กลกิโมโน ตอนที่ 2
คฤหาสน์มิยาคาวะวันใหม่ มิกิเดินเข้ามามองหาหลานชายกับหลานสาว แต่ไม่เห็นใครเลย พอดีเจอเคโกะเดินผ่านเข้ามาเลยเรียกไว้
"เคโกะ..เคโกะ"
"คะคุณท่าน"
"อาคิระกับอายูมิอยู่ไหน บ้านช่องเงียบเชียบเชียว"
"อ๋อ..คุณริเอะแวะมารับคุณหนูไปเที่ยวสนุกกันเมื่อกี้นี้เองค่ะ คุณอาคิระก็เลยไปด้วย"
"พาอายูมิไปเที่ยวสวนสนุกกัน ทำไมอาคิระไม่บอกชั้น"
"เห็นว่าคุณท่านกำลังดูแลศาลเทพเจ้าอยู่ คุณอาคิระก็เลยฝากให้เคโกะบอกค่ะ"
มิกิสีหน้าผิดหวังเพราะวันนี้กำลังมีธุระกับอาคิระพอดี
"คุณท่านมีธุระอะไรกับคุณอาคิระเหรอคะ"
"ก็มีน่ะสิ"
"จะให้เคโกะโทร.ไปตามคุณอาคิระให้มั้ยคะ"
มิกิยังไม่ทันจะตอบ นานะก็เดินเข้ามา
"คุณท่านคะ มีโทรศัพท์จากลูกชายของคุณยายซาดาโกะค่ะ บอกว่าเป็นเรื่องด่วน"
มิกิมองอย่างแปลกใจ
ภายในห้อง โฮชิยืนมองรูปวาดของเมียวโจโอจินด้วยรอยยิ้มมีความสุข และวันนี้เขาก็แต่งตัวในชุดออกไปข้างนอกทำให้เขาดูหล่อแปลกตาจากชุดกิโมโนที่ใส่ประจำ ระหว่างนั้มิกิเลื่อนประตูเข้ามา
"ท่านชายคะ ขอโทษด้วยค่ะ"
"ไม่เป็นไรหรอกมิกิ อ้าว..แล้วอาคิระล่ะ"
"เอ่อ อาคิระพาอายูมิไปเที่ยวสวนสนุกแล้วค่ะ เป็นความผิดของดิชั้นเองเพราะมัวแต่ไปดูแลศาล ก็เลยไม่ทันได้บอกอาคิระว่า ท่านชายอยากคุยด้วย"
โฮชิยิ้มรับ
"ไม่เอาน่า แค่เรื่องเล็กๆน้อยๆ ไม่ใช่ความผิดของมิกิสักหน่อย" โฮชิหันไปมองรูปเมียวโจโอจิน "รอมาตั้งหลายร้อยปี รอไปอีกสักวันจะเป็นไร อีกอย่าง..การจะพาคนนอกเข้ามาที่นี่เพื่อทดสอบว่าเธอคือเมียวโจรึเปล่า ชั้นก็ไม่ควรทำให้อาคิระผิดสังเกต"
"ค่ะท่านชาย ตั้งแต่เกิดเรื่องกับอากิฮาระ อาคิระก็ไม่เคยไว้ใจใครเลย ไว้เขากลับมา ดิชั้นจะตามให้มาพบท่านชาย แต่ว่า..."
"มีอะไรอีกเหรอมิกิ"
"ดิชั้นได้รับโทรศัพท์จากลูกชายของซาดาโกะ..อาการของเธอไม่ดีเลยค่ะท่านชาย"
โฮชิรับรู้จากมิกิแล้วสีหน้าเป็นห่วง
ที่หน้าทางเข้าของสวนสนุก รินดาราอยู่ในชุดเจ้าหญิงเต็มยศ พร้อมกับมาสคอตประจำสวนสนุก ต้องเต้นลั้นลา ร่าเริงต่อหน้าเด็กๆและนักท่องเที่ยวอยู่ในสวนสนุก นักท่องเที่ยวและเด็กหัวเราะชอบใจ
รินดาราต้องถ่ายรูปยิ้มเหงือกแห้ง จิ้นว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงเพื่องานสุดฤทธิ์ จังหวะพักนักท่องเที่ยวดูรูปที่เพิ่งถ่ายไป รินดาราหมุนตัวสูดอากาศเข้าปอดเรียกกำลังใจ
"รินดาราไฟท์ติ้ง"
รินดาราหมุนตัวหันกลับไปยิ้มสดใสได้เหมือนเดิม
บริเวณหน้ากังหัน ภายในสวนสนุก อาคิระเดินเข็นรถอายูมิ ริเอะเดินประกบข้าง
"โอ้โห..ดอกกุหลาบเต็มไปหมดเลย..สวยจังเลยค่ะคุณอา ขออายูมิถ่ายรูปหน่อยนะคะ"
"จ้ะ"
อาคิระยิ้มรับแล้วปล่อยให้อายูมิเอากล้องถ่ายรูปอันเล็กๆของตัวเองออกมากดถ่ายภาพดอกกุหลาบ
ริเอะเข้ามาเกาะแขนอาคิระ
"เห็นอายูมิได้ออกมาข้างนอกแล้วยิ้มแย้มแจ่มใสแบบนี้ ริเอะดีใจจังเลยค่ะ"
"ผมว่าจะพาอายูมิมาหลายครั้งแล้ว พอริเอะชวนมาก็เลยได้โอกาสซะที"
"ก็ริเอะรู้ใจอาคิระมาตลอดนี่"
ริเอะยิ้มรับเป็นปลื้มแล้วเกาะแขนอาคิระแน่นขึ้นอย่างสนิทสนม ในขณะที่อายูมิหันมามองอย่างไม่ค่อยชอบ
"วันนี้อายูมิจังอยากจะเล่นอะไรบอกคุณอาริเอะเลยนะคะ คุณอาจะพาเล่นเอง"
อายูมินิ่งไม่ตอบสนองและไม่สนใจริเอะ ทำให้เธอชักไม่ชอบหน้าเด็กคนนี้
"คุณอาคะ อายูมิอยากไปดูอย่างอื่น คุณอาพาอายูมิไปหน่อยสิคะ"
อาคิระยิ้มรับแล้วเข็นอายูมิเดินออกไป ริเอะมองตามจิกหน้าหมั่นไส้อายูมิ
มุมต่างๆในสวนสนุก ทั้งบริเวณน้ำพุ บริเวณหน้าโรงแรมอัมเสตอร์ดัม หน้านาฬิกาดอกไม้ และบริเวณ ท่าเรือ อายูมิกับอาคิระเที่ยวเล่นสวนสนุกด้วยกัน มีริเอะคอยเดินตามถ่ายรูปให้กลายเป็นส่วนเกินซะงั้น
บนสะพานข้ามคลอง ริเอะถูกขอให้ไปยืนรอถ่ายรูปอาคิระกับอายูมิที่จะนั่งเรือล่องผ่าน พอเรือเข้ามาใกล้สะพาน อาคิระกับอายูมิโบกมือ ริเอะกดชัตเตอร์ถ่ายเก็บภาพไว้ได้ พอเรือผ่านใต้สะพานไป อายูมิหันมาแอบแลบลิ้นใส่
"แบร่"
ริเอะสะดุ้งตกใจชักสีหน้า)
"เด็กบ้า"
อายูมิกับอาคิระถ่ายรูปเซลฟี่ด้วยกันที่หน้าน้ำพุ ริเอะเข้ามาพร้อมไอศรีม มองทั้งคู่พยายามทำดีให้อาคิระเห็น
"อายูมิจ้ะ..อาซื้อซอฟครีมซากุระมาฝากจ้ะ" ริเอะบอก
"อายูมิไม่ชอบกินซอฟครีมซากุระค่ะ" แล้วหันไปบอกกับอาคิระ "คุณอาขา ถ่ายรูปอายูมิอีกสิคะ"
อายูมิโพสชูสองนิ้ว อาคิระถ่ายรูป ริเอะไม่ยอมแพ้ย่อตัวนั่งลงข้างอายูมิ
"ไม่ลองชิมก่อนเหรอคะ ท่าทางจะอร่อย เด็กๆ ต่อแถวซื้อกันเพียบ"
อายูมิไม่สนใจริเอะ
"ท่านี้สวยมั้ยคะคุณอา"
อายูมิยกมือจะโพสต์ท่า ทำให้มือปัดไปโดนไอศรีมเลอะใส่เสื้อริเอะเต็มๆ โดยที่อายูมิไม่ได้ตั้งใจ
"ว้าย"
"อายูมิทำไมไม่ระวัง"
"อย่าว่าแกเลยค่ะ แกไม่ได้ตั้งใจหรอกค่ะ"
ริเอะพยายามปาดไอศรีมออกจากเสื้อ
"ผมช่วยครับ"
อาคิระใช้ผ้าเช็ดหน้าของตัวเองเช็ดเสื้อให้ริเอะ
อายูมิเซ็งมาก แล้วหันไปเห็นกลุ่มตัวมาสคอตดอกไม้น่ารักๆ 4-5 ตัวของสวนสนุกเดินมาเป็นกลุ่มมีนักเที่ยวเดิน ตามถ่ายรูปอยู่ไกลๆ อายูมิตาลุกวาว
"คุณอาขา อายูมิอยากไปถ่ายรูปกับมาสคอตค่ะ"
"เดี๋ยวอาช่วยคุณอาริเอะเช็ดไอศรีมออกก่อน ปล่อยทิ้งไว้มันจะซักออกยาก อายูมิรออา แป๊บนึงนะ"
อาคิระง่วนกับการเช็ดเสื้อของริเอะ
กลุ่มตัวมาสคอตกำลังจะพากันเดินออกไป อายูมิงอนแก้มป่องกลัวตามพวกมาสคอตไม่ทันเลย เลยตัดสินใจเข็นรถตามไป ระหว่างนั้นเองเองเป็นจังหวะที่มีกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่เดินมาหยุดถ่ายรูปขวางกลางระหว่างอายูมิ กับอาคิระพอดี เมื่ออาคิระเช็ดเสื้อเสร็จ
"เรียบร้อยแล้วจ้ะอายูมิ"
อาคิระหันกลับมา ไม่เจออายูมิแล้ว อาคิระอึ้ง
"อายูมิ !"
บริเวณหน้าสวนสนุก อายูมิหัวเราะคิกคักชอบใจกับพวกตัวมาสคอตที่มาหยอกเย้าเล่นและถ่ายรูปกับ อายูมิ ก่อนที่กลุ่มมาสคอตจะเดินไปที่จุดอื่นต่อ พวกมันโบกมือบ๊ายบาย
อายูมิโบกตอบ
"บ๊ายบายค่ะ"
อายูมิโบกมือลาแล้วยิ้มแก้มป่องน่ารัก ก่อนจะหันกลับไป แต่ทั้งอาคิระกับริเอะไม่ได้ตามเธอมา
"คุณอา คุณอาหายไปไหน"
รินดาราในชุดเจ้าหญิงยิ้มร่าเริงถ่ายรูปกับนักท่องเที่ยว จนกระทั่ง เธอได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง จนเผลอถามออกไป
"ช่วยอะไรคะ"
นักท่องเที่ยวมองตามเธออย่างงงๆ
"คะ"
"เมื่อกี้มีคนร้องว่าช่วยด้วย"
นักท่องเที่ยวบอก
"ไม่มีใครพูดอะไรนี่คะ"
รินดาราแปลกใจ แล้วเหลือบตาขึ้นไปบนต้นไม้ เห็นนกเกาะอยู่ที่กิ่งไม้ส่งเสียงจิ๊บๆ เธอกลอกตาเซ็ง แล้วบอกนักท่องเที่ยว ไม่สนใจเสียงนก
"ถ่ายรูปกันต่อเถอะค่ะ"
รินดาราถ่ายรูปกับนักท่องเที่ยวต่อแต่สายตายังเหลือบไปที่นกตัวนั้นอยู่
ภายในห้องญี่ปุ่นของบ้านชาวบ้านขนาดเล็ก ซาดาโกะหญิงชราวัยประมาณ 70 กว่าๆ คนทอผ้าเก่าแก่ของตระกูลมิยาคาวะ นอนป่วยใบหน้าซีดเซียวอยู่บนฟูกที่นอน มิกินั่งกุมมือซาดาโกะที่อ่อนแรงเต็มที เธอพยายามจะลุก
"คุณ..คุณมิกิ"
"ไม่ต้องลุกหรอกซาดาโกะ..นอนพักเถอะ"
"ดิ..ดิชั้นอยากหายไวๆจังเลยค่ะคุณ จะได้กลับไปทอผ้าให้คุณอีก"
"เธอทอผ้าให้กับมิยาคาวะมาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่2แล้วนะ ตอนนี้คนรุ่นใหม่ๆที่เธอฝึกไว้เขาก็ช่วยกันทำงานได้ดี ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ"
"แต่...แต่ดิชั้นยังทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากคุณไม่สำเร็จเลย" ชาดาโกะสายตาเหม่อเพ้อ "นก กระเรียนทองคำ ถ้าดิชั้นหามันเจอ ดิ...ดิชั้นก็คงช่วย...ช่วยปลดปล่อยท่านชายไม่ได้"
มิกิสงสาร
"ไม่เป็นไรหรอกซาดาโกะ หลายร้อยปีแล้วที่คนของตระกูลมิยาคาวะไม่เคยมีใครทำสำเร็จ ไม่ใช่เธอคนแรก"
"ดิชั้นไม่เคยพูดเรื่องนี้ให้ใครฟังเลยนะคะคุณมิกิ ความลับของมิยาคาวะก็ยังคงเป็น ความลับอยู่ค่ะ"
"จ้ะ..ซาดาโกะ" มิกิน้ำตาคลอแต่ฝืน "ท่านชายรู้เรื่องนี้เลยให้ชั้นเอาของขวัญมาให้เธอ"
"ของขวัญ ของขวัญจากท่านชายเหรอคะคุณ"
มิกิน้ำตาคลอแล้วค่อยๆ วางนกกระเรียนกระดาษลงบนมือเหี่ยวๆของซาดาโกะ แค่นั้นก็ทำให้ซาดาโกะน้ำตาไหลพรากด้วยความดีใจ มือเธอค่อยๆกำนกกระเรียนกระดาษไว้อย่างหลวมๆ
"ท่านชายยังฝากชั้นมาบอกเธอด้วยนะว่าตอนนี้ความหวังของท่านชายใกล้มาถึงแล้ว"
"เธอ..เธอได้ยินเสียงเพลงของท่านชายแล้วเหรอคะ"
"ท่านชายคิดว่าใช่จ้ะ"
"ดิชั้นดี..ดีใจจังเลยค่ะ"
ซาดาโกะยิ้มอย่างอ่อนแรง ย่ามิกิเห็นแล้วกลั้นน้ำตาไม่อยู่เบือนหน้าไปปาดน้ำตา เมื่อหันกลับมาอีกทีซาดาโกะ ก็ค่อยๆคลายมือออกจากนกกระเรียนกระดาษเมื่อครู่ บัดนี้ได้เปลี่ยนเป็นขนนกกระเรียนสีขาวบริสุทธิ์
ซาดาโกะยิ้มทั้งน้ำตา
"ถึง..ถึงเวลาของดิ ... ดิชั้นแล้วเหรอคะคุณมิกิ"
ตอนกลางวัน โฮชิเงยหน้ามองท้องฟ้า แล้วกลายเป็นโฮชิยืนอยู่ที่ถนนในเมืองสึกิ สภาพทุกอย่างรอบตัวหยุดนิ่ง ราวกับเวลาได้หยุดลงกระทันหัน ชาวบ้านที่กำลังเดินอยู่ก็หยุดนิ่งในกิริยาค้าง คนที่กำลังขี่จักรยานอยู่แล้วเซล้มก็อยู่ในอาการค้างเช่นกัน
โฮชิยืนอยู่ท่ามกลางสภาวะเวลาหยุดนิ่ง ระหว่างนั้นซาดาโกะเดินเข้ามาข้างหลังโฮชิ
"ท่าน..ท่านชายคะ"
ท่านชายโฮชิค่อยๆหันหน้ามาหาซาดาโกะช้าๆ รัศมีเรืองรองแผ่ออกมาจากตัวท่านชาย แววตาเป็นประกายสีเขียว แสดงถึงความเป็นเทพเจ้าที่น่าเคารพ
โฮชิยิ้มให้ด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่นพร้อมยื่นมือออกไปรอ
"มาสิซาดาโกะ...ชั้นจะไปส่งเธอเอง"
"ดิชั้นเฝ้าฝันมาตลอดว่า เมื่อถึงเวลาดิชั้นจะได้เห็น...เห็นตัวตนที่แท้จริงของท่านชาย ช่างเป็นบุญของดิชั้นเหลือเกิน"
"เพราะเธอเป็นคนดี กรรมดีที่เธอเพียรทำมาทั้งชีวิต ทำให้เธอได้พบกับชั้น"
โฮชิโค้งโน้มตัวก้มหัวลงให้ซาดาโกะยิ่งทำให้เธอปลื้มจนน้ำตาคลอ
"แล้วเราจะได้พบกันอีก"
ซาดาโกะตื้นตัน
"ค่ะท่านชาย ดิชั้นขอให้ความหวังที่กำลังมาถึงของท่านชายเป็นจริง ขอให้ได้ พบกับคนรักของท่านชาย"
ซาดาโกะยื่นมือไปจับมือท่านชายแล้วเดินตามท่านชายไปด้วยรอยยิ้ม แล้วทั้งสองก็เดินตามทางที่มีแสงสว่างจ้า
สภาพถนนในเมืองสึกิกลับมาเป็นปกติชาวเมืองที่เดินอยู่เริ่มเดินต่อ คนขี่จักรยานที่กำลังจะล้มก็ล้มลงไปกับพื้น รายล้อมรอบโฮชิที่ยืนเงยหน้ามองท้องฟ้าในสภาวะปกติที่เป็นมนุษย์ ก่อนจะหันไปทางมิกิที่เดิน เช็ดน้ำตาเข้ามาด้านหลัง
"อย่าร้องไห้ไปเลยมิกิ...ซาดาโกะไปสบายแล้ว"
"ค่ะท่านชาย"
แต่ขาดคำย่ามิกิกลับปล่อยโฮ สะอื้นร้องไห้อย่างกลั้นไม่อยู่ ท่านชายโฮชิหันมองมิกิพร้อมกับยิ้มเอ็นดู
"ขี้แยตั้งแต่เด็กยันแก่เลยนะมิกิ"
"ก็ดิชั้นกลั้นไม่อยู่จริงๆนี่คะ เคยเห็นกันมานานแล้วต้องมาตายจากกัน ก็อดใจหายไม่ได้"
"ชั้นเองก็ใจหายที่ต้องเห็นคนดีๆของมิยาคาวะหลายคนจากไป ตลอดช่วงเวลาที่อยู่ที่นี่ แต่ชั้นก็ภูมิใจที่คนดีๆจะได้เห็นสภาวะเทพเจ้าของชั้น และชั้นก็ได้ทำหน้าที่ส่งพวกเขา"
"งั้นดิชั้นก็คงบุญน้อยแล้วสิคะ เพราะถ้าความหวังที่ท่านชายรอเป็นจริงขึ้นมา แล้วท่าน ชายได้กลับสวรรค์ก่อนที่เวลาของดิชั้นจะมาถึง." มิกิหน้าเศร้า
"กลัวว่าชั้นจะไม่ได้ส่งเธองั้นเหรอ มิกิ..ชั้นว่าเธอแก่ง่ายตายยากนะ ยังไงเธอ ก็อยู่อีกนานเชื่อชั้นสิ"
มิกิชะงัก
"ท่านชาย"
โฮชิยิ้มชอบใจแล้วเดินออกไปตามถนนในเมือง มิกิมองตามค้อนงอนๆก่อนจะรีบเดินตามท่านชายกลับคฤหาสน์
ณ บริเวณสะพานข้ามคลองใกล้กับทางลาดใต้ซุ้มดอกไม้หน้า Thriller Fantasy Museum อายูมิเข็นรถตามหาอาคิระมาตามทาง
"คุณอาขา คุณอาอยู่ที่ไหน ฮือๆๆ"
ระหว่างนั้นล้อรถอายูมิกำลังจะเลื่อนลงไปสู่ทางลาดที่พุ่งตรงไปชนขอบรั้วเหล็ก อายูมิเพิ่งรู้ตัวเลยตกใจ
รถเข็นพุ่งไปตามทางลาดด้วยความเร็ว อายูมิร้องเสียงดังลั่น.. รถเข็นกำลังจะล้ม แต่ทันใดนั้นรินดาราก็พุ่งตัวเข้ามาคว้ามือจับรถเข็นเอาไว้และหยุดรถได้ทันท่วงที ส่วนอายูมิ ยังนั่งกลัวตัวสั่นหลับตาปี๋
"หนูจ๊ะ..หนูปลอดภัยแล้วจ้ะ ไม่เป็นอะไรแล้ว"
อายูมิค่อยๆลืมตาขึ้นมา รินดารา แต่งตัวเป็นเจ้าหญิงแสนสวยยิ้มให้เธออย่างอบอุ่น เธอร้องไห้โผกอดเจ้าหญิงทันที
"ฮือๆๆๆ หนูกลัว หนูกลัว ฮือๆๆ"
"ไม่ต้องกลัวนะจ๊ะ..พี่อยู่นี่แล้ว..ไม่ต้องกลัวนะ"
รินดาราบีบมือช่วยเช็ดน้ำตาปลอบใจจนอายูมิเริ่มหายตื่นกลัวและตกใจ
"เก่งมากจ้ะ..ทีนี้ช่วยบอกพี่หน่อยได้มั้ยว่าหนูชื่ออะไร พี่จะได้ช่วยตามหาผู้ปกครองให้"
"หนูชื่ออายูมิค่ะ"
"อายูมิจัง" เธอยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
ในสวนสนุก บริเวณท่าเรือ (Huistenbosch in Nagasaki) อาคิระหน้าเครียดเป็นห่วงหลานสาวเพราะเดินหาจนทั่วแล้วก็ยังไม่เจอ
"อายูมิ..อายูมิ"
ริเอะเดินตาม ช่วยตะโกนเรียก แต่เรียกจนสุดเสียงแล้วก็ไม่มีวี่แววว่าจะเจอตัว เธอเริ่มเดินเมื่อย
"อาคิระคะ...สวนสนุกนี่ตั้งกว้าง ถ้าจะเดินหาเองแบบนี้ริเอะว่าคงต้องเดินขาลากกันพอดี"
อาคิระชะงักแล้วหันมามองริเอะด้วยสายตาตำหนิ
"เอ่อ..ริเอะหมายถึงว่า เราเดินตามหาเองแบบนี้จะเสียเวลาน่ะค่ะ"
"งั้นเราก็ต้องแยกกันไปตามหา ผมจะไปทางนี้เอง ส่วนคุณช่วยไปดูทางนั้นให้ผมด้วย ขอบคุณมากครับ"
อาคิระโค้งขอบคุณแล้วรีบเดินออกไป ริเอะชักสีหน้าไม่พอใจหงุดหงิดหัวเสีย
"เด็กบ้า สร้างแต่ปัญหา พิการแล้วยังอยากออกมาเที่ยวอีก..หึ"
ในสวนสนุก รินดาราเข็นรถให้อายูมิมาหยุดที่หน้านาฬิกาดอกไม้ (Huistenbosch in Nagasaki) ระหว่างทางรินดาราคอยถามอายูมิ
"ไม่ต้องห่วงนะอายูมิจัง พี่จะช่วยตามหาผู้ปกครองหนูให้เจอ"
"พี่เจ้าหญิงใจดีจังเลยค่ะ..แต่คนเยอะแยะแบบนี้ อายูมิจะเจอคุณอาได้ยังไง"
รินดารามองอายูมิอย่างสงสารก่อนจะมองขึ้นไปบนต้นไม้เพื่อฟังเสียงนกคุยกัน แล้วบ่นฮุบ
" อ๋อ..แบบนี้นี่เอง แย่จริงๆ มัวแต่ห่วงแฟนจนลืมหลาน"
"อะไรนะคะ พี่เจ้าหญิงพูดว่าอะไรเหรอคะ"
"เอ่อ..ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ พี่กำลังคิดว่าจะพาหนูอายูมิไปหาผู้ปกครองที่ไหนต่อดีน่ะจ้ะ"
ระหว่างนั้นเสียงแหลมๆของริเอะก็ดังแหวกเข้ามา
"ตายแล้วอายูมิ..มาอยู่นี่เองเหรอเนี่ย หนูหายไปไหนมาคะ คุณอาเขาเป็นห่วงหนูมากนะคะ หนูน่ะไม่ได้ปกติเหมือนเด็กคนอื่น ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาเดือดร้อนกันหมดเลยนะคะ"
"ขอโทษนะคะ..คุณเป็นผู้ปกครองของหนูอายูมิเหรอคะ"
ริเอะมองรินดาราหัวจรดเท้า
"ชั้นเป็นใครไม่สำคัญ แต่เธอนั่นแหละปล่อยหลานของชั้นได้ แล้ว" ริเอะมองสงสัย "เอ๊ะ..หรือว่าเธอกำลังจะมาลักพาตัวอายูมิ ... แกเป็นพวกเรียวอิจิใช่มั้ย"
"เข้าใจผิดกันแล้วค่ะ เรียวอิจิที่ไหน..ชั้นไม่รู้จัก"
"ต้องใช่แน่ๆ พวกนั้นใช้เธอให้มาลักพาตัวอายูมิ...ชั้นจะให้ตำรวจมาจัดการ"
ริเอะปรี่เข้าไปจับแขนรินดารา นั่นเลยทำให้เธอไม่พอใจพยายามแกะมือ
"ปล่อยชั้นนะ ชั้นไม่ใช่พวกไหนทั้งนั้น บอกให้ปล่อย"
ริเอะไม่ยอมปล่อย
"อายูมิ..รออยู่ตรงนี้ ห้ามไปไหนเด็ดขาดนะ เดี๋ยวอากลับมา..มานี่เลย"
ริเอะรีบลากรินดาราออกไปด้วยกัน อายูมิตกใจ
"คุณอา อย่านะคะ คุณอา..คุณอา"
อายูมิจะเข็นรถตามไปแต่ล้อรถเข็นกลับเข็นไปไม่ได้ อายูมิมองตามเป็นห่วง ระหว่างนั้นอาคิระตามเข้ามาเจอ
"อายูมิ..มาอยู่ที่นี่เอง อาตามหาซะทั่วเลย"
"คุณอาคะ คุณอาต้องไปห้ามอาริเอะนะคะ"
"เกิดอะไรขึ้นน่ะอายูมิ"
ณ ลานน้ำพุ (Huistenbosch in Nagasaki) ริเอะฉุดกระชากลากตัวรินดาราจะไปให้รปภ.ของสวนสนุกจัดการ
"มานี่เลย...รปภ.หายหัวไปไหนหมดเนี่ย"
"ปล่อยชั้นนะ บอกให้ปล่อย"
รินดาราโมโหเลยออกแรงผลักเต็มที่ ทำให้ริเอะล้มลงไปที่ลานน้ำพุอย่างไม่ตั้งใจ
"ว๊าย !! นี่แก..แกทำร้ายชั้นเหรอ รู้จักชั้นน้อยไปแล้ว นังบ้า"
"หยุดว่าชั้นแบบนั้นได้แล้ว คนที่บ้าน่ะคุณต่างหาก เอะอะโวยวายว่าชั้นเป็นคนร้ายอยู่ได้ อ่านการ์ตูนมากไปรึเปล่า คิดว่าตัวเองเป็นเซเลอร์มูนเหรอ"
"ชั้นไม่ต้องเป็นเซเลอร์มูนหรอก เป็นแค่ริเอะ ชินเอบะชั้นก็สั่งสอนเธอได้แล้ว"
ริเอะจะเข้าไปตบสั่งสอน แต่รินดาราไม่กลัวยกมือขึ้นพร้อมถ้าตบมาก็สวนกลับ
"มาสิ !! ได้เจอเจ้าหญิงถลกกระโปรงตบสวนแน่"
ริเอะชะงักหน้าฮึ่มๆเอาเรื่องใส่ ระหว่างนั้นอาคิระรีบเข็นพาอายูมิเข้ามา
"ริเอะ...นี่มันอะไรกัน"
"อาคิระคะ..จัดการผู้หญิงคนนี้เลยค่ะ ริเอะเห็นมันอยู่กับอายูมิ สงสัยว่าจะเป็นคนของเรียวอิจิวางแผนจะมาลักพาตัวอายูมิค่ะ"
อาคิระสงสัยหันไปมองรินดาราหัวจรดเท้า เขาชะงักไปเพราะหน้าเธอคลับคล้ายคลับคลาเหมือนเคยเห็นมาก่อน
"คุณอาริเอะเข้าใจผิดแล้วค่ะ พี่เจ้าหญิงเป็นคนดี เขาเห็นหนูพลัดหลงกับคุณอาก็เลย ช่วยเข็นรถพามาตามหา"
"มันโกหกหนูน่ะสิคะหนูอายูมิ"
"แต่หนูว่าพี่เขาไม่ได้โกหก..พี่เจ้าหญิงใจดี เขาช่วยอายูมิไว้จริงๆ"
"เอาล่ะ...หนูอายูมิจ้ะ พี่ว่าถ้าหนูเจอผู้ปกครองของหนูแล้ว พี่ก็คงต้องไปทำงานของพี่ต่อ โชคดีนะจ๊ะ"
รินดาราจับมืออายูมิแล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยนก่อนมองหน้าทั้งอาคิระและริเอะอย่างเชิดๆไม่สนใจแล้ว เธอเดินออกไป
"เดี๋ยวสิ...เธอทำร้ายชั้นแล้วจะเดินออกไปเฉยๆแบบนี้น่ะเหรอ กลับมาเดี๋ยวนี้นะ"
อาคิระดึงมือไว้
"พอเถอะครับคุณริเอะ เราไม่มีหลักฐานอะไรไปกล่าวหาเขา ในเมื่อเจออายูมิ แล้วผมว่าเราควรจะกลับกันซะที"
"แต่ว่าผู้หญิงคนนั้นทำร้ายริเอะ ดูสิคะ...ดูสภาพริเอะสิเปียกไปหมดแล้ว"
อาคิระไม่สนใจคำทักท้วงของริเอะเข้าไปเข็นรถให้อายูมิพาเดินออกไป อายูมิแอบหันมาอมยิ้มชอบใจที่เห็นริเอะหัวเสีย ริเอะเลยจิกหน้ามองอายูมิอย่างไม่พอใจ
"เด็กบ้า..หึ " เธอนึกขึ้นได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ "คุณพ่อเหรอคะ..ริเอะอยู่สวน สนุกที่คุณพ่อเป็นหุ้นส่วนอยู่ค่ะ ริเอะอยากจะคุยกับผู้จัดการที่นี่ มีเรื่องต้องจัดการกับพนักงานนิสัยแย่ๆค่ะ"
ริเอะพูดโทรศัพท์ไปก็หันไปมองทางที่รินดาราเพิ่งเดินออกไป
รินดารามานั่งบ่นอยู่มุมหนึ่งในสวนสนุก Huistenbosch
"ดูสิ...บีบแขนชั้นซะช้ำเลย หน้าตาก็ดีแต่มารยาทไม่ได้เรื่อง หมอนั่นก็เหมือนกัน..ขอบ คุณสักคำก็ไม่มี..หึ !!
รินดาราบ่นแล้วนึกขึ้นได้ว่า เคยเห็นหน้าอาคิระที่ไหน ภาพแมวขโมยปลาย่างเข้ามาในหัว
"เธอนี่เองเจ้าของแมวขโมย"
รินดาราชะงัก
"เอ่อ..เปล่านะชั้นไม่ใช่เจ้าของแมวตัวนี้"
"จะไม่ใช่ได้ยังไง ก็เห็นคุยกันจ๊ะจ๋ากับแมวอยู่นี่ไง"
"คุยจ๊ะจ๋าที่ไหน ชั้นกำลังสอนให้เขาไม่ลักขโมยใครอีกอยู่ต่างหาก"
---------
"ใช่ไอ้บ้าขี้เก๊กนั่นจริงๆด้วย ถึงได้คุ้นหน้านัก โธ่เอ้ย...ตัวซวยนี่เอง"
รินดาราบ่นแล้วจะลุกเดินออกไป แต่ชะงักเมื่อเจอผู้จัดการสวนสนุกเดินเข้ามา
"ผู้จัดการ"
"หายไปไหนมา"
"เอ่อคือ..."
"รู้มั้ย สวนสนุกที่ไม่มีเจ้าหญิงมาถ่ายรูปกับเด็กๆ ทำให้เด็กๆที่ตั้งใจมารอดูเขาผิดหวัง กันมากแค่ไหน"
รินดาราโน้มศรีษะก้มหัวขอโทษสุดฤทธิ์
"ชั้นขอโทษค่ะ..ชั้นไม่ตั้งใจค่ะผู้จัดการ"
"ขอโทษไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะนอกจากจะไม่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่แล้ว การที่คุณไปมีเรื่องกับลูกค้า เท่ากับทำลายชื่อเสียงของสวนสนุกด้วย..ผมไล่คุณออก"
รินดาราตกใจ ผู้จัดการยื่นซองเงินค่าจ้างให้รินดาราแล้วเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรอีก รินดาราได้แต่อึ้ง
ในคฤหาสน์มิยาคาวะ อาคิระเข็นอายูมิกลับเข้ามาตามทางเดินในสวนญี่ปุ่นก่อนถึงตัวบ้าน
"อาขอโทษนะอายูมิ ตั้งใจจะพาไปเที่ยวแต่กลับหมดสนุก ไว้วันหลังอาจะพาไปใหม่นะ"
"อายูมิต่างหากที่ต้องขอโทษคุณอาค่ะ ที่เป็นภาระให้คุณอาต้องวุ่นวาย"
อายูมิหน้าเศร้าๆ อาคิระเห็นแล้วอดสงสารหลานไม่ได้ เลยคุกเข่าลงตรงหน้าหลาน
"แต่อาไม่เคยเห็นอายูมิเป็นภาระเลยนะ อาเคยสัญญากับอายูมิแล้วใช่มั้ย ไม่ว่าอายูมิต้องการอะไร อาจะหามาให้ได้"
"แม้แต่ดาวบนท้องฟ้าเหรอคะ"
อาคิระอมยิ้ม
"อายูมิกล้าขอมั้ยล่ะ"
"คุณอาเนี่ย..ไม่ต้องมาแกล้งย้อนถามเลย อายูมิเคยขออะไรที่เป็นไปไม่ได้รึเปล่าล่ะคะ"
"ก็เพราะไม่เคยไงจ๊ะ อาถึงกล้าท้าอายูมิ
"งั้น..ถ้าจะขอให้คุณอาพาอายูมิไปเจอพี่เจ้าหญิงคนนั้นอีก คุณอาจะพาไปได้มั้ยคะ"
อาคิระชะงัก
"ทำไมถึงอยากเจอเขาอีก"
"ก็เขาเป็นคนดี เขาช่วยเหลืออายูมิ แต่กลับถูกคุณอาริเอะต่อว่าเสียๆหายๆ แถมคุณอา ก็ยังไม่ขอบคุณเขาสักคำ นะคะคุณอา รับปากอายูมิได้มั้ย"
"ก็ได้จ้ะ อารับปาก และก็คิดว่าคงตามหาไม่ยากเพราะอาคุ้นๆว่าเคยเจอเขามาก่อน"
อายูมิตื่นเต้น
"จริงเหรอคะคุณอา..ไชโย..คุณอาน่ารักที่สุด"
อายูมิจับแก้มอาคิระมาหอมอย่างดีใจ ระหว่างนั้นไอเดินเข้ามาพร้อมกับนานะ
"อาคิระ..คุณย่าให้มาตามไปพบ ...นานะ พาอายูมิไปพักผ่อนด้วย"
นานะรับคำแล้วเข้าไปเข็นรถพาอายูมิเข้าไปด้านในคฤหาสน์ อาคิระมองส่งอายูมิแล้วหันมามองไออย่างสงสัย
กลกิโมโน ตอนที่ 2 (ต่อ)
ทางเดินในคฤหาสน์อาคิระเดินมากับไอ
"คุณย่าไม่ได้บอกเหรอว่าตามให้ไปพบเพราะเรื่องอะไร"
"ไอถามแล้ว แต่คุณย่าไม่ยอมบอก คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องสำคัญมาก"
"ทำไมถึงคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญมากล่ะไอ"
" ก็วันนี้ไอเห็นคุณย่าออกมาจากหอคอยพร้อมกับท่านชาย แล้วเรียกหา อาคิระทั้งวันเลยน่ะสิ"
อาคิระชะงักสงสัย
"ท่านชายลงมาจากหอคอยพร้อมคุณ"
อาคิระสีหน้าสงสัยชักเริ่มอยากรู้มากขึ้น ระหว่างนั้นย่ามิกิเข้ามา
"มาแล้วเหรออาคิระ ท่านชายรอพบเราอยู่"
อาคิระรับคำ ไออยากรู้อยากเห็นและจะตามไปด้วย แต่ถูกย่ามิกิกันเอาไว้อย่างนิ่งๆ
"ช่วยพาอายูมิเข้านอนให้หน่อยสิจ๊ะไอ เล่านิทานให้อายูมิฟังด้วยนะ"
"เอ่อคือ..." มิกินิ่งมองด้วยสายตาสั่งคมๆไอเลยไม่กล้าปฏิเสธ "ค่ะคุณย่า"
มิกิเดินออกไปกับอาคิระ ไอมองตามอย่างเสียดายที่ตัวเองไม่ได้มีส่วนร่วมที่จะได้คุยกับท่านชาย
อาคิระเดินตามย่ามิกิมาหยุดที่บริเวณทางเดินพื้นไม้ยาวตรงสู่ห้องท่านชายโฮชิ อาคิระจำได้ว่าวัยเด็กเคยแอบขึ้นมาบนนี้ เขาจำพื้นไม้กลที่เหยียบไปแล้วจะทำให้กระดิ่งบนเพดานสั่นส่งเสียง ดังตามจังหวะก้าวเดิน
ในอดีต ปลายเท้าแต่ละย่างก้าวของอาคิระที่เดินไปบนพื้นไม้ทางเดินจนกระทั่งเมื่อเท้าของเขาเหยียบลงบนพื้นไม้ใกล้จะถึงห้อง...พื้นไม้กลก็ทำให้กระดิ่งที่แขวนอยู่ตลอด สองข้างทางเหนือเพดานสั่นส่งสัญญาณดัง ยิ่งอาคิระก้าวไปอีกก้าว กระดิ่งก็ยิ่งสั่นดังขึ้นจนดังกึกก้อง ทำเอา อาคิระตกใจหน้าตาเหรอหราทำอะไรไม่ถูก
มิกิเดินนำไปตามทางเดิน อาคิระก้าวเดินตามและมองกระดิ่งเหนือเพดานที่สั่น ส่งเสียงดังไปตามแต่ละย่างก้าวของเขาและย่า จนกระทั่งย่ามิกิไปหยุดที่หน้าห้องท่านชายโฮชิ
"ดิชั้นพาอาคิระมาแล้วค่ะท่านชาย"
มิกิบอกท่านชายให้ทราบ แต่อาคิระกลับหันไปสนใจห้องที่ติดกับห้องท่านชายซึ่งปิดสนิทจนแทบละสายตาไม่ได้ เพราะเหมือนมีอะไรบางอย่างจากในห้องนั้นส่งความรู้สึกน่าสงสัยออกมา
"ทางนี้จ้ะอาคิระ"
"แล้วห้องนี้ล่ะครับคุณย่า"
"นั่นเป็นห้องต้องห้าม ถ้าท่านชายไม่อนุญาต ก็ห้ามคนอื่นเข้าไปเด็ดขาดจ้ะ"
"แต่ทั้งหอคอยนี้และคฤหาสน์ที่เราอาศัยอยู่ เป็นสมบัติตกทอดของตระกูลเราทั้งหมด แล้วทำไมเราต้องขออนุญาตจากคนอื่นที่ไม่ใช่คนในตระกูลเราด้วยครับคุณย่า"
มิกิดุ
"อาคิระ !! อาคิระจะเรียกท่านชายแบบนั้นไม่ได้"
"แต่ว่า..."
อาคิระพูดไม่ทันจบประตูบานเลื่อนห้องท่านชายเปิดออก ท่านชายยืนหน้านิ่งน้ำเสียงเป็นมิตรกับอาคิระ
"ความลับไม่มีในโลกนี้หรอกอาคิระ..มีก็แต่ว่าจะรู้ความจริงช้าหรือเร็วแค่นั้น"
"ขอโทษด้วยค่ะท่านชาย"
"ไม่เป็นไรหรอก..เข้ามาสิอาคิระ"
ท่านชายเดินเข้าไปในห้องตัวเอง ย่ามิกิมองอาคิระอย่างตำหนิไม่ให้พูดอะไรแบบนั้นอีกแล้วนำอาคิระเข้าไป
ท่านชายโฮชิโนโอจิ รินชาใส่ถ้วยให้อาคิระท่วงท่าของท่านชายนิ่งสุขุมจนทำให้อาคิระดูเกร็ง
"ชั้นรู้ว่ามีหลายคำถามที่อาคิระคาใจอยากจะถาม"
อาคิระรับถ้วยชามาถือแล้วคิดอยากจะพร่างพรูคำถามที่คาใจ แต่มิกิกลับกระแอมเหมือนพยายามดักคอให้อาคิระอย่าทำอะไรที่มันมากเกินไป
"ไม่เป็นไรหรอกมิกิ ชั้นเป็นผู้อยู่อาศัย ส่วนอาคิระคือกำลังสำคัญที่ดูแลทุกคนในตระกูลอยู่ตอนนี้ เขาย่อมมีสิทธิ์"
"แต่ดิชั้นได้อธิบายให้อาคิระเข้าใจดีแล้วค่ะ ว่าท่านชายมีความสำคัญและมีบุญคุณกับตระกูลของเรา ท่านจึงไม่ใช่ผู้อยู่อาศัย..ใช่มั้ยอาคิระ"
"ครับคุณย่า"
"และที่ท่านชายตามอาคิระให้มาพบก็เพราะย่ากับท่านชายปรึกษากันแล้วว่า เราจะช่วยกันหาทางทำให้อายูมิกลับมาเดินได้อีกครั้ง"
อาคิระสนใจทันที
"หมายความว่ายังไงครับคุณย่า"
"อาคิระก็ลองฟังคำแนะนำของท่านชายดูแล้วกัน แล้วอาคิระจะรู้ว่าท่านมีความเป็นห่วงคนในตระกูลของเรามาก"
อาคิระนิ่งมองท่านชายโฮชิโนโอจิที่ยิ้มอย่างเป็นมิตรให้ และโน้มตัวก้มศรีษะให้อาคิระเล็กน้อยเพื่อเป็นการยืนยันว่าเขามีประสงค์หวังดีกับอาคิระจริงๆ
ท่ามกลาง บรรยากาศเมืองพลุกพล่านยามค่ำคืน
ในห้องพัก รินดาราเปิดข้าวกล่องแบบเบนโต๊ะที่มีทั้งปลาดิบและซูชิหน้าตาน่ากินออกมาอย่างดีอกดีใจ เสียงท้องร้องดังจนได้ยินทำ ให้เธอต้องบอกท้องตัวเอง
"ไม่ต้องร้อง...เดี๋ยวจะกินให้พุงกางเลย"
แต่ไม่ทันที่รินดาราจะคีบซูชิเข้าปาก เจ๊นัทสึโกะก็เปิดประตูเข้ามาในห้องอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
"อุ๊ยต๊ายตาย...ไหนบอกไส้แห้งไม่มีเงินแม้แต่จะจ่ายค่าเช่าห้อง แต่นี่กลับกินชุดเบนโตะ หรูๆ แสดงว่ายังซุกเงินเอาไว้อีกใช่มั้ยยะ ยัยรินจัง"
"ดูดีๆก่อนเจ๊ เห็นป้ายลดราคาที่กล่องนี่มั้ย ชั้นต้องไปยืนรอขาแข็งเป็นชั่วโมง แถมต้องเบียดกับคนอีกเป็นสิบ เพื่อไปรอซื้อข้าวกล่องลดราคาที่ซูเปอร์มา..ดูซะ"
นัทสึโกะแค่ชำเลืองหางตาไม่สนใจ
"ชั้นไม่สนใจหรอกว่าเธอจะลำบากยังไง รู้แต่ว่าเมื่อวานนี้ ชั้นได้ยินเธอคุยกับเพื่อนว่า วันนี้เธอได้งานทำแล้ว"
"เจ๊ !!..นี่เจ๊แอบฟังชั้นเหรอ"
"แอบฟังที่ไหน..ฝาผนังบ้านเช่าชั้นมันบางย่ะ เพราะฉะนั้นที่ชั้นมาหาเธอก็เพราะ..."
นัทสึโก๊ะกวาดตามองไปรอบห้องแล้วเห็นซองเงินที่รินดาราได้มาจากงานที่สวนสนุก เลยเข้าไปฉกมาทันที
"เอาเงินชั้นคืนมานะเจ๊"
"น้อยหน่อยย่ะ ไอ้ที่เมื่อวานชั้นได้ไปน่ะมันยังไม่พอค่าเช่าที่เธอยังค้างชั้นอยู่เลย"
"แต่ชั้นเพิ่งตกงานมานะเจ๊..ถ้าเจ๊เอาไปหมดแบบนั้นแล้วชั้นจะกินจะอยู่ต่อยังไง"
"แหม..รินจังหน้าตาดีๆอย่างเธอ งานดีๆเงินดีๆน่ะหาไม่ยากหรอก"
"ในเมืองใหญ่แบบนี้ งานดีๆเงินดีๆใช้หน้าตาอย่างเดียว ไม่ต้องพูดต่อเลยว่างานอะไร"
"ใครบอกว่าใช้หน้าตาอย่างเดียว..เรียนนวดมาด้วยไม่ใช่เหรอ ก็ใช้วิชาความรู้หาเงินไง"
รินดาราฉุน
"ที่ชั้นเรียนอยู่น่ะ มันวิชากายภาพบำบัด ไม่ใช่หมอนวด เวลาไปโรงพยาบาลหัด สังเกตบ้างนะ"
"เอ้า..จะรู้มั้ยล่ะ ก็เห็นต้องบีบๆนวดๆเหมือนกัน แต่ช่างเถอะ..เธอจะไปหางานอะไรทำก็ เรื่องของเธอ เอาเป็นว่า..ชั้นให้เธออยู่ต่ออีกคืนนึง ถ้าพรุ่งนี้ยังไม่มีเงินมาจ่ายที่ค้างชั้นอยู่อีก เธอก็เตรียมไปหาลังกระดาษไว้ซุกนอนข้างถนนเอาแล้วกันรินจัง"
เจ๊โหดเดินออกไปพร้อมเงิน รินดารามองตามแล้วหน้าเครียด ทรุดลงนั่งมองข้าวกล่องที่ยังไม่ได้กิน
รินดารายังคงหิวอยู่จึงคีบซูชิเข้าปากเคี้ยว แต่ทว่าทุกคำที่เธอเคี้ยวกลืนอาหารนั้นกลับคลอไปด้วยน้ำตา กินไป.. ร้องไห้ไป..เป็นภาพที่น่าเวทนาสงสารเหลือเกินสำหรับชีวิตผู้หญิงคนเดียวในเมืองใหญ่
วันใหม่คฤหาสน์มิยาคาวะ อาคิระยืนรออยู่ที่สวนระหว่างนั้นไอรีบเดินเข้ามาถามอย่างตื่นเต้น
"จริงเหรออาคิระ" อาคิระหันมามองอย่างสงสัย จะถามอะไร "ก็ไอได้ยินพวกแม่บ้านตื่นเต้นกัน ใหญ่ ว่าท่านชายโฮชิจะออกไปข้างนอกกับเธอ"
อาคิระพยักหน้ารับ
"ใช่..ไอได้ยินมาไม่ผิดแล้วล่ะ"
"แล้วจะไปไหนกัน ปกติท่านชายเอาแต่เก็บตัวไม่เคยพบหน้าใครนอกจากคุณย่าคนเดียว นี่แสดงว่าต้องมีเรื่องสำคัญมากเลยใช่มั้ย"
อาคิระยังไม่ทันจะตอบ ท่านชายโฮชิในชุดสูทปกติแต่ดูดีมากก็เดินเข้ามา
"อาคิระ..เรียบร้อยแล้วรึยัง"
"เรียบร้อยแล้วครับท่านชาย..รถรออยู่แล้วครับ"
ไอชะงักนิ่งงันมองท่านชายโฮชิ เพราะไม่เคยเห็นชายลึกลับที่อาศัยอยู่บนหอคอยเลยตั้งแต่มาอยู่ที่คฤหาสน์นี้
โฮชิยิ้มให้ไอ
"โอะฮาโย โกไซอิมัส ไอจัง น่ารักเหมือนกับที่ย่ามิกิเล่าให้ฟังบ่อยๆจริงๆ"
"เอ่อ..โอะฮาโย โกไซอิมัสค่ะท่านชาย แล้วก็..อะริกะโตะ โกะไซอิมัสด้วยค่ะ"
ไอโค้งขอบคุณรับคำชมของท่านชายโฮชิผู้สง่างาม ท่านชายยิ้มให้ จากนั้นก็เดินนำออกไป
ไอยังอยากรู้
"เดี๋ยวสิอาคิระ..จะไม่บอกชั้นหน่อยเหรอว่าจะไปไหนกัน"
"ไปถามคุณย่าเองดีกว่านะไอ"
อาคิระตอบเพียงแค่นั้นแล้วเดินตามท่านชายออกไป ไอทำหน้างง..ความสงสัยไม่เคลียร์สักที
ผู้คนขวักไขว่บนถนนย่านการค้า Tenjin (Fukuoka city) เด็กวัยรุ่นแต่งคอสเพลย์เดินตามถนนจนเป็นเรื่องปกติของวัฒนธรรมอนิเมะของคนที่นี่ บางกลุ่มก็จับกลุ่มเต้น บางกลุ่มก็โชว์ชุดคอสเพลย์ของตัวเอง
รินดาราก้าวเข้ามาในย่านนี้พร้อมเสื้อคลุมตัวยาว
"เอาล่ะ เดินหางานมาทั้งวันไม่มีใครรับทำงานสักที่..ถึงเวลาของหญิงไทยใจสู้แล้ว"
รินดาราจิกหน้าเอาจริงสุดฤทธิ์จากนั้นก็ถอดเสื้อคลุมออกเผยให้เห็นชุดไทยรำซิ่งที่เธอสวมอยู่ ผู้คนในย่านนั้น ต่างหันมามองเธออย่างสนใจ และอยากรู้ว่าเธอจะทำอะไร
เสียงเพลงจากไอพอดที่เสียบลำโพงไว้ดังออกมาเป็นท่วงทำนองเพลงลำซิ่ง รินดาราเท้าสะเอวแล้วเริ่ม เต้นลำซิ่งอย่างสนุกสนาน
ผู้คนในแถบนั้นเริ่มสนใจพากันเดินเข้ามามุงดูสาวไทยลำซิ่งอย่างสนุก รอยยิ้มกับท่ารำถูกใจเลย เริ่มมีคนโยนเศษเงินเยนใส่กล่องที่รินดาราเอามาตั้งไว้รับเงินค่าชม
รินดาราเห็นเงินในกล่องที่ใส่ลงมาอย่างต่อเนื่องก็เริ่มยิ้มมีความหวังและรำต่อไปอย่างไม่อาย..ต้องทนให้ได้
ระหว่างนั้น อาคิระเดินมาตามถนนในย่านนี้พร้อมกับกวาดสายตามองไปทั่วๆเหมือนต้องการหาใครสักคน จนกระทั่งเห็นกลุ่มคนกำลังมุงดูอะไรบางอย่าง อาคิระจึงเดินเข้าไปดู เห็นรินดาราร่ายลำซิ่งเรียกเสียงปรบมือจากผู้คนดัง ท่วงท่า รอยยิ้มและความสนุกเป็นกันเองของรินดารา ทำให้อาคิระมองด้วยความรู้สึกชื่นชมและเห็นความสวยของเธออย่างถูกอกถูกใจ เขาเผลอปรบมือให้กับการแสดงของเธอเมื่อสิ้นเสียงเพลงและรินดารารำจบ
"ขอบคุณค่ะ..ขอบคุณมากๆค่ะ"
รินดาราโค้งขอบคุณให้กับทุกคนที่มาชมการรำของเธอและให้เศษเงินเป็นค่าชม เมื่อผู้คนเริ่มทยอยเดินออกไป รินดารารีบคว้าเสื้อคลุมมาห่มแล้วหยิบกล่องเงินขึ้นมาดู มีเงินอยู่ในนั้นน่าจะหลายพันเยน เธอยิ้มดีใจ
"คุณรำได้สนุกมาก นี่ค่าชมการแสดงของคุณ"
อาคิระยื่นแบงค์หมื่นเยนให้ทำให้ รินดาราชะงัก แต่เมื่อเห็นว่าเป็นใคร เธอกลับชักสีหน้าใส่อย่างไม่พอใจ
"นี่นาย โผล่มาจากไหนอีกเนี่ย ตัวซวย ไปไกลๆชั้นเลย"
รินดาราวีนใส่แล้วรีบเดินออกไป อาคิระมองตามด้วยสีหน้างงๆ
บริเวณทางเดินเลียบแม่น้ำใกล้ Food Street (Fukuoka City)ต่อเนื่องมา รินดาราเดินนับเงินในกล่องที่ได้มามีทั้งแบงค์และเศษเหรียญ อาคิระตามเข้ามา
"เดี๋ยวก่อนสิคุณ"
รินดาราชะงัก
"นี่ยังตามมารังควาญชั้นอีกเหรอ คุณกับเพื่อนของคุณทำให้ชั้นตกงาน เพราะ ฉะนั้นอย่ามายุ่งกับชั้นอีก...ไปซะ"
"ผมขอโทษ ถ้าผมรู้ว่าริเอะจะทำเรื่องแบบนั้น รับรองว่าคุณไม่ตกงานแน่"
"ไม่ต้องมาเสียเวลาแก้ตัว...ชั้นไม่อยากฟัง แค่ช่วยไปห่างๆชั้นก็พอ อย่ามายุ่งกับเวลา ทำมาหากินของชั้น"
รินดาราจะเดินออกไป แต่อาคิระคว้าแขนเธอเอาไว้ไม่ยอมให้ไป
"คุณยังไปไหนไม่ได้ จนกว่าผมจะเสร็จธุระกับคุณ"
รินดาราพยายามจะแกะมือ แต่อาคิระบีบแน่น
"ปล่อยชั้นนะ บอกให้ปล่อย ปล่อยสิ ไอ้ตัวซวย"
"ตัวซวยเหรอ...ผมว่าคุณมองผมผิดไปแล้วล่ะ ที่วันนี้ คุณได้เจอผมอีกครั้ง ถือว่าเป็น โชคดีของคุณต่างหาก"
"โชคดีเนี่ยนะ เจอนายแต่ละทีชีวิตชั้นต้องลงเอยด้วยเรื่องแย่ๆทุกที" เธอผลักอาคิระไปห่างๆ "อย่าตามชั้นมาอีกนะ ไม่งั้นชั้นจะเรียกตำรวจมาจับนาย"
รินดาราชี้หน้าขู่เอาจริงแล้วรีบเดินออกไป อาคิระมองตาม ยิ้มมุมปากสีหน้าดูมีเลศนัยบางอย่าง
ภายในห้องพัก รินดาราเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดปกติ นั่งผิงไออุ่นจากฮีตเตอร์ แล้วเอาเงินที่ได้มาจากการรำมานับดูอีกทีปจนนึกเสียดายขึ้นมา
"ถ้าไอ้หมอนั่นไม่โผล่มาล่ะก็...คงได้อีกหลายตังค์เลย"
รินดาราบ่นอย่างเซ็งๆได้สักครู่ เจ๊นัทสึโก๊ะก็เปิดประตูเข้ามาในห้องอย่างไม่ขออนุญาตอีก
"รินจัง...อยู่ในห้องจริงๆด้วย"
"เจ๊ !! นี่เอาอีกแล้วเหรอ เมื่อไหร่เจ๊จะขออนุญาตก่อนเข้าห้องชั้น รู้จักมั้ยมารยาทน่ะ"
"แหมๆๆ...รินจัง อย่าบ่นเจ๊หน่อยเลย เจ๊ไม่อยากเคาะประตูเรียกเพราะมันเสียเวลา"
นัทสึโก๊ะพูดไปก็เข้ามาเอาใจรินดารา เดี๋ยวบีบไหล่ บีบแขน ดูดีกับเธอเป็นพิเศษจนน่าสงสัย
"เจ๊เป็นอะไรมากมั้ยเนี่ย..เมาสาเกมาเหรอไง"
"เมาอะไรที่ไหน ที่เจ๊อารมณ์ดีเพราะมีเพื่อนของรินจังมาหา เจ๊ก็เลยพาเขาเข้ามา... เข้ามาสิจ๊ะ อาคิระซัง"
สิ้นเสียงเรียก อาคิระเข้ามาในห้องพร้อมรอยยิ้มที่มีให้กับรินดารา
"นี่นาย"
อาคิระนับธนบัตรเงินเยนแล้วยื่นให้นัทสึโก๊ะจำนวนหลายหมื่นเยน
"นี่ค่าเช่าที่รินจังค้างอยู่ทั้งหมด ส่วนนี่ก็ที่ตกลงกันไว้ว่าจะพาผมเข้ามาพบรินจัง"
นัทสึโก๊ะตาโต
ขอบคุณมากเลยนะคะ รูปหล่อแล้วยังใจดีอีก" แล้วหันไปกระแซะรินจัง "แหม..ไปรู้จักเศรษฐีหนุ่มฟ้อหล่อรวยแบบนี้มาเมื่อไหร่ ทำไมไม่เล่าให้เจ๊ฟังเลย"
เจ๊..เอาเงินคืนเขาไปเลยนะ ชั้นไม่รู้จักเขา แล้วเจ๊ก็ช่วยพาเขาออกไปด้วย"
"คืนก็โง่สิจ๊ะรินจัง... เชิญตามสบายนะคะอาคิระซัง"
นัทสึโกะรีบออกไปทิ้งให้รินดาราอยู่กับอาคิระตามลำพัง รินดาราหันไปคว้าไม้ปัดขนไก่ แต่เห็นมันไม่น่าใช้เป็นอาวุธป้องกันตัวได้เลยหันไปคว้าแจกันขึ้นมาแทน
"ออกไปเลยนะ..ไม่งั้นนายได้หัวแตกเลือดอาบแน่"
"ผมแค่อยากจะคุยกับคุณดีๆนะรินจัง"
"ไม่ต้องมาเรียกชั้นสนิทสนมแบบนั้น ชั้นไม่ได้อยากรู้จัก ไม่ได้อยากสนิทสนมอะไรด้วย ออกไป ไม่ออกใช่มั้ย..นี่แน๊ะ"
รินดาราปาแจกันใส่ แต่อาคิระฉากหลบ แจกันกระทบข้างฝาแตกเพล้ง !!
"แน่จริงอย่าหลบสิ"
รินดาราหันไปคว้าตั้งหนั้งสือขึ้นมาจะใช้ปาใส่ แต่อาคิระปรี่เข้าไปจับมือยื้อยุดเอาไว้แน่น ขึ้นเสียงดุ
"พอได้แล้ว !! ผมต้องการจะคุยกับคุณดีๆ แต่ถ้าคุณยังทำตัวมีปัญหาให้ผม ต้องหนักใจ ผมก็ต้องใช้กำลังกับคุณ ... นารูตะ"
นารูตะรีบเปิดประตูเข้ามา
"ครับคุณอาคิระ"
"ช่วยชั้นพาผู้หญิงคนนี้ออกไป ถ้าร้องเสียงดังก็เอาถุงมือของนายมาอุดปากซะ"
"ครับคุณอาคิระ"
นารูตะจะเข้ามาช่วยจัดการตามที่ได้รับคำสั่ง รินดาราตกใจเลยรีบบอก
"อย่านะ อย่าเข้ามา ก็ได้..ชั้นยอมคุยกับนายดีๆก็ได้ แต่นายกับคนของนายห้ามเข้ามา ใกล้ชั้นเด็ดขาด"
อาคิระเห็นรินดารายอมเลยปล่อยมือ แล้วพยักหน้าให้นารูตะถอยออกไปยืนคุมที่ประตู
มือข้างหนึ่งของรินดารากำกรรไกรเอาไว้แน่น ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็กำคัทเตอร์เอาไว้สำหรับพร้อมป้อง กันตัวสุดฤทธิ์ ขณะที่เริ่มต้นคุยกับอาคิระโดยมีนารูตะยืนคุมเชิงที่ประตู
"รีบๆว่าธุระของนายมา ชั้นให้เวลาแค่ 5 นาที..ไม่เอาดีกว่า..แค่ 3 นาทีพอ"
"เราเคยเจอกันมาแล้วก็หลายครั้ง ยังไม่พอทำให้คุณไว้ใจคุยกันดีๆได้เหรอ"
"ไม่ต้องเข้ามาใกล้..เวลานายเหลือน้อยแล้ว ... นายตามหาชั้น ทำไม แล้วรู้ได้ยังไงว่าชั้นอยู่ที่นี่"
"ผมไปสืบข้อมูลของคุณมาจากมหาวิทยาลัยแล้วก็เพื่อนของคุณ"
"หา !! สืบเรื่องของชั้นมาเลยเนี่ยนะ" เธอยิ่งไม่ไว้ใจแหย่กรรไกรคัทเตอร์ใส่จนจะทิ่มหน้าอาคิระ "โรคจิตแหงๆเลย"
"ผมไม่ใช่พวกโรคจิต ไม่ใช่ไอ้ตัวซวย ผมบอกแล้วไงว่า คุณเจอผมคุณจะโชคดี เพราะผม มีงานมาเสนอให้คุณทำ"
"งาน"
"ใช่..งานที่คุณจะได้ใช้ความรู้ความสามารถที่คุณเรียนมา เรื่องค่าตอบแทนก็มากพอที่ จะทำให้คุณกลับไปเรียนปีสุดท้ายให้จบ"
"เดี๋ยว..ชั้นเรียนกายภาพบำบัดมา เพราะฉะนั้นเข้าใจด้วยนะว่า ชั้นไม่ใช่หมอนวด"
"ผมรู้น่าคุณ กายภาพบำบัดเป็นการรักษาทางการแพทย์แขนงหนึ่ง คุณจำหลานสาว ผมได้มั้ย ที่คุณช่วยไว้ที่สวนสนุก" รินดาราพยักหน้า "นั่นแหละ..งานของคุณ"
"ทำกายภาพบำบัดให้อายูมิจังน่ะเหรอ"
อาคิระพยักหน้ารับ แต่นั้นกลับยิ่งทำให้รินดารารู้สึกสงสัยและแปลกใจ
"ชั้นไม่เชื่อหรอก..ท่าทางรวยอย่างกับยากูซ่าอย่างนาย คงไม่มาจ้างนักศึกษาต่างชาติที่ยังเรียนไม่จบอย่างชั้นหรอก ชั้นว่านายคิดจะหลอกชั้นไปทำงานกลางคืนแน่"
"นี่คุณ..หน้าอย่างผมเนี่ยนะ ยากูซ่า ช่วยดูดีๆหน่อยได้มั้ย"
"ทำไมจะเป็นยากูซ่าไม่ได้ ก่อนมาเรียนที่นี่ชั้นหาข้อมูลมาเยอะ ยากูซ่าหน้าตาหล่อดูดี เที่ยวหลอกผู้หญิงไปทำงานกลางคืนมีให้เกลื่อน"
นารูตะฟังแล้วอดขำไม่ได้ที่เจ้านายตัวเองถูกมองเป็นยากูซ่า อาคิระเลยหันไปมองตาดุใส่ นารูตะเลยหยุดขำ
"เอาล่ะๆ ผมนึกอยู่แล้วว่าถ้าเป็นผมมาชวนคุณ คงไม่ได้เรื่องแน่ ผมก็แค่ได้รับคำแนะนำ มาจากคนอื่นว่าอยากให้คุณไปทำงาน"
"ใครแนะนำ"
"ผมจะพาคุณไปคุยกับเขา..เขาบอกว่าถ้าคุณสงสัยอะไร ก็ให้บอกไปว่า คุณจะได้ไปทำงานที่เมืองสึกิ"
รินดาราสนใจขึ้นมาทันที
"เมืองสึกิ..หุบเขาสึกิน่ะเหรอ"
อาคิระพยักหน้ารับ รินดารานิ่งไปด้วยสีหน้าสนใจแล้วหันไปมองที่โต๊ะหนังสือ หนังสือนิทานตำนานพื้นเมือง ญี่ปุ่นเล่มที่มีหน้าปกรูปเทพเจ้านกกระเรียนที่เธอชอบอ่านตั้งแต่สมัยเป็นเด็กวางอยู่บนโต๊ะ
เธอมองหนังสือเล่ม นั้นด้วยแววตาครุ่นคิด แล้วนึกย้อนถึงอดีต...
รินดาราพับเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทางเตรียมตัวไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น
เธอไม่ลืมที่จะหยิบหนังสือนิทานเล่มโปรด ขึ้นมาดูแล้วยิ้มมีความสุข ระหว่างนั้นพ่อกับแม่เข้ามา
"จะเอานิทานเล่มนั้นไปญี่ปุ่นด้วยจริงๆเหรอลูก" ดวงดาวถาม
"ค่ะแม่..ก็หนูตั้งใจไว้แล้วว่าระหว่างเรียน หนูจะขยันทำงานเก็บเงินเพื่อจะไปกราบไหว้ ศาลเทพเจ้านกกระเรียนที่เมืองสึกิให้ได้"
ดวงดาวฟังลูกสาวแล้วหันไปมองหน้ากับสุรินทร์อย่างคิดเอาไว้แล้ว
"เห็นมั้ยแม่ พ่อบอกแล้วไง ดารา พ่อแม่ดีใจที่ลูกพยายามสอบชิงทุนจนได้ไปเรียนถึง ญี่ปุ่น เราถึงอยากให้ลูกตั้งใจเรียนมากๆ เราเลยเอาเงินเก็บทั้งหมดที่มีมาให้ลูก เพื่อที่ ลูกจะได้เอาไว้ใช้จ่าย ไม่ต้องไปทำงานหนักๆ จนรบกวนเวลาเรียน"
สุรินทร์ยื่นซองเงินให้ลูกสาว แต่รินดาราปฏิเสธ
"ดารารับไม่ได้หรอกค่ะพ่อ..น้องยังต้องเรียนต้องกินต้องใช้ บ้านเราก็ยังมีภาระอีกเยอะ"
"แต่แค่ค่ากิน ค่าอยู่ ลูกก็ต้องทำงานแทบจะทุกวันแล้วนะ อุตส่าห์ได้ไปทั้งที แม่ก็อยาก ให้ลูกได้ไปเมืองสึกิอย่างที่ลูกฝันเอาไว้ตั้งแต่เล็กๆ"
ไหนูต้องทำได้สิคะแม่..หนักต้องเอา เบาต้องสู้ ไม่ให้เสียที่พ่อแม่สอนหนูมาตลอดไงไ
รินดารายืนยันหนักแน่นให้พ่อแม่มั่นใจด้วยรอยยิ้มอย่างจริงจัง
สวนวีสทีเรีย (Kawachi Fuji Garden in KitaKyushu) ยามกลางวันนั้นสวยงาม รินดาราเดินตามอาคิระมาตามทางเดินที่มีดอกวิสทีเรียอยู่เรียงรายรอบๆ จนเธออดหยุดชื่นชมไม่ได้
"นี่คุณ..ตกลงที่ยอมตามผมมา เพราะอยากไขข้อสงสัย หรืออยากมาเที่ยวชมสวนกันแน่"
"มีใครเคยบอกนายรึเปล่าว่า หน้าตาดีแต่ปากเสียจนทำให้นายดูหมดหล่อน่ะ"
"ไม่เคยมี"
"งั้นชั้นก็เป็นคนแรกสินะ..ดีจัง ต่อไปนายจะได้เอาไปปรับปรุงตัวเอง"
รินดาราเชิดหน้าใส่ให้อาคิระรู้ตัวและเอาไปปรับปรุง ก่อนจะทำเชิดเดินผ่านอาคิระเข้าไปข้างใน แต่อาคิระเรียก ไว้แบบเบรกๆจนเธอเกือบหน้าทิ่ม
"ไม่ใช่ทางนั้น..ทางนี้"
รินดาราชะงักแล้วทำหน้าฉลาดๆแก้เก้อ ส่วนอาคิระที่ยิ้มมุมปากแบบยั่วประสาทกลับบ้าง ก่อนจะพาเธอไปต่อ
ทางเดินใต้อุโมงค์ดอกวิสทีเรีย รินดาราตามอาคิระเข้ามาแล้วต้องหยุดชะงักเมื่อมองขึ้นไปเหนือศีรษะ ช่อดอกวีสทีเรียสีม่วงออกดอกเต็มซุ้มอุโมงค์ ดอกเล็กๆของมันที่กระจายอยู่ตามช่อและเต็มเพดานอุโมงค์
"เขาอยู่นั่น..ถ้าอยากรู้อะไรก็ถามเขาแล้วกัน"
อาคิระบอกรินดาราพร้อมกับมองไปที่ท่านชายโฮชิโนโอจิที่ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ในชุดสูทใต้ซุ้มอุโมงค์ดอกวิสทีเรีย
รินดาราอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้กับด้านหลังของชายคนที่อาคิระพาเธอมาพบ แค่เพียงด้านหลังของเขาก็เหมือนมีออร่าบางอย่างที่ดึงดูดให้เธอไม่สามารถละสายตาไปจากเขาได้ เมื่ออาคิระเดินออกไป รินดาราไม่ทันตั้งตัว
"เดี๋ยวสิคุณ..คุณ"
อาคิระทิ้งให้รินดาราอยู่ตรงนั้นตามลำพัง เธอได้แต่ยืนนิ่งงันทำตัวไม่ถูก จนเมื่อเขาหันมาแล้วเดินเข้ามาหาเธอช้าๆ ใบหน้าและท่วงท่าอันสง่างามทำให้เธอเหมือนถูกมนต์สะกด
"ยินดีที่ได้พบครับ..รินดารา"
โฮชิโนโอจิก้มศีรษะลงเล็กน้อยเพื่อแสดงความเป็นมิตรและพร้อมที่จะทำความรู้จัก แต่หลังจากเงยหน้าขึ้นมา เขาก็เอาแต่จ้องใบหน้าของเธอที่เหมือนเมียวโจโอจินทุกอย่าง จนรินดารารู้สึกแปลกใจ
"เอ่อ..ยินดีที่ได้รู้จัก..คุณ"
โฮชิชะงักเพราะเอาแต่มอง
"โฮชิ..โฮชิโนโอจิ..แต่เรียกผมโฮชิก็ได้"
"ค่ะ...คุณโฮชิ"
"ผมว่าเราเดินไปคุยไปดีมั้ยครับ"
"ก็ได้ค่ะ"
โฮชิโนโอจิยิ้มรับแล้วผายมือให้เธอพร้อมแววตาที่มองเธอไม่วางตา
รินดาราเดินเคียงคู่มากับโฮชิท่ามกลางดอกวิสทีเรีย โฮชิพาเข้ามาที่โดมดอกวิสทีเรีย
"ชอบมั้ยครับ..รินดารา"
"ดอกวิสทีเรียนี่น่ะเหรอคะ..สวยงามขนาดนี้ จะไม่ชอบได้ยังไงคะ"
โฮชิยิ้มรับ
"แต่ปกติคนที่มาญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะรู้จักแต่ซากุระและอยากไปเที่ยวชมมากกว่า"
"ซากุระก็มีความสวยงามในแบบของซากุระ แต่ชั้นกลับชอบวิสทีเรียมากกว่า ยิ่งเวลาที่ ได้ยืนอยู่ใต้ต้นวิสทีเรีย ได้เงยหน้ามองดอกเล็กๆที่แผ่กระจายเต็มต้น..มันทำให้ชั้นรู้สึก เหมือนกำลังยืนมอง"
รินดาราพูดแล้วหยุดไม่กล้าพูดต่อเพราะเป็นจินตนาการที่เธอคิดเองคนเดียว กลัวคนฟังจะหาว่าเพ้อเจ้อ
โฮชิตื่นเต้นอยากรู้
"เหมือนอะไรเหรอครับ"
"ไม่มีอะไรหรอกค่ะ..มันเป็นจินตนาการของชั้นคนเดียว พูดไปเดี๋ยวคุณโฮชิจะหัวเราะชั้น"
โฮชิลองถามทดสอบดู
"เหมือนได้ดูดาวนับล้านๆดวงที่กระจายเต็มท้องฟ้า ทั้งๆที่เป็นเวลากลางวัน"
รินดาราชะงักแปลกใจที่โฮชิรู้สึกเหมือนกับเธอ)
"คุณโฮชิ..คุณทำชั้นตกใจนะคะเนี่ย เหมือนคุณอ่านใจชั้นออกเลย"
โฮชิตื่นเต้นดีใจ
"ใครจะทำอย่างนั้นได้ล่ะครับ ผมก็แค่รู้สึกเหมือนกัน เพราะดาวบนฟ้ามันไกลเกินที่มนุษย์จะคว้าได้ แต่พอเราได้มายืนอยู่ใต้ต้นวิสทีเรีย ก็ไม่ไกลเกินที่เราจะ..."
โฮชิโนโอจิหยุดไปครู่ ก่อนจะมองสบตารินดาราด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความคิดถึงคนึงหา เบื้องหน้าของโฮชิ รินดาราถูกจิตนาการของเขาเปลี่ยนไปเป็นเมียวโจโอจินในชุดกิโมโนสีทองยืนอยู่ตรงหน้า
รินดารายืนนิ่งสบตากับโฮชิ ที่กำลังเอื้อมมือมาหาเธอ เธอรู้สึกใจเต้นตึกตักเมื่อโฮชิขยับเข้าใกล้และมือของเขากำลังเข้ามาสัมผัสเธอ น่าแปลก... สำหรับชายแปลก หน้าคนนี้แล้ว เธอกลับไม่คิดจะปัดป้อง จนกระทั่งมือของโฮชิยื่นมาหยิบกลีบดอกวิสทีเรียที่ร่วงจากลงมาติดอยู่ที่ผมของรินดาราออกไป
โฮชิยิ้มอย่างขี้เล่นอารมณ์ดี
"ขอโทษด้วยครับรินดารา กลีบดอกวิสทีเรียมันร่วงลงมาที่คุณ"
รินดาราได้แต่นิ่งงันจนแทบไม่รู้สึกตัว จนนึกขึ้นได้ว่าเธอยังเรื่องสงสัยอยากรู้อีกมาก
"เอ่อ..ขอบคุณค่ะคุณโฮชิ แต่มีหลายคำถามที่ชั้นอยากรู้ ถ้าชั้นยังไม่ได้คำตอบ ชั้นคงต้องปฏิเสธงานที่อาคิระเสนอให้ชั้น"
"คุณอยากรู้อะไรบ้างล่ะครับ"
กลกิโมโน ตอนที่ 2 (ต่อ)
รินดารากับโฮชิโนโอจิเดินคุยกันมาตามทางเดินใต้อุโมงค์ดอกวิสทีเรีย (Kawachi Fuji Garden in KitaKyushu)
"ทำไมต้องคุณน่ะเหรอ..รินดารา"
"ค่ะ..ชั้นเป็นนักศึกษาต่างชาติ เรียนก็ยังไม่จบ แถมใบประกอบโรคศิลป์ที่ใช้ที่ญี่ปุ่นก็ไม่มี ไม่เห็นมีเหตุผลเลยที่คุณจะมาเฉพาะเจาะจงเลือกชั้นให้ไปทำงานนี้"
"มันเป็นเรื่องของความบังเอิญครับ"
"บังเอิญ"
"ผมกับครอบครัวอายูมิสนิทสนมกันมานาน หลายครั้งที่เราอยากให้อายูมิไปพบนักกายภาพ แต่อายูมิก็ปฏิเสธการรักษามาตลอด จนกระทั่งอาจารย์ที่ปรึกษาของคุณ เขาเป็นเพื่อนกับคุณย่าของอายูมิ ได้แนะนำคุณว่าเป็นคนมีความสามารถเหมาะกับงานนี้"
"ชั้นเนี่ยนะคะเหมาะ"
"ครับ...เรื่องมันก็เลยบังเอิญที่คุณได้เจอกับอายูมิ แล้วอายูมิก็ชอบคุณมาก ส่วนเรื่องใบประกอบโรคศิลป์ นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับความไว้วางใจ เพราะหมอประจำตัวของอายูมิ จะรับรองการทำงานของคุณให้"
รินดารานิ่งไปสีหน้าครุ่นคิดอีกครู่
"แล้วทำไมคุณถึงรู้ว่าชั้นอยากไปหุบเขาสึกิ"
โฮชิยิ้มอย่างขี้เล่นชวนให้ไม่สงสัยต่อ
"อาจจะเป็นเหตุผลเดียวกับที่ผมรู้ว่า ทำไมคุณถึง ชอบดอกวีสทีเรียมั้งครับ คุณรินดารา"
รินดารายังนิ่งสีหน้าครุ่นคิด โฮชิโนโอจิยิ้มให้แล้วเดินไปมองดอกวิสทีเรียบนเพดานอุโมงค์อีกครั้ง
"ไม่ต้องกลัวว่าผมจะมีความลับอะไรกับคุณ เพราะความลับไม่มีในโลกนี้หรอกครับ มีก็ แต่ว่าจะรู้ช้าหรือรู้เร็วแค่นั้น"
โฮชิโนโอจิพูดพร้อมกับหันมายิ้มให้ รอยยิ้มของเขาดูไม่เป็นพิษเป็นภัยและทำให้เธอต้องตัดสินใจ
ด้านนอกของสวนวีสทีเรีย อาคิระออกมายืนรอยู่นานจนรู้สึกแปลกใจและเริ่มมองเวลา ครู่หนึ่งโฮชิโนโอจิ กับรินดาราก็พากันเดินออกมา
"ตกลงเธอว่ายังไงครับท่านชาย"
โฮชิยิ้มให้อาคิระแล้วหันไปที่รินดาราอยากให้เป็นคนพูดเอง
"ชั้นตกลงรับงานนี้"
"เรื่องรายละเอียดของงานที่เธอต้องทำ อาคิระจะเป็นคนจัดการทุกอย่าง ถ้าสงสัยอะไรก็ ถามอาคิระได้"
อาคิระมองเธออย่างแปลกใจที่รินดารารับปากทำงานนี้ ส่วนรินดารามองเขาอย่างไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่
"แล้วชั้นต้องเริ่มงานเมื่อไหร่คะคุณโฮชิ"
"เดี๋ยวผมจะพาคุณกลับไปเก็บข้าวของแล้วพากลับไปสึกิด้วยกันเลย"
"นี่ชั้นต้องไปวันนี้เลยเหรอคะ"
"อายูมิดีใจที่จะได้พบคุณ และเราก็อยากให้คุณเริ่มงานเลย"
"แต่ว่า"
อาคิระขัด
"หรือว่าคุณต้องไปขออนุญาตแฟนก่อน"
"ชั้นไม่มีแฟน..ยังโสด "
"งั้นก็ไม่มีอะไรให้ต้องเสียเวลา..เชิญ"
อาคิระผายมือให้รินดารา เธอหางตามองเขาแล้วเชิดๆหน้าเดินออกไป โฮชิมองตามแล้วอมยิ้มนิดๆ
บริเวณสวนญี่ปุ่น ไอกับมิกิเดินกลับมาจากโรงงานทอกิโมโน
"ย่าขอบใจไอมากเลยนะจ๊ะ มีไอมาคอยช่วยงานให้ที่โรงงานแบบนี้ แบ่งเบางานของอาคิระไปได้เยอะเลย"
"คุณย่ากับอาคิระให้โอกาสไอมาแล้ว ไอก็ต้องทำให้ดีที่สุดค่ะ..ว่าแต่ว่า ป่านนี้อาคิระ กับท่านชายยังไม่กลับมากันเลย เขาไปถึงไหนกันเหรอคะคุณย่า"
มิกิยิ้มนิดๆ
"ธุระสำคัญ ต้องใช้เวลาจ้ะ"
"ธุระอะไรเหรอคะ..ไอพอจะทราบได้มั้ยคะคุณย่า"
"เกี่ยวกับอายูมิจ้ะ..ท่านชายกับอาคิระกำลังไปพานักกายภาพบำบัดมาช่วยทำให้อายูมิกลับมาเดินได้อีกครั้ง"
ไอสงสัย
"ถ้าเรื่องแค่นี้ทำไมท่านชายที่ชอบเก็บตัวอยู่แต่ในหอคอย ถึงต้องไปตามเองด้วย ล่ะคะคุณย่า"
มิกิยังไม่ทันจะตอบอะไร ก็ได้ยินเสียงเคโกะเดินบ่นนานะเสียงดังเข้ามา
"สะเพร่าแบบนี้ได้ยังไง ถ้าเกิดคุณหนูไปตกน้ำตกท่าขึ้นมาล่ะ"
"หนูขอโทษค่ะ..หนูแค่เผลอไปนิดเดียวเอง"
"นิดเดียว !!" เคโกะตีแขน "นิดเดียวตลอดของหล่อน คุณหนูถึงได้หายตัวไปแบบนี้อีกไง"
มิกิถาม
"มีอะไรน่ะเคโกะ"
เคโกะกับนานะชะงักหน้าเสีย สะดุ้งโหยง
ศาลเทพเจ้านกกระเรียน ซึ่งอยู่ในความดูแลของตระกูลมิยาคาวะ อายูมิเข็นรถเข็นเข้าตามทางเดินแผ่นหิน จนถึงบริเวณหน้ารูปปั้นเทพเจ้านกกระเรียนสีทองอร่ามสวยงาม ซึ่งตั้งอยู่ภายในศาลเจ้าที่สร้างจากไม้สนตามลักษณะศาลเจ้าญี่ปุ่นทุกประการ
อายูมิพนมมืออธิษฐานกับเทพเจ้านกกระเรียนอย่างตั้งใจ ก่อนจะได้ยินเสียงคนวิ่งผ่านหลังไปอย่างรวดเร็ว
"นั่นใคร "
เงียบ...ไม่มีเสียงตอบกลับมา จนอายูมิคิดว่าตัวเองคงจะหูฝาดเลยหันไปพนมมือไหว้ต่อ แต่เสียงวิ่งผ่านหลังไปอย่างรวดเร็วก็ดังขึ้นอีก จนอายูมิมั่นใจว่าไม่ได้มีเธออยู่คนเดียวแน่ๆ
"ใคร..ออกมาเดี๋ยวนี้ อย่ามาแกล้งอายูมิแบบนี้นะอายูมิไม่ชอบ"
พออายูมิเริ่มส่งเสียงโกรธ ฮิโตชิ เด็กผีญี่ปุ่นก็ค่อยๆโผล่หน้าออกมาจากด้านหลังเสาโทริอิ ใบหน้าของฮิโตชิเหมือนเด็กธรรมดา ผมหน้าม้าเต่อๆ แววตาซื่อๆ มองมาที่อายูมิ
"เธอเป็นใคร"
ฮิโตชิเอาแต่แอบมองอายูมิแล้วไม่ยอมพูดอะไร พออายูมิจะเข็นรถเข็นเข้าไปใกล้ ฮิโตชิก็รีบถอยวิ่งหนีออกไป
"เดี๋ยวก่อน !!..อย่าเพิ่งไป"
อายูมิเข็นรถเข็นตามฮิโตชิมาที่ลานบ่อน้ำโบราณมีต้นไม้รกครึ้ม
"เธอเป็นใคร..ออกมาเถอะ ไม่ต้องกลัวชั้น"
อายูมิเรียกไปรอบๆ แต่ฮิโตชิก็ยังไม่ยอมออกมา จะมีก็แต่เสียงร้องเพลงกล่อมเด็กดังแว่วเข้ามาเท่านั้น
"kirakira hikaru…osora no hoshi yo...mabataki shite wa…minna wo miteru... kirakira hikaru…osora no hoshi yo"
"ชั้นได้ยินเสียงเธอร้องเพลง..ชั้นก็ชอบร้องเพลงนี้เหมือนกันนะ"
อายูมิเข็นรถเข็นเข้าไปใกล้บ่อน้ำเพราะมั่นใจว่าเสียงดังมาจากด้านหลังบ่อน้ำแน่นอนพร้อมกับร้องเพลงด้วย
"kirakira hikaru…osora no hoshi yo...mabataki shite wa…minna wo miteru... kirakira hikaru…osora no hoshi yo"
ฮิโตชิที่นั่งกอดเข่าคุดคู้อยู่ข้างหลังบ่อน้ำเริ่มมีรอยยิ้มขึ้นมา เลยค่อยๆลุกขึ้นปรากฏตัวให้อายูมิเห็น
เด็กทั้งสองคนต่างยิ้มให้กันอย่างสดใสและร้องเพลงกล่อมเด็กด้วยกันจนจบท่อน พร้อมเสียงหัวเราะให้กัน
ภายในห้องพัก รินดาราเลื่อนประตูเปิดเข้ามาในห้องและกำลังจะหันไปเลื่อนปิดประตู
เธอชะงัก โฮชิตามเธอมาด้วย เขากวาดสายตามองรอบห้องอย่างสำรวจ
"คุณโฮชิ...ชั้นนึกว่าคุณจะรอชั้นอยู่ข้างล่าง"
"ผมให้อาคิระรอในรถ แล้วขึ้นมาช่วยคุณ เผื่อว่ามีอะไรพอให้ผมช่วยได้บ้าง"
"ข้าวของชั้นไม่ได้เยอะแยะอะไรมากมายหรอกค่ะ มีก็แต่ตำราเรียนกับเสื้อผ้า"
"ตำราเรียนท่าทางจะหนัก...งั้นผมช่วยทยอยขนไปไว้ที่รถให้"
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ..เกรงใจ เดี๋ยวชั้นเสร็จแล้วจะยกลงไปเอง..ขอตัวก่อนนะคะ"
รินดาราพยายามสุภาพเพื่อให้โฮชิรอข้างนอก
"ได้ครับ"
โฮชิถอยออกไป รินดารายิ้มให้แล้วค่อยๆปิดประตู จนแน่ใจว่าโฮชิออกไปแล้ว เธอจึงหยิบมือถือออกมาโทร.
"ซาเอะ...ชั้นขอเบอร์อาจารย์ที่ปรึกษาชั้นหน่อยสิ มีเรื่องอยากจะถามอาจารย์ให้แน่ใจ"
รินดาราคุยมือถือกับอาจารย์ ส่วนอีกมือก็เอาเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าเดินทาง
"พวกเขาบอกว่าอาจารย์เป็นคนแนะนำหนู หนูก็เลยโทร.มาถามอาจารย์ให้แน่ใจ ถ้าอาจารย์เป็นคนแนะนำหนูจริงๆ หนูก็ต้องขอบคุณอาจารย์มากนะคะ"
รินดาราวางสาย ยิ้มสบายใจ หันไปเห็นหนังสือนิทานญี่ปุ่นของพ่อวางอยู่บนโต๊ะ จึงหยิบขึ้นมา
"ทีนี้หนูไปสึกิได้อย่างสบายใจแล้วค่ะพ่อ"
รินดาราเอาหนังสือนิทานญี่ปุ่นใส่กระเป๋าและเก็บข้าวของบนโต๊ะอีกนิดหน่อยใส่กระเป๋า
ระหว่างนั้นนัทสึโก๊ะเปิดประตูเข้ามา ยิ้มกรุ้มกริ่มและมองออกไปหน้าห้อง เห็นโฮชิที่ยืนคอยอยู่ข้างนอก
"เจ๊ ..เจ๊เข้ามาทำไมเนี่ย"
"เจ๊เอารายการค่าเสียหายในห้องมาให้ แต่พ่อเทพบุตรที่ยืนคอยเธออยู่ข้างนอกเขาจัดการจ่ายให้ไปแล้ว" แล้วกระซิบถาม "นี่เจ๊ถามจริง หล่อเทพกระเป๋าหนักแบบนี้ไปหามาจากไหน เผื่อช่วงไหนเจ๊ไม่มีเงิน จะแวะไปหาลำไพ่พิเศษบ้าง คิคิๆๆ"
รินดาราตกใจ
"เจ๊ ! ชั้นไม่ได้ขาย"
"ไม่ต้องอายหรอกน่า เจ๊เข้าใจ คนเราพอเข้าตาจนมันก็ต้องดิ้นรนกันไป แต่ไหนๆฟลุ๊คเจอ ดีเลิศแบบนี้แล้ว จับเป็นผัวถาวรเลยเถอะ อย่าให้หลุดมือเลย เสียดายของ"
รินดาราปรี๊ดแตก
"เจ๊ ! เจ๊จะดูถูกชั้นมากไปแล้วนะ "
โฮชิเข้ามา
"มีอะไรกันรึเปล่าครับ"
"อ๋อ..เจ๊กำลังชี้ทางสว่างให้รินจังน่ะค่ะ"
นัทสึโกะมองโฮชิและรินดาราด้วยสายตากรุ้มกริ่ม แต่รินดาราปรี๊ดอยู่หมั่นไส้อีเจ๊สุดฤทธิ์เลยคิดหาทางเอาคืน
"ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เจ๊แกรู้เรื่องของเราแล้วค่ะ"
"เรื่องที่คุณจะไปอยู่กับผม"
"อุ้ย! ถึงขั้นจะไปปรนนิบัติกันถึงบ้านเลยเหรอคะ แหม...รินจังนี่เห็นหน้าใสๆ แต่ร้าย กาจ กว่าที่เจ๊คิดนะ" รินดารายิ่งหมั่นไส้อยากสั่งสอนเจ๊นัทสึโกะเลยคิดอะไรได้ ทำเล่นละครเดินไปเกาะแขนโฮชิ
"ไหนๆเจ๊ก็รู้ความจริงแล้ว งั้นขอทิ้งทวนที่นี่หน่อยแล้วกันนะ ปกติอยู่กันแต่ในโรงแรม ห้อง กว้างๆ หรูๆ แต่ห้องเท่ารูหนูราคาแพงแบบนี้ยังไม่เคยเลย ท่าทางจะตื่นเต้นดี" เธอดันตัวนัทสึโกะออกไป "เจ๊ออกไปก่อนเร็ว"
"ห๊ะ ! จะทำอะไรกัน"
รินดาราดันตัวนัทสึโกะออกไปได้แล้วก็เลื่อนปิดประตูทันที แล้วยื่นหน้าจ่อประตูไม่ได้เข้าใกล้โฮชิเลย
"คุณโฮชิขา มานี่มา..มามะๆๆ มาให้ชั้นชื่นใจหน่อย" เธอจูบอากาศดัง "ม๊วฟ"
"แอร๊ย ! หยุดเดี๋ยวนี้ อย่าเอาคาวโลกีย์มาแปดเปื้อนหอพักของเจ๊"
นัทสึโกะทั้งทุบประตู ตะโกนดังออกมาจากข้างนอก
รินดาราสะใจที่ได้แกล้ง
"อ๊า...ชื่นใจจังเลย อย่าสิคะคุณโฮชิขา อย่าเพิ่งใจร้อน นี่แน่ๆๆ มือบอนจังเลย"
โฮชิเริ่มเข้าใจ ยิ้มขำกับการกระทำของรินดารา
"คุณทำแบบนี้เดี๋ยวคุณก็จะเสียหายจริงๆหรอก"
รินดารายกนิ้วชี้แตะปากตัวเอง
"ชู่ว์...อย่าเสียงดังไปซิคะ"
รินดาราลากโฮชิออกมาให้ห่างประตู กระซิบข้างหูโฮชิ
"ต่อให้ชั้นไม่ทำ เดี๋ยวเจ๊แกก็เที่ยวเอาชั้นไปพูดเสียๆหายๆ อยู่ดีนั่นแหละ"
ผ่าง! จู่ๆ นัทสึโกะก็เปิดประตูออกอย่างแรง
"หยุดเดี๋ยวนี้"
รินดาราที่หน้าอยู่ใกล้หูโฮชิสะดุ้งตกใจจึงเนียนโอบรอบคอโฮชิแล้วซุกหน้ากับต้นคอโฮชิไปเลย
"อุ้ย! เจ๊เข้ามาทำไม ชั้นอายจังเลย"
นัทสึโกะอ้าปากค้าง
"เธอ..เธอทำจริงๆเรอะ"
"ไม่จริงจะสนุกหรือคะ ไม่เอาแล้ว ไม่สนุกเลย เราไปต่อที่อื่นกันเถอะค่ะ"
รินดารารูดซิบกระเป๋าแล้วควงโฮชิออกไป นัทสึโกะรีบเอาผ้ามาปัดๆ ในอากาศ
"อี๋ๆๆ โลกีย์ ความน่ารังเกียจออกไปจากหอของชั้น"
โฮชิช่วยถือกระเป๋าเดินทางให้ ส่วนรินดารายังเกาะแขนโฮชิเดินออกมา
"สะใจชมัด..ยัยเจ๊คานทอง คงได้นั่งอิจฉาชั้นทั้งวันแน่..เชอะ"
"เห็นคุณทำแบบนี้แล้ว..คุณดูต่างจากที่ผมคิดไว้เยอะมากเลยนะครับคุณรินดารา"
รินดารารู้ตัวรีบปล่อยมือที่เกาะแขนโฮชิทันที
"เอ่อ..ชั้นขอโทษด้วยค่ะ ปกติชั้นไม่ใช่คนแบบนั้น นะคะ สถานการณ์มันพาไปชวนให้ชั้นอยากเอาคืนนิดๆหน่อยๆ"
โฮชิยิ้มรับ
"ผมไม่ถือสาหรอกครับ..แค่รู้สึกว่าพอได้ใกล้ชิดคุณมากขึ้น เลยได้เห็นคุณในมุมที่ต่างจากที่ผมเคยเห็น"
"คุณเจอชั้นแค่ไม่กี่ชั่วโมง..แต่พูดอย่างกับรู้จักชั้นดี"
"ผมเป็นคนชอบสังเกตครับ"
โฮชิยิ้มกลบเกลื่อน ระหว่างนั้นอาคิระลงมาจากรถพร้อมนารูตะ
"เรียบร้อยรึยังครับท่านชาย"
โฮชิพยักหน้ารับ นารูตะเข้ามาช่วยรับกระเป๋าของรินดาราไปไว้ที่ท้ายรถ
โฮชิเปิดประตูให้รินดาราเข้าไปนั่งที่เบาะหลัง แล้วเขาตามไปนั่งคู่กับเธอ อาคิระมองตามทั้งคู่สังเกตความสนิทสนม ที่ทั้งคู่มีต่อกันอย่างสงสัย ทั้งๆที่เพิ่งจะได้เจอกัน
หน้าศาลเจ้านกกระเรียน มิกิกับไอพากันเข้ามาตามหาอายูมิ ไอกับนานะเข้ามาจากทางหนึ่ง ครู่หนึ่ง...มิกิกับเคโกะ ก็ตามเข้ามาจากอีกทาง
"อายูมิ..อายูมิ" ไอร้องเรียก
นานะเรียก
"คุณหนูอายูมิคะ อยู่ไหนคะ คุณหนู"
"ไอ...เจออายูมิรึยัง" มิกิถาม
"ทางไอยังไม่เจอเลยค่ะคุณย่า แล้วคุณย่าล่ะคะ"
มิกิส่ายหน้า
"ยังไม่เจอเลย"
นานะหน้าเสีย
"นานะขอโทษค่ะคุณย่า..นานะผิดไปแล้ว ถ้าเกิดอะไรที่ไม่ดีขึ้นกับคุณหนู นานะจะไม่ให้อภัยตัวเองเลย"
เคโกะมันก็ต้องอย่างนั้นอยู่แล้วล่ะนานะ..หน้าที่เธอคือคอยดูแลคุณหนูตลอดเวลา แต่นี่เธอ กลับสะเพร่าอย่างไม่น่าให้อภัย..แบบนี้มันน่า
"เคโกะ นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาทะเลาะกัน เราต้องรีบตามหาอายูมิให้เจอ ชั้นคิดว่าอายูมิ คงไปไหนไม่ไกล..ช่วยกันคิดดีกว่าว่ายังมีที่ไหนที่เรายังไม่ได้ไปหาอีก"
"เราก็ตามจนเกือบจะทุกที่แล้วนะคะคุณย่า" แล้วไอนึกขึ้นได้ "ยังเหลืออีกที่ค่ะคุณย่า"
อายูมิกับฮิโตชิยิ้มให้กัน อายูมิเข็นรถเข็นเข้าใกล้ฮิโตชิหวังทำความรู้จัก
"ชั้นชื่ออายูมิ..เธอล่ะชื่ออะไร"
ท่าทางของฮิโตชิยังดูไม่ค่อยอยากให้อายูมิเข้าใกล้เท่าไหร่นัก เลยพยายามถอย
"เธอกลัวชั้นเหรอ..อย่างชั้นมีอะไรที่ต้องกลัวด้วยล่ะ ดูสิ..แม้แต่จะลุกเดินชั้นยังทำไม่ได้เลย"
ฮิโตชิก้มหน้าก้มตาเหมือนเด็กขี้อาย แต่คอยชำเลืองมองอายูมิตลอด
"ชั้นไม่ได้กลัวเธอ..เธอ ต่างหากที่จะต้องกลัวชั้น"
"กลัวเธอ..หน้าตาน่ารักอย่างเธอเนี่ยน่ะเหรอ"
"ชั้นน่ารักจริงๆเหรอ"
"จริงสิ..ชุดยูกาตะของเธอก็น่ารักดี..ชั้นชอบ"
ฮิโตชิมองชุดยูกาตะที่ตัวเองสวมอยู่แล้วสีหน้าค่อยมีรอยยิ้มขึ้นมานิดนึงเหมือนจะไว้ใจอายูมิ
"ปกติมีแต่คนกลัวชั้น"
"ทำไมล่ะ..ทำไมเธอถึงคิดว่ามีแต่คนกลัวเธอ"
"ก็เพราะว่า..."
ฮิโตชิยังไม่ทันพูดออกมา เสียงเรียกของมิกิก็ดังแว่วเข้ามา
"อายูมิ..อายูมิ"
อายูมิหันไปตามเสียงที่คุณย่าเรียกเลยหันหลังให้ฮิโตชิซึ่งใบหน้าได้เปลี่ยนไปเป็นผีเด็ก ฮิโตชิเมะโคโซ ดวงตาสีดำสนิทมีคราบเลือดไหลออกมาจากดวงตาหน้าตาดูน่ากลัว
อายูมิพูดทั้งที่ยังไม่หันกลับไป
"คุณย่าชั้นมาตามแล้ว..เธอไปเที่ยวบ้านชั้นกันมั้ย ที่บ้านชั้นมีขนมอร่อยๆ กินเยอะแยะเลย"
อายูมิหันกลับมาถามฮิโตชิแต่กลับไม่เห็นเขาแล้ว ฮิโตชิได้หายไปอย่างรวดเร็ว
"อ้าว...หายไปไหนแล้ว"
อายูมิมองหาไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นวี่แวว จนกระทั่งคุณย่ากับคนอื่นเข้ามาเจอเธอ
"อายูมิ..มาอยู่ที่นี่เอง ย่าเป็นห่วงหนูแทบแย่"
อายูมิยังไม่ตอบมิกิ สายตายังคงมองหาเด็กผู้ชายคนนั้นอย่างสงสัย
รินดาราวิ่งเข้ามาหยุดยืนที่บริเวณสะพานกระเบื้องในหมู่บ้านสึกิ (สะพานกระเบื้อง Imari Village in Saga) มองไปข้างหน้า แววตาตื่นเต้น สูดลมอัดเข้าปอดเต็มที่ แล้วหายใจออกมาพร้อม ตะโกนดังๆ
"สวัสดีจ้ะเมืองสึกิ ในที่สุดชั้นก็มาถึงแล้ว"
รินดาราดีอกดีใจที่ได้มาถึงเมืองสึกิ เมืองในหุบเขาอันสวยงามและเงียบสงบ แต่ระหว่างนั้นอาคิระ เดินเร็วๆตามเข้ามา
"นี่คุณ !! อยู่ๆคุณสั่งให้นารูตะจอดรถลงมาทำไม"
รินดาราทำหน้าเซ็ง พลางเปิดกระเป๋าสะพาย หยิบหนังสือนิทานญี่ปุ่นในกระเป๋าออกมาเปิดหน้าหนึ่ง แล้วยกหนังสือ ขึ้นเทียบรูปสะพานในหนังสือกับของจริง
"นี่ไง..ใช่จริงๆ ด้วย เหมือนกันเป๊ะเลย เมืองสึกิในนิทานที่ชั้นฝันเอาไว้"
"ห๊ะ!! ที่คุณร้องสั่งให้นารูตะจอดรถกะทันหัน จนรถคันหลังเกือบจะชนรถเรา เพราะคุณแค่ จะลงมาตื่นเต้นที่เห็นเมืองเนี่ยนะ"
"ขอโทษทีนะคุณ พอดีว่าชั้นใฝ่ฝันอยากมาเห็นเมืองนี้กับตาตัวเองตั้งแต่เด็ก พอมาได้เห็น ของจริงก็เลยตื่นเต้นมากไปนิสนึง"
อาคิระส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ
"งั้นถ้าตื่นเต้นพอแล้วก็กลับขึ้นรถซะ"
อาคิระคว้าข้อมือเธอ แต่รินดารายื้อ
"เดี๋ยวสิคุณ ชั้นยังไม่ได้ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกเลย" เธอมองลงจากสะพาน "อุ้ย ! ตรงนั้นมีศาลา นั่งเล่นด้วย น่ารักจัง"
"คุณยังต้องอยู่ที่เมืองสึกิอีกนาน แล้วนี่ก็เป็นแค่ส่วนนึงของเมืองเท่านั้น คุณยังมีเวลาถ่ายรูป อีกเยอะ"
"จะเวลาไหนมันก็ไม่เหมือนเวลานี้ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ชั้นได้มาเห็นสิ่งที่รอคอยมาทั้งชีวิต ความประทับใจมันต่างกัน"
รินดาราดื้อสะบัดมือ แล้วควานหากล้องในกระเป๋าขึ้นมาถ่าย แต่อาคิระห้าม
"ทำให้คนอื่นเสียเวลาไปกับความประทับใจของตัวเอง เห็นแก่ตัว"
โฮชิเข้ามา
"ไม่เป็นไรหรอกอาคิระ"
อาคิระกับรินดาราหันไปมอง โฮชิยืนอมยิ้มที่ดูอบอุ่นและทำให้ทุกอย่างดูดีขึ้นได้ในพริบตา
"เรานั่งรถมาหลายชั่วโมง ได้ลงมาเดินยืดเส้นยืดสายบ้างก็ดีเหมือนกัน"
รินดารารีบเข้าไปยืนข้างๆโฮชิ
"ใช่ค่ะ เราไม่ควรนั่งค้างอยู่ท่าใดท่าหนึ่งนานๆ เพราะจะส่งผลเสียต่อกล้ามเนื้อ ทำให้ปวดเมื่อยเคล็ดขัดยอกค่ะ"
"สมกับเป็นนักกายภาพบำบัด งั้นเดินแค่นี้คงไม่พอ เราไปเดินยืดเส้นยืดสายกันในหมู่บ้านด้วยดีมั้ย"
รินดารายิ้มร่า ดีใจ
" ดีค่ะ ดีที่สุดเลยค่ะ"
โฮชิกับรินดาราเดินเคียงข้างกันออกไป รินดาราหันกลับมายิ้มเย้ยใส่อาคิระ เขาหงุดหงิดใจกับพฤติกรรมของรินดารา แล้วจำใจต้องเดินตามหลังไป
โฮชิกับรินดาราเดินเคียงข้างกันไปตามทางเดินในเมือง(Imari Village in Saga) ที่เป็นเนิน
เห็นภูเขาสีเขียวเป็นฉากหลัง อาคิระเดินตามหลัง รินดาราใช้กล้องถ่ายรูปเล็กๆ ถ่ายตามมุมต่างๆ ของถนนที่สองข้างทางซึ่งเป็นบ้านเก่าๆ ดวงตาเป็นประกายสุกใสอย่าง คนที่มีความสุข เหมือนเด็กๆที่ได้มาอยู่ท่ามกลางความใฝ่ฝันในเทพนิยาย
โฮชิเดินตามเธอมองตามด้วยใบหน้ามีความสุขและรอยยิ้ม รินดาราเดินมาเจอกระบะขายส้มของชาวบ้านที่ไม่มีคนเฝ้า มีแต่กล่องให้หยอดเหรียญร้อยเยนเป็นค่าส้มในถุง
"ส้มน่ากินจังเลยค่ะ..แล้วคนขายล่ะคะ"
"ถ้าอยากอุดหนุนชาวบ้านก็แค่หยอดเหรียญให้เขา เดี๋ยวเขาก็มาเก็บค่าส้มไปเอง"
"น่ารักจังเลยค่ะ"
รินดาราเอาเศษเหรียญในกระเป๋ามาหยอดใส่กล่องแล้วหยิบส้มขึ้นมาชูให้อาคิระช่วยถ่ายรูปเธอกับถุงส้ม
"ช่วยถ่ายให้ชั้นหน่อยสิคุณ"
อาคิระทำหน้าเซ็งๆแล้วเข้าไปเอากล้องมาช่วยกดๆถ่ายไปให้งั้นๆ ก่อนจะถอยกลับไปยืนข้างหลังท่านชาย
รินดารามองอาคิระอย่างหมั่นไส้แล้วเดินไปดูส่วนอื่นของเมืองต่อ
ในเวลาเดียวกัน ที่ศาลเทพเจ้าสุนัขจิ้งจอก ไดซูเกะกำลังนั่งสวดมนต์อยู่หน้ารูปปั้นสุนัขจิ้งจอก มีฮิเดโนรินั่งสวดมนต์อยู่ด้วย ส่วนอัตซุโอะและลูกน้องของตระกูลเรียวอิจิยืนสวมสูทเฝ้าอยู่ที่ทางเข้าศาล 2-3 คน
ระหว่างที่ไดซูเกะกำลังสวดมนต์อยู่เกิดลมพัดเข้ามาเหมือนมีพายุลูกเล็กๆ ใบไม้ปลิวว่อน จนน่าแปลกใจ ไดซูเกะรีบเดินออกมาที่หน้าศาลเทพเจ้า ลมยังพัดเข้ามาอย่างแรงต่อเนื่องไม่หยุด
ฮิเดโนริบอก
"น่าแปลกนะครับคุณปู่..ไม่มีข่าวพยากรณ์เลยว่าวันนี้จะมีพายุ"
"มันไม่ใช่พายุหรอกฮิเดะ แต่มันเป็นสัญญาณเตือน" ไดซูเกะบอก
ไดซูเกะไม่พูดต่อ แต่ชั่วครู่หนึ่งลมที่พัดเข้ามาจนใบไม้ปลิวว่อนก็หยุดเอาดื้อๆ เมฆบนท้องฟ้าที่กำลังแปรปรวนก็ กลับมาเป็นปกติจนน่าแปลกใจ แม้แต่อัตซุโอะและลูกน้องคนอื่นๆก็พากันงง
"บางอย่างกำลังมาและจะทำให้ทุกอย่าง เปลี่ยนแปลง" ไดซูเกะบอก
"อะไรครับที่กำลังจะมา"
"ปู่ยังบอกอะไรตอนนี้ไม่ได้...แต่มันคือสัญญาญเตือนให้ปู่ต้องค้นหาความจริง"
ไดซูเกะบอกฮิเดโนริแล้วรีบเดินออกไปเพื่อกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลเรียวอิจิ ฮิเดโนริมองตามไดซูเกะอย่างสงสัย
ภายในคฤหาสน์ตระกูลเรียวอิจิ ฮิเดโนริเข้ามาหยุดนิ่งมองชุดเกราะซามูไรที่ประดับตกแต่งห้องตัวเอง แววตาของฮิเขาครุ่นคิดสงสัยเพราะยังติดใจเรื่องที่ปู่ไดซูเกะพูดไว้
"ฮิโตชิ..ฮิโตชิ "
ฮิเดโนริเรียกหาฮิโตชิอยู่ครู่ แต่ไม่ได้ยินสัญญาณการตอบกลับมาเลยชักสีหน้าไม่พอใจ
"ชั้นรู้ว่าแกอยู่แถวนี้...เวลาชั้นเรียกทำไมไม่ออกมา..ฮิโตชิ"
เสียงเรียกอันดุดันทำให้ฮิโตชิค่อยๆโผล่หน้าออกมาจากหลังบานเลื่อน ฮิเดโนริหันขวับไปจิกหน้ามองไม่พอใจ
"ไม่ต้องมาหลบชั้น..หายหัวไปไหนมา"
ฮิโตชิค่อยๆเดินออกมายืนก้มหน้าก้มตาไม่กล้าสบตาฮิเดโนริ
"ผม ผมไปหา หาเพื่อนเล่นมาครับ"
"เพื่อนเล่น นี่แกไปมีเพื่อนเล่นตั้งแต่เมื่อไหร่
ฮิโตชิก้มหน้าไม่กล้าพูดเสียงดัง
"วัน...วันนี้ครับ"
"แกไม่รู้เหรอไงว่าตัวเองเป็นอะไร"
"รู้..รู้ครับ"
"รู้แล้วยังออกไปเพ่นพ่านให้คนอื่นเห็นอีก อยากโดนชั้นขังเอาไว้อีกใช่มั้ย"
ฮิโตชิรีบส่ายหน้าปฏิเสธ
"ไม่เอาครับ...ไม่เอา"
"งั้นต่อไปก็อย่าออกไปเพ่นพ่านให้ใครเห็นแกอีก..เข้าใจมั้ย"
"ครับ”
ฮิโตชิก้มหัวรับคำอย่างกลัวๆก่อนจะค่อยๆถอยออกมา แล้วร่างของฮิโตชิก็ค่อยๆจางหายไปในอากาศ ฮิเดโนริครุ่นคิดต่อแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมามอง
เวลากลางวัน ห้องญี่ปุ่นของไดซูเกะ ในคฤหาสน์ตระกูลเรียวอิจิ เป็นห้องที่ตกแต่งอย่างเคร่งขรึม มีรูปปั้นเทพเจ้าสุนัขจิ้งจอกอยู่ที่แท่นบูชา อีกมุมหนึ่ง มีแท่นบูชาเป็นชั้นๆ วางตุ๊กตาญี่ปุ่นตัวเล็กๆ บนสุดเป็นตุ๊กตาฮินะ ไดซูเกะเอาตำราเก่าๆของตระกูลมาเปิดค้นดูเพื่อหาต้นตอของสัญญาณเตือน ระหว่างนั้น เสียงของฮิเดโนริดังมาจากหลังบานเลื่อน
“ยังค้นหาคำตอบของสัญญาณเตือนนั่นไม่ได้เหรอครับคุณปู่”
“มีหลายเรื่องที่บรรพบุรุษของเราบันทึกไว้ ค้นไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็คงจะเจอ ว่าแต่แกมีอะไร”
“ผมได้ข่าวความเคลื่อนไหวบางอย่างเกิดขึ้นในตระกูลมิยาคาวะครับ”
ไดซูเกะมองอย่างสงสัย
“แกไปได้ข่าวภายในของตระกูลนั้นมาได้ยังไง”
“เอ่อ..คือ มีคนที่ผมไว้ใจได้ อาศัยอยู่ในตระกูลของพวกมันครับ เขาจะคอยเป็นหูเป็นตาส่งข่าวคราวความเคลื่อนไหวที่เป็นประโยชน์กับเรามาให้ผม”
ไดซูเกะไม่พอใจ
“ไม่รู้กฏของตระกูลเราเหรอไง มิยาคาวะกับเรียวอิจิจะคบหากันไม่ได้เด็ดขาด”
ฮิเดโนริรีบก้มหัวขอโทษ
“ผมรู้ครับคุณปู่..หน้าที่ของคนในตระกูลเรียวอิจิคือต้องทำลายตระกูลมิยาคาวะ และผมก็ยึดมั่นในหน้าที่นี้มาตลอด ผมถึงอยากทำให้มันสำเร็จในรุ่นของผม”
ไดซูเกะนิ่งคิด
“ผมยอมรับผิดที่ต้องทำผิดกฏสำคัญของตระกูล แต่เพื่อเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ผมยอมให้ ปู่ลงโทษครับ”
ไดซูเกะนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“เอาล่ะๆ..เรื่องนั้นค่อยว่ากัน เอาเป็นว่า..แกไปรู้อะไรมา”
กลกิโมโน ตอนที่ 2 (ต่อ)
ไดซูเกะเดินไปหยุดมองรูปปั้นสุนัขจิ้งจอกที่เคารพในห้อง หลังรู้สิ่งที่ฮิเดโนริได้บอกมา
"ชายลึกลับคนนั้นลงมาจากหอคอย"
"ครับคุณปู่ สายสืบของผมบอกว่าผู้ชายคนนั้นลงมาจากหอคอยเพื่อไปรับคนดูแลคนใหม่ ให้กับอายูมิ ... เขาเป็นใครกันแน่ครับปู่"
"เรื่องผู้ชายคนนั้น ชั้นเคยสงสัยมาก่อนและก็เคยให้คนตามสืบดูแล้ว แต่ไม่ได้อะไรกลับมามากนัก นอกจากรู้แค่ว่าเป็นผู้มีบุญคุณที่เกื้อหนุนมิยาคาวะมาตลอด ชอบทำตัวเงียบๆไม่สุงสิง"
"ก็เป็นแค่นักกายภาพบำบัดธรรมดา สายสืบของผมบอกว่าอาคิระกับนังหลานพิการของมัน ไปเจอที่สวนสนุก แล้วก็เกิดถูกอกถูกใจกันขึ้นมา"
ไดซูเกะครุ่นคิด
"แต่ปู่ว่ามันต้องมีอะไรพิเศษมากกว่านั้น ไม่อย่างนั้นคนที่เก็บตัวอยู่แต่บนหอคอย มาตลอดคงไม่ลงทุนไปรับด้วยตัวเองหรอก"
"งั้นถ้าคุณปู่อยากรู้ ผมจะสืบหาข้อมูลให้เอง จะได้รู้ว่าพวกมิยาคาวะคิดจะทำอะไร"
ไดซูเกะพยักหน้า ฮิเดโนริแววตามุ่งมั่น
บริเวณศาลาริมน้ำ (Imari Village in Saga) โฮชิพารินดาราเดินขึ้นมา อาคิระเดินตามหลังห่างๆ ด้วยสีหน้าเซ็งสนิท รินดาราส่งกล้องให้โฮชิ
"เอ่อ..รบกวนท่านชายถ่ายรูปให้ชั้นหน่อยนะคะ"
โฮชิรับกล้องดิจิตอลทันสมัยมาแล้วยิ้มมุมปาก
"ให้อาคิระช่วยดีกว่า เรื่องแบบนี้ผมไม่ถนัด"
โฮชิหันไปมองอาคิระ อาคิระหน้าเซ็งอีก แต่ก็ยอมมารับกล้องถ่ายรูป จากนั้นรินดาราโพสต์ท่าสดใส..ชูสองนิ้วทำแก้มป่อง ชูไม้ชูมือยิ้มกว้าง อาคิระถ่ายให้ 2-3 ภาพ โฮชิมองรินดาราด้วยแววตาสุขใจ
อาคิระเหลืออดแล้ว
"พอได้แล้วคุณ ผมว่าจะคิกขุอาโนเนะเกินไปแล้ว ผมอายคนอื่น"
"ชิ ! ทำเป็นหน้าบาง ท่านชายมาถ่ายรูปด้วยกันสิคะ"
โฮชิหนักใจ
"จะดีเหรอ"
"ดีสิคะ ท่านชายทำให้ชั้นได้มาที่นี่ เลยต้องอยู่ในภาพความประทับใจของชั้นด้วยค่ะ นะคะ... นะคะๆๆ"
โฮชิพยักหน้าแล้วยอมให้รินดาราลากไปตรงกลาง รินดารายืนข้างๆ อาคิระยกกล้องเล็งถ่าย
"พร้อมนะครับ หนึ่ง...สอง...ซั่ม"
จู่ๆโฮชิชูสองนิ้วแต่หน้านิ่งแบบน่ารักมาก อาคิระกดแชะ และลดกล้องลงอย่างอึ้งๆ ไม่เคยคิดว่าท่านชายจะ เป็นแบบนี้ได้ ส่วนรินดาราหัวเราะชอบใจ
"น่ารักมากเลยค่ะท่านชาย"
"เวลาถ่ายรูปต้องทำแบบนี้ไม่ใช่เหรอ"
"ใช่ค่ะ ทำแล้วรูปออกมาจะได้ดูดี ท่าให้ดีต้องทำแบบนี้ด้วยค่ะ"
รินดาราทำแก้มป่องข้างหนึ่ง แตะนิ้วชี้ที่แก้ม
โฮชิมองตาปริบๆ ไม่ค่อยเก็ทกับท่าทางประหลาดๆของคนยุคนี้ ส่วนอาคิระส่ายหน้าเหนื่อยใจ แล้วมือถือก็เข้ามา อาคิระมองหน้าจอ
อาคิระเดินถือโทรศัพท์เข้ามายังเพิงพักที่จอดรถ (Imari Village in Saga) แล้วกดรับสาย
"ครับคุณย่า"
มิกิคุยโทรศัพท์อยู่ภายในคฤหาสน์
"อยู่ไหนกันแล้วจ๊ะอาคิระ"
"ถึงสึกิแล้วครับ แต่ท่านชายกับรินดาราเดินเล่นกันอยู่"
มิกิไม่แปลกใจเพราะคิดอยู่แล้วเลยยิ้ม
"ได้เจอกันทั้งที ท่านชายคงอยากมีเวลาส่วนตัวกับเธอ"
อาคิระได้ยินไม่ชัด
"คุณย่าว่าอะไรนะครับ ผมได้ยินไม่ชัด"
"ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ"
"งั้นถ้าริเอะมาหาผมที่บ้าน ฝากคุณย่าบอกเธอด้วยนะครับว่าผมคงกลับไปไม่ทัน ท่านชาย คงพารินดาราเดินเล่นอีกพักใหญ่ๆ"
" ได้จ้ะอาคิระ ท่านชายอยู่แต่บนหอคอย คงอยากเดินเล่นบ้าง ดูแลพวกเขาดีๆล่ะ"
มิกิวางสายไปแล้วอมยิ้มส่ายหน้าขำๆ
"ท่านชายเนี่ย...อย่างกับวัยรุ่นเพิ่งตกหลุมรักงั้นแหละ"
บริเวณทางเดินเลียบทางน้ำ รินดาราเดินจากอีกฝั่งของศาลาที่พักที่ด้านบนเป็นสุสานเมือง (Imari Village in Saga) เธอชื่นชมความสวยงามของเมืองพร้อมกับหยุดเอาภาพจากปกสมุดนิทานขึ้นมาเทียบกับของจริงอีกครั้ง
โฮชิเดินตามมาข้างหลังดูหนังสือนิทานของรินดาราอย่างสนใจ
"หนังสือนิทานพื้นบ้านญี่ปุ่นค่ะ พ่อซื้อเป็นของขวัญให้ชั้นตั้งแต่ตอนเรียนประถม"
โฮชิฟังนิ่งแล้วนึกถึง... ตำนานที่เคยทำไว้เพื่อให้รินดารามาหาเขาตามลางสังหรณ์เมื่อ 25 ปีก่อน ...
ณ ร้านเหล้าชื่อ Izakaya นักเขียนบอกว่า
"ผมตระเวนไปทั่วญี่ปุ่น ฟังและจดบันทึกตำนานปรัมปรามามากมาย แต่เรื่องที่ผมสน ใจมากที่สุดก็คือเรื่องเทพเจ้านกกระเรียนกับเทพเจ้าสุนัขจิ้งจอกของเมืองสึกินี่แหละ"
เจ้าของร้านบอก
"มันก็แค่ตำนานที่เล่าต่อๆกันมาเท่านั้นเอง เรื่องรายละเอียดผมก็รู้ไม่ค่อยมากนักหรอก"
"แต่ถ้าคุณอยากฟัง..ผมก็พอจะเล่าให้ฟังได้"
นักเขียนชะงักเมื่อได้ยินเสียงจากชายหนุ่มในชุดกิโมโนสีขาว ใบหน้าของเขาผุดผ่อง บุคลิกสุขุมนิ่งซึ่งนั่งดื่มชาอยู่ ที่มุมด้านในของร้าน เขาคือ ท่านชายโฮชิโนโอจิ
"อยากฟังสิครับ ที่มาถึงเมืองสึกิก็เพื่อจะฟังเรื่องนี้ ว่าแต่คุณรู้จักตำนานเรื่องนี้ดีแน่ใช่มั้ย"
โฮชิโนโอจิยกแก้วชาขึ้นดื่มอย่างสุขุมแล้วยิ้มอย่างดูเป็นมิตรกับชายนักเขียน
"ถ้าผมเล่าให้คุณฟังแล้ว คุณรับปากผมได้มั้ยว่า จะตีพิมพ์ตำนานเรื่องของเทพเจ้านกกระเรียนกับเทพเจ้าสุนัขจิ้งจอกให้เป็นที่แพร่หลาย"
โฮชิยิ้มน้อยๆ ขณะฟังรินดาราพูด
"เพราะชั้นอ่านนิทานในนี้เป็นร้อยเป็นพันรอบจนอยากมาเห็นสถานที่ต่างๆที่อยู่ในนิทาน ด้วยตัวเอง ชั้นถึงอยากมาเห็นสึกิด้วยตาตัวเอง"
"แล้วหนังสือเล่มนี้คุณชอบนิทานเรื่องไหนมากที่สุด"
"ชอบเรื่องเทพเจ้านกกระเรียนกับเทพเจ้าสุนัขจิ้งจอกค่ะ"
"ทำไม"
"ไม่รู้สิคะ อาจจะเป็นเพราะนิทานเรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่ตอนจบเศร้าซะจนชั้นต้องร้องไห้"
"คุณร้องไห้เพราะสงสารใคร เทพเจ้านกกระเรียนหรือเทพเจ้าสุนัขจิ้งจอก"
"ชั้นสงสารเมียวโจโอจิ เทพธิดาดาวเดือนเจ็ดคนรักของเทพเจ้านกกระเรียนค่ะ"
โฮชิมองรินดาราอย่างอึ้งและรู้สึกดีสิ่งที่เธอพูดออกมา มันทำให้ความหวังว่าเธอคือเมียวโจโอจินมากเพิ่มขึ้นไปอีก
"ถึงเธอจะได้อยู่บนสวรรค์ที่สุขสบาย แต่การต้องอยู่ตามลำพัง ต้องพรากจากคนรักเป็นเรื่องที่น่าเศร้า ดูสิคะ...พูดแค่นี้ชั้นก็จะร้องไห้แล้ว"
โฮชินิ่งงันมองรินดาราที่พูดแทนความรู้สึกของเมียวโจโอจินได้เหมือนราวกับเธอคือเมียวโจโอจินซะเองก็ยิ่งตื่นเต้น
"สักวันเมียวโจโอจิก็ต้องได้พบกับคนรักอีกครั้ง อย่าเสียใจไปเลยนะ...ฮิคาริ"
ชื่อ ‘ฮิคาริ’ เขาพูดออกมาเหมือนต้องการกระตุ้นเตือนความจำให้เธอจำได้ว่าตัวเองเป็นใคร รินดารามีสีหน้าสงสัยเมื่อได้ยินชื่อฮิคาริที่โฮชิเรียกเธอ โฮชิลุ้นว่าเธอจะจำได้รึเปล่า
"ฮิคาริ ?... ทำไมคุณถึงเรียกชั้นว่าฮิคาริคะ"
โฮชิสีหน้าผิดหวังแสดงว่าเธอจำไม่ได้
"ชื่อรินดาราของคุณ คนที่นี่คงเรียกยาก ผมเลยขออนุญาตเรียกคุณเป็นภาษาของผม ฮิคาริแปลว่าดวงดาวทอแสง"
"ได้สิคะ ชั้นชอบชื่อนี้ เพราะชื่อของชั้น รินดาราก็แปลว่าดวงดาวทอแสงเหมือนกัน"
ทั้งคู่ยิ้มให้กัน
มีคนกำลังเล็งกล้องถ่ายรูป บันทึกภาพด้านหลังของโฮชิและรินดาราอยู่ทุกก้าวย่าง อาคิระเพิ่งวางสายจากมิกิเดินกลับเข้ามาเห็น ผู้ชายใส่หมวกแก๊ปใส่แว่นตาดำอำพรางใบหน้ากำลังเล็งกล้องถ่ายรูปไปที่โฮชิและรินดารา จึงร้องห้าม
"ทำอะไรน่ะ"
ผู้ชายหันขวับมามองอาคิระอย่างตกใจ แล้วรีบวิ่งหนีออกไป
"หยุดเดี๋ยวนี้นะ"
อาคิระวิ่งตามไปทันที
อาคิระวิ่งเข้ามายังถนนในหมู่บ้าน (Imari Village in Saga)แต่ตามบุคคลปริศนาไม่ทันแล้ว อาคิระหมุนตัวมองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นใครผิดปกติ
"ใครบางคน" มองจากด้านหลังของอาคิระ แล้วเคลื่อนเข้าไปหา เขารับรู้จากหางตา จนเมื่อสิ่งนั้นเคลื่อนเข้ามาใกล้ อาคิระจึงหันขวับไปล็อคแขน "ใครคนนั้น" ด้วยความคล่องแคล่วว่องไว
"ว้าย "
รินดาราร้องเสียงหลง ขณะถูกอาคิระจับล็อคแขนไพล่หลัง
"คุณจะทำอะไรชั้น"
"ขอโทษที ผมคิดว่าคุณเป็น"
"เป็นอะไร"
"ไม่มีอะไร คุณล่ะ มาทำอะไรตรงนี้"
"ท่านชายให้มาตามคุณกลับ" เธอยื่นกระป๋องน้ำที่กดจากตู้มาให้ "อะ...ซื้อมาฝากตอบแทนที่คุณอุตส่าห์ยอมสละเวลาเพื่อให้ชั้นได้เที่ยว"
"ผมยอมเพราะท่านชายไม่ใช่คุณ"
อาคิระเดินหายไป
"เอ้า แล้วน้ำไม่เอาหรือไง ดี...กินเองก็ได้"
รินดาราจะเปิดดื่ม แต่อาคิระก็ย้อนกลับมาคว้ากระป๋องน้ำไปจากมือรินดาราแล้วหายไป
"นี่คุณ มารยาทน่ะสะกดเป็นมั้ย !"
ไอถือสมุดบัญชีเดินเข้ามาตรงทางเดินในคฤหาสน์แล้วเจอกับนานะ
"คุณย่าล่ะนานะ ชั้นจะเอาบัญชีค่าใช้จ่ายประจำเดือนให้ท่านตรวจหน่อย"
"เมื่อกี้นี้ยังเห็นอยู่ที่สวนกับคุณหนูค่ะ แต่ได้ยินว่ากำลังจะเข้ามาแล้ว"
"แต่เมื่อกี้ชั้นเดินผ่านห้องอายูมิ ไม่เห็นคุณย่าเลย"
"งั้นคุณท่านก็คงขึ้นไปบนหอคอยแล้วมั้งคะ"
ไอพยักหน้ารับ แล้วมองไปบนหอคอย
หน้าห้องโฮชิ บริเวณทางเดินกล ไอเดินถือสมุดบัญชีเดินมาหยุดยืนที่ทางเข้า กล้าๆกลัวๆ กำลังจะหันหลังกลับ แต่แล้วก็เปลี่ยนใจเดินขึ้นไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ไอมองไปข้างหน้าซึ่งเป็นทางเดินไม้สนทอดยาวไปสู่ห้องหนึ่ง เธอตัดสินใจก้าวขึ้นไปบนไม้กระดานค่อยๆก้าวไปทีละก้าว
ไอเหยียบลงบนพื้นไม้ ทันใดนั้นพื้นไม้กลก็ทำให้กระดิ่งที่แขวนอยู่ตลอดสองข้างทางเหนือเพดาน สั่นส่งสัญญาณดัง ไอตกใจหน้าตาเหรอหราทำอะไรไม่ถูกราวกับขโมยที่กำลังถูกจับได้
ภายในสวน มิกิกับอายูมิกำลังเก็บดอกไม้กัน อายูมิหอบดอกไม้เต็มบนตัก
"คุณย่าว่าพี่เขาจะชอบดอกไม้ของอายูมิไหมคะ"
"ย่าว่าน่าจะชอบนะ"
ระหว่างนั้นริเอะเดินเข้ามา ย่ามิกิหันไปเห็น
"สวัสดีค่ะคุณย่า เป็นยังไงบ้างจ๊ะอายูมิ" ริเอะพยายามยิ้มให้อายูมิ แต่โดนเมินใส่ "ดอกไม้สวยจังเลย อาริเอะขอสักดอกนึงได้มั้ยคะ"
"ไม่ได้เก็บมาให้คุณอาค่ะ"
มิกิปราม ก่อนหันมาที่ริเอะ
"อายูมิ... มาหาอาคิระเหรอจ๊ะริเอะ"
"ค่ะคุณย่า"
"อาคิระไม่อยู่หรอกจ้ะออกไปทำธุระ แต่ฝากย่าให้บอกริเอะว่า กว่จะกลับก็คงค่ำๆ"
ริเอะสีหน้าผิดหวัง ระหว่างนั้นเสียงกระดิ่งที่ดังลั่นดังมาถึงสวน มิกิ ริเอะ อายูมิหันขวับไปบนหอคอยทันที !!
มิกิรีบเข็นอายูมิเข้ามาที่ทางเดินในคฤหาสน์ ริเอะตามมาด้วยความอยากรู้ อยากเห็น เคโกะรีบวิ่งมาที่มิกิอย่างตกใจ
"เสียงอะไรดังมาจากหอคอยคะคุณ ท่าน"
มิกิไม่ตอบคำถามนั้นแต่สั่ง
"ทุกคนอยู่ที่นี่ ห้ามตามชั้นไป เคโกะดูแลอายูมิด้วย"
มิกิรีบไปทางหอคอยทันที ริเอะมองตามมิกิไปด้วยความอยากรู้แล้วจะตาม
"คุณริเอะ...คุณจะไปไหนคะ"
"ตามไปดูคุณย่าน่ะสิ เกิดมีอะไรจะได้ช่วยเหลือกัน"
เคโกะเข้าขวาง
"แต่คุณท่านสั่งว่าให้เราคอยอยู่ที่นี่"
เคโกะสีหน้าจริงจังไม่ให้ตามไปเด็ดขาด ริเอะชักสีหน้าหงุดหงิดไม่ตามไปก็ได้ แต่ก็มองตามมิกิด้วยความอยากรู้
ไอเดินกระสับกระส่ายเหยียบย่ำพื้นไม้กระดาน กลัว..ตกใจ...แล้วก้าวถอยหลังทรุดล้มลงกับพื้นกระแทกกับประตู บานเลื่อนของห้องเก็บกิโมโนโฮชิจนมันเลื่อนออกมานิดนึง แสงสีน้ำเงินส่องผ่านช่องประตูออกมา เป็นแสงจากกิโมโนของโฮชิ แต่สร้างความน่าพิศวง ไอเห็นสิ่งผิดปกติจากหางตา กำลังจะเหลียวหลังไปมองที่ห้องนั้นแต่ยังไม่ทันได้เห็นอะไร
กระดิ่งเหนือเพดานหยุดสั่น ไอหันขวับกลับไป พบมิกิยืนมองไอด้วยสายตาโกรธอย่างที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน ทำเอาไอสะท้านกลัว
"คุณย่า"
ริเอะ เคโกะ นานะและอายูมิอยู่ที่ห้องโถง มิกิเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเรียบเฉยจนเกือบจะบึ้งตึง ไอน้ำตาคลอเสียใจเดินตามมิกิเข้ามา
"คุณย่าคะ คุณย่ายกโทษให้ไอเถอะนะคะ ไอไม่ได้ตั้งใจขึ้นไปบนหอคอย"
มิกิชำเลืองตามองริเอะซึ่งเป็นคนนอก แต่ริเอะทำหน้านิ่งๆแบ๊วๆ เหมือนไม่สนใจอะไร แต่จริงๆแล้ว สนใจมาก ขณะที่ไอยังคร่ำครวญไม่หยุด
"ไอสัญญา ต่อไปนี้ไอจะไม่ขัดคำสั่งคุณย่าอีก คุณย่าอย่าโกรธไอเลยนะคะ"
"เอาเถอะๆ ถ้าเธอยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจ ย่าก็จะยกโทษให้ แล้ววันหลังก็รู้จักจัดลำดับความสำคัญให้ถูก ตรวจบัญชีรายเดือนไม่ใช่เรื่องรีบร้อนถึงขนาดต้องขัดคำสั่งของย่า ถ้าเรื่องแค่นี้เธอยังคิดไม่ได้ ต่อไปจะรับผิดชอบเรื่องสำคัญกว่านี้ได้ยังไง"
ไอจ๋อยไปทันที
"ค่ะคุณย่า"
"นานะ เคโกะ พาอายูมิเข้าไปทานของว่างได้แล้ว" มิกิบอกกับริเอะตามมารยาท) "อยู่ทานของว่าง ด้วยกันมั้ยจ๊ะริเอะ"
ริเอะยิ้มรับเสนอหน้าอยู่แล้ว มิกิ เคโกะ นานะพาอายูมิออกไป ไอน้ำตาคลอออกไปอีกทางอย่างเศร้าๆ
ริเอะมองตามไอสลับกับมองบนหอคอยอย่างสนใจ
"ทำไมต้องห้ามขึ้นไปด้วย บนนั้นมีอะไร"
นานะกำลังวางถ้วยชาและจานวางขนมญี่ปุ่นที่ไว้ทานกับชาเขียวไว้บนโต๊ะ ริเอะเดินเข้ามาด้วยสีหน้าครุ่นคิดสงสัย นานะพูดขึ้นโดยไม่ได้หันไปมอง
"ถ้าขนมไม่พอ บอกนานะได้นะคะคุณริเอะ"
นานะพูดไปก็ทำจมูกฟุดฟิดดมกลิ่นน้ำหอมจากตัวริเอะ จนริเอะชะงักมอง นานะรีบแก้เก้อ
"เอ่อ..กลิ่นน้ำหอมของคุณริเอะห๊อม..หอม นานะชอบค่ะ"
ริเอะแอบเบ้ปากเสียมารยาท แต่คิดแผนอะไรได้ จึงหยิบกล่องน้ำหอมเล็กๆ ส่งให้นานะ
"ชั้นให้จ้ะ น้ำหอมคอลเลคชั่นใหม่ พอดีจะเอาไปฝากเพื่อน ชั้นให้นานะดีกว่า หอมกว่ากลิ่น ที่ชั้นใช้อีกนะ"
"จริงเหรอคะ..ขอบคุณค่ะ" นานะรับไปดมแล้วถูกใจ "หอมกว่าด้วยจริงๆ แหม...คุณริเอะสวยแล้วยัง ใจดีจังเลย"
ริเอะยิ้มหวานแล้วถาม
"นานะจ๊ะ บนหอคอยมีอะไรเหรอ คุณย่ามิกิถึงห้ามไม่ให้ขึ้นไป"
"อ๋อ..บนนั้นเป็นที่อยู่ของท่า"
มิกิเข้ามา
"นานะ จัดห้องให้พี่เลี้ยงของอายูมิเสร็จหรือยัง"
นานะหันไปเห็นย่ามิกิถึงกับสะดุ้ง
"ยังค่ะ " นานะยิ้มแห้งแล้วออกไป
มิกิเข้ามานั่งรินน้ำชาให้ริเอะด้วยท่าทางสงบนิ่ง
"มีพี่เลี้ยงหนูอายูมิคนใหม่มาหรือคะ"
"จ้ะ อาคิระต้องเดินทางไปรับถึงที่พักด้วยตัวเอง จะได้รู้จักบ้าน รู้จักที่มาที่ไปกันไว้ กว่าเราจะรับใครเข้ามาอยู่ในบ้านด้วยต้องดูให้ดี เพราะคนสมัยนี้ไว้ใจยาก ภายนอกดูใสซื่อ แต่ข้างในดำมืด เข้ามาอยู่กับเราเพราะหวังผลประโยชน์ของตัวเอง"
มิกิพูดด้วยท่าทางเรียบเฉย แต่คมกริบ จนทำให้ริเอะสะอึกเหมือนโดนด่า แต่ก็จิบน้ำชายิ้มหวานๆ
ยามค่ำคืน รินดาราก้าวเข้ามาเหยียบบนพื้นหน้าคฤหาสน์ กวาดสายตามอง ตกตะลึงไปกับความสวยงามและยิ่งใหญ่ของคฤหาสน์มิยาคาวะ นารูตะหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าของรินดาราตามมา
มิกิ ไอ อายูมิ นานะ เคโกะออกมาจากด้านในคฤหาสน์ อายูมิยิ้มร่ามาแต่ไกล
"พี่เจ้าหญิงมาแล้ว"
รินดารายิ้มรับ อายูมิเข็นรถเข้ามาส่งช่อดอกไม้ให้
"ดอกไม้ค่ะ อายูมิเก็บมาต้อนรับพี่ แต่มันเหี่ยวหน่อยเพราะเก็บมาตั้งแต่เมื่อกลางวันแล้วค่ะ"
"ขอบคุณมากค่ะอายูมิจัง"
พูดไปรินดาราก็หยิบของเล่น เคนดามะสีชมพู ซึ่งเป็นลูกกลมๆร้อยเชือกเสียบอยู่บนแท่นไม้เหมือนค้อน ออกมาให้อายูมิ
"ของฝากของอายูมิจังจ้ะ ท่านชายบอกพี่ว่าอายูมิชอบสีชมพู ใช่มั้ยคะท่านชาย"
รินดาราหันกลับไปด้านหลัง แต่ไม่เห็นโฮชิแล้ว รินดาราแปลกใจ
"อ้าว...ท่านชายหายไปไหน"
"คงจะกลับไปพักผ่อนแล้วค่ะ" มิกิเปลี่ยนเรื่อง "การเดินทางเป็นยังไงบ้างคะ"
"สะดวกสบายดีค่ะ คุณ..เอ้อ..."
อาคิระแนะนำ
"คุณย่ามิกิ ท่านเป็นคุณย่าของผม และนี่ไอ..ลูกพี่ลูกน้องของผม นี่เคโกะกับนานะ..แม่บ้าน ประจำของที่นี่"
รินดาราค้อมศีรษะและก้มตัวลงต่ำ
"ชั้น..รินดาราค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคน ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ"
ทุกคนยิ้มให้รินดารา นานะมีอาการตื่นเต้นกับความสวยของรินดารา
"เชิญเข้ามาข้างในเถอะค่ะ ดิชั้นจัดเตรียมห้องไว้ให้คุณแล้ว อาคิระไปพักผ่อนเถอะนะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เดี๋ยวให้ไอพาอายูมิไปเข้านอนแทน" มิกิบอก
"ครับคุณย่า"
"พรุ่งนี้เช้าพบกันนะจ๊ะ..อายูมิ"
อายูมิยิ้มรับ แล้วทั้งหมดก็เดินเข้าไปข้างใน นานะกับเคโกะเข้าไปรับกระเป๋าเสื้อผ้าของรินดารามาจากนารูตะ
มิกิเลื่อนประตูเปิดออก เดินนำรินดาราเข้ามาในห้อง เคโกะกับนานะหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าของรินดาราตามเข้ามา เธอมองสำรวจไปรอบห้อง...ภายในห้องตกแต่งอย่างเรียบง่ายตามสไตล์ชาวญี่ปุ่นดั้งเดิม
"ห้องของเธออยู่ติดกับสวน อากาศจะดีมาก ยังไงตามสบายนะ ถ้าขาดเหลืออะไรก็บอก เคโกะกับนานะได้"
"ค่ะคุณย่า"
"ดิชั้นต้องขอตัวก่อน"
รินดาราค้อมศีรษะและก้มตัวแสดงความเคารพ มิกิยิ้มรับ แต่แววตาของเธอพิจารณารินดาราอย่างถี่ถ้วน แล้วออกไปจากห้อง นานะจะยกกระเป๋าเสื้อผ้าของรินดาราไปไว้ที่มุมหนึ่ง แต่รินดาราเข้าไปแย่งด้วยความเกรงใจ
"ไม่เป็นไรค่ะ ชั้นยกเอง"
รินดารายกกระเป๋าไปวางไว้ที่มุมห้อง ทำให้สายตาหันไปเห็นอะไรบางอย่างที่นอกหน้าต่าง เธอเห็นเงาลางๆ ของหอคอย บนยอดเปิดไฟสว่างปรากฎอยู่ในความมืด
"นั่นหอคอยใช่มั้ยคะ"
"ใช่ค่ะ ท่านชายอยู่"
เคโกะปราม
"นานะ"
"ไม่เป็นไรหรอกป้า คุณเขาต้องอยู่ที่นี่อีกนาน ยังไงสักวันคุณก็ต้องรู้เรื่องอยู่ดี หอคอยนั่น นะคะเป็นที่ที่..."
รินดาราเห็นว่าเคโกะไม่พอใจ จึงเป็นฝ่ายตัดบทนานะเอง
"ไม่เป็นไรค่ะ ถ้ามีเรื่องที่ชั้นไม่ควรรู้ ชั้นไม่รู้ดีกว่า เพื่อความสบายใจของทุกคน"
เคโกบอก
"คุณคิดได้แบบนี้ก็ดีค่ะ เอาเป็นว่าสิ่งที่คุณควรรู้มากที่สุดก็คือ ที่นี่มีกฎระเบียบที่ต้องปฏิบัติ ตามทุกคน รับประทานอาหารเช้าตอนแปดโมง อาหารกลางวันตอนเที่ยง อาหารว่างทาน เวลาบ่ายสาม อาหารเย็นตอนหนึ่งทุ่ม และตอนกลางคืนห้ามเดินเพ่นพ่านเด็ดขาด"
รินดารายิ้มรับ แล้วมองไปที่หอคอยอย่างสนใจ
มิกิถือถาดน้ำชาเลื่อนประตูเปิดเข้ามาในห้อง พบโฮชินั่งเล่นเคนทามะแบบเดียวกับที่รินดาราเอาให้อายูมิ
ใบหน้าของเขาระบายยิ้มอย่างผู้ที่มีความสุขเสมอ ทำเอาให้ผู้พบเห็นอย่างย่ามิกิพลอยยิ้มสุขใจไปด้วย
โฮชิส่งของเล่นให้มิ
"ชั้นเอามาฝากมิกิ"
"แหม..ท่านชายก็ อายุดิชั้นไม่ได้เหมาะจะเล่นของเล่นแล้วนะคะ"
"ฮิคาริบอกว่า ของเล่นจะช่วยทำให้มีความสุข ไม่ว่าอายุจะมากหรือน้อย ทุกคนก็ควรจะมีความสุข"
"ค่ะท่านชาย เอ๊ะ...เมื่อกี้ท่านชายเรียกใครว่าฮิคาริคะ"
โฮชิยิ้มรับ
"ฮิคาริเป็นชื่อเล่นของเมียวโจโอจิน มีแค่ชั้นกับเธอเท่านั้นที่รู้กันสองคน วันนี้ชั้นก็ เลยลองเรียกรินดาราว่า..ฮิคาริ"
มิกิตื่นเต้
"แล้วเธอจำได้มั้ยคะ"
โฮชิสีหน้าผิดหวังถอนหายใจแล้วเดินไปที่ภาพวาดเมียวโจโอจินที่ยืนอยู่ใต้ต้นวิสทีเรีย
"เธอจำชื่อฮิคาริไม่ได้ แต่หลายอย่างที่เธอพูดออกมา ทำให้ชั้นเชื่อว่าเธอคือฮิคาริ"
"ถ้าเธอจะใช่คนรักของท่านจริงๆ ดิชั้นก็ดีใจด้วย แต่ขอดิชั้นพูดอะไรสักอย่างหน่อยได้มั้ยคะ"
"พูดเยอะๆก็ได้..ปกติมิกิก็ชอบขัดชั้นอยู่บ่อยๆนี่"
"ท่านชายก็.." มิกิค้อนหน้างอน
"ชั้นล้อเล่นน่า...มิกิจะเตือนอะไรชั้น"
"ดิชั้นว่าตอนนี้ท่านชายกำลังเหมือนคนที่กำลังตกหลุมรัก มองทุกอย่างเข้าข้างตัวเอง คิดทุก อย่างไปตามที่ใจเรียกร้อง ดิชั้นเลยอยากให้ท่านชายเผื่อใจไว้บ้าง"
คำเตือนของมิกิทำให้โฮชินิ่งไปอย่างครุ่นคิด
ฮิเดโนริดูรูปถ่ายผ่านหน้าจอคอมพ์ เป็นรูปแอบถ่ายตอนที่โฮชิกับรินดาราเดินเล่นในหมู่บ้านสึกิด้วยกัน แต่ทุกภาพ เห็นแต่ด้านหลังของรินดารากับโฮชิ มีบางภาพที่เกือบจะเห็นหน้าโฮชิแต่ก็จะมีแสงสีขาวพาดผ่านหน้าโฮชิ ทำให้มองไม่เห็นอะไรเลย ฮิเดโนริหงุดหงิดมาก ตะคอกใส่ลูกน้องที่นั่งหน้าซีดอยู่อีกฝั่งของโต๊ะ
"ถ่ายรูปประสาอะไร รูปถึงเสียหมด"
"ผมรีบถ่ายเลยไม่รู้ว่ากล้องเสีย แถมยังเกือบถูกไอ้อาคิระจับได้อีก ผมเลยต้องรีบกลับมา ก็เลยไม่ทันได้เช็กภาพก่อน"
"แล้วแกเห็นหน้านังผู้หญิงคนนั้นกับท่านชายหรือเปล่า"
"เอ่อ...เห็น แต่ไม่ชัดครับ"
"ไม่ต้องมาอ้าง เพราะแกมันกระจอก ทำอะไรถึงไม่ได้เรื่องสักอย่าง จะไปไหน ก็ไป...ไป"
ลูกน้องกำลังออกไป ฮิเดโนริคิดอะไรได้
"แล้วอย่าบอกเรื่องนี้ให้คุณปู่รู้ล่ะ เดี๋ยวคุณปู่จะว่าเอาได้ว่าชั้นทำอะไรไม่ได้เรื่องสักอย่าง แล้วชั้นจะหาทางสืบข้อมูลมาให้คุณปู่ใหม่เอง"
"ครับๆ" ลูกน้องออกไป
ฮิเดโนริรอจนประตูปิดสนิท แล้วเรียก
"ฮิโตชิ"ไม่มีความเคลื่อนไหว ทุกอย่างนิ่งเงียบ "ฮิโตชิ ! ฮิโตชิ ! หายไปไหนของมันอีก"
ฮิเดโนริหงุดหงิด
อายูมิกำลังนอนหลับอยู่บนฟูกภายในห้องที่ปิดไฟมืด ของเล่นที่รินดาราซื้อให้ ยังวางอยู่ข้างหมอน
ที่หน้าต่างเงาสะท้อนของกิ่งไม้โบกไสวดูคล้ายแขนขาของคน
ฉับพลัน ! มือขาวซีดของฮิโตชิโผล่มาเกาะขอบหน้าต่าง พร้อมกับเสียงฮัมเพลงกล่อมเด็ก
"kirakira hikaru…osora no hoshi yo...mabataki shite wa…minna wo miteru... kirakira hikaru…osora no hoshi yo"
อายูมินอนหลับสนิท แล้วมีปากขาวซีดของฮิโตชิยื่นเข้ามากระซิบข้างหูเธอ เสียงนั้นเศร้าช้าเนิ
"มาเล่นกันเถอะ มาเล่นกันเถอะ มาเล่นกันเถอะ"
อายูมิงัวเงียตื่น
"ใคร"
อายูมิลุกขึ้น ลืมเต็มตา เห็นฮิโตชิยืนอยู่มุมห้อง ในสภาพเด็กผู้ชายธรรมดาหน้าตาน่ารัก ดวงตาฉาย ววเศร้าตลอดเวลา
"ฮิโตชิ เธอเข้ามาได้ยังไง"
"เราเหงา เราอยากเล่น มาเล่นกันเถอะ มาเล่นกันเถอะ"
"เล่นอะไรล่ะ"
ฮิโตชิส่ายหน้าไม่รู้
"อ้ะ เอาไปเล่น พี่เจ้าหญิงคนสวยเอามาฝากอายูมิ แต่อายูมิให้ฮิโตชิไปเล่นก่อนก็ได้ พี่เจ้าหญิงเขาใจดี ไม่ว่าอะไรหรอก"
ฮิโตชิยิ้มแล้วยื่นมือจะไปจับของเล่นที่มืออายูมิ แต่เสียงอาคิระดังขึ้นจากข้างนอก
"ยังไม่นอนอีกเหรออายูมิ"
ทั้งอายูมิและฮิโตชิหันขวับไปที่ประตู อาคิระเลื่อนเปิดประตูเข้ามาพอดี อาคิระเห็นอายูมิยื่นของเล่นไปข้างหน้า แต่ไม่มีฮิโตชิตรงนั้นแล้ว อาคิระแปลกใจ
"อายูมิทำอะไรอยู่ ทำไมยังไม่นอน"
"อายูมิกำลังเอาของเล่นให้..."
อายูมิหันกลับไปหาฮิโตชิ แต่ไม่เห็นใครแล้ว อายูมิแปลกใจ..หายไปไหน ?
"ให้ใคร"
"ให้ฮิโตชิเพื่อนของอายูมิค่ะ เมื่อตะกี้เขายังอยู่ตรงนี้เลย"
อาคิระไม่สบายใจกับอาการของหลานสาว แต่ก็ยิ้มกลบเกลื่อน
"ไม่มีใครสักหน่อย อายูมิคงจะนอนฝันละเมอไปเอง นอนหลับต่อเถอะนะ มา...อากล่อมให้"
อาคิระจับหลานสาวนอนหนุนแขน แล้วลูบหัวจูบหน้าผากด้วยความรัก
ณ มุมห้องที่โคมไฟส่องไม่ถึง ฮิโตชินั่งกอดเข่ามองภาพอาคิระกับอายูมิอย่างเศร้าสร้อย เห็นอาคิระหยอกล้อเล่นกับอายูมิที่ยิ้มมีความสุข
ฮิโตชิยิ่งร้องไห้สะอื้นในลำคอ เสียใจที่ไม่มีใครเล่นด้วย เบะหน้า ร้องไห้แรงขึ้นเรื่อยๆ สะอื้นจนตัวสั่น...ทันใดนั้นจาก ใบหน้าเด็กปกติกลายเป็นหน้าขาวโพลนซีด ลูกตาเป็นสีดำสนิท น้ำตาที่ไหลอาบแก้มกลายเป็นเลือดสีแดงสด !
เสียงร้องไห้กระซิกๆ ของฮิโตชิดังลอยเข้ามาในสวนของคฤหาสน์
"ฮือ...ฮือ...ไม่มีใครเล่นด้วย...ฮือ...ฮือ..ไม่มีใครเล่นด้วย"
แล้วบนพื้นนั้นก็ปรากฎหยดเลือด...หยดมาตามทางเรื่อยๆ...ตามด้วยเท้าขาวซีดของฮิโตชิที่เดินมาเรื่อยๆ
เสียงร้องไห้ยังดังต่อเนื่อง
"ฮือ...ฮือ...ไม่มีใครเล่นด้วย...ฮือ...ฮือ ...ไม่มีใครเล่นด้วย"
รินดารานอนหลับอยู่บนฟูกกลางห้อง หนังสือนิทานญี่ปุ่นเปิดกางคาบนอก เสียงร้องไห้ของฮิโตชิดังลอยเข้ามาจาก ทางหน้าต่าง
"ฮือ ...ไม่มีใครเล่นด้วย"
รินดารากระสับกระส่ายนอนไม่หลับ จึงลุกขึ้นจากฟูก
"เสียงเด็กร้องไห้"
รินดาราลุกมองออกไปข้างนอก ไล่สายตาไปเรื่อยๆ แล้วสายตาก็หยุดชะงักอยู่ที่ด้านหนึ่ง เห็นด้านหลังของเด็กผู้ชายใส่ยูกาตะสีน้ำเงิน ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ไกลๆ
เธอแปลกใจ แล้วตัดสินใจวิ่งออกไปจากห้อง ฮิโตชิหันขวับ รับรู้ได้ว่ารินดารากำลังจะมา
รินดาราวิ่งออกมาจากในคฤหาสน์ เข้าไปในสวน มองหาต้นไม้สูงใหญ่ที่เห็นเด็กนั่งอยู่เพราะไม่เคยเข้ามาในสวน จึงยังไม่ชำนาญทาง แล้วเจอต้นไม้ใหญ่ จึงวิ่งไปตรงนั้น แต่ไม่มีเด็กแล้ว
"อ้าว...หายไปไหนแล้ว"
ขาดคำเสียงร้องไห้กระซิกๆ ของเด็กชายดังแว่วขึ้นอีก รินดาราได้ยินเสียง
"เสียงมาจากไหน"
รินดารามองหาไปรอบๆแล้วจู่ๆ ก็มีหยดเลือดหยดจากที่สูงหยดลงแขนของรินดารา 2 หยด เธอแตะหยด เลือดนั้นถูไปมาบนนิ้วมืออย่างสงสัยแล้วตกใจเมื่อรู้ว่าคืออะไร
"เลือด"
รินดาราค่อยๆแหงนหน้าขึ้นไปบนต้นไม้ช้า..ช้า..ช้า และกำลังจะเห็นเท้าของเด็ก ห้อยต่องแต่งอยู่บนต้นไม้....แต่ !
"ฮิคาริ"
รินดาราหันขวับไปทางเสียงโฮชิ พบโฮชิโนโอจิยืนอยู่ รินดาราหันกลับไปแหงนหน้ามองต้นไม้ แต่ไม่เห็นอะไรผิดปกติ
"ท่านชาย...ชั้นเห็นเด็กผู้ชายยืนร้องไห้อยู่แถวนี้ค่ะ ชั้นก็เลยลงมาดู"
"ผมขอทายว่าก่อนนอนคุณอ่านนิทานญี่ปุ่นของคุณพ่อคุณใช่มั้ย"
"ใช่ค่ะ ชั้นต้องอ่านนิทานของพ่อก่อนนอนทุกคืน ... คุณชายกำลังจะบอกว่าชั้นอ่านนิทานก่อนนอนก็เลยละเมอคิดไปเองหรือคะ"
โฮชิไม่ตอบอะไรกลับเดินนำไปอีกทางของสวน รินดาราตาม
จบตอนที่ 2