าไปในผิวหนังของมัน
"อ๊า..."
ปู่เทียนจ้องมองด้วยความกลัวแล้วฝืนคลานหนีไปจนถึงหน้าประตู
บุญเพ็งเดินตามอย่างใจเย็น เอาตีนเหยียบแผ่นหลังปู่เทียน
"อาคมครู โดนน้ำอีกิ่งแก้วล้างซะสิ้นแล้ว แต่ไม่ต้องห่วง....ของๆครูฉันจะเป็นคนรับช่วงต่อไว้เอง"
บุญเพ็งดึงดาบออกจากไม้เท้า
"แต่ตอนนี้....ฉันขอหัวครูล่ะนะ"
บุญเพ็งเงื้อดาบขึ้น
"อย่า !"
บุญเพ็งตวัดคมดาบลงคอปู่เทียนสุดแรง!บุญเพ็งตวัดคมดาบลงคอปู่เทียนสุดแรง !
หัวครูเทียนกลิ้งหลุนๆ มาหยุดที่ปลายเท้าผีสายหยุด
"ฮิๆๆๆ...ในที่สุดพี่เทียนก็หนีฉันไม่พ้น"
วิญญาณของครูเทียนค่อยปรากฏตัวข้างๆสายหยุด ก้มหน้านิ่งด้วยความกลัวแล้วของทั้งคู่ก็ค่อยสลายไปในที่สุด
บุญเพ็งจ้องมองแล้วยิ้มสะใจ
"ไป...อีกิ่งแก้ว"
ร่างช้อยที่นอนสลบอยู่หน้าห้องทำคุณไสย บุญเพ็งยืนจ้องมองช้อยบ่นพึมพำ
"หึๆๆๆ ต่อไปนี้จะไม่มีใครหยามกูได้อีก ไม่ว่าใครทั้งนั้น"
กิ่งแก้วไม่พูดอะไร ยิ้มตอบให้เขาน้ำลายไหลยืด
"ช่วยกูเอาอีช้อยเข้าไปห้อง เร็ว"
กิ่งแก้วเสียงแข็ง
"แต่พี่เป็นของฉัน"
"ไม่ใช่...พวกมึงเป็นของกูต่างหาก" บุญเพ็งจ้องมอง "หรือมึงจะกล้าขัดกู"
กิ่งแก้วจ้องมองตอบแต่ไม่กล้าขัดขืน คนทั้งคู่หิ้วปีกช้อยกลับเข้าไปในห้อง
"หึๆๆ"
ประตูปิดลงในที่สุด ตามด้วย....เสียงกรีดร้องโหยหวนของช้อย !
ทุกคนตั้งใจฟังเรื่องที่พิมอธิบาย
"หลังจากที่บุญเพ็งสังหารครูเทียนได้ มันก็สถาปนาตัวเองขึ้นเหนือใคร ... อีกไม่นาน ชาวบ้านทุกสารทิศก็เดินทางมาขอความช่วยเหลือจากบุญเพ็ง โดยหารู้ไม่ว่า ในคราบนักบุญนั้น บุญเพ็งโดนมนต์ดำเข้าครอบงำและเริ่มครอบครองหญิงสาวที่หมายตาไว้ จนเป็นเหตุให้บุญเพ็งฆาตกรรมหญิงสาวอย่างต่อเนื่องถึง 6 คน"
ภาพจากจอมอนิเตอร์กลางห้องเผยให้ภาพเหยื่อทั้งหกราย
"ซึ่งตอนนี้แบมเป็นรายที่เจ็ด" แอนนาบอก
"ไม่ต้องพูดย้ำได้ป่ะ" แบมบอก
"แต่ถ้าวิธีแก้ไม่ได้อยู่ที่ อาศรมของบุญเพ็ง แล้วเราจะช่วยพี่แบมได้ยังไง" ปาล์มว่า
"เราต้องย้อนกลับไปหาวิธีปลิดชีวิตบุญเพ็งได้ในครั้งแรก"
"อาพิมหมายถึง การประหารชีวิตด้วยการตัดคอเรอะค่ะ" เอโกะว่า
"ใช่"
"แค่นึกภาพตาม จอร์ชก็เสียวแล้วล่ะครับ"
พิมสไลด์รูปภาพลานประหารและการตัดคอบุญเพ็งขึ้นมา
"ตามข้อมูลที่บันทึกกันมา หลังจากถูกเปิดโปงและทางการจับตัวมาลงโทษได้ บุญเพ็งเป็นนักโทษคนสุดท้ายของไทยที่ถูกประหารด้วยการบั่นคอ แต่มันก็เป็นการประหารที่ไม่ง่ายเลยสำหรับเพชรฆาต"
วันนั้น ที่ลานประการ ท้ายป่าช้าวัดภาษี แดดร้อนแผดเผา เสียงผู้คนอื้ออึง บุญเพ็งโดนมัดกับหลักประหาร ในมือถูกมัดพนมไหว้เสียบไว้ด้วยดอกไม้ธูปเทียน แต่สีหน้ากลับไร้ความหวาดหวั่น
ผู้คนต่างจับกลุ่มวิจารณ์ ญาติผู้เสียชีวิตต่างตะโกนด่าทอสาบแช่ง
เพชรฆาตดาบหนึ่งและดาบสองออกมาร่ายรำวนรอบตัวบุญเพ็ง บุญเพ็งหลับตาลงแล้วพึมพำคาถา
เพชรฆาตดาบ1 เงื้อดาบฟันทันที ชาวบ้านกรี๊ดร้อง บางคนหลับตาปี๋ด้วยความหวาดเสียว
ใบดาบหักกระเด็นไป เพชรฆาตดาบ1 เจ็บปวดข้อมือที่ยังสั่นสะท้าน
เพชรฆาตดาบ2 รีบเป่าคาถาลงบนดาบแล้วใส่เข้าที่ลำคอบุญเพ็ง
"บุญเพ็งกลืนเหล็กไหลอาคม ทั้งมีของ ทั้งวิชาติดตัว ต่อให้คนที่เกิดดวงเพชรฆาตก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้"
ใบดาบ 2 บิ่นพอทิ่มลงบนพื้นก็หักสะบั้นเช่นกัน
ผู้คนต่างฮือฮา มีทั้งเลื่อมใส ทั้งหวาดกลัว
บุญเพ็งยิ้มสะใจ.....
ในห้องประชุม พิมเลื่อนภาพการประหารให้ชัดยิ่งขึ้น เพชรฆาตคนใหม่เหมือนยกเท้าขึ้นเหนือหัวบุญเพ็ง
"แต่จากภาพนี้ยังไง สุดท้ายบุญเพ็งก็ยังถูกประหารอยู่ดี" แบมว่า
"ใช่..แต่อาจจะเปลี่ยนวิธีอะไรบางอย่าง เพราะการประหารนักโทษสำคัญ ยังไงซะทางการก็ต้องใช้คนที่เก่งที่สุด" แอนนาบอก
พิมยิ้ม
"อือม์..แอนนาพูดถูก อาถึงเรียกพวกเธอมาดูภาพนี้ไง"
ทุกคนงง
"เอโกะ...ขยายรูปนี้ฝั่งเพชรฆาตให้หน่อย"
เอโกะรีบเข้าขยับเครื่องมือแล้วซูมภาพ
"ด้านบน.....ตรงนั้นแหละ แล้วปรับให้ชัดที่สุด"
เอโกะรีบใช้เครื่องมือปรับแต่งภาพจนได้ความชัดที่คมที่สุด
"เห็นอะไรมั้ย "
ทุกคนเพ่งมอง
"หน้าอก" แบมบอก
"อัยยะ...ตาไวมาก" เอโกะว่า
"หมายความว่า เพชรฆาตที่ตัดคอบุญเพ็งได้สำเร็จคือผู้หญิงเรอะคะ"
"ใช่...อาคมสายนี้ ของแก้คือ ผู้หญิง"
"ตรงนั้น"
ทุกคนหันไปมองที่แอนนาชี้ เอโกะรีบเลื่อนภาพตรงจุดนั้นให้ชัดที่สุด
"ไม่ใช่แค่ ผู้หญิงหรอกที่สังหารบุญเพ็ง....ดาบเล่มนั้นด้วย"
ภาพที่ปรับจนชัดเห็นดาบในมือเพชรฆาตเล่มนั้น...ดาบที่ปลายหักออก
"ดาบนางเสือ !" เอโกะว่า
พิมหันมามองทุกคนในห้อง
"อาเชื่อว่า...พวกเราในห้องนี่ ต้องมีใครสักคนที่เคยเป็นเพชรฆาตคนนี้มาก่อน"
ทุกคนต่างมองกัน บรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้น....อีกครั้ง
อ่านต่อตอนที่ 11