เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 18 อวสาน
ตวันเดินเข้ามาในกระท่อมโสภณ เจอสนมยืนอยู่ สนมส่ายหน้า เห็นสำรับอาหารที่วางอยู่ไม่มีใครกิน
ตวันหยุดมองลูกสาวที่นั่งอยู่ตรงเฉลียงหลังบ้าน สีหน้าเรียบเฉย แต่มีน้ำตาไหลเงียบๆ สุชาดาเอามือป้ายน้ำตา ตวันเดินมานั่งใกล้ๆ
"คุณนนท์นั่งเครียดอยู่หน้าบ้านทั้งวันไม่กล้าเข้ามา...เล่าให้แม่ฟังได้ไหมลูก"
"แม่ช่วยบอกให้เค้ากลับไปเถอะค่ะ...สุไม่อยากเห็นหน้าเขา"
"สุ...ทำไมถึงโกรธคุณนนท์ขนาดนี้...เขาทำผิดอะไรลูก"
"มันก็เพราะนิสัยของเค้าน่ะแหล่ะค่ะ...ชอบหว่านเสน่ห์ไปทั่ว เห็นเป็นเรื่องโก้เหลือเกินที่ทำให้ผู้หญิงหลงรัก"
"คุณนนท์น่ะเหรอ...เค้าไปหว่านเสน่ห์กับใครกัน"
สุชาดาหันมามองตวัน น้ำตาร่วง
"เสาวนิตค่ะ...น้องของสุเอง"
"ใครบอกสุ"
"วันนี้สุเจอเสาวนิตค่ะ...น้องน่าสงสารมากค่ะแม่ เสียใจจนอยากฆ่าตัวตาย"
"แล้วคุณนนท์ไปทำอะไรเค้า"
"เค้าไปหว่านเสน่ห์กับยายนิต ก็เหมือนที่เค้าเคยทำกับลีน่า เคยทำกับคุณวนิดา...พอผู้หญิงพวกนั้นหลงรักเค้าก็ตีตัวออกห่าง สุเกลียดผู้ชายแบบนี้ ตอนแรกแค่เรื่องลีน่าคนเดียว เค้าก็แก้ตัวว่าเค้ารับลีน่าไม่ได้...สุก็เข้าใจ เรื่องคุณวนิดา...แม่ก็เห็น...มิหนำซ้ำยังพยายามยัดเยียดให้อาตระกล จนเกือบจะมีปัญหากับพี่นงลักษณ์ พอสุมาเจอเรื่องเสาวนิต สุคิดว่าสุเข้าใจแล้วว่าคุณนนท์เป็นผู้ชายแบบไหน เค้าไม่มีความรับผิดชอบ...ไม่สนใจความรู้สึกของผู้หญิงที่เค้าไปหว่านเสน่ห์แล้วก็หายไป"
สุชาดาร้องไห้ ตวันสีหน้าครุ่นคิด
"มันก็เป็นเรื่องที่เหมือนโหดร้าย ที่อานนท์รู้สึกจะชอบพอผู้หญิงพวกนั้น แต่มาเปลี่ยนใจ มันก็เป็นธรรมดาที่เค้าจะเลือกคนที่เค้ารักจริงๆ...พวกนั้นมันเป็นเรื่องในอดีต"
สุชาดานิ่งคิด
"สุสงสารยายนิต คิดดูนะคะแม่ เด็กผู้หญิงที่ต้องเสียใจ เพราะการกระทำสนุกๆ ของคุณนนท์...เค้าไม่รู้หรอกว่า ยายนิตจะจิตใจเจ็บปวดขนาดไหน"
"เสาวนิต...ลูกสาวคนโตของคุณหญิงเจริญที่หนีออกจากบ้านใช่ไหม"
"ก็เพราะคุณนนท์น่ะแหล่ะค่ะ...ทำให้ยายนิตเสียใจจนเตลิดหนีออกจากบ้าน ต้องโดนลงโทษ โดนกดดันจนอยากฆ่าตัวตาย สุจะแต่งงานกับผู้ชายอย่างนี้ได้ยังไงคะแม่..อยู่กันไปเค้าก็คงไม่เลิกนิสัยนี้หรอกค่ะ...สักวันสุต้องช้ำใจ"
อานนท์ผิดหวัง
"สุน่าจะถามผมซักคำ...น่าจะให้โอกาสผมอธิบาย"
"คนที่ทำให้สุรู้สึกแย่มากก็คือเสาวนิต...สุเจอเสาวนิตวันนี้"
อานนท์ทำท่าไม่อยากจะเชื่อ
"เมื่อครั้งลีน่า...สุก็โกรธไม่พอใจผมมากผมเข้าใจ เพราะสุ กับลีน่าเคยเป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่เด็กๆ
แต่เสาวนิตนี่...ผมไม่เคยที่จะสนใจเสาวนิตเลย...เห็นเป็นหลานคนนึงเท่านั้น...สุน่าจะถามผมก่อน"
"รอให้ใจเย็นทั้งสองฝ่ายก่อนดีกว่าครับ...ถ้าพูดกันตอนนี้จะยิ่งทะเลาะกันรุนแรง" โสภณบอก
"นิสัยขี้สงสารของสุมันกลับมาทำร้ายสุก็ตอนนี้ละ"
"เท่าที่ผมได้ฟังเรื่องเสาวนิตที่บ้านคุณพ่อ...มีแต่เรื่องไม่ดีแทบทั้งนั้นนะครับ...สุก็พอจะรู้ แต่ทำไมถึงไปสงสารเห็นใจเสาวนิตมากขนาดนั้น"
"เพราะสุคิดว่าเสาวนิตโดนรังแก...พอเสียใจเตลิดแทนที่จะมีคนเข้าใจ กลับโดนตีโดนด่า"
"เสาวนิตไม่น่ามาเล่าให้สุฟัง...เค้ายังไม่เคยรู้จักกันสักหน่อย"
"แม่คิดว่ามันน่าจะมีอะไรมากกว่านั้น...อยู่ดีๆ เสาวนิตจะมาร้องไห้คร่ำครวญกับสุทำไม"
"ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน"
"พรุ่งนี้โสจะไปปรึกษาคุณพ่อดีไหมครับ...คุณพ่ออาจจะมีคำแนะนำดีๆ"
"ถามคุณพ่อเรื่องเสาวนิตมาให้ละเอียดด้วยโส" ตวันบอก
ตลอดเวลาอานนท์นั่งนิ่งสีหน้าทุกข์ร้อน
"ผมไม่คิดว่าสุจะไม่ฟังเหตุผลได้ขนาดนี้...ถ้าแต่งงานอยู่กันไปเจอปัญหาหนักหนากว่านี้...จะอยู่กันยังไง"
อานนท์ลุกขึ้นยืนเดินออกไป ตวันมองหน้ากับโสภณต่างไม่สบายใจ...
อานนท์เดินเข้ามาในบ้านอย่างหัวเสีย ตระกลนั่งรออยู่กับนงลักษณ์ มองอานนท์อย่างเป็นห่วง
"เป็นไงบ้าง...คุยกันหรือยังว่าเรื่องอะไร"
อานนท์ลงนั่งหมดแรง
"เค้าไม่ยอมคุยกับฉัน...แต่เค้าไปเล่าให้แม่เค้าฟังว่าวันนี้ เขาเจอเสาวนิต"
ตระกลตกใจ
"เจอเสาวนิต"
"ใช่...เสาวนิตไปขอให้เค้าพาฉันไปแต่งงานกับเสาวนิต"
"ถ้าจะบ้า"
"ก็สุเค้าเชื่อ...เสาวนิตเล่าให้ฟังว่าฉันน่ะเคยไปทำท่าติดใจ ก็ไปจีบน่ะ เหมือนไปหว่านเสน่ห์จนเสาวนิตหลงรักจนจะเป็นจะตาย...จนต้องหนีออกจากบ้าน"
ตระกลหัวเราะ
"เออ...เสาวนิตนี่เข้าใจสร้างเรื่องเหมือนที่ตุ๊พูดเลย"
"แต่สุเค้าเชื่อ...ที่มันแย่นะตระกล เค้าไม่ถามฉันซักคำ เค้าเชื่อเสาวนิตเพราะเค้าเอาไปคิดถึงเรื่องลีน่า กับวนิดา"
นงลักษณ์อดหัวเราะไม่ได้
"หนุ่มเจ้าเสน่ห์เลยอกหักตอนนี้เอง"
อานนท์ค้อน
"ไม่ตลกนะนงลักษณ์"
"ไม่ยากหรอก...ฉันจะพาคุณพี่ ยายตุ๊ แม่พลับ แม่แวว ไปเล่าเรื่องเสาวนิตให้สุฟังก็หมดเรื่อง...เค้าจะได้เข้าใจว่าเสาวนิตน่ะเป็นเด็กยังไง"
"แล้วถ้าต่อไป...เกิดมีปัญหาแบบนี้อีก ฉันมิต้องเที่ยวตามใครต่อใครมาอธิบายทุกๆ ครั้งหรือไง สุน่าจะฟังฉัน เค้าทำแบบนี้มันก็คือไม่ไว้ใจ ไม่ให้เกียรติกัน"
ตระกล กับ นงลักษณ์ตกใจที่เห็นอานนท์โมโห ตระกลรีบลุกมาหา
"ใจเย็นๆ อานนท์...นายอย่าเอาแต่อารมณ์อีกคนซิ นายต้องเข้าใจสุ เค้าไม่เคยรู้เรื่องของเสาวนิต พอรู้สึกว่าน้องโดนทำร้ายเลยทนไม่ได้"
"ฉันไม่เข้าใจเลยว่าเสาวนิตมากล่าวหาฉันแบบนี้ได้ไง"
"น้องว่าเสาวนิตน่ะชอบคุณนนท์ตั้งแต่วันที่เราไปดูหนังกันแล้วค่ะ น้องสังเกตว่าเสาวนิตมองคุณนนท์ตลอดเวลา แล้วก็พยายามทำท่าหว่านเสน่ห์เกินตัว"
"แต่ที่เสาวนิตหนีออกจากบ้านไม่ใช่เพราะเรื่องนี้แน่ๆ ฉันเคยได้ยินยายตุ๊พูดว่าเสาวนิตยอมทำทุกอย่างเพื่อหนีการสอบไล่...มันจะถึงขนาดนั้นเลยหรือ"
"แต่ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม...สุก็น่าจะถามฉันสักคำ"
"แต่คุณนนท์ก็ต้องเห็นใจสุนะคะ...เพราะคงไม่มีใครคิดหรอกค่ะว่าเด็กสาวหน้าตาสะสวยอย่างเสาวนิต..จะมีนิสัยช่างโกหก เห็นแก่ตัวได้ขนาดนั้น"
อานนท์น้อยใจและเริ่มโมโห ตระกลมองหน้ากับนงลักษณ์หนักใจ
เจ้าคุณสุทธาเดินถือหวายขึ้นมาบนตึกคุณหญิงเทพท่าทางโมโหมาก โสวิ่งตามมา
"ใจเย็นๆ ครับคุณพ่อ"
เจ้าคุณสุทธาโมโหมาก
"พ่อไม่ใจเย็นแล้ว" เจ้าคุณตะโกนเรียกลูกสาว "เสาวนิต....เสาวนิต"
คุณหญิงเทพ กับ พรรณ มองอย่างอย่างตกใจ
"อะไรกันเจ้าคุณ...ตะโกนลั่นบ้าน"
"เสาวนิตอยู่ไหนครับ...ผมต้องการพบเสาวนิตเดี๋ยวนี้...เสาวนิต...เสาวนิต"
คุณหญิงเจริญเดินลงมาช้าๆ สีหน้าสะใจ
"ยายนิตไม่ค่อยสบาย ฉันเลยไม่ให้ลงมา เจ้าคุณต้องการอะไรก็พูดมาเลย"
เจ้าคุณสุทธาชี้หน้า
"เธอใช่ไหม...เป็นแผนของเธอใช่ไหม ฉันนึกแล้ว บัดซบสิ้นดี เธอให้ยายนิตไปกุเรื่องกล่าวหาอานนท์ได้ยังไง"
"กล่าวหาที่ไหน ยายนิตมันพูดเรื่องจริ ใครๆ ก็รู้ว่า คุณอานนท์มาทำให้ยายนิตหลงรักมากแค่ไหน ที่ยายนิตต้องเตลิดหนีออกจากบ้านก็เพราะรู้ว่าอานนท์จะแต่งงานกับลูกสาวอีกคนของเจ้าคุณ ยายนิตผิดตรงไหนที่พูดความจริง"
คุณหญิงเทพทำหน้าเห็นด้วยกับเจริญ
"มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ นะเจ้าคุณ...แม่ก็รู้"
"เธออย่าพูดเอาเองดีกว่า...เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่ายายนิตมันหนีออกจากบ้านไปกับเทอดเพราะหนีสอบไล่..คุณแม่โดนยายนิตมันหลอกเอาแล้วครับ"
เจ้าคุณสุทธาตวาด คุณหญิงเทพตบอก
"อ้าว...นี่แม่นิตหนีไปกับผู้ชายหรือนี่...ไหนบอกว่าหนีไปอยู่บ้านเพื่อนไง"
คุณหญิงเจริญตวาด
"โกหก...เจ้าคุณน่ะหลงบ้านอีเจ๊กจนโงหัวไม่ขึ้น...อย่ามากล่าวหาลูกฉันหน่อยเลย...ยายนิตไม่ได้เลวอย่างนั้น"
"เทอดมันเล่าให้ฉันฟังหมดถึงความเหลวแหลกของแม่นิต ฉันไม่อยากจะเล่าประจานลูกตัวเอง...แต่ถ้าแม่นิตจะสร้างเรื่องทำให้คนอื่นเดือดร้อน...ฉันไม่ยอม"
"ใครกันแน่ที่สร้างเรื่อง...เจ้าคุณน่ะแหล่ะ..คุณแม่ดูนะคะสร้างเรื่องด่าลูกเมียตัวเองเพื่อไปเอาใจอีเมียเก็บ"
โสภณไม่พอใจจ้องหน้าคุณหญิงเจริญ คุณหญิงเทพลังเล เจ้าคุณสุทธาโมโหมาก
"หยุดนะ...หยุดปากโสมมของเธอเสียที เธอมันดีแต่ว่าคนอื่นให้เค้าเสียหาย...มองตัวเองซะบ้างซิ...ลูกเธอก็เหมือนกัน"
คุณหญิงเจริญเต้น
"ฟังนะคะคุณแม่....คุณแม่ได้ยินกับหูแล้วใช่ไหมคะว่าเจ้าคุณด่าว่าดิฉันกับแม่นิตขนาดไหน...หลงพวกมันจนโงหัวไม่ขึ้น คุณแม่เห็นไหมคะว่าพวกมันรุมกันทำร้าpจิตใจดิฉันกับ ยายนิต"
เจ้าคุณสุทธาตวาด
"เธอทำตัวเธอเอง...ไม่มีใครเค้าอยากยุ่งกับเธอหรอก คุณแม่ครับ...ยังไงวันนี้ผมต้องเอาเรื่องเสาวนิตให้ได้"
"ใจเย็นๆ ก่อน...แม่นิตไปก่อเรื่องยังไงกันแน่เจ้าคุณ"
"เสาวนิตสร้างเรื่องไปพูดให้สุฟัง...ทำให้สุ กับอานนท์มีปัญหากันครับคุณแม่"
คุณหญิงเทพหน้าไม่พอใจ เจริญหัวเราะลั่น
"สมน้ำหน้า...ขอให้มันเลิกกัน...ฉันเคยบอกแล้วว่านังสุ อย่าหวังว่าจะได้แต่งงาน...ฮ่ะ..ฮ่ะ...ฮ่ะ"
เจ้าคุณสุทธาโมโหมาก ชี้หน้าเจริญตะโกนเสียงดัง
"เธอมันเลวมาก...เ..เ..ล.."
เจ้าคุณสุธาพูดไม่ทันจบ ทำท่าจะเป็นลมล้มคว่ำไป โสภณรีบประคองไว้ คุณหญิงเทพร้องดังลั่น
"คุณพ่อ"
"เจ้าคุณ...เจ้าคุณ"
โสกับพรรณช่วยประคองเจ้าคุณไปนั่ง แต่สายตายังมองเจริญแบบแข็งกร้าว...
เจ้าคุณสุทธาท่าทียังอ่อนล้า กับโสภณนั่งที่โต๊ะอาหาร เฉยกำลังเสิร์ฟอาหาร
"คุณพ่อรู้สึกดีขึ้นบ้างหรือยังครับครับ"
"พ่อแข็งแรง...แหม...เสียหน้าจริงๆ ไม่น่าวูบไปเลย"
เฉยตักข้าวใส่ในจาน
"ทานซะซิลูก"
โสภณยิ้ม เริ่มทานอาหาร
"ผมว่าเย็นนี้คงมีคนทานข้าวไม่ลงหลายคนนะครับ"
เจ้าคุณสุทธาสีหน้าครุ่นคิด
"พ่อไม่เคยโมโหมากอย่างนี้มาก่อนเลย...รู้สึกไม่อยากจะมองหน้าเจริญอีกต่อไปแล้ว...จบสิ้นกันที"
โสภณมองเจ้าคุณสุทธาอย่างใช้ความคิด
"พ่อกับคุณหญิงเจริญ...เคยมีช่วงที่ดีตอนไหนครับ"
"หลังจากแม่หนีพ่อไป...พ่อตามหาแม่อยู่เกือบสามปี พ่อคิดว่าชาตินี้ คงไม่ได้พบกันอีกแล้ว...แม่อาจจะตายไป แล้วพ่อเจ็บหนัก แม่เจริญมาคอยดูแลพยาบาล เพราะเค้าเข้าพิธีแต่งงานกับพ่อแล้ว...เค้าดูแลพ่ออยู่นานจนพ่อใจอ่อน...แต่หลังจากตุ๊เกิด มันก็เริ่มแย่ลง...พื้นฐานจิตใจเค้า ค่อยๆแสดงออก พอเค้ามีลูก เค้าก็เลิกที่จะระวังตัว...มิหนำซ้ำยังเลี้ยงลูกแบบผิดๆ บอกก็ไม่เชื่อ เค้าจะเชื่อตัวเองมาก ถ้ามันถูกก็ดีไป แต่ส่วนใหญ่มันกลายเป็นการกระทำของคนที่ไม่รู้จริง แล้วก็โง่ไม่ยอมฟังใคร...มันก็เลยพูดกันไม่รู้เรื่อง..ไปกันคนละทาง... เจริญก็ติดสังคม ต้องไปเล่นไพ่ทุกวัน"
"คุณพ่อก็เลยแยกตัวไม่อยากสนใจอะไรอีก"
"พ่อเหนื่อยหน่ายไปหมด...ซึ่งไม่ดีเลย...ทำให้ทุกอย่างยิ่งแย่ลง น้องสองคนเกือบจะกลายเป็นเด็กมีปัญหา...พ่อขอบใจโสมากที่จะพาจิตรไปเรียนที่อังกฤษด้วย"
"น้องสองคนน่ารัก..เค้ายังมีโอกาสที่ดีอีกมาก..โสช่วยได้ก็จะช่วยครับ"
เจ้าคุณสุทธายิ้มดีใจ
"พรุ่งนี้พ่อจะไปกับโส...จะไปคุยกับสุ...สุมองเสาวนิตดีเกินไป เค้าไม่มีวันนึกถึงว่าเสาวนิตจะเสียคนได้ขนาดนั้น"
"สุน่ะ..จริงๆ แล้วเค้าเป็นคนใจอ่อนครับ...ประเภทรักความยุติธรรม ปรกติเค้าก็ฉลาดรู้ทันคนดี...ทำไมถึงโดนหลอกก็ไม่รู้"
"เค้าคงมีบางอย่างอยู่ในใจ...คำพูดของเสาวนิตไปสะกิดมากกว่า"
โสภณครุ่นคิด...
พรรณเดินเข้ามาที่เรือน พลับกับแววกำลังช่วยกันทำขนม จึงยังมองไม่เห็น พรรณเดินมายืนมองจากด้านล่างเรือน พรรณตะโกนเรียก
"ยายพลับ...ยายพลับ....ยายแวว"
พลับ แวว ตกใจที่ได้ยินเสียงเรียก จึงผละจากการทำขนมและวิ่งออกมาดชะโงกดู พอเห็นว่า
เป็นพรรณ ทั้งคู่ตกใจเพราะไม่คิดว่า พรรณจะเดินมาที่เรือน
"คุณพรรณ คุณพิศ"
ตวันยืนเหม่อมองออกไปตรงหน้าต่าง สีหน้าเป็นทุกข์ สุชาดาเดินมา หน้าตายังคิดมาก ตวันยืนสีหน้าไม่สบายใจก็เดินมาหา ตวันหันมาเห็นลูกสาว
"โสยังไม่กลับมา"
สุชาดาสีหน้าตกใจนิดหน่อย
"โสไปไหนคะ"
"ไปหาคุณพ่อตั้งแต่เช้าแล้ว"
ตวันยังมองไปนอกหน้าต่างเพราะหวังจะเห็นโสภณ สุชาดาหน้าสลด
"สุจะไปดูที่ท่าข้ามให้เองค่ะ"
ตวันพูดโดยไม่หันมา
"แม่ให้มีไปดูแล้ว...ตาหมานบอกว่าโสยังไม่กลับมา เรือยังอยู่ที่ท่าข้าม แต่รถไม่อยู่"
"แสดงว่าโสยังไม่อยู่"
สองแม่ลูกสีหน้าเป็นทุกข์
"โสอาจจะยังอยู่ที่บ้านคุณพ่อ...แม่กลัวคุณพ่อรู้เรื่องจากโสแล้วจะไปอาละวาดกับคุณหญิงเจริญจนมีเรื่องมีราวใหญ่โต"
สุชาดาก้มหน้ารู้สึกผิด
"แม่ว่าสุคิดมากไปหรือเปล่าคะ"
"คิดมากคือไม่ประมาท...ข้อสำคัญคือเราต้องเข้าใจให้ดีว่าคนที่ทำให้เราคิดมาก...เราควรจะเชื่อใจแค่ไหน สุก็มีเหตุผลของสุ แต่ต้องไม่ใช้อารมณ์"
สุไม่สบายใจ
"ขอให้โสอยู่กับคุณพ่อก็แล้วกัน"
เจริญ กับ เสาวนิต นั่งทานอาหารเย็น คุณหญิงเจริญมองเสาวนิตที่กินไม่หยุด
"แม่นิต...ถ้าขืนกินเยอะแบบนี้อีกหน่อยได้อ้วนกว่านังตุ๊แน่"
"ก็นิตหิวนี่คะ"
คุณหญิงเทพ กับ พรรณเดินออกมา
"แม่นิต...เล่าเรื่องที่เราหนีไปอยู่บ้านเพื่อน ให้ย่าฟังให้หมด...หนีไปกับใคร ไปอยู่บ้านใคร มีใครอยู่กับหล่อนบ้าง"
คุณหญิงเจริญเถียง
"นี่คุณแม่หมายความว่ายังไง คุณแม่ต้องการอะไร หรือว่าคุณแม่ไปฟังพวกปากหมาปากกาที่ไหนมันมาเล่าอย่างอื่นให้คุณแม่ฟังอีก"
"นิตก็บอกความจริงแล้วนี่คะ...คุณย่าไม่เชื่อนิตเหรอคะ"
"ไม่ใช่ไม่เชื่อ...แต่ฉันอยากรู้ว่าเรื่องจริงทั้งหมดมันเป็นยังไง"
เสาวนิตมองหน้าคุณหญิงเจริญ พรรณจึงรีบพูดขึ้นมา
"ความจริงก็คือสาวนิตเป็นคนบังคับให้เทอดพาหนีไปเพราะต้องการจะหนีสอบไล่"
เพริศพูดต่อ
"เพราะไปสอบก็สอบตก...เอาแต่อ่านหนังสืออ่านเล่นมั่ง หนังสือโป๊มั่ง ให้นังเจียมไปหามาให้จริงไหมแม่นิต"
เสาวนิตตกใจ เจริญโมโห
"นี่คุณพี่เอาอะไรมาพูดคะ"
"ยังมีมากกว่านั้นอีก..หนีไปอยู่บ้านคุณพระอนุสรณ์..ยังไปก่อเรื่องอื้อฉาวให้ลูกหลานเค้าชกต่อยแย่งชิงกัน เค้าถึงพามาส่งบ้าน...เทอดมันทนไม่ไหวมันถึงกลับมาสารภาพกับท่านเจ้าคุณ"
เสาวนิตตกใจ แกล้งโวย
"ไม่จริง...คุณป้าไปเอาที่ไหนมา...เรื่องน่าเกลียดอย่างนั้น นิตจะทำไปได้ยังไง...ไอ้เทอดมันโกหก"
"นั่นซิ...คุณพี่ไปเอาเรื่องบ้าๆ นี่มาจากที่ไหน"
"ยายพลับ กับ ยายแววเล่าให้ฉันฟังเอง"
คุณหญิงเจริญหัวเราะแค้น
"อพิโธ่...นึกว่าใครบอก คุณแม่ขา เฉดหัวอีพลับ กับ อีแววไปได้แล้วค่ะ อีแก่พวกนั้นมันอยากจะเอาใจนังตวัน ถึงได้แต่งเรื่องมากล่าวหาแม่นิต"
พิศบอก
"คุณแม่ขา...ใครๆ เค้าก็รู้กันทั้งบ้านว่าแม่นิตหนีไปกับเทอด คุณพระอนุสรณ์เป็นคนเอาตัวมาส่งที่บ้านเอง"
"ไม่มีใครเค้าอยากจะพูด...เพราะเค้าอายแทน...แต่นิตยังไม่สำนึก...ยังทำเลวไม่จบไม่สิ้น" พรรณบอก
เจริญอึ้ง คุณหญิงเทพหันไปจ้องหน้าเสาวนิต
"จริงหรือเปล่าแม่นิต...พูดมาซิ..หล่อนไปอยู่ที่บ้านคุณพระอนุสรณ์มาจริงหรือเปล่า"
เสาวนิตนิ่งไม่กล้าตอบ เจริญมองหน้าเสาวนิต ลนลานอย่างโกรธจัด
"พูดซิแม่นิตว่าไม่จริง...พูดซิลูก"
เสาวนิตเม้มปากแน่น พูดเบาๆ
"ไม่จริง"
คุณหญิงเทพบอก
"แม่พรรณ..ไปเอาเบอร์บ้านคุณพระอนุสสรณ์มา ฉันจะโทร.ไปหาเดี๋ยวนี้"
พรรณขยับ เสาวนิตถลามากอดขาคุณหญิงเทพ
"คุณย่าขา...นิตผิดไปแล้ว...ยกโทษให้นิตด้วย...ไอ้เทอด มันล่อลวงนิต"
เจริญตกใจ คุณหญิงเทพโกรธมาก
"แม่นิต"
คุณหญิงเทพสะบัดขาอย่างโกรธมาก
"เสียแรงเป็นลูกผู้ดีมีตระกูล...แกอย่ามาเรียกฉันว่าย่าอีกนะ..ไม่รู้ไปเอาสันดานเลวระยำมาจากไหน...ถ้าจับไม่มั่น คั้นไม่ตายอย่างนี้....ฉันก็คงเป็นคนโง่ให้แกหลอกซินะ"
คุณหญิงเทพ พรรณ พิศ เพริศ เดินหนีไป คุณหญิงเจริญเป็นลมล้มตึง...
อ่านต่อหน้า 2
เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 18 อวสาน (ต่อ)
เช้าวันใหม่ อานนท์สีหน้าเคร่งเครียด นั่งฟังตระกลคุยเรื่องบ้านสุทธากุล
"เมื่อวานที่บ้านก็วุ่นวายไปหมด คุณหญิงเทพถึงกับเอ่ยปากว่า ไม่อยากอยู่ร่วมบ้านกับเสาวนิตกับคุณหญิงเจริญ"
"นี่แปลว่าฉันไม่ได้เป็นจำเลยเรื่องเสาวนิตแล้วใช่ไหม ฉันจะต้องพายายตุ๊ กับไพจิตรไปเลี้ยงใหญ่ที่บอกความจริงกับทุกคน"
"ไม่ใช่แค่สองคนนั่นนะ...คนแก่ๆ ที่บ้านก็เข้าข้างนายทั้งนั้นละ แต่เค้าก็พูดตามความจริงน่ะแหล่ะ...แหม..ฉันเกิดมาเพิ่งจะเห็นคุณพี่ท่านโมโหมากก็หนนี้...แตกหักกันจริงๆ แน่แล้วW
"แล้วคุณพี่ของนายท่านอาการเป็นอย่างไรบ้าง"
ตระกลยิ้ม
"ท่านว่าแค่หน้ามืด...ตอนนี้ก็คงอยู่ที่คลองน้ำวนแล้ว พาตุ๊ กับ จิตรไปด้วย"
อานนท์หมั่นไส้
"ฮึ...ไปปลอบใจลูกสาวกันใหญ่...ทีฉันไม่เห็นมีใครมาปลอบใจเลย...มีแต่นายมาคนเดียว"
ตระกลหัวเราะ
"อยากหาพวกหรือไงอานนท์ ไปที่บ้านฉันสิ รับรองว่า อุ่นหนาฝาคั่งแน่"
นงลักษณ์ยกถาดขนมออกมาวางให้สองหนุ่ม
"คุณนนท์ทานกล้วยบวดชีหน่อยสิคะ...ใส่ลูกตาลเม็ดบัวอย่างที่คุณนนท์ชอบ"
อานนท์มองนงลักษณ์ยิ้มๆ
"น้องไม่อยู่พี่คงผอมหัวโตเป็นแน่...ไม่มีใครจะทำให้กิน"
"คุณนนท์ก็ไปง้อสุสิคะ...มีสุอยู่ด้วยขี้คร้านจะลืมน้อง"
อานนท์ถอนใจหน้าเศร้า
"พี่จะลืมน้องตัวเองได้ไง"
"ทานขนมแล้วก็รีบไปคลองน้ำวนได้แล้ว"
"ยังไม่อยากไป"
"ทำไมล่ะ...น่าจะรีบไปปรับความเข้าใจกันนะ."
อานนท์กินขนมเฉย นงลักษณ์หัวเราะ
"เออ...ดูสิคะ...น้องเพิ่งจะเคยเห็นคุณนนท์งอนก็นี่แหล่ะ ร้อยวันพันปีไม่เห็นจะเคยงอนใคร"
"กับคนอื่นคงไม่งอนหรอก...คงจะงอนแต่กับสุคนเดียว"
"ฉันอยากจะรู้จริงๆ ว่าสุรู้ความจริงเรื่องเสาวนิตแล้วจะทำหน้ายังไง"
อานนท์ทานขนมสีหน้าเรียบเฉย ตระกลมองหน้านงลักษณ์กลุ้มใจ...
ตวันกับสุชาดานั่งหน้าตกใจอ้าปากค้าง ตวันเอามือตบอก
"ตายจริง...ตายจริง"
สุชาดาหน้าเสีย
"ไม่น่าเลย...เสียดายจริงๆ"
"น่าเสียดายจริงๆ ครับ...เสาวนิตเป็นคนสวยมาก..ไม่น่ามีนิสัยอย่างนี้เลย" โสภณบอก
"คุณหญิงเจริญก็คิดไม่ถึงว่าลูกสาวจะเตลิดขนาดนี้" ตวันว่า
"เค้าคิดว่าแม่นิตดีเลิศทุกอย่าง...โดนลูกหลอกจนหลงผิด ตามใจลูกมากเกินไป...ถ้าเจริญรู้จักจะห้ามปรามลูกบ้าง เสาวนิตก็คงไม่ใจแตกขนาดนี้...ตวัน...ถ้าฉันจะลองเอาเสาวนิตมาอบรมเลี้ยงดูเอง...เธอว่าพอจะมีทางทำให้เขากลับมานิสัยดีขึ้นได้ไหม"
ตวันสีหน้าครุ่นคิด
"อือม์...เสาวนิตไปไกลเกินกว่าเจ้าคุณจะเรียกกลับคืนแล้วค่ะ..นอกจากแกจะคิดได้เอง..ซึ่งฉันคิดว่าคงยาก"
เจ้าคุณเศร้าใจ
"พี่สุหายโกรธพี่นนท์แล้วใช่ไหมคะ...พี่นนท์ไม่เคยทeอย่างที่พี่นิตพูดโกหกเลยค่ะ...ตุ๊เป็นพยานได้" นิศาบอก
"จิตรก็เป็นพยานให้อีกคนด้วยครับ"
สุชาดายิ้มกับน้อง กอดนิศาที่นั่งอยู่ข้างๆ อย่างอุ่นใจ
"ป่านนี้สงสัยคุณนนท์แอบไปร้องไห้ที่ไหนก็ไม่รู้" โสภณบอก
"คนอย่างนายนนท์ไม่มีทางร้องไห้หรอกโส...สุว่าป่านนี้อาจจะนึกดีใจก็ได้"
"ดีใจเรื่องอะไร"
"ก็ดีใจว่าตัดสินใจเลิกกับสุดีกว่าไงคะคุณพ่อ...ไม่อย่างนั้นเค้าก็ต้องมาหาสุแล้ว"
ตอนท้ายหางเสียงของสุชาดาสั่น เธอรีบลุกขึ้นเดินออกไป เจ้าคุณสุทธาหันไปมองหน้ากับตวันอย่างหนักใจ...
บริเวณศาลาริมน้ำวังศิลาขาว อานนท์ยืนสีหน้าครุ่นคิด ปริศนาก็นั่งหน้าเครียด
"คุณนนท์อย่าไปน้อยใจสุเลย...ถ้าเป็นปริศนา ก็คงทำอย่างสุ"
อานนท์ถอนใจอย่างกลุ้มใจ
"แล้วจะไม่ถามผมก่อนหรือไง...ทำไมต้องโกรธเลยล่ะ"
"ถ้าถามแล้วคุณนนท์จะยอมพูดความจริงเหรอ"
"ความจริงก็คือผมไม่ได้ชอบเสาวนิต...ไม่เคยคิดด้วยซ้ำ"
"แล้วถ้าเสาวนิตไม่ได้เป็นหลานอาตระกล...แล้วมาทำท่าโปรยเสน่ห์ให้คุณนนท์อย่างนั้นล่ะ คุณนนท์จะสนใจมั้ย"
อานนท์นิ่ง ปริศนายิ้มๆ
"แหม...ปริศนา...ผู้ชายน่ะนะ..ผู้หญิงสวยๆ มาให้ท่า ไม่ตอบรับมันก็เสียเชิงชาย"
"แต่ผู้ชายที่เค้าไม่คิดอย่างคุณนนท์ก็มีนะ...คุณนนท์น่ะชอบทำใจดีกับสาวๆ มากไปจนสุอดคิดมากไม่ได้ แล้วเรื่องในอดีตของคุณนนท์มันก็ชวนให้คิดไม่ใช่หรือ"
"แปลว่าไม่ไว้ใจกันเลยใช่ไหม"
"ก็ไม่ถึงขนาดนั้น...แต่จะมั่นใจว่าคุณนนท์ไม่เป็นอย่างนั้น"
อานนท์ต่อ
"ก็ไม่แน่ใจ"
อานนท์สีหน้าครุ่นคิด
"ถูกต้อง"
"ถ้าผู้หญิงที่จะแต่งงานกับนายอานนท์ คอยแต่ระแวงหึงหวง ใครมาพูดอะไรก็กลายเป็นเรื่อง...ชีวิตครอบครัวมันจะราบรื่นได้ไง...ผมต้องทำให้เค้ามั่นใจแค่ไหนถึงจะพอรักมากขนาดนี้...ยังไม่พอใช่ไหม ถ้าเป็นผู้หญิงที่เขาใจเย็นคิดให้ลึกซึ้งกว่านี้ ค่อยๆ พูดจากัน"
อานนท์หันไปมองหน้า ปริศนาตอบไม่ได้
"ปริศนาว่าสุจะเป็นภรรยาอย่างที่ผมต้องการได้หรือเปล่า"
อานนท์มองเหม่อไปที่แม่น้ำด้วยสีหน้าเป็นทุกข์ รัตนาวดี ขับเรือมาจอดที่ท่าน้ำ มีวิมล กับ ป้าสร้อยนั่งมาด้วย อานนท์มองไปทื่นหญิงรัตนาวดี
"ใครขับเรือท่านชายมานั่นปริศนา"
ปริศนาหันไปมอง
"ก็ท่านหญิงรัตน์ไง"
ท่านหญิงรัตนาวดีเดินลงมาจากเรือ...โตเป็นสาวไม่ไว้ผมเปียอย่างสมัยเด็กแล้ว แต่งตัวสวยเดินลงจากเรือมากับ วิมล และ ป้าสร้อย มีสนคอยช่วย อานนท์มองรัตนาวดีอย่างชื่นชม ท่านหญิงเดินคุยสนุกสนานมากับวิมล และ ป้าสร้อย
"โอ้โห...ท่านหญิงรัตน์ ทรงเป็นสาวแล้ว สวยมากด้วยนะปริศนา"
ปริศนาค้อนอานนท์
"คุณนนท์ นะคุณนนท์...ทำเป็นเศร้าว่าสุไม่เข้าใจหยกๆ พอเห็นสาวสวยเข้าหายเศร้าทันทีเลยนะ...ตางี้วาวเชียว"
วิมลเดินมาหาปริศนา และ อานนท์ รัตนาวดี กับ ป้าสร้อยก็ตามมา
"สวัสดีค่ะคุณ...สวัสดีค่ะคุณอานนท์"
ปริศนา กับ อานนท์รับไหว้
"สวัสดีจ้ะ"
"ทำไมเด็จกลับเร็วมังคะ...ไหนว่าจะเด็จกลับเย็นๆ"
รัตนาวดียิ้ม เดินมานั่งใกล้ๆ ปริศนา
"ก็ป้าสิคะ...บ่นว่าคนเยอะเวียนหัว..หญิงรำคาญเลยกลับบ้านดีกว่า"
อานนท์หันไปไหว้ป้าสร้อย
"สวัสดีครับคุณสร้อย"
ป้าสร้อยยิ้มแย้ม
"ไหว้พระเถอะจ้ะพ่อานนท์ หม่อมคะ..อย่าไปฟังท่านหญิง ป้าไม่ได้บ่นอะไรสักหน่อย...แหม..ก็มันร้อน...คนก็เยอะ เดินงี้โดนกระแทกทางโน้นทีทางนี้ที ซื้ออะไรก็ไม่ค่อยได้"
สนหิ้วถุงใส่ของมากมายลงมาจากบนเรือ
"นี่ขนาดไม่ค่อยได้อะไรนะครับ"
"เห็นไหมคะคุณนนท์...หญิงบอกแล้วว่าอย่าเชื่อป้า..โอ้..ยังไม่ได้แสดงความยินดีกับคุณนนท์เลย...คุณปริศนา บอกว่าคุณนนท์กำลังจะแต่งงาน...ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ"
อานนท์ก้มหัวรับ
"ขอบทัยหม่อม...แต่กระหม่อมยังไม่แน่ใจว่าจะหาได้แล้วแน่หรือ"
รัตนาวดีหัวเราะ
"ก็ไปทำพิธีสู่ขอแล้วไม่ใช่เหรอคะ...คงต้องแน่แล้วละค่ะ"
"คุณนพจดหมายมาบ้างไหมคะ" วิมลถาม
"เข้ามหาวิทยาลัยกฏหมายแล้วจ้ะ..เมื่อไหร่ท่านหญิงกับวิมลจะเรียนจบล่ะหม่อม"
"ปีหน้าหญิงก็จบแล้วค่ะ...แต่วิมลต้องฝึกงานอีกปี...เห็นเจ้าพี่เปรยๆ ว่าจะให้ไปฝึกงานโรงพยาบาลที่ลอนดอน จะได้เรียนต่อที่นั่น"
"ดีจริง...ถ้าวิมลไปเรียนอังกฤษก็คงได้เจอกับนพ...จะได้ฝากควบคุมนพไม่ให้เอาแหม่มกลับมาด้วย"
วิมลหัวเราะ
"กลัวคุณนพจะไม่ยอมให้วิมลไปยุ่งกับเค้าน่ะซิคะ"
ป้าสร้อยบิดขี้เกียจ
"ท่านหญิงมังคะ...ป้าขอขึ้นไปนอนยืดขาให้เด็กมันเหยียบหน่อยนะมังคะ...เมื่อยเต็มทน"
รัตนาวดีรีบลุกขึ้น
"หญิงไปด้วยค่ะ...ลานะคะคุณนนท์...ขอให้โชคดีมีความสุขกับเจ้าสาวของอานนท์"
อานนท์ยิ้มๆ
"ขอบทัยหม่อม"
รัตนาวดี วิมล ป้าสร้อย เดินขึ้นตำหนักไป อานนท์มองตามชื่นชม
"ไม่เห็นหน่อยเดียว ทรงเป็นสาวสวยแล้ว"
ปริศนาค้อน
"ก็ชอบสนใจผู้หญิงไปทั่วอย่างนี้น่ะซิ...สมควรแล้วทีสุเค้าจะโกรธ"
"โธ่...ปริศนา...ไม่ใช่เรื่องผิดร้ายอะไรสักหน่อยที่จะสนใจสิ่งที่น่ามอง"
"แต่มันก็ไม่สมควร คุณนนท์ไม่ใช่หนุ่มรุ่นๆ ที่ต้องคอยหารัก แต่เป็นผู้ใหญ่ที่กำลังจะสร้างชีวิตครอบครัวจะทำอะไรก็ต้องให้เกียรติคนที่จะมายืนข้างๆ ถ้าคุณนนท์อยากได้ความเชื่อมั่นเชื่อใจ คุณนนท์ก็ต้องพิสูจน์"
อานนท์สีหน้าใช้ความคิด...
อานนท์ขับเรือเข้ามาจอดที่ท่าน้ำคลองน้ำวน สีหน้าหนักใจ ลงมาจากเรือ รู้สึกยังไม่มั่นใจ หยุดคิดนิดหนึ่งเหมือนไม่อยากเดินไป
อานนท์ เดินสวนกับ สนม มี และคนงานคนอื่นๆ สนมยกมือไหว้อานนท์แบบเสียมิได้
"สวัสดีค่ะคุณอานนท์"
"หนม คุณสุอยู่ไหน"
สนมไม่ตอบเดินผ่านไปเฉยๆ มีหันกลับมากระซิบ
"เรือนต้นไม้"
อานนท์ยกมือขอบใจและรีบเดินไป
สุชาดาแต่งตัวสวย ใส่หมวกปีกกว้าง กำลังตัดดอกกุหลาบใส่ตระกร้า อานนท์เดินมาหยุดยืนดูครู่หนึ่ง สุชาดาหันมามองสีหน้าเรียบเฉย...
เธอเดินถือตะกร้าดอกกุหลาบเข้ามาในกระท่อม อานนท์เดินตามมา
"คุณพ่อของคุณมาเล่าความจริงให้ฟังแล้วใช่ไหม"
สุชาดาท่าทางเย็นชา
"ตุ๊ กับ จิตร ก็มาช่วยกันแก้ต่างให้กับคุณ"
เธอหยิบแจกันมาปักกุหลาบ อานนท์มองสุด้วยสีหน้าหนักใจ
"แต่ท่าทางคุณเหมือนยังไม่หายโกรธผม"
"ไม่รู้ซิ...พูดไม่ถูก"
""ฉันไม่แน่ใจ"
อานนท์หงุดหงิด
"ไม่แน่ใจอะไร...ในเมื่อคุณก็รู้ความจริงว่า เสาวนิตกุเรื่องขึ้นมาโกหกคุณเพื่อให้เราทะเลาะกัน คุณยังจะไม่แน่ใจอะไรอีก"
สุชาดายืนพูดอย่างหมดความอดทน
"ใช่...เสาวนิตสร้างเรื่องโกหกฉัน วนิดาประชดคุณโดยการทำเป็นจะแต่งงานกับคุณโกศล ลีน่าก็พยายามทำเป็นกุลสตรีเพื่อเอาชนะใจคุณ ผู้หญิงพวกนี้สร้างเรื่องเพื่ออะไร"
"แล้วยังไง...มันไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับเรา...เรื่องมันผ่านไปแล้ว"
"แต่ฉันขอถามเหตุผลว่า ทำไมผู้หญิงพวกนั้นถึงทำอย่างนั้น"
อานนท์อึกอัก
"ก็เพราะนิสัยของพวกเค้านะสิ"
"ถูกส่วนเดียว...แต่ไม่ใช่ส่วนสำคัญ"
"ส่วนสำคัญคืออะไร"
"เพราะสิ่งที่พวกเค้าพยายามทำเพราะเค้าหลงรักคุณ"
อานนท์สีหน้าเก้อไป
"โธ่...สุ...ผมจะไปห้ามไม่ให้พวกเค้า...เอ้อ..หลงรักผมได้ยังไง"
"ทำไมจะไม่ได้ ถ้าคุณไม่ไปทำท่าให้ความหวังกับพวกเขา เขาก็คงไม่กล้าทำอย่างนั้นกันหรอก...สิ่งนี้แหล่ะ..ที่มันอยู่ในใจฉัน อาจจะอยู่มาตลอดเวลาก็ได้ ฉันเคยคิดว่ามันไม่เป็นไร เพราะมันเป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว แต่พอฉันรู้เรื่องคุณกับเสาวนิต"
อานนท์เถียง
"ไม่มีเรื่องผมกับเสาวนิต"
"ทำไมจะไม่มี...คุณไม่กล้ารับใช่ไหม..ฉันไม่เชื่อหรอกว่า คุณจะไม่เคยไปทำอะไรให้เสาวนิตมีความหวัง..ถึงใครๆ จะบอกว่าเสาวนิตโกหกกุเรื่องขึ้นมา แต่ความจริงที่ทำให้เสาวนิตหลงรักคุณขนาดนี้มันคืออะไร...คุณอธิบายได้ไหมล่ะ"
สุชาดาจ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง อานนท์ไม่พอใจ น้อยใจ
"ความเชื่อถือในตัวผม....คงไม่มีแล้วใช่ไหม"
สุชาดาหันหน้าหนี น้ำตาเอ่อ
"คนจะแต่งงานกัน...ถ้าความมั่นใจเชื่อมั่นไม่มี..."
อานนท์ต่อ
"จะแต่งงานไปได้ยังไง"
ความถือดีทิฐิ เข้ามาระหว่างสองคนแล้ว
"มันเป็นธรรมชาติของผม...ที่คงแก้ไม่ได้"
"ธรรมชาติของคุณ...ใช่เลย...ฉันก็แน่ใจว่า ฉันทำใจยอมรับธรรมชาติของคุณไม่ได้เหมือนกัน...เพราะฉันสมเพชมัน"
สุชาดาเดินไปหยิบกล่องเครื่องเพชรที่แม่อานนท์ให้ออกมาจากตู้ มาส่งให้อานนท์
"กราบขอโทษคุณแม่ของคุณด้วย...ฉันไม่เหมาะสมพอที่จะรับของนี้"
สุชาดาเด็ดเดี่ยว อานนท์เจ็บปวด คิดนิดหนึ่ง แต่ก็รับกล่องเครื่องเพชรนั้นมา สุชาดาสะบัดหน้าหนี น้ำตาร่วง อานนท์น้อยใจ หันหลังเดินกลับไป
ตระกลเดินไปมาอย่างหงุดหงิด นงลักษณ์นั่งสีหน้าไม่สบายใจ อานนท์นั่งปลงอย่างทุกข์มาก
"ก็ไหนนายบอกเองว่าอยากให้สุถามนาย...เค้าก็ถามนายแล้วทำไมถึงได้เป็นแบบนี้"
"นายต้องเห็นท่าทางของสุ....ดุยิ่งกว่าแม่ฉันอีก"
ตระกลขัดใจ
"นายน่าจะใจเย็นมากกว่านี้...ในเมื่อสุเค้าร้อนใจ ใช้อารมณ์ นายควรจะนิ่งเป็นสติซะคน...นี่อะไร..ต่างคนต่างแรง ผลสุดท้ายก็หักจนได้...แล้วมันจะต่อให้ติดใหม่ได้ไหมนี่"
อานนท์เม้มปากน้อยใจ
"ต่อไม่ได้ก็ไม่ต้องต่อ"
"คุณนนท์...ก่อนจะพูดอะไรคิดให้ดีก่อนนะคะ"
"ถ้านายยังทำเหมือนเด็กๆ อย่างนี้นะ...มีแต่พังกับพัง"
"สิ่งที่สุพูดน่ะ น้องเข้าใจนะคะ...ผู้หญิงเราถ้าขาดความเชื่อมั่นในตัวคนที่เรารัก...เราก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน"
"แล้วน้องจะให้พี่ทำยังไง"
"น้องก็ตอบไม่ได้หรอกค่ะ...คุณนนท์ต้องหาทางปรับความเข้าใจก้บสุให้ได้"
อานนท์นิ่ง
"นายยังรักสุไหม"
"รักสิ...ฉันยังรักเค้า...แต่ตอนนี้อยากอยู่ห่างๆ ก่อน เพราะฉันยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี"
อานนท์เศร้า....
คุณหญิงเจริญนอนร้องไห้อยู่บนเตียง เสาวนิตเปิดประตูเข้ามา เสาวนิตแอบทำหน้าเบื่อๆ แต่ก็ทำเป็นเข้าไปพูดดี
"คุณแม่เป็นอะไรคะ"
เสาวนิตเดินไปนั่งจับมือแม่ คุณหญิงเจริญสะบัดมือหนี
"อย่ามายุ่งกับฉัน"
"โธ่..คุณแม่ ยังไม่หายโกรธนิตอีกเหรอคะ คุณแม่ไม่ยอมพูดกับนิตตั้งสามวันแล้วนะ....ยังไงๆ นิตก็เป็นลูกคุณแม่ นิตมีแต่คุณแม่เท่านั้นในโลก ถ้าคุณแม่ไม่สงสาiนิต จะมีใครดูดำดูดีอีกล่ะคะ"
เสาวนิตทำเป็นน้ำตาร่วงน่าสงสาร คุณหญิงเจริญร้องไห้
"นิตทำให้แม่ช้ำใจมาก...แม่ผิดหวังมาก"
เสาวนิตพยายามปลอบ
"โธ่...คุณแม่ขา อย่าไปคิดถึงมันเลยค่ะ...คิดไปให้ไม่สบายใจเปล่าๆ"
"ดูพูดเข้าซิ จะไม่ให้แม่ไม่คิดได้ยังไง เวลานี้น่ะแม่แทบจะเอาปี๊ปมาเดินคลุมหัวแล้วนะ...อับอายขายหน้าเค้าไปหมด"
"นิตยังไม่เห็นอาย คุณแม่จะไปอายทำไมคะ อีกไม่นาน เค้าก็ลืม ยังไงๆ นิตก็เป็นลูกคุณพ่อ คนเค้าเกรงใจคุณพ่อ ไม่มีใครกล้ามาทำอะไรนิตหรอกค่ะ คุณแม่ก็เป็นคุณหญิง เป็นเมียคุณพ่อจะต้องไปแคร์ใครทำไม"
คุณหญิงเจริญเช็ดน้ำตาลุกขึ้นนั่ง
"แต่ตอนนี้แม่ไม่อยากกเจอใคร"
"ก็ไม่ต้องเจอนี่คะ..นิตจะมาชวนคุณแม่ลงไปทานข้าว"
"แม่ไม่หิ แม่นิตไปกินเถอะ"
"ไม่เอาค่ะ...นิตไม่อยากได้ยินป้าแก่สามคนมาพูดมาก ถ้าคุณแม่อยู่ด้วยก็ไม่มีใครกล้าพูด...ไปเถอะค่ะ นิตหิวแล้ว"
เจริญนั่งคิด คนใช้มาเคาะประตู
"สงสัยคุณย่าคงให้คนมาตามไปทานข้าวค่ะ"
เสาวนิตเดินไปเปิดประตู คนใช้นั่งอยู่หน้าห้อง
"คุณท่านให้มาตามคุณหญิงกับคุณนิตค่ะ"
"เรียนคุณย่าว่าเราจะลงไปเดี๋ยวนี้"
เสาวนิตปิดประตู หันมายิ้มกับแม่ที่มีกำลังใจลุกจากเตียง...
คุณหญิงเจริญกับเสาวนิต แต่งตัวหวีผมเรียบร้อย เดินมาที่โต๊ะอาหาร พอทั้งคู่จะลงนั่ง พิศก็รีบห้ามไว้
"เดี๋ยวก่อน...เธอสองคนไปทานในครัว" พรรณบอก
เจริญ กับ เสาวนิตหน้าเสีย
"อะไรกันคะคุณพี่...เรื่องอะไรจะให้ดิฉันกับลูกไปกินข้าวในครัว ฉันไม่ใช่บ่าวนะ"
คุณหญิงเจริญไม่พอใจ
"ตั้งแต่นี้ต่อไป ถ้าเธอสองคนยังอยู่ที่นี่ ต้องไปกินข้าวในครัว"
เจริญหันมาหาคุณหญิงเทพ
"อะไรกันคะคุณแม่...ทำไมคุณพี่ทำกับดิฉันอย่างนี้ จะไม่ไว้หน้ากันเลยเหรอคะ ดิฉันเป็นเมียท่านเจ้าคุณนะ"
"จะเป็นใครไม่สำคัญ...ฉันเป็นคนสั่งเองว่า ต่อแต่นี้ให้หล่อนสองคนแม่ลูกไปกินข้าวในครัว แล้วที่ฉันเรียกหล่อนมาเพราะฉันมีเรื่องจะบอก ฉันจะให้หล่อนกับลูก ย้ายไปอยู่บ้านที่ฝั่งธน"
สองแม่ลูกตกใจมาก
"นี่คุณแม่จะไล่ดิฉันเหรอคะ ดิฉันจะไปอยู่ได้ยังไง ไกลปืนเที่ยงขนาดนั้น"
"เจ้าคุณพ่อน่ะ...มีที่อยู่ที่นั่นสองงาน...ฉันจะยกให้หล่อนจะปลูกบ้านหลังเล็กๆ ให้ด้วย...ฉันคงให้หล่อนได้เท่านี้"
คุณหญิงเจริญเสียงดัง
"ไม่ค่ะ...ดิฉันไม่ไ ดิฉันเป็นเมียท่านเจ้าคุณ ดิฉันกับแม่นิตมีสิทธิ์ที่จะอยู่ที่นี่ ใครก็ไล่ฉันไม่ได้"
คุณหญิงเทพลุกขึ้นยืนเสียงดัง
"ฉันนี่แหล่ะจะไล่...ในเมื่อฉันเป็นคนเอาหล่อนมา ฉันก็จะเป็นคนจัดการกับหล่อนเอง...ดีเท่าไหร่ที่ฉันให้ที่แถมปลูกบ้านให้ ฉันจะไล่หล่อนไปโดยไม่ให้ซักสลึงก็ได้"
คุณหญิงเจริญตกใจ
"คุณแม่...คุณแม่จะทำอย่างนี้ไม่ได้นะคะ"
คุณหญิงเทพลงนั่งทานข้าวต่อ
"จะเอาหรือไม่เอาก็ตามใจ...ไม่พอใจก็ไปอยู่บ้านแม่หล่อนซิ ฉันก็จะให้เงินเธอซักก้อน"
เจริญยืนงง อยากร้องไห้ เสาวนิตยืนหิวมองอาหารบนโต๊ะจะเป็นลม เพริศ ถือถ้วยน้ำพริกผ่านหน้าเสาวนิต แล้วเอาน้ำพริกกับผักเข้ามาวางบนโต๊ะ เสาวนิตได้กลิ่นน้ำพริกก็คลื่นใส้
"แม่แววให้เอาน้ำพริกแมงดามาให้คุณแม่ค่ะ..แม่เจริญ ฉันจัดสำรับไว้ให้หล่อนก้บแม่นิตในครัวแล้ว" เพริศบอก
เสาวนิตได้กลิ่นน้ำพริกแมงดาก็วิ่งไปอาเจียนใส่กระโถนแถวนั้น พิศทำหน้าขยะแขยง
"อี๊ย..ไปอวกที่อื่น คนเค้ากำลังกินข้าว...คลื่นไส้"
เสาวนิตอาเจียนจนหมดแรง ทุกคนมองอย่างตกใจ คุณหญิงเจริญสีหน้าร้อนรน เอามือลูบหลัง
"แม่นิต...แม่นิต"
อ่านต่อหน้า 3
เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 18 อวสาน (ต่อ)
เสาวนิตนั่งก้มหน้าร้องไห้ คุณหญิงเจริญนั่งเป็นลมดมยาดมไปร้องไห้ไป เจ้าคุณกับคุณหญิงเทพนั่งอยู่ที่เก้าอี้
"แม่นิต...แม่นิต...ไม่น่าเลย...ไม่น่าเลย"
"บอกมาเดี๋ยวนี้นะ...ใครเป็นพ่อเด็ก..บอกมา" คุณหญิงเทพบอก
เสาวนิตก้มหน้านิ่ง
"ยังจะเฉยอีก...บอกมาเดี๋ยวนี้..ใครเป็นพ่อเด็กในท้องแกไม่บอกใช่ไหม...แม่พิศ ไปเอาหวายมาเดี๋ยวนี้..ฉันจะกระชากหลังอีไม่รักดีนี่"
เจริญถลามาเกาะขาคุณหญิงเทพ
"คุณแม่ขา...ดิฉันขอร้องละค่ะ อย่าเฆี่ยนตียายนิตเลยเท่านี้ก็ช้ำใจมากแล้ว"
"ฉันไม่เห็นมันจะเดือดร้อนอะไรนี่...คนอย่างมัน ต้องเฆี่ยนให้หลังลาย"
พิศเดินไปหยิบหวายมา เสาวนิตกลัวตัวสั่น เจริญร้องกรี๊ด
"อย่าค่ะคุณแม่...อย่าตีแม่นิตเลยค่ะ"
"คุณแม่ใจเย็นๆ ก่อนครับ"
"แม่ไม่ใจเย็นกับแม่ลูกคู่นี้อีกแล้วเจ้าคุณ...มันหาแต่เรื่องเดือดร้อนมาให้ไม่จบไม่สิ้น"
"เสาวนิต...ใครเป็นพ่อของเด็ก บอกมาเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นแกโดนคุณย่าตีหลังแตกไม่รู้ด้วยนะ"
เจริญคลานเข้าไปนั่งใกล้ๆ เสาวนิต
"บอกคุณย่าซิลูก...แม่นิต บอกคุณย่าว่าผัวแกเป็นใคร คุณอานนท์ใช่ไหม"
เสาวนิตเงยหน้ามองเจริญ เจ้าคุณสุทธาตวาด
"พูดบ้าๆ...อานนท์ไม่เคยชอบกับยายนิตเลย...อย่ามาปรักปรำเค้านะ"
เสาวนิตมองหน้าเจริญนิ่ง คุณหญิงเทพลุกขึ้นตวาด
"แม่นิต...บอกมาซิว่าใครคือพ่อของเด็กในท้อง บอกความจริงมาเดี๋ยวนี้...อย่าโกหกนะ..ถ้าแกโกหก ฉันจะเฆี่ยนแกเอง..บอกมา...ใคร...ใครเป็นพ่อของเด็กในท้องแก"
เสาวนิตเงยหน้ามองแม่ หันไปตอบคุณหญิงเทพ
"เทอด...เทอด..คือพ่อเด็กในท้องนิต"
คุณหญิงเจริญผิดหวังมาก ร้องกรี๊ด
"ไม่จริง...ไม่จริง...ไม่จริง"
เจริญร้องไห้เหมือนคนบ้า...
อานนท์สีหน้าเศร้าหมอง มองเหม่อไปด้วยความคิดถึงสุชาดา นึกถึงอดีตที่ทั้งคู่มีความสุขด้วยกัน มองจันทร์บนฟ้าด้วยอารมณ์เศร้าหมอง
พระจันทร์ดวงเดียวกัน สุชาดายืนหน้าเศร้าอยู่ที่เฉลียงหลังกระท่อมโสภณ สีหน้าเศร้าหมอง น้ำตาไหล คิดถึงอานนท์
เช้าวันใหม่ เจ้าคุณสุทธาสีหน้าหม่นหมอง นั่งคุยกับตระกลอยู่ที่ห้องนั่งเล่นบนตึกใหญ่
"ทำไมเรื่องของสุ กับ อานนท์ถึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปได้ ไม่น่าเลย...เรื่องไม่เป็นเรื่องแท้ๆ"
"สองคนนี่มีเหมือนกันอย่างหนึ่งครับ คือเชื่อมั่นในตัวเอง พอต่างคนต่างมีทิฐิ...ก็เลยคุยกันไม่ยอมเข้าใจ"
"สุน่ะ...ต้องเรียนรู้อีกมาก ผู้หญิงที่จะแต่งงานมีครอบครัวถ้ายังยึดถือตัวเองอยู่อีก ก็จะเป็นทุกข์ไปตลอด"
"แล้วผู้ชายล่ะครับ...ยังเป็นตัวของตัวเองได้แค่ไหน"
"ก็...ได้มากกว่าผู้หญิงแน่นอน แต่เราก็ต้องสงสารเห็นใจเขาด้วย ผู้ชายก็ต้องปรับตัวเหมือนกัน จะไปทำอะไรตามใจเหมือนตอนเป็นโสด บางอย่างก็ไม่เหมาะสมแล้ว พี่อยากจะไปหาสุ ตระกลไปกับพี่ไหม"
"ไปก็ดีครับ...ผมอยากพบสุเหมือนกัน"
คุณหญิงเจริญหน้าเครียดเดินขึ้นมา เจ้าคุณสุทธาลุกขึ้นยืนเตรียมรับมือ คุณหญิงท่าทางทรุดโทรมผมยุ่งเหยิง สีหน้ามีแต่ความทุกข์
"ฉันมีเรื่องอยากจะพูดกับเจ้าคุณ"
"เรื่องอะไร"
ตระกลค่อยๆ ลุกขึ้นจะเดินออกไป เจ้าคุณสุทธาห้ามไว้
"อยู่นี่แหล่ะตระกล...เธอเป็นน้องของพี่ไม่ต้องลุกขึ้นหนีไปไหน"
ตระกลค่อยๆ ลงนั่ง เจริญเดินเข้ามาใกล้
"ไหนเธอว่าจะไม่มาเหยียบที่นี่อีกไง"
"ถ้าฉันไม่เห็นแก่แม่นิตฉันจะไม่หน้าด้านมาเหยียบที่นี่หรอก ฉันมาขอร้องเจ้าคุณละ ช่วยตามไอ้....เอ้อ... ช่วยตามเทอดให้มาแต่งงานกับแม่นิต"
เจ้าคุณสุทธายิ้มหยัน
"อย่างเธอจะยอมรับเทอดเป็นลูกเขยได้หรือ...มันเป็นเด็กบ้านนอก...ไม่มีหัวนอนปลายตีนนะ"
เจริญแม้มปากอย่างแค้นใจ
"แต่เทอดมันก็จะสำเร็จเป็นหมอ...ก็คงพอจะมีปัญญาเลี้ยงลูกเราได้นะเจ้าคุณ"
"แต่ฉันไม่เห็นด้วย...เทอดกับเสาวนิตไม่ได้รักกัน...การแต่งงานที่ไม่มีความรักต่อกัน...มันก็ตกนรกดีๆ นี่เอง เธอก็รู้ดีนี่"
คุณหญิงเจริญแค้น
"แม่นิตน่ะลูกเรานะ...เจ้าคุณจะใจดำให้ท้องไม่มีพ่อได้ยังไง...เจ้าคุณต้องช่วยลูกเรานะ"
ตระกลมองเจ้าคุณสุทธาอย่างเห็นใจ
สองพี่น้องพาเจ้าคุณสุทธาเดินดูลานเพลิน เจ้าคุณสุทธาสีหน้ามีความสุขมาก
"สุ...ถ้าลูกรักอานนท์...ลูกต้องอย่าให้ทิฐิมาทำลายความรักของลูกนะ"
"สุไม่ได้ทิฐินะคะคุณพ่อ...สุไม่แน่ใจว่าต่อไปวันข้างหน้า เค้าจะทำให้สุต้องเสียใจหรือเปล่า"
"ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย...สู่ขอเจรจาขอหมั้นหมายแต่งงานกันแล้ว นั่นคือความมั่นคงสำหรับสุ กับอานนท์...แต่ไม่ว่าอะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับความรักที่เข้มแข็ง"
"ความรักที่เข้มแข็ง"
"ใช่...วันข้างหน้า...มีแต่สุกับอานนท์เท่านั้น ที่จะจับมือกันฝ่าฟันอุปสรรคทุกอย่าง...พ่อมั่นใจว่าอานนท์รักสุมาก...ยอมทำทุกอย่างเพื่อสุ...ปัญหาที่เกิดเป็นของธรรมดา...ไม่มีคู่รักคู่ไหนที่จะไม่เจอปัญหา...แต่เราต้องมีสติ..ยึดมั่นกันและกัน ต้องเชื่อใจในความรักของกันและกัน"
"สุไม่เคยสงสัยข้อนั้นเลย...สุแน่ใจว่าคุณนนท์รักสุ"
"ใช่...แล้วลูกจะคิดมากเรื่องอะไรอีก...ไม่ว่าปัญหาจะใหญ่แค่ไหน ก็ไม่สามารถจะทำลายความรักของเราได้ถ้าเราไม่ยอม"
"ถึงขนาดนี้แล้ว...อย่ายอมนะสุ"โสภณบอก
"พ่อขอให้สุมีจิตใจเข้มแข็งอ่อนโยน...อย่าให้เหมือนพ่อกับแม่"
สองพี่น้องนั่งบนเรือวิ่งจากคลองน้ำวนไปท่าเมืองนนท์ มีลุงเป็นคนขับ
เจ้าคุณสุทธา กับตระกลเดินกลับมา ตวันหันไปมอง เจ้าคุณสุทธายิ้มมีความสุข
"สุ กับ โส ล่ะคะ"
ตวันมองหน้าเจ้าคุณ
"เจ้าคุณพูดอย่างไรกับสุละค่ะ ถึงได้กลับใจกระทันหันอย่างนี้"
"ฉันก็พูดกับลูกโดยยกเอาประสบการณ์ที่ตัวเองได้เจอมา และก็ทำให้ชีวิตของฉันต้องจมอยู่ในความทุกข์ถึง 20 ปี แต่โดยแท้จริงแล้วไม่สามารถแก้ไขได้ตั้งแต่ต้น...ฉันไม่อยากให้เกิดกับลูกอีก"
เจ้าคุณสุทธาจับมือตวัน ตระกลทำเป็นมองไปทางอื่น
"ฉันอยากจะย้อนเวลากลับไป เพื่อแก้ไขสิ่งที่ฉันได้ทำผิดพลาดไว้"
ตวันมองเจ้าคุณแบบให้อภัย...
โสภณขับรถมาจอดหน้าบ้านอานนท์ มีสุชาดานั่งมาด้วย พอรถจอดโสภณก็ทำท่าจะลงจากรถ แต่สุยังนั่งเฉย รถอานนท์จอดอยู่
"จะลงหรือเปล่าสุ"
สุชาดาทำท่าอิดเอื้อน
"ขอเวลาเดี๋ยวซิโส"
โสภณหัวเราะ
"ไม่ต้องเขินหรอกน่า"
"ถ้าหากคุณนนท์เค้ายังไม่หายโกรธ...ไม่ยอมพูดกับสุล่ะ"
"ไม่หรอก...โสว่าคุณนนท์จะดีใจมากต่างหาก"
สุชาดาทำท่าจะเปิดประตูรถลง แต่ก็กลับไปนั่งเฉยอีก โสภณยิ้มขำๆ
"ยังไงก็มาถึงที่นี่แล้วน่า...ไป ลงมาเถอะ ทีคุณนนท์ยังไปหาสุนี่นา. สุก็คิดซะว่าสุก็มาหาเพื่อปรับความเข้าใจกันก็ได้"
สุชาดาลงมาจากรถ โสภณเดินไปกดกริ่งหน้าบ้าน นงลักษณ์เดินออกมาพอเห็นสุชาดาก็ดีใจ
"สุ"
สองพี่น้องยกมือไหว้นงลักษณ์ นงลักษณ์รับไหว้รีบเดินมาเปิดประตู
"สุ...โอ...มาหาคุณนนท์เหรอจ้ะ...ถ้าคุณนนท์รู้คงดีใจมาก"
สุชาดาสีหน้าผิดหวัง
"คุณนนท์ไม่อยู่เหรอครับ"
"ไม่อยู่หรอกจ้ะ...เอ้อ...ไม่ได้กลับบ้านมาสองวันแล้ว"
สุชาดาตกใจมองหน้ากับโสภณ
สองพี่น้องนั่งคุยกับนงลักษณ์
"พี่ไม่เคยเห็นคุณนนท์เป็นทุกข์เป็นร้อนอย่างนี้เลยนะ คุณตระกลมาเล่าเรื่องเสาวนิตให้ฟังแล้ว แหม..เด็กอะไรแย่เหลือเกิน...หน้าตาออกจะสะสวยไม่น่าทำตัวแย่แบบนี้"
"พี่นงลักษณ์เคยพบกับเสาวนิตแล้วเหรอคะ"
"เคยสิจ้ะ"
"ถ้าเสาวนิตไม่มีคุณหญิงเจริญคอยให้ท้ายผิดๆ ก็คงไม่เสียคนขนาดนี้นะครับ"
"จริงค่ะ...แล้วพี่คิดว่าคุณหญิงเจริญน่ะอยากได้คุณนนท์เป็นลูกเขยมากถึงขนาดไปหาคุณพ่อคุณแม่พี่"
สุชาดาแปลกใจ
"ไปหาทำไมคะ"
"ทีแรกก็ไปชวนให้ไปดูละครที่เสาวนิตเล่น คุณนนท์รับปากก็เพราะเกรงใจคุณตระกล พี่เห็นกับตา
คุณหญิงเจริญ กับคุณหญิงเทพเห็นว่าคุณนนท์ไม่ไป ต่อว่าคุณตระกลอย่างไม่ไว้หน้าเลย"
"คุณย่าน่ะเหรอคะ"
"คุณย่าก็หลงเชื่อเสาวนิตไงสุ แสดงว่าเสาวนิตหลงรักคุณนนท์จนไปบอกกับแม่ตัวเอง กับคุณย่า"
"แล้วคุณหญิงเจริญก็ไปบอกคุณพ่อคุณแม่พี่เลยว่าคุณนนท์ชอบเสาวนิต ดีว่าคุณพ่อคุณแม่ของพี่ท่านไม่เชื่อ"
สุชาดาสีหน้าหนักใจ
"แล้วทำไมเสาวนิตถึงได้หลงรักคุณนนท์มากมายอย่างนั้นคะ"
"สุยังไม่เข้าใจผู้หญิงอย่างเสาวนิต...แต่พี่เคยเห็นท่าทางของเค้า พี่รู้เลยว่าเสาวนิตไม่ปรกติ อายุเท่านี้..แต่ทำท่าสาวเกินตัว"
"พี่นงลักษณ์คะ...เสาวนิตเค้าบอกสุว่าเค้าเคยมาหาคุณนนท์ที่บ้าน"
"ใช่จ้ะ...ก็ครั้งเดียวนะ มาทานข้าวหลังจากกลับจากโรงหนัง"
"มาที่นี่ครั้งเดียวเหรอคะ...เค้าพูดเสียสุคิดว่ามาหลายหน"
"ครั้งนั้นครั้งเดียวจ้ะ สุไม่ได้ถามคุณนนท์หรอกเหรอจ้ะ"
สุชาดาก้มหน้า
"สุ...สุคิดมากไปจริงๆ...แล้ว...สุ...สุก็ยังไปว่าคุณนนท์อีก"
นงลักษณ์พยายามหัวเราะเบาๆ
"แหม...แต่พี่ก็ว่าดีเหมือนกันที่สุไม่พอใจคุณนนท์...จะได้เลิกทำตัวเป็นสุภาพบุรุษคอยดูแลสาวๆ ซะที"
"เพราะผู้หญิงบางคน พอเห็นว่าผู้ชายทำดีด้วย...ก็เอาไปทึกทักว่าผู้ชายคนนั้นมาชอบตัวเอง"
นงลักษณ์หยุดยิ้ม
"อย่างนั้นละค่ะที่คุณนนท์โดนบ่อยๆ...คุณนนท์เป็นคนคุยสนุก หน้าตาดี ผู้หญิงก็อยากเข้าใกล้...แต่ถ้าจะถามว่าคุณนนท์รักใคร...พี่บอกได้เลยว่าคุณนนท์รักสุคนเดียว"
สุชาดาน้ำตาจะไหล
"สุไปทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ไปเอง"
นงลักษณ์จับแขนสุอย่างปลอบโยน
"ถ้าสุเข้าใจแล้วก็คุยกับคุณนนท์ให้เข้าใจนะจ๊ะ คุณนนท์คงดีใจมากที่สุเข้าใจเขา"
"คุณนนท์อาจจะไม่อยากคุยกับสุแล้วก็ได้ค่ะ"
นงลักษณ์พยายามยิ้มปลอบใจ แต่สุชาดาน้ำตาไหลออกมา...
แพทริคเดินมาที่ห้องทำงานของอานนท์ อานนท์นั่งทำงาน พยายามให้ตัวเองยุ่งมาก มีกองเอกสารมากมาย แพทริคมองไปที่โซฟาที่มุมห้อง มีหมอน และผ้าห่มกองๆ อยู่บนโซฟา แพทริคสีหน้าเห็นใจ แต่ก็พยายามพูดให้อานนท์ขำ
"ปีนี้หุ้นใหญ่บริษัทจะรับรางวัลพนักงานดีเด่นเองใช่ไหม ถึงได้ทำงานหามรุ่งหามค่ำไม่ยอมกลับบ้าน"
อานนท์สีหน้าเรียบเฉย
"ถ้าอย่างนั้นผมจะย้ายมานอนที่นี่ด้วยดีกว่า...เพราะผมก็อยากได้รางวัลเหมือนกัน...เห็นเค้าว่าปีนี้รางวัลดีซะด้วยนา"
อานนท์เงยหน้ามองแพทริคอย่างเบื่อๆ
"ว่างมากหรือไงแพทริค"
"ไม่ว่างมากหรอก...แต่เป็นห่วง กลัวคุณทำงานมากเกินไป เกิดเครียดตายไปผมขี้เกียจไปหาหุ้นส่วนใหม่น่ะ"
"คนอย่างผมไม่ตายง่ายๆ หรอกแพทริค"
"แต่หน้าตาคุณเหมือนคนใกล้จะตายนะอานนท์ สองสามวันมานี่คุณเป็นอะไร ถ้าผมไม่ใช่เพื่อนคุณผมต้องคิดว่าคุณอกหัก"
"ทำไม...คนอย่างผมอกหักไม่ได้หรือไง"
แพทริคหัวเราะ
"ไม่มีทาง...คนอย่างนายอานนท์...หนุ่มเจ้าเสน่ห์...มีแต่จะหักอกผู้หญิง ไม่มีผู้หญิงคนไหนจะมาทำให้คุณอกหักหรอก"
อานนท์ก้มหน้าทำงานต่อด้วยท่าทางหง๋อยๆ
"มีก็แล้วกัน"
แพทริคตาโต มองอานนท์นิ่งอย่างประหลาดใจ แล้วก็หัวเราะขำจนต้องลงไปนั่ง อานนท์มองอย่างไม่พอใจ
“หัวเราะอะไรนักหนา...เป็นบ้าหรือไงแพทริค”
แพทริคหัวเราะจนน้ำตาไหล
“อานนท์...นายอกหักเหรอ...ฮ่ะ..ฮ่ะ..ฮ่ะ...ฮ่ะ”
อานนท์โมโห
“มันน่าขำตรงไหนแพทริค คนยิ่งกลุ้มอยู่มาหัวเราะอยู่ได้”
แพทริคหยุดหัวเราะมองหน้าอานนท์ที่ทำหน้าไม่พอใจ แล้วก็นั่งหัวเราะต่ออีก อานนท์มองแพทริคอย่างเคือง...
มุมน้ำชาที่บริษัท แพทริคสีหน้าครุ่นคิด
“ผมอยากจะเห็นสุของคุณแล้วซิอานนท์...ผมว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา...ไม่อย่างนั้นคงไม่ทำให้คุณเป็นทุกข์ได้ขนาดนี้”
“จริงๆ แล้ว...สุเป็นผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น”“เค้าชอบแต่งตัวเหมือนผู้ชาย ช่วยแม่ทำงานในสวน ขี้โมโห นักเลงก็เท่านั้น ผู้หญิงอะไรไม่ค่อยจะอ่อนหวานซะเท่าไหร่ ทำท่ายั่วยวนก็ไม่เป็น พูดก็ตรงไปตรงมา”
“สวยไหม”
“ก็ไม่เท่าไหร่....แต่...มองเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ”
แพทริคหัวเราะ อานนท์ก็ยิ้มมีความสุข
“คิดถึงละซิ”
อานนท์หน้าเศร้า
“คิดถึงมาก”
“แล้วมานั่งอยู่ที่นี่หาอะไร”
แพทริคพูดหน้าตาเฉย อานนท์มองแล้วก็หน้าเศร้า
“ทะเลาะกัน”
แพทริคทำเป็นไม่สนใจ
“ไม่รู้นะ...ถ้าคนอย่างคุณปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้หลุดมือไปน่ะ โง่มาก...เออ..แต่ก็ดีนะ ผมจะรีบไปจีบแทน”
“ก็ผมไม่รู้จะไปง้อเค้ายังไงน่ะแพทริค”
“กลับไปบ้าน...อาบน้ำแต่งตัวให้ดี แล้วก็ไปบอกเค้าอย่างที่คุณอยากบอก ก็แค่นั้นแหล่ะที่คุณต้องทำ...ไปเร็วๆ”
อานนท์ยิ้มแจ่มใส รีบลุกขึ้นเดินเปิดประตูออกไป
ประตูบานเดิมถูกเปิดเข้ามาอีกครั้ง โสภณกับสุชาดาเดินเข้ามา...เจอกับแพทริคที่ยืนมองแบบตะลึงในความสวย
“ขอโทษครับ...เราอยากมาพบคุณอานนท์”
“คุณอานนท์เพิ่งออกไปเมื่อกี้นี้เองครับ”
สุชาดาทำหน้าผิดหวัง
“ขอบคุณมากครับ”
เวลาต่อมา อานนท์วิ่งเข้ามาที่กระท่อมโสภณ สนมกำลังรดน้ำต้นไม้ มีกำลังพรวนดิน อานนท์มองหาสุชาดาแล้วเดินเข้าไปดูในกระท่อม ไม่เห็นสุชาดาก็เดินมาหาสนมที่ทำท่าค้อนอานนท์
“หนม...หนมจ๋า...สุอยู่ไหน บอกฉันหน่อยนะ”
มีแอบยิ้มให้อานนท์ แต่ก็กลัวสนมว่า
“นะหนม...บอกหน่อยว่าสุอยู่ไหน”
“บอกไปเหอะ...สงสารเค้า”
สนมถลึงตาใส่มี
“สงสารทำไม หายไปตั้งหลายวัน ไม่มาก็อย่ามาซิ”
อานนท์หมดแรง
“โธ่..หนม...ดีแต่เข้าข้างสุ ไม่เห็นใจฉันบ้างเลยนะ บอกหน่อยนะว่าสุอยู่ไหน”
“วันนี้ยังไม่เห็น”
มีรีบพูดต่อ
“น่าจะอยู่บ้านใหญ่ ที่ลานเพลินก็ไม่ได้ไป”
อานนท์รีบวิ่งไป
อานนท์วิ่งเข้ามาในบ้านตวัน ร้องเรียกสุชาดา
“สุ....สุ”
ตวันนั่งทำงานอยู่ ได้ยินอานนท์เรียกเสียงดัง ก็ลุกขึ้นเดินมาหา
“สุไม่อยู่หรอกคุณนนท์”
อานนท์ยกมือไหว้ตวัน ตวันรับไหว้หน้ายิ้มๆ
“สุไปไหนครับ...ไปหาคุณพ่อหรือครับ”
“เจ้าคุณเพิ่งกลับไปเมื่อกี้...แต่สุออกไปตั้งแต่สายๆ แล้วเค้าจะไปหาคุณ”
อานนท์ดีใจ
“ไปหาผม เค้าคงไปที่บ้าน ถ้าอย่างนั้นผมลาละครับ ผมจะรีบไปหาสุ”
อานนท์รีบยกมือไหว้แล้วจะรีบไป ตวันเรียกไว้
“คุณนนท์...ถ้าสุไปหาคุณที่บ้านแล้วไม่พบคุณเค้าก็คงออกมาแล้วละ”
อานนท์ยืนคิด
“เค้าน่าจะกลับมาที่นี่แล้ว...ป่านนี้สุจะไปไหนครับ”
“สุไปกับโส...คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอก..เดี๋ยวก็คงกลับมา”
“ถ้าอย่างนั้นผมจะรอที่นี่นะครับ”
“จะรอที่นี่ หรือจะไปรอที่กระท่อมโสภณก็ได้”
“นายตะวันครับ”
ตวันหันมายิ้ม
“ถ้าไม่อยากเรียกฉันว่าแม่อย่างสุ จะเรียกว่าอาตะวันก็ได้นะ”
อานนท์ยิ้มยกมือไหว้
“ขอบคุณครับ...ผมอยากเรียกแม่เหมือนสุนะครับ...เอ้อ..สุเค้าหายโกรธผมแล้วใช่ไหมครับ”
“เค้าไม่ได้โกรธหรอก...เค้าคิดมาก...มันคงเป็นความรู้สึกว่าระหว่างคุณ กับสุ มันยังมีช่องว่างอยู่”
“ช่องว่างอะไรครับ”
“คุณ กับ สุอยู่คนละสังคม คนละสิ่งแวดล้อม เรียกว่าอยู่คนละโลกกันเลย...มันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ยังไม่เข้าใจกับตัวตนของคุณทั้งหมด”
อานนท์นิ่งคิด ตวันเดินไปนั่ง
“ผมเข้าใจครับ เราสองคนต้องปรับตัวกันอีกมาก”
“ถูกต้อง...ฉันน่ะ ไม่ใช่คนที่ประสพความสำเร็จในชีวิตคู่หรอกนะ ฉันคงมีคำแนะนำที่ดีๆ ให้คุณกับสุ ไม่ได้ดีนัก แต่วันนี้...ฉันรู้ว่า ข้อผิดพลาดของฉัน...คือฉันมีทิฐิมากไป ใช้อารมณ์ตัดสินปัญหาอย่างเดียว ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ฉันจะอดทนให้มากกว่านั้น นี่คือคำแนะนำของแม่”
อานนท์ลงไปนั่งคุกเข่าไหว้ที่ตักของตวัน
“ผม กับ สุ โชคดีเหลือเกินที่เราทั้งสองคนมีพ่อแม่ที่ประเสริฐเลี้ยงดูเรามาอย่างดี...แล้วก็ยังเป็นมือที่ค้ำหลังให้เราทั้งสองคน”
ตวันยิ้ม
“หน้าที่พ่อแม่ก็มีอย่างนี้ พ่อแม่จะนอนตายตาหลับก็เพราะเห็นลูกของเรามีชีวิตที่ดี มีคู่ที่ดี ชีวิตคู่ ถ้าจะให้ราบรื่น เราต้องเสียสละทั้งสองคน ลืมตัวตนของเราไปบ้าง ค่อยๆ จูงมือกันเดินไป ก็จะมีความสุข”
อานนท์ยิ้มมั่นใจ
อ่านต่อหน้า 4
เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 18 อวสาน (ต่อ)
เจ้าคุณสุทธาเดินไปมาด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ เทอดนั่งก้มหน้าอยู่ที่พื้น
“แปลว่าแกกับแม่นิต แอบได้เสียกันตั้งแต่ก่อนที่จะหนีไปอยู่บ้านคุณพระอนุสรณ์”
เทอดก้มหน้าด้วยความละอาย
“ขอรับ”
เจ้าคุณสุทธามองหน้าเทอดนิ่ง
“ความจริงข้าน่าจะโกรธมากนะเทอด แต่ข้ากลับไม่โกรธ เพราะรู้ดีว่าลูกสาวตัวเองเป็นยังไง.. ลำพังคำพูดของแกมันไม่มีน้ำหนักพอเท่าคำพูดของคุณพระอนุสรณ์”
เทอดมองหน้าเจ้าคุณสุทธาน้ำตาคลอ เห็นเจ้าคุณสุทธาสีหน้าเจ็บปวด
“แม่เจริญมาขอร้องข้า....ให้แกแต่งงานกับเสาวนิต แกจะว่ายังไง”
เทอดนิ่งคิด
“ถ้าหากเป็นความประสงค์ของนายท่าน...กระผมก็ยินดีทำทุกอย่างขอรับ”
“แปลว่าถ้าข้าสั่งให้แกแต่งงานกับแม่นิต แกก็จะทำตามอย่างนั้นหรือ”
“ขอรับ”
“แล้วเต็มใจหรือเปล่า”
เทอดนิ่ง ได้แต่มองเจ้าคุณแล้วหลบตา
“แกไม่ตอบ...ถ้าอย่างนั้นข้าจะถามแกว่าเอ็งรักเสาวนิตไหม”
เทอดก้มหน้า
“กระผมขอเรียนนายท่านว่า กระผมเคยรักคุณนิตมากขอรับ เคยรักมากกว่าชีวิตของตัวเอง...รักอย่างยอมตายแทนคุณนิตได้ แต่...แต่”
“แกไม่ต้องพูดอีกแล้ว...ไปตัดสินใจมาให้ดี และข้าก็จะยอมรับการตัดสินใจนั้น”
เทอดมองเจ้าคุณสุทธาอย่างซาบซึ้งใจ คลานมาก้มกราบที่เท้าและเดินออกไป
โสกับสุขับรถเข้ามาจอด เฉยวิ่งออกมารับ สุสีหน้าบึ้งตึงเพราะตามหาอานนท์ไม่เจอ เฉยรีบเข้ามาบอก
“ท่านเจ้าคุณอยู่ในห้องขอรับ”
“ขอบคุณครับ”
ทั้งสองเดินขึ้นไป สวนกับเทอดที่เดินร้องไห้ออกมาจากห้องเจ้าคุณ สองพี่น้องมองเทอดแบบสงสัย และเดินเข้าห้องท่านเจ้าคุณไป
เวลาต่อเนื่องมา สองพี่น้องก้มกราบที่เท้าคุณหญิงเทพ คุณหญิงเทพมองหลานทั้งสองสีหน้ายิ้มๆ นิศากับไพจิตร ก็นั่งกราบคุณหญิงเทพเหมือนกัน เจ้าคุณสุทธานั่งบนเก้าอี้ใกล้ๆ คุณหญิงแม่ พรรณ พิศ เพริศ นั่งสีหน้ายิ้มแย้มอยู่อีกมุมหนึ่ง
"ได้ยินว่าจะพาไพจิตรไปเรียนที่เมืองนอกด้วยหรือ"
"ครับ...ผมต้องกลับไปเรียนอีกหกเดือน...เลยจะพาไพจิตรไปด้วยกันเลยครับ"
"แล้วจะไปเมื่อไหร่"
คุณหญิงเทพทำหน้าตกใจ
"ตายจริง...อีกไม่กี่วัน..แล้วนี่ไพจิตรเตรียมข้าวของหรือยังล่ะ...หมู่นี้หายหน้าไปไม่มาหาย่าเลยนะ...ทำอย่างกับไม่เคยอยู่กับย่าอย่างนั้นแหล่ะ"
"คุณแม่ผมช่วยเตรียมเรื่องเสื้อผ้าให้ไพจิตรบ้างแล้วครับ"
คุณหญิงเทพนิ่งไป ทุกคนหันมองหน้ากันอย่างใจคอไม่ดี ในที่สุดคุณหญิงเทพก็ยิ้มกับสุ
"ฝากขอบใจแม่ของเราด้วยนะ...เค้าก็เป็นนักเรียนนอกเหมือนกัน คงจะรู้ว่าต้องเตรียมอะไร...แม่พรรณเธอก็ช่วยเตรียมของใช้ของแห้งไปด้วยนะ กับข้าวฝรั่งมันเลี่ยนๆ ตาจิตรน่ะยิ่งผอมๆอยู่ เดี๋ยวจะไปอดอยากหัวโต"
"ค่ะ..คุณแม่"
"ผมเห็นคุณแม่ กับคุณพี่ยุ่งๆ กันอยู่ ก็เลยขอให้ตวันเค้าช่วยเตรียมของให้ไพจิตรเรียบร้อยแล้วครับ"
"แล้วเรื่องแต่งงานของสุล่ะ..ไปดูฤกษ์ดูยามมาแล้วหรือยัง" คุณหญิงเทพถาม
"คุณพ่อคุณแม่คุณนนท์ไปดูมาแล้วค่ะ อีกเดือนกว่าๆ แต่.."
ทุกคนหันมามองสุ
"แต่อะไร"
คุณหญิงเทพไม่รู้เรื่องทั้งสองทะเลาะกัน...หันไปหยิบกล่องแหวนส่งให้โสภณ
"นี่เป็นแหวนของเจ้าคุณปู่ทำไว้ มีสี่วงอยู่ที่คุณพ่อกับคุณอาคนละวง...วงนี้เป็นของเจ้าคุณปู่เอง....คุณปู่คงอยากให้โสเก็บไว้...เพราะเป็นหลานชายคนใหญ่ รักษาไว้ให้ดี"
โสภณรับแหวนมาแล้วก้มกราบ คุณหญิงเทพหยิบกล่องเครื่องเพชรกล่องใหญ่มาถือไว้
"สุมานี่ลูก"
สุชาดาคลานเข้าไปหา
"นี่เป็นเครื่องเพชรประจำตระกูลสุทธากุล ย่าอยากให้สุเก็บไว้"
สุชาดาสีหน้าหนักใจ
"ของมีค่ามากขนาดนี้...สุ..."
"เป็นหน้าที่ของสุที่จะรักษาไว้ให้ดี ย่าแน่ใจว่าสุจะรักษาไว้ได้ คนแก่ก็อยากจะให้ของมีค่าของเรากับลูกหลานที่เรารัก จะได้รู้สึกว่าเรายังได้อยู่ใกล้ๆ กับลูกหลาน ยังเป็นส่วนหนึ่งด้วยกัน"
สุชาดาน้ำตาคลอเงยหน้ามอง คุณหญิงเทพยิ้มอย่างอุ่นใจ
ตวันนั่งทานอาหารเย็นกับอานนท์ อาหารจัดอย่างสวยงาม จูเหลียงคอยดูแล อานนท์สีหน้าทุกข์ร้อน ทานอาหารไม่ค่อยลง ตวันมองก็สงสาร
"สุ กับ โส น่าจะแวะไปที่บ้านท่านเจ้าคุณแล้วละมัง ไม่อย่างนั้นคงกลับมาแล้ว"
"ถ้าผมรีบไปตอนนี้น่าจะทันนะครับ"
"แต่นี่มันค่ำแล้วนะ ฉันให้สนมจัดเรือนรับรองไว้ให้คุณแล้ว ขับเรือกลางคืนไม่คุ้นทางอันตราย"
อานนท์ยิ้ม
"ผมขับไปมาที่นี่จนชำนาญแล้วครับ กลางคืนก็เคยขับแล้ว ผมว่าผมรีบไปเลยจะดีกว่า"
อานนท์ทำท่าจะลุกขึ้น
"แล้วถ้าหากโส กับ สุกำลังกลับมาก็จะสวนกันนะ"
อานนท์ทำท่าลังเล...และตัดสินใจไม่คอย
"ผมลาละครับ"
อานนท์ยกมือไหว้ตวันแล้วรีบเดินออกไป ตวันหันไปยิ้มๆ กับ จูเหลียง...
สุชาดายกมือไหว้ลาเจ้าคุณสุทธา
"พ่อว่าคืนนี้สุ กับ โส ค้างที่นี่ดีกว่านะลูก...ห้องหับมีเยอะแยะ"
นิศา กับ ไพจิตรเดินเข้ามา
"เรียบร้อยแล้วค่ะคุณพ่อ...ตุ๊จัดห้องให้พี่สุ กับ พี่โส พักคืนนี้เสร็จแล้วค่ะ"
"ผมจัดที่นอนให้พี่โสในห้องผมแล้วครับ" ไพจิตรบอก
โสภณยิ้ม
"ขอบใจมากจิตร"
"เอ้อ...สุเป็นห่วงแม่ค่ะ...แม่อยู่คนเดียว...สุว่ากลับดีกว่าค่ะ"
"แต่มันค่ำแล้วนี่คะ...นอนที่นี่ซักคืนนะคะ" นิศาว่า
เจ้าคุณสุทธายิ้ม
"ตุ๊อยากให้พี่สุค้างที่นี่ด้วยละซิ"
นิศายิ้ม
"ใช่ค่ะ"
สุชาดายิ้มๆ แต่สีหน้าก็ไม่สบายใจ
ตระกลขับรถเข้ามาจอดหน้าตึกแล้วเดินลงมาจะขึ้นบ้าน ตระกลสบายใจ อานนท์ขับรถเข้ามาจอดอย่างเร็วจนตระกลตกใจหยุดหันไปมอง อานนท์รีบลงมาจากรถ เฉยก็วิ่งหน้าตื่นออกมาจากบ้าน อานนท์เห็นตระกลก็รีบเดินมาหา
"สุล่ะ...สุอยู่ที่นี่ใช่ไหม"
"อะไรของนาย...ขับรถพุ่งเข้ามาซะฉันตกใจหมด"
อานนท์ถอนใจอย่างขัดใจ
"อย่าเพิ่งบ่นไปเลยน่าตระกล...สุอยู่ที่ไหน"
อานนท์มองหาเข้าไปในบ้าน ทำท่าจะเดินขึ้นไป ตระกลหันไปถามเฉย
"ฉันก็เพิ่งมาเหมือนกัน...เฉย...คุณสุอยู่ที่นี่หรือเปล่า"
"กลับไปซักพักแล้วขอรับ"
อานนท์ทำท่าหมดแรง
"กลับไปแล้วเหรอ"
"นายท่าน กับคุณตุ๊ชวนให้ค้าง...แต่คุณสุว่าเป็นห่วง..เอ้อ นายหญิง เลยชวนคุณโสกลับไปแล้วครับ"
อานนท์จะรีบเดินไปขึ้นรถ
"ฉันจะรีบตามไปดีกว่า"
ตระกลรีบฉุดแขนอานนท์ห้ามไว้
"อานนท์....ป่านนี้จะไปได้ยังไง"
"ไปได้ซิตระกล...ฉันมีเรื่องต้องบอกสุให้ได้"
ตระกลปล่อยแขนอานนท์
"เอาไว้บอกพรุ่งนี้ก็ นี่...อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าแล้ว กลับไปนอนเอาแรงที่บ้านพรุ่งนี้เช้าค่อยไป แหม
เวลางอนบอกให้ไปเท่าไหร่ก็ไม่ไป ทีตอนนี้มืดจนจะไม่เห็นทางจะไปได้ยังไง ฉันไม่ให้นายไปหรอก"
อานนท์ยังดื้อ
"ฉันไปได้ก็แล้วกัน นายอย่ามาห้ามฉันหน่อยเลย"
อานนท์เฉย
"ไปก็ได้...แต่ฉันต้องไปด้วย"
"นายจะไปทำไม...ไม่ต้องหรอก"
"ถ้านายไม่อยากให้สุ กับ นงลักษณ์ต้องเป็นหม้ายขันหมากเพราะความใจร้อนของนาย...นายก็ไปคลองน้ำวนพรุ่งนี้...ไปแต่เช้าเลย"
อานนท์ยอมจำนน...
ค่ำแล้ว สองพี่น้องเดินเข้าบ้านมา สุชาดาหม่นหมองไม่มีความสุข ตวันนั่งจิบไวน์ฟังเพลงอยู่หันมายิ้มให้
"กลับกันมาแล้วเหรอลูก...แม่คิดว่าจะค้างที่บ้านคุณพ่อเสียอีก"
"ก็สุน่ะสิครับ....คุณพ่อให้ตุ๊จัดห้องจัดที่นอนให้ดิบดี สุเค้าไม่ยอมค้าง บอกว่าเป็นห่วงแม่อยู่บ้านคนเดียว"
สุชาดาเดินมานั่งใกล้ๆ ตวันสีหน้าเบื่อหน่าย ตวันพูดยิ้มๆ หันไปสบตากับโสภณ
"แม่ก็บอกคุณนนท์แล้วว่าให้คอยที่นี่...เค้าก็ใจร้อนจะไปที่บ้านคุณพ่อซะให้ได้"
"คุณนนท์มาที่นี่เหรอคะ"
"จ้ะ...มาอยู่ตั้งแต่บ่ายๆ แล้ว...จะรอพบสุให้ได้"
สุยิ้มดีใจมาก
"โอ...แม่คะ...สุคิดว่าคุณนนท์จะยังโกรธสุอยู่ซะอีก"
"คุณนนท์ก็กลัวสุจะยังไม่เข้าใจเค้าเหมือนกัน"
สุชาดาทำท่าละล้าละลัง หันไปหันมา
"โส...งั้นเราไปบ้านคุณนนท์กันเถอะ"
โสภณยิ้มขำ เดินหนีโบกมือลา
"เสียใจ...ทั้งขับรถขับเรือวิ่งไล่จับให้เธอทั้งวันแล้ว..ขอนอนละ คนนะไม่ใช่เครื่องจักร"
โสภณเดินหนีไป สุชาดาจุ๊ปากอย่างขัดใจ
"งั้นสุไปเองก็ได้"
สุชาดาทำท่าจะเดินไป ตวันรีบเรียกไว้
"สุ...สุ...อย่าใจร้อนสิลูก...เป็นผู้หญิงจะไปอะไรป่านนี้...แล้วมันก็อันตรายมากด้วย."
ตวันเดินไปจับตัวสุไว้
"แม่ไม่ให้ไปหรอก พรุ่งนี้เช้าค่อยไป"
"ก็ได้ค่ะแม่"
สุชาดายิ้มหวานอย่างดีใจ กอดแม่มีความสุข...
บรรยากาศตอนเช้ามืดดูสงบสดใส สายใจเดินถือถาดมีของสำหรับใส่บาตวางอยู่เต็ม นงลักษณ์เดินตามมาถือม้านั่งตัวเล็กๆ มาวางหน้าบ้าน สายใจเอาถาดที่ถืออยู่วางบนม้านั่งตัวเล็กๆ นั้น
"วันนี้เราออกมาเร็วนะคะคุณ...เพิ่งจะตีห้าครึ่งเอง"
"รอท่านดีกว่า ไม่งั้นถ้าเราช้าก็รีบมือไม้สั่น เดี๋ยวพระก็มา"
อานนท์แต่งตัวหล่อรีบเดินออกมา นงลักษณ์หันไปเห็น
"คุณนนท์...จะไปไหนแต่เช้าคะ"
อานนท์รีบขึ้นรถ หันมาบอกอย่างยิ้มแย้ม
"จะรีบไปหาสุจ้ะน้อง...อวยพรพี่หน่อยซิ"
นงลักษณ์ หันไปหัวเราะกับสายใจ หันมาโบกมืออวยพร
"โชคดีนะคะคุณนนท์....ไปง้อสุให้ได้นะคะ"
อานนท์โผล่หน้าออกมาจากรถ
"ขอบใจจ้ะน้อง"
อานนท์รีบขับรถออกไป นงลักษณ์ กับ สมใจพากันหัวเราะ
"บ้านเราจะมีงานแต่งสองคู่เลยนะคะคุณ"
นงลักษณ์ยิ้มมีความสุข สายใจทำหน้าเศร้า
"คุณไม่อยู่สมใจคงคิดถึงคุณแย่เลยค่ะ"
"สายใจอยากไปอยู่ภูเก็ตกับฉันไหมล่ะ..คุณนนท์ กับ สุ เค้าคงหาคนมาทำงานบ้านได้หรอก"
สายใจดีใจมาก
"อยากไปซิคะ...คุณไปไหน..สายใจไปด้วย"
เช้าตรู่วันเดียวกัน สุชาดาแต่งตัวสวยงาม รีบเดินลงมาจากบ้าน คนงานที่ทำงานอยู่มองอย่างสงสัยว่ารีบไปไหน
พระเดินมาไกลๆ รถตระกลขับแซงพระมา นงลักษณ์เห็นรถตระกลก็ดีใจ
"คุณตระกลนี่...มาทำไมแต่เช้า"
"แหม...เช้านี้บ้านเราคึกคักดีจริงค่ะคุณ"
ตระกลขับรถมาจอดรีบเดินมาหานงลักษณ์
"นายนนท์ตื่นหรือยังครับ"
"ออกไปแล้วค่ะ...จะรีบไปหาสุ"
"ผมกะว่าจะมาขับรถให้นายนนท์...เห็นเค้าไม่ค่อยได้นอน"
"คงไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ...ท่าทางคุณนนท์ไม่เหมือนคนอดนอนซักนิด...ไม่รู้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน"
"คนกำลังมีความรักก็งี้ละค่ะคุณ"
พระเดินมาถีง นงลักษณ์ไหว้นิมนต์
"คุณสองคนก็ใส่บาตรด้วยกันเลยสิคะ" สายใจว่า
ตระกลยิ้มกับนงลักษณ์ สองคนช่วยกันใส่บาตรด้วยสีหน้ามีความสุข มีสายใจคอยถือถาดใส่ของให้...
สุรีบเดินผ่านสวนมะพร้าว....ในบรรยากาศสวยงาม
อานนท์ขับเรือ อยากให้ถึงที่หมายโดยเร็ว เช่นเดียวกับสุชาดาที่ขับเรือ อยากไปพบอานนท์ เรือของทั้งสองวิ่งสวนกัน เรืออานนท์เลี้ยวกลับอย่างเร็ว สุชาดาจอดเรือนิ่ง อานนท์ขับเรือเป็นวงกลมรอบเรือสุชาดา
อานนท์นั่งมองสุชาดาด้วยสีหน้ามีความสุข มองสุอย่างพิจารณาจนอีกฝ่ายอาย
"คุณนั่งมองฉันมาตั้งนานแล้วนะ...ไม่คิดจะพูดอะไรบ้างหรือไง"
"ผมคิดถึงคุณใจจะขาด....ให้นั่งมองคุณอย่างนี้ไปจนตายก็ได้"
สุชาดาอาย
"คุณ...หายงอนแล้วใช่ไหม"
"ยังหรอก....แต่ผมรักคุณมากเกินกว่าจะคิดเรื่องเล็กๆ นั่น"
"ถ้าคุณยังไม่หายงอน แล้วฉันทำให้คุณต้องงอนอีกหลายๆ หน มันก็จะสะสมจนวันนึงคุณอาจจะโกรธฉันไปเลยก็ได้"
"ผมไม่โกรธง่ายๆ หรอก...แต่...คุณไม่ต้องทำให้เป็นอย่างนั้นหรอก...แค่เราคุยกัน"
สุชาดายิ้ม
"ฉันขอโทษค่ะ ที่ฉันทำเหมือนไม่ไว้ใจคุณ"
"ผมก็ขอโทษ...ที่ผมไม่ได้เล่าอะไรๆ ให้คุณฟังมากพอ จนคุณเอาไปคิด"
สุชาดายิ้มก้มหน้า
"ฉันทำไม่ดีกับคุณ....ฉันก็เพิ่งรู้ว่าฉันก็เจ็บเหมือนกัน"
"ผมสัญญาว่าต่อไปถ้าคุณยังขี้โมโหอย่างนี้...ผมจะยิ้มอย่างเดียว"
"ทำอย่างนั้นฉันก็ยิ่งโมโหมากขึ้นน่ะซิ"
"อ้าว...ทำไมล่ะ..แล้วผมควรจะทำยังไง"
"ก็อย่าทำให้ฉันต้องโมโหน่ะซิ"
"แล้วถ้าผมไม่รู้ว่าอะไรที่ผมทำ...มันจะทำให้คุณโมโหล่ะ"
"ถ้าอย่างนั้นฉันจะเตือนคุณก่อนก็แล้วกันว่า...ฉันจะโมโหแล้วนะ"
อานนท์หัวเราะ
"เป็นสัญญาณเตือนภัยก่อนล่วงหน้า"
สุชาดาหัวเราะ
"แต่ฉันสัญญาว่าฉันจะใจเย็นให้มากกว่านี้...ถ้าฉันรู้สึกไม่ดี ไม่ว่าเรื่องไหนก็ตาม...เราจะค่อยๆ คุยกัน"
"ผมก็สัญญาว่าผมจะระวังตัวให้มากขึ้น กับผู้หญิงคนอื่นที่ผมเคยคิดว่าการพูดเล่นพูดคุยเป็นเพื่อน เป็นของธรรมดา ผมจะระวังที่จะพูดเล่นพูดคุยให้พอสมควร เพราะผมรู้แล้วว่าการให้เกียรติภรรย เป็นสิ่งที่สามีต้องทำ"
"ไม่ว่าต่อหน้าหรือลับหลัง"
"ไม่ว่าต่อหน้าหรือลับหลัง"
"คุณจะเป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของฉัน...ฉันก็จะยอมเสียสละเพื่อให้ชีวิตคู่ของเรามีความสุขทุกวัน...เพราะฉันรักคุณ"
"ผมรักคุณมากกว่า"
อานนท์ทำหน้าขรึม
"แต่อันที่จริงนะ...ผมไม่อยากแต่งงานเดือนหน้าแล้วละ"
สุชาดาทำหน้างอน
"แต่ผมอยากแต่งงานอาทิตย์หน้าเลย...เพราะผมแน่ใจแล้วว่าคุณคือเจ้าสาวของอานนท์คนเดียวเท่านั้น"
อานนท์ดึงสุชาดาเข้ามากอด ทั้งสองยิ้มให้กันอย่างมีความสุข
จบบริบูรณ์...