ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ตอนที่ 5
โสมสุภางค์โทรศัพท์ถึงเลขาฯ ของปฐวี
“สวัสดีค่ะ”
“ปฐวีกลับจากเชียงใหม่หรือยัง”
“กลับมาแล้วค่ะ”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“กลับมาตั้งแต่เมื่อวานค่ะ”
โสมสุภางค์สะเทือนใจ รู้ว่าปฐวีไปหาชิดชบา
“เมื่อวานหรือ”
โสมสุภางค์เริ่มมีอาการเจ็บหน้าอกอย่างรุนแรง โทรศัพท์ตกลงกับพื้น สาวใช้ตกใจ รีบเข้าประคอง
“คุณโสมสุภางค์ คุณโสมสุภางค์เป็นอีกแล้ว คุณนายขา คุณนาย”
เถาว์เครือวิ่งหน้าตื่นลงมาจากชั้นบน
“โสมสุภางค์ ลูก โธ่ นี่มันอะไรกัน นี่แกจะมานั่งลนลานหน้าซีดอยู่ทำไม ไปเรียกรถพยาบาลเร็ว โสม โสมสุภางค์ ก็ไหนว่าดีแล้วยังไงล่ะลูก โสม โสม เร็ว เรียกรถพยาบาลเร็ว”
เถาว์เครือลนลาน ตื่นตกใจ
รถพยาบาลเปิดไซเรนวิ่งมาจอดหน้าตึก เจ้าหน้าที่และพยาบาลเข็นโสมสุภางค์ลงจากรถ โดยมีหน้ากากอ๊อกซิเย่นครอบที่ใบหน้า เถาว์เครือวิ่งตาม ร้องไห้
“โสมสุภางค์ๆ ถึงโรงพยาบาลแล้ว ไม่เป็นอะไรแล้วนะลูก อย่าเป็นอะไรนะลูกแม่”
ประตูห้องฉุกเฉินเปิดออก แล้วปิดลง เถาว์เครือทรุดลงนั่ง หยิบมือถือออกมาโทรหาปฐวี มีแต่เสียงตอบรับ ให้ฝากข้อความ เธอพยายามโทรอีกหลายครั้ง ก็มีแต่เสียงฝากข้อความ
“หรือว่า เขาอยู่กับนังชิดชบา”
เถาว์เครือโกรธแค้น
บุญถิ่นกำลังตั้งอาหาร เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น จำเรียงรับสาย
“ปฐวีอยู่ที่นั่นหรือเปล่า”
“เอ่อ คุณปฐวี”
บุญถิ่นรีบลุกจากโต๊ะอาหารมาฟัง
“บอกเขาด้วยว่าลูกสาวฉันเข้าโรงพยาบาล ให้เขามาที่นี่ด่วนย่ะ”
“คุณชิดชบาลงมาพอดี อุ๊ย”
“ใครโทร.มา”
“มีโทรศัพท์ถึงคุณปฐวีค่ะ คุณนายเถาว์เครือ บอกว่า คุณโสมสุภางค์เข้าโรงพยาบาลค่ะ”
ชิดชบาสลดลง
“คุณโสมสุภางค์เข้าโรงพยาบาลอีกแล้วหรือ”
เถาว์เครือนั่งเฝ้าโสมสุภาวค์ด้วยความห่วงใย ปฐวีเปิดประตูเข้ามา โสมสุภางค์ยังอยู่ในเครื่องช่วยหายใจ เถาว์เครือมึนตึง
“มาแล้วหรือ ฉันคิดว่าจะมาสักมะรืน มะเรื่องโน่น”
“ผมเพิ่งกลับจากเชียงใหม่ รู้เรื่องโสมสุภางค์ก็รีบมา โสมสุภางค์เป็นยังไงบ้างครับ”
“ก็อย่างที่คุณเห็น นี่ถ้าลูกโสมสุภางค์ยังทรงๆ ทรุดๆ อยู่อย่างนี้ จะลุกขึ้นมาแต่งงานไหวหรือ”
ปฐวีจับมือโสมสุภางค์ด้วยความห่วงใย
“ผมจะให้หมอตรวจโสมสุภางค์ให้ละเอียดอีกครั้งครับ”
“คงเป็นเพราะลูกของฉันต้องเก็บอะไรๆ ไว้ เพราะการกระทำของคุณ ไอ้ที่คุณไม่รู้สึกรู้สา ไม่ได้หมายความว่าลูกสาวฉันจะไม่รู้สึกด้วยนะ ฉันเลี้ยงลูกมาดี ลูกฉันถึงได้อดกลั้น ซื่อสัตย์ ไม่ใช่สักแต่ว่าเป็นผู้หญิงแต่รูปร่างหรือเพศ”
ปฐวีนิ่งอึ้ง
“ผม”
“วิธีที่จะทำให้โสมสุภางค์มีอายุยืน คุณต้องไม่มีชิดชบา”
“ผมจะแต่งงานกับโสมสุภางค์ครับคุณแม่ แต่ไม่ได้หมายความว่าผมต้องทำตามเงื่อนไขที่คุณแม่ต้องการ”
“คุณอยากเห็นลูกฉันตายใช่มั้ย”
“คุณแม่รู้ได้ยังไงว่าโสมสุภางค์จะตาย”
“แล้วคุณล่ะ รู้ได้ยังไงว่าลูกฉันจะไม่ตาย ถ้ายังขืนดันทุรังแต่งงานทั้งที่คุณยังมีนังชิดชบาอยู่ ผู้หญิงคนนี้เล่ห์เหลี่ยมพราวตัว เป็นลูกนักพนัน เป็นทั้งหนามทั้งเสนียด มันไม่คู่ควรจะมาเทียบกับโสมสุภางค์”
เถาว์เครือแค้น
บุญถิ่นเก็บโต๊ะอาหารที่ไม่มีใครกิน อยู่กับจำเรียง ชิดชบาเดินไปมากระวนกระวาย บุญถิ่นแอบมองค้อนด้วยความชิงชัง
ชิดชบาโทรศัพท์ไปที่โรงพยาบาล ถามอาการของโสมสุภางค์ด้วยความห่วงใย
“โรงพยาบาลหรือคะ เอ่อ ฉันโทรมาสอบถามเรื่องอาการของคุณโสมสุภางค์ค่ะ”
บุญถิ่นขมวดคิ้ว เงี่ยหูฟังด้วยความสนใจ
“พ้นขีดอันตรายแล้วหรือคะ ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
ชิดชบาปิดโทรศัพท์ ถอนหายใจโล่งอก
“คุณโสมสุภางค์พ้นขีดอันตรายแล้ว”
สมควรกำลังจัดอาหาร เพื่อกินกันในครัว บุญถิ่นและจำเรียงยกอาหารบนโต๊ะ ลงมายังห้องครัว โกรธแค้นแทนโสมสุภางค์
“ฮึ ทำทีเป็นห่วง โทร.ไปถามอาการของคุณโสมสุภางค์ที่โรงพยาบาล ที่แท้ก็อยากรู้ว่าคุณโสมสุภางค์ตายหรือยัง รู้อย่างนี้ฉันรายงานคุณนายเถาว์เครือเรื่องที่เจ้านายมานอนค้างที่นี่วันก่อนซะก็ดีหรอก แกไม่ควรห้ามฉัน”
บุญถิ่นต่อว่าสมควร
“นี่ ถ้าฉันไม่ห้ามไว้ก็เป็นเรื่องล่ะซี ทำไมต้องขยันทำความร้อนใจให้เจ้านายวะ มีหน้าที่ทำครัวก็ทำไป จะหาเรื่องร้อนใจทำไม”
“น้าบุญถิ่น ดูคุณชิดชบาคงไม่มีเจตนาจะถามเรื่องตายไม่ตายหรอก ท่าทางก็คงจะเป็นห่วง”
“ห่วงหรือ คนอย่างนางมารร้ายนั่นจะห่วงใคร เห็นมั้ย พอตะวันตกดินก็กางปีกออกไปเที่ยวสำราญแล้ว อาชีพนางบำเรอก็รู้ๆ ถ้าสปอนเซอร์ไม่มา ก็ต้องไปหาไอ้สปอนโง่ๆ เคี้ยวกรุบกรอบ”
“อะไรของเอ็งวะ ไอ้เคี้ยวกรุบๆ กรอบๆ น่ะ”
“จะ อะไร ก็ผู้ชายน่ะซี”
บุญถิ่นเยาะหยัน
ที่ร้านเหล้า ชิดชบานั่งหมุนแก้วไวน์อย่างเงียบๆ หมกมุ่นครุ่นคิด เศร้าหมองและรู้สึกโดดเดี่ยว เริ่มมีอาการมึนเมา ซึมลึก ชัยญาเดินเข้ามาพร้อมถกล
“คุณเมามากแล้วนะ นี่ตีหนึ่งแล้ว ที่นี่กำลังจะปิด ถ้าคุณยังเหงาอยู่ล่ะก็ ผมจะพาคุณไปต่อ”
“ใคร คุณนี่เอง รู้ได้ยังไงว่าฉันเมา”
“ผมเห็นคุณตั้งแต่หัวค่ำ คุณคงไม่มีทางไป ตอนนี้ปฐวีเขาคงไม่ว่าง เพราะต้องเตรียมตัวแต่งงาน ไปกับผมเถอะ”
ชัยญาหันไปพยักหน้า ถกลก้าวเข้ามา
“นี่ ปล่อยฉันนะ”
ธวัชพงษ์ลุกจากอีกโต๊ะหนึ่ง เดินเข้ามาขวางชัยญาด้วยสีหน้ายิ้มๆ
“ผมว่าน้าปล่อยคุณชิดชบาดีกว่าครับ ผมจะดูแลส่งคุณชิดชบากลับบ้านเอง”
“แก”
“อย่าควักปืนออกมาไล่ยิงผมนะ ที่นี่เป็นโรงแรมชั้นหนึ่งไม่ใช่โกดังร้าง ถ้าคุณจะยิงผมล่ะก็ มันคงไม่ง่ายนะ”
“ไอ้”
“หรือว่าคุณอยากจะเป็นข่าวหน้าหนึ่ง ไปครับคุณชิดชบา ขอโทษนะครับ คุณจำผมได้มั้ย เราเคยพบกันที่ปารีส”
“คุณ”
“ผมจะไปส่งคุณ”
ธวัชพงษ์ประคองชิดชบาออกไป ชัยญาและถกลมองด้วยความโกรธ
ธวัชพงษ์ขับรถเข้ามาจอดหน้าประตู กดแตร จำเรียงและสมควรวิ่งมาเปิด มองด้วยความแปลกใจ
เมื่อเห็นธวัชพงษ์ขับรถมาส่งชิดชบา ชิดชบายังคงนั่งก้มหน้านิ่งๆ
“ถึงบ้านแล้วครับ คุณเดินไหวมั้ย”
“ฉันนี่แย่จริงๆ ที่เป็นภาระของคุณ”
“คุณไม่ควรจะขับรถตอนที่คุณเมา เพราะคุณจะทำให้คนที่เขาใช้ถนนคนอื่นเดือดร้อน กฎหมายเมาแล้วขับแรงนะ ทางที่ดีคุณควรจะ เอ่อ ไม่เมาดีกว่า”
“ฉันจำคุณได้ คุณเป็นนักข่าวที่ตามคุณหมอแพรวาไปปารีส”
“ขึ้นตึกเถอะครับ จำเรียง”
“คะ”
“พาคุณชิดชบาขึ้นไปนอนเถอะ”
“ค่ะ ไปค่ะ คุณชิดชบา”
จำเรียงประคองชิดชบาขึ้นตึกไป สมควรและธวัชพงษ์มองด้วยความห่วงใย สมควรหันมาปั้นหน้าเหี้ยมใส่ธวัชพงษ์ แต่ชะงักเมื่อธวัชพงษ์ส่งกุญแจรถให้
“เอ้า นี่ครับ กุญแจรถครับลุงสมควร”
ธวัชพงษ์เดินออกไป สมควรมองด้วยความแปลกใจ
“คุณ คุณนักข่าว เดี๋ยวก่อน แล้วคุณจะกลับยังไง”
ธวัชพงษ์เดินออกไปโดยไม่เหลียวกลับมา สมควรยิ้ม เริ่มมีทัศนคติที่ดีต่อธวัชพงษ์
แพรวาเปิดประตูห้องพักฟื้นเข้ามาด้วยความห่วงใย โสมสุภางค์ยังคงหลับสนิท
“โสมสุภางค์”
ปฐวีลุกขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น โสมสุภางค์ถึงได้กลับมาที่นี่อีก”
“ผมก็ไม่ทราบ”
“คุณตอบว่าคุณไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ ต้องเป็นคุณแน่ สาเหตุที่ทำให้โสมสุภางค์ทรุดลงต้องเป็นคุณ”
“ผมมีเรื่องราวร้อยแปดในชีวิต ผู้หญิงที่จะแต่งงานกับผม ต้องรับในสิ่งที่ผมเป็น”
ปฐวีเดินเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าแพรวา จ้องด้วยความโกรธ
“อย่าพยายามโยงเรื่องทุกเรื่องมาที่ผม เพื่อให้ผมเป็นคนไข้ของคุณ ผม ไม่ใช่”
ปฐวีเดินออกไป แพรวามองโสมสุภางค์ด้วยความสงสาร
ชิดชบาอยู่ในห้องน้ำ ใช้น้ำจากฝักบัวราดรดลงบนศีรษะเพื่อขับไล่อาการเมาให้สร่าง ก่อนโผเผออกมายืนอยู่หน้ากระจกเนื้อตัวชุ่มโชก เสยเส้นผมขึ้น มองเงาตัวเองในกระจก จ้องนิ่งนาน
“นี่ฉันกำลังจะกลายเป็นนางเมรีขี้เมาหรือ”
ตอนเช้า ปฐวีนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ เฉวียงเดินเข้ามาพร้อมจำเรียง
“อ้อ คุณเฉวียง”
“ผมไม่คิดว่าคุณอยู่”
“ผมอยู่หรือไปมันไม่ใช่เรื่องแปลกไม่ใช่หรือ เพราะถึงยังไงบ้านนี้มันก็ไม่ใช่บ้านผม ชิดชบาไม่อยู่ ออกไปตั้งแต่เช้า อาจจะไปบ้านคุณป้าก็ได้ คุณเฉวียงมีอะไรกับชิดชบา”
“ผมแวะมาเรียนให้คุณชิดชบาทราบเรื่องที่สวน ผมบอกนายหน้าเขาไปแล้วว่าไม่ขาย”
“ชิดชบาคิดถูกแล้วที่ไม่ขายที่สวน มันอาจจะเป็นที่ผืนสุดท้ายที่เป็นเรือนตาย ที่ผมพูดนี่ ไม่ได้ดูถูกว่าลูกสาวนายจ้างของคุณเฉวียงจะรักษาสัญญาสันติภาพของเราไม่ได้ตลอดปีนะ แต่เหตุอุบัติน่ะมันเกิดขึ้นได้ แล้วแต่ใครจะผิดสัญญา”
“ผมคิดว่าตอนนี้นายจ้างผมเป็นผู้ใหญ่พอจะรู้ว่าเลือกทางไหนเดิน เดินแล้ว ก็ต้องเดินหน้า”
“ว่าได้หรือ คุณชายอรุณณรงค์ยังวนเวียนมาเติมความหวังให้อยู่ ก็ไม่แน่นะ ผมอาจจะได้ทั้งบ้านและตัวนายจ้างของคุณเฉวียงฟรีๆ ก็ได้”
“คุณ”
แพรวาเดินเหงาๆ ภายในสวนสาธารณะ ธวัชพงษ์ยืนรออยู่ แพรวาแปลกใจ ก่อนทำหน้าเบื่อๆ
“ไม่สำเร็จใช่มั้ยครับ คุณปฐวีเขาไม่ยอมเป็นคนไข้ของคุณ”
“ใช่ เขาไม่เชื่อว่าเขาต้องการการบำบัด ฉันควรทำยังไงดีนะ ฉันสงสารโสมสุภางค์”
“ผมก็สงสารคุณชิดชบา”
“เอาเป็นว่าผู้หญิงสองคน น่าสงสารเท่าๆ กัน แล้วคนอื่นอย่างเราจะทำอะไรได้ เราต้องนิ่งดูดายอย่างนั้นหรือ”
“งานของผมก็แค่ต่อต้านการพนัน ถ้าคุณปฐวีเขายังเดินหน้าเรื่องสร้างบ่อนพนันกลางเมือง ผมก็ไม่หยุดแค่นี้ ทุกวันนี้เราเห็นคนฆ่าตัวตาย คนไปปล้น ไปจี้ เพราะต้องการเงินไปล้างหนี้พนัน แล้วคนพวกนี้ก็มีมากขึ้นทุกวัน”
“ธวัชพงษ์ คุณแน่ใจหรือว่า”
“ผมต้องเข้าไปสืบให้ถึงตัวเขา ถึงจะต้องผ่านใครต่อใครแม้แต่คุณชิดชบา ผมก็จะทำ”
แพรวาอ่อนไหว ล้า เหนื่อยใจ
“แต่ฉันไม่อยากเชื่อว่า”
“อย่าเอาความคิดเชิงบวกของคุณตัดสินเขาเลย เขาคือคนที่เราไม่รู้จัก เราต้องสืบหาภูมิหลังของเขา ว่าทำไมเขาถึงได้เป็นคนเลือดเย็น”
“เลือดเย็นหรือ”
“ครับ เขาเลือดเย็น”
“ก็อาจจะใช่ เพราะภูมิหลังมีผลกับพฤติกรรมของคน เขาจะแต่งงานทั้งที่ยังมีผู้หญิงอีกคน มีผู้ชายกี่คนทำได้อย่างเขา ฉัน”
“แล้วทำไมคุณไม่เข้าให้ถึงตัวเขา ถ้าคุณต้องการรู้ความจริงว่า เขามีความเป็นมายังไง”
ปฐวีนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ภายในร้านกาแฟ แพรวาเดินเข้ามาหยุดยืน ยิ้มอย่างอ่อนโยน
“ที่ตรงนี้ว่างใช่มั้ยคะ”
ปฐวีค่อยๆ ลดหนังสือพิมพ์ลง มองแพรวาด้วยความแปลกใจ
โสมสุภางค์นอนอยู่ในห้องพักฟื้น พยายามลุกขึ้นนั่ง เถาว์เครือรีบเข้าประคอง
“โสมสุภางค์ หนูยังไม่ดีขึ้นเลยนะลูก จะลุกขึ้นมาทำไม”
โสมสุภางค์ร้อนรน
“หนูต้องลุกขึ้นมาจัดงานแต่งงานค่ะ ทำไมหนูต้องทำตัวเป็นคนป่วยให้นังชิดชบามันหัวเราะเยาะลับหลัง”
“แต่ลูก”
“หนูจะแต่งงานให้ได้ค่ะ คุณแม่”
เถาว์เครือหวั่นวิตกมาก
“แต่ว่า”
“เลิกคิดจะเอาหนูใส่ตะกร้าล้างน้ำ แล้วยัดเยียดให้ใครต่อใครเสียทีเถอะค่ะคุณแม่ หนูรักปฐวี เขาจะต้องเป็นของหนูคนเดียว”
“แล้วเขาล่ะ เขาคิดว่าลูกเป็นผู้หญิงคนเดียวของเขาหรือเปล่า ถ้าเขาคิด เขาคงฮุบบ้านหลังนั้นมาเป็นเรือนหอ ไม่ใช่ผูกปมจนนุงนังอย่างนี้”
“คุณแม่”
“รู้มั้ย ว่าผู้หญิงที่ต้องลุกขึ้นมาแย่งผู้ชายกันน่ะ มันน่าสังเวชแค่ไหน ความรักหรือ มันคุ้มมั้ย กับผู้ชายอย่างปฐวี”
เถาว์เครือเน้นคำพูดอย่างสะเทือนใจ
ปฐวีคนกาแฟ เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทีสง่างาม ยิ้มผ่านประกายตาอย่างมีความสุข ขณะคุยกับแพรวา
“ผมจะแต่งงาน แล้วใช้ชีวิตครอบครัว คงแปลกนะ ถ้าคุณจะบอกผมว่าคุณไม่เห็นด้วย โสมสุภางค์เป็นเพื่อนของคุณ คุณน่าจะยินดีนะ ที่เห็นเพื่อนมีความสุข”
“เพราะฉันไม่แน่ใจว่าแต่งงานไปแล้ว เพื่อนของฉันจะมีความสุข โสมสุภางค์ยังเป็นคนป่วย คุณเองก็ใช่ ทำไมไม่เลื่อนการแต่งงานออกไปก่อน”
“นี่เป็นความต้องการของโสมสุภางค์ แล้วผมก็มีหน้าที่สนองตอบในฐานะที่ผมเป็นสุภาพบุรุษ”
“คุณปฐวี นี่จะไม่มีใครเปลี่ยนใจคุณได้เลยหรือคะ คุณก็รู้ว่าคุณกับโสมสุภางค์ แล้วก็ เอ่อ ชิดชบา ต่างก็มีปัญหา”
“มีชีวิตใครบ้างล่ะคุณ ที่ไม่มีปัญหา แม้แต่คุณเอง”
ปฐวีมองลึกเข้าไปในจิตใจของแพรวา
โสมสุภางค์เดินนำหน้าเถาว์เครือ ผ่านชุดวิวาห์ที่จัดแต่งอยู่ภายในห้องเสื้อ แล้วหันไปบอกกับพนักงาน
“ฉันต้องการให้คุณออกแบบงานแต่งงานที่ดีที่สุด งดงามที่สุด แล้วก็เร็วที่สุดให้ฉัน ส่งรายละเอียดมาให้ฉันดูก่อนเผื่อเราต้องการอะไรเพิ่ม”
“เอ่อ โสมสุภางค์ ทำไมต้องเร็วที่สุดด้วย หนูจะพร้อมหรือ”
“หนูพร้อมมานานแล้วค่ะ คุณแม่จะต้องเชิญแขกทั้งกรุงเทพฯ คนในแวดวงสังคมชั้นสูง คนที่นินทาหนูว่าหนูจะเป็นเจ้าสาวค้างปี”
เถาว์เครือเยาะๆ
“แต่งงานปุบปับ แล้วเรือนหอล่ะ จะใช้เรือนหอที่ไหน อพาร์ทเมนท์กลางเมืองของปฐวีน่ะ ไม่สมเกียรติของลูกหรอกนะ ที่นั่นลูกก็รู้ว่า”
โสมสุภางค์ยิ้มเยือกเย็น
“หนูจะใช้บ้านที่ปฐวีเขายึดจากคุณชิดชงค์เป็นเรือนหอค่ะ”
เถาว์เครือตกใจ
“โสมสุภางค์ แต่บ้านหลังนั้นน่ะ นางบำเรอของเขาอยู่นะ”
“ก็เพราะชิดชบาอยู่ที่นั่น ยังทำตัวเป็นเจ้าของบ้านน่ะซีคะ หนูต้องไปอยู่ที่นั่นด้วย หนูจะต้องเอาชนะชิดชบา แล้วบีบให้มันกระเด็นไปอยู่ข้างถนน นางบำเรอไม่มีสิทธิ์มาเสนอหน้าเทียบคนเป็นเมีย หนูจะเป็นดอกไม้ ให้มันกลายเป็นขยะ ให้คนรุมประณามมัน จนมันอยู่ในสังคมไม่ได้”
“โสมสุภางค์ แต่ลูกเป็นคนป่วยนะ”
“บางทีการเป็นคนป่วย ก็ใช้เป็นอาวุธได้ ระหว่างนางบำเรอที่แสนจะเปรี้ยวแซ่บ กับเมียที่ป่วยเป็นโรคหัวใจ คุณแม่คิดดูซีคะ”
“ลูก”
“ว่าสังคมจะสงสารใคร”
“โสมสุภางค์”
“อย่างมากคนเขาจะสังเวชที่หนูเป็นควาย แต่สังคมจะก่นด่าว่าชิดชบาแย่งผัวชาวบ้าน”
โสมสุภางค์ชิงชัง
ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ตอนที่ 5 (ต่อ)
ชิดชบาเดินลงมาจากบันไดวน เสียงกริ่งโทรศัพท์ดังขึ้น เธอรับสาย
“ขอเรียนสายคุณปฐวีฮ่ะ”
“เขายังไม่”
ชิดชบาเหลือบตาขึ้นมองบันไดวน
“คุณมีอะไร จะสั่งไว้ก็ได้นะ ฉันจะบอกเขาเอง”
“เรื่องงานแต่งงานที่คุณโสมสุภางค์สั่งน่ะฮ่ะ ช่วนกรุณาเรียนคุณปฐวีด้วยว่า ได้ฤกษ์ต้นเดือนหน้า ทางบริษัทเราได้รับเกียติให้เป็นผู้แพลนงานทั้งหมดฮ่ะ”
ชิดชบาสลดลง
“แต่งงานหรือ”
“ฮ่ะ คุณปฐวีมีเวลาเตรียมตัวประมาณยี่สิบเจ็ดวันนะฮะ ขอบคุณฮ่ะ”
มือที่กำโทรศัพท์ของชิดชบาสั่นสะท้าน ปฐวีเดินลงมาจากชั้นบน เตรียมตัวไปทำงาน ชิดชบาปรับสีหน้าให้เข้มแข็ง เย็นชาก่อนหันกลับมา
“คนของคุณโสมสุภางค์โทรมาบอกเรื่องฤกษ์แต่งงานของคุณ ต้นเดือนหน้าค่ะ เขาสั่งให้คุณเตรียมตัวเป็นเจ้าบ่าวที่ดี”
“แต่งงานหรือ ก็โสมสุภางค์เพิ่งจะออกจากโรงพยาบาล เร็วอย่างนั้นเชียวหรือ”
ปฐวีแปลกใจ
ปฐวีและหมอ เดินสนทนากันมา ปฐวีกังวลไม่น้อย
“ถึงสภาพร่างกายของคุณโสมสุภางค์ยังไม่พร้อม แต่ถ้ารู้จักดูแลตัวเอง เรื่องแต่งงานนี่ก็ไม่ใช่ข้อห้าม แต่ที่ผมไม่แนะนำก็เพราะผมต้องการให้เวลาสำหรับคนไข้ของผม”
“มีข้อควรระวังอะไรบ้างครับ”
“ต้องระวังอย่าให้เกิดอาการช็อค”
“ครับ”
“อาการตื่นเต้น ตื่นตกใจ เสียใจ สะเทือนใจ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ช็อคได้ คุณต้องระวัง”
“ครับ”
แพรวายืนเซ็นชื่ออยู่ที่เคาน์เตอร์แผนกเวชระเบียน มองปฐวีด้วยความกังวล
สมควรวิ่งมาเปิดประตูรั้ว เมื่อรถของเถาว์เครือแล่นผ่านประตูเข้ามาจอดหน้าคฤหาสน์ บุญถิ่นรีบเข้ามายกมือไหว้อย่างนอบน้อม ประจบเถาว์เครือและโสมสุภางค์
“สวัสดีค่ะคุณนาย คุณโสมสุภางค์ เห็นว่าคุณ”
โสมสุภางค์กวาดสายตมองไปรอบๆ คฤหาสน์
“มีใครอยู่มั้ย”
จำเรียงขยับจะตอบ แต่บุญถิ่นชิงตอบแทน
“คุณปฐวีออกไปตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ แม่นั่นไม่อยู่ กางปีกบินออกจากกรงตามหลังไปค่ะ เอ่อ คุณปฐวีไปๆ มาๆ เอาแน่ไม่ค่อยได้หรอกค่ะ แต่ส่วนใหญ่มักจะมาเวลากลางคืนค่ะ สัก สักสี่ห้าทุ่ม บางทีก็ตีหนึ่ง บางทีก็”
โสมสุภางค์สะเทือนใจ สมควรพยายามส่งสายตาปรามบุญถิ่น เถาว์เครือตัดบท เพราะไม่ต้องการให้โสมสุภางค์เจ็บปวด
“เอาล่ะ ใครจะอยู่จะไปฉันไม่สนใจหรอก ไปลูก ขึ้นไปสำรวจข้างบนว่าจะจัดการตกแต่งใหม่ยังไง”
“ค่ะ”
เถาว์เครือและโสมสุภางค์เดินขึ้นตึก บุญถิ่นตื่นเต้น
“แกได้ยินมั้ย เห็นมั้ย คุณนายพาคุณโสมสุภางค์ขึ้นไปสำรวจข้างบน จะตกแต่งใหม่ นี่แสดงว่าคุณนายจะ”
“นี่ ไม่ต้องออกอาการประจบสอพลอเสียจนเกินงามหรอกนังบุญถิ่น นี่มันบ้านของคุณชิดชบา เอ่อ ถึงจะถูกยึดไปแล้วแต่คุณชิดชบายังอยู่”
“ใช่ อย่าให้เป็นอย่างที่น่าคิดเลย” จำเรียงกังวล
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ คุณโสมสุภางค์กำลังจะแต่งงานกับเจ้านาย มีสิทธิ์ในฐานะภรรยา นางบำเรอ หมดวาระ ย่ะ”
บุญถิ่นพูดอย่างเหยียดหยาม
อรุณณรงค์เดินลงมาจากชั้นบนของวัง หม่อมจรัสเรืองเพิ่งกลับจากประชุมสมาคม เดินเข้ามา
“อ้าว ชายเอี่ยว กลับมานานแล้วหรือ”
“ครับ เหนื่อยๆ เลยกลับมาพักครับ”
“ทำไมไม่ชวนคุณหญิงอุราศรีมากินข้าวที่นี่ล่ะ เออ คุณปฐวีกับหนูโสมสุภางค์จะแต่งงานกันแล้วนะ”
อรุณณรงค์นิ่งอึ้ง ร้อนใจ หม่อมจรัสเรืองจับสังเกตสีหน้า
“ก็ไม่ใช่ข่าวใหม่อะไรนี่ครับ”
“ก็ไม่ใช่ข่าวใหม่ แต่หนูโสมสุภางค์ยังเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลอยู่เลย ใครๆ ก็เลยแปลกใจ”
“คงจะหายป่วยทันกระมังครับ ผมว่าคุณโสมสุภางค์คงจะไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ ผมก็เห็นคนเป็นโรคหัวใจแต่งงานมีความสุขออกเยอะไป”
“แม่ชิดชบานี่แกร่งนะ ทั้งแกร่งทั้งกร้านจนทำให้คนใกล้ตัว มีเหตุต้องเดือดร้อนไม่จบสิ้น ดูเถอะ พอเข้ามาเกี่ยวข้องกับปฐวี หนูโสมสุภางค์ก็มีอันต้องเป็นไป”
“เอ่อ”
“แม่เชื่อในกรรมนะ แม่ว่าบาปที่ชิดชบาทำ คงตามทันเร็วๆ นี้แหละ คนที่แย่งสามีคนอื่นน่ะ จะถูกแย่งความสุขไปหมด เชื่อแม่ซี ชายเอี่ยว”
อรุณณรงค์ถอนหายใจด้วยความกังวล ห่วงใยชิดชบา
โสมสุภางค์เข้ามาในห้องโถงกว้างใหญ่พร้อมกับเถาว์เครือ มองไปยังเพดานสูงด้วยความพอใจ บุญถิ่น สมควร จำเรียงตามเข้ามายืนเรียงรายกันที่ประตู
“บ้านหลังนี้มีมูลค่าเป็นร้อยๆ ล้าน ที่ดินสิบห้าไร่กลางเมืองหาได้ที่ไหน”
เถาว์เครือเริ่มยุ
“ถ้าหนูตัดสินใจจะแต่งงานกับปฐวีจริงๆ ก็ต้องยึดบ้านหลังนี้ให้ได้ ปฐวีจะมาเล่นหม้อข้าวหม้อแกงเอาบ้านเป็นเดิมพันไม่ได้”
“เอ่อ”
“ไหนๆ แม่ก็ขัดเรื่องแต่งงานของหนูไม่ได้แล้ว แม่ก็จะเป็นแรงส่งให้หนูเอง”
“คุณแม่คะ”
โสมสุภางค์มองไปยังบรรดาคนรับใช้ที่กำลังเงี่ยหูฟังด้วยความสนใจ แต่เถาว์เครือเชิดหน้า
“ไม่ต้องห่วงคนพวกนี้ เราซื้อได้ด้วยเงิน หนูอาจจะคิดถูกที่จะใช้บ้านหลังนี้เป็นเรือนหอ แต่แม่มีความคิดที่ดีกว่านั้น”
“ยังไงคะคุณนายขา” บุญถิ่นรีบถาม
“ฉันกับลูกจะย้ายเข้ามาอยู่บ้านหลังนี้ก่อนพิธีแต่งงาน”
เถาว์เครือยิ้มพอใจ
ตลับนาคยกจานผลไม้ออกมาจากครัว ชะงักเมื่อเห็นชิดชบารับโทรศัพท์ด้วยสีหน้าไม่ดีนัก
“เอาเถอะ จำเรียง ขอบใจนะที่โทร.มาบอก ฉันอยู่บ้านคุณป้า คงกลับไปทำอะไรไม่ได้หรอก แค่นี้นะ”
ชิดชบาปิดโทรศัพท์ด้วยความกังวล
“ใครเป็นอะไร คุณปฐวีเขาโทร.มาตามหรือ”
“เปล่าค่ะ”
“แล้วใครโทร.มาเรื่องอะไร ท่าทางหนูไม่สบายใจเลยนะ ชิดชบา”
“จำเรียงโทร.มาบอกว่าคุณนายเถาว์เครือกับคุณโสมสุภางค์ไปที่บ้านค่ะ”
“เอ๊ะ ไปทำไม จะไประรานหนูใช่มั้ย”
“เปล่าค่ะ แต่คุณนายเถาว์เครือกับคุณโสมสุภางค์ไปสำรวจบ้านที่จะใช้ทำเรือนหอค่ะ”
“อะไรนะ จะเอาบ้านหลังนั้นเป็นเรือนหอหรือ มันจะมากไปมั้ย”
ตลับนาคโกรธ
โสมสุภางค์มาหาปฐวีที่บริษัท ปฐวีเคร่งขรึม แต่โสมสุภางค์กลับมีความสุข
“ไม่เกินไปหรอกค่ะวีขา ฉันเชื่อว่าคุณจะชนะในเกมหม้อข้าวหม้อแกงนี่ บ้านต้องเป็นของเรา เพราะฉะนั้นทำเป็นเรือนหอ เราจะได้ไม่ต้องเสียเวลาปลูกเรือนหอใหม่”
“คุณเลือกบ้านที่ไหนก็ได้ ผมพร้อมจ่ายไม่อั้น ทำไมต้องเป็นบ้านหลังนี้ คุณก็รู้ว่า”
“ฉันบอกแล้วไง ว่าฉันมั่นใจในชัยชนะของคุณ ชิดชบาต้องไปหลังจบสัญญาทาส ฉันจะพิสูจน์ให้คุณเห็นว่า ฉันเป็นภรรยาที่ร่วมทุกข์ร่วมสุข อยู่เคียงบ่าเคียงไหล่คุณ ไม่ว่าคุณจะเป็นยังไง ฉันเคยบอกคุณแล้วใช่มั้ย”
โสมสุภางค์อิงศรีษะชิดศรีษะของปฐวี โอบกอด
“ถึงคุณจะยากจนลง คุณจะแขนขาดขาขาด ฉันก็รักคุณค่ะ”
ยุวดีเปิดประตูเข้ามาเพื่อนำกาแฟมาให้ปฐวี โสมสุภางค์ขยับลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้ามึนตึง ยุวดีรีบวางถ้วยกาแฟก่อนรีบออกไป
“ยุวดียังทำงานกับคุณหรือ”
“ใช่ ช่วยงานเลขาฯ ผม”
“ไล่แม่นี่ออก ฉันไม่ชอบหน้ายุวดี”
โสมสุภางค์โกรธ เพราะเคยเห็นรูปในเฟสบุ้คของยุวดี และเข้าใจว่ายุวดีมีความสัมพันธ์กับปฐวี
ธวัชพงษ์ซื้อส้มตำมาฝากจำเรียง เพื่อตีสนิท สืบความภายในบ้านของปฐวี
“จำเรียงครับ”
“อุ๊ย มาอีกแล้ว มีของฝากจากร้านแซ่บๆๆ มาด้วย มาแต่เช้าเลยนะคะ สงสัยว่าจะ”
“ลุงสมควรอยู่มั้ยครับ”
“ไม่อยู่หรอกค่ะ ไม่มีใครอยู่เลย คุณเข้ามาซีคะ ไปนั่งคุยกันหลังตึกก็ได้ค่ะ ตรงนั้นมีเรือนครัวกับห้องคนใช้ค่ะ”
“คุณปฐวีไม่อยู่ รู้มั้ยว่าเขาไปไหน”
“คุณปฐวีไม่ได้มาที่นี่หลายวันแล้วล่ะค่ะ เจ้านายไปมาไม่ทิ้งร่องรอยหรอกค่ะ ส่วนคุณชิดชบา วันนี้เก็บตัวเงียบอยู่ในห้องปั้นดินค่ะ คุณชิดชบาน่ะ ถ้าไม่อยู่บ้านก็ไปบ้านคุณป้าที่เมืองนนท์ แต่ถ้าออกจากบ้านตอนกลางคืน ก็หมายความว่า”
จำเรียงทำท่ากระดกแก้วไวน์
“เอ๊ะ คุณธวัชพงษ์จะมาหาลุงสมควร หรือว่ามาหาเจ้านาย”
“ผมมาหาจำเรียงน่ะครับ ผ่านร้านส้มตำก็เลยนึกถึงจำเรียง”
“เก้อเขินและเอียงอายมากเลยค่ะ”
“จำเรียง”
“คะ”
“มีคนหน้าตาแปลกๆ ไปมาหาสู่คุณปฐวีที่บ้านหลังนี้มั้ย”
“ไอ้ที่แปลกๆ ไม่มีหรอกค่ะ มีไอ้ที่ไม่แปลก คุณนายเถาว์เครือกับคุณโสมสุภางค์ไงคะ คุณนายกับลูกสาวมาสำรวจบ้าน จะใช้บ้านหลังนี้เป็นเรือนหอค่ะ”
ธวัพงษ์แปลกใจ
“เป็นเรือนหอหรือ”
โสมสุภางค์รินน้ำชาให้แพรวา ยิ้มอย่างมีความสุข ขณะที่แพรวาเคร่งเครียด
“ใช่ ฉันจะใช้บ้านหลังนั้นเป็นเรือนหอ เวลาเตรียมงานแต่งงานเดือนเดียว ปลูกเรือนหอไม่ทันหรอก”
“ทำไมต้องเป็นบ้านหลังนั้น ก็รู้ๆ อยู่ว่า”
“ต้องเป็นบ้านหลังนี้ เพราะมูลค่ามันสูง เมื่อก่อนฉันอาจะไม่คิดเรื่องเงิน แต่ตอนนี้ฉันเริ่มคิดแล้ว ฉันจะเป็นภรรยาของปฐวีฉันต้องรักษาผลประโยชน์ของเขาด้วย”
“โสมสุภางค์ บ้านหลังนั้นน่ะ มันอยู่ในสัญญาที่เขากำลังช่วงชิงกันนะ”
“ชิดชบาต้องแพ้ นางต้องไปตัวเปล่า ฉันกับคุณแม่จะเร่งให้มันไปเร็วกว่าที่กำหนดสองปี”
“เธอไม่เข้าใจ ฉันเป็นห่วงเธอ ในฐานะที่ฉันเป็นหมอ”
“แล้วก็เป็นเพื่อนฉันด้วย ฉันจะเลิกทำตัวเป็นคนป่วย เป็นผู้หญิงอ่อนแอขี้แพ้ ฉันจะลุกขึ้นมาเอาชนะนังชิดชบาให้ได้ ฉันต้องชนะ”
โสมสุภางค์ชิงชังชิดชบามาก
ปฐวีเดินมาที่ขอบสระว่ายน้ำ ชิดชบาว่ายน้ำเข้ามาเกาะขอบสระปาดน้ำออกจากใบหน้า ปฐวีชูปึกบิลค่าไวน์
“ผมเห็นบิลค่าเหล้าของคุณแล้ว ผมแปลกใจนะที่คุณไม่มีรายจ่ายอย่างอื่น เครื่องสำอาง รองเท้า เสื้อผ้า กระเป๋าแบรนด์เนม หรืออะไรที่ผู้หญิงส่วนใหญ่เขาช้อปกัน มีแต่บิลค่าเหล้า เดือนละหลายหมื่น”
ชิดชบาทำหน้าเชิด ท้าทาย
“ไม่น่าเชื่อว่าเศรษฐีอย่างคุณ ร้องว่าขนหน้าแข้งร่วงกับค่าเหล้าของนางบำเรอ”
“ผมไม่แยแสกับเงินแค่นี้หรอก แต่เตือนด้วยความหวังดี ผมกลัวว่าคุณจะกลายเป็นผู้หญิงติดเหล้า”
ชิดชบาโหนตัวขึ้นมา เดินไปหยิบผ้าคลุมไหล่ ปฐวีมองตาม
“อีกอย่างที่ผมต้องเตือนคุณ ที่นี่ไม่ใช่ชายหาดฝรั่งเศส คุณจะแต่งตัวจนเกือบเปลือยว่ายน้ำไม่ได้ ที่นี่เมืองไทย ถึงจะอยู่ในบ้านที่มีรั้วรอบขอบชิด มันไม่ใช่สิ่งที่ผู้หญิงไทยควรทำ”
ชิดชบาทำท่าจะเถียง แต่ปฐวีชี้หน้า
“อย่าเถียงผม ว่าใครเห็นก็เอาไปไม่ได้ ผมจ่ายเงินไม่น้อยนะ เพราะฉะนั้น ผมไม่ต้องการให้สายตาใครมาแทะสินค้าผม ถึงแม้ว่า มันจะไม่สึก”
“ไปให้พ้นนะ”
“จะให้ผมไปไหน”
“ไปออกแบบงานแต่งงานกับผู้หญิงที่คุณกำลังจะแต่งงานด้วย”
“อย่ายุ่งกับโสมสุภางค์ ผมรู้ ว่าผมต้องทำอะไร ผมไม่เอาชีวิตไปโยงไว้กับคำว่าหน้าที่ เหมือนคุณ”
“ก็คุณมันนักพนัน”
เสียงแตรรถดังขึ้นที่ประตูรั้ว ปฐวีและชิดชบามองออกไป ปฐวีหันมามองชิดชบาเยาะหยัน
“คุณชายอรุณณรงค์ มาแต่เช้านะ”
อรุณณรงค์ลงจากรถ ชิดชบาใส่ชุดว่ายน้ำมีเสื้อคลุม ออกมาต้อนรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ว่ายน้ำแต่เช้าเลยนะครับ”
“กำลังจะขึ้นอยู่พอดีค่ะ เชิญคุณชายเอี่ยวที่ริมสระดีกว่าค่ะ พักนี้ไม่พบคุณหญิงอุราศรีเลยนะคะ เอ่อ ฉันขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ทานอาหารเช้าด้วยกันนะคะ เดี๋ยวฉันให้จำเรียงจัดมาให้ เชิญค่ะ”
ชิดชบาวิ่งขึ้นตึกไปด้วยท่าทีรื่นเริง ปฐวีเดินเข้ามาหาอรุณณรงค์ เก็บสีหน้าอาการหวงหึงไว้
“สวัสดีครับคุณชาย มาแต่เช้า เชิญครับ เป็นเกียรติอย่างสูงที่แวะมาทานอาหารเช้ากับเรา”
“คุณปฐวี ผมไม่คิดว่า”
“ผมอยู่ครับ แปลกใจทำไมครับ มาแล้วไม่พบผมซี แปลก”
“ผมเกือบลืมไปแน่ะครับว่าคุณปฐวีเป็นเจ้าของบ้าน มีข่าวคุณกำลังจะแต่งงานไม่ใช่หรือครับ”
“ครับ ผมกับโสมสุภางค์ควรจะแต่งงานกัน เราดูใจกันมานาน ตอนนี้เรารู้จักจนเกินพอแล้วละครับ”
“แล้วชิดชบาล่ะ คุณจะทำยังไง”
“ไม่เห็นต้องทำอะไร ชิดชบาก็อยู่ในฐานะเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง หรือคุณหวังว่าฐานะของชิดชบาจะดีขึ้นหรือเลวลง หลังผมแต่งงาน”
อรุณณรงค์สลดลง
“ถ้าผมสงสารชิดชบา ผมจะผิดมั้ย”
“ถ้าคุณจะผิดก็ผิดตรงที่ คุณทำใจไม่ได้อย่างชิดชบา”
ปฐวีมองอรุณณรงค์เหมือนมองลูกไก่หัดเดิน
เถาว์เครือถอนหายใจด้วยความห่วงใยโสมสุภางค์ ขณะคุยกับแพรวา
“ไหนๆ ฉันก็หมดหวังที่จะได้คุณชายอรุณณรงค์เป็นเขยแล้ว ฉันต้องยอมให้โสมสุภางค์แต่งงาน ฉันยอมแพ้ เชื่อแล้วว่าความรักมีจริง มันทำให้ลูกสาวฉันหูหนวกตาบอดไปหมด จะให้ฉันทำยังไงล่ะ”
“เรื่องแต่งงาน คุณแม่จำนนเสียเถอะค่ะ ยังไงโสมสุภางค์ก็ต้องแต่งงานกับคุณปฐวี แต่เรื่องที่จะไปอยู่ในบ้านหลังนั้น หนูไม่เห็นด้วยเลยนะคะ”
“ฉันก็ทำอะไรไม่ได้หรอก ไม่รู้โสมสุภางค์เกิดฮึดอะไรขึ้นมา ถึงได้ลุกขึ้นสู้กับนางบำเรอนั่น ความคิดที่จะใช้บ้านหลังนั้นเป็นเรือนหอ มันก็ไม่เลวซะทีเดียวหรอก”
“คุณแม่คะ”
“ถ้าทำให้นังชิดชบากระเด็นออกไปก่อนสองปี ลูกฉันจะได้ประโยชน์จากมูลค่าของบ้าน ในฐานะภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของปฐวี”
“หนูเป็นห่วงโสมสุภางค์ค่ะ”
“ไม่ต้องห่วงโสมสุภางค์หรอก มีฉันทั้งคน ฉันช่วยลูกเต็มที่อยู่แล้ว”
“ฟังดูเหมือนมันกำลังจะเป็นสงครามนะคะ”
“ใช่ ฉันจะทำให้มันเป็นสงคราม โสมสุภางค์จะต้องได้ประโยชน์ แล้วก็เป็นฝ่ายถูกต้อง ลูกฉันต้องได้ทั้งเงินทั้งกล่อง”
เถาว์เครือยิ้มเยาะ
ชิดชบาเดินออกมาส่งอรุณณรงค์ที่รถ หลังรับประทาอาหารเช้าแล้ว ปฐวียืนอยู่ที่ระเบียง มองมาด้วยความหวง หึง
“คุณปฐวีเขาพูดถูก ผมผิดที่ยังทำใจอย่างคุณไม่ได้”
“คุณชายไม่ได้ทำอะไรผิดหรอกค่ะ ยังไม่ได้ทำผิด ที่ผ่านมาเราต่างก็นับถือความถูกต้อง”
“สักวัน วันข้างหน้าในอนาคต ผมไม่รู้ว่าผมจะรักษาความถูกต้องไว้ได้หรือเปล่า ผมไม่กล้าสัญญา”
“คุณชายต้องรักษามันไว้ค่ะ สัญญากับตัวเองให้มากๆ ว่าจะรักษามิตรภาพไว้ แค่มิตรภาพ คือเกียรติที่ผู้หญิงไร้ค่าคนหนึ่งจะเก็บไว้เป็นที่ระลึก”
อรุณณรงค์จับมือชิดชบาขึ้นจูบแผ่วเบา
“ชิดชบา”
ปฐวีหันหลังให้ ขบกรามด้วยความโกรธ
ชิดชบาเดินขึ้นบันไดอย่างช้าๆ ใบหน้าเศร้าหมอง ปฐวียืนรออยู่ กระชากตัวชิดชบาเข้ามากด้วยความโกรธ หึงหวง
“เขาจูบมือคุณทำไม ทำไมคุณไม่ตอบผม”
“ฉันไม่มีอะไรจะตอบคุณ คุณเห็นยังไงก็ยังงั้น คุณก็แอบดูเราไม่คลาดสายตาอยู่แล้วนี่”
“ใช่ซี นี่ขนาดผมอยู่นะ รู้ไว้ด้วยว่าผมอยู่บ้านนี้ในฐานะเจ้าของบ้านและเป็น เอ่อ สามีที่กอดคุณแทบทุกคืน”
“ไม่ต้องสุภาพกับนางบำเรออย่างฉันหรอก จะเป็นผัวหรือสามี เอาเป็นว่าเรานอนด้วยกัน”
ชิดชบาสะบัด เดินหนี ปฐวีเดินตาม
“ก็นั่นแหละ แต่เขาก็ยังกล้าจูบมือคุณ ผมไม่ใช่คนคิดมาก แต่ผมเป็นผู้ชาย เขาไม่ควรทำอย่างนั้นในบ้านของผม กับผู้หญิงของผม แล้วก็ต่อหน้าผมด้วย แล้วนี่ ลับหลังผมจะเป็นยังไง”
ชิดชบาโกรธ เอะอะ อาละวาด จำเรียงหอบตะกร้าผ้า รีบหลบด้วยความหวาดกลัว
“คุณไม่ต้องกลัวหรอก ว่าเราจะไปอุดหนุนกิจการม่านรูด คุณชายอรุณณรงค์เป็นสุภาพบุรุษ เกินกว่าจะทำเลวๆ แบบนั้น”
“สุภาพบุรุษ อยากหัวเราะให้ขาดใจตาย ผมเพิ่งรู้ว่าสุภาพบุรุษกับซาตานนี่ การกระทำมันไม่ต่างกันเท่าไหร่เลย โธ่ พ่อสุภาพบุรุษ”
“หมดเรื่องจะพูดแล้วใช่มั้ย ฉันจะไปนอน”
จำเรียงค่อยๆ โผล่หน้าออกมา
“ผมไม่มีวันหมดเรื่องพูดง่ายๆ หรอก ตราบใดที่คุณยังเป็นสิทธิ์ของผมอยู่ คุณต้องเป็นฝ่ายฟังผม คุณไม่มีสิทธิ์ทำอะไรนอกเหนือไปจากคำสั่งของผม”
“ค่ะ พูดเลย อย่าหยุดนะ พูดต่อไป ฉันจะฟัง”
ชิดชบาเขย่งปลายเท้าขึ้น เชิดหน้าใส่ปฐวี
บุญถิ่น จำเรียง สมควร นั่งกินข้าวกันในครัว จำเรียงกังวลใจกับเรื่องวิวาท หวงหึงของปฐวีและชิดชบา
“แหม หนูไม่ได้เข้าข้างโน้นข้างนี้นะลุงสมควร คุณชิดชบาก็ร้ายพอๆ กับคุณปฐวี อะไรพอนิ่งได้ คุณชิดชบาก็น่าจะนิ่ง”
“ฮึ ถือว่าร่ำเรียนมาสูงๆ พอถูกกดให้อยู่เป็นเบี้ยล่างเลยทนไม่ได้ มันก็อย่างนี้แหละ เข้าตำราขิงก็ราข่าก็แรง แล้วนี่วันข้างหน้า ถ้าคุณโสมสุภางค์กับคุณนายเข้ามาอยู่ในบ้านนี้ จะไม่ฆ่ากันตายไปข้างหนึ่งหรือวะ”
“คุณวีน่ะขี้หึง อีกหน่อยพอแต่งงานไปแล้วคงจะค่อยยังชั่ว เรื่องเมื่อเช้าคงหึงคุณชายอะไรนั่นแหละ”
“รายนั้นก็แปลก ผู้หญิงมีตั้งร้อยตั้งพัน กลับมาวอแวกับคนที่มีเจ้าของแล้ว” บุญถิ่นแปลกใจ
“ลุง หนูไม่อยากคิดอะไรที่มันเกินเลยหรอกนะ แต่หนูเห็นท่าทางคุณชายอรุณณรงค์ ตอนที่เขามองคุณชิดชบาน่ะ ยังกับจะกลืนกินเลย วันหยุดลุงสังเกตเหอะ มาแต่เช้าเลยไม่เคยขาด ไม่ว่าคุณวีจะอยู่หรือไม่อยู่ ทำยังกับไม่มีเงาคุณปฐวี”
“เดี๋ยวข้าต้องรายงานเรื่องนี้กับคุณนายเถาว์เครือ”
“อีกแล้ว อีกแล้ว”
บุญถิ่นเอาโทรศัพท์มือถือจากสมควร แล้วรีบเดินออกไป สมควรและจำเรียงต่างร้อนใจ
ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ตอนที่ 5 (ต่อ)
ชิดชบาทำงานปั้น รูปปั้นดินเหนียวบูดๆ เบี้ยวๆ เหมือนอารมณ์ที่ร้อนรนกระวนกระวายของเธอ
ปฐวีเปิดประตูเข้ามา กลัดกระดุมเสื้อ แสร้งทำท่าโอ่อวดความสุขเพื่อให้ชิดชบาเจ็บปวด
“ผมจะไปเยี่ยมโสมสุภางค์ เราต้องปรึกษากันเรื่องแต่งงาน”
“แล้วไง”
“เราจ้างบริษัทอีเวนท์ที่มีชื่อ มาออกแบบงานแต่งงานให้”
“อ้อ”
“จริงซีนะ คุณไม่ยินดียินร้ายน่ะถูกแล้ว เพราะงานแต่งงานของผม มันไม่เกี่ยวกับคุณ คุณไม่ต้องไป ไม่ได้รับเชิญ เอ หรือถ้าจะไป จะไปในฐานะอะไรนะ”
ชิดชบามองหน้าปฐวี ขมขื่น เจ็บปวด
“ไม่ว่าคุณจะจัดวางฉันไว้มุมไหนในชีวิตของคุณ ฉันก็เป็นส่วนหนึ่งของการสมรส เพราะฉันเป็น นางบำเรอ ของคุณ”
ชิดชบาเอาดินเหนียวป้ายปลายจมูกของปฐวี ก่อนผลุนผลันออกจากห้องไป ปฐวีโกรธ
ระรินแจกไพ่ให้กับชัยยงค์ และชัยญา ทั้งสองต่างรวบไพ่ขึ้นมา ชัยยงค์หันมาพูดกับลูกชาย
“ปฐวีออกข่าวแต่งงานแล้ว แกจะทำยังไงก็เร่งทำนะ จะรวบหัวรวบหาง วางแผนให้ชิดชบายักย้ายถ่ายเทบ้านหลังนั้นออกมาจากกรรมสิทธิ์ของปฐวี ยิ่งช้า เราจะยิ่งจนทาง เธอ”
“คะ”
“หาทางทำลายชื่อเสียงเขาให้ได้ พอชื่อเขาฉาว เขาก็ไม่เป็นที่เชื่อถือของใคร คนที่สนับสนุนปฐวี อาจจะมองหาทางใหม่ๆ ก็ได้”
“ผมก็พยายามอยู่แล้ว แต่มันยังไม่มีโอกาสเลยครับ พ่อ”
“แกก็ดีแต่โม้ ผู้หญิงตัวเล็กนิดเดียวแกยังเอาชนะไม่ได้ ไฟน่ะ ถ้าสุมตอนรุมๆ มันก็มีควันร้อนก่อนจะไหม้ แต่ถ้ามันมอดล่ะก็ แกต้องจุดเชื้อใหม่”
“เชื้อหรือ”
“เอาเรื่องการฆ่าตัวตายของคุณชิดชงค์ขึ้นมาเป็นเชื้อไฟ เธอ”
“ฉันหรือคะ”
“ต้องเข้าให้ถึงตัวชิดชบา อาศัยความเป็นผู้หญิงจุดไฟให้คุให้ได้ ไม่มีลูกคนไหนหรอก ที่ไม่อยากรู้ว่าพ่อฆ่าตัวตายทำไม”
“ได้ยินแล้วใช่มั้ยว่าพ่อสั่งยังไง”
“ค่ะ ฉันจะพยายามตีสนิทกับชิดชบา”
ระรินหันไปค้อนชัยญา
“เพราะคุณทำไม่สำเร็จ”
ชัยญาชะงัก ไม่พอใจ
ชิดชบาเดินดูข้าวของในห้างสรรพสินค้าอย่างเหงาๆ ระรินเข้ามายืนดักอย่างผูกมิตร
“คุณน่ะเอง วันนี้คุณปฐวีเปิดกรงหรือคะ นกถึงได้ออกมาโผบินอยู่ที่นี่”
ชิดชบาเฉยเมย ยังดูสินค้าอย่างสนใจ
“แล้วสัตว์เลี้ยงอย่างคุณล่ะ เจ้าของคอกเปิดประตูให้ออกมาเดินใช้เงินเหมือนกันหรือ”
“เราคงจะหัวอกเดียวกัน คือเป็นสัตว์เลี้ยงในครอบครองของผู้ชาย เป็นกิ๊ก เป็นเมียเก็บ หรือเป็นนางบำเรอ ฐานะมันก็ไม่ต่างกันหรอก”
ชิดชบามองระรินด้วยความแปลกใจ ท่าทีระรินมาดีทั้งที่เคยเป็นอริ
“ฉันรู้ความลับเกี่ยวการตายของคุณพ่อคุณ”
ชิดชบาเริ่มสนใจ ระหว่างนั้น ธวัชพงษ์ซึ่งทำท่าเลือกเสื้ออยู่อีกด้านหนึ่ง มองชิดชบาและระรินด้วยความสงสัย
“คุณอยากรู้มั้ย”
ชิดชบาลังเล
บริกรสาววางแก้วเหล้าลงตรงหน้าชิดชบาและระริน แล้วสบตาระรินอย่างมีเลศนัย
“เธอบอกว่าเธอรู้ความลับเรื่องการฆ่าตัวตายของพ่อฉัน”
“ใช่ ฉันเคยเป็นคนแจกไพ่ ช้าๆ เรื่องมันซับซ้อน คุณจะตามไม่ทัน”
ชิดชบาเครียด รีบยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม ระรินมองเจ้าเล่ห์
“บอกมา เรื่องมันเป็นยังไง มันไม่ใช่แค่พ่อฉันแพ้พนันแล้วฆ่าตัวตายใช่มั้ย ปฐวีฆ่าคุณพ่อฉันใช่มั้ย”
“เขาเป็นสาเหตุ”
“ทำไมเธอรู้ เธออยู่ในบ่อนวันนั้นหรือ”
“ฉันเป็นเมียคุณชัยญา ถึงตอนนี้เขาจะไม่ได้ยกย่องให้เป็น แต่ฉันก็ช่วยเขาเรื่องผลประโยชน์ในบ่อน”
“นี่”
ชิดชบาลุกขึ้นยืน ตบโต๊ะด้วยความโกรธ
“ฉันไม่สนใจหรอกว่าใครจะเป็นยังไง ฉันสนใจเรื่องของพ่อฉัน ใคร ใครฆ่าพ่อฉัน”
ชิดชบาเริ่มมึนศรีษะ ดวงตาพร่าพราย มองเห็นรอยยิ้มเยาะหยันของระริน ก่อนล้มลงหมดสติกับพื้น
ชัยญาและถกลรีบเข้ามา
“นึกว่าจะฉลาดสักแค่ไหน ที่แท้ก็ติดกับตัวเอง ไอ้วิธีมอมยานี่น่ะ มันยังใช้ได้ผลนะ เอาตัวไป ฉันจะถ่ายคลิปของชิดชบาไว้”
ถกลอุ้มชิดชบาขึ้นมา ระรินรีบลุกขึ้นยืน ชัยญาผลักระรินให้นั่งลง
“เธอไม่เกี่ยว”
ถกลอุ้มชิดชบาออกไป ชัยญาเดินตามออกไป ระรินแค้น หึงหวงชัยญา
ถกลอุ้มชิดชบาออกมาจากร้านเหล้า ตรงมายังรถที่จอดอยู่ ชัยญาตามมาติดๆ รีบเปิดประตูรถ ประคองชิดชบาไปนอนเบาะหลังอย่างรีบร้อน
“ไป ไปบ้านพักฉันที่เขาใหญ่”
รถยนต์ออกไป
เวลาผ่านไป รถแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านพักเขาใหญ่ ถกลและชัยญาลงมาจากรถ
“เอาขึ้นไปข้างบน”
ถกลอุ้มชิดชบาเข้าบ้าน ชัยญากวาดสายตามองไปรอบๆ ก่อนตามขึ้นไป จังหวะนั้นกระโปรงท้ายรถเผยอออกอย่างช้าๆ
ปฐวีขับรถเข้ามาจอดส่งโสมสุภางค์ โสมสุภางค์คล้องแขนแนบชิดอย่างมีความสุข
“พอแต่งงานแล้ว คุณก็ไม่ต้องเสียเวลามาส่งฉัน เราจะเห็นหน้ากันทุกวัน ทุกวัน มีความสุขจังเลยค่ะ วี”
ปฐวีกังวล
“คุณไปนอนเถอะ คืนนี้คุณดึกไปนะ คุณเพิ่งออกจากโรงพยาบาล”
“ฉันมีความสุขค่ะ พอมีความสุขฉันก็ดีขึ้น เมื่อไหร่จะไปดูชุดแต่งงานกันคะ”
“เอ่อ แล้วผมจะบอกว่าผมว่างเมื่อไหร่”
“ฉันให้ช่างเขาเร่งมือ เผื่อมีอะไรต้องแก้ไข ฉันสั่งผ้าลูกไม้สวิส”
ปฐวียิ่งกระวนกระวายขึ้น
“คงจะสวย”
“คุณจะไม่ถามเรื่องราคาหรือคะ”
“ไม่จำเป็นต้องถาม ทุกอย่างแล้วแต่ความต้องการของคุณคนเดียว”
“พูดเหมือน มันเป็นแค่ความต้องการของฉัน แต่คุณไม่ต้องการ”
“โสมสุภางค์ ทำไมพูดอย่างนั้น เรากำลังจะแต่งงานกันนะ”
“ก็ฉันรู้สึกเหมือนคุณลอยห่างฉันออกไปทุกที ฉันกลัวค่ะ กลัวว่าจะมีนางมารร้ายมาดึงคุณไปจากชีวิตฉัน ชิดชบาเหมือนแม่มดร้าย ผู้หญิงไร้หัวใจคนนั้นเหมือน แม่มด”
ปฐวีนิ่งอึ้ง ค่อยๆ ดึงโสมสุภางค์เข้ามากอดไว้อย่างปลอบโยน
“ไม่ว่าใครจะเป็นอะไร เราจะแต่งงานกัน คุณกับผม”
ปฐวีเขี่ยปลายจมูกของโสมสุภางค์อย่างอ่อนโยน
“เราเข้าใจตรงกันนะ”
โสมสุภางค์ยิ้มมีความสุข
“ไป ขึ้นตึกเถอะ ผมจะกลับละ”
“ค่ะ”
โสมสุภางค์เดินขึ้นตึก หันมาโบกมือให้ปฐวี ปฐวีหันหลังกลับ เคร่งเครียด โทรศัพท์ถึงชิดชบาทันที
“ไม่รับสาย”
ปฐวีโกรธ
“ชิดชบาไปไหน”
ถกลวางร่างหมดสติของชิดชบาลงบนเตียง ชัยญาโบกมือไล่ถกลออกไป แล้วดึงโทรศัพท์มือถือออกมา ยิ้มเยาะชิดชบา
“ต่อไปนี้เธอคงหมดฤทธิ์หมดเดช เหมือนผู้หญิงอีกหลายคนที่ทิ้งความลับไว้ให้ฉันใช้ประโยชน์ในคลิปนี่”
ชัยญาโน้มตัวลงมาเพื่อปลดเสื้อผ้าของชิดชบา ขณะนั้น ธวัชพงษ์ค่อยๆ ย่องมา มองที่หน้าต่างห้องที่เปิดไฟสว่าง ก่อนก้มลงหยิบก้อนหินก้อนใหญ่ ขว้างใส่กระจกหน้าต่างแตกกระจายแล้ววิ่งหลบ
“เฮ้ย ใครวะ ถกล ถกล”
ถกลวิ่งเข้ามา
“ใครขว้างกระจกวะ”
“เดี๋ยวผมไปดู”
“ไอ้บ้าเอ๊ย”
ชัยญากระชากปืนออกมา ก่อนวิ่งตามถกลออกไป ธวัชพงษ์โหนหน้าต่างขึ้นมา
ชัยญาวิ่งสวนกับถกล หาตัวคนขว้างกระจกไปรอบๆ ด้าน
“ใคร”
“ไม่เห็นมีใครเลยนี่ครับ คุณชัยญา”
“ไม่มีแล้วกระจกมันจะแตกได้ยังไงวะ มันต้องมีคนขว้าง มันถึงได้แตก”
“บ้านพักบนเขาใหญ่นี่วันธรรมดาไม่มีคนหรอกครับ มีแต่วันหยุด มันต้องเป็นคนที่รู้ว่าคุณชัยญาจะทำอะไร”
ชัยญาตื่นตระหนก
“ชิดชบา เฮ้ย ขึ้นไปดูข้างบน”
ทั้งสองต่างวิ่งขึ้นไปบนบ้านพัก ชัยญาเปิดประตูห้องนอนเข้ามา ถกลตามเข้ามา ต่างตกใจเมื่อไม่พบชิดชบา
มีแต่โทรศัพท์ของชัยญาวางอยู่บนเตียง
“ชิดชบาหายไปไหน”
“หรือว่าไอ้คนที่มันขว้างหินใส่หน้าต่าง มัน มัน”
ชัยญามองไปยังโทรศัพท์ของตนเอง ค่อยๆ หยิบขึ้นมา ก่อนเปิดภาพ เป็นภาพธวัชพงษ์ยิ้มทะเล้น ล้อเลียน ชัยญาแค้นมาก
“ไอ้ธวัชพงษ์ เร็ว มันคงไปไม่ไกลหรอก”
ทั้งสองรีบวิ่งออกไป
ตอนเช้า ชิดชบานั่งอิงต้นไม้หลับอยู่ ค่อยๆ รู้สึกตัว ก้มลงมองเสื้อผ้าที่ห่มปิดอย่างเรียบร้อย
“นี่ ที่ไหน ก็ฉันจำได้ว่า”
ชิดชบามองไปรอบๆ ธวัชพงษ์เดินถือถ้วยกาแฟกระดาษ ขึ้นเนินหญ้ามาแต่ไกล ยิ้มแย้มแจ่มใส
“กาแฟครับ คุณชิดชบา”
“ธวัชพงษ์ คุณ คุณ คุณช่วยฉัน ฉัน ฉันจำได้ว่าฉันกินเหล้าแก้วนั้น แล้วจู่ๆ ฉันก็”
“ก็นิดหน่อยน่ะ คุณอย่าสนใจเลยว่าผมช่วยคุณออกมาได้ยังไง ผมพาคุณกลับกรุงเทพฯไม่ได้ เพราะว่าผมไม่มีรถ”
“คุณ คุณช่วยฉันหรือ”
“อย่าถามว่าผมทำยังไง กาแฟครับ ดื่มกาแฟก่อนคุณจะได้ดีขึ้น คุณปลอดภัยแล้ว”
ชิดชบายังคงตื่นตระหนก
ปฐวีเดินไปมาอย่างหงุดหงิด โทรศัพท์ถึงตลับนาค
“ชิดชบาไม่ได้ไปที่นั่นหรือครับคุณป้า เอ่อ ไม่มีอะไรครับ ขอโทษนะครับที่รบกวนแต่เช้า ขอบคุณครับ”
“คุณชิดชบาไม่ได้ไปที่บ้านสวนคุณตลับนาคหรือครับ” สมควรถาม
“เปล่า”
“หรือว่า”
ปฐวีหันไปมองจำเรียง จำเรียงหลบสายตาด้วยความหวาดกลัว
“ใช่ หรือว่า”
ปฐวีเริ่มสงสัยว่าชิดชบาจะไปค้างกับอรุณณรงค์
อรุณณรงค์ อุราศรีช่วยกันถือขันตักบาตร เดินนำหน้าหม่อมจรัสเรืองมาที่รถ
“ทำบุญเสร็จแล้ว ไปเที่ยวตลาดน้ำกันมั้ยชายเอี่ยว ใกล้ๆ นี่เขามีตลาดน้ำ มีของอร่อยๆ ของคนพื้นบ้าน”
“ดีจังเลยค่ะ จะได้อุดหนุนคนท้องถิ่น ไปให้อาหารปลาด้วยนะคะ คุณชายเอี่ยว”
“ครับ งั้นผมเอาของไปเก็บที่รถก่อนนะครับ”
อรุณณรงค์เดินออกไป ทั้งสองมองตามไป
“หวังว่าวิธีนี้คงดึงชายเอี่ยวออกมาจากชิดชบาได้นะ ป้าล่ะห่วงเขาจริงๆ กลัวเขาต้องไปทำสงครามแย่งแม่ชิดชบากัน”
“เอ่อ”
“อุราศรี หนูคงเข้าใจนะว่าคนเป็นแม่น่ะ ต้องทำทุกอย่างแม้แต่เรื่องโกหกเพื่อปกป้องลูก ชีวิตชายเอี่ยวต้องไปอีกไกล จะให้ผู้หญิงหยำฉ่าคนหนึ่งหยุดเขาไม่ได้”
“ค่ะ หม่อมป้า”
อุราศรีทอดถอนหายใจอย่างจำยอม
ชิดชบาเดินหิ้วรองเท้ามากับธวัชพงษ์ ตรงทางโค้งบนเขาใหญ่ พยายามโบกรถเพื่อเดินทางเข้ากรุงเทพฯ
“คุณช่วยฉัน สองครั้งแล้วนะที่คุณช่วยฉัน”
“ช่างเถอะครับ เราต้องหารถเข้ากรุงเทพฯ”
“ทำไมล่ะ ทำไมคุณต้องช่วยฉัน งั้นที่คุณตามหมอแพรวาไปปารีสคราวนั้น คุณก็ คุณเป็นนักข่าวนี่ คุณกำลังหาข่าวเรื่องอะไร เรื่องฉัน เรื่องพ่อฉันฆ่าตัวตาย เรื่องบ้าน หรือเรื่องที่ฉันเป็นนางบำเรอ”
“เอ่อ ผม”
“คุณกำลังทำอะไร บอกฉันมานะว่าคุณกำลังทำอะไรกับชีวิตฉัน เรื่อง เรื่องพ่อของฉันใช่มั้ย”
เสียงปืนดังขึ้น
“หลบเร็ว”
ธวัชพงษ์คว้าข้อมือของชิดชบาวิ่งหลบลงข้างทาง ชัยญาและถกลขับรถไล่ยิงทั้งสอง ก่อนจอดรถ
“เฮ้ย ตามไป”
ชัยญาและถกลวิ่งตามไป
ปฐวีลดโทรศัพท์ลงด้วยความโกรธมาก
“คุณชายอรุณณรงค์ไม่อยู่ ชิดชบา”
ปฐวีคำรามด้วยความแค้น หวงหึงในตัวชิดชบา
ธวัชพงษ์ดึงมือชิดชบาวิ่งเข้าป่า ผ่านป้าย “ดงงูเห่า” ชัยญาวิ่งตามไป ถกลรีบรั้งชัยญาไว้เมื่อเห็นงูเห่าแผ่แม่เบี้ยอยู่ข้างหน้า
“งูเห่า”
“งู เฮ้ย ทำยังไงดีวะ”
“ถอยก่อนเถอะครับ เห็นป้ายนั่นมั้ยครับ”
“ดง ดงงูเห่า เราหลงเข้ามาในดงงูเห่า”
ชัยญาตื่นตระหนก
ในขณะที่ธวัชพงษ์ดึงมือชิดชบาวิ่ง ต่างลื่นไถลลงไปนอนอยู่ในพงหญ้า
“คุณ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
ชิดชบาตาเหลือก มองข้ามไหล่ของธวัชพงษ์ไป
“ฉะ ฉัน ฉัน มะๆๆ ไม่เป็นไร ตะ ตะ แต่ว่า”
“แต่ว่าอะไรครับ”
ชิดชบาอ้าปากค้างพูดไม่ออก ธวัชพงษ์ค่อยๆ หันไป ตาเหลือก ตื่นกลัว เห็นงูเห่าแผ่แม่เบี้ยอยู่ไม่ไกล
“งะ งู งูเห่า เราหลงเข้ามาในดงงูเห่า ผมลืมดูป้ายเตือนเมื่อกี้นี้ เพราะ เพราะว่า”
“ทะ ทะ ทำยังไงดี ฉัน”
ชิดชบาเบะหน้าจะร้องไห้
“ฉันไม่ชอบงู”
“อย่าร้องไห้ครับ อย่าขยับ คุณต้องอยู่นิ่งๆ อย่าทำตัวให้เป็นเป้า งูมองตรงๆ ไม่เห็นเรา ผมรู้มาอย่างนั้นนะ เพราะฉะนั้น คุณต้องอยู่นิ่งๆ จนกว่า จนกว่า”
ทั้งสองต่างอยู่นิ่งๆ ทั้งที่หวาดกลัว
ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ตอนที่ 5 (ต่อ)
รถแท็กซี่วิ่งอยู่บนท้องถนน ธวัชพงษ์ชะโงกหน้าเข้ามาสั่งแท็กซี่ด้วยท่าทีสุภาพ
“พี่ชายครับ ส่งคุณผู้หญิงที่บ้านก่อน แล้วค่อยไปส่งผมที่โรงพิมพ์”
ชิดชบาครุ่นคิด
“ไม่ต้องไปส่งฉันที่บ้าน”
“แล้วคุณจะไปไหน คุณต้องกลับบ้าน คุณยังมีอาการเมายาอยู่นะครับ ยาพวกนี้เขาใช้กันในร้านเหล้า มีบริการมอมยาพร้อมเสิร์ฟเหล้า คุณต้องระวัง อย่าไปในที่ที่ไม่ปลอดภัย”
“ฉันรู้แล้วว่าฉันจะไปไหน”
ชิดชบากร้าว กระด้าง
ระรินนั่งไขว่ห้างแต่งหน้าไป เรียงเอกสารไปด้วย ยุวดีตวัดค้อน เตรียมชงกาแฟเพื่อนำไปเสิร์ฟให้ปฐวีในห้องทำงาน ชิดชบาปราดเข้ามา คว้าถ้วยกาแฟสาดหน้าระริน
“ว้าย”
“คุณพระ” เลขาฯตกใจ
“ไม่ต้องนิมนต์พระ จองศาลาเถอะ”
ชิดชบาพุ่งเข้าใส่ระริน รัวหมัดใส่ใบหน้าด้วยความแค้น ธวัชพงษ์วิ่งตามเข้ามา ตกใจ
“คุณชิดชบา”
“ว้าย นี่มันเรื่องอะไรกันนี่ ที่นี่ออฟฟิศนะ ไม่ใช่เวทีมวย ช่วยกันห้ามซียะ นางๆ”
“ไม่ต้องห้าม ไม่ใช่เรื่อง”
ยุวดีไม่ยุ่งด้วย ชิดชบาทั้งขย้ำและรัวตบระรินด้วยความโกรธแค้น ปฐวีเปิดประตูห้องทำงานออกมา ตวาดเสียงดัง
“หยุดนะ หยุด”
ชิดชบาเงื้อหมัดค้าง หันมาสบสายตาปฐวี
ปฐวีเหวี่ยงชิดชบาลงบนโซฟายาวในคฤหาสน์ด้วยความโกรธ ที่ชิดชบาก่อเหตุวิวาทอย่างรุนแรง เพราะแค้นระริน
“เกิดบ้าอะไรขึ้นมา ที่ทำงานผมไม่ใช่ตลาดสดนะ คุณจะทำกิริยาถ่อยๆ ไม่ได้ นี่น่ะหรือ ลูกสาวคุณชิดชงค์ นักเรียนนอก ลูกที่คุณชิดชงค์เลี้ยงเหมือนไข่ในหิน คุณทำตัวเหมือนคนขาดการอบรม”
“เรื่องของฉันกับระริน ไม่เกี่ยวกับคุณ หรือว่าคุณเจ็บร้อนแทน เพราะว่า”
ปฐวีบีบปลายคางชองชิดชบา
“อย่ามากล่าวหา ว่าผมกินไม่เลือกนะ ผมไม่ใช่สมภารที่ชอบกินไก่วัด”
“ปล่อยฉันนะ”
ชิดชบาสะบัด
“ที่คุณโกรธ เพราะฉันทำให้ผู้หญิงของคุณเจ็บยังไงล่ะ คุณจะกินไก่วัดหรือไม่กิน ฉันไม่สนหรอก มันไม่ใช่หน้าที่ของฉัน ฉันขอบอกนะว่าที่ฉันทำลงไปน่ะ ไม่เท่าครึ่งที่ระรินทำกับฉัน”
ปฐวีสงสัย
“หมายความว่ายังไง ใครทำอะไรใคร”
“คุณไม่ต้องรู้หรอก เพราะไม่ว่าฉันจะเจ็บหรือไม่เจ็บ คุณก็ไม่รู้สึกรู้สาด้วย คุณมันคนไม่มีหัวใจ”
ชิดชบาวิ่งขึ้นบันไดไป
“เดี๋ยวก่อน แล้วเมื่อคืนคุณหายไปไหน”
ปฐวีรีบวิ่งตามขึ้นไป ชิดชบาเปิดประตูห้องน้ำ เปิดน้ำล้างหน้า ปฐวีตามเข้ามา หน้าบึ้งตึง โกรธและหึงหวง
“เมื่อคืนคุณไปไหนมา ที่บ้านสวนของคุณป้าตลับนาคไม่มี ผมโทร.ไปแล้ว ข้อสำคัญ คุณชายอรุณณรงค์ไม่อยู่”
“ก็แล้วแต่คุณจะคิด”
“ถ้าให้ผมคิด ผมก็คิดว่า”
“เชิญ เพราะไม่ว่าคุณจะคิดอะไร คุณก็คิดถูกเสมอ ออกไป”
ชิดชบากระชากไหล่ปฐวี ผลักออกไป แล้วกระแทกประตูปิด ปฐวีโกรธมาก
“ชิดชบา”
ชิดชบาผ่อนลมหายใจ พยายามอดกลั้นความอ่อนแอ กัดริมฝีปากนิ่งๆ ไม่ตอบ
“ชิดชบา”
ชิดชบาหลับตาลงอย่างอ่อนล้า
ชัยญาชี้หน้าระรินด้วยความโกรธ สภาพของระรินบอบช้ำมาจากการโดนชิดชบาจิกตบ
“ไม่สำเร็จ ซ้ำยังเจ็บตัวกลับมาอีก นี่จะให้ฉันคิดยังไง”
“ฉันทำตามที่คุณสั่ง มอมยานังชิดชบา คุณต่างหากล่ะที่ทำไม่สำเร็จ มีของกินในจานวางให้แล้วยังไม่มีปัญญางับ”
ชัยญาตบหน้าระรินด้วยความโกรธ ชัยยงค์เดินลงพร้อมกับถกล ถามด้วยความแปลกใจ
“มีเรื่องอะไร”
“ฉัน”
ชัยญาตวาด
“ไม่ต้องพูดมาก”
“ก็ฉัน”
ชัยญาเงื้อมือขึ้น ชัยยงค์ส่งเสียงตวาด
“เฮ้ยหยุด อย่ามัวแต่กัดกันเอง พลาดอีกแล้วใช่มั้ย ถึงได้โยนกันไปโยนกันมาอย่างนี้”
ระรินและชัยญาต่างเงียบ
“พวกแกนี่ไม่ได้เรื่องเลย ใช้ทำอะไรก็พลาดหมด หรือว่า ฉันต้องลงมือเอง”
ชัยยงค์เคร่งเครียด
จำเรียงยกถาดอาหารเช้าขึ้นมา เคาะประตูห้อง
“หนูเอากาแฟขึ้นมาให้คุณค่ะ หนูเข้าไปได้มั้ยคะ”
ชิดชบายังนอนซมอยู่บนเตียงอย่างอ่อนล้า
“เข้ามาเถอะ”
จำเรียงเข้ามา รีบวางถาดอาหารลง เข้ามานั่งคุกเข่าหน้าเตียงของชิดชบาด้วยความห่วงใย
“คุณเป็นอะไรไปคะ คุณหายไปทั้งคืน คุณปฐวีวุ่นวายโทรตามคุณทั้งคืนเลยค่ะ เอ๊ะ นั่นคุณไม่สบายหรือเปล่าคะ”
“ฉันมึนๆ หัวน่ะ”
“มึนหัว แล้วมีคลื่นไส้ มีอยากจะอาเจียนผสมด้วยมั้ยคะ”
“จำเรียง คิดอะไรน่ะ”
“ก็ของมันน่าคิดนี่คะ ก็คุณกับ”
“ฉันแค่มึนศีรษะ อาจจะยังไม่สร่าง หรืออาจจะ”
ชิดชบาขุ่นเคืองเมื่อนึกถึงระริน
“ช่างเถอะ ฉันไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ ขอบใจมากจำเรียง ออกไปก่อน เดี๋ยวฉันอุ่นกาแฟเอง”
“เอ่อ คุณต้องการอะไรที่เปรี้ยวๆ อย่างเช่นมะดัน มะขามเปียก หรือว่”
“ฉันไม่ต้องการอะไร ไปเถอะ”
“ค่ะ”
จำเรียงเปิดประตูออกมายืนพิงประตู คิดว่าชิดชบาตั้งท้อง จึงวิ่งลงบันไดไปด้วยความตื่นเต้น
“ลุง น้าบุญถิ่น”
บุญถิ่นและสมควรกำลังจัดโต๊ะ จำเรียงวิ่งถลาเข้ามา
“ลุง ฉันมีข่าว”
“ข่าวอะไร ข่าวใหญ่ แม่นั่นถูกคุณปฐวีตบสั่งสอนที่หายไปทั้งคืนใช่มั้ย ก็สมควรแก่โทษของนางแล้วนี่ มีหรือเป็นนางบำเรอของคุณปฐวี แต่ไม่ทิ้งนิสัยชอบกินของกรุบกรอบ”
“นี่ อย่าออกอาการแต่เช้า ฟังเสียก่อนว่านังจำเรียงมันมีข่าวอะไร ข่าวอะไรวะ”
“ฉันสงสัยว่า คุณชิดชบาจะแพ้ท้อง”
บุญถิ่นตกใจตะหลิวหลุดมือ
โสมสุภางค์กำลังเลือกแบบผ้าอยู่กับเจ้าของร้านตัดชุดวิวาห์และช่างเสื้อ เถาว์เครือรับโทรศัพท์ คุยเสียงเบาๆอย่างตื่นตระหนก
“ท้องหรือ แกรู้ได้ยังไง ไอ้อาการเวียนหัวคลื่นไส้อาเจียนน่ะ มันอาจจะเป็นอาการของคนเครียดก็ได้ เอาเถอะ ฉันขอบใจก็แล้วกันบุญถิ่นที่แกโทร.มาบอก”
เถาว์เครือปิดโทรศัพท์ ร้อนใจ พึมพำเบาๆ
“นังชิดชบาท้องหรือ”
ชัยยงค์เดินนำหน้าถกลเข้ามา ท่าทีของชัยยงค์สง่างาม อบอุ่น
“สวัสดีครับคุณเถาว์เครือ”
เถาว์เครือแปลกใจ จำไม่ได้
“คุณ”
“ผมชัยยงค์ครับ เราเคยพบกันในงานเลี้ยงบ่อยๆ แต่ไม่มีโอกาสได้ทำความรู้จักกันเป็นส่วนตัว ผมได้ข่าวว่าลูกสาวคุณเถาว์เครือกำลังจะแต่งงาน”
“เอ่อ ค่ะ ตอนนี้อยู่ในขั้นเตรียมงาน ฉันก็เลยต้องช่วยลูกเลือกนั่นเลือกนี่ทุกขั้นตอน”
“ผมกับปฐวีคุ้นเคยกันดีครับ งานแต่งงานของลูกสาวคุณ ผมคงจะได้รับเชิญ คุณโสมสุภางค์หายดีแล้วหรือครับ”
“ก็”
“น่ายินดีนะครับ ที่งานนี้ปฐวีเขาทุ่มหนัก ไหนจะบ้านที่เป็นเรือนหอราคานับร้อยล้าน แล้วไหนจะงานแต่งงานใหญ่โตหรูหรา ผมเชื่อเลยครับ ว่าลูกสาวของคุณเถาว์เครือจะต้องเป็นเจ้าสาวแห่งปีแน่”
“คุณชัยยงค์รู้ได้ยังไง ว่าใช้บ้านหลังนั้นเป็นเรือนหอ”
“บ้านหลังนี้เป็นที่สนใจ เพราะมูลค่าสูงลิบลับ ใครๆ ก็หมายตาบ้านหลังนี้ แม้แต่ผม”
เถาว์เครือเหลือบตาขึ้นมองชัยยงค์ ความโลภเริ่มเกิดขึ้นในใจของเธอ
“สูงลิบลับหรือ”
“ครับ เสียดายที่บ้านกลายเป็นเรือนหอไปแล้ว พวกนายทุนหมายตาบ้านหลังนี้ตั้งแต่คุณชิดชงค์ฆ่าตัวตาย ไม่คิดว่าปฐวีเขาจะ”
“ที่คุณว่ามีค่าสูงลิบลับน่ะ สักเท่าไหร่”
“หลายร้อยล้านครับ”
“หลายร้อยล้าน”
ชัยยงค์ยิ้มอย่างผู้ชนะที่ยุสำเร็จ
เถาว์เครือเคร่งเครียดกลับเข้ามาบ้านพร้อมโสมสุภางค์ ทั้งคู่ไม่เห็นว่าแพรวานั่งรออยู่
“เก็บข้าวเก็บของ แล้วย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้น เราต้องเข้าไปจองที่ไว้ก่อน ก่อนที่นังชิดชบามันจะใช้มารยาร้อยเล่มเกวียนของมัน ยักย้ายถ่ายเทบ้านกลับไปเป็นของมัน”
“แพรวา มาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เอ่อ”
“สวัสดีค่ะคุณแม่”
“ขอโทษ ฉันไม่เห็นว่าหนูมา ไม่เห็นรถของหนูข้างนอก คุยกันไปก่อนนะ แม่จะขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า”
เถาว์เครือสบตาแพรวา แพรวานิ่งๆ เริ่มสงสัยในพฤติกรรมของเถาว์เครือ
“แพรวา ทำไมไม่โทรมาก่อนว่าเธอจะมา ฉันยุ่งเรื่องเตรียมแต่งงานน่ะ นี่ก็เพิ่งได้ผ้าถูกใจ ต้องสั่งจากสวิสเชียวนะ”
“เมื่อกี้นี้คุณแม่บอกว่าจะย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้นหรือ”
“ใช่ ก็ไม่แปลกอะไรนี่ ยังไงฉันก็ต้องใช้บ้านหลังนั้นเป็นเรือนหอหลังแต่งงานกับวีอยู่แล้ว”
“แต่บ้านหลังนั้น ยังเป็นสิทธิ์ของคุณปฐวีกับชิดชบาคนละครึ่งนะ มันอยู่ที่ว่าใครจะผิดสัญญา”
โสมสุภางค์ยิ้มแย้มแจ่มใส
“ชิดชบาจะเป็นฝ่ายผิดสัญญา แล้วถูกระเห็จออกไป”
“บ้านหลังใหญ่ มีมูลค่ามหาศาล คงไม่มีใครยอมเสียมันไปง่ายๆ เกมนี้มันคือการแย่งชิงนะ เรายังไม่รู้ว่ามีอะไรซับซ้อนอยู่ข้างหลัง โสมสุภางค์”
โสมสุภางค์หันมาสบตาแพรวา
“ไม่มีอะไรได้มาโดยไม่แลก เธอมีอะไรไปแลกกับคนที่กำลังจนมุมอย่างชิดชบา”
“เอ่อ”
“เธอมองดูสุนัขซี สุนัขจนตรอกทุกตัว สู้ตายนะ เพราะฉะนั้น อย่าต้อนคนให้จนมุม”
โสมสุภางค์นิ่งอึ้งไป
ปฐวีเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ยิ้มอ่อนโยน เมื่อมองระริน ยุวดี และเลขาฯที่ยืนสำรวมกิริยาอยู่ หลังเกิดเหตุวิวาท
“มันไม่ใช่ความผิดของคุณ ผมไม่ไล่คุณออก”
ทั้งสามต่างเงยหน้าขึ้นมองปฐวีด้วยความแปลกใจ
“ถือว่ามันเป็นเหตุสุดวิสัยก็แล้วกัน อย่าให้มันเกิดขึ้นอีก ผมจะไม่ถามหรอกนะว่าคุณไปทำอะไรชิดชบา ผู้หญิงของผมถึงได้แปลงร่างเป็นเสือ แล้วตามมาขย้ำคุณถึงที่นี่”
แววตาของปฐวีวาววับ บีบคั้น ระรินนิ่งอึ้งอย่างจำนน หลบสายตาปฐวี
“เอ่อ”
“ฉันไม่รู้เรื่องอะไรด้วยนะคะ”
ยุวดีรีบออกตัว ปฐวีดุ
“ผมไม่ได้ถามคุณ”
ปฐวีมองระริน
“แล้วก็คุณด้วย เดี๋ยวเบิกค่ายาค่าหมอ กลับไปรักษาอาการบอบช้ำแล้วกลับมาทำงาน แค่นี้แหละ ออกไปได้แล้ว”
ระรินมองปฐวีด้วยความแปลกใจ ก่อนเปิดประตูออกไป ปฐวียิ้มเยาะ แววตาเจ้าเล่ห์
“ชิดชบา ผู้หญิงแบบเธอมันต้องตัวต่อตัว ฟันต่อฟัน”
แพรวาเดินมาที่รถที่จอดอยู่ภายในโรงพยาบาล ธวัชพงษ์รออยู่
“ไม่สำเร็จใช่มั้ยครับ”
“ใช่ ฉันยังทำให้คุณปฐวีเขาเชื่อว่าเขาเป็นคนป่วยไม่ได้ แล้วก็ทำให้โสมสุภางค์เชื่อไม่ได้เรื่องแต่งงาน หรือใช้บ้านหลังนั้นเป็นเรือนหอ”
“เรือนหอ”
“ไม่รู้คุณเถาว์เครือคิดยังไง ถึงจะย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้น หรือว่า มูลค่าของมันสำคัญยิ่งกว่าชีวิตของโสมสุภางค์”
“จริงหรือครับ คุณนายเถาว์เครือจะพาลูกสาวเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้นจริงๆ หรือครับ”
“โสมสุภางค์ยืนยันกับฉันเอง ว่าจะเข้าไปอยู่ก่อนแต่งงาน เราคงทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ”
“มันต้องมีอะไรแน่ๆ”
“คุณหมายถึงอะไร”
“ผลประโยชน์”
ธวัชพงษ์เครียด
ชัยยงค์นัดพบเถาว์เครือ หว่านล้อมโดยใช้ความโลภเป็นเหยื่อล่อเถาว์เครือ
“ที่ดินผืนนั้นทำประโยชน์ได้มากกว่าการเป็นเรือนหอ ผมหาคนหอบเงินสามร้อยล้านมาวางตรงหน้าคุณเถาว์เครือได้ ถ้า ถ้ากรรมสิทธิ์เปลี่ยนมือมาเป็นของคุณเถาว์เครือ หรือคุณโสมสุภางค์”
เถาว์เครือเริ่มคิดเรื่องการจะฮุบบ้านและที่ดิน
“เอ่อ คนที่ต้องการที่ดินผืนนี้ เขาจะเอาไปทำอะไร”
“เมกกะโปรเจ็คใหญ่ เป็นเงินทุนจากต่างประเทศครับ”
“แล้วคุณจะได้ประโยชน์อะไร คุณชัยยงค์”
“ผมกินค่านายหน้าก็คุ้มเหนื่อยแล้วล่ะครับ ถ้ามันมีความเป็นไปได้ แต่ผมเกรงว่า”
“มันต้องได้ซี”
เถาว์เครือตกหลุมพลางเจ้าเล่ห์ของชัยยงค์
“ฉันจะทำให้กรรมสิทธิ์บ้านหลังนั้นเปลี่ยนมือให้ได้”
ตลับนาคนำผลไม้สวนบรรจุลงในตะกร้าและชะลอมโดยมีคนงานช่วยอยู่
“เบาๆ เอาผลไม้เปลือกหนาลงข้างล่าง แล้วค่อยเอาผลไม้เนื้ออ่อนวางข้างบน ใบตองล่ะ เอาใบตองรองหนาๆ มันจะได้ไม่ช้ำ เดี๋ยวก่อน แก”
“ยังไงครับ คุณป้า”
“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว เอาผลไม้นี่ออก”
“อ้าว ทำไมล่ะครับ คุณป้า”
ตลับนาคถอนหายใจ ก่อนตอบด้วยท่าทีเด็ดเดี่ยว
“เอาเสื้อผ้าของฉันใส่แทน”
จบตอนที่ 5