xs
xsm
sm
md
lg

สื่อริษยา ตอนที่ 11

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


สื่อริษยา ตอนที่ 11

ภาสกรเครียดจนนอนไม่หลับ ภาสุรีมาเคาะประตูห้อง ภาสกรเปิดให้น้องสาวเข้ามาในห้อง

“ศินีนาฏเพิ่งแท็กไอจี ดาวมาให้ภาอ่าน พี่ภาสเลิกกับดาว”
ภาสกรพยักหน้ารับเนือยๆ ไม่มีอารมณ์คุย
“จะกลับไปคบลีหรอคะ คิดดีๆ นะคะ ถึงลีปรับปรุงตัวดีขึ้น ก็ใช่ว่าจะดีพอสำหรับพี่ภาส”
“ตอนนี้พี่ไม่อยากคิดเรื่องแฟน คิดแล้วเครียด”
ภาสกรเปิดลิ้นชักโต๊ะหัวเตียง หยิบที่ชาร์จไอแพดมาเสียบชาร์จ แล้วอ่านข่าวบนไอแพด เป็นการตัดบทเลิกคุยกับน้องสาวไปโดยปริยาย
ภาสุรีเห็นพี่ชายเลี่ยงจึงเลิกคุย พลันสายตาแลไปเห็นกล่องแหวนในลิ้นชักโต๊ะหัวเตียงโดยบังเอิญ
“พี่ภาสไม่ชอบใส่แหวนนี่คะ”
“ไม่ใช่แหวนพี่ พี่ซื้อให้ลี พี่เคยขอลีแต่งงาน ลีเค้าปฏิเสธ บอกว่ายังไม่พร้อม ยังสนุกกับงาน”
“พี่เก็บแหวนไว้หัวเตียง พี่ภาสยังรักลี ดาว หรือผู้หญิงคนไหนๆ ก็ทำให้พี่ตัดใจจากลีไม่ได้”
ภาสกรตัดบทอีก “ภาไปนอนเถอะ ดึกมากแล้ว ไม่พักผ่อนเดี๋ยวก็เป็นโรคบ้านหมุนอีก”
ภาสุรีจำใจออกไป ภาสกรหยิบกล่องแหวนออกมาจากลิ้นชัก หยิบแหวนขึ้นมาดูใกล้ๆ เห็นเพชรน้ำงามส่องประกายระยิบระยับ ภาสกรคิดถึงปัญชลีจับใจ โอกาสที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน ได้ผ่านไปแล้ว ยิ่งคิดภาสกรยิ่งเศร้า

ภาสุรีแอบดูอาการภาสกรผ่านช่องประตูที่แง้มอยู่ เห็นพี่ชายเศร้าก็สงสาร อยากให้พี่ชายสุขสมหวังกับผู้หญิงที่รัก แต่ใจก็ไม่ชอบปัญชลีเอาเลย ภาสุรีกลุ้มไม่รู้จะทำยังไงดี

รุ่งเช้าวิไลลักษณ์กับโอภาสเดินลงมาจากชั้นบน ได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาก็ชะเง้อมองอย่างแปลกใจ พอมองไปเห็นคนใช้พาดาวกับตุ่นเข้ามาในห้องโถง สองคนหน้าตาระรื่นมาก
วิไลลักษณ์อารมณ์เสียไล่ดาวทันที “เธอเลิกกับลูกชายชั้นแล้ว ไม่มีสิทธิ์มาบ้านชั้น”
ไม่ว่าดาวร้ายกับใครแค่ไหน แต่หล่อนก็ไม่กล้าเหวี่ยง ไม่ยอกย้อน แถมไหว้วิไลลักษณ์อย่างนอบน้อม
“ดาวมาหาคุณภาสค่ะ”
“มีเรื่องงาน ก็ไปคุยที่ทำงาน มีเรื่องส่วนตัว ก็ไม่ต้องคุย เกิดเป็นหญิงจงหยิ่งในศักดิ์ศรี ผู้ชายเค้าไปแล้ว อย่ารั้งเค้าไว้ มันเสื่อม”
ดาวหน้าเจื่อน เจอด่ารับอรุณเป็นชุด
“ภาสไปขี่จักรยานที่สวน” โอภาสเอ่ยขึ้น
“เหรอคะ งั้นดาวลานะคะ”
ดาวดึงแขนเจ๊ตุ่นออกไปตุ่นกระซิบถาม “รู้หรอว่าสวนไหน”
ดาวพยักหน้า รู้ดีว่าภาสกรชอบไปปั่นจักรยานที่สวนเบญจกิตติ
พอดาวกับตุ่นลับตัวไป ภานุในชุดทำงานหล่อเนี้ยบเดินลงมาจากข้างบน
“ตานุ แม่หิว”
ภานุมึนงง อยู่ๆ แม่มาบอกหิว ต้องการอะไรจากเขา
วิไลลักษณ์ตาวาว ยิ้มมุมปาก ที่แท้อยากไปกินข้าวมันไก่แทนกับข้าวจานหรูที่คฤหาสน์

ท่ามกลางบรรยากาศสดใสในสวนสาธารณะเบญจกิตติ เก้กับปัญชลีวิ่งจ๊อกกิ้งมาตามทาง ปัญชลีเหนื่อยจนไปต่อไม่ไหว ขอหยุดพัก
“พี่ลีไม่ค่อยออกกำลังกาย เลยเหนื่อยง่าย ต่อไปต้องมาวิ่งกับผมบ่อยๆ นะครับ”
เก้หลุดเผลอยิ้มเจ้าเล่ห์นิดๆ ชวนให้ปัญชลีสงสัย
“ชวนพี่มาวิ่งให้แข็งแรง เป็นเป้าหมายรองสินะ เป้าหมายหลักคืออะไร” ปัญชลีมองน้องชายใจหญิงอย่างรู้ทัน
“แหม หลอกคนฉลาดนี่มันยากแต้ๆ”
ภาสกรขี่จักรยานผ่านมาพอดี ยิ้มดีใจร้องทัก “ลี”

ถัดจากนั้นภาสกรกับปัญชลีนั่งคุยกันอยู่ตรงสวนสวย เก้ยืนห่างออกไปแอบฟังอดีตคู่รักคุยกัน ลุ้นอยากให้คืนดี
“แถวบ้านภาสก็มีสวน ทำไมมาปั่นจักรยานแถวบ้านลีคะ”
“ถึงไม่ได้อยู่แถวนี้แล้ว ผมก็ติด ต้องมาปั่นจักรยานที่สวนนี้ เป็นความเคยชิน เป็นความ...ผูกพัน”
ภาสกรสบตากับปัญชลีลึกซึ้ง สองคนหวนนึกถึงวันเก่าๆ ที่เคยอยู่ด้วยกัน ปัญชลีเป็นฝ่ายสลัดความรู้สึกวาบหวามทิ้งก่อน
“ไม่ชวนดาวมาด้วยล่ะคะ”
เก้แอบฟังอยู่ โพล่งขึ้น “พี่ภาสเลิกกับดาวแล้วครับ” เจอสายตาสองคนหันมาจ้อง เลยจ๋อยพูดเสียงอ่อย “อืม...ผมสอดแนมไอจีดาว เห็นดาวคร่ำครวญในไอจี ว่าเลิกกับแฟน”
“อ้อ เลยชวนพี่มาวิ่ง” ปัญชลีมองดุเก้เป็นเชิงตำหนิ อีกฝ่ายยิ้มแหย “เสียใจด้วยนะคะภาส”
ภาสกรไม่อยากคุยถึงดาว ปรับอารมณ์ยิ้มสดใส “รายการใหม่ลีเรตติ้งดีมาก ยินดีด้วย”
“ต้องชมน้องๆ ทีมงานค่ะ ระดมสมองช่วยกันคิดประเด็นข่าว”

ห่างออกไปไม่ไกลนัก ดาวกับตุ่นแอบมองภาสกรยิ้มแย้มหัวเราะหัวใคร่กับปัญชลี ดาวโมโหหึงสุด ๆ อยากแล่นเข้าไปฉีกอกปัญชลี
ตุ่นอาการหนักไม่แพ้กัน ทั้งที่ไม่ใช่ผัวตัว “หึย อีนังจิ้งจอก มองคุณภาสกรตาเป็นมัน ไปแถลงการณ์เลยลูก เจ๊อยากเห็นนังจิ้งจอกหงายเงิบ แล้วดูสิ คุณภาสกรจะมีปฏิกิริยายังไง”
อีตุ่นจะลุย ดาวจับแขนห้ามไว้
“คนเราจะเจ็บปวดก็เพราะผิดหวัง ไม่หวัง ก็ไม่เจ็บ”
ตุ่นมองอย่างขัดใจ “เพ้อไรอ่ะลูก ไม่บายป่าว”
“ปล่อยให้นังจิ้งจอกมีความหวังจะได้คุณภาสคืน พอถึงเวลา ดาวจะดับความหวัง ปัญชลีต้องเจ็บเจียนตาย”
ตุ่นมึนตึ๊บไม่เข้าใจลูกสาว ส่วนดาวมองปัญชลีตาวาว สีหน้ามั่นมาก การเอาคืนด้วยวิธีนี้ จะทำให้ปัญชลีเจ็บปวดแสนสาหัส

อีกฟาก ก้อยแม่แพรพรรณจัดข้าวมันไก่ใส่จานอยู่บนศาลา สำหรับถวายพระ มองลูกสาวที่คุยโทรศัพท์บอกทางภานุอยู่
“ชั้นเห็นนายแล้ว มองทางขวา ตรงม้านั่ง”
รถภานุเพิ่งแล่นเข้ามาในวัด พอหันไปเห็นแพรพรรณก็วางสาย ภานุพาพ่อแม่มาด้วย วิไลลักษณ์แต่งตัวเต็มยศอย่างกับจะไปออกงานสังคม
“นุพาพ่อแม่มาทำไม” ก้อยแปลกใจ
“แม่นุอยากมากินข้าวมันไก่ร้านเราค่ะ” แพรพรรณจัดเสื้อผ้าแม่ให้เรียบร้อย “คุณวิไลลักษณ์เป็นเจ้าช่อง THAI KK หยิ่งมาก แม่คุยกับท่านดีๆ นะ”
ก้อยเห็นลูกสาวตื่นเต้น ก็รู้ทันที ว่าพ่อแม่ภานุมาทำความรู้จักตน
พอครอบครัวภานุเดินมาถึง วิไลลักษณ์ก็มองมายังก้อยอย่างประเมินทันที เห็นแต่งตัวบ้านๆ ไม่เข้าตาหนักเข้าไปอีก
“ขอโทษทีนะคะ มาเสียเที่ยว ประปามาวางท่อหน้าร้าน น้ำไม่ไหล เลยปิดร้าน 1 วัน แล้วนี่เอารถจอดไว้ไหนคะ”
“แถวร้านหนูนั่นแหละ เห็นหนูบอกว่าวัดอยู่ใกล้ๆ เลยเดินมากัน” โอภาสหันไปพูดกับก้อยอย่างเป็นมิตร “เสียดายนะครับ อดกินข้าวมันไก่เลย”
“ลูกชายดิชั้นบอกว่า ข้าวมันไก่ร้านคุณอร่อยมาก เลยอยากมาลองชิม” สายตาคมปลาบที่มองมาไม่ค่อยเป็นมิตรกับก้อยนัก
ก้อยไม่แคร์สายตานั้น และไม่ซูฮกคนรวย “นุมากินฟรีประจำค่ะ เวลามาส่งแพรที่ ร้าน” แม่ก้อยของแพรพรรณจงใจส่งสารให้วิไลลักษณ์รับรู้ “อันที่จริงดิชั้นน่ะ หวงลูกสาวมาก ไม่เคยให้ไปกับผู้ชายที่ไหน แต่เห็นนุเป็นเพื่อนร่วมงาน เลยยอมให้ไปไหนมาไหนกับลูกสาวค่ะ”
แพรพรรณอึ้ง “พูดอะไรน่ะแม่”
“แม่ก็ต้องหวงลูกสาวเป็นธรรมดานะคะ ผู้ชายมาจีบ จะเป็นลูกเต้าเหล่าใคร รวยมาจากไหนไม่สำคัญ ขอให้เป็นคนดี ไม่เจ้าชู้ก็พอ” ตอนท้ายก้อยหันไปมองภานุ เป็นเชิงดักคอว่าอย่าริอ่านเจ้าชู้
ภานุยิ้มแหย แพรพรรณหน้าเจื่อน กลัววิไลลักษณ์เคืองแม่
“เอาอาหารขึ้นไปถวายพระกันมั้ยคะคุณวิไลลักษณ์”
“เชิญเถอะค่ะ”
ภานุยิ้มเรี่ยราด อาสา “ผมช่วยถือครับแม่”
โดยไม่รออนุญาต ภานุเข้ามาช่วยแพรพรรณกับแม่ยกจานข้าวมันไก่ไปถวายพระ
“แม่หนูแพรดูเป็นคนดีนะ เป็นแม่บางคน เห็นเรารวย แทบจับลูกสาวใส่พานถวาย” โอภาสมองชื่นชม
“อาจจะยักท่าก็ได้ค่ะ”

วิไลลักษณ์ตั้งแง่ มองตามก้อย สายตายังไม่วางใจ

สองไฮโซนั่งรออยู่ วิไลลักษณ์ชักร้อน โบกพัดใหญ่ หน้าตาบอกบุญไม่รับ ต้องมานั่งรอในศาลาวัด ภานุ แพรพรรณกับก้อยถวายอาหารเสร็จกลับมาหา ก้อยเอาจานช้อนของวัดมาด้วย

โอภาสหันไปทางก้อย “จะไปต่อไหนหรือเปล่าครับ อยากชวนไปทานข้าว”
“กินข้าวมันไก่ซีคะ ดิชั้นเหลือไว้ให้ ยืมจานวัดมาแล้วด้วย”
วิไลลักษณ์อึ้งยิ่งกว่าเคยอึ้ง “ให้กินในจานวัดเนี่ยนะ”
“ไปกินภัตตาคารเหอะแม่” แพรพรรณขอร้อง
“ดิชั้นอยากเลี้ยงข้าวคุณค่ะ” วิไลลักษณ์บอก
“อุ๊ย ไม่ต้องค่า ให้ดิชั้นเลี้ยงดีกว่า คุณอุตส่าห์มาแถวบ้าน”
ว่าแล้วก้อยก็ตักข้าวมันไก่แจกทุกคน ให้วิไลลักษณ์คนสุดท้าย แต่วิไลลักษณ์ไม่ยอมรับมา จนสามีต้องรับมาให้
ภานุไม่สนกินข้าวมันไก่ตุ้ยๆ “อร่อยเหมือนเดิม”
“น้ำจิ้มเผ็ดกำลังดีเลยครับ” โอภาสราดน้ำจิ้มเพิ่ม
ทุกคนกินข้าวมันไก่อย่างอร่อยล้ำ วิไลลักษณ์ไม่กินก็น่าเกลียด เลยจำใจกินอย่างเสียไม่ได้ สามีกับลูกอมยิ้มขำ
ก้อยมองวิไลลักษณ์อย่างพอใจ ก็ไม่ได้หยิ่งอะไรหนักหนา ทำตัวติดดินกินข้าวในวัดได้
ฟากดาวขับรถกลับคอนโดมากับตุ่น เจอศรัณเพิ่งจอดรถเสร็จ ก็ยิ่งอารมณ์เสีย ส่ายหน้าระอาเหลือ
“รู้ได้ยังไงคะ ดาวกลับมาคอนโด”
“พี่โทร.ไปที่ทำงาน เค้าว่าดาวออกมาข้างนอก เลยลองมาหาที่คอนโด ไม่สบายใจเหรอจ๊ะ ถึงลางาน”
“อู้ย...ระดับน้องดาว ชิลๆ เชิดๆ เริ่ดๆ ค่า ที่กลับห้องเพราะชีเพลียอยากสลีปช่วงนี้ พลีส อย่ารบกวน น้องดาวต้องพักผ่อนเยอะๆ”
ดาวจิกตาดุตุ่น อย่าพูดมาก เดี๋ยวความลับแตก
“Talkative ไปหน่อย Sorry ค่าลูก”
“ไม่สบายก็ไปหาหมอนะจ๊ะ พี่พาไป” ศรัณว่า
ดาวยิ่งระอา “พี่ศรัณอยากช่วยดาว งั้น ช่วยหาเบอร์ขี้ยา ที่ชอบมามั่วสุมในสวนแถวบ้านดาวให้ทีสิคะ ดาวจะจ้างไปเล่นงานปัญชลี”
“อย่าพูดเล่นน่าดาว”
“ดาวเอาจริง พี่ศรัณโทร.ไปหาเพื่อนๆ พี่ที่บ้าน ให้ใครก็ได้ ไปเอาเบอร์พวกขี้ยามา วันนี้ปัญชลีจัดรายการดึก ออกมาขึ้นรถกลับก็เที่ยงคืนกว่า ลานจอดรถเปลี่ยว ดักตีหัวซักทีสองที ไม่มีใครช่วย”
ศรัณนิ่ง
ดาวท้าศรัณ “กล้าๆ หน่อยสิคะ เราไม่ได้ฆ่าผู้หญิงคนนั้นซะหน่อย แค่สั่งสอนเบาะๆ กลัวพวกขี้ยาปากโป้ง พี่ศรัณก็ลงมือเอง ดาวหาไม้หน้าสามให้ พอตีหัวปัญชลีแล้วก็ทิ้งไม้ลงคลอง ได้ไม่มีหลักฐานสาวถึงเรา”
ศรัณอึ้ง คิดไม่ถึง “นี่ดาวจะทำจริงๆ”
“ก็ดาวเป็นคนจริง ไม่เหมือนพี่ กลับบ้านไปเป็นเด็กดีของพ่อแม่เถอะค่ะ อย่ามาหาดาวอีก ดาวเกลียดผู้ชายใจเสาะ”
ดาวมองหยัน ปรามาสศรัณครู่หนึ่งแล้วเดินเข้าคอนโด ตุ่นทำหน้าตกใจกลัวปอดแหกล้อศรัณ ถึงค่อยตามดาวไป
ศรัณเครียดหนัก ดาวถึงกับจะจ้างคนไปทำร้ายปัญชลี

กลางดึกวันนั้น ปัญชลีเพิ่งจัดรายการเสร็จ เดินมาขึ้นรถหน้าตึกพร้อมเก้ที่ถือชุดพิธีกรมาด้วย ลานจอดรถเหลือรถจอดไม่กี่คัน เปลี่ยวมาก
“คืนนี้ผมกลับไปนอนร้านนะครับพี่ลี ต้องเย็บชุดลูกค้าให้เสร็จ”
“จ้ะ ขับรถดีๆ นะ ขอบใจที่เอาชุดพิธีกรมาให้พี่”
ปัญชลียืนส่งเก้ขึ้นรถก่อน แล้วจึงเดินไปที่รถตัวเอง ลานจอดรถเงียบสงัด จนได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้น
เหมือนมีสายตาคู่หนึ่ง แอบมองปัญชลีมาจากมุมมืด
เท้าในรองเท้าผู้ชายเคลื่อนตัวเดินตามปัญชลีไป ปัญชลีเดินผ่านรถตู้ช่องแล้วหายไป และไม่โผล่มาอีกฝั่งด้วย คนร้ายหยุดยืนมองหาปัญชลีไปทั่ว
ปัญชลีเดินเท้าเปล่าเพื่อไม่ให้มีเสียงดัง ค่อยๆ ย่องมาข้างหลังคนร้าย ใช้ถังดับเพลิงในมือฟาดหัวคนร้ายเต็มแรง
“โอ๊ย”
คนร้ายลงไปนอนกุมหัวเลือดซึมออกมาไม่มากนัก ปัญชลีคุ้นหน้าคนร้ายมาก
ท็อปเพิ่งเดินมา มองชายที่กุมหัวร้องโอดโอย แล้วจำได้
“คุณศรัณ”
ปัญชลีหันไปมองท็อปแล้วหันกลับมามองศรัณ ใช่จริงๆ ผู้ชายคนนี้คือแฟนเก่าดาว

สามคนอยู่ในห้องทำงานปัญชลีในแผนกรายการ ปัญชลีทำแผลหัวแตกให้ศรัณเสร็จแล้ว ท็อปอยู่ด้วย
“ท็อปไม่ยืนยัน ชั้นก็ไม่ชัวร์ว่าคุณเป็นแฟนเก่าดาว เคยเห็นคุณผ่านๆ ไม่แน่ใจ”
“ดาวไม่ทำรายการกลางคืนแล้ว คุณศรัณมาทำไมครับ” ท็อปแปลกใจ
ศรัณไม่อยากเล่าเรื่องดาวส่งคนมาทำร้ายปัญชลี และเขามาเพื่อปกป้องปัญชลี
“ท็อปกลับไปได้แล้ว เอากล่องยาไปคืนรปภ.ด้วย ขอบใจนะ”
ท็อปถือกล่องยาออกไป ปัญชลีมองประเมินศรัณ
“ดาวสั่งให้คุณมาทำร้ายชั้นใช่มั้ย คุณเกิดเปลี่ยนใจ”
“ผมกลับนะครับ”
“คุณไม่บอกความจริง งั้นชั้นก็ต้องให้ตำรวจสอบปากคำคุณ แล้วก็...น้องดาวของคุณด้วย”
“อย่าให้เรื่องถึงตำรวจนะครับ ผมขอร้อง” ศรัณไหว้ปัญชลี
“เอาความจริงมาต่อรองซีคะ ถ้าเรื่องไม่ร้ายแรงมาก เรื่องก็จะอยู่แค่ในห้องนี้ รู้แค่เรา”
ศรัณเจอปัญชลีบีบให้พูด ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ตัดสินใจบอกความจริง
“ผมมาช่วยคุณ”
ปัญชลีนิ่วหน้าฉงน “ช่วยชั้น”
“เรื่องมันไม่มีอะไรเลยครับ ผมมันโง่ น้องดาวหลอกผมว่าจะจ้างพวกขี้ยามาดักมาทำร้ายคุณปัญชลี ผมเลยไปซุ่มรอจะช่วยคุณ น้องดาวไม่ได้ทำจริง หาเรื่องไล่ผมด่าผมใจเสาะ ไม่ให้ผมยุ่งกับน้องดาวอีก”
“ผู้หญิงคนนั้นตีค่าคุณผิดไปไกลมาก คุณเป็นคนจิตใจดี ไม่ได้ใจเสาะ คุณมาช่วยชั้น แล้วดูสิ ชั้นทำคุณเจ็บตัว ขอบคุณ แล้วก็ขอโทษนะคะ”
ศรัณยิ้มออก “คุณปัญชลีไม่เอาเรื่องเรานะครับ”
“เห็นแก่คุณศรัณ ชั้นจะทำเป็นไม่รู้ความคิดแย่ๆ ของดาวค่ะ แพรกับนุเคยพูดถึงคุณศรัณให้ฟัง ชั้นไม่เชื่อว่าจะมีคนดี คนซื่ออย่างนี้บนโลก”
“เอาเลือดหัวผมออกไปหลายหยด เชื่อหรือยังล่ะครับ ซื่อของแท้ต้องพะยี่ห้อ นายศรัณ ณ สมุทรสงคราม”
“คนซื่อ ต้องคู่กับคนดี เมื่อไหร่ที่คนซื่อ คู่กับคนหลอกลวง คนซื่อคนนั้นจะโดนเอาเปรียบสารพัด เหมือนที่คุณโดนอยู่”
ปัญชลีมองศรัณอย่างจริงใจและหวังดี อยากให้ผู้ชายคนนี้พ้นจากผู้หญิงเลวๆ อย่างดาว

ศรัณยิ้มเจื่อนๆ รับรู้ว่าปัญชลีหวังดี แต่ทำไงได้ เขารักคนชั่วคนนี้หมดใจ

อ่านต่อหน้า 2

สื่อริษยา ตอนที่ 11 (ต่อ)

วันถัดมา วิไลลักษณ์มาเลี้ยงอาหารกลางวัน ที่บ้านเด็กกำพร้าแห่งหนึ่ง ซึ่งทำเป็นประจำทุกเดือน ครอบครัวหิรัญกุลมากันครบ ขาดเพียงภานุที่ติดงาน ศินีนาฏนั้นคอยประจบประแจงช่วยภาสกรกับภาสุรีตักข้าวให้เด็ก พูดไม่หยุดปาก

“กินให้หมดนะคะเด็กๆ คุณวิไลลักษณ์สั่งข้าวร้านที่อร่อยที่สุดมาให้เลยน้า”
“คุณน่าจะสั่งข้าวมันไก่ร้านหนูแพรมาเลี้ยง” โอภาสว่า
“ไปนั่งกินที่ร้านก็ลดตัวไปหาเยอะแล้วค่ะ เดี๋ยวได้ใจ คิดว่าชั้นอยากได้ลูกสาวมาเป็นสะใภ้ ต้องดูกันอีกยาว” วิไลลักษณ์ตอบอย่างถือตัว
ระหว่างนี้ ปัญชลีถือกล่องขนมมาเป็นตั้ง เป็นขนมไทยน่าทาน ทุกคนแปลกใจมากที่ปัญชลีมาร่วมด้วย
“ภาชวนลีเองค่ะ ลีก็เหมือนคนในครอบครัว เดือนหน้าลีมาอีกนะ คุณแม่เลี้ยงอาหารกลางวันเด็กทุกเดือน”
“ค่ะ”
“ตอนเธอเป็นแฟนภาส ชั้นเคยชวน เธอไม่เคยมีน้ำใจมา” วิไลลักษณ์ตำหนิตรงๆ
ปัญชลีหน้าเจื่อน โอภาสส่งสายตาตำหนิภรรยาปรามในที
“วางขนมแล้วไปช่วยตักข้าวสิลี”
วิไลลักษณ์ บอกว่า “มาช่วยเอาขนมใส่จานดีกว่า”
“ค่ะคุณแม่”
ปัญชลีคนใหม่ว่านอนสอนง่ายขึ้นเยอะ ช่วยวิไลลักษณ์เอาขนมในกล่องจัดใส่จานเตรียมให้เด็ก ๆ
ภาสกรเดินมาหาน้องสาว มองหน้าเป็นเชิงถาม ที่อยู่ๆ ภาสุรีก็เปลี่ยนใจมาดีกับปัญชลี
“ภาอยากเห็นพี่ภาสมีความสุขค่ะ ถ้าลีคือผู้หญิงคนเดียวที่ทำให้พี่ภาสยิ้มได้ น้องสาวคนนี้ก็ยินดีรับลีเข้ามาในครอบครัวค่ะ”
ภาสกรยิ้มซาบซึ้งใจน้องสาว พลางหันไปมองปัญชลีกับวิไลลักษณ์ที่ช่วยกันจัดขนม และยังมีเถียงกันเล็กน้อย
ภาสุรีบอก “อดีตศัตรูคู่อาฆาต ก็ต้องมีกลิ่นไอสงครามหลงเหลืออยู่บ้างค่ะ”
วิไลลักษณ์กับปัญชลีเถียงกันเรื่องจัดขนม แต่ภาพออกมาดูน่าขัน ไม่มาคุอย่างเก่าก่อน
“ใส่จานละ 2 ชิ้นก็พอค่ะคุณแม่ เด็กกินขนมมากไม่ดี”
“ต้องเพิ่มอีกชิ้น ดูสิ เด็กกำลังกินกำลังนอนทั้งนั้น”
ปัญชลีเป็นฝ่ายยอม จัดขนม 3 ชิ้นใส่จาน วิไลลักษณ์ยิ้มแฉ่งเถียงจนชนะ
ภาสกรมองปัญชลียอมอ่อนให้แม่ก็ดีใจ

เด็กอิ่มแปล้ ปัญชลีกับศินีนาฏพากันมาช่วยเจ้าหน้าที่ขนจานที่เด็กกินเสร็จ มาตรงที่ล้างจานด้านหลังโรงครัว ปัญชลีจะช่วยเจ้าหน้าที่ล้างจาน
“ไม่ต้องค่ะคุณปัญชลี” เจ้าหน้าที่ห้าม ท่าทีเกรงใจ
ปัญชลียิ้มให้ “คุณกลับไปดูเด็กๆ เถอะค่ะ พวกดิชั้นล้างเอง”
ถูกลากเข้าพวกศินีนาฏรีบชิ่ง “เพิ่งทำเล็บม”
ปัญชลีค้อนควักตาเขียวปั้ดใส่ ใช้สายตาสั่งให้เงียบ ศินีนาฏจ๋อย
“จะไปตามเจ้าหน้าที่มาช่วยล้างนะคะ ขอตัวไปดูเด็กก่อน” เจ้าหน้าที่กลับไปที่งาน
“ลี เธอนี่ยังมีแววตาพิฆาตของนางมารจิ้งจอกอยู่นะยะ” ศินีนาฎลงนั่งช่วยล้างจานโดยดี
“อยากถามนานแล้ว ทำไมถึงตั้งฉายาชั้น นางมารจิ้งจอก”
“ก็เธอน่ะ ชอบ กัด ทึ้ง แทะ ชาวบ้าน เหมือนหมาจิ้งจอกกัดทึ้งเนื้อ”
“เธอนี่น้า สร้างสรรค์แต่เรื่องไม่น่าสร้างสรรค์” ปัญชลียิ้มขำ ทึ่งศินีนาฏตั้งแต่ละฉายา แซบ ทั้งสิ้น
ภาสุรีตามมาสมทบอดทึ่งไม่ได้ที่เห็นปัญชลีล้างจานเป็นกอง
“เธอไปงานเลี้ยงที่บ้านชั้นนับครั้งได้ แต่ทุกครั้งไม่เคยช่วยเก็บจาน”
ศินีนาฏค่อนขอด “นั่นปัญชลีช่วง Before ค่ะ นี่ After..Aftershock”
ปัญชลีส่ายหัว แต่ละคำของศินีนาฏแสบ แซบ คันๆ ทั้งนั้น
“ลี พี่ภาสเก็บแหวนที่เคยขอเธอแต่งงานไว้หัวเตียง ท่าทางพี่ภาสอยากขอเธออีกครั้ง คราวนี้ก็อย่าปฏิเสธล่ะ เล่นตัวมากๆ ชั้นเปลี่ยนใจ ไม่ยกพี่ชายให้”
ภาสุรียิ้มจริงใจให้ปัญชลี แล้วเดินกลับไป ปัญชลีปลื้มภาสกรยังเก็บแหวนสำคัญไว้ใกล้ตัว เผลอยิ้มหน้าบาน ศินีนาฏจะอ้าปากแซวปัญชลีขึงตาดุ
“อย่า”
ศินีนาฏขัดใจ คันปากยิบๆ สุดท้ายยักไหล่ ยอม ไม่แซวก็ได้ ปัญชลีไม่อยากดีใจให้ศินีนาฏแซว แต่อดไม่ได้ ยิ้มไม่หุบ ศินีนาฏค้อนควัก หมั่นไส้

ตัวละครปัญชลี / ภาสกร / ภาสุรี / ศินีนาฏ / วิไลลักษณ์ / โอภาส / ตปก.เด็กๆ และเจ้าหน้าที่
หลังกินข้าวทานขนมจนอิ่มหนำ เด็กๆ เล่นเกม
“เกมต่อไป เรามาเล่นการละเล่นไทยๆ กันบ้าง รี ๆ ข้าวสาร ขอสองคนมาเป็นซุ้มให้เด็กๆ ลอดค่ะ” เจ้าหน้าที่หันมาทางกลุ่มวิไลลักษณ์
ศินีนาฏเสนอทันที “คุณภาสกรกับลีเชิญค่ะ”
ภาสุรีอวยสุดฤทธิ์ออกโรงเชียร์ “ภากับศิเล่นเกมเมื่อกี้ไปแล้ว ตาพี่ภาสกับลี”
ภาสกรกับปัญชลีไปยืนเป็นซุ้มให้เด็กลอด สองคนต้องจับมือกัน ทำเป็นซุ้มโค้ง จังหวะที่สองคนจับมือกัน ราวกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่าน ประกายแห่งรักแล่นเข้าไปถึงหัวใจเป็นริ้วๆ พอสบตายิ่งแล้วใหญ่ หัวใจแทบละลาย
อาการสปาร์กของภาสกรกับปัญชลีไม่รอดพ้นสายตาทุกคน
“พ่อว่าอีกไม่นาน” โอภาสยิ้มเป็นนัย
“ไม่นานอะไรคะ” ภาสุรีฉงน
“บ้านเราอาจมีข่าวดีน่ะสิ”
วิไลลักษณ์ยิ้มบางๆ ตอนนี้ไม่รังเกียจเดียดฉันท์ปัญชลีแล้ว ได้เป็นลูกสะใภ้ก็ยินดี
“ช่วยร้องด้วยนะคะ” เจ้าหน้าที่หันมาทางกลุ่มไทยเคเค
พวกผู้ใหญ่ช่วยกันร้องเพลง วิไลลักษณ์กับโอภาสเล่นประจำเวลามาทำบุญ ร้องเป็นต้นเสียง
“รีรีข้าวสาร สองทะนานข้าวเปลือก เลือกท้องใบลาน คดข้าวใส่จาน เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน สองทะนานข้าวเปลือก คดข้าวใส่จาน พานเอาคนข้างหลังไว้...”
บรรยากาศครื้นเครง ภาสกรกับปัญชลีเล่นกับเด็กๆ อย่างสนุกสนาน ภาสกรรักเด็กเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หยอกล้อ หัวเราะกับเด็กๆ อย่างมีความสุข ปัญชลีพลอยสุขใจไปด้วย

ถัดจากนั้นปัญชลีดูบอร์ดงานเลี้ยงต่างๆ ในบ้านเด็กกำพร้า ศินีนาฏเดินมาหา
“ลี เมื่อกี้ชั้นฟิ๊น ฟิน เธอกับคุณภาสกร เล่นกับเด็กๆ น่ารักมากกก รีบแต่งงานมีลูกกันน้า”
“อย่าพูดอย่างนี้ที่สถานีเชียว คนได้ยิน จะเข้าใจผิดว่าชั้นเป็นต้นเหตุให้คุณภาสเลิกกับดาว”
“ถึงไม่มีเธอ คุณภาสกรก็เลิก ผู้หญิงส่วนใหญ่...ลายออก แต่นังน้องดาวดีออก...” ศินีนาฏค้างคำเห็นรูปบนบอร์ด “คุณหญิงวจีเคยมาเลี้ยงอาหารเด็กด้วย ฮึ สร้างภาพ ยัยคุณหญิงนี่ไงลีที่ให้เงินดาว แลกกับดาวไม่เล่าข่าวคอนโดโดนฟ้อง”
ปัญชลีถึงบางอ้อ “เธอนี่เอง ตั้งกระทู้แฉดาวรับสินบนแลกจรรยาบรรณสื่อ”
“ชั้นน่ะมือแฉชั้นเซียนนะจ๊ะ ฮะๆๆๆ”

ศินีนาฏทำหน้าตาภาคภูมิใจมาก

ตอนบ่ายวันนั้น ภายในร้านอาหารหรูหราแห่งหนึ่ง คุณหญิงวจีลงนั่ง ตรงหน้าปัญชลีที่มารอก่อนแล้ว

“ขอบคุณคุณหญิงมากนะคะที่ให้เกียรติมา”
“คุณปัญชลีโทร.ไปเอง ติดธุระสำคัญแค่ไหน ดิชั้นก็ต้องปลีกตัวมาค่ะ จะสัมภาษณ์อะไรดิชั้นคะ”
“รายการลีกำลังทำสกู๊ปเจาะลึกปัญหาคอนโดในกรุงเทพฯ เราพบว่ามีคอนโดนหลายแห่งสร้างไม่ได้มาตรฐาน รวมทั้งคอนโดคุณหญิง ลีกำลังคิด จะหยิบคอนโดไหนมาเล่นเป็นข่าว คุณหญิงมีคำแนะนำมั้ยคะ ถ้าคุณหญิงปฎิเสธไม่ให้คำแนะนำ ลีก็ต้อง ไปขอ จากเจ้าของคอนโดรายถัดไป”
ปัญชลียิ้มพรายเป็นเลศนัย จงใจเน้นตรงคำว่า ขอ
คุณหญิงยิ้มตอบ “ไม่คิดเลยนะคะ นักข่าวเก่งๆ อย่างคุณปัญชลี จะ ขอ คำแนะนำด้วย นึกว่ามีแต่นักข่าวเด็กๆ”
“รุ่นใหญ่รู้เยอะ ก็ต้องขอเยอะเป็นธรรมดานะคะ”
“อุ๊ยต๊าย เพิ่งรู้ว่าเรตแต่ละรุ่นไม่เท่ากัน” คุณหญิงหัวเราะ “แต่ก็จริง คุณปัญชลีทำงานมานานกว่าคุณดารินกานต์ ค่าประสบการณ์สูงกว่า”
ปัญชลียิ้ม ถามย้ำ “น้องดาว ดารินกานต์ กิตติวงศ์ น่ะเหรอคะ”
“ใช่ค่ะ” คุณหญิงควักสมุดเช็คออกมาเขียน “ดิชั้นเพิ่มตัวเลขให้คุณปัญชลีมากกว่าคุณดารินกานต์
นะคะ ให้เกียรติรุ่นใหญ่” พลางส่งเช็คให้ปัญชลี
พอได้หลักฐาน และข้อมูลทั้งหมดที่ต้องการ ปัญชลก็ลุกพรวด มองคุณหญิงวจีอย่างรังเกียจ
“ประเทศไทยคอรัปชั่นติดอันดับโลกก็เพราะมีคนอย่างคุณหญิง เลิกค่านิยมให้ค่าเงินใต้โต๊ะซะที มันน่ารังเกียจ”
ภาสกรกับศินีนาฏที่นั่งแอบฟังอยู่โต๊ะด้านหลัง แสดงตัวมาสมทบปัญชลีทันที ปัญชลีส่งเครื่องอัดเสียงตอนคุยกับคุณหญิงให้ภาสกร
“คุณหญิงอย่าเสียเวลาจองตั๋วเครื่องบินหนีออกนอกประเทศนะครับ ผมจะโทร.แจ้งตำรวจเดี๋ยวนี้ คุณหญิงฉ้อโกงประชาชน” ภาสกรฉุนขาดกดโทร.ออกทันที
คุณหญิงลนลานกลัวความผิด เผ่นหนีออกไป ศินีนาฎขยับจะไล่ตามจับ
“ไม่ต้อง คุณภาสโทร.หาตำรวจที่สนิทกัน ทำงานเร็วทันใจ คุณหญิงโดนดักจับแถวนี้แหละ”
“สะใจ สัมภาษณ์นัดเดียว ยิงนกตกมาตายสองตัว”
ปัญชลีหน้าตาโกรธขึง นึกถึงนกอีกตัว ที่ต้องยิงให้ตกลงมาตายเพราะทำเรื่องเสื่อมวงการสื่อ

ไม่นานหลังจากนั้น ภาสกรเปิดเทปบันทึกเสียงของคุณหญิงกับปัญชลีให้ตุ่นกับดาวฟัง ตอนที่คุณหญิงพูดชื่อดาว
“อุ๊ยต๊าย เพิ่งรู้ว่าเรตแต่ละรุ่นไม่เท่ากัน” คุณหญิงหัวเราะ “แต่ก็จริง คุณปัญชลีทำงานมานานกว่าคุณดารินกานต์ ค่าประสบการณ์สูงกว่า”
ปัญชลีถามย้ำ “น้องดาว ดารินกานต์ กิตติวงศ์ น่ะเหรอคะ”
ภาสกรกดปิดเทป “เพื่อนผมที่เป็นตำรวจสอบปากคำคุณหญิงแล้ว คุณหญิงจะเป็นพยานเอาผิดคุณ คุณดาว”
ดาวกับตุ่นหน้าซีดเผือด โดนหลักฐานมัดตัวดิ้นไม่หลุด
ตุ่นกะชิ่งเอาตัวรอด “ดาวรับเงินคนเดียว ตุ่นไม่เกี่ยวนะคะ”
“ดาวแบ่งให้เจ๊ 5 หมื่น อยากดูหลักฐานโอนเงินมั้ย”
ภาสกรโกรธดาวมาก “คุณเคยมีจิตวิญญาณนักข่าว แต่เงินทำลายไปหมด เพื่อรักษาชื่อเสียงสถานีที่คุณทำให้แปดเปื้อน ผมจะไม่เอาเรื่องคุณ แต่คุณต้องยื่นหนังสือลาออก มีผลบังคับวันนี้”
ดาวทั้งตกใจทั้งโกรธ “วันนี้ ใจคอคุณภาสไม่ให้ดาวแก้ตัวเลยหรอคะ”
ภาสุรีนั่งฟังอยู่นาน ระเบิดออกมา “เธอไม่ได้มาสาย ทำงานโหลด แต่เธอขายจรรยาบรรณ ไม่มีใครรับได้ ชั้นมองเธอผิดไป เธอไม่ใช่เพชรเม็ดงาม เธอเป็นก้อนกรวด ไร้ค่า”
“เพราะแก นังจิ้งจอก แกแทงข้างหลังชั้น”
ดาวแค้นถึงขีดสุดพุ่งเข้าทำร้ายปัญชลี ทุกคนเข้าช่วยปัญชลี แยกดาวออกมา ตุ่นยืนดูเหตุการณ์วุ่นวายจะร้องไห้ กลัวความผิด ภาสกรจับดาวล็อกไว้ไม่ให้ทำร้ายปัญชลี
“เธอฮาราคีรีตัวเองต่างหาก ความโลภทำให้เธอหลงผิด ทำลายอนาคตตัวเอง ไปทำอาชีพอื่นที่เอาเงินเป็นที่ตั้ง งานไหนที่ต้องมีจรรยาบรรณ เธอควรหลีกเลี่ยง เพราะคนอย่างเธอ ไหลลงต่ำง่าย” ปัญชลีด่า
“อีปากร้าย อี...”
ภาสกรตวาด “พอได้แล้วดาว”
“คุณภาส คุณภาสสงสารดาวนะคะ ดาวทำผิดเพราะความจน ดาวขอโอกาสแก้ตัว นะคะคุณภาส”
ดาวบีบน้ำตาอ้อนวอนทรุดลงไปกอดขาภาสกร แต่ภาสกรแกะมือดาวออกอย่างเย็นชา
“วันนี้คุณมีคิวจัดรายการครั้งสุดท้าย แล้วหลังจากนั้น” ภาสกรบอกด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “คุณจะสิ้นสภาพการเป็นพนักงานของ Thai KK”
ศินีนาฏมองไปทางคุณแม่ดีเด่นถามขึ้น “ตุ่นล่ะคะคุณภาสกร มีเอี่ยวด้วย”
ภาสกรสั่งตุ่นอีกคน “ยื่นหนังสือลาออกมาพร้อมดาว”

ตุ่นปล่อยโฮลั่นห้อง ดาวร้องไห้สะอึกสะอื้น แต่ไม่มีใครสงสาร แม้แต่ภาสกรที่เคยเอื้อเอ็นดู

อ่านต่อหน้า 3

สื่อริษยา ตอนที่ 11 (ต่อ)

ปัญชลีกับศินีนาฏลงมาจากห้องทำงานภาสกร คุยเรื่องดาวกันไม่จบ

“คุณภาสกรใจดีเกิน น่าจะฟ้องสมาคมสื่อให้สอบสวนดาว”
“สถานีก็มัวหมองไปด้วยน่ะสิ”
ดาวกับตุ่นดักรอปัญชลีจากที่ทั้งคู่ร้องไห้เสียใจเป็นวรรคเป็นเวร ตอนนี้แฮปปี้ผิดเป็นคนละคน
“ยอมค่ะ ยอมโดยดุษฎี ดาวสู้พี่ลีไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง ดาวแพ้พี่ทั้งสงครามข่าว สงครามความรัก ศัตรูคนนี้ยังมีสปิริต มาอวยพรให้คู่ต่อสู้โชคดี”
ศินีนาฏไม่วางใจ “แก้วหูชั้นมีปัญหาหรือเปล่าเนี่ย นังมารดีออกสำนึกผิด”
“ลูกน้องดีออกก็มาขอโทษในสิ่งที่ทำลงไปค่ะ” ตุ่นว่า
“ว้ายตาย หญิงแม่เรียกลูกสาวตัวเองว่าดีออก” ศินีนาฏกรี๊ด
“ดาวจะไม่กลับมาให้พี่ลีกับคุณภาสเห็นหน้าอีก ดาวลาตรงนี้นะคะพี่ลี”
ดาวกับตุ่นไหว้ลาปัญชลี เดินซึมออกไป
“เสียผู้ชาย เสียงาน เลยเสียสติ”
ปัญชลีมองตามดาว คนฉลาดทันคนอย่างปัญชลีไม่วางใจไว้ใจใครง่ายๆ อดคิดไม่ได้ว่าดาวมีก๊อกสองรอจังหวะเอาคืน

ศรัณยืนรออยู่ตรงเค้าน์เตอร์ เข้าสถานีไม่ได้ แพรพรรณต้องลงมาหา และบอกเจ้าหน้าที่ว่า
“ผู้ชายคนนี้มาหาแพร ถ้าดาวโวย แพรรับหน้าเองค่ะ”
“งั้นเข้าไปได้ค่ะ”
แพรพรรณพาศรัณเข้าสถานีโดยไม่แลกบัตร สองคนเดินคุยกันไป
“พี่ไม่โทร.ไปให้แพรลงมารับ ก็ยืนรอดาวเง้กอยู่แถวเคาน์เตอร์ ดาวเป็นยังไงบ้าง ยังเศร้าอยู่มั้ย”
“เค้าไล่พี่จากคอนโด สั่งห้ามพี่เข้าสถานี พี่ศรัณก็ยังตามตื๊อดูแลเค้า แพรนี่นับถือหัวจิตหัวใจพี่ศรัณจริงๆ”
ภานุเดินมาเห็นแพรพรรณอยู่กับศรัณ ก็หวงเดินมาจับมือแพรพรรณจับไม่ปล่อย
“พี่มาหาดาว ไม่ได้มาหาแพร” ศรัณว่าขำๆ
“ผมรู้ครับ ทางพี่น่ะ ผมไม่กังวล แต่คนของผมนี่ซิ กลัวจะโลเล”
“ใครเป็นคนของนาย ไอ้โย่ง”
“เค้ารู้กันสถานี เราเป็นแฟนกัน มีคุณคนเดียว ไม่รู้”
ภานุจูงมือแพรพรรณขึ้นบันได ศรัณเดินตาม ขำคู่นี้ กัดกันได้ทุกที่

ภานุจูงมือแพรพรรณมาหน้าห้องส่ง ศรัณเดินอมยิ้มตามหลัง
“ดาวจัดรายการห้องนี้ เชิญพี่ศรัณตามสบายครับ ผมขอพาเด็กไปเคลียร์ก่อน”
“ไม่เคลียร์ว้อย”
“พูดเพราะๆ สิคะ คุณแพรพรรณ คุณเป็นผู้หญิงนะคะ”
“เป็นตุ๊ดรึไง พูดคะ”
ดาวกับตุ่นเดินมา ดาวสวยฉ่ำในชุดพิธีกร ตุ่นเดินถือสคริปต์กับแก้วน้ำตามหลัง อย่างกับขี้ข้าเดินตามรับใช้เจ้านาย
ดาวยิ้มทักศรัณ “พี่ศรัณมาก็ดีค่ะ มาดูดาวจัดรายการครั้งสุดท้าย”
จากนั้นก็ลอยหน้าเข้าห้องส่งไปตุ่นชูคอตามเข้าไป ทุกคนงง

ปัญชลีเข้ามาในสตูด้วย แพรพรรณรีบบอก
“พี่ลีคะ ดาวบอกว่า วันนี้จัดรายการวันสุดท้าย”
“เวลาพูด ไม่อนาทรร้อนใจเลยใช่มั้ย” ปัญชลีถาม
“ค่ะ มามุกไหนเนี่ย”
“พี่ก็อยากรู้ ถึงมาดู”
ปัญชลียิ้มทักศรัณก่อน หนุ่มลูกน้ำเค็มโครตซื่อยิ้มตอบเกร็งๆ


ดาวจัดรายการสดด้วยสีหน้าแจ่มใส ดูไม่ทุกข์ร้อนใดๆ คนอื่นๆ จับตาดูอยู่หลังกล้อง โดยเฉพาะปัญชลีรอดูดาว ว่าจะทิ้งทวนได้เจ็บแสบแค่ไหน
เวลาผ่านไปอย่างราบรื่นจนเบรกสุดท้าย ท็อปให้สัญญาณ ปิดรายการ เวลาที่ทุกคนรอคอยมาถึง
“สำหรับวันนี้ ต้องขอขอบพระคุณทนายสมพงษ์อีกครั้งนะคะที่มาให้ความรู้ด้านกฎหมายกับท่านผู้ชม และติดตามรายการของเราได้อีกครั้งในวันพรุ่งนี้ โดยคุณผู้ชมคงจะได้พบกับพิธีกรคนใหม่ เพราะว่าวันนี้เป็นสุดท้ายของดิชั้นที่จะได้ปฏิบัติหน้าที่ ณ ตรงนี้ค่ะ”

ภาสกรนั่งทำงานอยู่ในห้องทำงาน เปิดรายการของดาวทิ้งไว้ โดยไม่ได้สนใจ
ในห้องส่ง ดาวร่ายอธิบายต่อ
“เหตุผลที่ดิชั้นตัดสินใจลาออกจากช่อง Thai KK เพื่อดูแลสุขภาพตัวเองค่ะ”
ดาวหยุดพูด ส่งยิ้มมีความสุข ปลื้มปีติกับกล้อง และจงใจส่งยิ้มนั้นให้ปัญชลีที่ยืนกอดอกมองอยู่หลังกล้อง แล้วปิดจ๊อบทันที
“ดิชั้นกำลังจะเป็น...Single Mom”
คำพูดนั้นกระแทกเข้าแสกหน้า ทุกคนทั้งห้องส่งช็อกทั้งแถบ มีแต่ตุ่นที่หัวเราะระรื่นคนเดียว
ส่วนภาสกรได้ยินดาวประกาศในรายการว่าจะเป็น Single Mom ก็ตกใจ เงยหน้าจ้องจอทีวี
“ดิชั้นขออนุญาตไม่เอ่ยถึงพ่อเด็กนะคะ เราเพิ่งเลิกรากัน ดิชั้นจะเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด เป็นกำลังใจให้ว่าที่คุณแม่คนนี้ด้วยนะคะ”
ดาวหมายถึงภาสกรนั่นเองที่เป็นพ่อของเด็ก ภาสกรรีบรุดออกจากห้องไปทันที

ภายในห้องส่งรายการ ร้องทุกข์กับดารินกานต์ เลิกแล้ว ทุกคนยังไม่หายช็อกกับข่าวดาวท้อง ปัญชลีไม่เชื่อเต็มร้อย
“เธอโกหก กล้ามากที่ใช้มุกนี้เอาคืนชั้น ประกาศออกทีวี”
“ดาวไม่ได้โกหก ไปตรวจที่โรงพยาบาลมาแล้ว”
ตุ่นงัดหลักฐานใบตรวจการตั้งครรภ์ให้ทุกคนดู ปัญชลีเอามาอ่านดูชัดๆ อ่านแล้วถึงกับเข่าอ่อน

ภาสกรร้อนเป็นไฟเข้ามาเลยทีเดียวถามทันที “ดาว คุณท้องเหรอ”
“ส่งให้คุณภาสอ่านมั่งค่ะพี่ลี เอ้า ส่งซีคะ อย่ามัวแต่ยืนหน้าซีด”
ปัญชลีมือไม้อ่อนส่งเอกสารให้ ภาสกรอ่านดูแล้วมีอาการเดียวกับปัญชลี แทบหมดแรง
“ดาวท้องกับพี่ศรัณ ไม่ใช่คุณภาสกร” แพรพรรณบอกทุกคน
“ลูกในท้องดาวเป็นลูกคุณภาสกร” ศรัณบอก
“คุณศรัณ ผมต้องคุยกับคุณ”
ดาวมองภาสกรอย่างตัดพ้อ

ภาสกรกับศรัณปิดห้องเปิดอกคุยกันอย่างลูกผู้ชาย
“ผมไปเห็นคุณกับดาวที่บ้านแม่ดาว พวกคุณอยู่ในชุดนอน กำลังกอดกัน ผมเฮิร์ตมาก ออกทะเลไปตั้งหลายวัน ป่วยเกือบตาย”
“ผมขอโทษที่ทำชีวิตคุณพัง”
“ตอนคุณคบกับดาว ดาวทิ้งผมไปแล้ว คุณไม่ผิด คุณภาสกรครับ คุณรักดาวบ้างมั้ย”
“เรื่องคืนนั้นไม่ใช่ความผิดพลาด ไม่ใช่เรื่องชั่วข้ามคืนที่ผ่านไปแล้วลืม ผมจริงจังกับดาว แต่พอคบกันไป ความสัมพันธ์มันไม่เวิร์ก คุณศรัณครับ อืม...” ภาสกรอึดอัดลำบากใจมาก
ศรัณเองก็เล่าอย่างลำบากใจมากเช่นกัน “หลายเดือนที่ผ่านมา ผมรู้สึก ผู้หญิงนอนข้างเรา แต่ใจเค้าคิดถึงผู้ชายอีกคน”
ภาสกรมองศรัณเห็นใจเขามาก ลูกผู้ชายด้วยกันมองตาก็เข้าใจ
“ผมมารู้เหตุผลที่ดาวเปลี่ยนไป ตอนตามไปเจอคุณภาสกรที่ร้านอาหาร เชื่อมั้ยครับ ผมคบดาวมา 6 ปี ดาวไม่เคยมองผม เหมือนที่มองคุณ วันเวลา ความเอาใจใส่ ซื้อหัวใจผู้หญิงไม่ได้ ผมคงโง่มั้งครับ คุณภาสกรเป็นคนฉลาด บอกผมที อะไรที่ซื้อหัวใจดาวได้”
“ผู้บริหารอย่างผม ก็มีปัญหาความรักไม่น้อยกว่าคุณศรัณหรอกครับ”
“เอกสารตรวจครรภ์ที่ผมอ่านเมื่อกี้ ดาวท้อง สองเดือน ผมกับดาวไม่มีอะไรกันมา ห้าเดือนแล้ว”

ภาสกรเครียดเลย เขาเป็นพ่อของลูกในท้องดาวแน่ ฝ่ายศรัณกลั้นน้ำตาเอาไว้ เจ็บปวดเหลือเกินกับข่าวนี้

ทุกคนรอสองหนุ่มอยู่ ปัญชลีหน้าเครียดมาก ไม่คุยกับใครเลย คนอื่น ๆ จับกลุ่มคุยกันเงียบ ๆ เกรงใจปัญชลี

“จอยว่าดาวท้องกับแฟนเก่า”
แอนเอาด้วย “แล้วโยนให้คุณภาสกรรับ ดูละครน้ำเน่ามากไปป่าวเนี่ย”
“สงสารพี่ลี หน้าอย่างกับแบกโลกไว้ทั้งโลก” ท็อปมองไปทางปัญชลี
ภาสกรกับศรัณมาออกมา ปัญชลีแทบจะกลั้นใจ รอฟังภาสกรพูดออกมาไม่ไหวแล้ว
“ดาวล่ะ” ภาสกรเอ่ยขึ้น
“อยู่ในห้องทำงานค่ะ” แพรพรรณบอก
ภาสกรมองปัญชลีด้วยแววตาอันเจ็บปวด ถ่ายทอดถึงกัน โดยไม่ต้องบอก ปัญชลีรู้คำตอบจากสายตาคู่นั้น ว่า ผู้ชายที่เธอรักเป็นพ่อของลูกในท้องดาวแน่นอน
ปัญชลีประคองชีวิตเดินออกไปช้าๆ พยายามไม่วิ่ง ทั้งที่ทำนบน้ำตาจะทะลักไหลอยู่แล้วรอมร่อแพรพรรณสงสารจะตามปัญชลีไป
ถูกภานุห้ามไว้ “ปล่อยให้พี่ลีอยู่คนเดียว”
ภานุมองสงสารพี่ชาย ภาสกรเดินเข้าไปหาดาวในห้องทำงาน
“ตกลงมันยังไง พี่ศรัณขึ้นไปคุยอะไรกับคุณภาสกรตั้งนาน”
ศรัณไม่พูดอะไรหน้าตาหมองจัด ภานุเองก็เงียบ ดูออกว่าอะไรเป็นอะไร
“ใครก็ได้ บอกแพรที ดาวท้องกับใคร”

ตุ่นเลี่ยงออกไป ปล่อยให้ดาวคุยกับภาสกรลำพัง ดาวลุ้นระทึก ว่าภาสกรจะยอมรับเป็นพ่อของลูกมั้ย
“ในสายตาผม คุณไม่มีความน่าเชื่อถือ ผมไม่เชื่อคำพูดคุณ” ภาสกรเอ่ยขึ้น
“ดาวท้องลูกคุณ”
“แต่ผมเชื่อคุณศรัณ ลูกในท้องคุณ เป็นสายเลือดของผม”
“คุณภาส”
ดาวดีใจสุดขีด ร้องไห้โฮ โผเข้ากอดภาสกรเต็มรัก ภาสกรกอดตอบเพียงหลวมๆ แม้ไม่ได้รักผู้หญิงคนนี้ แต่เธออุ้มท้องลูกของเขา

ฝ่ายปัญชลีซมซานมาอยู่คนเดียว ความเสียใจถั่งโถม ร้องไห้ออกมาอย่างรุนแรง ปิ่มว่าจะขาดใจ ถึงตอนนี้ปัญชลีเสียภาสกรให้ดาวอย่างราบคาบและเด็ดขาดแล้ว
ปัญชลีร้องไห้อยู่อย่างนั้น ส่วนภาสกรกอดดาวนิ่งอยู่ในห้องทำงาน ฟากศรัณนั่งหลบมุมร้องไห้อยู่เงียบๆ ไปไหนไม่เป็น เจ็บปวดแทบขาดใจ
ทั้ง ปัญชลี ภาสกร และ ศรัณ ทุกคนล้วนเจ็บปวดมากที่สุดในชีวิต มีเพียงคนเดียวที่ดีใจ เธอคือ ดารินกานต์

คืนนั้น วิไลลักษณ์ โวยวายใส่ภาสกรทันทีที่เขากลับมาถึงบ้านหิรัญกุล
“ไปเชื่อมันได้ยังไง แฟนเก่ามันก็ต้องช่วยกันโกหก ดาวไม่ได้ท้องกับภาส”
“คุณศรัณรักดาวมาก เค้าอยากได้ดาวคืน เค้าควรโกหกว่าดาวท้องกับเค้า แต่ไม่ เค้าเลือกพูดความจริง” ภานุบอก
“ความจริงก็คือ แม่ดาวเป็นอสรพิษ นายศรัณนั่นก็เป็นงูเห่า คบไม่ได้ทั้งคู่”
“คุณแม่ครับ ผมก็เชื่อพี่ศรัณ”
วิไลลักษณ์ท้วง “เรายังเด็ก ไม่ทันไอ้พวกผู้ใหญ่หัวหมอหรอก”
“พี่ลีก็เชื่อพี่ศรัณครับ”
คราวนี้วิไลลักษณ์อึ้งไป ขนาดปัญชลียังเชื่อ
“ลีไม่เชื่อใครง่ายๆ ถ้าขนาดทำให้ลีเชื่อถือได้ แสดงว่าผู้ชายคนนั้น เป็นคนดีจริง” โอภาสตริตรอง
“พี่ศรัณเป็นคนซื่อ จริงใจ น่านับถือ”
“พี่ภาสอยู่กับลีมาตั้งหลายปี ลีไม่ท้อง คบกับดาวแป๊บเดียว ดาวท้อง โลกหนอโลก ไม่ยุติธรรม” ภาสุรีคับแค้นใจ
“ภาสจะทำยังไงลูก” โอภาสมองหน้าลูกชาย
วิไลลักษณ์สวนขึ้น “ไม่ต้องแต่ง แม่จะเอาแต่หลาน ไม่เอานังแม่”
“ครอบครัวลูก ให้ลูกคิดเองเถอะคุณ”
“แล้วชั้นไม่มีสิทธิ์เลือกลูกสะใภ้รึไง ห้ามแต่งนะภาส แม่ไม่รับเด็กนั่นเข้าบ้าน”
ยังไงวิไลลักษณ์ก็ไม่เอาดาว เกลียดเข้าไส้ จะขอเอาแต่หลาน ทุกคนอ่อนใจปรามให้นางพญาหยุดพูดสงสารภาสกรที่ออกอาการเครียดจัด ชีวิตทั้งชีวิต ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจครั้งนี้ครั้งเดียว

ปัญชลีในท่าทีอันซึมเศร้า ลงมาต้อนรับภาสกรภายในห้องโถงบ้าน
“ลี ผมเสียใจ”
ปัญชลียิ้มกล้ำกลืนปลอบชายคนรักออกไปว่า “ภาสต้องดีใจสิคะ ภาสกำลังจะมีลูก ภาสอยากมีลูกมานานแล้วนี่ สมหวังซะทีนะคะ”
“ผมไม่รู้จะทำยังไง ผมอยากได้ลูก แต่ผมไม่อยาก ไม่อยากแต่งงานกับดาว ผมน่าจะใจร้ายอย่างผู้ชายบางคน ที่ฟ้องร้องขอสิทธิ์เลี้ยงดู แย่งลูกมาจากแม่”
“ลีเกิดมาอาภัพ พ่อทิ้งไปตั้งแต่ลีอยู่ในท้องแม่ ลีรู้ เด็กที่ขาดความรักเป็นยังไง เหมือนมีหลุมดำในใจ ถมยังไงก็ไม่เต็ม อย่าให้เด็กคนนี้ขาดพ่อ หรือแม่เลยนะคะ อย่าให้เค้าโตขึ้นมา มีปมในใจเหมือนลี”
ปัญชลีกลั้นน้ำตาไม่ไหว ร้องไห้ออกมา ภาสกรอยากดึงปัญชลีมากอด แต่ทำไม่ได้ เขาไม่มีสิทธิ์แล้ว
“ผมอยากย้อนเวลากลับไป บังคับให้ลีแต่งงานกับผม เรื่องพวกนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น”
“อย่าติดกับอดีตเลยค่ะ เดินหน้าต่อไป ลีขอให้ครอบครัวภาสมีความสุข”
“ผมไม่ได้รักดาว ผู้หญิงคนเดียวที่ผมอยากแก่เฒ่าไปด้วย คือ ลีคนเดียวเท่านั้น”
“ลีจะเป็นเพื่อนที่ดีของภาสตลอดไปค่ะ”
“แต่งงานโดยไม่ที่รัก ครอบครัวต้องมีปัญหา หรือผมควรแก้ปัญหาแต่แรก เอาลูกมาเลี้ยง ไม่แต่งกับดาว ทำหน้าที่พ่อแม่ แต่ไม่เป็นสามีภรรยา”
ปัญชลีไม่ตอบคำถาม ปาดน้ำตา กลับขึ้นห้อง ทิ้งภาสกรให้ร้องไห้เงียบๆ อยู่คนเดียว

เมื่อขึ้นห้องนอนมา ปัญชลีนอนร้องไห้อย่างหนักหน่วง หวนนึกถึงวันที่ภาสกรขอแต่งงาน หลายเดือนก่อนมาแล้ว
ในตอนนั้นภาสกรกับปัญชลีดินเนอร์กันอยู่ใต้แสงเทียนอันแสนโรแมนซ์ ภาสกรตื่นเต้น หยิบแหวนออกมา
“เรามาสร้างครอบครัวด้วยกันนะลี ผมพร้อมจะดูแลคุณไปตลอดชีวิต”
“แต่ลียังไม่พร้อมค่ะแต่งงานก็ต้องมีลูก ตารางงานลีแน่นมาก ไม่มีเวลา ภาสรออีกหน่อยนะคะ”
ปัญชลีดึงตัวเอากลับมาเสียใจที่วันนั้นปฏิเสธภาสกร
“มัวแต่ให้รอพร้อม เลยไม่เหลือเวลาอยู่กับภาสอีกแล้ว”
ปัญชลีร้องไห้ไม่หยุด ท่าจะร้องถึงเช้า

ภาสกรกลับถึงบ้าน เดินไปเปิดลิ้นชักโต๊ะหัวเตียง หยิบแหวนวงที่เคยขอปัญชลีแต่งงานออกมาดู มองแหวนอยู่อย่างนั้น ปัญหาตอนนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่เขาต้องคิดให้รอบคอบรอบด้านมากที่สุด
กระทั่งล่วงเข้าวันใหม่ภาสกรก็ยังตัดสินใจไม่ได้อยู่ดี ว่าเขาควรจัดการอย่างไรกับชีวิตตนเอง

เช้าวันถัดมา สาวใช้เสิร์ฟอาหารเช้าเต็มโต๊ะ ไม่มีใครกินลง เครียดกับปัญหาภาสกร ซึ่งเจ้าตัวออกไปแต่เช้าตรู่
วิไลลักษณ์ถามสามี “ภาสบอกคุณหรือเปล่า ตัดสินใจยังไง จะเอาแต่ลูก หรือเอาแม่ด้วย”
“ผมไม่ทันได้คุยกับลูก ได้ยินเสียงรถ ออกไปดู ภาสก็ขับรถไปแล้ว”
“เมื่อคืนผมโทร.หาพี่ลี พี่ลีไม่รับสาย” ภานุบอก
“เป็นพี่ พี่ก็ไม่อยากคุยกับใคร นี่ถ้าเป็นปัญชลีคนเดิม ที่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของทุกอย่าง ลีต้องไม่ยกพี่ภาสให้ดาวง่ายๆ”
วิไลลักษณ์ชักมีหวัง “พอน้ำตาท่วมห้อง แม่ลีอาจ Return กลับเป็นคนเก่า คนเรา พอสิ้นหวังก็ต้องตะเกียกตะกาย ไม่ยอมจมน้ำตาย”
ภานุโทร.หาพี่ชาย แต่ภาสกรไม่รับสาย “พี่ภาสไม่รับสายซะที ตัดสินใจยังไงก็น่าจะบอกคนในครอบครัว”
“แม่เชียร์ให้ลีลุกขึ้นสู้ ดาวไม่คู่ควรเป็นลูกสะใภ้แม่”
โอภาส ภานุ และภาสุรี กลุ้ม ส่วนวิไลลักษณ์ยิ้มมีหวังว่าปัญชลีอาจลุกมาสู้ชิงภาสกรคืนจากดาว

ภาสกรเข้าช่องแต่เช้า นัดให้สัมภาษณ์แบบเอ็กคลูซีฟกับนักข่าวที่สนิทเป็นการส่วนตัว ท่าทีของเขาเคร่งขรึม ความทุกข์กัดกินใจ สีหน้าโรยรา ด้วยอดนอนมาทั้งคืน
“ที่ผมให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ฉบับเดียว เพราะต้องการความเป็นส่วนตัว คุณเอาบทสัมภาษณ์ไปให้นักข่าวคนอื่นด้วยนะครับ”
“ได้ครับคุณภาสกร ขอเริ่มเลยนะครับ คุณภาสกรกับคุณดารินกานต์จะทำยังไงกับความสัมพันธ์ ตอนนี้มีเด็กในท้องมาเกี่ยวข้อง แต่พวกคุณเลิกกันแล้ว”
“ตอนที่ผมเลิกกับคุณดารินกานต์ ผมไม่รู้ว่ามีชีวิตบริสุทธิ์กำลังจะเกิดมา เมื่อคืนผมไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน โดยยึดผลประโยชน์ของลูก ของครอบครัวผม และความรู้สึกของคนที่ผมรักเป็นที่ตั้ง ผมจึงตัดสินใจ...”
เขาค่อยๆ หันไปมองผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ

“ผมจะแต่งงานคุณดารินกานต์”

อ่านต่อหน้า 3

สื่อริษยา ตอนที่ 11 (ต่อ)

เมื่อภาสกรยอมให้สัมภาษณ์ว่าจะแต่งงานด้วย ดาวโล่งอกเบาใจแล้วว่าได้แต่งแน่ รีบกลับคอนโดมาหาตุ่นที่รออยู่

“หนังสือพิมพ์จะลงบทสัมภาษณ์คุณภาสกรวันไหนลูก เจ๊จะเหมายกแผง”
“กรอบเช้าพรุ่งนี้ค่ะ มุกท้อง จับผู้ชาย ใช้ไม่ได้กับผู้ชายทุกคน ผู้ชายบางคน พอผู้หญิงท้องก็ทิ้ง แต่คุณภาส ดาวดูจนมั่นใจ ดาวท้อง คุณภาสต้องรับผิดชอบ”
“ผู้หญิงสวยต้องฉลาดแบบลูก ถึงจะได้ดี ยังไงก็อย่าลืมหญิงแม่ตุ่นนะคะ หญิงแม่ไม่มีงานทำแล้ว ลำบ๊ากลำบาก”
“พอดาวแต่งงานกับคุณภาส จะขอให้คุณภาสรับเจ๊กลับเข้าทำงานค่ะ”
“เริดฮ่า นายหญิงแห่งช่อง THAI KK” อีตุ่นสรรหาคำมายกยอปอปั้น
ดาวหน้าเสีย ปวดท้องน้อย “เจ๊ตุ่นคะ คนท้องนี่ เค้าปวดท้องน้อยกันหรือเปล่า ดาวปวดมาสองอาทิตย์แล้ว วันเนี้ย ปวดมากขึ้น”
“เจ๊จะไปรู้หรอ เจ๊ไม่เคยท้อง ไปหาหมอสิลูก”
“พรุ่งนี้ไม่หายดาวก็ว่าจะไปค่ะ ส่ง Line ไปเยาะเย้ยนังจิ้งจอกดีกว่า เจ๊ช่วยพิมพ์ทีค่ะ”
ดาวส่งโทรศัพท์ตัวเองให้ อีตุ่นรับมา ยิ้มชั่ว

ขณะที่ปัญชลีเดินไปเข้าประชุม มือถือมีเสียงข้อความ Line เข้า ปัญชลีเปิดดู พบว่าเป็น Line จากดาว เขียนว่า “จากว่าที่ภรรยา ถึงกิ๊กเก่าสามี” ตามด้วยการ์ตูน Line หัวเราะชอบใจ
ปัญชลีช้ำใจ ตัดสินใจกด Block ไม่อยากเห็น Line จากดาวอีก
ดาวบอกข้อความให้เจ๊ตุ่นพิมพ์ ไม่รู้ว่าถูกปัญชลี Block ไปแล้ว
“พี่ลีต้องมางานแต่งดาวกับคุณภาสนะคะ เป็นเพื่อนเจ้าสาวให้ดาวด้วยจะเป็นพระคุณอย่างสูง”
ตุ่นพิมพ์ไปหัวเราะคริๆ ไป อย่างสาแก่ใจ ส่วนดาวปวดท้องน้อยอยู่ หัวเราะไม่ค่อยออก

ภายในห้องประชุม ภานุ ภาสุรี ศินีนาฏ รู้เรื่องแต่งงานแล้ว ทุกคนผิดหวัง ที่เห็นดาวเป็นผู้ชนะ
“คุณแม่รู้ พี่ภาสจะแต่งงานกับดาว ต้องเหวี่ยงบ้านแตก” ภาสุรีว่า
“พี่จะคุยกับคุณแม่เอง”
“แต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ พี่ภาสแน่ใจหรอครับ พี่อยากอยู่กับดาว” ภานุทั้งกังวลปนสงสาร
“พี่เป็นพ่อคนแล้ว ตัวพี่ไม่สำคัญ ลูก...สำคัญที่สุด พี่ต้องเสียสละ...เพื่อลูก” หน้าตาภาสกรหมองลงชัดแจ้ง
ภานุ ภาสุรี ศินีนาฏ ได้แต่มองอย่างเห็นใจ
ปัญชลีเข้ามา ทุกสายตาเลยหันไปมองเห็นใจปัญชลีแทน ภาสกรทั้งเห็นใจทั้งสงสารและห่วงใยจับใจ
ปัญชลีรับรู้สายตาและความรู้สึกนั้น แต่คนเข้มแข็งอย่างเธอ ต้องล้มแล้วลุกถามด้วยน้ำเสียงปกติ
“ภาสเรียกประชุมเรื่องอะไรคะ”
ภาสกรลำบากใจจะคุย ศินีนาฏเลยพูดแทน
“ดาวลาออกแล้ว ต้องหาคนมาเป็นพิธีกรแทน เมื่อเช้าชั้นก็จัดรายการคนเดียว คุณภาสกรอยากให้เธอกลับไปนั่งเล่าข่าวคู่กับชั้น”
“ได้สิ เราเคยร่วมงานกันอยู่แล้ว”
“แล้วรายการร้องทุกข์กับดารินกานต์ล่ะคะพี่ภาส จะหาใครมาแทนดาว” ภาสุรีเอ่ยขึ้น
ศินีนาฏเสนอตัว “ให้ศิเป็นพิธีกรอีกรายการก็ได้ค่ะ”
“ผมอยากได้หน้าใหม่ ๆ รายการจะได้น่าสนใจ” ภาสกรบอก
“คนที่อ่านข่าวพยากรณ์อากาศมั้ยครับพี่ภาส มีสีสันดี” ภานุเสนอ
ภาสุรีบอกว่า “คนนั้นพี่มีรายการใหม่ให้ทำแล้ว”
ทั้งห้องประชุมช่วยกันนึก เอาใครมาเป็นพิธีกรแทนดาวดี ต้องหน้าใหม่ มีความน่าสนใจ ปัญชลีนึกถึงใครคนหนึ่ง

วิไลลักษณ์กลัดกลุ้มใจ ไม่รู้ลูกชายคนโตตัดสินใจเรื่องดาวยังไง โอภาสโทร.หาภาสกร
“ภาสไม่รับ”
ภานุโทร.มาหาวิไลลักษณ์พอดี พอรับสายเฉ่งลูกชายคนเล็กแทน “ตานุ พี่ชายเราทำอะไรอยู่ ไม่ยอมรับสายพ่อกับแม่”

ภานุโทร.คุยกับแม่จากสตูดิโอ
“พี่ภาสติดประชุมครับ นี่ก็ประชุมกับฝ่ายการตลาดอยู่”
“แล้วพี่เราเค้ารีบไปไหนแต่เช้า เค้าบอกหรือเปล่า จะแต่งงานกับแม่ดาวมั้ย”
ภานุอึกอักกลัวแม่ว่า “อืม ให้พี่ภาสคุยกับคุณแม่เองดีกว่าครับ” แล้วนึกได้น้ำเสียงตื่นเต้น เหตุผลหลักที่โทร.ไปหาแม่ กะอวดแฟนสาว “คุณแม่ครับ คุณแม่เปิดทีวีเดี๋ยวนี้เลยครับ ดูรายการเดิมของดาว”
วิไลลักษณ์เม้ง “อย่าบอกนะ ดาวยังทำอยู่”
“พิธีกรใหม่ครับ คุณแม่ต้องกด Like ถูกใจรัวๆ นะครับ”
วิไลลักษณ์เปิดทีวีทันที
ในจอทีวี ขึ้นไตเติ้ลที่เปลี่ยนชื่อจากรายการจาก “ร้องทุกข์กับดารินกานต์” เป็น “ร้องทุกข์กับTHAI KK” พอจบไตเติ้ลก็ตัดเข้ารายการ มีศินีนาฏนั่งหน้าแฉล้มเป็นพิธีกร
“สวัสดีค่ะคุณผู้ชม ดิชั้นมาทำหน้าที่พิธีกรแทนคุณดารินกานต์ที่ลาออกไปเมื่อวาน ดิชั้นไม่ได้มาคนเดียว มีพิธีกรใหม่แกะกล่องมานั่งเป็นเพื่อนด้วยค่ะ”
เป็นแพรพรรณ ที่นั่งหน้าตาบ้องแบ๊วข้างศินีนาฎ สีหน้าตื่นเต้นจนดูออก
“เอิ่ม สวัสดีค่ะ ดิชั้น แพรพรรณ นพไพศาล หลายคนคงคุ้นหน้าดิชั้น เอ่อ...ดิชั้นเป็นนักข่าวภาคสนามรายการคุณปัญชลี มานั่งเป็นพิธีกรครั้งแรกค่ะ”
ศินีนาฏคอยประคอง ส่งคิวให้แพรพรรณ “คุณแพรพรรณค่ะ วันนี้เรามีอีเมล จากแฟนรายการด้วยใช่มั้ยคะ”
“อ๋อค่ะ” แพรพรรณหันไปหาทนายความ อ่านอีเมล “ทนายสมพงษ์คะ มีแฟนรายการถามมาว่า ถ้ารัฐจัดเก็บภาษีที่ดิน ลูกซื้อที่ดินให้พ่อแม่ต้องเสียภาษีหรือเปล่า”
โอภาสดูรายการอยู่ที่ห้องโถงคฤหาสน์ดูออก “ท่าทางหนูแพรตื่นเต้นนะ”
“มือใหม่หัดขับ ดูสิ จะขับเก่งเท่าลีมั้ย”

วิไลลักษณ์ตั้งใจดูแพรพรรณจัดรายการ และคอยเอาใจช่วย

ที่สตูดิโอ รายการเลิกแล้ว สองพิธีกรถอดหูฟังออก แพรพรรณมีสีหน้าโล่งอก รอดจากจัดรายการสดครั้งแรกมาได้หวุดหวิด ปัญชลีกับภานุเดินยิ้มเข้าไปหาแพรพรรณบนเวที ภานุนั้นยิ้มหน้าบานปลื้มมาก

“ไม่บอกว่ามือใหม่ ไม่เชื่อเลยนะเนี่ย นึกว่าพี่ลี 2”
“นี่ จะยอก็ดูความจริงมั่ง ชั้นพูดผิดตั้งหลายครั้ง” แพรพรรณหมั่นไส้
“พี่จัดรายการสดครั้งแรกก็พลาดเยอะ ประสบการณ์จะทำให้แพรเก่งขึ้น ขอบใจมากนะศิ ช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้แพร”
“เรื่องปั้นเด็ก ชั้นถนัดอยู่แล้ว ปั้นนังดาวดีออกมากับมือ” ศินีนาฏเหยียดยิ้ม เกลียดเข้าไส้
“เย็นนี้เราไปเลี้ยงฉลองให้แพรกันนะครับ แพรพรรณ นพไพศาล พิธีกรคนใหม่ของ THAI KK”
“ร้านไหนคุณนุเลือกมาเลยค่ะ” ศินีนาฏว่า
ทุกคนยิ้มชื่นมื่น แพรพรรณเองก็ยิ้มปลื้ม เธอทำได้
ภานุทำหน้าเจ้าเล่ห์

เย็นวันนั้น ภานุกับแพรพรรณนั่งรอคนอื่นๆ อยู่ในร้านอาหารบรรยากาศดีงาม เลยเวลานัดนานแล้ว แต่ยังไม่มีใครมา แพรพรรณบ่นบ้าเอากับภานุ
“ชั้นบอกนายแล้ว ให้รอมาพร้อมกัน ดูสิ มานั่งแกร่วรอกันสองคน พวกพี่ๆ ทำไมมาช้าจัง”
“หิวแล้ว สั่งอาหารกันก่อนเหอะ”
ภานุเลือกเมนู แววตากรุ้มกริ่ม ได้มาฉลองกับแพรพรรณสองคนสมใจ
แพรพรรณจ้องจับผิดภานุ “นายบอกไม่ให้ทุกคนมา” เธอโกรธมากลุกออกจากร้านไปเลย
“รอด้วยแพร” ภานุรีบลุกตาม

แพรพรรณเดินดุ่มๆ หนีมา ภานุตามมาทันที่หน้าร้านขายเครื่องประดับ สองคนหยุดยืนทะเลาะกันหน้าร้านนี่แหละ
“ไอ้ผู้ชายกะล่อน”
“ผู้ชายกะล่อน มักน่ารัก” ภานุยิ้มล้อทำหน้าทะเล้นให้
แพรพรรณพูดซีเรียส “เรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้หรอก แม่นายไม่ยอมรับชั้น หยุดซะตอนนี้ ได้ไม่มีใครเจ็บ”
ภานุพูดตอบกลับจริงจังเช่นกัน “มันหมดยุคชนชั้นแล้วแพร ทุกคนเสมอภาคกัน มีสิทธิ์รักกันได้”
“ไม่ใช่เพราะแม่นายหรอกเหรอ พี่ลีกับคุณภาสกรถึงจบแบบนี้ ดาวแค่เป็นตัวแปรที่เข้ามาทีหลัง แม่นายไม่ชอบพี่ลี เหมือนที่ตอนนี้แม่นายก็ไม่ชอบชั้น”
“ผมไม่สนคุณแม่จะมองคุณยังไง ผมชอบอยู่กับคุณ ผมอยากคุย อยากหัวเราะอยากแชร์ความรู้สึกกับคุณ ผมไม่แคร์ว่าคุณเป็นใคร แล้วก็ไม่อยากให้คุณแคร์ว่าผมเป็นใคร คุณรู้แค่ว่า ผมรักคุณก็พอแล้ว”
แพรพรรณอดปลื้มปริ่มกับคำรักของภานุไม่ได้
ภานุเห็นสร้อย 2 เส้น เข้าคู่กัน แขวนโชว์หน้าร้านเครื่องประดับ จูงมือแพรพรรณเข้าไปในร้าน ดูสร้อย 2 เส้นใกล้ ๆ พบว่ามีจี้รูปหัวใจติดกับสร้อยอีกต่างหาก
“สวยดี เข้าคู่กันซะด้วย”
คนขายขอขายของ “คอลเลคชั่นใหม่ค่ะ ออกแบบเพื่อคู่รัก”
ภานุหยิบสร้อย จะสวมให้ แพรพรรณเอนตัวหนี ไม่ยอมให้สวม
“คุณพร้อมเปิดใจเมื่อไหร่ ค่อยสวมมาให้ผมดู”
ภานุเอาสร้อยใส่มือแพรพรรณ กุมมือสาวเจ้าไว้แป๊บหนึ่งถึงปล่อยหันมาทางคนขาย
“ไม่ต้องใส่กล่องนะครับ อยากใส่เลย”
ภานุหยิบสร้อยอีกเส้นคู่กัน มาสวมให้ตัวเอง แพรพรรณมองภานุที่กำลังจ่ายเงิน แล้วมองสร้อยในมือตัวเอง ว้าวุ่นสับสน กังวล และกลัวไปหมด

ดาวตื่นมากลางดึก ปวดท้องน้อยมาก ลุกมาเปิดไฟ หยิบยาแก้ปวดกิน
ตุ่นตื่นมาเห็นดาวกินยาแก้ปวด “วันนี้ซัดยาแก้ปวดไปเกือบหมดแผง เจ๊ว่า ไม่น่าใช่อาการแพ้ท้อง”
“ตอนเช้าดาวจะไปหาหมอค่ะ ไปให้หมอตรวจว่าเป็นอะไร ห่วงลูกในท้อง”
“จ้ะ” ตุ่นไม่ได้ห่วงดาวจริงใจ นอนต่อ
ดาวเอามือแตะท้องเบาๆ สัญชาตญาณความเป็นแม่ ทำให้ดาววิตกกังวล ห่วงลูกในท้อง ดาวมีอาการปวดท้องผิดปกติ

ดาวแต่งตัวแล้วกำลังรอตุ่น จะออกไปหาหมอด้วยกัน อาการปวดท้องน้อยเมื่อวาน ตอนนี้ลดลงบ้างแต่ยังไม่หาย สักพักเห็นตุ่นหอบหนังสือพิมพ์กลับมาห้อง
ดาวโวยทันที “หายไปไหนมาคะ ดาวรออยู่ จะรีบไปหาหมอ”
“ปวดท้องจนลืมเลยนะลูก วันนี้หนังสือพิมพ์ลงบทสัมภาษณ์คุณภาสกร”
“จริงด้วย”
ดาวรีบหยิบหนังสือพิมพ์จากตุ่นที่กวาดมาทุกฉบับมาอ่าน แค่ฉบับแรก กลิ่นก็ทะแม่งๆ แล้ว
“ไม่เห็นลงข่าวคุณภาสกับดาว” ดาวดูอีกเล่ม
“เล่มนี้ก็ไม่มี ต้องอยู่หน้าบันเทิง”
ดาวกับตุ่นพลิกหน้าบันเทิง หาข่าวแต่งงานดาวกับภาสกร
“หน้าบันเทิงก็ไม่มี”

ความดีใจชั่วข้ามคืนของดาวมลายไปจนหมดสิ้น การแต่งงานต้องมีอุปสรรค และหล่อนรู้ทันทีว่าเป็นฝีมือใคร!

อ่านต่อตอนที่ 12
กำลังโหลดความคิดเห็น