ลุ้นรักข้ามรั้ว ตอนที่ 22
ขณะที่เฮงกำลังจัดของอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์ มิลค์ที่กำลังช่วยกันจัดโต๊ะอยู่กับจาง ก็หันมาถาม
“เฮียคะ ถ้ามิลค์มาอยู่ที่นี่แล้ว มิลค์ขอเอาแมวมาเลี้ยงได้มั้ย”
เฮงพยักหน้าหงึก “ได้สิ”
จางถามแทรกขึ้นมาทันที “คุณมิลค์ชอบแมวเหรอครับ”
“ใช่ แมวมิลค์เป็นแมวเปอร์เซีย ขนฟูน่ารักฝุดๆ เลยล่ะ”
จางหน้าจ๋อย “ผมก็ชอบแมวเหมือนกันครับ แต่เสียดายที่พ่อไม่ชอบ ผมก็เลยอด”
“เหรอ ถ้าให้เดาพ่อจางต้องชอบหมาแน่ๆ”
จางยิ้มรับ “เดาแม่นแบบนี้ ผมหุ้นซื้อล็อตเตอรี่สักชุดสิครับ”
“จัดไป”
เฮงหันมาถามบ้าง “ ลื้อชอบแมว พ่อลื้อชอบหมา แล้วแบบนี้ แม่ลื้อชอบอะไรวะ”
“ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่เท่าที่จำได้ พ่อบอกว่าแม่ชอบแรดน่ะครับเฮีย”
เฮงกับมิลค์หันขวับมอง จางพูดต่อหน้าตาเฉย
“แต่ผมก็งงอยู่นะ เพราะแรดมันสัตว์สงวน แม่จะเลี้ยงได้ไง”
“อืมม แล้วแต่พ่อกับแม่ลื้อแล้วกัน เรื่องครอบครัวคนอื่น อั๊วไม่อยากก้าวก่าย”
เฮงพูดจบ ตี๋เล็กก็เดินหน้าเครียดเข้ามา พร้อมกับจดหมาย
“เตี่ย”
“มีอะไรเหรอ” เฮงหันมาถาม
“จดหมายจากบริษัทกฎหมายน่ะเตี่ย”
เฮงรับจดหมายมาเปิดอ่าน จังหวะเดียวกับที่ตี๋ใหญ่เดินเข้ามาพร้อมกับหมวยเล็ก
“มีอะไรตี๋เล็ก”
ตี๋เล็กหน้าเจื่อนๆ “จดหมายจากบริษัทกฎหมายน่ะเฮีย”
เฮงอ่านจดหมายแล้วถึงกับทรุดจะเป็นลม ลูกๆ ต้องช่วยกันประคองเอาไว้
“เตี่ย”
หมวยเล็กร้องอย่างตกใจ ตี๋ใหญ่รีบถามทันที
“มีอะไรเหรอเตี่ย”
“เตี่ยไปค้ำประกันให้เพื่อนซื้อรถเอาไว้ แล้วตอนนี้เพื่อนเตี่ยมันขาดส่งจนเค้าจะตามยึดรถแล้วน่ะสิ”
“อ้าว แล้วถ้าเพื่อนเตี่ยชิ่งไม่ยอมรับผิดชอบล่ะครับ”
ตี๋เล็กย้อนถาม ตี๋ใหญ่ชิงตอบแทน
“เตี่ยก็ต้องรับผิดชอบหนี้ก้อนนี้ทั้งหมดน่ะสิ”
เฮงตาโต ตกใจ “ไอ้หยา อั๊วจะทำยังไงดีวะเนี่ย”
“ทำใจดีๆไว้นะคะเฮีย มิลค์อยู่ตรงนี้ จะไม่ทิ้งเฮียไปไหนค่ะ”
มิลค์พยายามปลอบเฮงไม่ให้เครียด ตี๋ใหญ่กับตี๋เล็กแอบสบตากัน ก่อนที่จะทำเนียนพูดปลอบเตี่ย เพื่อไม่ให้มิลค์รู้ตัว
“อ่ะนี่ ห้าหมื่น นับดูก่อนนะ”
เสี่ยชาญพูดพร้อมกับยื่นซองน้ำตาลให้เฮง ที่นั่งอยู่ข้างๆ มิลค์
“ไม่ต้องนับหรอก อั๊วเชื่อใจลื้อ ขอบใจลื้อมากนะ”
“แล้วห้าหมื่นจะพอเหรอ”
เฮงหน้าเครียด “ถ้าไม่มีเรื่องอะไรเข้ามาอีก ก็น่าจะพอแหละ แต่ถ้าไม่พอยังไง อั๊วจะให้ลื้อช่วยอีก
แล้วกัน”
เสี่ยชาญรีบพูดกัน “เฮ้ย อั๊วให้ยืมเต็มที่ได้แค่ห้าหมื่นนี่เท่านั้นนะ ถ้าไม่พอ ลื้อต้องไปให้คนอื่นช่วย
แล้วล่ะ”
“อั๊วไม่เหลือใครแล้ว ก็มีแต่ลื้อนี่แหละ”
เสี่ยชาญมองไปทางมิลค์ “ก็เมียลื้อนี่ไง ไหนจะครอบครัวอีอีกล่ะ เป็นทองแผ่นเดียวกันแล้ว ก็ช่วยๆ กันสิ”
มิลค์รีบบอก “เอ่อ มิลค์โตมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าค่ะเสี่ย ส่วนเงินเก็บมิลค์ก็พอมีอยู่บ้าง แต่ก็คงช่วยอะไรเฮียไม่ได้มาก”
จังหวะนั้นแก้วกัลยากับฮันนี่ ที่ไปจ่ายตลาดเดินผ่านมา พอเห็นเฮงก็หยุดทักทาย
“ไงคะ ได้ข่าวว่าช่วงนี้ขาขึ้นหรา”
ฮันนี่รีบรับมุก “ขาขึ้นอะไรคะบอส ฮันนี่ได้ข่าวว่าร้านเฮงเฮงเหลากำลังจะเจ๊งแหล่ไม่เจ๊งแหล่
อยู่แล้วนะคะ”
“ก็ขาขึ้นมาก่ายบนหน้าผากไงล่ะจ๊ะ ฮันนี่จ๋า”
“โห ขาขึ้นมาก่ายบนหน้าผาก แสดงว่าเครียดฝุดๆ เลยนะคะบอส”
เฮงหันไปตวาดเสียงดัง “เฮ้ย ถ้าอยากลับฝีปากเอาไว้วันหลัง ตอนนี้อั๊วไม่ว่าง”
แก้วกัลยายิ้มเยาะ “เซ้งร้านมั้ยล่ะ เดี๋ยวฉันจะช่วยเซ้งต่อเอง”
“ไม่เซ้งโว้ย ไปไหนก็ไปเลยไป อย่ามาทำอั๊วเสียเวลา”
“อะเคร ถ้าไม่ไหวก็บอกแล้วกันนะ เดี๋ยวฉันจะช่วยสงเคราะห์ เอ้ย..ช่วยเซ้งร้านต่อให้”
แก้วกัลยาพูดจบก็เดินนำฮันนี่ออกไปด้วยสีหน้าร่าเริง ขณะที่เฮงก็ตีบทเครียดไป
“ทำใจดีๆไว้นะคะเฮีย”
มิลค์ยิ้มปลอบใจเฮง ไม่ทันสังเกตว่าเสี่ยชาญแอบดูปฏิกิริยาอยู่
หญิงใหญ่กับหญิงเล็กช่วยกันจัดร้านอยู่ ก่อนที่ชายเล็กจะเดินออกมาช่วย
“วันนี้ไม่มีเดทเหรอคะคุณน้อง” หญิงใหญ่หันมาถามล้อๆ
“แหม เจอหน้าก็แซวเลยนะคุณพี่”
หญิงเล็กรับลูกต่อ “ช่วยไม่ได้ อยากมีแผลให้สะกิดเล่นเองนี่คะคุณน้อง”
“อ่ะจ้า อย่าเผลอมีแผลบ้างแล้วกัน เดี๋ยวจะสะกิดเช้าสะกิดเย็นเลย”
“เล่นกับพี่น่ะไม่ง่ายนะไอ้น้อง”
หญิงใหญ่หันไปพยักเพยิดกับน้องสาว “ใช่ เห็นสวยๆ กันอย่างนี้อะนะ”
หญิงเล็กทำท่าแอ็คสวย หญิงใหญ่พูดต่อ
“ก็ไม่มีใครมาแลนะจะบอกให้”
หญิงเล็กทรุด “นี่ชมหรือด่ากันเองเนี่ย”
“เออว่ะ เหมือนด่าตัวเองไงไม่รู้เนอะ”
ชายเล็กหัวเราะขำ “พี่ๆ ครับ น้องอยากจะเตือนด้วยความหวังดีนะ”
2 หญิงหันมาถามพร้อมกัน “ว่า?”
“เป็นผู้หญิงอย่าจีบยาก เพราะกระเทยสวยมาก แถมจีบไม่ยากอีกต่างหาก”
หญิงใหญ่กับหญิงเล็กหน้าเจื่อน จังหวะนั้นอัครเดชเดินเข้ามาพร้อมกับขนมถุงใหญ่
“กุด มอร์นิ่งครับวัยรุ่น”
ชายเล็กแอบเบ้ปาก “นั่น เนื้องอกพี่หญิงใหญ่มาล่ะ”
หญิงใหญ่รีบพูดแก้ “เนื้อคู่”
อัครเดชยิ้มร่า “หะ นี่คุณแก้วเห็นผมเป็นเนื้อคู่แล้วเหรอครับ”
หญิงใหญ่อึกอัก “เอ่อ แก้วแก้มุกกับน้องเล่นเฉยๆ น่ะค่ะ”
“ไม่ต้องมาเฉไฉแก้เขินหรอกครับ นี่ครับ ผมซื้อขนมมาฝากเยอะแยะเลย”
หญิงเล็กรีบเสนอหน้าขึ้นมาทันที “อุ๊ย เกรงใจจัง ไหนดูซิคะว่ามีอะไรบ้าง”
อัครเดชยื่นถุงขนมให้หญิงเล็กกับชายเล็กเลือกดู ส่วนหญิงใหญ่เดินปลีกตัวออกมาโทรศัพท์
“ณี แกอยู่ไหนอ่ะ มาหาฉันที่บ้านหน่อยสิ เออๆ มาเร็วนะ”
อัครเดชออกมาช่วยยืนเรียกลูกค้าอยู่หน้าบ้านแก้วกัลยากับบ้านเฮง
“เชิญเลยครับ โปรโมชั่นวันนี้ สั่งอาหารครบหนึ่งร้อยบาท รีฟิลน้ำมะตูมฟรีไม่อั้นไปเลยครับ”
เฮงที่เดินกลับบ้านมาพร้อมกับมิลค์ เห็นอัครเดชก็เครียดขึ้นมาอีก
“เฮ้ย นี่ลื้ออีกแล้วเหรอ”
มิลค์ทำหน้างง “ใครเหรอคะเฮีย”
“เพื่อนลูกสาวบ้านโน้นน่ะ ไอ้นี่มาที่นี่ทีไร บ้านเฮียมีเรื่องทุกที”
อัครเดชยิ้มแห้งๆ “แหม เฮียก็ชมผมเกินไป”
“อั๊วไม่ได้ชม อั๊วด่า”
“ที่ผ่านมามันเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่าครับ ถ้าไม่เชื่อดูวันนี้ก็ได้ ถ้าเฮียไม่มีเรื่อง แสดงว่าผมไม่ใช่ตัวซวย”
ขาดคำ ชายฉกรรจ์ 2 คน ก็ขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาจอด อัครเดชรีบผายมือเชิญชวน
“ทานข้าวมั้ยครับ โปรโมชั่นวันนี้ สั่งอาหารครบหนึ่งร้อยบาท รีฟิลน้ำมะตูมฟรีไม่อั้นนะครับ”
สิ้นเสียง ชายคนแรกก็ชักปืนออกมา “ไอ้ตี๋เล็กอยู่ไหน”
อัครเดชหน้าซีด “เรื่องนี้เดชจะไม่ยุ่ง”
ว่าแล้วก็รีบเดินกลับเข้าบ้านแก้วกัลยาไปทันที
“มีเรื่องอะไรกับลูกอั๊ว” เฮงปราดเข้ามาถาม
“ลูกเฮียเล่นบอลเสียแล้วไม่จ่าย”
เฮงโวยวายลั่น “เฮ้ย ลูกอั๊วไม่เคยเล่นการพนัน ลื้ออย่ามาซี๊ซั้วต่า”
“เฮียไม่เชื่อก็เรียกลูกเฮียออกมาเคลียร์สิ เฮ้ย ไอ้ตี๋เล็ก ออกมาเคลียร์กันหน่อยซิ”
ตี๋ใหญ่กับตี๋เล็กวิ่งออกมาจากบ้าน พร้อมๆ กับหญิงใหญ่ หญิงเล็ก แก้วกัลยาและอัครเดช
“มีเรื่องอะไรกันครับ” ตี๋ใหญ่ถามอย่างร้อนรน
“น้องคุณเล่นบอลเสียแล้วไม่ยอมจ่าย”
หญิงเล็กทำท่าตกใจ “อุ๊ยตาย เป็นผีทะเลไม่พอ เป็นผีพนันอีกเหรอเนี่ย”
แก้วกัลยาเบะปาก “เนี่ย เค้าว่าโจรขึ้นบ้านยังเหลือบ้าน ไฟไหม้บ้านยังเหลือที่ แต่เล่นการพนัน
จะไม่เหลืออะไรเลย”
เฮงหันขวับไปทันที “ พวกลื้อไม่เกี่ยวอย่าเผือก”
ตี๋เล็กหน้าจ๋อย “ตอนนี้ผมยังไม่มีจริงๆ พี่ ไว้มีเมื่อไหร่ ผมจะรีบเอาไปให้เลย”
“เฮ้ย ไม่มีกำหนดเวลาคืนแบบนี้ พี่จะไปคุยกับเฮียเค้ายังไงวะ”
ตี๋ใหญ่รีบช่วยพูด “เอาอย่างนี้แล้วกันครับ เดี๋ยวผมจะรวบรวมเงินใช้หนี้แทนน้องผมเอง” พูดพลางหยิบนามบัตรส่งให้ “นี่นามบัตรผมครับ เดี๋ยวเย็นๆ พี่โทร. มาบอกเลขที่บัญชีผมแล้วกัน”
“เออ แบบนี้ค่อยคุยกันรู้เรื่องหน่อย ไปเว้ย กลับ”
2 ชายฉกรรจ์รีบขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป
เฮงหันมาทางลูกชายคนรอง “ตี๋เล็ก เข้าไปเคลียร์กันในบ้าน”
จากนั้นก็เดินนำตี๋ใหญ่ ตี๋เล็ก พร้อมด้วยมิลค์เข้าบ้านไป พร้อมๆ กับฝั่งแก้วกัลยา หญิงใหญ่และหญิงเล็กก็พากันเดินเข้าบ้านตัวเอง โดยที่อัครเดชไม่ทันเห็น
“โอ้โห อยู่ๆ บ้านผู้ช่วยทำไมถึงได้ตกต่ำดำดิ่งได้ขนาดเนี่ย อย่าว่านะแก้ว ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน ชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันต่อไปเนอะ” พอหันไปไม่เจอใคร ก็ทำหน้าเหรอหรา
“อ้าว ไปไหนกันหมดเนี่ย”
ว่าแล้วก็รีบวิ่งเข้าบ้านแก้วกัลยาไปอีกคน
เฮงตวาดใส่ตี๋เล็กด้วยอารมณ์โกรธปนเสียใจอย่างที่สุด
“ลื้อทำแบบนี้ทำไม”
ตี๋เล็กก้มหน้าสำนำนึกผิด “ก็ตอนนี้บ้านเรากำลังแย่ อั๊วก็อยากหาเงินมาช่วยน่ะ”
“ด้วยการพนันเนี่ยนะ” เฮงตวาดซ้ำ
ตี๋ใหญ่รีบช่วยพูด “เอาน่ะเตี่ย เรื่องมันเกิดไปแล้ว โกรธไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก”
มิลค์พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ค่ะเฮีย เครียดมากๆ เดี๋ยวเฮียเจ็บป่วยไปอีกคน มันจะยุ่งไปใหญ่นะคะ”
เฮงหน้าเครียดหนัก “โอ๊ย นี่อั๊วจะเจอเรื่องอะไรแย่ๆ อีกมั้ยเนี่ย”
ขาดคำ จางก็ประคองหมวยเล็กที่ใส่เฝือกเดินเข้ามา
“เฮียครับ”
“มีอะไรอีกวะ” เฮงหันไปถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
ทุกคนหันไป พอเจอหมวยเล็กก็ตกใจ
“เกิดอะไรขึ้นน่ะหมวยเล็ก” ตี๋ใหญ่ถามอย่างเป็นห่วง
“มอเตอร์ไซค์ล้มน่ะเฮีย”
ตี๋เล็กถามต่อ “ มอเตอร์ไซค์ที่ไหน แล้วใครพาลื้อไปล้ม”
“ไม่มีใครพาไปล้มหรอกเฮีย หมวยลองขี่มอเตอร์ไซค์เพื่อนแล้วล้มเองน่ะ”
“มอเตอร์ไซค์อะไร ทำไมถึงได้แขนหักมาแบบนี้”
เฮงคาดคั้นถาม หมวยเล็กอึกอัก
“มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์น่ะเตี่ย”
จางทำตาโต “โห คันละเท่าไหร่ครับคุณหมวยเล็ก”
“เจ็ดแสนกว่าบาทอ่ะ”
ตี๋เล็กตกใจ “เฮ้ย แล้วค่าซ่อมเท่าไหร่ล่ะเนี่ย”
“เค้าตีราคาเบื้องต้นก็ประมาณสองแสนห้าน่ะเฮีย”
“สองแสนห้า” ตี๋เล็กถามย้ำ “แล้วลื้อจะหาเงินจากไหนไปซ่อมให้เค้า”
ตี๋ใหญ่รีบบอก “ใจเย็นตี๋เล็ก รถพวกนี้มีประกันชั้นหนึ่งอยู่แล้ว”
เฮงถอนหายใจโล่งอก “เฮ้อ รอดไป”
หมวยเล็กหน้าซีดเผือด “อ๋อ ประกันชั้นหนึ่งหมดอายุ เพื่อนหมวยลืมต่อน่ะเฮีย”
ขาดคำ เฮงก็เป็นลมหมดสติไป ทุกคนรีบกรูเข้าไปดูอาการ
ฟากหญิงใหญ่ก็ง่วนอยู่กับการเสิร์ฟอาหารที่โต๊ะลูกค้า โดยมีอัครเดชช่วยเสิร์ฟอีกโต๊ะ ขณะเดียวกับที่แก้วกัลยาเดินออกมาจากบ้านพร้อมกับฮันนี่
“แหม ลูกเขยบอสนี่ขยันนะคะ”
แก้วกัลยาเผลอรับคำ “ใช่ เห็นแบบนี้ ฉันก็สบายใจ จะบ้าเหรอ ลูกขงลูกเขยอะไรของแก”
อัครเดชได้ยิน ก็รีบปรี่เข้ามาหา “ไหน ใครเรียกลูกเขยครับคุณแม่”
“ฉันมีลูกชายคนเดียว แล้วก็ไม่มีปลิงควายเกาะที่หน้าผากแบบนี้ด้วย”
“เอ่อ นี่คิ้วครับ ไม่ใช่ปลิงควาย”
จังหวะนั้นชายเล็กก็เดินออกมาจากบ้านพอดี
“ผมออกไปข้างนอกแพ็พนะครับคุณแม่”
“นี่ วันหยุดแทนที่จะอยู่ช่วยงานที่ร้าน ออกอีกล่ะ” แก้วกัลยาบ่นอุบ
“โห่ ผมเรียนหนักมาทั้งอาทิตย์ ผมขอทำตัวสโลว์ไลฟ์นิดนึงสิครับ”
ฮันนี่ทำหน้างง “ทำตัวสโลว์ไลฟ์นี่เค้าทำกันยังไงเหรอคะ”
“ก็ทำแบบนี้ไงครับ”
ว่าแล้วชายเล็กก็เดินสโลว์โมชั่นออกจากบ้านเนียนๆ ไป
อัครเดชมองตาม “แหม ถ้านกพิราบบินผ่านนี่ โจวเหวินฟะเลยนะเนี่ย”
ทันใดนั้น ภรณีก็เดินเข้ามา
“ไฮ เอฟเวอรี่ บอดี้ สวัสดีค่ะขุ่นแม่”
“สวัสดีจ้ะ”
อัครเดชทำหน้าเซ็ง “พูดถึงนกพิราบ นังนกแสกนี่มาไงวะ”
“ว่าใครนกแสก”
“แกนั่นแหละ ใครจุดธูปเรียกมาเนี่ย”
หญิงใหญ่เดินออกมาพอดี “เราจุดเอง”
ภรณีสวนกลับ “นี่ ฉันไม่ใช่สัมพะเวสี เดี๋ยวก็กลับเลย”
หญิงใหญ่รีบอ้อน “โอ๋เอ๋ๆ ล้อเล่งน่า”
ฮันนี่ยิ้มร่า “แหม วันนี้บ้านเราท่าจะคึกครื้นนะคะบอส”
“คึกครื้นกับวุ่นวายมันใกล้กันนิดเดียวเองนะ”
อัครเดชกับภรณีมองเขม่นกัน แก้วกัลยามองด้วยอารมณ์หวั่นๆ หญิงใหญ่รีบบอก
“ไม่ต้องห่วงค่ะแม่ ฉีดวัคซีนแล้วทั้งคู่”
ภรณีกับอัครเดช พูดออกมาพร้อมกัน “ไม่ใช่หมา”
หญิงใหญ่หัวเราะแหะๆ “ล้อเล่ง”
ภรณีกับอัครเดชมองหน้าเขม่นกันต่อ
อีกด้านหนึ่ง มิลค์เดินหน้าเครียดออกมาจากบ้าน
“โอ๊ย เอาไงดีวะเนี่ย”
สี่ยชาญเดินเข้ามาพอดี “อ้าว มายืนทำอะไรตรงนี้ล่ะอามิลค์”
“เอ่อ ออกมาคิดหาทางช่วยแบ่งเบาภาระเฮียอยู่น่ะค่ะ แล้วเสี่ยล่ะคะ มาทำไม”
“อั๊วก็มาหาอาเฮงน่ะสิ อีเป็นไงบ้างเนี่ย”
มิลค์ถอนหายใจ “ก็หนักเอาเรื่องน่ะค่ะเสี่ย”
“เฮ้อ พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก จันทร์กระแทก อา ทิตย์กระทืบรึไงวะเนี่ย ถึงได้ซวยซับซวยซ้อนขนาดนี้”
มิลค์ครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะถามหยั่งเชิง ถึงสายป่านของเฮง
“เสี่ย เฮียเค้าไม่มีใครที่พอจะช่วยได้แล้วเหรอ”
“ทำไมลื้อถามแบบนี้ล่ะ”
มิลค์อึกอัก “ก็เฮียเค้าไม่ยอมให้มิลค์ช่วยอะไรซักเท่าไหร่เลยน่ะเสี่ย จริงๆ มิลค์ก็พอมีเงินเก็บอยู่พอสมควรอะนะ ถ้าเฮียเค้าต้องการ มิลค์ก็ยินดีที่จะช่วย”
“เดี๋ยวถ้าไม่ไหวจริงๆ อาเฮงคงเอ่ยปากบอกลื้อเองแหละ”
มิลค์แอบหวั่นในใจ “จริงเหรอเสี่ย”
“จริงสิ แต่ถ้าลื้อมีเยอะ ก็ให้อั๊วยืมก่อนก็ได้นะ พอดีอั๊วให้อาเฮงยืมไปเยอะ เงินชักจะขาดมืออยู่เหมือนกัน”
มิลค์รีบตัดบท “เรารีบเข้าไปดูเฮียก่อนดีกว่าเสี่ย ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง”
ว่าแล้วก็รีบชิ่งเดินเข้าไปในบ้าน เสี่ยชาญมองตาม
“แหม พอจะยืมเงินนี่เปลี่ยนเรื่องทันทีเลยน้า”
จากนั้นก็เดินตามเข้าไปในบ้าน
ส่วนเฮงก็นั่งหน้าเครียด มียาดมเสียบอยู่ที่จมูกทั้ง 2 ข้าง
“ใครก็ได้ ช่วยทุบให้อั๊วสลบไปอีกทีซิ”
ตี๋ใหญ่รีบหันไปบอกหมวยเล็ก “หมวย ไปหาไม้หน้าสามมาอันนึงซิ”
“เฮ้ย เฮียจะทุบเตี่ยจริงๆ เหรอ”
ตี๋ใหญ่แกล้งบอก “ก็เฮียสงสารเตี่ย หลับๆ ไปจะได้ไม่ต้องคิดมาก”
เสี่ยชาญรีบเสนอตัว “ไม่ต้องหาไม้หรอก อั๊วเตะก้านคอทีเดียวก็หลับแล้ว เอามั้ย”
พูดพลางทำท่าจะเตะก้านคอเฮง จางรีบวิ่งเข้ามาล็อกแขนไว้
“เฮ้ย จะทำไรเฮียน่ะเสี่ย”
“ทำบ้าอะไรล่ะ เค้ากำลังหยอกอาเฮงกันอยู่”
เสี่ยชาญสะบัดตัวออกจากจาง พร้อมกับที่ตี๋เล็กเดินเข้ามาสมทบ
“ทำใจดีๆไว้นะคะเฮีย ชีวิตที่ขาดสตางค์ ยังไม่พังเท่าเราขาดสตินะคะ” มิลค์พยายามพูดปลอบ
“โอ๊ย โดนไปหลายดอกแบบนี้ พระอรหันต์เท่านั้นแหละ ที่ยังมีสติอยู่ได้”
ตี๋เล็กรีบบอก “เงินทุนหมุนเวียนในร้านก็หมดเลยนะเตี่ย ถ้าไม่มี เราคงต้องหยุดร้านจนกว่าจะ
หาเงินได้”
หมวยเล็กหน้าเสีย “หมวยขอโทษ เพราะความประมาทของหมวย ทุกคนเลยต้องเดือดร้อน”
ตี๋ใหญ่หันไปบอกน้องสาว “โทษตัวเองตอนนี้ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอกหมวย”
จางทำท่าหนักใจ “นี่ผมจะตกงานแล้วใช่มั้ยครับ”
เสี่ยชาญเสนอทางออก
“ มันก็เหลืออยู่วิธีเดียว คือเจรจาร่วมทุนกับอาแก้วกัลยา เพราะอีมีโครงการจะขยายร้านอยู่พอดี”
ทุกคนคิดหนัก ว่าจะเอายังไงต่อไปดี
“ตกลง”
แก้วกัลยาตอบตกลงต่อหน้าทุกคนที่นั่งร่วมวงเจรจา ซึ่งต่างก็มีสีหน้าเคร่งเครียดจริงจัง
“ฉันจะร่วมลงทุนกับร้านเฮงเฮงเหลา”
เสี่ยชาญยิ้มดีใจ “ลื้อรอดแล้วอาเฮง”
ตี๋ใหญ่รีบบอก “ขอบคุณมากนะครับ ที่ช่วยพวกเรา”
หญิงใหญ่พูดแทรกขึ้นมา “ไม่ต้องขอบคุณหรอก เพราะแม่ฉันก็อยากจะขยับขยายร้านอยู่พอดี”
แก้วกัลยาหัวเราะสะใจ
“ใช่ ฉันรอวันนี้มานานแล้ว วันที่อาหารชาววังของฉัน จะชนะอาหารเหลาของแก ไอ้งิ้วหลงโรง”
เฮงมองจ้องอย่างไม่พอใจ “นี่ นังลิเกหลงวิก”
“หะ ว่าไงนะ”
แก้วกัลยาแว้ดขึ้นมาทันที เฮงต้องรีบพูดแก้
“เอ่อ ขอโทษครับ คุณแก้วกัลยา แล้วคุณแก้วกัลยาจะจัดการเรื่องเงินให้ผมได้เมื่อไหร่ครับ”
“เดี๋ยวฉันจะให้หญิงใหญ่จัดการให้”
เสี่ยชาญรีบสรุป “เอาล่ะ เป็นอันว่าข้อตกลงเป็นอันบรรลุ ลื้อได้เงินจากอาแก้วเมื่อไหร่ ก็เอาที่ยืมอั๊วไป มาคืนด้วยแล้วกันนะ”
“เออ ยังไม่ได้เงินเลย ทวงแระ”
เสี่ยชาญยักไหล่ “อ้าว อั๊วไม่ใช่สถานสงเคราะห์นะเว้ย ให้ยืมก็ต้องทวงสิวะ”
“ทำใจดีๆ ไว้นะเฮีย ทุกอย่างจะต้องดีขึ้นค่ะ”
มิลค์ยิ้มบางๆ ปลอบเฮง ตี๋ใหญ่แอบสังเกตท่าทีไม่วางตา
ทางด้านหมวยเล็กก็แอบมานั่งคุยอยู่กับชายเล็กในสวน
“แผนของพี่เธอครั้งนี้ คงทำให้รู้ชัวร์ๆ ซะทีนะ ว่าแฟนเตี่ยเธอน่ะ ดีจริงรึเปล่า”
“โชคดีที่บ้านเธอยอมเล่นด้วย แผนเฮียก็เลยสมจริงสุดๆ”
“ผลัดกันไง บ้านเราช่วยบ้านเธอ บ้านเธอช่วยบ้านเรา”
หมวยเล็กพยักหน้ารับ “งั้นต่อไป บ้านเราคงเป็นฝ่ายช่วยบ้านเธอสินะ”
“อืมม์ ก็ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นกับบ้านเรานะ แต่ยังไงก็ขออย่าให้มีหนุ่มก้ามปูมาเปิดตัวเป็นแฟนแม่เราแล้วกัน”
“ถ้าเป็นอย่างนั้น เราคงต้องมาเล่นละครเพื่อพิสูจน์หนุ่มก้ามปู ว่าเป็นชายแท้หรือชายเทียมสินะ”
ชายเล็กกับหมวยเล็กหัวเราะกันสนุกสนาน
“แล้วนี่ถ้าพิสูจน์ออกมาแล้ว ว่าพี่เค้าเป็นคนดี เตี่ยเธอคงแต่งงานด้วยสินะ”
“ก็คงจะเป็นอย่างนั้น”
ชายเล็กทำตากรุ้มกริ่ม “อิจฉาดีมั้ยเนี่ย มีแม่น่ารักซะขนาดนี้”
หมวยเล็กเผลอหึง “ทำไม สเป็กเหรอ”
ชายเล็กแกล้งยั่วต่อ “พูดเลยว่า นั่ลลั้กอ่ะ”
หมวยเล็กทำหน้านิ่ง “อืม เราก็ว่าพี่เค้าน่ารักดีนะ”
ชายเล็กงงที่หมวยเล็กไม่แสดงอาการหึงมาก เลยเพิ่มระดับอีกหนึ่งสเต็ป
“นี่ ตกดึกพี่เค้าเป็นดีเจ. ตามผับด้วยรึเปล่าอ่ะ”
“ทำไมเหรอ”
ชายเล็กแกล้งพูด “ก็เห็นหน้าพี่เค้าทีไร ใจเรามันเต้นตึกๆ อ่ะ”
หมวยเล็กแกล้งกลับ “เฮ้ย รู้สึกเหมือนกันเลยอ่ะ เวลาพี่เค้ามองเรา เรารู้สึกหวั่นไหวยังไงไม่รู้ ยิ่งตอนพี่เค้าอาบน้ำมาผมเปียกๆนะ เรารู้สึกแปลกๆ ยังไงบอกไม่ถูก”
คราวนี้ชายเล็กกลับเป็นฝ่ายเครียดซะเอง
“เธอไม่ใช่เบี้ยน จะรู้สึกแปลกๆ ได้ไง”
“รู้ได้ไงว่าไม่ใช่ ตอนม.ต้น เราอยู่โรงเรียนหญิงล้วนนะ ตอนนั้นน่ะ เตี่ยให้เรากินยาหม้อทุกวันเลย ช่วงนี้ไม่ค่อยให้กินล่ะ เหมือนอารมณ์เก่าๆมันจะกลับมาอ่ะ”
“พอๆ เลิกเล่นๆ”
หมวยเล็กหัวเราะสะใจ “กะจะให้เค้าหึง ดันหึงซะเอง ฮ่าๆๆ”
ชายเล็กได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ จ๋อยๆ
ภรณีกับอัครเดชเดินคุยกันมาตามทางเดิน ขณะกำลังจะกลับบ้าน
“ไม่น่าเชื่อเลยนะ ว่าอยู่ๆ บ้านผู้ช่วยจะเจริญฮวบๆได้ขนาดนี้”
อัครเดชพยักหน้ารับ
“ตอนนี้ผู้ช่วยดูเครียดมาก อีกหน่อยก็คงกระทบกับงานที่บริษัท คิดอะไรไม่ออก ทำงานไม่ได้ ตำแหน่ง
ไม่ขึ้นถึงขั้นอาจลาออก ต้องมาช่วยงานที่บ้าน แล้วฉันก็เสียบตำแหน่งผู้ช่วยแทน และสุดท้าย ก็ได้ครองรักกับแก้วอย่างบริบูรณ์”
ภรณีทำหน้าเอือม “คิดพล็อตละครเก่งนี่ ไปเป็นคนเขียนบทดีกว่ามั้ย ไอ้คิ้วหนา”
“ฉันเป็นอะไรก็ได้ ขอแค่ข้างๆ กายมีแก้วอยู่เคียงข้าง”
“ไปเป็นขอทานมั้ยล่ะ เดี๋ยวฉันทำให้แก้วเป็นแฟนแกเลย”
“อย่ามาฮา ตอนนี้ภาษีฉันกับผู้ช่วยก็ไม่ได้ห่างชั้นกันมากแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะเปิดเกมรุกเต็มที่ จะซัลโว กดแฮตทริค ประตูหัวใจแก้วให้พรุนเลย”
อัครเดชพูดอย่างมั่นใจ ก่อนจะเดินนำภรณีออกไป
“กดแฮตทริคเหรอ แกต้องผ่านผู้รักษาประตูอย่างฉันไปก่อน ไอ้คิ้วปลิงควาย”
ภรณียิ้มกริ่ม อย่างมั่นใจว่าจะสกัดอัครเดชได้แน่นอน
อ่านต่อหน้าที่ 2
ลุ้นรักข้ามรั้ว ตอนที่ 22 (ต่อ)
“เราจะเอายังไงกันต่อไปดีเนี่ย”
เฮงนั่งคุยกับมิลค์สองต่อสอง
“เฮียหมายความว่าไงคะ”
“ก็ตอนนี้เฮียแทบจะหมดเนื้อหมดตัวอยู่แล้ว มิลค์จะยังรัก และจะอยู่เคียงข้างเฮียอยู่รึเปล่า”
มิลค์นิ่งไปนิดหนึ่ง พอดีหันไปเห็นตี๋ใหญ่เดินเข้ามา เลยต้องเสแสร้งว่ายังรักและห่วงเฮงอยู่
“มิลค์จะยังอยู่เคียงข้างเฮียค่ะ”
เฮงยิ้มดีใจ “ขอบใจนะ”
จังหวะนั้นแก้วกัลยา หญิงใหญ่และหญิงเล็กเดินเข้ามา
“ไหน ขอดูบัญชีรายรับรายจ่ายร้านนี้หน่อยซิ”
เฮงหันไปโวยใส่ “เฮ้ย ดึกดื่นมืดค่ำ มาดูอะไรตอนนี้ คนจะพักผ่อน”
แก้วกัลยาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ “อยากพักก็ขึ้นห้องนอนไปเลย ฉันจะทำงาน”
หญิงเล็กรีบช่วงต่อ “ค่ะ ร้านนี้ก็เป็นร้านของแม่หนูอีกร้านแล้วนะคะ แม่หนูย่อมมีสิทธิที่จะบริหารงานได้ทันที”
หญิงใหญ่เอาบ้าง “ คอแห้งจัง ขอน้ำแก้วนึงสิ”
มิลค์รีบลุกขึ้น “ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ”
“ไม่ใช่เธอ” หญิงใหญ่พูดพลางหันไปทางตี๋ใหญ่ “ฉันใช้นาย”
“ได้ครับ”
ตี๋ใหญ่รับคำแล้วเดินเลี่ยงออกไป แก้วกัลยาสั่งการต่อ
“เดี๋ยวฉันจะให้หญิงเล็กมาดูแลในส่วนของครัวนะ อะไรขาด อะไรที่ต้องซื้อ ต้องได้รับการพิจารณาจากหญิงเล็กก่อน”
เฮงทำหน้าเซ็ง “แล้วแต่ อั๊วไม่มีสิทธิมีเสียงอะไรอยู่แล้วนี่”
หญิงเล็กหันมาบอกแม่ “เดี๋ยวหนูเริ่มงานเลยนะคะแม่”
“ดีมากลูก ใครมีปัญหามาบอกแม่ เดี๋ยวแม่จัดการเอง”
หญิงเล็กเดินออกไป สวนทางกับตี๋ใหญ่ที่เดินเข้ามา ส่งแก้วน้ำให้หญิงใหญ่อย่างสุภาพ
“น้ำขอรับ”
“ขอบใจ”
แก้วกัลยาแจกแจงต่อ “ส่วนหญิงใหญ่ ฉันจะให้มาดูเรื่องการเงิน ฉะนั้นต้องสรุปบัญชีรายรับรายจ่าย
มาให้ลูกฉันดูทุกวันด้วยนะ”
ตี๋ใหญ่รับคำ “ได้ครับ”
“เดี๋ยววันนี้ลูกฉันจะต้องตรวจเช็คทรัพย์สินทั้งหมดว่ามีอะไรบ้าง เพราะของบางอย่าง จะต้องตกเป็นของฉัน”
เฮงหันไปบอกตี๋ใหญ่ “ลื้อพาดูทรัพย์สินในบ้านเราหน่อยแล้วกัน”
“ครับเตี่ย เชิญครับคุณนาย”
หญิงใหญ่ทำหน้าไม่พอใจ “นี่ ว่าฉันแก่เหรอ”
“ขอโทษครับ เชิญครับ”
ตี๋ใหญ่เดินนำหญิงใหญ่ออกไป แก้วกัลยาเดินดูข้าวของด้วยสีหน้ายิ้มกริ่ม เฮงทำหน้าเครียด เช่นเดียวกับมิลค์ที่คิดในใจว่าจะเอายังไงต่อไปดี
ทางด้านตี๋เล็กก็กำลังเก็บกวาดภายในครัวอยู่ ก่อนที่หญิงเล็กจะเดินเข้ามา
“ตรงนี้ยังไม่สะอาด เห็นมั้ยเนี่ย”
“ตรงนั้นผมยังไม่ได้กวาด จะสะอาดยังไงล่ะ”
หญิงเล็กทำหน้าเข้ม “แล้วเมื่อไหร่จะกวาดล่ะคะ จะรอลูกโตก่อนเหรอ ถึงจะกวาดได้”
ตี๋เล็กขยับเข้าหา ทำสายตากรุ้มกริ่ม
“งั้นก็มาปั๊มลูกกันมั้ยล่ะ จะได้กวาดได้เร็วๆ”
“ไอ้บ้า”
ตี๋เล็กยิ้มขำ “แล้วก็มาแซวว่ารอลูกโต โด่ คิดว่าจะแน่”
“ไม่ใช่เรื่องแน่หรือไม่แน่ แต่ฉันน่ะ ช่างเลือกย่ะ”
ตี๋เล็กพูดเหน็บ “เลือกนักมักได้แพร่นะ”
หญิงเล็กรีบพูดแก้ “แร่” จากนั้นก็เข้าไปจับจานชามที่ตี๋เล็กล้างไว้
“โห จานชามนี่ยังมันอยู่เลย เดี๋ยวล้างใหม่เลยนะ”
ตี๋เล็กทำหน้าเอือม “นี่ ได้ข่าวว่าแค่เล่นละครกันนะ อย่าเยอะได้ป่ะ”
“อ้าว ฉันก็ต้องเล่นให้สมบทบาทหน่อยสิ”
“ผมไม่มีตุ๊กตาทองให้นะ”
“ปัญหาเยอะนัก งั้นฉันจะไปบอกความจริงให้แม่ใหม่นายรู้เดี๋ยวนี้แหละ”
หญิงเล็กแกล้งขู่ ตี๋เล็กสะดุ้งโหยง
“เฮ้ย”
พร้อมกันนั้นก็รีบรั้งตัวไว้ แรงดึงทำให้หญิงเล็กเซเข้ามา จนแก้มกระทบกับริมฝีปากของตี๋เล็ก
หญิงเล็กอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนทำท่าจะกรี๊ด ตี๋เล็กรีบเอามือปิดปากไว้
“อย่ากรี๊ดนะ”
หญิงเล็กเลยกระทุ้งศอกใส่ท้องเข้าให้ “ไอ้บ้า ไอ้ลามก”
“เฮ้ย ผมไม่ได้ตั้งใจนะ จังหวะคุณเซเข้ามาหาผมเอง โอ๊ย”
“อ๋อ งั้นเมื่อกี๊ ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจเหมือนกัน จังหวะแขนมันกระตุกพอดี”
หญิงเล็กสวนกลับแล้วรีบเดินออกไป ตี๋เล็กทั้งจุกและฟินที่ได้หอมแก้มหญิงเล็ก
ทางด้านตี๋ใหญ่ก็เปิดประตูเดินนำหญิงใหญ่เข้ามาในห้อง
“เชิญครับ”
หญิงใหญ่ตกใจ “ นี่มันห้องนอนนี่”
“ครับ ไม่ใช่ห้องพระแน่นอน”
หญิงใหญ่ทำท่าจะเดินออก ตี๋ใหญ่รีบขวางไว้
“จะทำอะไรฉันน่ะ”
ตี๋ใหญ่ยกมือลูบหัว พูดเหน่อแบบดาวร้าย “ก็จะยัดเยียดความเป็นผัวให้กับเธอไง”
หญิงใหญ่ผงะ “เฮ้ย”
“ผมล้อเล่น หน้าผมออกจะเป็นพระเอก เชื่อเหรอว่าผมจะปล้ำคุณจริงๆ”
“จะไปรู้เหรอ คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจหรอก แล้วอีกอย่าง เราก็แค่เล่นละครกัน ไม่ต้องเข้ามาในห้องนอนก็ได้มั้ง”
หญิงใหญ่พูดพลางทำท่าจะเดินออกจากห้องอีก แต่สายตาเหลือบไปเห็นตุ๊กตาหมีที่ให้ตี๋ใหญ่อยู่ที่หัวนอน
ทั้งคู่มองสบตากัน ต่างคนต่างเขินอาย
“เอ่อ ตุ๊กตาที่คุณให้ผมไง”
“ฉันจำได้”
“ถ้าคุณจะลงรายละเอียดทรัพย์สินในห้องนี้ให้แม่คุณ ผมบอกเลยว่าตุ๊กตาตัวนี้ คุณต้องคิดหนัก”
หญิงใหญ่ทำหน้างง “ทำไมเหรอ”
“ก็มันประเมินค่าไม่ได้ไง”
หญิงใหญ่เขินจนหน้าแดง “เรื่องลงรายละเอียดทรัพย์สินมันก็แค่เรื่องที่กุขึ้น”
“ผมรู้ ผมแค่อยากบอกว่ามันมีค่ามากแค่ไหนน่ะ”
ตี๋ใหญ่กับหญิงใหญ่สบตากันซึ้ง
เช้ารุ่งขึ้น หญิงใหญ่นั่งเคลิ้ม ยิ้มอยู่คนเดียว เพราะนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนอยู่ จู่ๆ ฮันนี่ก็พาตี๋ใหญ่เข้ามา
“อุ้ย เป็นอะไร ทำไมนั่งยิ้มอยู่คนเดียว”
ตี๋ใหญ่มองแล้วยิ้มขำ “เมากาวรึเปล่า”
“แต่คุณหญิงใหญ่บอกเลิกดมนานแล้วนะคะ จะบ้าเหรอ..Are you crazy? หน้าสวยๆ แบบนี้ดมกาว
ฮันนี่ก็ทั้งฝิ่น เฮโรอีน มอร์ฟีน กัญชาล่ะค่ะ”
หญิงใหญ่ได้ยินเสียงฮันนี่ ก็สะดุ้งตื่นจากภวังค์ “อ้าวพี่ฮันนี่”
“บอสให้พาคนงานมาทำงานใช้หนี้น่ะค่ะ”
“โอเคค่ะ เดี๋ยวหญิงจัดการเอง พี่ฮันนี่ไปช่วยงานคุณแม่ต่อเถอะ”
“อะเครค่า”
พอฮันนี่เดินเลี่ยงออกไป ตี๋ใหญ่ก็ยิ้มกริ่มก่อนจะแซวหญิงใหญ่
“นั่งยิ้มคนเดียว คิดอะไรอยู่เหรอ”
หญิงใหญ่อึกอัก “เปล่าซะหน่อย”
“ไม่ได้คิดอะไรแต่ยิ้ม แสดงว่าเพี้ยน”
หญิงใหญ่รีบโวยวายกลบเกลื่อน “นี่ แม่ฉันให้มาทำงานไม่ใช่เหรอ ทำสิ รออะไรอยู่”
พูดพลางรีบยื่นไม้กวาดส่งให้ ตี๋ใหญ่รับมา แล้วกุลีกุจอกวาดพื้น
อัครเดชเดินเข้ามา เห็นตี๋ใหญ่กำลังกวาดพื้น โดยมีหญิงใหญ่ชี้นิ้วสั่งๆ
“โอ้ว ชีวิตคนเรานี่ไม่แน่ไม่นอนจริงๆ”
หญิงใหญ่หันมาทัก “อ้าว หวัดดีเดช โอเค. กลับบ้านดีๆ นะ”
“โอเค บ๊ายบาย ว้ายๆๆ นี่เราเพิ่งจะมาถึงเองนะ”
หญิงใหญ่ทำหน้ามึน “อ้าวเหรอ คิดว่ามานานแล้ว”
“อ๋อ จะว่าไปก็มานานแล้วล่ะ แต่มัวไปอยู่ที่อื่นมา แก้วเลยไม่เห็นเรา”
ตี๋ใหญ่หันมาถาม “ไปอยู่ไหนมาเหรอครับ”
“ก็อยู่ในหัวใจของแก้วไงล่ะครับ ฮิ้ว”
พลันภรณีก็เดินเข้ามาพร้อมกับเสียงอาเจียน อัครเดชหันไปมองเขม่น
“ไม่สบายก็ไปหาหมอมั้ย”
“ฉันสบายดี”
“มาทำไมอีกเนี่ย” อัครเดชย้อนถาม
“ฉันก็มาหาเพื่อนฉันน่ะสิ ไปแก้ว หาที่นั่งเม้าท์กันดีกว่า”
ภรณีพาหญิงใหญ่ออกไปข้างนอก อัครเดชมองตามไปอย่างกระฟัดกระเฟียด ส่วนตี๋ใหญ่กวาดบ้านไปยิ้มกริ่มไป
อีกฟากหนึ่ง มิลค์เช็ดโต๊ะด้วยอาการเหม่อๆ อารมณ์กำลังคิดหาทางตีจาก เฮงเดินเข้ามาเห็น ก็ออกปากถาม
“คิดอะไรอยู่เหรอ”
มิลค์อึกอัก “เอ่อ คิดหาวิธีช่วยเฮียอยู่น่ะค่ะ”
“เหรอ แล้วพอจะมีวิธีที่จะช่วยเฮียได้บ้างมั้ย”
มิลค์อ้ำๆอึ้งๆ เพราะไม่มีอะไรจะช่วยเฮงได้ ขณะเดียวกัน จางก็เดินนำแก้วกัลยาเข้ามากับหญิงเล็ก
“เชิญครับ ท่านประธานเจ้าหน้าที่บริหารร้านอาหารเฮงเฮงเหลา จำกัดมหาชน”
เฮงหันไปพูดเหน็บ “แหม เรียกซะเต็มยศเลยนะ”
“ต้องเต็มสิครับ ผมกลัวตกงาน”
แก้วกัลยารีบบอก “วันนี้ลูกฉันจะมาดูเคาน์เตอร์เก็บเงินนะ”
“ปูเสื่อนั่งดูตามสบาย ถ้าอยากได้ป็อบคอร์นก็บอก เดี๋ยวจะทำให้”
แก้วกัลยาแกล้งทำหน้าไม่พอใจ “ลูกฉันจะมาควบคุมการเงิน ไม่ได้มานั่งจ้องเคาน์เตอร์”
จังหวะนั้นตี๋เล็กก็เดินออกมาพร้อมกับอาหารกล่องที่เตรียมไปส่ง
“เตี่ย อั๊วเอาอาหารออกไปส่งก่อนนะ”
“ไปเถอะ เดี๋ยวในครัวเตี่ยดูแลต่อเอง”
หญิงเล็กรีบแว้ดขึ้นมาทันที “นี่ เดินไปส่งนะ ห้ามจ้างมอเตอร์ไซค์รับจ้างเด็ดขาด”
“รู้ครับ ว่าต้องรัดเข็มขัด” ตี๋เล็กพูดพร้อมกับแอ่นเป้าโชว์ “นี่ก็รัดจนเป้าตุงล่ะเนี่ย”
“อ๊าย ไอ้โรคจิต จะไปไหนก็รีบไปเลยไป๊”
“อั๊วไปนะเตี่ย”
จังหวะที่ตี๋เล็กจะเดินออก มิลค์ตัดสินใจเดินไปขวางหน้าไว้
“เอ่อ เดี๋ยวมิลค์ไปส่งให้เองค่ะ”
ตี๋เล็กรีบบอก “ต้องเดินไปส่งหลายบ้านเลยนะครับ จะไหวเหรอ”
“สบายมากค่ะ คุณอยู่ช่วยเฮียที่ร้านนี่ดีกว่า”
ตี๋เล็กยิ้มรับ “โอเค. ครับ”
มิลค์รับถุงอาหารจากตี๋เล็กแล้วเดินออกไป แก้วกัลยาหันมาบอกลูกสาว
“งั้นแม่ไปทำอาหารที่บ้านก่อนนะ”
“ค่ะ แม่”
“ห้ามแกล้งลูกสาวฉันนะ”
แก้วกัลยามองเฮงกับตี๋เล็ก ก่อนจะเดินออกไป
“เอ้า ไปทำงานสิคะ ยืนบื้ออยู่ได้”
หญิงเล็กแกล้งทำเสียงช่ม ตี๋เล็กส่ายหน้าเซ็ง
“เค้าออกไปส่งของแล้ว อย่าเยอะๆ”
หญิงเล็กทำเป็นร้องทัก “อ้าว ลืมอะไรเหรอคุณมิลค์”
ตี๋เล็กกับเฮงรีบลุกไปทำงาน ก่อนจะรู้ว่าโดนหลอก หญิงเล็กหัวเราะขำ
หมวยเล็กนั่งอยู่ที่บ้านเสี่ยชาญ กำลังเอากิ่งไม้เกาแขนข้างที่ใส่เฝือก
“โอ๊ย คันๆ”
เสี่ยชาญที่รอรับน้ำชาที่ชายเล็กรินให้รีบบอก “คันก็ไปเอาสำลีมาปั่นสิ”
“หนูคันแขนค่ะ ไม่ได้คันหู”
เสี่ยชาญมองทั้งคู่แล้วส่ายหน้า “พวกลื้อนี่ก็ลงทุนกันเนอะ กะแค่ลองใจคน เล่นกันซะใหญ่โต เหมือนจะส่งไปชิงรางวัลออสสะก้า”
ชายเล็กยิ้มรับ “จะว่าไปก็หนุกดีนะเสี่ย”
“ลื้อน่ะหนุก แต่อาหมวยเล็กคงไม่หนุกเท่าไหร่นะ”
หมวยเล็กเกาแขนแกรกๆ “คันฝุดๆ โอ๊ย”
ขณะนั้นมิลค์ก็เดินถือกล่องอาหารเดินผ่านมาพอดี เสี่ยชาญหันไปทัก
“อ้าวอามิลค์ ถือของเยอะแยะจะไปไหนเหรอ”
“เอาอาหารไปส่งลูกค้าน่ะเสี่ย”
หมวยเล็กรีบอาสา “ให้หมวยช่วยมั้ยคะ”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่จัดการคนเดียวได้”
มิลค์ตัดบท แล้วรีบเดินออกไปทันที ชายเล็กมองตาม
“พี่เค้าดูรีบๆ เนอะ”
หมวยเล็กเห็นด้วย “นั่นดิ”
“อีขยันรึเปล่า ลื้อก็อย่าเพิ่งตัดสินใครง่ายๆ สิ”
เสี่ยชาญจิบชาเพลินๆ ส่วนหมวยเล็กครุ่นคิดเรื่องมิลค์ต่อ
ทางด้านอัครเดชก็นั่งกินข้าวอยู่กับหญิงใหญ่ โดยมีภรณีนั่งคั่นคอยกั๊กอยู่ตลอด
“อะไรเอ่ย ไม่เข้าพวก”
ภรณีสวนกลับทันที “ก็แกไง ไอ้คิ้วชินจัง”
“แกนั่นแหละ ฉันกับแก้วจะจีบกัน มานั่งเป็นมะเร็งสายตาฉันอยู่ได้”
ภรณียิ้มหยัน “จีบเหรอ แกถามเพื่อนฉันก่อนมั้ย ว่าอยากให้จีบมั้ย”
“โตกันแล้วไม่ต้องถาม แค่มองตาก็รู้จาย”
“เหรอ ไอ้ฟาย”
ภรณีกับอัครเดชขู่แฮ่ๆ ทำท่าจะกัดกัน หญิงใหญ่หันไปตะโกนเรียกฮันนี่
“พี่ฮันนี่คะ พี่ฮันนี่”
ฮันนี่รีบวิ่งมาจากข้างบ้าน เข้ามาหา
“ขอน้ำร้อนซักขันสิคะ”
“จะเอาไปสาดหมาที่ไหนเหรอคะ”
หญิงใหญ่ปรายตามองไปที่อัครเดชกับภรณี
“ก็ 2 ตัวนี้ไงคะ ฉีดวัคซีนครบรึยังก็ไม่รู้”
อัครเดช กับภรณีพูดขึ้นมาพร้อมกัน “ครบแล้ว”
ก่อนที่ภรณีจะนึกออก “นี่ ฉันไม่ใช่หมา”
ส่วนตี๋ใหญ่ก็เดินออกมาเสิร์ฟอาหารที่โต๊ะลูกค้า ฮันนี่รีบถลาเข้าไปช่วย หญิงใหญ่มองตี๋ใหญ่ยิ้มๆ ทำเอาอัครเดชกระวนกระวายใจ ภรณีได้ที ถากถางใส่
“โน่น ตัวจริงเสิร์ฟอาหารอยู่โน่นเว้ย”
ทั้งคู่เอาแต่แง่งๆ ใส่กัน โดยไม่ทันเห็นว่าหญิงใหญ่ลุกออกไปแล้ว
“ได้ข่าวว่า 2 บ้านเค้าไม่ถูกกัน”
ภรณียิ้มเยาะ “โรมิโอ จูเลียตเค้าทำมาหลายภาคแล้วนะ เคยแหกตาดูบ้างป่ะ ไม่มีกำแพงอะไร มากั้นความรักได้หรอก”
“ตอนนี้ผู้ช่วยหนี้สินรุงรัง แก้วไม่มีทางไปกัดก้อนเกลือกินด้วยหรอก จริงมั้ยแก้ว”
อัครเดชหันไปไม่เจอใคร ก่อนจะหันไปเห็นหญิงใหญ่กับตี๋ใหญ่ช่วยกันเก็บโต๊ะเก็บจานกันกระหนุง
กระหนิง
“แก้ว”
ภรณีหัวเราะขำ “ไงล่ะ จีบอยู่ดีๆ สระอีก็หายไป”
อัครเดชหน้าจ๋อย “จบ”
-
หญิงเล็กเดินเข้ามาในครัว หยุดมองตี๋เล็กที่กำลังยืนปรุงอาหารโดยไม่ใช่อุปกรณ์ตวง
“นี่นายไม่ตวงไม่วัดอะไรเลยเหรอ”
“ตวงอะไร วัดอะไร วัดซับโย๋ว์เหรอ”
หญิงเล็กทำหน้าจริงจัง “นี่ ฉันถามเป็นการเป็นงาน อย่ามากวนกันได้มั้ย”
“นี่คุณ การทำอาหารไม่ใช่วิชาเคมี แต่มันคือวิชาศิลปะ เครื่องตวงวัดอะไร ไม่จำเป็นหรอก”
หญิงเล็กไม่ยอมแพ้ “แล้วทำไมเชฟเก่งๆ หลายคน เค้าใช้ที่ชั่งตวงวัดล่ะ”
“ศาสตร์ใครก็ศาสตร์มันน่ะคุณ สำหรับผม ผมใช้สัญชาตญาณ ใช้ความรู้สึก”
หญิงเล็กหมั่นไส้ “จ้ะ ไอ้ สาด”
ตี๋เล็กสะดุ้งโหยง “ว่าไงนะ”
“อ๋อ ฉันว่าศาสตร์นายเจ๋งดีอ่ะ”
“เค แล้วไป”
ทันใดนั้น จางก็เดินหน้าตาตื่นเข้ามา “คุณตี๋เล็กครับ แย่แล้วครับ”
“มีอะไร”
“อาหารที่คุณมิลค์เอาออกไปส่ง ป่านนี้ยังไม่ถึงมือลูกค้าสักคนเลยครับ”
ตี๋เล็กตกใจ “เฮ้ย”
หญิงเล็กรีบถาม “แล้วโทร. หาคุณมิลค์แล้วรึยัง”
“โทร. แล้วครับ”
ตี๋เล็กถามต่อ “แล้วเค้าว่าไงบ้าง”
“เค้าบอกว่ายินดีต้อนรับเข้าสู่บริการรับฝากข้อความครับ”
หญิงเล็กทำหน้าเอือม “นั่นเค้าปิดเครื่องค่ะ”
ตี๋เล็กหันไปดุ “โวะ ใช่เวลามาตลกป่ะเนี่ย”
แล้วทั้งหมดก็พากันเดินออกไป
“หมวยเห็นทาทางพี่เค้ารีบๆ ถามอะไรก็ไม่อยากคุยด้วยเท่าไหร่ ก็รู้สึกแปลกๆอยู่เหมือนกัน”
หมวยเล็กเล่าอาการของมิลค์ ให้เฮง ตี๋เล็ก หญิงเล็ก และจางฟัง ทุกคนที่ร่วมวงสนทนากัน พากันหน้าเครียด
“เตี่ยคิดเหมือนอั๊วมั้ย” ตี๋เล็กหันมาถามเฮง
“ลื้อคิดอะไรไม่ออกเหรอ”
ตี๋เล็กเผลอรับคำ “มึนตึ๊บเลยเนี่ย จะบ้าเหรอเตี่ย คิดออกสิ”
เฮงพูดหน้าตาย “อ้าว ก็อั๊วยังคิดอะไรไม่ออกนี่”
หญิงเล็กเป็นฝ่ายย้อนถาม “แล้วนายคิดว่าไง”
“ผมว่าเค้าชิ่งเตี่ยไปแล้วล่ะ”
จางพูดสอดขึ้นมาทันที “ผู้หญิงทิ้งว่างั้น กะแล้ว ซื้อหวยไม่แม่นอย่างนี้นะ”
เฮงมองตาขวาง จางทำหน้าจ๋อย
“ลื้อว่าอีจะไม่กลับมาแล้วอย่างนั้นเหรอ”
ตี๋เล็กพยักหน้ารับ “อั๊วว่าเค้าไม่กลับมาแล้วล่ะเตี่ย”
หมวยเล็กยิ้มดีใจ “แสดงว่าแผนของพวกเราได้ผลสิเนี่ย”
หญิงเล็กรีบสรุป “เล่นวัดใจกันขนาดนี้ ใครใจไม่ถึงก็ต้องเผ่นล่ะค่ะ”
แต่เฮงยังไม่ปักใจ “ ตอนนี้ยังฟันธงอะไรไม่ได้ ไม่แน่อีอาจจะกลับมาก็ได้”
จางถามต่อ “ถามจริง ถ้าเค้าไม่กลับมา เสียดายมั้ยเฮีย”
“ถ้าเค้าไม่กลับมา ก็แสดงว่าเค้าตั้งใจมาจับอั๊วตั้งแต่ แรก จะเสียดายทำไม”
“ขออย่าให้เค้ากลับมาอีกเลย” หมวยเล็กยกมือพนม “สาธุ”
ทุกคนชนแก้วฉลองกัน ก่อนที่ตี๋ใหญ่จะเป็นฝ่ายพูดขึ้นมา
“ดื่มให้กับการกลับมาโสดอีกครั้งของเตี่ยผมครับ”
ทุกคนยกแก้วดื่มพร้อมๆ กัน แก้วกัลยาโวยลั่น
“โห ช่วยเล่นละครตั้งเยอะ เลี้ยงอาหารแค่เนี้ยะ”
“แหม จะเอาแค่ไหนล่ะครับคุณนาย”
จังหวะที่ทุกคนต่อปากต่อคำกัน หมวยเล็กกับชายเล็กก็ตักอาหารให้กันกระหนุงกระหนิง โดยไม่มีใครสังเกต
“ ไม่ต้องห่วงครับคุณแม่”
ขาดคำตี๋เล็ก แก้วกัลยาก็แหวขึ้นมาทันที
“ใครแม่แก”
ตี๋ใหญ่เริ่มตักกับข้าวให้หญิงใหญ่อีกคู่ ตี๋เล็กรีบพูดใหม่
“โทษทีครับ ถ้าไม่อิ่มเดี๋ยวผมจัดให้อีกเรื่อยๆ เต็มที่ครับป้า”
แก้วกัลยาร้องเสียงหลง “อ๊าย”
หญิงเล็กหันไปมองหน้าตี๋เล็ก “นี่ โรคจิตเหรอ ชอบโดนด่าเนี่ย”
“ช่าย ยิ่งเป็นผู้หญิงด่ายิ่งฟิน”
เฮงยิ้มให้ลูกชายคนรอง “เอ้อ ลื้อนี่เหมือนเตี่ยเลย ตอนแม่ลื้อยังอยู่ เตี่ยนี่ยั่วให้ด่าเช้าด่าเย็นเลยนะ”
แก้วกัลยามองค้อน “โรคจิต”
“ในที่สุดความลับของเราก็เปิดเผยแล้วตี๋เล็ก”
ตี๋เล็กหันมาพยักหน้ารับเตี่ย “ งั้นก็ไม่มีอะไรต้องปิดบังแล้วเตี่ย”
จากนั้นทั้งคู่ก็แกล้งมอง 2 แม่ลูกหื่นๆ แก้วกัลยารีบโบกมือห้าม
“พอแล้ว เลิกเล่น”
ทุกคนหยุดเถียงกัน และหันมามองคู่ชายเล็กกับหมวยเล็กและตี๋ใหญ่กับหญิงใหญ่กำลังตักกับข้าวให้กันกระหนุงกระหนิง 2 คู่ถึงกับสะดุ้งโหยง
เฮงพูดเหน็บ “แหม จังหวะชุลมุนนี่เพลินกันเลยนะ”
ชายเล็กรีบกลบเกลื่อน “เอ่อ กับข้าวอร่อยมากเลยครับคุณแม่ คุณแม่ลองสิ ครับ”
พูดพลางตักกับข้าวให้แก้วกัลยา ส่วนหมวยเล็ก ก็หาเรื่องเบี่ยงเบนประเด็น
“เออ เตี่ย หมวยเล็กสงสัยอ่ะ ถ้าพี่มิลค์เค้ามาชอบเตี่ยเพราะหวังจะเกาะ ทำไมพี่เค้าไม่ไปจับเสี่ยรวยๆ ไปเลยล่ะ”
ตี๋เล็กเห็นด้วย “เออ เรื่องนี้อั๊วก็งงอยู่นะเตี่ย จับเสี่ยรวยๆ สบายกว่าเยอะ”
แก้วกัลยารีบบอก “เสี่ยรวยๆ เค้าทันเล่ห์เหลี่ยมผู้หญิงแบบนี้หมดแล้ว ต่อให้มาแผนไหน ก็หลอกเค้า
ไม่ได้ มีคนบางพวกเท่านั้นแหละ ที่โดนหลอก”
เฮงเผลอพยักหน้ารับ “ ใช่ เตี่ยนานๆ เที่ยวที เจอแบบนี้ก็เลย...เฮ้ย ลื้อว่าอั๊วโง่เหรอ”
“ก็แล้วแต่ จะโง่ยอมรับว่าตัวเองโง่ก็ตามสบายเลย”
“แหม ไม่ได้มีเรื่องกันนาน คิดถึงบรรยากาศเก่าๆ เอาซะหน่อยมั้ย”
เฮงกับแก้วกัลยาหันมาทะเลาะกัน จนลูกๆ ช่วยกันห้ามกันวุ่นวาย
อ่านต่อตอนที่ 23