เรื่องย่อละครเวที "มังกรสลัดเกล็ด เดอะมิวสิคัล"
บทละครเวที - กำกับการแสดง : ประดิษฐ ประสาททอง เจ้าของรางวัลศิลปาธร สาขาศิลปะการแสดง สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ปี 2547
แนวละคร : ละครเวทีแนวมิวสิคัล
นักแสดง : นาวิน เยาวพลกุล (นาวิน ตาร์) รับบท อ. ป๋วย (องก์ ทดแทนแผ่นดิน) สุประวัติ ปัทมสูตร รับบท อ. ป๋วย (องก์ ฝ่ามรสุม) กรกัณฑ์ สุทธิโกเศศ (อาร์ม) รับบท อ.ป๋วย (องก์ เสรีไทยลายมังกร) จ๊าจ๋า - พริมรตา เดชอุดม รับบท "มาลีน" ตั๊ว - ประดิษฐ ประสาททอง รับบท "พณฯ ท่าน"
ผู้ผลิต : สมาคมเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์ ร่วมกับ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อร่วมเฉลิมฉลองในวาระครบ 100 ปีชาตกาล ศ.ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์
วันเวลาจัดแสดง : 29 - 31พฤษภาคม รวม 5 รอบ
ราคาบัตร : 1,000 - 3,000 บาท นักเรียน - นักศึกษา 200 บาท
สถานที่ : ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
สอบถามรายละเอียด : Thai Ticket Major ทุกสาขา
แค่ 2 บรรทัด ตัดสินใครไม่ได้ - "คนเก่ง หรือ คนอวดเก่ง , มีที่ยืน หรือ มีจุดยืน, ห่วงลูก หรือ หวงเก้าอี้, คนไทยที่ดี หรือ สามีที่เลว, ทรชน หรือ ปัญญาชน, คนซื่อใจคด หรือ คนซื่อในเมืองคด"
พบเรื่องราวที่ซ่อนเร้นในอุดมการณ์ มิตรภาพ ความรัก ... เลือกสลัดเกล็ดไหน...ก็ไม่พ้นความเจ็บปวด
บทละครจากแรงบันดาลใจในอัตชีวประวัติ ดร. ป๋วย อึ๊งภากรณ์ คนดีที่แผ่นดินไทยไม่ต้องการ !
สร้างขึ้นในวาระครอบ 100 ปี (พ.ศ. 2559) ชาตกาล ของ "ป๋วย อึ๊งอาภรณ์" หนึ่งในปัญญาชนสยาม ผู้มีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงประเทศ และมีคุณูปการต่อสังคมไทยในหลายด้าน รูปแบบละครร้องร่วมสมัย นำเสนอส่วนหนึ่งของประวัติชีวิต แนวคิดและปรัชญาของป๋วย อึ๊งภากรณ์ เพื่อเป็นการร่วมระลึกถึงบทบาทของสามัญชน ผู้มีส่วนในการสร้างประเทศ เผยแพร่ประวัติศาสตร์และเกียรติภูมิของแผ่นดิน ในแง่ที่ไม่ได้รับการยกย่องเชิดชูเท่าที่ควร รวมทั้งสร้างแรงบันดาลใจให้ยุวชนรุ่นต่อไป
เขาเป็นบุรุษผู้ไม่เคยแสวงหาอำนาจ หรือผลประโยชน์ใด, ผู้ไม่ยอมก้มหัวให้แก่อำนาจอธรรม และสละทุกอย่างได้เพื่อแผ่นดินเกิด
ทั้งนี้ การแสดงจะแบ่งเป็น 4 องก์ ได้แก่
องก์ 1 ปฐมวัยแรงบันดาลใจจากแม่และรากเหง้าชาวจีนสยาม
องก์ 2 เสรีไทยลายมังกรร่วมปกป้องอธิปไตยของชาติในวิกฤตสงครามมหาเอเชียบูรพา
องก์ 3 ทดแทนแผ่นดินวางรากฐานเศรษฐศาสตร์ให้สยามประเทศ
องก์ 4 ฝ่ามรสุมฝ่ามรสุมการเมือง ช่วงดำรงตำแหน่งอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
มีเรื่องราวซ่อนเร้นหลังเกล็ดมังกรอีกมากมาย... ที่คุณไม่รู้ อยากให้ทุกคนมาดู ทำความดีตอบแทนแผ่นดินไทย เป็นหน้าที่ของทุกคนที่อยู่บนผืนดินนี้... ไม่ว่าเชื้อชาติใด ไม่ว่ายากจนเข็ญใจ หรือมั่งมีล้นฟ้า ร่ำรวยเหรียญตรา หรือแค่ผ้าพันกาย คุณทุกคนเป็นหนี้แผ่นดินแห่งนี้ กว่าชีวีจะหาไม่
ประวัติย่อ โดยสังเขป
ป๋วย อึ๊งภากรณ์ เกิดเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2459 ณ บ้านตรอกโรงสูบน้ำ ตลาดน้อย ในปี 2481 ป๋วยสอบชิงทุนรัฐบาลได้ไปเรียนในระดับปริญญาตรี สาขาเศรษฐศาสตร์และการคลังที่ London School of Economic & Political Science ณ มหาวิทยาลัยลอนดอน โดยเป็นคนไทยคนเดียวที่สอบได้คะแนนสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาเกียรตินิยม จากผลการเรียนดีเด่นนี้เอง ทำให้ป๋วยได้รับทุนลีเวิอร์ฮูล์ม ซึ่งสามารถศึกษาต่อในระดับปริญญาเอกได้ทันที
ป๋วยและคนไทย 36 คน ได้ร่วมก่อตั้งคณะเสรีไทยขึ้น และได้สมัครเข้าเป็นทหารในกองทัพบกอังกฤษ มีฉายาว่า "ช้างเผือก" (White Elephant) โดยป๋วยได้รับยศเป็นร้อยเอก มีชื่อจัดตั้งว่า "นายเข้ม เย็นยิ่ง" ครั้งนั้น นายป๋วยได้ประสานติดต่อกับกองทัพอังกฤษ แจ้งพิกัดไม่ให้เครื่องบินทิ้งระเบิดบริเวณพระบรมมหาราชวัง และสถานที่สำคัญต่างๆ จนสามารถอยู่รอดปลอดภัยมาได้จนถึงทุกวันนี้
ป๋วยเดินทางกลับเมืองไทย ในปี พ.ศ. 2492 เขาปฏิเสธบริษัทเอกชนต่างๆที่พร้อมจะให้เงินเดือนสูงๆ แต่เลือกที่จะรับราชการ เพื่อตอบแทนทุนเล่าเรียนที่ได้มาจากภาษีของคนไทย โดยรับตำแหน่งเศรษฐกร กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง
เขาไม่ยอมก้มหัวให้กับอธรรมมาตั้งแค่ยุคจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ และถือเป็นข้าราชการผู้ใหญ่เพียงคนเดียวที่กล้าวิจารณ์นักการเมือง รัฐมนตรี และนายทหารชั้นสูงที่มุ่งหาประโยชน์ใส่ตัว ดังเช่น สุนทรพจน์ที่ได้กล่าวเตือนสติจอมพลถนอม กิตติขจร ในงานของสมาคมธนาคารไทย จนเป็นที่กล่าวขานมาถึงทุกวันนี้
ปี 2507 เข้ารับตำแหน่งคณบดี คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง ได้ผลิตบุคลากรคนรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพมากมาย และได้ลาออกจากตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อปี 2514 เพื่อทุ่มเทให้กับการศึกษาอย่างจริงจัง แต่ต้องลาออกจากตำแหน่งคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ในอีกไม่กี่เดือนถัดมา เมื่อได้เขียนจดหมายถึงจอมพลถนอม กิตติขจร ที่ทำการรัฐประหารยึดอำนาจตัวเอง เรียกร้องให้คืนเสรีภาพประชาธิปไตยให้แก่ประชาชนโดยเร็ว
ในปี พ.ศ. 2516 จอมพลถนอม กิตติขจร และจอมพลประภาส จารุเสถียร ได้ยับยั้งไม่ให้ ดร. ป๋วยเข้ารับตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แทนนายสัญญา ธรรมศักดิ์ ที่ไม่ขอรับตำแหน่งต่อ เพราะทั้งสองจอมพลเกรงว่า ดร. ป๋วย จะใช้พลังนักศึกษามาต่อต้านรัฐบาลได้ แต่ภายหลังที่รัฐบาลทหารถูกขับไล่ออกไป ดร. ป๋วยก็ได้รับเลือกตั้งจากชาวธรรมศาสตร์ให้เป็นอธิการบดีคนที่ 10 ในปี 2518 ในที่สุด
แต่ด้วยสถานการณ์ทางการเมืองที่ได้ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ความขัดแย้งระหว่างฝ่ายซ้ายที่มีแนวคิดทางสังคมนิยม กับฝ่ายขวาผู้สูญเสียอำนาจไป ซึ่งธรรมศาสตร์ได้กลายเป็นเวทีและศูนย์กลางการต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมในสังคม ดร.ป๋วย กลายเป็นหนังหน้าไฟ ถูกบีบให้อยู่ตรงกลางระหว่าง 2 ฝ่าย โดยฝ่ายขวาก็กล่าวหาว่า ดร. ป๋วย อยู่เบื้องหลังนักศึกษา เป็นคอมมิวนิสต์ ทำลายชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ในขณะที่ฝ่ายซ้ายก็โจมตี ดร. ป๋วย เป็นเผด็จการ ขัดขวางการทำงานของขบวนการนักศึกษา จนในที่สุด เหตุการณ์ก็มาถึงจุดแตกหัก เมื่อกลุ่มบุคคลในเครื่องแบบและกระทิงแดงได้ปิดล้อมใช้อาวุธถล่มเข้าไปในธรรมศาสตร์ โดยไม่สนใจคำเรียกร้องของผู้ชุมนุมที่ต้องการเจรจาอย่างสันติ ทำให้เกิดการบาดเจ็บ ล้มตายเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ ดร.ป๋วยออกแถลงการณ์ลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์เกิดขึ้น และเดินทางออกนอกประเทศไป และได้ถึงแก่กรรมด้วยอาการเส้นโลหิตใหญ่ในช่องท้องโป่งพอง ณ บ้านกรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2542 รวมสิริอายุได้ 83 ปี