สะใภ้รสแซ่บ ตอนที่ 12
ตอนเช้า ประภาพรรณยืนกอดอกคิดอะไรเพลินๆ อยู่ในสวน น้ำเดินเข้ามาหาเงียบๆ
“พี่มิวเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
ประภาพรรณหันมายิ้มให้น้ำอย่างอารมณ์ดี
“ไม่ได้เป็นอะไร พี่สบายดี”
“อย่าโกรธน้ำ ถ้าน้ำจะพูดอะไรนะคะ”
ประภาพรรณยังยิ้มให้น้ำเหมือนเดิม
“พี่มิวดูท่าทางไม่สบายใจ ดูไม่มีความสุขตั้งแต่ออกไปข้างนอกกับคุณหญิง มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าคะ”
ประภาพรรณหน้าเศร้าลง พูดเปรยๆ
“คนอย่างพวกเรา เลือกเกิดไม่ได้ก็ต้องอดทนกันไป อดทนให้ถึงที่สุด จนกว่าจะทนไม่ไหวนั่นแหละ”
“เราหัวอกเดียวกันนะพี่มิว พี่มิวอยากระบายอะไร นึกถึงน้ำนะ ถือซะว่าให้น้ำได้มีโอกาสทดแทนบุญคุณพี่มิว เล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี”
“พี่ขอบใจน้ำมากนะ”
น้อยโผล่เข้ามาหาประภาพรรณ
“คุณมิวค่ะ คุณหญิงให้มาตามไปสมาคมค่ะ”
ประภาพรรณแอบถอนหายใจ น้ำเดินเข้ามาบีบแขนประภาพรรณเบาๆ แกล้งทำเหมือนเป็นห่วง แต่พอประภาพรรณเดินออกไป ก็ยิ้มเย้ย
ประภาพรรณนั่งเหม่อๆ ซึมๆ อยู่ห้องที่ห้องนั่งเล่นของสมาคม ราตรี ปทุมวดี แอบมองอยู่ไกลๆ
“คุณพี่ นังมิวมันเริ่มเหม่อลอย เหมือนคนใกล้จะเป็นบ้าแล้วค่ะ”
“ก็ดีซิ จะได้ส่งโรงพยาบาลบ้าซะเลย”
“งั้นเราต้องแกล้งมันอีกค่ะ เอาให้หนักเลย มันจะได้บ้าจริงๆ”
ปทุมวดีคิดอะไรออก เดินตรงไปหาประภาพรรณ ราตรีรีบขยับตาม ปทุมวดีไปหยุดยืนข้างหน้าลูกสะใภ้
“วันนี้แม่บ้านที่นี่ป่วย หล่อนต้องไปล้างห้องน้ำแทน ทุกห้อง เดี๋ยวนี้”
ประภาพรรณเงยหน้ามองปทุมวดี ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ลุกเดินไปทำตามคำสั่งโดยไม่ขัดขืน
“ล้างให้สะอาดด้วย”
ปทุมวดี ราตรีหัวเราะไล่หลังประภาพรรณอย่างสะใจ ประภาพรรณเทน้ำยาขัดห้องน้ำ ขัดพื้นและขัดห้องน้ำทุกห้อง อย่างเอาเป็นเอาตาย ปาดเหงื่อด้วยความเหนื่อย ทำเสร็จก็นั่งพักไปกับพื้นห้องน้ำอย่างหมดแรง น้ำตาแห่งความคับแค้นใจค่อยๆ ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว เธอปาดน้ำตาให้แห้งไปจากใบหน้าอย่างรวดเร็ว
“ฉันยอมมามากเกินไปแล้ว”
ประภาพรรณแสดงสีหน้า แววตาที่มุ่งมั่นว่าจะไม่ยอมให้ใครรังแกอีกแล้ว ปทุมวดี ราตรี บุหงา ดวงแก้ว แอบมองอยู่ ต่างพากันหัวเราะด้วยความสนุกสนาน
ในห้องประชุมที่พวกคุณหญิงนั่งเมาท์กันอยู่ พอประภาพรรณเดินกลับเข้ามา ก็รีบทำเป็นประชุมกันอย่างขะมักเขม้น ปทุมวดี ราตรีชักเริ่มสนุก หัวเราะเยาะประภาพรรณที่เดินเซื่องๆ จะกลับมานั่ง
“นี่ก็ได้เวลาจิบน้ำชาแล้วนะคะคุณพี่”
“จริงด้วย หล่อนไปชงชาในครัวต่อเลย เร็วๆ ด้วย”
ประภาพรรณไม่ทันนั่ง ก็ต้องเดินออกไปอีก
“ว่าง่ายๆ แบบนี้ก็ดี จะได้ไม่มีปัญหา”
“เชื้อง เชื่องเลยค่ะคุณหญิง”
“เชื่องเหมือนลูกหมาเลยใช่ไหมคะ คุณดวงแก้ว”
ราตรีเปรียบเปรย ปทุมวดีและทุกคนในห้องประชุมหัวเราะกันลั่น ประภาพรรณไม่พูดอะไร ก้มหน้าก้มตาเดินออกไป แอบยิ้มมุมปากนิดๆ ด้วยความเจ้าเล่ห์ เมื่อถึงห้องครัว เธอชงชาสำเร็จรูป อีกมือหนึ่งถือน้ำยาล้างห้องน้ำเตรียมจะเทลงไปในชา ยิ้มให้ตัวเอง ด้วยท่าทีที่ฮึกเหิมราวกับจะไปออกรบ จากนั้นเดินถือชุดชาที่ชงเรียบร้อยมาบริการที่โต๊ะในห้องประชุม ปทุมวดี ราตรี อมรา บุหงา ดวงแก้วจิบชาเข้าไปทำหน้าเหยเก เพราะรู้สึกรสชาติแปลกๆ ประภาพรรณเดินมากลางห้องประชุม
“ขอเอาคืนมั่งนะคุณหญิงทุกท่าน”
“อะไรของหล่อน”
“ก็คุณหญิงทั้งหลายเพิ่งจะจิบชาผสมน้ำยาล้างห้องน้ำไปไงคะ”
ทุกคนตกใจสุดขีด จับที่ลำคอของตัวเอง
“จะได้ล้างปากที่มันสกปรกๆ กันมั่ง”
ประภาพรรณหยิบไม้ขัดส้วมที่ซ่อนไว้ข้างหลัง โยนไปตรงกลางโต๊ะประชุม
“ถ้ายังไม่สะอาด คนไหนที่ปากเน่าปากหนอนมากๆ ก็เอาไม้ขัดส้วมไปขัดปากซะด้วย”
ปทุมวดีและพวก กรีดร้องกันด้วยความกลัวตาย วิ่งวุ่นหามุมอาเจียนกันคนละมุม ราตรีกับอมราพากันโวยวายใหญ่โต
“อีบ้า จะฆ่ากันหรือไง เลวที่สุด”
“อีนี่มันบ้าไปแล้ว อีนังผู้หญิงชั้นต่ำ”
ปทุมวดีไอค่อกแค่ก แต่ก็ยังฝืนด่าประภาพรรณอีกคน
“หล่อนมันเนรคุณ ฉันจะฟ้องตากร”
ประภาพรรณยืนยิ้มให้ทุกคน แล้วเดินออกจากห้องไปอย่างใจเย็น ทุกคนมองหน้ากันอย่างแปลกใจว่าประภาพรรณจะทำอะไรต่อ
ประภาพรรณหยุดเดินที่กลางโถงห้องนั่งเล่น หันกลับมาเผชิญหน้ากับอมรา ราตรี ปทุมวดี บุหงา ดวงแก้วที่เดินตามมาจะเอาเรื่อง เธอหยิบโทรศัพทฺมือถือขึ้นมาชูไปข้างหน้า
“ทุกคำที่ด่ามิว ทุกคำที่ดูถูกมิว มิวอัดคลิปเก็บไว้หมดแล้วค่ะ”
ปทุมวดีและพวกตกใจ
“มิวจะเอาไปให้หนังสือพิมพ์ วิทยุ ทีวี ประจานทุกคนให้หมด”
ปทุมวดีมองด้วยความโกรธ
“หล่อนไม่กล้าหรอก”
“กล้าซิคะ ชาวบ้านจะได้รู้กันซะที ว่าคุณหญิงคุณนายที่เขาเคยชื่นชมว่าเป็นคนดี ช่วยเหลือสังคม ที่แท้เป็นยังไง”
ประภาพรรณเดินไปหาราตรี จ้องหน้าอย่างไม่เกรงกลัว
“แกล้งทำเป็นช่วยเหลือคนอื่น ที่แท้ก็หน้าไหว้หลังหลอก”
ประภาพรรณเดินกลับมายืนข้างหน้าอมรา
“พวกที่ชอบดูถูก เหยียดหยามคนที่ต่ำกว่า คิดว่าตัวเองสูงส่ง ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่ได้วิเศษมาจากไหน แค่มีคำว่าคุณหญิงนำหน้า สร้างภาพไปวันๆ”
“แก”
ประภาพรรณหันไปทางดวงแก้วกับบุหงา
“สองคนนี่ก็ นายว่าขี้ข้าพลอย พวกไม่มีสมอง”
ราตรี อมราทำท่าจะเป็นลมจนปทุมวดีต้องมาประคองทั้งคู่ไว้ บุหงากับดวงแก้วจ้องประภาพรรณด้วยความโกรธ
“พวกคุณหญิงไม่ควรได้รับความเคารพนับถือจากสังคมเลย”
ประภาพรรณเดินเข้ามาในห้องน้ำ มองตัวเองในกระจก หัวเราะสะใจที่ได้แกล้งเพื่อนคุณหญิงของปทุมวดีบ้าง เธอหลือบมองน้ำยาล้างห้องน้ำที่วางอยู่บนพื้น นึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ที่เธอชั่งใจกับตัวเองว่าจะใส่น้ำยาล้างห้องน้ำลงไปให้พวกคุณหญิงกินดีหรือไม่ พอมองไปรอบๆ ครัว ที่ชั้นวางของ ไปสะดุดเข้ากับผงเบคกิ้งโซดา จึงเปลี่ยนใจทันที เทเบคกิ้งโซดาลงไปในถ้วยชาที่เตรียมไปเสิร์ฟปทุมวดีและพวกคุณหญิง
“แค่เบคกิ้งโซดา กินได้ไม่ตายหรอก”
สะใภ้รสแซ่บ ตอนที่ 12 (ต่อ)
ในโถงห้องนั่งเล่นของสมาคม ปทุมวดี ราตรี อมรา บุหงา ดวงแก้ว หน้าตาบูดบึ้ง ไม่สบอารมณ์ที่โดนประภาพรรณแกล้งคืน
ทั้งหมดนั่งสุมหัวกัน หาทางจะแก้แค้นกลับ
“เอายังไงดีคะคุณน้อง”
“เรายอมไม่ได้ค่ะคุณพี่ รู้ถึงไหนอายเขาถึงนั่น”
อมราหันมาพูดกับปทุมวดี
“คงต้องหาวิธีขั้นเด็ดขาดมากำจัดนังมิว แล้วรีบเอาหนูแพนขึ้นมาเป็นสะใภ้แทนมันให้เร็วที่สุดนะคะ”
“ใช่ค่ะคุณหญิงพี่อมรา เพราะถ้านังมิวมันยังนั่งชูคอเป็นสะใภ้ของคุณพี่อยู่ มันต้องทำให้สังคมชั้นสูงอย่างพวกเราเสียหายถึงขีดสุดแน่ๆ ค่ะ”
ปทุมวดีและพวกพยักหน้าเห็นด้วยกับราตรี บุหงาแย้ง
“เราก็ลองมาหลายอย่างแล้วนะคะ ยังโดนมันเล่นงานกลับซะเกือบตาย”
“แล้วจะเอายังไงกันดี”
ราตรีกลอกตาไปมาคิดอะไรออก
“คุณน้องมีวิธีค่ะ คืออย่างนี้นะคะ”
ทุกคนขยับเข้าใกล้ราตรีเพื่อฟังแผนที่ราตรีจะอธิบาย
ตอนเย็น ปทุมวดีนั่งพัดตัวเองอย่างหงุดหงิด รอว่าเมื่อไหร่พันกรจะกลับมาบ้าน พันกรเดินเข้ามา เห็นปทุมวดี
“สวัสดีครับคุณแม่”
“รู้มั้ยวันนี้นังเมียของลูก มันเอาน้ำยาขัดห้องน้ำผสมชาใส่ให้แม่กับเพื่อนๆ คุณหญิง หนูแพนแล้วก็คุณดวงแก้วกิน”
พันกรได้ยินก็คิดเล็กน้อย ไม่อยากเชื่อ
“มันจะเป็นไปได้ไงครับ มิวเขาไม่กล้าทำรุนแรงขนาดนั้นหรอก”
“แต่มันบอกอย่างนั้นจริงๆ นะลูก”
“มิวเขาคงแกล้งอำคุณแม่กับเพื่อนล่ะมั้งครับ”
ปทุมวดีน้อยใจที่ลูกชายออกรับแทนเมีย
“นี่ตากรไม่เชื่อแม่เหรอลูก”
พันกรรีบปลอบโยนไม่ให้ปทุมวดีคิดมาก
“แม่ครับถ้าแม่กินยาขัดห้องน้ำเข้าไปจริง ป่านนี้แม่ไม่น่าจะมานั่งคุยกับผมได้แล้วนะครับ”
“ไม่รู้ล่ะ ตากรต้องเลิกกับมันซะทีนะลูก วันนี้มันอาจจะแค่ขู่ แต่ใครจะไปรู้ วันไหนมันเกิดบ้าขึ้นมา ใส่ยาพิษให้แม่กินจริงๆ จะทำยังไงล่ะลูก”
“ไม่เอาน่าแม่ มันจะไม่มีเรื่องอย่างนั้นหรอกครับ เชื่อผมนะครับ”
ปทุมวดีแทบหายโกรธเป็นปลิดทิ้ง เมื่อลูกชายสวมกอดด้วยความรัก
ตอนเช้า พันกรเดินหยอกล้อกระหนุงกระหนิงมากับประภาพรรณ น้ำนั่งบีบนวดให้ปทุมวดี แอบมองด้วยความอิจฉา
“ผมไปทำงานนะ”
“รีบกลับนะคะ อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย มิวจะได้เตรียมไว้ให้”
“มิวไม่ต้องเหนื่อยหรอกครับ ผมกินอะไรก็ได้ ไปก่อนนะครับ”
พันกรหอมแก้มภรรยาแล้วเดินออกไป ปทุมวดีมองค้อนลูกสะใภ้ด้วยความหมั่นไส้
“ฉันจะอ้วก”
ประภาพรรณมองปทุมวดียิ้มเยาะ
“คุณแม่สามีเอาใจคุณพ่อแบบนี้มั่งสิคะ คุณพ่อจะได้รักมากๆ”
“หล่อนไม่ต้องพูดมาก เตรียมตัวไปช่วยงานฉันที่สมาคม ช่วงนี้งานยุ่ง ฉันต้องพาหล่อนไปทำงานด้วยทุกวัน”
“มีงานอะไรเหรอคะ งานขัดห้องน้ำ เช็ดรองเท้าหรือว่า”
“นี่หล่อน ไม่ต้องมาประชดฉัน งานการกุศลย่ะ หาเงินช่วยช้าง งานใหญ่ระดับชาตินะ ดีที่หนูแพนเขาจบด้านออกแบบมา จะมาช่วยดูแลนางแบบกับเสื้อผ้า”
ปทุมวดียิ้มเยาะมองประภาพรรณวห้วจรดเท้า
“ส่วนหล่อน เดี๋ยวฉันจะหางานง่ายๆ พื้นๆ แบบไม่ต้องใช้สมองให้ทำ”
ประภาพรรณแอบขำที่ปทุมวดีหาช่องจิกกัดเธอจนได้
“ตามที่คุณแม่สามีบัญชาเลยเจ้าค่ะ มิวทำได้ทุกอย่าง”
น้ำแอบฟังอยู่พูดโพล่งขึ้นมา
“น้ำขอไปช่วยพี่มิวด้วยได้ไหมคะ”
ปทุมวดีมองหน้าน้ำ คิดสักครู่แล้วพยักหน้า
“ก็เอาสิ”
“ขอบคุณค่ะคุณหญิง”
น้ำยิ้มดีใจตาวาว นึกถึงอนาคตที่จะได้ฉายแววกลบประภาพรรณ
บุหงานั่งอยู่ในคอนโดหรู เอานิตยสารออกมากองสุมกัน ยีหัวตัวเองด้วยความกลุ้มใจ
“โอ๊ย จะออกแบบยังไงดีวะ เรียนก็ไม่เคยเรียน ไม่น่าเลย รู้งี้กุว่าเรียนจบด้านอื่นมาก็ดี”
บุหงาหยิบนิตยสารมาเปิดไปมา 4-5 เล่ม ก็ยังคิดไม่ออก เปิดมือถือดูแบบเสื้ออย่างเซ็งๆ แล้วเดินไปทิ้งตัวลงบนเตียงแหงนมองเพดานถอนหายใจหนักๆ
“เฮ้อ ทำไมไม่ให้ฉันทำอะไรง่ายๆ นะ นังคุณหญิงพวกนี้”
“แกจะไปคิดอะไรมาก แกดูแล้วชอบชุดไหนก็เอาไปให้ช่างที่มันตัดชุดหางเครื่องของตาเกิดก็อปให้ก็หมดเรื่อง ง่ายจะตาย”
บุหงาคิดตามที่ดวงแก้วพูด
“ให้ช่างก็อปชุด ชุดหางเครื่องลุงเกิด ชุดหางเครื่อง ฉันคิดออกแล้วแม่”
“คิดอะไรออกวะ”
บุหงายิ้มเจ้าเล่ห์
ภายในห้องประชุมของสมาคม ปทุมวดีและพวกคุณหญิงพร้อมด้วยบุหงาและดวงแก้ว นั่งกันพร้อมหน้า ประภาพรรณยืนเจี๋ยมเจี้ยมอยู่ข้างห้องประชุมตามเคย น้ำยืนทำหน้ารับแขกอยู่ข้างๆ ทุกคนจ้องไปที่บุหงาว่าจะมีไอเดียอะไรมาเสนอ บุหงายืนขึ้นมองทุกคนอย่างลังเลแล้วก็ตัดสินใจพูด
“ชุดหางเครื่องค่ะ”
“ชุดหางเครื่อง”
ปทุมวดี อมรา ราตรีออกอาการงงๆ
“แพนขออธิบายนะคะ ที่แพนเสนอชุดหางเครื่องให้นางแบบใส่ ก็เพราะว่า มีความเป็นไทย ดูสนุกสนาน ลั้นลา ร่าเริง มีสีสันที่วูบวาบๆ ดูสว่างไสวแล้วก็เซ็กซี่ค่ะ”
บุหงาทำท่าทางประกอบให้พวกคุณหญิงดู ปทุมวดี อมรา ราตรี สายสมรมองหน้ากันค่อยๆ พยักหน้าคล้อยตามบุหงา บุหงาสังเกตเห็นว่าพวกคุณหญิงเริ่มเห็นด้วยรีบพูดต่อ
“ที่สำคัญนะคะ ชุดหางเครื่องมันสื่อถึงความเริดหรูอลังการ สมกับความยิ่งใหญ่ของช้างไทยด้วยค่ะ”
ประภาพรรณคันปากยิบ อดถามบุหงาไม่ได้
“แล้วทำไมไม่ให้นางแบบใส่ชุดไทย ดูดีกว่า สวยกว่าตั้งเยอะ”
บุหงาหันไปจ้องหน้าประภาพรรณ พยายามจะอธิบายแต่ก็นึกอะไรไม่ออก
“ก็มัน”
ปทุมวดีหันไปพูดกับประภาพรรณ
“แต่ฉันเห็นด้วยกับหนูแพน แปลกเวอร์ แต่สร้างสรรค์”
น้ำเห็นปทุมวดีถือหางบุหงา เลยรีบพูดเอาใจปทุมวดี
“น้ำว่าก็ดีนะคะ คุณหญิง ชุดหางเครื่อง ที่จริงจะมองว่าเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของคนไทยก็ได้เหมือนกัน”
“จริงด้วย ชุดไทยใส่กันบ่อยแล้ว หนูแพนคิดมาได้น่าสนใจมาก”
“ใช่ค่ะ ล้ำเลิศ นอกกรอบอย่างมีคุณค่า”
“งั้นสรุปว่า เอาไอเดียนี้เลยดีมั้ยคะ”
อมรา ปทุมวดี ราตรีพากันพยักหน้าเห็นตรงกันกับสายสมร มารศรีและรัตนา อมราหันมาบอกบุหงา
“หนูแพนสรุปค่าใช้จ่ายมาเลยนะจ๊ะ ให้เริด ให้สวยที่สุด งบไม่อั้น”
ประภาพรรณเซ็ง เพราะไม่เห็นด้วยอย่างมาก บุหงากับดวงแก้วสบตากันยิ้มกริ่ม
สะใภ้รสแซ่บ ตอนที่ 12 (ต่อ)
ดวงแก้วยืนดันประตูห้องน้ำไว้ บุหงาคุยโทรศัพท์มือถืออย่างรีบๆ
“ด่วนเลยนะพี่ เอาชุดของลุงเกิดมายกเซ็ตเลยนะ ถ้าไม่ให้ยืมก็ขอเช่าเลย ราคาไม่เกี่ยง อันไหนที่เพชรหลุดก็เติมให้มันเต็มๆ ด้วย แค่นี้ก่อนนะพี่กล้าจ๋า จุ๊บๆ”
บุหงากดปิดมือถือ หันมาแตะมือกับดวงแก้ว
“เย้”
“เก่งมากนังแพน ทีนี้ก็เรียกเงินค่าตัดชุดกับพวกนังคุณหญิงมันไปเยอะๆ”
“แล้วเราก็เอาชุดหางเครื่องรีไซเคิลมาให้พวกมันใช้ เริดมาก”
“สะใจโว้ย”
สองแม่ลูกหัวเราะกันอย่างสะใจอีกรอบแล้วสะกิดกันให้รีบออกไปจากห้องน้ำ
บริเวณโถงจัดงาน บุหงายืนเชิด ชูคอทำเป็นเจ้านายของประภาพรรณกับน้ำ
“แกสองคนคอยดูแลความเรียบร้อยให้นางแบบ เขาจะเอาอะไรก็หาให้เขา อย่าให้มีปัญหา เข้าใจ”
ประภาพรรณทำเฉยๆ ไม่รู้ไม่ชี้จนบุหงาโมโห
“ฉันพูดไม่ได้ยินหรือไง”
“ได้ยินแล้วค่ะ“ น้ำรับคำ
“แกด้วยนังมิว อย่าทำให้ฉันขายหน้าล่ะ”
ประภาพรรณยังเฉยๆ จนบุหงารำคาญ กระฟัดกระเฟียดสะบัดหน้าเดินออกไป น้ำมองตามบุหงา หันมามองประภาพรรณเริ่มเสี้ยมทันที
“พี่มิวไม่โกรธคุณแพนเหรอค่ะ ทำเป็นวางท่า สั่งโน่นสั่งนี่ พี่มิวไม่ใช่คนใช้ของคุณแพนซะหน่อย ถ้าน้ำเป็นพี่มิวนะ น้ำไม่ยอมแน่”
น้ำทำเป็นฮึดอัด ประภาพรรณมองอย่างเอ็นดู
“อย่าไปถือสาคนบ้าเลย เขาใช้ทำอะไรก็ทำไปเถอะ ถือว่าทำบุญ ได้ช่วยงานการกุศลละกัน อย่าคิดมาก”
น้ำทำเป็นลังเล แต่ก็ยอมตามใจประภาพรรณ
“ก็ได้ค่ะ”
“ดีมากจ้ะ”
น้ำแอบแบะปากหมั่นไส้
“แหวะ นังแม่พระ”
ในห้องโถงบริเวณจัดงาน ประภาพรรณกับน้ำวิ่งวุ่น พานางแบบเข้ามาที่เวที ช่วยดูแลกระเป๋าสะพาย กระเป๋าส่วนตัวให้นางแบบ แล้ววิ่งไปหาเครื่องดื่มให้นางแบบ นางแบบบางคนงอแงไม่กินอาหารที่เตรียมไว้ให้ ประภาพรรณต้องวิ่งไปมาเอาสลัด อาหารคุมน้ำหนักให้นางแบบ สองสาวหอบแฮ่ก ทั้งคู่เหนื่อยกันมาก น้ำปาดเหงื่อ ประภาพรรณหายใจเข้าถี่ๆ เรียกพลัง ปทุมวดี และพวกคุณหญิงแอบยืนหัวเราะเยาะ
ที่ห้องอาหารช่วงพักทานกลางวัน อมราสั่งให้จัดอาหารบุฟเฟ่ต์ไว้ทุกคนกินกัน ปทุมวดี อมรา ราตรี สายสมร รัตนา มารศรี บุหงา ดวงแก้วตักอาหารเดินไปนั่งที่โต๊ะประภาพรรณกับน้ำรอจนทุกคนตักเสร็จก็เดินไปตักบ้าง ประภาพรรณเห็นที่ว่างที่หนึ่งที่โต๊ะของพวกคุณหญิงเลยเดินเข้าไปนั่ง ปทุมวดีรีบโวยวายขึ้นมา
“หยุดๆๆ หล่อนนั่งตรงนี้ไม่ได้”
“ทำไมนั่งไมได้คะ”
“เดี๋ยวฉันกินข้าวไม่ลง หล่อนไปนั่งที่อื่น ให้น้ำมานั่งแทน”
น้ำมองหน้าประภาพรรณ มองปทุมวดี แกล้งทำเป็นไม่กล้านั่งตามที่ปทุมวดีสั่ง
“น้ำไม่กล้าหรอกค่ะ คุณหญิง”
“มาเถอะ มานั่งใกล้ๆ ฉันนี่”
ราตรี สายสมร รัตนากับมารศรีพากันส่งตาให้กันอย่างรู้ใจ รีบคะยั้นคะยอน้ำ
“นั่งเถอะหนูน้ำ”
“รีบนั่งเลยค่ะ”
“มาสิจ๊ะ”
“ไม่ต้องเกรงใจจ้ะ”
น้ำหันมามองประภาพรรณ ประภาพรรณพยักหน้าให้น้ำทำตามที่ปทุมวดีสั่ง อมราจ้องหน้าประภาพรรณแบบเหยียดๆ
“ส่วนเธอ จะไปนั่งที่ไหนก็ไปไป๊”
“ค่ะ มิวนั่งไหนก็ได้อยู่แล้ว แค่นี้ไม่ตายหรอก”
ประภาพรรณเดินลอยชายอย่างไม่สนใจ พูดขึ้นมาลอยๆ
“มนุษย์ป้า”
พวกคุณหญิงแอบสำลักอาหารเล็กน้อยที่โดนประภาพรรณตอกกลับ ประภาพรรณยักไหล่ไม่สนใจเดินไปหาโต๊ะนั่งกินข้าวคนเดียวอย่างไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไร
ประภาพรรณทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ในร้านกาแฟของนิโรบลอย่างเซ็งๆ
“เบื่อๆ เสิร์ฟแต่น้ำๆๆ”
นิโรบลยังตะลึงในความสวยของเพื่อนอยู่
“เดี๋ยวๆๆ มิว กลับไปเดินมาหานิดอีกรอบซิ”
นิโรบลรีบผลักให้ประภาพรรณไปเดินมาหาใหม่อีกรอบ ประภาพรรณทำตามอย่างงงๆ แสง บรรยากาศก็ทำให้นิโรบลมองประภาพรรณสวย หุ่นดีมากๆ เหมือนเดิม
“หมุนตัวแบบนางแบบด้วยสิ”
ประภาพรรณขำๆ เล่นตามที่นิโรบลบอก หมุนตัวโพสต์ท่า
“มิว สวยมาก หุ่นเป๊ะ น่าไปเป็นนางแบบ คุณหญิงพวกนั้นมองข้ามมิวไปได้ยังไงนะ ยิ่งคุณหญิงปทุมวดีด้วยนะตาต่ำจริงๆ อุ๊ย ขอโทษ นิดพูดตรงไปอะเปล่า”
นิโรบลปิดปากเขินๆ ที่ลืมตัวว่าปทุมวดี ประภาพรรณยิ้มเขิน
“มิวเนี่ยนะ สวยหุ่นนางแบบ บ้า อยู่ๆ มาชมกันซะงั้น”
“สวยเริด หุ่นเซี้ยะ เพอร์เฟ็คต์ขนาดนี้ มัวแต่เสิร์ฟน้ำอยู่หลังเวทีได้ยังไง”
“ทำไงได้ล่ะ คุณแม่สามีสั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำ”
“อยากเอาคืนมั้ยมิว แบบว่า เอาให้ทุกคนอ้าปากค้างไปเลย”
“อือก็อยากนะ แต่กลัวคุณแม่สามีเดือดร้อน มิวก็โดนด่าอีก”
“คุณหญิงแม่สามีของมิวไม่เดือดร้อนแน่”
“ถ้าไม่ทำให้คุณแม่สามีหงุดหงิด แล้วมิวยังได้ช่วยงานกุศล ก็โอเคนะ นิดมีแผนอะไรสนุกๆ เหรอ”
ประภาพรรณยิ้มให้นิโรบล ขยับตัวเข้าไปหาเพื่อนใกล้ๆ นึกสนุกขึ้นมาทันที นิโรบลยิ้มอารมณ์ดี
“ไปบ้านนิดกัน”
สะใภ้รสแซ่บ ตอนที่ 12 (ต่อ)
นวลอนงค์นั่งฟังนิโรบลเล่าเรื่องต่างๆ ที่ประภาพรรณเจอมาอย่างเข้าใจและเห็นใจ
“แม่คิดว่า แม่ช่วยหนูมิวได้จ้ะ”
ประภาพรรณยิ้มมีกำลังใจ นวลอนงค์มองหน้าประภาพรรณแล้วสอนด้วยความเอ็นดู
“สิ่งที่สำคัญในการเข้าสังคมไฮโซนะจ๊ะ คือมารยาทบนโต๊ะอาหารจ้ะ”
“ค่ะ”
ประภาพรรณพยายามทำความเข้าใจในสิ่งที่นวลอนงค์จะสอน นวลอนงค์มองไปทางห้องอาหาร
“เด็กๆ คงเตรียมอาหารเรียบร้อยแล้ว เราไปที่โต๊ะอาหารกันดีกว่า แม่จะได้สอนหนูมิวตอนกินข้าวเย็นเลย คงจำได้ง่ายขึ้น แล้วก็ไม่เบื่อด้วย”
“ดีค่ะ คุณแม่”
นวลอนงค์เดินนำหน้าไปที่โต๊ะอาหาร นิโรบลกับประภาพรรณเดินตามไปด้วยความตื่นเต้น โดยเฉพาะประภาพรรณ
บนโต๊ะอาหารแบบสากล มีคนใช้ยืนคอยบริการอยู่ใกล้ๆ โต๊ะ นวลอนงค์ชี้ให้ประภาพรรณดูว่าอุปกรณ์บนโต๊ะมีอะไรบ้าง พวกมีด ช้อน ส้อม อาหารคาวหวาน แก้วน้ำ ถ้วยต่างๆ และต้องใช้อะไรก่อนหลัง
กินกันไป นวลอนงค์ก็สอนประภาพรรณไปด้วย เช่น ประภาพรรณใช้มีดหั่นสเต็กแล้วสลับเอาส้อมมาถือมือขวา นวลอนงค์ยิ้มๆ ส่ายหน้าว่าไม่ถูก
ประภาพรรณกินซุปแบบช้อนไทย ตักจากนอกเข้าหาตัว นวลอนงค์ก็ส่ายหน้า กินให้ประภาพรรณดูว่าที่ถูกต้อง ต้องตักจากด้านในไปด้านนอก ภาณุกับนิโรบลรู้สึกดีที่นวลอนงค์ใจดียอมช่วยประภาพรรณ พลอยสนุกหัดทำกับประภาพรรณไปด้วย
ภายในห้องประชุมของสมาคม ก่อนวันงาน อมรา ราตรี สายสมร รัตนาและมารศรีต่างก็เอาเครื่องเพชรของตัวเองมาวางอวดกันบนโต๊ะ ต่างฝ่ายก็ทำท่าชื่นชมความสวยงามของเครื่องประดับของคนอื่นเพื่อแสดงว่ามารยาทดี ปทุมวดีหยิบเอาเครื่องเพชรออกมาวางบ้าง
“ชุดนี้กะจะนำมาประมูลสัก 120 ล้านค่ะ”
บุหงา ดวงแก้ว และน้ำ ตาลุกวาวเมื่อได้ยินราคาของเครื่องเพชร
“น้ำงามมากค่ะคุณพี่”
“คุณปรีชาชาญให้เป็นของขวัญปลอบใจที่ต้องรับสะใภ้อย่าง”
ปทุมวดีมองเหยียดๆ ไปทางประภาพรรณ คุณหญิงทุกคนก็มองตามไปที่ประภาพรรณด้วย
“แต่ตอนนี้ไม่อยากเก็บไว้แล้ว มองยังไม่อยากมองเลยค่ะ”
ประภาพรรณเดินเสิร์ฟกาแฟให้บรรดาคุณหญิงอยู่ พยายามเก็บอารมณ์ที่ถูกปทุมวดีกระแนะกระแหนจนได้ บุหงากับดวงแก้วแอบมองเครื่องเพชรอย่างไม่วางตาอีกรอบ น้ำเองก็แอบมองเหมือนกัน
“เป็นเครื่องเพชรที่สวยมากเลยค่ะคุณหญิงป้า”
“ระดับคุณหญิงปทุมวดียังมีสวยๆ แพงๆ อีกเยอะนะหนูแพน”
“สวยจริงๆ ค่ะ คุณหญิงพี่”
ดวงแก้วสบตาบุหงาก็รู้ว่าต้องมีแผนที่จะเปลี่ยนเครื่องเพชรของปทุมวดีมาเป็นของตัวเองให้ได้แน่ บุหงายังแกล้งปากหวานชมปทุมวดีต่อ
“คุณหญิงป้าใจกว้างจริงๆ ค่ะ ของแพงๆ แบบนี้ยังไม่เสียดาย เอามาประมูลหาเงินการกุศลเข้าสมาคม เป็นคุณหญิงที่มีน้ำใจที่สุดในโลกเลยค่ะ”
“ประเสริฐแท้ค่ะ คุณหญิงพี่”
ปทุมวดียิ้มหน้าบานที่บุหงากับดวงแก้วพากันป้อยอด้วยคำหวานไม่หยุดปาก
“แต่ถ้าว่าที่สะใภ้ตัวจริงของป้าชอบ เดี๋ยวจบงานสมาคมแล้วป้าจะพาไปดูเครื่องเพชรที่ป้าสะสมอีกเยอะแยะนะจ๊ะ”
สองแม่ลูกตาวาวยิ้มกว้างพอใจเป็นอย่างมาก ปทุมวดีหันไปมองประภาพรรณอย่างสะใจ ประภาพรรณคิดในใจแต่ปลงๆ กับพวกคุณหญิงที่เห็นเครื่องประดับสิ่งของ มีค่ามากกว่าความดีของคน
“แค่ก้อนหิน โอเว่อร์กันเข้าไป”
ระหว่างทางเดินของสมาคม นางแบบเริ่มทยอยกันกลับหลังจากซ้อมเดินเสร็จ ประภาพรรณรีบร้อนเข้ามาหาปทุมวดีซึ่งยืนอยู่กับน้ำ
“คุณแม่สามีคะ”
“รำคาญจริง มีอะไร”
“มิวจะขออนุญาตกลับก่อน เผอิญมีธุระต้องรีบไปทำน่ะค่ะ”
“ทุกทีจะทำอะไรไม่เห็นเคยขออนุญาตฉัน คราวนี้ทำเป็นมาขอ”
น้ำรีบเสนอหน้าพูดแทรก
“ไม่ต้องห่วงนะคะพี่มิว น้ำจะดูแลคุณหญิงเองค่ะ”
ปทุมวดีรีบขยับเข้าไปใกล้น้ำ
“หล่อนจะไปไหนก็ไป มีสะใภ้อย่างเธอก็เหมือนไม่มีอยู่แล้ว”
“พี่ฝากคุณแม่สามีด้วยนะน้ำ”
“ค่ะ พี่”
ประภาพรรณรีบวิ่งออกไป ปทุมวดีมองตามไปอย่างหมั่นไส้
“อยากไปตายที่ไหนก็ไป”
น้ำยิ้มสะใจที่ปทุมวดีแช่งประภาพรรณ
ประภาพรรณเดินเข้ามาในบ้านนวลอนงค์ นิโรบลนั่งเรียนภาษาอังกฤษอยู่กับครูฝรั่ง นวลอนงค์เห็นประภาพรรณเลยเรียกให้เข้าไปหา
“หนูมิวมาเรียนภาษาอังกฤษพร้อมๆ กับนิดเลย มิวควรพูดได้บ้าง จะได้คุยกับคนอื่นเขารู้เรื่องไงลูก”
“อ๋อ ค่ะ”
“มาเลยมิว สนุกจะตาย”
ประภาพรรณพยักหน้างงๆ เดินไปหานิโรบลกับครูฝรั่งไม่รู้จะเริ่มอย่างไร ครูฝรั่งมองประภาพรรณอย่างเป็นกันเอง ยื่นมือมาทักทาย แล้วเริ่มคุยก่อน
“เฮลโล กู๊ด อีฟนิ่ง”
ประภาพรรณเขินๆ ยื่นมือไปจับเพื่อทักทาย พยายามจะพูดโต้ตอบ
“เอ่อ ฮัลโล กูด กูด”
“กู๊ด อีฟนิ่ง ไม่ใช่ กูด กูด”
นิโรบลช่วยสอนให้ ประภาพรรณหัวเราะตัวเองที่ทำอะไรเปิ่นๆ
“เหรอ งั้นเอาไหม่ เฮลโล กู๊ด อีฟนิ่ง”
นิโรบลปรบมือให้เพื่อน โดยเฉพาะครูฝรั่งที่ยิ้มแล้วยกนิ้วโป้งชมเชยประภาพรรณ
“เก่งมากครับ”
ประภาพรรณทำหน้าเหรอหราที่เห็นครูฝรั่งพูดภาษาไทยได้
“พูดไทยได้นี่นา”
ทุกคนพากันหัวเราะ นวลอนงค์มองประภาพรรณด้วยความเอ็นดู
จบตอนที่ 12