xs
xsm
sm
md
lg

เจ้าสาวเฉพาะกิจ ตอนที่ 8

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เจ้าสาวเฉพาะกิจ ตอนที่ 8

รามนรีใส่ชุดแต่งงานสุดสวย ยืนสง่า มองดูตัวเองที่หน้ากระจก ย่ามองยิ้มปลื้ม
 
“สวยมากๆ เลยลูก”
“ค่ะ สวยมาก สวยเหมือนนางฟ้า บวกกับเจ้าหญิงเลย”
“โห ขนาดนั้นเลยเหรอคะ หนูเขินมากเลยนะคะเนี่ย”
“ไม่เคยแต่งอย่างนี้บ้างเลยเหรอจ๊ะ”
“ไม่เคยเลยค่ะ”
“งั้นก็ดีแล้ว วันนี้จะได้เป็นความทรงจำดีๆ ที่จะอยู่ในใจของหนูกับเจ้าภูมิตลอดไปไง”
รามนรีอึ้ง ยิ้มเจื่อนตอบไม่เต็มเสียง
“ค่ะ”
รามนรีแอบถอนใจ

ไผทนั่งอ่านเอกสารรอ พนักงานพาภูมิเดินเข้ามา
“เอาคนหล่อมาส่งแล้วค่ะ”
ไผทมองภูมิในชุดสุดหล่อ
“เฮ้ย หล่อจริงๆ แฮะ”
“ก็บอกแล้ว ยังไงก็หล่อ ต้องขอบคุณมากนะครับคุณสมหญิง อุ้ยสมชาย”
“อ๊าย รู้ใจจัง รู้ได้ยังไง ว่าสมชายกำลังจะไปเปลี่ยนเป็นสมหญิงคะ”
“แค่ดู ผมก็พอจะรู้ครับ ว่าคุณเหมาะกับสมหญิง มากกว่าสมชาย”
“ขอบคุณคำชม ที่เป็นมงคลยิ่งนะคะคุณภุมิ งั้นสมชายขอตัวไปเตรียมงานก่อนนะคะ”
“ครับยินดีครับ”
สมชายเดินไป ภูมิอารมณ์เสีย
“อะไร มาก่อนตั้งนานยังแต่งไม่เสร็จอีก หรือว่าเบ้าหน้ามันขี้เหร่มาก มันเลยแต่งยากวะ จนป่านนี้ก็ยังไม่มาอีก”
เสียงบุญปลูกดังขึ้น
“เจ้าสาวมาแล้วค่ะ"
รามนรีเดินลงมา มีย่า บุญปลูก สมขาย เดินตามมา ภูมิกับไผทหันหน้าไปมอง ภูมิอึ้ง ตะลึง ไผทมองภูมิที่อึ้งมองรามนรี เลยเอาไหล่ชน แซว
“เป็นไง ถึงกับอึ้งตะลึงไปเลยรึไง”
ภูมิรีบเก็บอาการกลัวเสียฟอร์ม
“อะไร ตะลึงอะไร ฉันก็แค่ตกใจว่าเขาเมคโอเวอร์จนทำให้ยัยนี่ ดูดีจนผิดปกติไปอีกครั้งแล้ว ก็แค่นั้นเอง”
“เหรอ”
ย่าพารามนรีเดินเข้ามา จับมือหญิงสาวไปใส่มือภูมิ
“ย่าพาเจ้าสาวของแกมาส่งให้ พาเขาขึ้นไปถ่ายรูปกันได้แล้ว เดี๋ยวย่าขอตัวไปทำสวย แล้วจะตามไป”
สมชายมองบ่าวสาวยิ้มปลื้ม
“เชิญบ่าวสาวที่สตูดิโอ ด้านนี้เลยค่ะ”
“แล้วนี่ไผท ต้องไปกับเขาไหม”
“ต้องไปครับ ไม่งั้น”
“ไม่งั้น อะไร”
ไผทอึกอักคิดหาคำตอบ
“ผมจะไม่มีแรงบันดาลใจในการหาแฟนน่ะสิครับคุณย่า”
ย่ายกนิ้วโป้งให้ไผท

ประกายฟ้ากับเสี่ยอุดรนั่งคุยกันอย่างชื่นมื่นภายในบ้าน พวงศรีกับประกันพากันเดินหน้าเศร้าจูงมือกันออกมา
“เสี่ยคะ เราสองคนปรึกษากัน เรามีเรื่องที่อยากจะขอความกรุณาเสี่ยสักครั้งจะได้ไหมคะ”
“มีอะไรกันเหรอครับ”
“นั่นน่ะสิคะ มีอะไรกันเหรอคะแม่”
“ไอ้ผมก็กระดากใจ ไม่อยากจะรบกวนเสี่ยเลย”
“ฉันรู้ค่ะว่ามันเป็นเรื่องน่าอาย และมันก็เสี่ยงที่จะทำให้เสี่ยมองเราไม่ดี”
“ไม่เป็นไร มีอะไรก็ว่ามา ผมยินดีรับฟัง”
“คืออย่างนี้ครับ เจ้าคุณปู่ของผมท่านเสียไปเกือบจะปี และเราก็ตกลงว่าจะแบ่งมรดกกันภายในสามเดือน แต่คุณย่าท่านกลับยังไม่ยอมแบ่งมรดกส่วนนั้นให้กับใคร”
“จริงค่ะ ที่ผ่านมาเราก็หมดเงินไปกับการส่งเสียน้องฟ้า ก็เลยทำให้เราเดือดร้อนเรื่องเงินในตอนนี้ แล้วเราก็มีหนี้สินบางส่วนที่ต้องเคลียร์น่ะค่ะ”
ประกายฟ้านิ่งอึ้ง เสี่ยอุดรหัวเราะร่า
“โธ่ ไอ้เราก็นึกว่าเรื่องอะไร แล้วต้องการเงินเท่าไหร่กันล่ะครับ”
“ขอกู้สักห้าล้าน จะได้ไหมครับ”
ประกายฟ้าตกใจตาโต
“จะเอาอะไรตั้งห้าล้าน นี่เรารบกวนเสี่ยมากเกินไปแล้วนะคะแม่”
พวงศรีขยิบตาใส่ประกายฟ้า ก่อนหันไปสบตาประกันรอลุ้น
“งั้นผมให้สิบล้านเลย เอาไปเคลียร์ทุกอย่างให้จบ ผมทำเพื่อให้น้องฟ้าสบายใจ”
พวงศรีสบตาประกัน ตาโต
“เอาเบอร์บัญชีมา เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะให้เด็กไปโอนให้ แต่ต้องสัญญาด้วยใจ ว่าน้องฟ้าจะต้องรักและซื่อสัตย์กับผมคนเดียวเท่านั้น”
“ได้ครับได้ ไม่มีปัญหาเลยครับ”
“น้องฟ้า จะไม่มีใครนอกจากเสี่ยค่ะ”

ประกายฟ้าหน้าเจื่อน รู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ

บรรยากาศการถ่ายภาพภายในสตูดิโอ รามนรีกับภูมิ ในชุดบ่าวสาว ยืนถ่ายภาพ ตามที่ตากล้องบอก
 
“ขอโอบจากด้านหลัง แล้วเอาหน้าแนบกัน”
ภูมิจัดท่าทางทำตาม
“โอบจากด้านหลัง เอาหน้าแนบกัน”
“ไม่ต้องชิดขนาดนี้ก็ได้”
“ก็เขาบอกให้ทำอย่างนี้ เราก็ต้องทำตามที่เขาบอกสิ”
รามนรีฟึดฟัดใส่ภูมิ ไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าที่ควร เพราะภูมิถือโอกาสใกล้ชิดจนเกินไป ตากล้องมองแปลกใจ
“เจ้าสาวครับ ที่เจ้าบ่าวบอกน่ะถูกต้อง รบกวนทำตามนั้นนะครับ”
ไผทยืนกอดอกมองภูมิอย่างรู้ทัน รามนรีเก้ๆ กังๆ ยอมทำตามอย่างเสียไม่ได้ ภูมิหันมายักคิ้วให้ไผท

ประกายฟ้ามองพ่อกับแม่ หน้าเครียด
“พ่อกับแม่ ไปโกหกเสี่ยเขาอย่างนั้นทำไม ก็ฟ้าบอกแล้วไงว่าฟ้าไม่ได้ชอบเขา”
“แหม พ่อกับแม่ก็แค่พูดๆ ไป ให้เขายอมให้เงินเรา ไม่ได้จริงจังสักหน่อย”
“ใช่ แม่ก็คิดอย่างพ่อ พอหมูเข้าปากหมา อะไรจะเกิดข้างหน้าแล้วค่อยว่ากัน วันนี้ขอให้เรารอดก่อน”
“แต่ฟ้ากลัว แล้วดูเขาก็จริงจังกับเรามากนะคะแม่”
“ก็จริงจังไปสิ แต่ถึงวันที่เราพร้อม เราจะไป เขาจะทำอะไรเราได้ ตระกูลรัตนบดินทร์ เขามีบารมีพอที่จะปกป้องเราได้”
“แต่แม่คะ หนูว่าพ่อกับแม่ทำมากเกินไป”
“เอาน่า พ่ออยู่ทั้งคนลูกไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น เดี๋ยวพ่อเคลียร์เอง อย่าคิดแต่เรื่องทุกข์ คิดเรื่องสุขกับเงินสิบล้านกันดีกว่าเรา”
“จริงที่สุดเลย”
ประกายฟ้ามองพ่อกับแม่อย่างกังวล

รามนรียืนกระเง้ากระงอด มองภาพที่ถ่ายไปแล้วที่หน้าจอคอมพิวเตอร์กับภูมิ และไผท ย่าเข้ามายืนมองภาพถ่ายของบ่าวสาว
“ทำไมหน้าตาไม่สดใสเลย เอาใหม่ ขอถ่ายใหม่หมดเลย”
ไผทตกใจ
“เอางั้นเลยเหรอครับคุณย่า”
“ใช่ ก็ดูแต่ละภาพสิ ดูมันไม่จริงใจ มันไร้ฟิลลิ่งเหรอเกิน คนรักกันมากมันไม่น่าจะออกมาอย่างนี้ หรือว่าเมื่อคืนมีปัญหาอะไรกัน”
“เปล่านะครับคุณย่า เราไม่ได้มีปัญหากันเลย เขาอาจจะเขิน ก็เราไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลยนี่ครับ”
“อืม ก็เป็นได้ มาค่ะช่างภาพ ช่วยถ่ายใหม่ จะคิดเพิ่มเท่าไหร่ก็ว่ามา ฉันยินดี”
ย่ายืนจ้องหน้าภูมิกับรามนรี
“ช่วยทำโลกนี้ให้สดใส ให้สมกับเป็นวันแห่งความทรงจำของเราสองคนจะได้ไหม รู้ไหม ว่ากว่าคนเราจะมีวันนี้ได้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เราต้องมีบุญต่อกัน”
รามนรีถอนใจอึดอัด
“ย่าขอร้อง ทำวันนี้ให้ย่าร่วมดีใจไปด้วย ช่วยทำให้คนแก่อย่างย่ามีความสุขที”
ภูมิกับรามนรีมองย่า ที่มองมาด้วยแววตาจริงใจ ภูมิบีบมือหญิงสาว ก่อนหันไปยิ้ม ตอบรับพร้อมกัน

ประกายฟ้าแอบร้องไห้เสียใจกับการกระทำที่เกินไปของพ่อกับแม่
“ตกลง ทุกคนเห็นฉันเป็นอะไรกันแน่”
ประกายหน้าครุ่นคิดหน้าเครียด
“คุณภูมิ คุณคือคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยฟ้าได้”
ประกายฟ้านั่งมองภาพภูมิ น้ำตาไหล

ภูมิกับรามนรี ร่วมถ่ายภาพคู่บ่าวสาวเซ็ตใหม่อย่างชื่นมื่น ไผทยิ้มดีใจ มองเห็นอะไรในแววตาของคนทั้งคู่ ที่จ้องมองกัน รามนรีเปลี่ยนชุดไปมา และย่าเข้าไปร่วมถ่ายด้วย ช่างภาพ ดีไซน์ท่าให้ถ่ายกันอย่างสนุกสนาน และสวยงาม สมชายคอยจัดท่าจัดทางให้ ไผทกับบุญปลูก ถูกเชิญให้ไปร่วมถ่ายภาพแห่งความทรงจำในครั้งนี้ รามนรีกับภูมิยิ้มให้กันอย่างมีความสุข

ผสานนั่งดื่มกับจอสสองคนในร้านอาหาร
“วันนี้ขอชนแก้วหน่อยสิวะ มันสะใจกูจริงๆ เล้ย”
“ครับนายหัว”
“เป็นไงวะ การแสดงเป็นคนดีของกู”
“ตุ๊กตาทองปีนี้ ยังไงนายหัวของจอสก็ไม่มีทางพลาดแน่”
“และมันจะไม่ใช่แค่นี้ จำไว้นะไอ้จอส”
“จำอะไรครับนายหัว”
“ก็จำไว้ว่า ไม่ว่าใคร ไอ้อีคนไหน ที่มันทำให้กูเจ็บ มันต้องเจ็บมากกว่ากูเป็นร้อยเท่าพันเท่า และอีกไม่นานมึงจะได้เห็น”
“ครับนายหัว จอสจะจำไว้”
“เฮ้ย ดีๆ งั้นเราหมดเรื่องเครียด พาผู้หญิงมาได้แล้ว”
จอสหันไปมองที่เคาน์เตอร์ ดีดนิ้ว หญิงสาวกรูกันเข้ามา ห้อมล้อมเอาอกเอาใจผสาน
“เห็นหนูๆ ที่ไรแล้วใจฮึกเหิม มามา มาใกล้ๆ ให้ชุ่มชื่นหัวใจหน่อยสิ”

ผสานโอบบรรดาสาวๆ ให้เข้าไปใกล้ๆ ยิ้มสะใจ

ย่าพาทุกคนมาเลี้ยงฉลองในร้านอาหารจีนหรูหรา
 
“มื้อนี้ย่าเลี้ยงเต็มที่ ถือว่าเป็นการฉลองมงคลสมรสล่วงหน้าให้ว่าที่บ่าวสาวนะ”
“ดูสิไอ้ไท คุณย่าลำเอียง ใจดีกับหลานสะใภ้ มากกว่าหลานแท้ๆ เสียอีก”
“ก็สมควรแล้วนี่”
ภูมิทำหน้ายักษ์ใส่ รามนรีหันไปยิ้มสดใสให้ภูมิ
“เป็นผัวเมียกัน รักใครก็เหมือนกันแหละน่า กินลูก กินเข้าไปเยอะๆ นะ”
ย่าหันไปมองบุญปลูก ที่นั่งหน้าเจี๋ยมเจี้ยม
“แม่นี่เป็นอะไร ทำไมไม่กินล่ะจ๊ะ”
“แต่ปลูกเป็นคนใช้ ให้มานั่งตีเสมอเจ้านาย มันไม่เหมาะมั้งคะ คุณท่าน”
“ก็ฉันให้นั่ง ใครจะทำไม เป็นคนใช้แล้วไง มันก็คนเหมือนกันกับฉันนี่แหละ”
บุญปลูกมองซาบซึ้ง ยกมือไหว้
“ขอบพระคุณมากค่ะคุณท่าน งั้นปลูกไม่เกรงใจแล้วนะคะ”
รามนรีมองย่าซาบซึ้ง ภูมิมองรามนรีตาเยิ้ม คีบอาหารให้ หญิงสาวคีบอาหารให้ภูมิบ้าง ทุกคนกินอาหารอย่างมีความสุข ยิ้มปลื้ม

กลางคืน จอสให้คนช่วยหิ้วปีกผสาน มานั่งที่ด้านหน้ารถ ผสานโวยวายก้าวขาจะออกไป จอสเข้าไปล็อคตัวไว้
“ใจเย็นครับนายหัว กลับไปกินต่อที่บ้านเราดีกว่าครับ”
“เฮ้ย จะรีบกลับไปไหนวะไอ้จอส กูยังไม่เมาเลย”
“โห ขนาดนี้ยังไม่เมา แล้วเขาเรียกอะไรครับนายหัว”
“มึงรู้ไหม ว่ากูรักมากแค่ไหนก็เจ็บในใจมากเท่านั้น”
“รู้ครับนายหัว”
“กูให้ใจ กูรักมาก แล้วกูก็เจ็บมาก เจ็บปางตายเลยนะไอ้จอส”
“ครับนายหัว ผมเข้าใจนายหัวดี”
“ก็มีแต่มึง ที่เข้าใจหัวอกคนถูกทิ้งอย่างกู ทำไม ทำไมกูต้องเป็นอย่างนี้”
ผสานนั่งคอตก น้ำตารื้น ก่อนผลอยหลับไป จอสถอนใจมองเจ้านายด้วยสายตาห่วงใย ก่อนเข้าไป รวบขาผสาน เข้าไปไว้ในรถ ปิดประตู แล้วขับออกไป

รามนรีกับภูมิยืนรอทุกคนไปเข้าห้องน้ำ ต่างคนต่างเขิน แอบมองกันไปมาจนหันมาจ๊ะเอ๋กัน
“วันนี้คุณคงเหนื่อยมากเลยใช่ไหม”
“ก็นิดนึง แล้วคุณล่ะ”
“แค่ผมได้เห็นคุณย่ามีความสุข ผมก็หายเหนื่อยแล้ว”
รามนรีพยักหน้ายิ้มให้
“ขอบคุณอีกครั้ง ที่คุณทำเพื่อผม ถึงแม้ผมจะไม่ใช่คนดีเท่าไหร่”
“ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจคุณ”
ภูมิมองรามนรีตาโต จับไหล่เขย่า ดีใจ
“จริงเหรอ คุณเข้าใจผมแล้วจริงๆ เหรอ”
ย่ากับบุญปลูก และไผท เดินมาเห็นตกใจ
“หยุดเดี๋ยวนี้นะเจ้าภูมิ นี่แกทำอะไรเมีย”
“ผมเปล่าทำ ก็แค่ดีใจ”
“อ้าวเหรอ ย่าก็นึกว่าแกจะทำอะไรเขาเสียอีก ย่างงกับหนุ่มสาวสมัยนี้จริงๆ เขาแสดงอาการดีใจ กับ ไม่พอใจ คล้ายๆ กับเลยนะ ทำเอาคนแก่ตกยุคอย่างย่า เข้าใจผิดอยู่เรื่องเลย”
“ตกยุคอะไร ผมเห็นคุณย่ายังนั่งเทรดหุ้นผ่านสมาร์ทโฟนอยู่ทุกวันเลย”
“ก็แค่ขำๆ น่ะลูก”
“ถ้าเรื่องหุ้น ก็ต้องยกให้คุณท่าน ทั้งแม่นทั้งขยันเลยนะคะ”
“ผมว่าเรากลับกันเถอะ คุณเดือนจะได้พักบ้าง”
“อุ้ย หวานเว่อร์มาก นาทีนี้ เขาไม่ห่วงใคร นอกจากเดือนฉายคนนี้เท่านั้น”
ไผทแซว รามนรียิ้มเขิน ภูมิทำหน้าดุใส่ไผท
“ให้ถวิลขับไปส่งไผทด้วยนะครับคุณย่า ผมจะพาคุณเดือนเขากลับเอง”
“ได้เลยลูก”
ภูมิรีบจับมือรามนรีมากุมไว้
“ไป เดี๋ยวเรากลับด้วยกันนะ”
รามนรีหันมองหน้าภูมิ ก่อนหันไปมองทุกคน ยิ้มแหย
“แล้วคุณย่าล่ะคะ”
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงย่า ไปกันเถอะ ไปเที่ยวต่อก็ได้นะ ไปเร็ว”
รามนรียิ้มให้
“งั้นขอตัวก่อนนะคะ”

ภูมิจูงมือรามนรีเดินออกไปที่รถ

ริมน้ำยามค่ำคืน แสงไฟสว่างไสว สวยงาม ภูมิกับรามนรี นั่งที่เก้าอี้คนละมุม ต่างคนต่างเขิน
 
“คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม”
“ก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่ว่า ผมอยากจะรู้จักคุณให้มากกว่านี้”
“จำเป็นด้วยเหรอ ฉันก็แค่ลูกจ้าง อีกไม่นาน พอเสร็จงานฉันก็ต้องไป”
“แล้วถ้าผม ไม่อยากให้คุณไปล่ะ”
รามนรีอึดอัด
“ตอบไม่ได้ งั้นถามใหม่ คุณเป็นเด็กกำพร้า แล้วคุณยังมีญาติเหลืออยู่บ้างไหม”
“ก็ฉันเป็นเด็กกำพร้าจะไปรู้ได้ยังไง ถึงจะมีหรือไม่มี ก็ไม่เป็นไรเพราะฉันชินแล้ว แค่รู้ว่าคนที่เลี้ยงฉันมา เขาให้ความรัก และเมตตา ฉันก็พอใจแล้ว”
“คุณโชคดี ที่มีคนที่รักคุณมาก”
“แต่คุณโชคดีกว่าฉัน คุณมีพ่อแม่ มีคุณย่า ที่รักและห่วงใยคุณมาก จะมีสักกี่คนที่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทอง มีคนห้อมล้อมเอาใจ ไม่ต้องทำอะไรก็มีกิน ฉันเห็นคุณดูมีความสุขกับชีวิตจะตาย”
“แต่บางที เงินก็ซื้อความสุข ซื้อความอ้างว้างในใจผมไม่ได้”
“คุณเนี่ยนะอ้างว้าง ไม่มีความสุข ฉันเห็นคุณหัวเราะทั้งวัน เหมือนคนบ้า”
“มันก็แค่ภาพ ที่ผมสร้างมันขึ้นมาเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดี ทั้งๆ ที่ผมเป็นคนโหยหาความรัก ผมรู้ว่าพ่อกับแม่ต้องเดินทาง และแสวงหาทุกอย่างมาเพื่อผม”
“คุณก็รู้ดี แล้วทำไม่เข้าใจท่าน”
“แต่เขาไม่เคยรู้เลย ว่าผมนับวันรอให้พ่อกับแม่กลับมา รออ้อมกอดที่อบอุ่นจากเขา”
รามนรีอึ้ง มองหน้าภูมิ
“ตอนเด็ก เขาซื้อโทรศัพท์ให้ ผมเคยนอนกอดมันจนหลับไป เพราะรอให้เขาโทรมา แต่เขาก็ไม่รักษาสัญญา ผมไม่เคยอยากได้ทรัพย์สินเงินทองและของเล่นราคาแพง ที่เขาสรรหามาให้ แต่ก็ไม่เคยมีใครเข้าใจผมเลย”
ภูมิน้ำตารื้น รามนรีมองสงสาร กุมมือเขาไว้
“คุณภูมิ”
“ถ้าเป็นอย่างนี้ สู้ไม่มีพ่อแม่อย่างคุณไปเลยจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องคาดหวังอะไร”
“อย่าคิดมากสิคะ เกิดเป็นคน ก็มีปัญหาด้วยกันทั้งนั้นแหละค่ะ”
“แต่ปัญหาของผมเยอะ ไหนจะแฟน ไหนจะครอบครัว ที่ต่างคิดไปคนละทิศละทาง บอกตามตรง ว่าผมรู้สึกสับสน ไม่รู้จะเอายังไงดีกับชีวิต”
“คุณต้องถามตัวเอง ว่าคุณต้องการอะไร แล้วหาจุดหมาย ให้เจอ”
“ชีวิตผมไม่เคยมีจุดหมาย ผมต้องเดินตามทางที่พ่อกับแม่ขีดไว้ให้ และผมไม่ต้องการให้มันเป็นอย่างนั้น ผมกำลังจะต่อสู้กับมัน โดยมีคุณเป็นตัวช่วยที่ดี”
“ฉันยินดี และยังยืนยัน ว่าฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้คุณกับคุณเดือนฉายได้รักกัน”
“เฮ้อ นี่ผมพูดอะไรไป ดูสิทำคุณหน้าเครียดไปด้วยเลย มา ผมดึงหน้าให้จะได้ไม่เหี่ยว”
ภูมิเอามือจับหน้ารามนรี ดึงหน้าให้ตึง ก่อนหัวเราะร่าขำหน้าหญิงสาว
“นี่คุณ ทำบ้าอะไร เดี๋ยวฉันก็ยิ่งเหี่ยวไปใหญ่หรอก”
สองคนสบตายิ้มให้กัน
“ไป เรากลับบ้านกันเถอะ”

ภูมิยื่นมือไป รามนรียื่นมือไปจับมือชายหนุ่ม เดินจูงมือกันไป

เจ้าสาวเฉพาะกิจ ตอนที่ 8 (ต่อ)

วิรัชกับกองแก้ว ไปรับระพีกับศจีที่สนามบิน ก่อนพาไปกินข้าวที่ร้านอาหาร
 
จากนั้นพากลับมาบ้าน ระพี ถือกระเป๋าเสื้อผ้าให้ศจี
“พ่อให้น้าแก้ว จัดห้องไว้ให้หนูศจีแล้วนะลูก”
“ขอบพระคุณมากนะคะคุณพ่อ น้าแก้ว ก่อนจะมา หนูแอบหนักใจกลัวคุณพ่อจะไม่ปลื้ม แต่พอมาเจอตัวจริง คุณพ่อกับน้าแก้ว ใจดีกับหนูมาก”
“ก็บอกแล้ว ว่าคุณพ่อผมใจดี”
“ระพี เขาเป็นเด็กดี ไม่เคยทำอะไรให้พ่อหนักใจ พ่อมั่นใจ ว่าถ้าเขาจะเลือกใครมาเป็นคู่ชีวิต เขาต้องเลือกดีที่สุด แล้วหนูก็ดีจริงๆ”
“ขอบคุณมากนะคะคุณพ่อ ที่ให้เกียรติหนูขนาดนี้”
“เห็นอย่างนี้พ่อก็คงนอนตายตาหลับ มั่นใจว่าระพีกับหนูศจี จะดูแลน้อง ดูแลสมบัติที่พ่อกับแม่ ช่วยกันสร้างไว้ให้ ได้ตลอดรอดฝั่ง”
กองแก้วได้ยิน หน้าเสีย
“อย่าพูดอย่างนั้นสิครับพ่อ พ่อต้องอยู่กับเราไปอีกนาน”
“พ่อก็หวังอย่างนั้น แต่คนเรามันไม่มีอะไรแน่นอนนะลูก ใจจริงพ่ออยากให้แต่งไปเลย ไม่ต้องหมั้นเดี๋ยวมันจะช้า พ่ออยากจะได้หลานไวๆ”
กองแก้วฝืนยิ้ม หันไปแสร้งชื่นชม
“ใช่ค่ะ หนูศจีกับคุณระพี ก็เป็นคนดี มีลูกมีหลานให้คุณพ่อไวๆ เขาจะได้ชุ่มชื่นหัวใจขึ้นมาบ้าง น้าก็จะได้สบายใจขึ้น”
ศจีสบตาระพียิ้มเขิน
“ไปลูก มากันเหนื่อยๆ รีบพาหนูศจี ไปส่งที่ห้อง จะได้อาบน้ำอาบท่าพักผ่อนให้สบาย เรื่องอื่นค่อยมาคุยกันต่อพรุ่งนี้นะ”
“ครับพ่อ”
ระพีพาศจีเดินออกไป วิรัชยิ้มปลื้ม
“ทุกข์ใจเรื่องยัยหนูเล็ก แต่ก็ยังพอมีเรื่องให้ชื่นใจจากระพี”
กองแก้ว ฝืนยิ้มให้
“ดีแล้วล่ะค่ะ ฉันเห็นคุณมีความสุข ฉันก็ดีใจด้วย”
“คุณนี่น่ารักที่สุดเลย ไป เราก็ไปนอนกันเถอะ”
กองแก้วเซ็งมาก ฝืนใจเดินตามไป

คืนนั้น รามนรีนั่งคิดถึงเรื่องที่เธอคุยกับภูมิที่ริมน้ำตอนค่ำ เธอเผลอยิ้มเขิน ก่อนหุบยิ้ม สะบัดหน้าเรียกสติ
“หือ เป็นบ้าไปแล้วรึไง คิดอะไรไร้สาระ”
รามนรีลุกขึ้นเดินออกไป ภูมิถือแก้วนมสด เดินเข้ามา
“ว่าแล้ว ต้องยังไม่หลับ แล้วไปไหนมาเนี่ย”
“ก็มองท้องฟ้า แล้วก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย”
“โห โรแมนติกจัง อย่าบอกนะ ว่ามองท้องฟ้าเพราะคิดถึงผม”
“บ้า ใครจะไปคิดถึงคุณ แล้วลงมาทำไม ทำไมยังไม่นอนอีก”
“ก็ผมเป็นห่วงคุณ รู้ว่าวันนี้คุณเหนื่อย เลยเอานมสดมาให้ ดื่มหน่อยนะ จะได้แข็งแรง”
“ขอบใจ”
รามนรีรับแก้วนมไปดื่มจนหมด
“พอใจรึยัง”
ภูมิพยักหน้าให้
“นี่คุณ ช่วยอะไรผมหน่อยสิ”
“ช่วยอะไรอีกล่ะ”
“ช่วยทำบะหมี่ให้ผมกินหน่อย ตอนนี้ผมหิวมากๆๆ”
“ฉันว่าแล้ว คุณต้องมีแผน นี่ก็ดึกแล้วจะกินอะไรอีก”
“ก็ผมหิวมากนี่ นะ นะ ทำให้ผมกินหน่อยนะ”
“ก็ได้”
รามนรีถือแก้วนมเปล่า เดินไปบ่นไป
“เฮ้อ พวกชอบทำตัวเป็นลูกแหง เรื่องง่ายๆ ก็ยังทำไม่เป็น แล้วจะไปทำมาหากินอะไร”

ภูมิอมยิ้มมอง

กานกหวีดที่ตั้งบนเตาแก๊ส ส่งเสียงร้องเมื่อน้ำเดือดปุดๆ ภูมิตาโตมอง
 
“เฮ้ย มีเสียงร้องด้วย มีอย่างนี้ด้วยเหรอ”
“เขามีกันมาตั้งนานแล้วเฮีย มาดูนี่ ฉันจะต้มบะหมี่ให้คุณดู คราวหน้าคุณจะได้ทำเป็น และทำกินเองได้”
“คนใช้ออกเต็มบ้าน ไม่เห็นต้องทำเองเลย”
“แล้วถ้าคุณหิวตอนตี 2 จะไปเรียกเขามาทำให้หรือไง เขาก็คนนะไม่ใช่หุ่นยนต์ ดู”
ภูมิพยักหน้ามองดู รามนรีฉีกซอง เทเครื่องปรุง ใส่น้ำร้อน แล้วปิดฝาทิ้งไว้สักครู่ ก่อนเปิดฝาออก
“หือ หอมจัง”
“ให้หอมจังยังไง กินบ่อยไปก็ไม่ดี และที่สำคัญ คุณไม่ควรกินอาหารตอนกลางคืน”
“รับทราบครับผม แต่ตอนนี้ขอตามใจปากก่อนนะ”
ภูมิยืนกินบะหมี่สำเร็จรูปอย่างเอร็ดอร่อย กินไปพูดไป
“คุณนี่ดีจัง ทำอะไรเป็นตั้งหลายอย่าง”
“อยากทำเป็นก็ต้องหัดทำสิคะ ไม่มีใครทำอะไรเป็นมาตั้งแต่เกิดหรอกค่ะ”
“แต่ผมไม่ชอบทำอาหาร”
“แต่ชอบกิน”
ภูมิพยักหน้า กินต่อ จนสำลัก รามนรีรีบเอาน้ำมาให้ดื่ม ลูบหลังให้
“จะรีบกินไปไหน เดี๋ยวก็ติดคอตายกันพอดี”
ภูมิรู้สึกดี มองรามนรี
“ขอบคุณครับ”
“ตราบใด ที่คุณยังไม่ยอมทำอะไรด้วยตัวเอง แม้แต่เรื่องง่ายๆ อย่างนี้ คุณก็ต้องยืมจมูกคนอื่นเขาหายใจ ต้องจ้างเขาไปตลอดชีวิตล่ะค่ะ คุณผู้ชายไฮโซ”
“ก็ผมจ้างคุณอยู่นี่ไง และจะจ้างไปตลอดชีวิตด้วย”
รามนรีใจสั่น รีบกลบเกลื่อน
“อย่าพูดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้ หมดธุระแล้ว ฉันจะไปนอน”
รามนรีรีบเดินออกไป ภูมิอมยิ้ม

คืนนั้น รามนรีนอนบนโซฟา เอาผ้าห่มคลุมโปง แกล้งหลับ ภูมิเดินเข้ามายืนมอง เอามือเขี่ย
“คุณ คุณ ผมรู้นะว่าคุณแกล้งหลับ ลุกมาคุยกับผมต่ออีกหน่อยสิ”
“อ๊าย ไม่เอา ไม่คุยแล้ว ฉันจะนอน”
“แต่ผมอยากคุยกับคุณ เรื่องคุณเดือน”
รามนรีทะลึ่งพรวดลุกขึ้นมานั่ง มองหน้าภูมิ
“หา ทำไม คุณเดือนเป็นอะไร มีอะไรเหรอ”
“เปล่า ผมก็แค่มาคิดๆ ดู ว่าจะทำยังไง ถึงจะทำตัวให้เป็นสามีที่ดีของเดือนเขาได้”
“อืม คิดดี เริ่มมาถูกทางแล้ว”
“แล้วผมก็มีไอเดียมานำเสนอคุณ ในฐานะผู้ช่วย”
“ก็ว่ามาสิ”
“เรามาซ้อมเป็นสามีภรรยากัน ให้มันเสมือนจริงได้ไหม”
“ที่เป็นอยู่นี่ยังไม่พอใจรึไง”
“ยัง เพราะมันยังไม่สมจริง เราทำแค่ต่อหน้าคนอื่น ผมอยากจะให้คุณสอนการเป็นสามีและภรรยาที่ดี ผมเคยเห็นคู่สามีภรรยาในทีวี มันดูน่ารักดีออก”
“อ๊าย คิดอะไรบ้าๆ อีกแล้วนะ”
“อ้าว เมื่อกี้ยังบอกผมคิดดีอยู่เลย”
“แต่ฉันเป็นผู้หญิงฉันเสียหาย และที่สำคัญฉันยังไม่เคยมีสามี”
“เราก็ลองมาเรียนรู้ไปด้วยกัน มันไม่เห็นจะเสียหายตรงไหนเลย กลับเป็นผลดี ที่คุณจะเอาไปใช้กับสามีในอนาคตของคุณ แล้วผมก็ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยไปจากเรื่องภารกิจของการเป็นสามีภรรยาที่ดี ไม่มีเรื่องบนเตียงมาเกี่ยวข้องเลยจริงๆ”
“คุณนี่เยอะพอๆ กับคุณย่าเลย แต่หนักกว่าตรงที่คุณขอบคิดอะไรแผลงๆ”
“แผลงยังไง ผมตั้งใจทำเพื่อเดือนฉาย ผมอยากอยู่กับเขาให้ยืนยาว ไปตลอดชีวิต”
รามนรีครุ่นคิดสักครู่ ก่อนถอนใจ
“ได้”
ภูมิยิ้มดีใจมาก
“แต่คุณต้องปฏิบัติตามคำสั่งฉันอย่างเคร่งครัด”
“ได้ครับได้ และคุณ ก็ต้องไม่ถือว่าผมผิดสัญญาห้าข้อกับคุณนะ”
“ก็ได้ แต่ฉันจะถือว่านี่คือสัญญาเพิ่มเติม ที่เราต้องให้คนกลางอย่างคุณไผท รับรู้ไว้ด้วย และที่สำคัญ อย่ามาขอให้ฉันไปนอนร่วมห้องกับคุณ เพราะฉันจะนอนที่นี่”
“ด้วยความยินดี แล้วเราจะไปพบไผทด้วยกัน ขอบคุณนะที่ทำเพื่อผม”
“ฉันทำเพื่อคุณเดือนฉาย ไม่ได้ทำเพื่อคุณ”
“ผมไม่เข้าใจ ว่าทำไมคุณดูจงรักภักดีกับเดือนฉายมากมายเหลือเกิน ทั้งๆ ที่คุณกับเขาก็ไม่เคยรู้จักกันเลย เอ๊ะ หรือว่ารู้จัก”
“เฮ้ย เปล่าเลยเปล่า ฉันจะไปรู้จักเขาได้ยังไง ไฮโซขนาดนั้น คุณอย่านอกเรื่อง เอาเป็นว่าฉันจะยอม ว่าแต่คุณอย่านอกบทบ่อยก็แล้วกัน ไม่งั้น โดน”

ภูมิยื่นมือไปจับมือกับรามนรี

ตอนเช้า ศจียิ้มสดใส ยืนมองลำคลองใสสะอาด ก่อนหยิบมือถือมาถ่ายภาพธรรมชาติ ระพีเดินเข้ามา
 
“ผมตามหาตั้งนานที่แท้ก็มาอยู่ที่นี่เอง แล้วถ่ายภาพอะไรเหรอ”
“ก็ภาพธรรมชาติของที่นี่ ศจีจะเอาไปอวดแม่น่ะค่ะ ที่นี่น่าอยู่มากๆ เลย”
“อีกไม่นานเราก็จะหมั้นจะแต่งงานกันแล้ว ถ้าคุณชอบ ก็มาอยู่ที่นี่ได้เลยนี่ครับ”
“คงต้องเอาภาพนี้ ไปบิ๊วกับแม่อีกที”
“งั้นเราก็ชวนคุณแม่ มาอยู่ด้วยเลยสิ ศจีจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงท่าน”
“ก็แอบหวังอย่างนั้น ขอบคุณมากนะคะพี ที่ดีกับศจีมาตลอด”
“ถ้าผมทำไม่ดีกับว่าที่แม่ของลูก แล้วผมจะดีกับใครได้อีก เราไปกินข้าวกันเถอะ เดี๋ยวพ่อกับน้าแก้วจะรอนาน”
“ค่ะ”
ศจีมองระพี ยิ้มปลื้ม

บุญปลูก เภา นิด ทยอยลำเลียงอาหารเช้ามาวางที่โต๊ะ ย่าเดินเข้ามานั่งที่หัวโต๊ะ รามนรีจัดอาหารให้ย่า ภูมิเดินอารมณ์ดีเข้ามาหอมแก้มรามนรี เธอตกใจหน้าเหวอ หันไปมองทุกคนที่มองมา
“เหนื่อยมั้ยที่รัก”
ย่ายิ้มร่าพอใจ พยักเพยิดให้ภูมิ
“คุณย่าครับ เรากำลังจะเรียนรู้การเป็นสามีภรรยาที่ดี”
“ดีมากเลยลูก การหอมแก้มกัน เป็นการตอกย้ำความรักความผูกพันที่ดี แต่ภรรยาก็ต้องหอมกลับสามีด้วยนะจ๊ะ ไม่อยากจะเม้าท์ ว่าปู่กับย่าทำมาก่อนแล้ว”
“จริงเหรอครับคุณย่า”
“ย่าจะโกหกไปทำไม เรื่องของความรัก ไม่ว่าจะสมัยไหน มันก็ไม่ได้ต่างกันนักหรอก”
“งั้นเราต้องเชื่อคุณย่า”
ภูมิยื่นหน้าให้รามนรี รามนรียิ้มแหย จำใจหอมแก้มภูมิ ทุกคนมองชื่นมื่น ปรบมือ
“เสียดายพี่หวินไม่อยู่ จะได้เอาอย่างเขามั่ง”
เภาบ่น ถวิลเดินเข้ามาพอดี
“นั่นไง เจ้าหวินมันมาพอดีเลย”
เภาวิ่งเข้าไปหอมแก้มโชว์ ถวิลหน้าเหรอ
“อะไรวะเนี่ย”
ทุกคนหัวเราะร่า นิดทำหน้ายี้ใส่ รามนรีกับภูมิยิ้มสดใสให้กัน
“เฮ้อ วันนี้ได้จูจุ๊บจากภรรยา ต้องโชคดีทั้งวันแน่ๆ เลยครับคุณย่า ไปครับ ไปกินข้าวด้วยกันนะ”
ภูมิต้อนรามนรีไปนั่งข้างย่า ทุกคนกินข้าวกันอย่างมีความสุข

ที่โต๊ะอาหารบ้านวิรัช มีอาหารใต้สีสันจัดจ้านวางเต็มโต๊ะ
“จะมาเป็นสะใภ้คนใต้ ลองชิมอาหารใต้ดูสิ ว่ากินได้ไหม”
“ได้สิคะคุณพ่อ หนูชอบแกงไตปลา กับคั่วกลิ้ง ที่สุดเลยค่ะ”
“ผมสอนให้เขาหัดกินมาตั้งแต่คบกันแล้วล่ะครับพ่อ”
“แสดงว่า น้าเดาใจหนูศจีได้ถูก ก็เลยจัดอาหารมาให้”
“ขอบคุณมากค่ะน้าแก้ว”
“นี่แสดงว่า เป็นเนื้อคู่กันจริงๆ เพราะระพี ก็ชอบสองอย่างนี้มากที่สุดเหมือนกัน เอ้ากินไปคุยไป ดีกว่านะ แล้วนี่หนูศจี ทำงานอะไรอยู่เหรอลูก”
“หนูเป็นออดิเตอร์ ทำพวกตรวจสอบบัญชีให้บริษัทต่างๆ อยู่ค่ะ”
“อืมดีจัง”
“ผมกะว่า ถ้าเราแต่งงานกัน ผมจะให้ศจีมาตรวจสอบบัญชีที่รีสอร์ท และวางระบบบัญชีใหม่ จะได้ตรวจสอบได้ง่ายขึ้น ดีไหมครับพ่อ”
กองแก้วหน้าเหรอช้อนหลุดมือกระทบจานเสียงดัง ทุกคนหันไปมองเป็นตาเดียว
“อุ้ย ขอโทษค่ะ ขอโทษ”
“เป็นอะไรรึเปล่าคะน้าแก้ว”
“เปล่าค่ะเปล่า แค่ช้อนมันหลุดมือน่ะค่ะ”
“อืม ที่ระพีพูดเมื่อกี้เรื่องบัญชี พ่อว่าดีนะ ต่อไปน้าแก้วเขาจะได้ไม่ต้องเหนื่อย ไปตรวจยอดบัญชีบ่อยๆ เราใช้ไฮเทคให้เกิดประโยชน์สูงสุด”
“ครับพ่อ เรื่องนี้ศจีเขาถนัดอยู่แล้วครับ”
“ได้เลยค่ะ เดี๋ยวศจีช่วยทำให้นะคะ”

วิรัช ยิ้มอารมณ์ดี กองแก้วหน้าเครียด

ย่ากินข้าวเสร็จ รามนรีประคองพามานั่งที่เก้าอี้มุมโปรด บุญปลูกจัดยาหลังอาหารอยู่ใกล้ๆ
 
“เดี๋ยวแม่เดือนช่วยไปหาหนังสือพิมพ์มาอ่านให้ย่าฟังหน่อยสิ”
“ได้ค่ะ แต่คุณย่าต้องสัญญา ว่าจะทานยาหลังอาหารก่อนนะคะ เพราะหนูรู้มาว่า เมื่อวานคุณย่าไม่ยอมทานยา วันนี้ยังไงก็ต้องทานค่ะ”
ย่าเซ็ง มองบุญปลูก
“ปากมากไม่เบานะแม่ปลูก”
“ขอโทษค่ะ ก็ปลูกเป็นห่วงคุณท่านนี่คะ”
“อย่าไปดุน้าปลูกแกเลยค่ะ ที่แกทำเพราะว่าแกหวังดีกับคุณย่าจริงๆ นะคะ”
“ก็ย่าหายดีแล้ว ไม่ต้องกินยาก็ได้นี่นา”
“แต่โรคหัวใจ ไม่ใช่โรคที่จะรักษาหายได้ง่ายๆ นะคะ วันดีคืนดีอาจจะกำเริบขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ คุณย่าต้องทานยา จะได้อยู่กับลูกหลานไปนานๆ”
“โอ๊ย อยู่กับเจ้าภูมิน่ะเหรอ คงจะไม่ไหว ย่าเบื่อขี้หน้ามันเต็มทน ไอ้หลานจอมกะล่อนคนนี้น่ะ แต่ย่า อยากอยู่กับเหลนมากกว่า ทำให้ย่าไวๆ นะ”
รามนรีก้มหน้าอายๆ รีบยื่นยาให้ ย่ารีบกินยาอย่างว่าง่าย
“งั้นหนูขออนุญาตไปเอาหนังสือพิมพ์มาอ่านให้ฟังดีกว่านะคะ”
“อ้าว คุยกันเรื่องเหลนอยู่ดีๆ จะรีบไปไหนล่ะคะ เรื่องนี้สำคัญนะ อย่าหันหัวเรือไปเรื่องอื่นสิคะคุณเดือน เพราะปลูกก็รอ พอๆ กับคุณท่านนั่นแหละค่ะ”
รามนรียิ้มแหย ย่ากับบุญปลูกขำๆ แกล้งแซวรามนรีต่อ
“ที่ย่ายอมกินยา ก็เพราะอยากจะอยู่กับเหลนย่าทวดไปนานๆ อย่าลืมล่ะ”
รามนรียิ่งเขินใหญ่ รีบเดินออกไป

กองแก้วยืนอยู่ริมถนนหน้าบ้าน ชะโงกมองด้วยความร้อนใจ รถเกริกเกียรติแล่นเข้ามาจอด เขาลงมายืนคุยกับกองแก้ว
“มีอะไรด่วนเหรอครับพี่ อีกไม่กี่วันเราก็ได้เจอกันอยู่แล้วนี่ให้ผมมาทำไม”
“เจอบ้าอะไร ขืนชักช้า อาจจะต้องไปเจอกันในคุกน่ะสิ”
“ขนาดนั้นเลยเหรอ งั้นเราไปหาที่คุยกัน”
“คุยกันตรงนี้แหละ วันนี้ฉันไปไหนไม่ได้ ไม่งั้นเขาจะสงสัยเอา”
“มีอะไรคอขาดบาดตายขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
“เธอรีบไปทำลายหลักฐานที่เรายักยอกเงินรีสอร์ทไปใช้ให้หมด ให้เร็ว เพราะอีกไม่นาน เขากำลังจะให้ลูกสะใภ้ที่เป็นผู้ตรวจสอบมาดูบัญชีให้”
“โธ่เอ๊ย นึกว่าอะไร แน่จริงก็จับผมให้ได้ มันจะเก่งสักแค่ไหนเชียว”
“แต่ฉันกลัวนี่”
“พี่จะกลัวทำไม ก็บอกแล้วไง ผมเป็นคนทำบัญชี ผมกันไว้หมดแล้ว ว่าแต่เขาจะมาเมื่อไหร่”
“ยังไม่รู้ อาจจะสองสามเดือนนี้ หรืออีกเป็นปีก็ได้”
“โห ทำเป็นกระต่ายตื่นตูมไปได้ เอาเป็นว่าพี่ไม่ต้องกลัว เกิดอะไรผมจะรับผิดชอบ จะปกป้องพี่เอง”
“จริงนะ เธอไม่โกหกพี่นะ”
“ผมรักพี่ขนาดนี้ จะโกหกพี่ทำไม นับจากนี้เราต้องรีบตักตวงเอาทุกอย่างมาเป็นของเราให้มากที่สุด”
“จะทำอะไรก็รีบทำ รีบไปคิดมา แล้วค่อยคุยกัน พี่ต้องรีบไปก่อนนะ”
กองแก้วรีบวิ่งเข้าบ้านไป เกริกเกียรติยิ้มเจ้าเล่ห์

ย่ากับบุญปลูกนั่งอยู่ รามนรีถือหนังสือพิมพ์เดินกลับเข้ามานั่งลงข้างๆ
“จะให้อ่านข่าวอะไรก่อนดีคะคุณย่า”
“เช้าๆ ก็ต้องข่าวบันเทิงสิ”
“ทันสมัยไม่เบาเลยนะคะคุณย่า ไม่ยอมตกเทรนด์เลย”
“ก็แหงสิจ๊ะ เข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตาม เดี๋ยวคุยกับคนใช้ไม่รู้เรื่องเพราะวันๆ ย่าเห็นมันคุยกันแต่เรื่องละคร เรื่องดารา ว่าใครรักกับใคร เลิกกับใคร”
“คุณเดือนไม่รู้อะไร เดี๋ยวนี้คุณท่านรู้เรื่องดารามากกว่าพวกเราอีก”
รามนรีอมยิ้ม ก่อนเปิดหนังสือพิมพ์ จะพลิกไปที่หน้าบันเทิง แต่เจอข่าวรูปตัวเองที่ลงโฆษณาหราอยู่ เธออึ้งมองตกใจ รีบปิดหนังสือ
“เอ่อ คุณย่าคะ คือ คือ หนูรู้สึกปวดท้องมาก หนูขอไปเข้าห้องน้ำแป็บนึงนะคะ”
รามนรีลุกขึ้นถือหนังสือพิมพ์ไปด้วย
“อ้าว แล้วจะเอาหนังสือพิมพ์ไปทำไม”
“เอาไว้ให้ปลูกอ่านแทนก็ได้ค่ะ คุณเดือนไปทำธุระเถอะนะคะ”
“เอ่อ แต่หนูรู้สึกดีขึ้นแล้ว ไม่ต้องไปแล้ว งั้นอ่านเลยนะคะ”
ย่าหันไปสบตากับบุญปลูก มองรามนรีแปลกๆ รามนรีอ่านข่าว แต่พอย่ากับบุญปลูกเผลอ ก็แอบฉีกหน้าที่มีข่าวตัวเอง ขยำกำไว้ในมือ ย่าเหลือบไปเห็น
“อ้าว แม่เดือน ฉีกหนังสือพิมพ์ทำไม”
รามนรีสะดุ้งตกใจ
“อ๋อ หนูกะว่าจะเอาไปเช็ดกระจกน่ะค่ะ”
“ก็ไปเอาหนังสือพิมพ์เก่าสิ ของวันนี้ยังอ่านไม่ได้อ่านกันเลยนี่นา”
“เอ่อ คือหนูไม่รู้ว่าหนังสือพิมพ์เก่าอยู่ที่ไหน ก็เลยรีบฉีกไปหน่อย ขอโทษทีนะคะ”
“ไม่รู้ แล้วทำไมไม่ถามแม่ปลูกล่ะจ๊ะ”
“จะเอาเลยไหมคะคุณเดือน เดี๋ยวปลูกจะไปเอาที่ห้องเก็บของมาให้ มีเยอะเลย”
“ไม่เป็นไรค่ะ รู้ที่แล้ว เดี๋ยวหนูไปเอาเองก็ได้ ต้องขอโทษจริงๆ นะคะ เพราะหนูเห็นหน้านี้เป็นหน้าโฆษณา คิดว่าคงไม่มีใครสนใจอ่าน ก็เลยจะฉีกไปใช้งานแค่นั้นค่ะ”
“อืม ไม่ต้องซีเรียส ย่าเข้าใจ”

รามนรีเป่าปากโล่งอก รีบยัดหนังสือพิมพ์ใส่กระเป๋ากางเกงตัวเอง แล้วอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ
 
จบตอนที่ 8 
กำลังโหลดความคิดเห็น