xs
xsm
sm
md
lg

ลุ้นรักข้ามรั้ว ตอนที่ 26

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ลุ้นรักข้ามรั้ว ตอนที่ 26
ตี๋ใหญ่กับหมวยเล็กช่วยกันจัดโต๊ะอาหาร ส่วนเฮงนั่งจดรายการของที่จะต้องซื้ออยู่ที่เคาน์เตอร์ พักหนึ่งตี๋เล็กในชุดนักศึกษาก็เดินออกมา เตรียมออกไปมหาลัย แต่ก็ช่วยจัดโต๊ะไปพลางๆก่อน

“อ้าว วันนี้ไปมหาลัยเหรอ” เฮงหันมาถาม
“ครับเตี่ย”
“เหนื่อยอีกแล้วสิ วันนี้”
“อยากสบายมั้ยล่ะเตี่ย” หมวยเล็กถามขึ้นมา
“ทำไง”
“ให้หมวยหยุดเรียนวันนึง เดี๋ยวหมวยอยู่ช่วยเตี่ยเอง”
เฮงรีบโบกมือไล่ “ไปเลย”
“ไปเปลี่ยนชุด?”
“รีบไปโรงเรียนเลย ไม่ต้องมาเนียน”
ตี๋ใหญ่เสนอ “อั๊วว่าเตี่ยหาผู้ช่วยพ่อครัวมาปั้นซักคนดีกว่า เผื่อวัน ไหนตี๋เล็กไม่อยู่ จะได้
มีคนช่วย”
“ทำอย่างกับหากันง่ายๆ อย่างนั้นแหละ”
พอเฮงพูดจบ จางก็เดินเข้ามาพอดี
“หาอะไรกันอยู่เหรอครับ”
ตี๋เล็กรีบบอก “ก็จางนี่ไงเตี่ย อั๊วว่าน่าจะปั้นให้เป็นพ่อครัวได้อยู่นะ”
“ไงจาง ทำงานที่นี่มาก็นานแล้ว อยากเป็นพ่อครัวกับเค้าบ้างมั้ย” ตี๋ใหญ่หันมาถาม
“อยากสิครับคุณตี๋ใหญ่”
เฮงแย้งขึ้นมาทันที “ฝึกให้มันเป็นพ่อครัว พอเก่งแล้ว ก็แยกตัวไปเปิดร้านแข่งกับเราน่ะเหรอ”
“โอ๊ย ไม่หรอกครับเฮีย”
หมวยเล็กย้อนถาม “ไม่เปิด?”
จางหัวเราะแหะๆ “ไม่แน่ครับ”
“เห็นมั้ย แล้วจะฝึกมันดีมั้ยเนี่ย”
“นี่ผมแมนๆ นะครับเฮีย คนอื่นอาจจะตอบว่าไม่เปิดหรอกครับ ผมจะจงรักภักดีกับเฮียไปตลอดชีวิต แต่ใครจะรู้อนาคตล่ะครับ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
ตี๋ใหญ่พนักหน้าเห็นด้วย “ก็จริงของจางนะเตี่ย คนเราถ้ามีศักยภาพที่จะโตได้ เราก็ควรจะสนับสนุนนะ.เราพัฒนาคน คนก็จะพัฒนาชาติ แล้วประเทศก็จะเจริญรุ่งเรืองสืบไป”
ตี๋เล็กหันมาถามล้อๆ “สมัยนี้ลงเขตหรือว่าปาร์ตี้ลิสต์ครับ”
“ก็ต้องแล้วแต่ผู้ใหญ่ในพรรคจะกรุณาน่ะครับ ไม่ได้เล่นการเมือง แหม”
เฮงมองอย่างครุ่นคิด จางรีบประจบเอาใจเต็มที่

ส่วนที่บ้านแก้วกัลยา หญิงใหญ่ ชายเล็กและฮันนี่ ก็กำลังช่วยกันจัดโต๊ะอยู่หน้าบ้าน ก่อนที่แก้วกัลยาจะเดินบ่นออกมา
“โอ๊ย วันนี้หญิงเล็กไปมหาลัย เหนื่อยอีกแล้วช้าน”
ฮันนี่รีบเสนอหน้า “มีฮันนี่อยู่ทั้งคน จะกลัวอะไรคะบอส”
“หรา”
“เออว์”
แก้วกัลยาจ้องตาเขม็ง ฮันนี่หน้าจ๋อย “ซอรี่ค่า”
“เอ้อ เมื่อคืนแม่ฝันเห็นพ่อด้วยนะ เดี๋ยวว่างไปทำบุญให้พ่อแกหน่อยดีกว่า”
หญิงใหญ่รีบบอก “ฮึ่ย หนูก็ฝันเห็นพ่อเหมือนกันค่ะแม่”
ชายเล็กถามต่อ “แล้วได้คุยอะไรกันรึเปล่าครับ”
“ไม่ได้คุยนะ แต่พ่อเขียนเลขอะไรให้ก็ไม่รู้”
แก้วกัลยาตื่นเต้นขึ้นมาทันที “ใกล้หวยออกแล้วด้วย พ่อแกใบ้หวยแน่ๆ”
ฮันนี่ตาโต “เลขอะไรคะ เลขอะไร”
หญิงใหญ่พยายามนึก แก้วกัลยา ชายเล็ก และฮันนี่ต่างตื่นเต้น
“พอดีในฝันหนูลืมใส่คอนแทคเลนส์น่ะค่ะ เลยเห็นเลขไม่ชัด”
แก้วกัลยาพยักหน้าหงึก “ลืมไป เราสายตาสั้นนี่นา เดี๋ยวๆ ในฝัน ก็สายตาสั้นด้วยเหรอ”
“น่าจะใช่นะคะ เพราะภาพมันเบลอมากเลย”
ฮันนี่ทำหน้าเซ็ง “โห่ ทีหลังถ้าจะนอนก็อย่าถอดคอนแทคเลนส์สิคะ ใส่คาไว้เลย”
ชายเล็กรีบท้วง “ใส่คา ตาก็บอดสิครับพี่ฮันนี่”
แก้วกัลยามองหญิงใหญ่แล้วนึกถึงตี๋ใหญ่ ที่ช่วงนี้เดินเกมรุกหนักผิดปกติ
“โอเค..จบเรื่องฝัน ขอคุยเรื่องไอ้ตี๋ใหญ่หน่อยซิ เดี๋ยวนี้มันทำมาเอาใจแม่จังเลย แอบกิ๊กกับมันรึเปล่าเนี่ย”
หญิงใหญ่อึกอัก “กิ๊กอะไรล่ะคะ ไม่มีหรอก”
“อย่ามาโกหกนะ มันมาเอาใจแม่แบบนี้ ถ้าไม่หวังจะจีบเรา แล้วมันหวังอะไร”
“ก็เพื่อความสามัคคีระหว่างบ้านเรากับบ้านเค้าไงคะแม่ สายแล้วชายเล็ก ไปโรงเรียนดีกว่า เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
หญิงใหญ่รีบหยิบกระเป๋า แล้วพาชายเล็กชิ่งออกจากบ้านไป แก้วกัลยามองตาม
“จับไม่มั่น คั้นไม่ตายซะทีนะ สงสัยต้องทำอะไรสักอย่างล่ะ”
“ทำไรคะบอส”
แก้วกัลยาครุ่นคิดหาวิธี สีหน้าจริงจัง

อัครเดชก้มหน้าทำงานเพื่อให้ลืมความผิดหวัง บนโต๊ะมีแฟ้มงานกองสูงจะท่วมหัว หญิงใหญ่กับภรณีเดินมาที่โต๊ะทำงาน มองไปเห็น ก็ถึงกับอึ้ง
“โห งานเยอะขนาดนี้เลยเหรอเดช”
ภรณีแอบเบะปาก “เอาแฟ้มมาตั้งให้ดูงานเยอะ ดูขยันมากกว่า”
อัครเดชเงยหน้าขึ้นมา ตาแดงก่ำจากการร้องไห้อย่างหนักมาก คราบน้ำตาไหลเต็มหน้า
หญิงใหญ่กับภรณีสะดุ้ง “อุ้ย”
“ฉันทำงานโว้ย ไม่ได้สร้างภาพ นังนกแสก”
“แหม ไอ้คิ้วชินจัง หล่อตายล่ะค่า”
“นายโอเค. มั้ยเดช” หญิงใหญ่ถามอย่างเป็นห่วง
“ตอนนี้ยังไม่ค่อยโอเค..แต่งานหนัก คงจะทำให้เราลืมได้ในไม่ช้า”
“นี่ ทำไมไม่ลองมองคนดีๆ ที่อยู่ใกล้ตัวบ้างล่ะ”
“ใครเหรอ” อัครเดชย้อนถาม
“ก็ณีนี่ไง ยังโสดน้า”
อัครเดชทำท่าจะอ้วก “แหวะ ให้คบกับนกแสก เราไปซื้อตุ๊กตายางจากญี่ปุ่นมาอยู่ด้วย ฟินกว่าเยอะ”
ภรณีมองค้อน “หรา ถ้าให้คบแก ฉันซื้อตุ๊กตาลูกเทพมาบูชาเป็นลูกยังดีกว่า ที่จะมีคนอย่างแกเป็นพ่อของลูกฉัน”
หญิงใหญ่ส่ายหน้า “โห นี่มองไม่เห็นค่ากันขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย”
“อย่างมันเอาไปแลกโซดาที่เปิดข้ามคืนยังไม่ได้เลยมั้ง”
อัครเดชสวนกลับทันที “โห พูดแบบนี้ตัวๆ หน้าออฟฟิศเลยมั้ย แมนๆ เลย”
หญิงใหญ่ส่ายหน้าอีก “แมนมากอ่ะ”
“แน่นอนแก้ว เราแมนเต็มร้อยอยู่แล้ว”
ทันใดนั้น แม่บ้านก็เดินเข้ามา “คุณเดชเรียกพี่ มีอะไรให้ช่วยรึเปล่าคะ”
“อ๋อ พอดีชักโครกมันกดไม่ลงน่ะครับ เดี๋ยวผมพาไปดู” พูดพลางชี้หน้าภรณี “ระฆังช่วยชีวิตแกไว้นะ”
จากนั้นก็เดินไปกับแม่บ้าน ภรณีตะโกนด่าไล่หลังไป โดยมีหญิงใหญ่คอยห้ามปราม
ฮันนี่ยืนทำลับๆ ล่อๆ รออยู่ที่มุมปลอดคน ครู่หนึ่งอัครเดชก็พาแม่บ้านที่เปลี่ยนใส่ชุดธรรมดาเดินเข้ามา มีถุงใส่ชุดฟอร์มถือติดมือมาด้วย
“เป็นไงบ้างคะ ได้ยูนิฟอร์มมามั้ย”
อัครเดชรีบบอก “เอาชุดให้พี่คนนี้เลยครับพี่”
แม่บ้านยื่นส่งถุงเสื้อผ้าให้ฮันนี่ “นี่ค่ะ”
“ไม่ต้องห่วงนะพี่ เรื่องนี้จะไม่รู้ถึงเจ้านายพี่แน่นอน”
“แน่นะคะ” แม่บ้านถามย้ำ
“แน่ครับ” จากนั้นก็หยิบเงินให้แม่บ้าน1พัน “นี่ครับพี่ หยุดงานสัก 2 วันนะครับ”
“ค่ะ งั้นพี่กลับก่อนนะคะ”
พอแม่บ้านเดินออกไป อัครเดชก็ถอนใจเฮือก รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่กับแผนการนี้
“คิดถูกหรือคิดผิดวะเนี่ย โดนจับได้ล่ะ ซวยบังเกิด”
ฮันนี่รีบปลอบ “เอาน่า ถ้างานนี้ได้หลักฐานว่าคุณหญิงใหญ่กับคุณตี๋ใหญ่กำลังคบหากัน บอส
อาจจะตบรางวัลโดยการเชียร์คุณกับคุณหญิงใหญ่ก็ได้”
อัครเดชค่อยยิ้มออก “โอเค. ค่อยน่าเสี่ยงด้วยหน่อย”
“พี่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ”
“เดี๋ยว เอานี่ไปด้วยพี่”
อัครเดชรีบหยิบหน้ากากอนามัยออกจากกระเป๋ากางเกงส่งให้ ฮันนี่ทำหน้างง
“ไอไม่ได้ป่วยนะ”
“ผมให้ไว้ปิดหน้า พี่จะได้ไม่โดนจับได้”
“อุ๊บส์ ลืมไปเลย แต๊งกิ้วน้ารูปหล่อ”
ฮันนี่เดินออกไป อัครเดชรู้สึกมีความหวังสุดท้ายกับหญิงใหญ่

ทางด้านที่มหาวิทยาลัย อาจารย์ยื่นเอกสารของสถาบันการทำอาหารที่ออสเตรเลียให้ตี๋เล็ก
“ลองอ่านดู เผื่อจะสนใจ”
ตี๋เล็กเปิดดูคร่าวๆ “ทุนเรียนต่อออสเตรเลียเหรอครับ”
“ใช่ เกรดเฉลี่ยของเธอ ผ่านเกณฑ์ที่จะได้ทุนนี้ อาจารย์เลยเอามาให้เธอศึกษาดู เผื่อว่าจะสนใจ”
ตี๋เล็กแอบเครียด ”สนใจครับอาจารย์ แต่มันติดตรงที่ต้องไปไกลบ้านนี่แหละครับ”
“ก็ลองคิดดูแล้วกัน ว่าไปไกลบ้านแต่ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ กลับมา มันคุ้มกันรึเปล่า”
“ครับอาจารย์”
ตี๋เล็กนั่งเปิดเอกสารดู ด้วยอารมณ์ทั้งดีใจและใจหาย เพราะถ้าจะรับทุนก็ต้องไปเรียนที่ต่างประเทศ

ฮันนี่เปิดประตูเข้ามา ทำทีเข้ามาความสะอาดในห้องทำงานตี๋ใหญ่ จากนั้นก็หยิบเครื่องอัดเสียงออกมา ก่อนจะเดินหามุมซ่อน สุดท้ายจึงเอาไปติดที่ใต้โต๊ะทำงาน
“มิสชั่นคอมพลีท”
พอตี๋ใหญ่เปิดประตูเข้ามา ฮันนี่รีบทำเป็นปัดกวาดเช็ดถูห้องทันที
“กุด มอร์..” พอนึกได้ ก็รีบดัดเสียง “เอ่อ สวัสดีค่ะ”
“หวัดดีครับ ไม่สบายเหรอครับ”
“ค่ะ รู้สึกเหมือนจะเป็นหวัดน่ะค่ะ”
ตี๋ใหญ่รีบบอก “กลับไปพักผ่อนมั้ยครับ เดี๋ยวจะทรุดไปกันใหญ่”
“เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ ฮันนี่..เอิ่บ..ฉันนี่กินยาเรียบร้อยแล้วค่ะ เดี๋ยวคงจะดีขึ้น”
“โอเค. ครับ”
“ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วนะคะ ตามสบายค่ะ”
พูดจบ ฮันนี่ก็รีบเดินออกไป ตี๋ใหญ่นั่งทำงานโดยไม่เอะใจสงสัยอะไร

ฮันนี่มาทำความสะอาดแถวๆ โต๊ะทำงานหญิงใหญ่ อัครเดช และภรณี
“ขออภัยในความไม่สะดวกนะค้า”
ภรณีรีบบอก “ไม่เป็นไรค่ะพี่ แถวนี้ยังสะอาดอยู่เลย”
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่จะทำไล่เป็นโซนๆ ไป”
อัครเดชหันมาพูดเหน็บ “โต๊ะนังนกแสกเน้นๆ หน่อยนะครับพี่ นังนี่เม้าท์เยอะ น้ำลายเกลื่อนพื้นเต็ม ไปหมด”
ภรณีมองค้อน “เงียบไป ไอ้ชินจัง”
หญิงใหญ่ทำหน้าเอือม “เงียบทั้ง 2 คนนั้นแหละ เค้าจ้างให้มาทำงาน ไม่ใช่ให้มาเถียงกัน”
ภรณีก้มหน้าทำงานไป ส่วนอัครเดชก็แอบสบตากับฮันนี่ ก่อนจะส่งสัญญาณเริ่มงานกัน
ฮันนี่กดอัดเสียงจากโทรศัพท์มือถือ แล้วเอาใส่กระเป๋ากางเกงไว้ ขณะที่อัครเดชทำทีเป็นหันมาคุยกับหญิงใหญ่
“แก้ว เราทำใจเรื่องแก้วได้แล้วนะ”
หญิงใหญ่ยิ้มกว้าง “จริงดิ ดีใจด้วยนะ”
“แล้วระหว่างแก้วกับผู้ช่วย ตอนนี้เป็นไงบ้างอ่ะ”
หญิงใหญ่ยังไม่ทันตอบ ภรณีก็พูดแทรกขึ้นมา
“แก้วๆ แกช่วยฉันดูตรงนี้หน่อยสิ ว่าโอเค. ป่าว”
หญิงใหญ่ลุกไปช่วยดูงานให้ภรณี อัครเดชกับฮันนี่สบตากันเซ็งๆ
“โอเค. แล้วแก”
หญิงใหญ่กลับมานั่งที่โต๊ะ อัครเดชถามย้ำ
“ว่าไงแก้ว ตอนนี้แก้วกับผู้ช่วย..”
ภรณีพูดแทรกขึ้นมาอีก “เฮ้ย กลางวันนี้ไปกินส้มตำกันมั้ย มีร้านเปิดใหม่ เค้าว่าเด็ด”
“เออ ไปสิ เมื่อกี๊ว่าไงนะเดช”
อัครเดชแอบเซ็ง “เราถามว่าระหว่างแก้วกับผู้ช่วย ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง”
“ก็..”
หญิงใหญ่อ้าปากจะตอบ แต่ก็ถูกภรณีแทรกอีก “แกอยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย เดี๋ยวฉันโทร. สั่งไว้ก่อน เพราะคนเยอะมากแก”
“แกสั่งเลย ฉันกินหมดแหละ”
อัครเดชทนไม่ไหว “เฮ้ย นกแสก จะพูดแทรกอะไรนักหนาเนี่ย คำว่ามารยาทน่ะสะกดเป็นมั้ย”
“เป็น แต่กับคนบางคน ฉันไม่จำเป็นต้องใช้ มีไรป่ะ”
ขาดคำ ก็มีพนักงานคนหนึ่งเดินเข้ามาหาฮันนี่
“พี่คะ ช่วยไปดูกาแฟให้หน่อยสิคะ มันหมดแล้วอ่ะ”
“ได้ค่ะๆ เดี๋ยวพี่ไปเติมให้”
ฮันนี่สบตากับอัครเดชนิดหนึ่ง แล้วก็เดินออกไป

ตี๋เล็กนั่งดูเอกสารการเรียนต่อต่างประเทศ หน้าตาเคร่งเครียด หญิงเล็กเดินเข้ามาเห็น ก็เลยแซว
“ท้องผูกเหรอ”
“อืม เดือนกว่าแล้วเนี่ย”
หญิงเล็กทำตาโต “โห ไม่เป็นฟอสซิลคาอยู่ในลำไส้ละเหรอ”
“ประชดครับ ประชด คนบ้าที่ไหนจะผูกนานเป็นเดือน”
“ก็ฉันคนซื่อ”
ตี๋เล็กถามต่อทันที “ซื่อบื้อ?”
“ซื่อตรง”
ตี๋เล็กยิ้มขำ “อ้าวเหรอ ท่ดๆๆ”
จังหวะนั้น ก็มีนักศึกษาชาย 2 คนเดินเข้ามาหาหญิงเล็ก
“พี่ครับ รบกวนหน่อยครับ พี่มีเบอร์มั้ยครับ”
หญิงเล็กทำหน้างง “เบอร์?”
ตี๋เล็กรีบตอบแทน “ก็มีบ้าง ช่วงที่พี่เค้านอนน้อยน่ะ”
“เอ่อ ผมหมายถึงเบอร์โทรครับพี่”
“แล้วจะเอาเบอร์พี่ไปทำอะไรอ่ะ”
อีกคนรีบบอก “มีคนฝากให้พวกผมมาขอน่ะครับ”
ตี๋เล็กได้ยิน ก็แอบหงุดหงิดเล็กๆ
“ใครอ่ะ” หญิงเล็กอยากรู้
“เดี๋ยวพี่ให้เบอร์มา ก็รู้เองแหละครับ”
“ใครขอก็ไม่รู้ พี่ให้ไม่ได้หรอก”
อีกคนรีบเสนอ “ยังไม่ให้เบอร์ ขอไอดีไลน์ก่อนก็ได้ครับ”
หญิงเล็กอึกอัก “เอ่อ...”
ตี๋เล็กชักรำคาญ “เฮ้ย ไปบอกไอ้คนที่ฝากมาขอนะ พี่เค้าไม่ให้หรอก”
“พี่เป็นแฟนพี่เค้าเหรอครับ”
ตี๋เล็กจ้องหน้า เอาเรื่อง “ถ้าใช่ แล้วจะทำไมอ่ะ”
อีกคนหน้าเจื่อน “เอ่อ ไม่ทำไมครับพี่ งั้นผมขอตัวนะครับ”
นักศึกษาชาย 2 คนรีบเดินออกไป หญิงเล็กมองตี๋เล็กงงๆ
“วันนี้ไปกินรังแตนที่ไหนมาป่ะเนี่ย หน้าเครียดไม่พอ โหดอย่างกับฮัลค์ตอนแปลงร่างอย่างนั้นแหละ”
ตี๋เล็กตอกกลับทันที “มัวแต่เงอะๆ งะๆ อย่างนั้น ก็โดนตื๊อขอเบอร์ไม่เลิกซะทีน่ะสิ”
“อ๋อ ที่ทำโหดเมื่อกี๊นี้ เพราะจะไล่น้องสองคนนั้นออกไปแค่นั้นเหรอ”
ตี๋เล็กอึกอัก “แล้วคิดว่าผมทำไปเพราะอะไรล่ะ”
หญิงเล็กลอยหน้าลอยตา “เปล่า ถามเฉยๆ”
ทั้งคู่ทำเมินหน้าออกจากกัน ก่อนที่ตี๋เล็กจะแอบเหล่มองหญิงเล็ก เพราะลึกๆ ก็รู้สึกชอบอยู่บ้างแล้ว

ฮันนี่ในคราบแม่บ้าน เดินเข้ามาแอบสืบความเคลื่อนไหวกับพนักงานหญิงที่ยืนชงกาแฟอยู่
“นี่เธอ ถามอะไรหน่อยสิ”
“มีอะไรคะ”
“พอดีพี่เห็นคุณตี๋ใหญ่กับคุณหญิงใหญ่ดูสนี๊ททสนิทกันเป็นพิเศษ เค้ามีซัมติงอะไรกันรึเปล่า”
พนักงานหญิงทำหน้างง “ซัมติง พี่หมายถึงอะไรล่ะคะ”
“ก็กิ๊กกั๊กมีความรักกันอะไรอย่างนี้ไง”
“เอ่อ แล้วพี่จะรู้ไปทำไมล่ะคะ”
ฮันนี่ทำท่าอึกอัก “ก็มันสงสัยน่ะสิ ถ้าไม่รู้แล้วมันนอนไม่หลับ แบบว่าต่อมเผือกมันทำงานตลอดเวลาอ่ะ”
จู่ๆ หญิงใหญ่เดินเข้ามาทางด้านหลัง พนักงานหญิงเห็นแล้ว แต่ฮันนี่ยังไม่ทันเห็น
“ว่าไง คุณตี๋ใหญ่กับคุณหญิงใหญ่เค้าเป็นแฟนกันใช่มั้ย”
พนักงานหญิงชำเลืองเหล่หญิงใหญ่ “เอ่อ..”
ฮันนี่ทำเสียงดุขึ้นมา “พูดกับพี่ก็มองตาพี่สิ ตรงนี้มีแค่เรา จะมองใครคะ” พอหันไปเจอหญิงใหญ่อยู่ข้างหลัง ก็ถึงช็อตสะบัดหน้าหนึ่งที
“คุณหญิงใหญ่”
พนักงานหญิงรีบเดินชิ่งออกไป หญิงใหญ่มองหน้าอย่างเอาเรื่อง
“ไงคะ พี่จะอยากรู้ไปทำไม ว่าหนูเป็นแฟนกับใคร”
ฮันนี่รีบดัดเสียง “เอ่อ พี่เป็นคนชอบจิ้นน่ะค่ะ เห็นคุณกับคุณตี๋ใหญ่แล้วรู้สึกว่าเคมีมันตรงกันยังไงก็ไม่รู้”
“หนูไม่ใช่ดารา จะมาจิ้นให้ได้อะไรคะ”
ฮันนี่รีบแถ “น้องไม่รู้อะไร จิ้นนอกจอกับคนใกล้ตัวแบบนี้ มันฟินไปอีกแบบนะคะ ไม่เชื่อลองดูก็ได้”
หญิงใหญ่ไม่พูดอะไรต่อ แต่มองด้วยสีหน้าสงสัย
“พี่ขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”
พูดจบ ฮันนี่ก็รีบเดินออกไป หญิงใหญ่เริ่มรู้สึกแปลกๆ

แก้วกัลยายกอาหารใส่ถาดมาเสิร์ฟตามโต๊ะ ที่มีลูกค้าเต็มทุกโต๊ะ เสี่ยชาญเดินเข้ามาพอดี
“โห ท่าทางยุ่งมากเลยนะเนี่ย”
“ก็ใช่น่ะสิ นี่หญิงเล็กก็ไม่อยู่ หัวหมุนอยู่คนเดียวเลยเนี่ย” แก้วกัลยาบ่นอุบ
“อ้าว แล้วอาฮันนี่ไปไหนซะล่ะ”
“อ๋อ ฉันส่งไปสืบราชการลับน่ะ”
เสี่ยชาญขมวดคิ้ว “สืบราชการลับ?”
“เอ่อ ป เปล่า ฮันนี่มันไปทำธุระส่วนตัวของมันน่ะ”
“อ่อ”
เสี่ยชาญพยักหน้าหงึก ก่อนจะนั่งลง แก้วกัลยาคิดวิธีหาคนช่วยงานได้
“เสี่ย วันนี้ว่างมั้ย”
“อั๊วก็ว่างตลอดอยู่แล้ว มีอะไรเหรอ”
“สนใจช่วยงานฉันมั้ยล่ะ เดี๋ยวฉันเลี้ยงอาหารฟรีมื้อนึง”
เสี่ยชาญต่อรอง “สองมื้อ โอเค. มั้ย”
แก้วกัลยากลืนน้ำลายเอื๊อก

อ่านต่อหน้าที่  2


ลุ้นรักข้ามรั้ว ตอนที่  26
ตี๋ใหญ่ยกเก้าอี้ขึ้นบนโต๊ะ เพื่อเก็บร้าน ขณะที่หมวยเล็กกวาดพื้นอยู่ใกล้ๆ

“ถ้ามีการบ้านก็ไปทำได้นะหมวย เดี๋ยวตรงนี้เฮียทำเอง”
หมวยเล็กรีบบอก “ไม่เป็นไรเฮีย เมื่อกี๊หมวยกินข้าวไปเยอะ กวาดบ้าน เบิร์นแคลลอรี่หน่อยดีกว่า”
ตี๋ใหญ่ยิ้มรับ ก่อนจะยกเก้าอี้ต่อ หมวยเล็กมองรูปร่างตัวเองอย่างเป็นกังวล ก่อนจะตัดสินใจถามตรงๆ
“เฮีย เฮียว่าหมวยอ้วนมั้ยอ่ะ”
“ไม่นี่ ออกจะผอมเพรียว”
“เอาจริงๆ ดิเฮีย อย่าโกหก” หมวยเล็กถามย้ำ
“อืมม์ ก็ดูมีน้ำมีนวลขึ้นนิดนึงอ่ะ”
หมวยเล็กเริ่มเครียด “โห่ เฮียว่าหมวยอ้วนเหรอเนี่ย กวาดพื้นไม่พอล่ะ ไปจ๊อกกิ้งเลยดีกว่า”
พูดจบก็ทำท่าจะเดินออก ตี๋เล็กเดินสวนเข้ามาพอดี ในมือถือเอกสารเรียนต่อมาด้วย
“จะรีบไปไหนเนี่ย”
หมวยเล็กหงุดหงิด “จะไปวิ่ง” พลางส่งไม้กวาดให้ “อ่ะนี่ กวาดต่อด้วย”
ตี๋เล็กทำหน้างง “เป็นอะไรของนางเนี่ย”
ตี๋ใหญ่ยิ้มขำ “โรคเฉพาะของผู้หญิงน่ะ ผู้ชายอย่างเราเข้าใจยาก”
ตี๋เล็กวางเอกสารการเรียนต่อไว้บนเคาน์เตอร์ แล้วกวาดพื้น พร้อมกับที่เฮงกับจางเดินตุปัดตุเป๋ออกมาจากครัว ท่าทางเหน็ดเหนื่อยกันทั้งคู่
ตี๋ใหญ่หันมาเห็น ก็แซวขึ้นมา “โห แข้งขาอ่อนมาเชียว นี่ไปล้างจานหรือไปทำอะไรกันมาเนี่ย”
จางรีบบอก “ล้างจานเสร็จ ก็ล้างตู้เย็นต่อน่ะครับ”
ตี๋เล็กตกใจ “หะ?”
“ทำความสะอาดตู้เย็นน่ะครับ วันนี้ขายดี ของหมดเยอะ ก็เลยล้างตู้เย็นซะเลย”
เฮงรีบบอก “เออ พูดให้เคลียร์ โน่น พื้นยังไม่ได้กวาด กวาดเสร็จค่อยกลับไปนอน”
“ค้าบ”
จางรับคำ ก่อนจะคว้าไม้กวาดจากตี๋เล็กไปกวาดพื้น ส่วนเฮงเดินไปเคลียร์บิลที่เคาน์เตอร์
ตี๋เล็กมองทุกคนทำงานหนัก ก็รู้สึกลำบากใจ เฮงมองเห็นเอกสารเรียนต่อ ก็ถามโพล่งขึ้นมา “นี่อะไรเนี่ย”
ตี๋เล็กรีบแก้ตัว “อ๋อ เอกสารของเพื่อนอั๊วน่ะเตี่ย”
จากนั้นก็รีบเดินไปหยิบเอกสารมาเก็บไว้ เฮงปาดเหงื่อไป บ่นไป
“ลื้อไมอยู่แค่วันเดียว วุ่นวายสุดๆ”
ตี๋เล็กคิดหนัก เพราะถ้าไปเรียนต่อ ทุกคนต้องยิ่งเหนื่อยแน่ๆ

ทางฝั่งที่บ้านแก้วกัลยา ชายเล็กกำลังกวาดบ้านอยู่ ก่อนที่หญิงใหญ่ ที่กลับจากที่ทำงาน จะเดินเข้ามา“ง่อว์ คุณพ่อศรีเรือน ลงมือเองเลยเหรอคะ”
“ไม่มีใครทำ ก็ต้องลงมือเองสิครับ”
“อ้าว แล้วพี่ฮันนี่ล่ะ” หญิงใหญ่ย้อนถาม
“ผมเจอเสี่ยชาญ เสี่ยชาญบอกพี่ฮันนี่ออกไปข้างนอกตั้งแต่ตอนกลางวันแล้ว ป่านนี้ยังไม่กลับเลยเนี่ย”
“อ้าว แล้วมีใครอยู่ช่วยแม่ล่ะ วันนี้หญิงเล็กก็ไปมหาลัย”
ชายเล็กรีบบอก “ก็เสี่ยชาญนั่นแหละครับ แต่พี่หญิงเล็กกลับมาแล้ว กำลังช่วยคุณแม่อยู่ในครัว”
หญิงใหญ่แอบบ่นพึมพำ “พี่ฮันนี่เค้าไปไหนของเค้านะ”
หญิงเล็กเดินออกมาจากครัว แก้วกัลยาตามออกมาด้วยอาการอ่อนเพลีย
“ยาดมมั้ยครับคุณแม่”
แก้วกัลยาทำหน้าเหนื่อย “ขอถังอ็อกซิเจนลยดีกว่าลูก”
หญิงเล็กหันมองแม่ “ไม่น่าเชื่อนะคะ ว่าวันนี้แม่จะทำคนเดียวได้ สุดติ่ง กระดิ่งแมวจริงๆ”
หญิงใหญ่รีบถาม “แล้ววันนี้พี่ฮันนี่ไปไหนทั้งวันเลยล่ะคะ”
แก้วกัลยาแก้ตัวทันควัน “เอ่อ มันขอไปทำเรื่องประกันสังคมอะไรพวกนี้น่ะลูก”
ขาดคำฮันนี่ก็เดินเข้ามา “ฮันนี่กลับมาแล้วค่ะบอส”
หญิงเล็กหันมาแซว “ปล่อยให้แม่เหนื่อยคนเดียวทั้งวันเลยน้า”
“ซอรี่ค่ะ พอดีญาติพี่ฮันนี่มาจากต่างจังหวัด ต้องพาไปทำธุระหลายที่เลย”
หญิงใหญ่ทำหน้างง “อ้าว ไหนแม่บอกว่าพี่ฮันนี่ไปทำประกันสังคม”
แก้วกัลยากับฮันนี่หันมองหน้ากัน ต่างคนต่างอึกอัก
“เอ่อ ก็เจอญาติแล้วก็พากันไปทำน่ะค่ะคุณหญิงใหญ่ พอดีญาติเข้ามาทำงานในกรุงเทพกันหลายคน”
แก้วกัลยารีบบอก “มาก็ดีแล้ว ไปช่วยงานฉันในครัวต่อเลย”
หญิงเล็กท้วงขึ้นมา “อ้าว ในครัวเรียบร้อยหมดแล้วนี่คะ”
“ยังเหลืออีกนิดนึง ไปฮันนี่”
แก้วกัลยากับฮันนี่รีบพากันเดินเข้าไปในครัว
หญิงเล็กหันมาถามพี่กับน้อง “เดี๋ยวจะออกไปซื้อของกินหน่อย มีใครจะเอาอะไรมั้ย”
ชายเล็กรีบบอก “น้ำเต้าหู้ถุงนึงละกัน”
หญิงใหญ่ส่ายหน้า “ของพี่ไม่ต้องนะ”
“อะเคร”
หญิงเล็กเดินออกจากบ้านไป หญิงใหญ่ยืนครุ่นคิด รู้สึกว่าแก้วกัลยากับฮันนี่มีลับลมคมในบางอย่าง

แก้วกัลยากดปุ่มครื่องอัดเสียง แล้วทำหน้านิ่ว
“ไม่เห็นมีเสียงอะไรเลยนังฮันนี่”
“ใจเย็นสิบอส คุณตี๋ใหญ่เค้าทำงานนะคะ ไม่ได้นั่งเม้าท์ไปวันๆ”
แก้วกัลยามองค้อน “เข้าข้างมัน ก็ไปทำงานบ้านมันเลยมั้ยล่ะ”
พลันเสียงจามของตี๋ใหญ่จากในเทปก็ดังขึ้นมา ฮันนี่กับแก้วกัลยาสะดุ้งตกใจ
“หายใจหมด”
แก้วกัลยารีบช่วยแก้ “ใจหาย ไม่ต้องชง ขี้เกียจแก้”
เสียงไอและขากเสมหะจากในเทปดังต่อมาอีก ทั้งคู่ทำหน้าสะอิดสะเอียน
“ไม่มีเสียงบ้วนด้วย สงสัยจะกลืน”
แก้วกัลยาทำหน้ายี้ “ไม่ต้องขยาย จะอ้วก”
หญิงใหญ่เดินมาซุ่มดู เห็นแค่แก้วกัลยากับฮันนี่สุมหัวกัน ก่อนชายเล็กจะเดินมายืนข้างๆ
“มีอะไรเหรอ”
หญิงใหญ่หันไปส่งซิกให้เบาๆ “ชู่สส์”
“แอบดูอะไรอยู่อ่ะ”
หญิงใหญ่กระซิบตอบ “ก็แม่กับพี่ฮันนี่น่ะสิ สุมหัวทำอะไรกันอยู่ก็ไม่รู้”
“อ้าว แล้วไม่เข้าไปถามล่ะครับ”
“ถามก็ไม่บอกหรอก ลักษณะอย่างนี้มีแผนการไม่ดีกันอยู่แน่”
แก้วกัลยากดปุ่มเครื่องอัดเสียงอีก แต่ก็ไม่มีเสียงอะไรดังออกมา
“วันนี้คงไม่ได้เรื่องแล้ว พรุ่งนี้แกไปอีกวันก็แล้วกัน”
“ค่ะ บอส”
หญิงใหญ่ที่แอบยืนดูอยู่ ทำสีหน้าครุ่นคิดหนัก

ตี๋เล็กนั่งเงียบๆ อยู่คนเดียว พร้อมกับนึกถึงตอนที่นักศึกษาชายเข้ามาขอเบอร์หญิงเล็ก ก่อนจะนึกย้อนไปถึงตอนที่มีโอกาสได้ใกล้ชิดสนิทสนมกัน
คิดพลางก็แอบอมยิ้มอย่างรู้สึกดี หญิงเล็กเดินถือถุงน้ำเต้าหู้ผ่านมา เห็นอีกฝ่ายนั่งยิ้มอยู่คนเดียวก็เดินเข้ามาหา
“นาย มานั่งทำอะไรตรงนี้คนเดียวเนี่ย”
ตี๋เล็กทำหน้ากวน “มานั่งให้คนสงสัยเล่น”
“กวนติง กลับบ้านก็ได้วะ”
“เดี๋ยว อย่าเพิ่งไป”
ตี๋เล็กรีบคว้าแขนหญิงเล็กไว้ 2 คนมองสบตากันนิ่ง ครู่หนึ่งตี๋เล็กก็เป็นฝ่ายปล่อยมือ
“เรากำลังคิดเรื่องเรียนต่อต่างประเทศอยู่น่ะ”
หญิงเล็กนั่งลง “นี่นายได้ทุนเหรอ”
ตี๋เล็กพนักหน้าหงึก “ใช่ กำลังคิดอยู่ ว่าจะไปดีมั้ย”
หญิงเล็กแอบรู้สึกใจหาย “ทำไมต้องคิดมากด้วยล่ะ โอกาสดีแบบนี้ไม่ใช่ได้กันง่ายๆ นะ”
“ถ้าเราไปที่ร้านคงวุ่นวายแน่ เตี่ยก็คงทำงานคนเดียวไม่ไหวหรอก”
“เหตุผลแค่เนี้ยะ ถ้านายไปจริงๆ เตี่ยนายก็คงหาคนมาช่วยแหละ”
ตี๋เล็กนิ่งไป ก่อนจะมองถุงน้ำเต้าหู้ แล้วนึกถึงตอนหญิงเล็กให้น้ำเต้าหู้
“เป็นอะไรอ่ะ หรือว่ามีเหตุผลอื่นอีก ที่ทำให้นายไม่อยากไป”
ตี๋เล็กมองหน้าหญิงเล็ก แต่ยังไม่กล้าบอกว่าเป็นเพราะเธอนั่นแหละ

หญิงใหญ่นั่งคุยโทรศัพท์อยู่ที่โต๊ะทำงาน
“พี่ฮันนี่บอกรึเปล่าว่าออกไปไหน เหรอ แล้วแม่ก็ไม่บ่นไม่ว่าอะไรสักคำเลย นั่นสิพี่ก็ว่าแปลกๆ..แสดงว่าแม่กับพี่ฮันนี่ ต้องมีลับลมคมในอะไรบางอย่าง ไม่เป็นไร หญิงเล็กอยู่นิ่งๆ ไว้ เดี๋ยวพี่จัดการเอง โอเค.”
จากนั้นก็กดวางสาย สีหน้าครุ่นคิดสงสัย พร้อมกับที่ภรณีกับอัครเดชเดินเบียดกันมา
“เดินดีๆ สิวะ ไอ้ชินจัง”
“แกแหละเดินดีๆ นังนกแสก ฉันเดินเข้ามาก่อนนะเว้ย”
“ฉันสแกนนิ้วมือก่อนแกอีกเหอะ”
อัครเดชไม่ยอมแพ้ “ ฉันสแกนทีหลัง แต่ฉันไม่ได้เดินนวยนาดอย่างแกนี่”
หญิงใหญ่ยิ่งหงุดหงิด “โอ๊ย ไม่ทะเลาะกันซักวันจะลงแดงตายมั้ยเนี่ย”
ภรณีกับอัครเดชสะบัดหน้าใส่กัน ก่อนที่ฮันนี่ในคราบแม่บ้านจะเดินเข้ามา ดัดเสียงทักทาย
“สวัสดีค่า”
อัครเดชกับภรณีก้มหน้าทำงาน ไม่มีอารมณ์ทักทายใคร ฮันนี่หน้าจ๋อย
“เอาซะกริบเลย ทำงานก็ได้”
หญิงใหญ่เหล่มองด้วยท่าทีสงสัย ก่อนจะแกล้งทำแฟ้มหล่นให้ตกใจ
“โอ้ มาย ก๊อด”
หญิงใหญ่กับภรณีมองฮันนี่งงๆ อัครเดชหน้าเจื่อนเล็กน้อย แอบเหล่หญิงใหญ่ว่าจะสงสัยอะไรมั้ย

ภรณีโพล่งขึ้นมาทันที “แหม วันนี้มาแปลกนะพี่ ทุกทีตอนตกใจเห็นอุทานแต่ไอ้นี่แหก ไอ้นู้นแหก เซ็นเซอร์กันแทบไม่ทัน”
“เอ่อ ตอนนี้จะเข้า AEC แล้วน่ะค่ะ ก็เลยต้องใช้ภาษาอังกฤษให้ชินปากไว้”
หญิงใหญ่พยายามจับผิด “สำเนียงคุ้นๆ นะคะ เหมือนเคยได้ยินบ่อยๆ”
ฮันนี่รีบดัดเสียง “เหรอคะ เคยได้ยินจากที่ไหนเหรอ”
อัครเดชเห็นท่าไม่ดี รีบเล่นตลกกลบเกลื่อน
“ภาษาอังกฤษก็อย่างนี้แหละแก้ว สำเนียงมันก็ฟังดูคล้ายๆกัน” จากนั้นก็หันมาพูดกับฮันนี่ “จะเข้าAEC แล้ว งั้นมาฝึกภาษากันหน่อยมั้ยพี่”
“จัดมาค่ะ”
“หมา ภาษาอังกฤษคือ”
ฮันนี่รีบตอบ “ด็อก”
อัครเดชถามอีก “หมาแก่ล่ะ”
“โอลด์ด็อก”
“หมาร้อน”
“ฮอตด็อก”
อัครเดชถามต่อ “หมาอกหัก”
“บ่ เป็นหยังด็อก แฮ่”
“ครับ หมดเวลาของเราแล้ว คณะของเราก็ขอจบการแสดงแต่เพียงเท่านี้ แล้วพบกันใหม่ครับ สวัสดีครับ”
ว่าแล้วก็แอบส่งซิกให้ ฮันนี่รีบเดินออกไปทันที หญิงใหญ่มองตาม เริ่มมั่นใจว่าเป็นฮันนี่ปลอมตัวมา

เฮงกำลังปรุงน้ำซุปในหม้อ มีจางยืนดูอยู่ข้างๆ
“หมั่นดูอั๊วไว้ เดี๋ยวก็ซึมซับวิชาความรู้ไปได้เอง”
“ครับเฮีย แต่นอกจากให้ดู บอกสูตรจางด้วยก็ดีนะครับ”
เฮงถลึงตาใส่ “แหม ยังไม่ทันสอนเลย ขอสูตรซะแล้วนะไอ้นี่”
“ก็จะท่องจำไว้ไงครับ เผื่อเฮียไม่ว่าง จางจะได้ช่วยปรุงไรงี้”
ตี๋เล็กเดินมา ก่อนจะหยุดแอบดู
“สูตรสำคัญก็จริง แต่สิ่งที่สำคัญกว่าสูตร รู้มั้ยคืออะไร” เฮงหันมาถามจาง
“กางเกงใช่มั้ยครับ”
“ใช่ ไม่มีสูทก็ยังมีเสื้อเชิ้ต แต่ถ้าไม่มีกางเกงเราก็จะโป๊..ถุย! จะสาระก็พาไปฮาอยู่นั่นแหละ จะสอนดีมั้ยวะ”
“ก็ไม่อยากให้เฮียเครียดนี่ครับ อ่ะๆ จริงจังก็ได้ ไม่ฮาล่ะ สิ่งที่สำคัญกว่าสูตร มันคือจิตวิญญาณใช่มั้ยครับ”
“เออ ค่อยน่าสอนต่อหน่อย”
จางรีบโชว์ภูมิ “คุณตี๋เล็กเคยบอกผมไว้น่ะครับ สูตรอาหารไม่มีจิตวิญญาณ ฉะนั้นทุกครั้งที่ทำอาหาร เราต้องใส่จิตวิญญาณลงไปด้วย”
ตี๋เล็กเดินเข้ามา “เยี่ยมมาก แบบนี้อนาคตมีอยู่สองอย่าง”
จางยิ้มปลื้ม “รุ่งกับรุ่งมาก?”
“ ไม่เบาหวานก็ความดัน”
จางหน้าจ๋อย “แฮ่! ตลกมาก เดี๋ยวเฮียก็บ่นผมอีกหรอกครับ”
“ไม่ได้ตลก แต่ตั้งใจจะเตือนนานแล้ว การจะเป็นเชฟที่ดีได้ สุขภาพร่างกายต้องแข็งแรงด้วยนะ”
เฮงพยักหน้าหงึก “ใช่ งานครัวมันต้องคล่องแคล่ว กระฉับกระเฉง อ้วนแบบนี้ไม่ดีหรอกนะ”
“ครับ เดี๋ยวผมจะฟิตแอนด์เฟิร์มให้เพรียวกว่านี้ให้ได้ครับ”
เฮงรู้สึกเอะใจ ที่ตี๋เล็กตั้งใจปั้นจางเป็นพ่อครัวมากเกินปกติ
“ เดี๋ยวนะตี๋เล็ก เตี่ยรู้สึกว่าลื้อมุ่งมั่นที่จะปั้นอาจางให้เป็นเชฟจริงจังไปนิดนะ ทำอย่างกับลื้อจะไม่อยู่ช่วยอั๊วนานๆ อย่างนั้นแหละ”
“อั๊วว่าจะคุยเรื่องนี้กับเตี่ยอยู่พอดี”
“เรื่องอะไรวะ”
ตี๋เล็กมองเตี่ยยิ้มๆ เพื่อให้ดูไม่ซีเรียสมากนัก

เฮงดูเอกสารการเรียนต่อต่างประเทศของตี๋เล็กสีหน้าเคร่งเครียด
“เตี่ยคิดว่าไงอ่ะ”
“ไม่รู้สิ ถามว่าดีใจมั้ย ก็ดีใจนะ แต่มันก็รู้สึกใจหายยังไงพิกล”
ตี๋เล็กถอนหายใจ “อั๊วก็สับสนอยู่เหมือนกัน ใจนึงก็อยากไป แต่ใจนึงก็ห่วงเตี่ย ห่วงร้านนี้”
“อั๊วว่าลึกๆ แล้ว ลื้ออยากไปมากกว่าห่วงอั๊วหรือห่วงร้านนี้นะ ไม่อย่างนั้นลื้อไม่ชงให้อาจางขึ้นมาเป็นผู้ช่วยอั๊วแบบนี้หรอก”
ตี๋เล็กมองหน้าเฮง “เตี่ย”
“ลื้อทำกับข้าวแทนเตี่ยไปก่อนนะ เตี่ยขออยู่คนเดียวแป๊บนึง”
เฮงลุกเดินออกจากบ้านไป ตี๋เล็กเครียด เป็นห่วงว่าเตี่ยจะรู้สึกยังไง

เฮงหลบมานั่งเครียดเรื่องตี๋เล็กอยู่หน้าบ้านเสี่ยชาญ
“จิบชาให้สบายใจก่อน แล้วค่อยๆ คิด ว่าจะเอายังไงต่อไป”
เสี่ยชาญรินชาใส่จอก แล้วยื่นให้
“ถ้าลื้อเป็นอั๊ว ลื้อจะตัดสินใจยังไงวะเสี่ย”
“เป็นอั๊ว ก็ต้องเอาผลดีผลเสียมาชั่งน้ำหนักกัน ถ้าไป แล้วมันเกิดผลดีมากกว่า อั๊วก็จะให้ไป” เสี่ยชาญพูดอย่างจริงจัง
“ อั๊วลองคิดดูแล้ว ผลดีก็มีแค่ความรู้กับประสบการณ์ที่จะได้มา แต่ผลเสียนี่สิ”
“มีอะไรบ้าง”
เฮงหน้าเครียด “ไม่มีใครอยู่ช่วยงานอั๊วหนึ่งล่ะ กลัวไปแล้วไปใจแตกติดยงติดยาอีกอย่าง”
เสี่ยชาญรีบแย้ง “ผลเสียที่ลื้อพูดมา เทียบไม่ได้กับประสบการณ์ความรู้ที่อาตี๋เล็กจะได้เลยนะ แล้วเรื่องติดยาน่ะ อั๊วเชื่อว่าอีไม่ยุ่งแน่ๆ”
“อีกอย่าง อั๊วกลัวว่าอีจะโดนวัฒนธรรมฝรั่งกลืนกินความเป็นเชฟอาหารจีนจนหมด แล้วอาหารจีนดั้งเดิมที่อั๊วรักษามาจะสูญหายไป”
“ลื้อคิดเยอะไปรึเปล่า สิ่งที่ลื้อกลัวอยู่เนี่ย บางทีมันอาจจะไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้”
เฮงถอนหายใจ “คนเป็นพ่อ มันอดกลัวไม่ได้หรอก ไปอยู่ไกลตาแบบนั้น เกิดอะไรขึ้นบ้างก็ไม่รู้”
“ถ้าอย่างนั้นลื้อก็ลองตัดสินใจเอาเองแล้วกัน อั๊วคงให้คำปรึกษาลื้อได้เท่านี้แหละ”
เฮงหน้าเครียด ครุ่นคิดหนัก

แก้วกัลยากด Forward ที่เครื่องอัดเสียง สุ่มหาเสียงที่อัดไว้ โดยมีฮันนี่ยืนลุ้นอยู่ใกล้ๆ
“ไม่เห็นมีเสียงอะไรเลย จะได้เรื่องมั้ยเนี่ย”
“ฮันนี่เห็นคุณหญิงใหญ่เข้าไปในห้องคุณตี๋ใหญ่นานเหมือนกันค่ะ ครั้งนี้ได้เรื่องแน่นอน”
ทันใดนั้นเสียงตี๋ใหญ่จากเครื่องอัดเสียงก็ดังขึ้นมา
“เชิญครับ”
ฮันนี่ยิ้มดีใจ “มาแล้วค่ะ”
แก้วกัลยาหันไปดุ “เงียบๆ”
เสียงหญิงใหญ่จากเครื่องอัดเสียงดังขึ้นมาต่อ “เอกสารที่ต้องเซ็นค่ะ”
“เดี๋ยวผมเซ็นให้นะ”
“เรื่องนี้ด่วนมากค่ะ รบกวนดูก่อนนิดนึงนะคะ”
จู่ๆ เสียงพูดก็หายไปครู่หนึ่ง จนแก้วกัลยาสงสัย
“เงียบไปละ”
“ฟอร์เวิร์ดไปนิดนึงซิคะ”
แก้วกัลยากด Forward นิดหนึ่ง แล้วกด Play ใหม่ หญิงใหญ่เดินเข้ามา ซุ่มดูอยู่ห่างๆ
เสียงตี๋ใหญ่จากเครื่องอัดเสียง เริ่มดังขึ้นมาอีก
“บางทีผมก็อิจฉาคุณนะ ถึงจะไม่มีพ่อ แต่แม่คุณก็แกร่งมาก ผู้หญิงแบบนี้นี่เป็นผู้หญิงในอุดมคติผมเลยรู้มั้ย”
แก้วกัลยาได้ยิน ก็อมยิ้มกรุ้มกริ่ม
เสียงหญิงใหญ่ถามต่อ “แล้วแม่คุณล่ะ เป็นยังไงบ้าง”
“แม่ผมก็เป็นผู้หญิงในอุดมคติผมคนนึงแหละนะ แต่พอผมได้มาเจอแม่คุณ ผมก็เฮ้ย! แบบว่ามีผู้หญิงเก่งขนาดนี้อยู่บนโลกนี้ด้วยเหรอ”
แก้วกัลยาเริ่มเคลิ้มหนักขึ้น
“แม่คุณทั้งสวย ฉลาดหลักแหลม เข้มแข็งก็ที่หนึ่ง คำว่าซุปเปอร์มัมสำหรับแม่คุณ ผมว่ายังน้อยไป
ด้วยซ้ำ”
แก้วกัลยากดปุ่มหยุดเทป พลางอายม้วนต้วนไปมา
“โอ๊ย ฟังไม่ไหวละ เขิน”
ฮันนี่รีบเตือน “ดึงสติหน่อยมั้ยคะบอส นี่เรากำลังจับผิดเค้าอยู่นะ”
“นี่แกพลาดให้มันจับได้รึเปล่าเนี่ย มันถึงได้จัดชุดคอมโบ้ชมฉันซะขนาดนี้”
ฮันนี่ส่ายหัวรัว “ไม่นะคะ ที่อัดเสียงอยู่ตำแหน่งเดิม แล้วฮันนี่ก็ซ่อนอย่างดี ไม่มีทางเห็นแน่นอนค่ะ”
แก้วกัลยาเริ่มใจอ่อน “รึมันจะตั้งใจชมฉันจริงๆ”
“ก็คงจะเป็นอย่างนั้นแหละค่ะ ฮันนี่ว่าเค้าก็ดูเป็นคนดีนะคะบอส”
แก้วกัลยาอมยิ้มนิดๆ เริ่มมีท่าทีใจอ่อนกับตี๋ใหญ่ขึ้นมาบ้าง หญิงใหญ่ที่แอบดูอยู่ ยิ้มกริ่ม พลางย้อนนึกถึงเหตุการณ์ในห้องทำงานตี๋ใหญ่

ตี๋ใหญ่นั่งทำงานอยู่ ก่อนเสียงเคาะประตูจะดังขึ้น
“เชิญครับ”
หญิงใหญ่เข้ามาหาตี๋ใหญ่ ยื่นแฟ้มเอกสารให้ “เอกสารที่ต้องเซ็นค่ะ”
“เดี๋ยวผมเซ็นให้นะ”
“เรื่องนี้ด่วนมากค่ะ รบกวนดูก่อนนิดนึงนะคะ”
ตี๋ใหญ่เปิดแฟ้มดู แล้วเจอกระดาษเขียนข้อความว่า “แม่บ้านที่ออฟฟิศคือพี่ฮันนี่ปลอมตัวมา”
“จริง..”
หญิงใหญ่รีบยกนิ้วส่งสัญญาณไม่ให้พูด ก่อนจะดึงกระดาษแผ่นแรกออก แผ่นที่สองเขียนว่า “แม่คงส่งมาสืบและหาหลักฐานว่าเราคบกันแบบไหน”
ตี๋ใหญ่รีบก้มดูใต้โต๊ะ ก่อนจะเจอเครื่องอัดเสียงติดอยู่ จากนั้นก็เขียนใส่กระดาษบอกว่า “ใต้โต๊ะมีเครื่องอัดเสียง”
หญิงใหญ่อ่านแล้วครุ่นคิด ก่อนจะสบตากับตี๋ใหญ่ ทั้งคู่ยิ้มกริ่ม เหมือนรู้ใจกันว่าคิดอะไรอยู่

ตี๋ใหญ่นั่งยิ้มกริ่มอย่างอารมณ์ดี เมื่อคิดถึงแผนการดัดหลังแก้วกัลยาที่ผ่านมา ตี๋เล็กกับหมวยเล็กเดินคุยกันเข้ามาพอดี
“แล้วเฮียจะรับทุนไปเรียนต่อรึเปล่าอ่ะ”
“ก็ต้องแล้วแต่เตี่ยด้วยแหละ”
หมวยเล็กแอบเป็นห่วง “โห เมื่อวานเฮียไม่อยู่วันเดียว เตี่ยบ่นมาจนถึงวันนี้ งานนี้ท่าจะไม่หมูล่ะ”
พูดพลางหันไปถามตี๋ใหญ่ “ว่ามั้ยเฮีย”
ตี๋ใหญ่ยิ้มกริ่ม “ป่านนี้คงปลื้มปริ่มฟินเฟ่อร์เลยนะครับคุณแม่”
ตี๋เล็กทำหน้างง “ แม่ไหนอ่ะเฮีย”
ตี๋ใหญ่สะดุ้ง ตื่นจากภวังค์ “หะ ว่าไงนะ”
“โห่ เหม่ออะไรอยู่เนี่ยเฮีย”
หมวยเล็กรีบเสริม “นั่นสิ ตอนนี้มีเรื่องไหนสำคัญกว่าเรื่องโกอินเตอร์ของเฮียตี๋เล็กอีกเหรอคร้า”
ตี๋ใหญ่อึกอัก “แล้วเตี่ยว่าไงบ้างล่ะ”
ตี๋เล็กส่ายหน้าช้าๆ “ยังไม่รู้เลยเฮีย อั๊วก็รอคำตอบจากเตี่ยอยู่นี่แหละ”
ขาดคำ เฮงก็เดินเข้ามาสีหน้าขรึมๆ ดูจริงจัง
“เตี่ยมีคำตอบให้ลื้อแล้ว”
หมวยเล็กรีบถามทันที “ว่าไงเตี่ย เตี่ยยอมให้เฮียไปใช่มั้ย”
เฮงหน้านิ่งขรึม ทุกคนพลอยลุ้นไปกับตี๋เล็กด้วย

ทางด้านหญิงเล็กก็นั่งเหม่ออยู่คนเดียว คิดเรื่องตี๋เล็กจะไปเรียนต่างประเทศด้วยความรู้สึกใจหาย
พร้อมๆ กับที่หญิงใหญ่เดินเล่นกีตาร์ ร้องเพลง “รักฉันนั้นเพื่อเธอ” ออกมา
“ถึงจะแสนนาน นานนับแรมปี แต่ฉันนี้เฝ้าคอย”
หญิงเล็กอมยิ้ม ทำหน้าเคลิ้มเป็นนางเอกมิวสิกวิดีโอ
“คอยวันคืนมา มาเป็นคู่ใจ เก็บรักไว้คงมั่น”
หญิงเล็กเคลิ้มลุกขึ้นยืนและออกท่าทางประกอบ
“กาลเวลาหรือจะมาเกี่ยว ใจฉันยังเด็ดเดี่ยวอยู่เสมอ
ฉันยังซึ้งถึงวัน ที่เธอกับฉันพร่ำรัก รำพันเพียงเราสอง
รักที่แสนหวาน รักที่แสน...”
แล้วหญิงเล็กก็สะดุ้งช็อต “เย้ย”
หญิงใหญ่ดีดกีตาร์ดังติ๊ว รับจังหวะ “โห่ จะจบท่อนอยู่ละ รีบช็อตไปไหนเนี่ย”
“แล้วนึกไงเอากีตาร์ออกมาเล่นคะคุณพี่”
หญิงใหญ่มองน้องสาวยิ้มๆ “ก็เห็นนั่งเล่นมิวสิกวีดีโออยู่ ก็เลยเอากีตาร์ชายเล็กมาเล่นด้วย”
“เล่นมิวสิกวีดีโออะไรล่ะ”
หญิงใหญ่รีบถามทันที “ได้ข่าวว่าตี๋เล็กได้ทุนไปเรียนต่างประเทศ ที่นิ่งๆ เนี่ย คงไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ชิมิ”
หญิงเล็กรีบปฏิเสธ “ไม่เกี่ยวเลย น้องก็นั่งทอดอารมณ์เล่นชิวๆ เพลินๆ ไปงั้นแหละ”
“อ่ะจร้า แม่สาวอารมณ์ติสท์”
ชายเล็กเดินออกมาอารมณ์ตื่นเต้น ในมือมีโทรศัพท์ ที่เพิ่งกำลังคุยไลน์กับหมวยเล็ก
“ข่าวด่วนครับ ข่าวด่วน”
หญิงใหญ่ทำตาโต “อุกกาบาตจะชนโลก?”
“ครับ รีบหนีกันเร็ว ม ม ไม่ช่ายยค้าบ”
“ก็เห็นตื่นเต้นเกิ๊น สรุปข่าวอะไรคะ”
“เถ้าแก่เฮงยอมให้พี่ตี๋เล็กไปเรียนต่างประเทศแล้วครับ”
หญิงเล็กหน้าเจื่อน ใจหายวาบ หญิงใหญ่ถามต่อ
“แล้วตี๋เล็กเค้าตกลงที่จะไปด้วยรึเปล่า”
“หมวยเล็กบอกว่าไปครับ”
หญิงใหญ่หันมองหญิงเล็ก ก็เห็นน้องสาวนั่งอึ้งอยู่
“ไง ไม่ทอดอารมณ์เล่นชิวๆ เพลินๆ ล่ะเหรอ”
หญิงเล็กอึกอัก “ก็อยู่กันครบแบบนี้ จะชิวจะเพลินได้ไงล่ะ”
พูดจบ หญิงเล็กก็รีบเบือนหน้าหันไปเครียดด้านอื่น ไม่ให้หญิงใหญ่กับชายเล็กที่จ้องอยู่มองเห็น

อ่านต่อตอนที่ 27

กำลังโหลดความคิดเห็น