เปิดใจผู้จัด ฯ ป้ายแดง
“กบ-ปภัสรา เตชะไพบูลย์”
คร่ำหวอดในวงการบันเทิงมาหลายสิบปี ชื่อของ กบ-ปภัสรา เตชะไพบูลย์ ถูกบรรจุชื่อในฐานะ “นักแสดง” มากฝีมือคนหนึ่ง แต่ถ้าในฐานะ “ผู้จัดละคร” แบบเต็มตัวแล้วล่ะก็ ปีนี้ถือเป็นก้าวแรกของเธอ เมื่อเธอได้รับโอกาสดี โอกาสเหมาะจากผู้บริหารช่อง 7 ไฟเขียวให้ดำเนินงานสร้างละครเย็นเรื่องแรกในชีวิต “แม่ดอกรักเร่” ในนาม บริษัท เค.เอ.เอ็น เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด จากบทประพันธ์ของ แสงเพชร เสนีย์บดินทร์ และกำกับการแสดงโดย เล็ก-ชาญชัย สวัสดิวิชัยกุล งานนี้ไม่ธรรมดา เพราะเธอใช้เวลานานนับปี กว่าจะผ่านขั้นตอนต่าง ๆ มาได้ สิ่งที่เธอมีคือความสามารถ ประสบการณ์ ความรัก และความทุ่มเทที่อยากจะสร้างผลงานดี ๆ ให้ผู้ชมได้ลิ้มอรรถรสในรูปแบบของละคร
ละคร “แม่ดอกรักเร่” นานถ่ายทำกว่า 7 เดือน ตัดต่อและพร้อมที่เสิร์ฟความสนุกสนาน พร้อมให้ข้อคิดกับผู้ชมในตอนแรกวันพุธที่ 29 กรกฎาคมที่จะถึง แต่ก่อนจะดูละคร มารู้จักตัวตน และสัมผัสเส้นทางเดินในฐานะผู้จัดละครของสาวเก่งคนนี้กัน!
@แรงบันดาลใจในการมาเป็นผู้จัดละคร
“อาจจะด้วยวันเวลา สถานะของเราในปัจจุบันนี้มันก็เปลี่ยนแปลงไป ถ้าย้อนกลับไปในอดีต กบก็เคยช่วยพี่ตุ๋ย (มลฤดี ยมาภัย) ทำผู้จัดละครอยู่ช่อง 7 นานมากแล้ว 14-15 ปี ช่วยพี่ตุ๋ยอยู่หลายเรื่อง “อย่าลืมฉัน” เป็นเรื่องแรก แล้วก็มา กำนันหญิง แล้วก็ห่างไปเลย รับแต่งานแสดงอย่างเดียว จริงๆ หลังจากแต่งงานกบก็หายไปเลยนะ เพิ่งกลับมารับงานละครตอนเล่นให้พี่ธง (ธงชัย ประสงค์สันติ) เรื่อง “ศิลามณี” เป็นการที่กบกลับมารับงานละคร หลังจากแต่งงาน เกือบ 7 ปี พอกลับมาเสร็จปุ๊บ ก็มีคนถามว่า “ทำไมพี่กบไม่กลับมาทำละคร” เราก็ “โอ้วว....เดี๋ยวก่อนสิ ยังไม่มีเวลา” พอเราได้มาอยู่ มาเจอเพื่อน ความรู้สึกเก่าๆ มันก็กลับมา ด้วยสายเลือดเรา พอมาอยู่จุดนี้มันก็น่าจะลองดูเน๊อะ เราก็น่าจะกลับมาใหม่ อย่างน้อยก็เคยมีประสบการณ์บ้าง อย่างน้อยที่หายไป ก็น่าจะกลับมาเคาะสนิมกัน การแข่งขันสมัยนี้ก็สูงขึ้น มันไม่เหมือนสมัยก่อน ก็เลยลองดู ส่งรายละเอียดไปทางช่อง 7 ก็ใช้เวลาเกือบปีครึ่ง โดยเสนอโปรไฟล์ ผู้กำกับฯ ทีมงานทั้งหมด ต้องผ่านตรงนั้นก่อน การกลับอีกครั้งหนึ่งมันไม่ได้ง่ายเลย เริ่มต้นศูนย์ใหม่หมดและในสภาวะที่คู่แข่งเยอะมาก มันเยอะจนน่ากลัว แล้วการพิจารณาของผู้ใหญ่ ท่านก็ต้องพิจารณาหลายอย่าง มันก็ทำให้เรามีความเพียร มีความพยายามมากขึ้น
พอทีมงานผ่าน ก็ต้องเข้าไปพรีเซ็นต์กับคณะกรรมกร ก็ผ่านคณะกรรมการสองชุด ก็ฟังว่าเขาจะรับหรือไม่รับ พอผู้ใหญ่ตัดสินใจ โอเค. รับเราเป็นผู้จัดฯ ของช่อง จากนั้นเราก็ต้องฟังนโยบายจากช่อง พอทุกอย่างผ่านหมด ทีนี้ก็ต้องเสนอเรื่องเข้าไปละ กบส่งไปสองเรื่องคือ “แม่ดอกรักเร่” กับ “ส้มตำกิมจิ” ในนามบริษัท เค.เอ.เอ็น เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด”
@นโยบายของ บริษัท เค.เอ.เอ็น เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด เป็นอย่างไร
“คือก่อนหน้านี้บริษัท เค.เอ.เอ็น เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด เป็นบริษัทที่รับจ้างผลิตทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นรายการ หรือรับงานพวกโปรดักชั่น อีเว้นท์ก็ได้ ต่อมาก็มีรายการวาไรตี้เล็กๆ สั้นๆ ครึ่งชั่วโมงบ้าง แล้วก็เคยจัดรายการสดบ้าง ส่วนใหญ่เป็นรายการ บางทีก็จะรับงานโฆษณา บางทีเราก็เป็นส่วนกลางที่จะช่วยซื้อเวลาจากทางสถานีบ้าง
แต่พอมาในฐานะผู้จัดละคร ช่องก็ถามเราว่า เราเหมาะกับแบบไหน จริงๆ ผู้ใหญ่ทางช่องก็เมตตากบ เพราะเห็นว่าเราเคยผ่านงานละครมาบ้างแล้ว ก็เลยให้กบทำละครเย็นเลย แต่ถ้าเป็นผู้จัดฯ ใหม่ๆ ก็จะเริ่มให้ทำซิทคอมก่อน พอรับมาว่าจะได้ทำละครเย็น เราก็จะกำหนดไม่ได้ละว่านโยบายของเราจะเป็นอย่างไร ดูว่าละครเย็นช่อง 7 เป็นอย่างไร ามาดูสโคบงาน ละครเย็นช่อง 7 จะเน้นเยาวชน ครอบครัว คอเมดี้ แอ็คชั่นบ้าง ก็กำหนดให้อยู่ในธีมที่ถูกกำหนดมาอยู่แล้ว
ถ้าเป็นละครเย็น เราก็ต้องทำการบ้านอีกว่า คู่แข่งเป็นอย่างไร สต๊อกของช่องมีละครเรื่องอะไรบ้าง มีแล้วประมาณไหน ทุกอย่างก็จะถูกจับมาวางรวมกันหมด ทีนี้เราก็มาวางแผนว่าเราจะทำอย่างไร ละครเย็นของช่อง เขาจะเน้นสไตล์แอ็คชั่นคอเมดี้ หวานแหววไม่มี ดราม่าไม่ค่อยมี หรือไม่ก็ผีไปเลย อย่างปีที่แล้วก็จะเน้นละครที่เน้นตัวนางเอกค่อนข้างเยอะ บู๊แอ็คชั่น มันก็เป็นจังหวะที่กบไปได้ แม่ดอกรักเร่ มาพอดี ก็เลยตัดสินใจส่ง แม่ดอกรักเร่ ไปทางช่องเลย อย่างละครเรื่อง ส้มตำกิมจิ จะเป็นของท่าน ว. เรื่องสนุกน่ารัก แต่โอเค. ช่องชอบเรื่อง แม่ดอกรักเร่ มากกว่า”
@ในการเลือกตัวแสดงมาเล่น มีหลักเกณฑ์อย่างไรบ้าง
“ในเรื่องการวางตัวนักแสดง มันค่อนข้างใช้เวลา เพราะเราก็ต้องยอมรับว่า นักแสดงของช่อง ถามว่าขาดมั้ย บางทีมันก็ขาด ทีนี้นโยบายของช่อง ถ้า นางเอก แข็ง พระเอกก็อ่อนได้ แต่ถ้า พระเอกแข็ง นางเอกก็สามารถอ่อนได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นนักแสดงรอบข้างจะต้องแข็งแรง แล้วก็สร้างคนใหม่ ทุกอย่างมันจะไปพร้อมกันหมดเลย สร้างคน สร้างบุคลากรด้วย หรือถ้าพระเอกอ่อน เราก็ต้องสร้างพระเอกให้แข็ง เพื่อให้เป็นบุคลากรใหม่ของช่อง มันก็จะไปพร้อมนโยบายของช่องด้วยที่ให้ผู้จัดฯ สร้างนักแสดงใหม่ๆ ขึ้นมา เราก็ต้องมีพาร์ทผู้ใหญ่ กลาง เด็ก ไม่มีพาร์ทเดียว ไม่สามารถทำละครที่มีแต่พระเอกนางเอกแล้วเดินไปทั้งเรื่องเหมือนเมื่อก่อนได้อีกแล้ว เดี๋ยวนี้ต้องมีตัวประกบที่ละครเดินไปแล้วเหมือนเดินกันไปเป็นทีม สมัยก่อนไม่จำเป็นนะ พระเอกนางเอกแรง...จบเลย แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่ การแข่งขันมันก็เปลี่ยนไป ผู้บริโภคก็เปลี่ยนไปด้วย
พอเราเดินมาถึงตรงนี้ 100% ก็คิดว่า เออ...เราเป็นผู้จัดฯ เต็มตัวละ ต่อไปเป็นการทำงานละ เราจะอยู่อย่างไร แล้วจะทำงานอย่างไรให้ผู้ใหญ่ที่ท่านเมตตาเรา ไว้ใจเรา และให้ผลงานของเราออกไปแล้วโดนใจ มีเรตติ้งที่ดี มันก็เป็นโอกาสและจังหวะทั้งหมด กบเชื่ออย่างนั้นนะ”
@เครียดมั้ย
“มันทั้งเครียด ทั้งลุ้น ทั้งตื่นเต้น เรื่องแรกด้วย มันมีลุ้นตลอดเวลา ออกมาแล้วจะเป็นอย่างไร จังหวะของเราจะดี โอกาสของเราจะใช่มั้ย แล้วงานที่เราทำเนี่ย...เราจะบอกว่าเราทำงานเกินร้อยเปอร์เซ็นต์กับงาน เราลงทุนทุกกอย่าง คือแบบละครเย็น ก็เอารถโรเซอร์รอยด์มาเข้าฉาก คือคันนึง 30-40 ล้าน มาเข้าฉาก เราลงทุนทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสถานที่หรือองค์ประกอบโดยรวมทั้งหมด ก็มีคนถามว่า “ลงทุนขนาดนี้แล้วจะได้อะไร” กบไม่ได้คิดตรงนั้นเลย คิดแค่ว่างานที่ทำออกมาต้องดี ให้งานออกมาดีก่อน พี่เอ๋ (พรเทพ เตชะไพบูลย์) สามีก็ถามว่า “ต้องลงทุนขนาดนี้เลยหรือ” เราก็บอกว่า “ก็อยากทำ” และเราก็มีความคิดคล้ายๆ กันว่า เวลาทำงานก็ต้องทำออกมาให้ดีที่สุด เท่าที่เราทำได้ ทำให้เต็มที่ พี่เอ๋ก็บอกว่า “ดีละ ทำไป ผู้ใหญ่เขาจะได้เห็นว่าเราตั้งใจ เราพร้อมที่จะลงทุน” เราพร้อมที่จะทำงาน เราไม่ได้ทำงานแบบสะเปะสะปะ และเราก็สู้ และพี่เอ๋ก็เป็นกำลังใจส่วนหนึ่งให้กบด้วย
ถามว่าเหนื่อยมั้ย ก็เหนื่อยนะ เกือบ 65 คิว 7-8 เดือน ช่วงแรกที่เปิดกล้องเรามีปัญหาเรื่อง ฝน เราเปิดช่วงสิงหา กันยา คิวนึงบางทีได้ครึ่งวัน ซึ่งมันมีสภาวะที่เราเหนื่อยมาก เราเจอค่าเช่า 4-5 หมื่น ถ่ายได้แค่ครึ่งวัน ช่วงแรกจะเป็นแบบนี้หมดเลย พอหลังๆ ใกล้จะปีใหม่ เราก็เข้าใจ เป็นช่วงเทศกาล ศิลปิน นักแสดงของเรา รับจ๊อบกัน เราก็เข้าใจ (หัวเราะ)”
@มีปัญหาเรื่องคิวนักแสดงบ้างมั้ย
“มีค่ะ แต่ไม่เยอะ กบถือว่ากบโชคดีมาก ทำละครเรื่องแรก ไม่เจอแบบสาหัสสากรรจ์ สามารถแก้ปัญหาได้ ยกเว้นบางเคสจริงๆ เราก็ต้องคุยกัน หรือบางคนมี 65 คิว แล้วมาสายคิวเดียว กบถือว่าโอเค. ไม่มีผล มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว โดยภาพรวมกบถือว่ากบแฮปปี้มาก”
@เป็นผู้จัดฯ เรื่องแรก ก็เอา น้องเหนือ (ดิสรยา เตชะไพบูลย์) ลูกสาวมาเล่นด้วย
“ใช่ มันก็โดนเยอะ ก็มีเสียง โห...เป็นละครเรื่องแรกในการทำงาน ก็เอาน้องเหนือมาเล่นด้วย ในหลายมุมมองก็อาจจะมองว่า เราส่งเสริม เราเป็น เจ๊ดัน ดันลูกตัวเอง หรือไม่ให้โอกาสคนอื่น กบก็บอกว่า ไม่ใช่ ก็ในเมื่อมันเป็นบทที่เกิดขึ้นในตัวละครอยู่แล้ว อายุก็เท่ากัน และมันไม่ได้เป็นบทเด่นอะไรเลย คือจะจ้างเอ็กตร้ามาเล่น เราก็ต้องจ่ายตังค์อยู่ดี แล้วเราก็มองว่าน้องเหนือมีเวลาที่จะมาเล่น มันก็เหมือนเด็กคนอื่นที่วิ่งเล่นอยู่ในชุมชน ไม่ใช่แบบว่า เอาลูกตัวเองมาเป็นนางเอก แล้วเค้าก็มีเวลา มันเป็นช่วงที่เค้าสามารถมาเล่นได้ กบก็เลยเป็นการทดลองเค้า
อีกสิ่งหนึ่งน้องเหนือเองเค้าก็สนใจ เค้าก็ไปเรียนแอ็กติ้งที่กันตนามา ไปเรียนกับแม่โย (ทัศนวรรณ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา) มา 2-3 ชั่วโมง ก่อนจะเข้าฉาก น้องเหนือเค้าก็บอกว่า เค้าสนใจ เราก็บอกว่า “บทมันไม่มีอะไรนะลูก” แต่มันก็เป็นสิ่งที่ดีที่เค้าจะได้เข้าใจการทำงานของแม่ เข้าใจว่านี่คืออาชีพนักแสดง จุดหนึ่งเค้าจะได้เข้าใจว่าชอบหรือไม่ชอบ แล้วเราก็มีข้อตกลงกันว่า “ถ้าน้องเหนือทำให้คนอื่นเสียเวลา แม่ตัดทิ้งเลยนะ” มันเป็นการที่คุยกันว่า ทุกอย่างจะเสียเวลาไม่ได้ และยิ่งเป็นน้องเหนือมันจะเป็นเรื่องใหญ่สำหรับในทีมที่ว่า “อ๋อ...เค้าเป็นลูกผู้จัดฯ นี่ กี่เทค กี่เทคก็ช่างมัน” กบก็จะบอกลูกว่า “ถ้าน้องเหนือทำให้ทีมงานแม่เสียเวลาจากการที่หนูเล่นไม่ได้ แม่ไม่เอา แม่ตัดทิ้ง และเปลี่ยนตัวนักแสดงเลยนะ” ก็พูดกับเค้าตรงๆ ถ้าคุณไม่ทำงานตามเรา เราก็ทำงานด้วยกันไม่ได้ ก็ถือว่าเค้าทำในบทในลักษณะแบบนี้ได้โอเค.อยู่นะ เป็นเด็กใหม่ เล่นเรื่องแรกด้วย เท่าที่รู้ว่าตอนนี้เขาไม่เล่นอีกแล้ว (หัวเราะ) เค้าบอก เค้าไม่เอาแล้ว”
@น้องเหนือกลัวมั้ย เมื่อโดนคำขู่ว่าจะเปลี่ยนตัว
“เค้าก็กลัวนะ เค้าก็รู้สึก กบจะบอกลูกว่า “แม่ต้องพูด เพราะมันเป็นการทำงาน ไม่งั้นแม่จะปกครองคนไม่ได้” อีกอย่างหนึ่งมันจะกลายเป็นที่มาว่า ผู้จัดฯ คนนี้ เอาลูกมาเล่น เสียเวลา ต้องถ่ายเทคอยู่นั้นแหละ ลึกๆ เราไม่รู้ เค้าไม่ได้บอก กบก็จะพูดกับเค้าตรงๆ ไม่อ้อมค้อม (น้องเหนือแอบเครียดบ้างมั้ย) ไม่มีค่ะ บางครั้งก่อนมาถ่ายละคร กบก็จะให้ใบเบรคดาวน์เค้า ลูกดูนะ ลูกก็ต้องอ่านบทไปด้วย ไม่เข้าใจตรงไหน และในบางครั้งก็มีต่อบทกับเค้าที่บ้าน ก็จะบอกเค้าว่า น้ำเสียงแบบนี้ใช้ไม่ได้ น้องเหนือต้องพูดเว้นวรรคให้เป็น น้ำเสียงลูกจะมาโทนเดียวไม่ได้ ลูกต้องเข้าใจว่าการพูดคุย น้ำเสียงจะบ่งบอกถึงความโกรธ ความเศร้า Level ของน้ำเสียงมันสามารถบอกได้ กบก็จะทำหน้าที่เป็นโค้ชแอ็คติ้งให้ลูกด้วย ก็เบาๆ ก็ให้เค้าไปจัดหนักกันหน้าเซ็ท”
@เห็นการทำงาน การแสดงของน้องเหนือแล้ว เป็นอย่างไรบ้าง
“ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า แม่ลูกทำงานด้วยกัน ลูกจะไม่ค่อยฟังแม่ น้องเหนือจะฟังพี่เล็ก (ผู้กำกับฯ) เค้าไม่ฟังกบ คือจะมีอะไรที่จะบอกเค้า หรือจะเพิ่มเติมอะไร กบก็จะให้พี่เล็ก พี่หน่อง เป็นคนบอก หรือเป็นคนจัดการ ถ้าเค้าไปนั่งหน้ามอนิเตอร์ กบก็จะบอกเค้าเลยว่า กบไม่ชอบให้เล่นแบบนี้ พี่หน่องจัดการหน่อย เค้าทำได้นะ เค้าสามารถนะ แล้วกบก็ไม่ค่อยไปดูหน้าเซ็ท กลัวไปกดดันเค้า ส่วนใหญ่ก็จะเอาเทปมาเช็ค แล้วก็บอกว่าแม่ให้สัก 10-20% เองนะลูก แต่บางอันก็ได้ถึง 50% บางซีนน้องเหนือก็ได้ถึง 90%
เรื่องสอบผ่านหรือไม่ กบมองแค่ว่า 50-50 นะ ด้วยอาจจะเป็นเพราะว่าในบทไม่มีอะไร มันก็แค่เป็นเด็กใสๆ คนหนึ่ง เป็นคู่พาร์ทคู่เด็กในชุมชน อยู่ให้เป็นกลุ่มเป็นก๊วน เป็นตัวตาม ก็เลยยังไม่เห็นความสามารถของเค้าที่ 100% ได้เล่นแบบดราม่า หรือมีบทพูดเยอะๆ ของเค้ายังไม่มีแบบนั้น”
@ความแตกต่างระหว่างผู้จัด ฯ กับนักแสดงค่อนข้างเยอะมาก
“ใช่ การเป็นนักแสดงก็รับผิดชอบตัวเอง แต่การเป็นผู้จัดฯ ต้องรับผิดชอบทุกอย่าง กบชอบเป็นผู้จัดฯ นะ กบรู้สึกสนุกกับมัน การแก้ปัญหา ทำให้เรามีสติ มีปัญญา ทำให้เรามีสมาธิ และทำให้เราเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่มันเกิดขึ้นอย่างที่เราไม่เคยรู้จักมัน ปัญหาเฉพาะหน้าเกิดขึ้น เช่น เสื้อผ้ามีปัญหา กล้องเสียอีกแล้ว มันได้บริหารสมอง บางวัน blank นะ ก็จะนั่งเฉยๆ นั่งนิ่งๆ ก็มองปัญหา อ้าว...วันนี้ทำไมถ่ายช้าจัง กล้องพัง ทีมนั้นยังไม่มา รอคนนั้นคนนี้ ตรงนี้มันคือประสบการณ์ส่วนหนึ่ง มันไม่ได้ทำให้เราท้อนะ กบว่ามันทำให้เราปรับเปลี่ยนตัวเองในมุมมองหลายๆ อย่างในการทำงานที่ทำให้เรารู้สึกว่า อ๋อ...งานเราจิ๊บจ๊อย คนอื่นมีปัญหามากกว่านี้อีก”
@เป็นผู้จัดละครเนี่ย...รวยมั้ย
“ใหม่ๆ ไม่มีทางรวยหรอกค่ะ ต้องใช้เวลา เพราะว่าลงทุนอย่างกบ รวยยาก (หัวเราะ) แต่กบไม่ได้มายด์ตรงนั้น กบทำงาน กบสนุก กบแฮปปปี้กับตรงนั้น สลึงนึงกบก็กำไรละ กบคิดแค่นั้น อย่างที่บอกเป็นผู้จัดฯ ใช้เวลาตรงไหน อย่างเรื่องนี้กบจัดเรื่องแรก พร็อบที่กบซื้อ กบเก็บไว้ ต่อไปในอนาคตสัก 5 ปี 10 ปี กบก็ไม่ต้องซื้อพร็อบ แต่ทุกอย่างมันมีต้นทุน 20-30% ณ วันนี้เราไม่มีต้นทุนเลย ต้นทุนเราติดลบ ก็ช่างมัน การทำงานมันเปลี่ยนไปหมด อย่างเรื่องเสื้อผ้า เดี๋ยวนี้เค้าก็เหมา เราก็ไม่ได้มีสต๊อกเสื้อผ้าเก็บไว้ แล้วการทำงานผู้จัดฯ ก็มีความเสี่ยง กบถ่ายทำละครมา 7-8 เดือน กบต้องสำรองจ่ายเองหมด ถ้ากบกู้เงินมาก็ต้องจ่ายดอกทั้งหมด กบว่าความเสี่ยงมันมีทุกอย่าง อย่ามองกบว่ากบคือ เตชะไพบูลย์ นะ กบไม่อยากให้ทุกคนมองอย่างนั้น กบไม่ได้เอาเงินสามีมาใช้ กบเอาเงินที่กบเก็บไว้ทั้งหมดมาใช้ ทุกอย่างที่เอามาใช้คือเงินที่กบเก็บออมมาทั้งหมด เพื่อเอามาลงทุน เทียบเมื่อ 14-15 ปีที่แล้ว การลงทุนไม่เท่าไหร่ แต่เดี๋ยวนี้มันใช้เงินเกือบ 100% เราปิดกล้องไปนานแล้ว ทีมงานทุกอย่างเราต้องจ่าย จ่ายหมดแล้ว เหลือแค่นักแสดง โดยนักแสดงส่วนใหญ่เขาจะรู้อยู่แล้ว คือละครออนแอร์ถึงจะได้เงิน กบก็กู้เงินมาส่วนหนึ่งนะ เอามาทำงาน เอามาจ่าย แต่ก็อยากทำ และมีความสุขกับการทำงาน เรื่องชื่อเสียงก็สำคัญ กบไม่มีทางให้เสียแน่นอน”
@กลัวมั้ยที่ถ้าละครออนแอร์ไปแล้ว จะไม่ประสบความสำเร็จ
“กลัวมาก โคตรกลัวเลย ตอนนี้กินไม่ได้นอนไม่หลับเลย (หัวเราะ) คือตอนแรกก็ลุ้น มันมีลุ้นหลายช่วง หลายจังหวะนะ มันก็ลุ้นว่าละครจะได้ออนแอร์เมื่อไหร่ นานไปละครจะถูกดองมั้ย แต่พอวันนี้ละครจะออนแล้ว ก็ลุ้นไปอีก ออกมาแล้วมันจะเป็นอย่างไร กระแสจะดีมั้ย เรตติ้งดีมั้ย คนดูจะชอบมั้ย แต่เราก็บอกตัวเองอยู่เสมอว่า ละครเรื่องนี้เราทำงานเต็มที่ ทำเกินร้อย ทุกอย่างเราทำตามที่แพลนไว้ ทำตามที่สถานีกำหนดไว้ ทุกอย่างตามนั้น กบเชื่อมั่นในแนวทางที่เราทำ แอ็คชั่นคอเมดี้ของเราตัวนี้ ความหลากหลายของเรื่อง แม่ดอกรักเร่ มันมีครบจริงๆ ครบหมดเลย ตลก ดราม่า แอ็คชั่น ผียังมีเลย มันมีทุกรสในเรื่องนี้ มันไม่ได้กระฉูดมาทางเดียว หรือบู๊ๆ ดราม่าๆ ของเรามันมีทุกรส น่าจะโดนใจตลาด”
@ตัดต่อส่งช่องไปบ้างแล้ว ทางช่องมีคอมเม้นต์ว่าอย่างไรบ้าง
“ไม่มีแก้เยอะ มีแก้ให้แค่สลับซีน แล้วก็ตัดให้กระชับ กบถือว่าคอมเม้นต์จากทางช่องถือว่าน้อยมาก ไม่ได้ให้ตัดทิ้งเลย อันนี้แค่บอกโอเค. ให้กระชับขึ้นแน่นขึ้น”
@เห็นว่าเตรียมตัวเปิดกล้องละครเรื่องใหม่แล้ว
“ใช่ค่ะ ก็ได้รับความเมตตาจากผู้ใหญ่ของช่อง แล้วท่านก็มีมุมมองว่ากบทำได้แล้ว เรื่องต่อไปกบจะทำละครแนวแอ็กชั่นคอเมดี้ เจาะไปเลย เพราะด้วยตัวเรื่องของมัน ขออุบเรื่องชื่อไว้ก่อน ยังคงเป็นละครเย็นเหมือนเดิม กบขอทำตรงนี้ให้ดีก่อน”
@อยากไต่ระดับทำละครหลังข่าวบ้างมั้ย
“ขอเป็นอนาคตดีกว่า ขอทำตรงนี้ไปเรื่อยๆ กบมองว่าคนเรามันมีจุดของมัน ถึงจุดหนึ่งไม่ต้องบอกหรอก เดี๋ยวมันก็จะขับเคลื่อนของมันไปเอง มันไม่ต้องไปเร่ง ไปรีบ ไปดันมัน กบมองอย่างนี้นะ กบก็มองว่าเราก็อยู่ของเราแบบนี้ ทำงานของเราไปเรื่อยๆ ให้แน่น เก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้มันดี พอถึงจุดหนึ่งมันก็จะขับเคลื่อนของมันไปอัตโนมัติ”
@ยังรับงานแสดงเบื้องหน้าด้วย
“ยังรับอยู่ค่ะ เรื่องนี้ก็มารับเชิญด้วยนะคะ เล่นเป็นคุณหญิง เราถือว่าเราทำงานแล้ว ถ้าบทมันใช่ เราก็สามารถไปได้ แต่ถ้าไม่ใช่เราก็ไม่เอา จริงๆ กบจะเล่นเป็น ป้าพลอย (แม่พระเอก) ก็ได้ กบก็คิดว่าไม่เอาดีกว่า กบอยากทำงานเบื้องหลังจริงๆ เราจะได้เห็นว่าการทำงานเป็นอย่างไร กบบอกได้เลยว่ากบไปกองถ่ายเกือบ 90% ไม่เคยขาด อยู่กองถ่ายตลอด”
@คนดูจะได้อะไรจากละคร แม่ดอกรักเร่
“คนดูจะได้ในเรื่องของครอบครัว แต่ถ้ามองลงไปให้ลึกอีก ก็จะเป็นเรื่องของชุมชน เยาวชน มองลึกลงไปอีกพูดถึงเรื่องครอบครัวแตกแยก ละครเรื่องนี้มีครอบครัวแตกแยก แต่คุณสามารถที่จะเลือกดำเนินชีวิตได้ในการที่จะเป็นคนดี และจะกลับไปสอนถึงเรื่องของคนต่างจังหวัด ที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ มันจะออกมาสอนเลยว่า คนที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ คุณจะถูกรังแก คุณจะสู้มันอย่างไร มันจะมีทุกเวอร์ชั่น อยากให้คนดูได้รับแบบนี้
อย่างเช่น การที่นางเอกถูกรังแกจากคนที่มีเงินมากกว่า รังแกโดยที่ตัวเองไม่มีทางสู้ การรังแกที่มันโหดร้ายจิตใจ มันต้องให้เราต้องเดินทางลัด ชีวิตความเป็นอยู่ของคุณก็จะต้องปรับเปลี่ยน ถ้าคุณไม่อยากให้คนอื่นมารังแก คุณก็ต้องต่อสู้ อดทน ต้องมีความเพียร มีความขยัน คุณอย่ามักง่ายในการดำเนินชีวิต คุณต้องใช้ชีวิตให้ดี พอมาเจอครอบครัวพระเอก ครอบครัวแตกแยก แต่ว่าแม่เค้าเลี้ยงลูกออกมา ลูกเป็นคนดีของสังคม ลูกไม่ต้องไปเสพยา อยู่ในชุมชน อยู่ในสถานที่ที่ทุกอย่างมันเอื้อในสิ่งที่ไม่ดี ซึ่งทำไมพระเอกถึงเลือกที่จะใฝ่ดี มันก็อยู่ที่คนที่เป็นแม่ หรือครอบครัว แม่อบรมสั่งสอนลูกอย่างไร
แล้วก็มีเรื่องของบาปบุญคุณโทษ มี ป๋าเทพ (เทพ โพธิ์งาม) ที่เป็น รุกขเทวดาที่ดูแลชุมชน ก็จะมาคอยสอนคอยบอกว่า คุณทำอย่างไร คุณก็จะได้สิ่งนั้น คุณทำกรรม กรรมก็จะย้อนมาหาคุณ ป๋าเทพก็จะเป็นคนสอนเรื่องของความจริงที่ใช้ในปัจจุบัน ทุกตัวละครจะมีคำพูดที่ให้คติ ทุกคำพูดจะคอยสอน และกบจะบอกว่า ไม่ว่าคุณจะเกิดมุมไหนของโลก จะมี จะรวย จะจน คุณเลือกได้ นี่คือเนื้อแก่นของตัวละคร ซึ่งมาลงในช่วงเดือนสิงหาคม เป็นเดือนวันแม่พอดี กบอยากให้คนดูได้ตรงนี้ อยากให้เห็นเนื้อแก่นของ แม่ดอกรักเร่ กบขอบอกเลยว่า เป็นแค่แม่ดอกรักเร่ข้างทาง จะย้อมสีให้มาเป็นกุหลาบงามมันก็ทำไม่ได้ คือถ้าคนมันจะเลว มันก็ไม่มีทางที่จะขึ้นมาได้ มันไม่มีทาง แต่ตัวนางเอกมันไม่ใช่ ถึงฉันจะเป็นแค่แม่ดอกรักเร่ แต่ฉันก็จะเป็นรักเร่ที่งามเหมือนนางพญา ฉันไม่ใช่รักเร่ข้างทางที่ไม่มีคุณค่า”
@ฝากละครถึงผู้ชมทางบ้านด้วย
“กบขอฝากละครของกบด้วยนะคะ แม่ดอกรักเร่ เป็นเรื่องแรกของกบ ฝากให้กำลังใจด้วยนะคะ ฝากดูแลซึ่งกันและกัน สำหรับแฟนคลับกบ และคุณผู้ชมช่อง 7 ทั้งหมดเลย แล้วก็ฝากเป็นกำลังใจให้น้องเหนือด้วย เป็นผลงานแรกของน้องเหนือมาทดลองที่จะเดินตามรอยกบอย่างเต็มตัว ในเรื่องแรกของเค้า ฝากเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยนะคะ”