ลมซ่อนรัก ตอนที่ 9
โมบายล์ที่ห้องนอนดังกรุ๊งกริ๊งอบอุ่นสบาย ปราณที่หลับอยู่บนเตียงค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาฟังเสียงกรุ๊งกริ๊งสงบสบาย ชุดถ้วยชาของอัณณาถูกยกเข้ามาวาง มืออันบอบบางกำลังชงชานั้นอ่อนโยน ควันลอยกรุ่น เสียงช้อนกระทบกระเบื้องเล็กน้อยฟังไพเราะ
ปราณได้ยินเสียงจึงหันไปมอง เขาเห็นชุดถ้วยชานั้นก่อนแล้วจึงมองไล่ตามไปจนเห็นด้านหลังของหญิงสาวที่กำลังชงชาอยู่ ปราณแปลกใจแต่แล้วเธอคนนั้นก็หันหน้ามาทำให้เห็นว่าเป็นอัณณา
"ตื่นแล้วเหรอ"
ปราณชะงักแล้วหันมามอง เขาพบว่าอัณณากำลังชงชาให้เขาอยู่ ปราณมองอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูกมองราวกับอยากให้แน่ใจว่าเป็นเรื่องจริง
"ชาเขียวจีนอุ่นๆ พร้อมแล้ว จะดื่มเลยหรือล้างหน้าล้างตาก่อนดีคะ"
"อะ อัณณา"
อัณณางง "หือ"
"อัณณา"
"หมอเรียกชั้นว่าอัณณาเหรอ"
ปราณแปลกใจและงุนงง เขากระพริบตาถี่ๆ แล้วมองอีกที อัณณายิ้มๆ เหมือนคิดอยากจะแกล้ง เธอวางถ้วยชาลงแล้วเดินเข้ามาหาโดยจงใจยื่นหน้าให้ปราณมองชัดๆ จังหวะที่อัณณาหน้ายื่นเข้ามาใบหน้าอัณณาที่ปราณมองเห็นก็กลายเป็นภัทริน
ภัทรินยิ้ม "คนนี้ไม่ใช่อัณณาค่ะ แต่เป็น อัลไลก็ไม่รุ”
ภัทรินขำๆ และหัวเราะคิกคักๆ ปราณมองภัทรินเต็มๆตา
"ภัทริน”
พสุวัฒน์นอนใช้เครื่องหายใจอยู่ที่ห้องไอซียูด้วยสีหน้าสงบหลังจากผ่าตัดเนื้องอกแล้ว แต่เขายังไม่ได้สติ สายท่อช่วยหายใจ สายน้ำเกลือ สายถ่ายน้ำจากสมองห้อยระโยงระยาง ปราณนต์กับอัณณายืนมองสภาพของพสุวัฒน์อยู่
"คุณลุงคงต้องอยู่ในไอซียูอีก2-3วัน จนกว่าจะแน่ใจว่าไม่มีอาการสมองบวมและความดันน้ำในสมองคงที่..”
"พอฟื้นแล้วพ่อจะไม่เหมือนเดิมใช่มั้ย" ปราณนต์ถาม
"อาจมีปัญหากับการควบคุมร่างกายซีกซ้าย แต่ถ้ากายภาพบำบัดสม่ำเสมอก็น่าจะช่วยได้มาก แต่อย่างน้อยคุณลุงก็ปลอดภัยแล้วนะณนต์"
ปราณนต์มองพสุวัฒน์แบบนิ่งเครียด เขารู้ข้อมูลทางการแพทย์ดีอยู่แล้วแต่ลึกๆ ก็คือสงสารและอยากให้พ่อหาย อัณณามองปราณนต์ด้วยความห่วงใยและเข้าใจความรู้สึก
ปราณนั่งอยู่ที่มุมพักผ่อนสำหรับนั่งดื่มชา มีชุดถ้วยชาวางอยู่ ปราณหยิบถ้วยมาดูแล้วก็สัมผัสพร้อมกับมองลวดลายของมัน เขาเทชา ดมกลิ่นชาอย่างรู้สึกผ่อนคลายและอบอุ่น เสียงหัวเราะสดใสของอัณณาในความทรงจำของปราณดังแว่วมา ปราณถึงกับชะงักมองหาที่มาของเสียงแต่ก็ไม่เห็นใคร ภัทรินเดินเข้ามา
"มองหาอะไรคะ" ภัทรินถาม
"เมื่อกี้ คุณหัวเราะหรือเปล่า" ปราณถาม
ภัทรินส่ายหน้า "ทำไมคะ"
"เปล่า"
"เห็นป้าอิ่มบอกว่า นายชอบถ้วยชาชุดนี้มาก ชั้นก็เลยชงชามาให้ เผื่อว่ามันจะช่วยกระตุ้นความทรงจำที่ซ่อนอยู่ให้สมองของนายบ้าง มันกระตุ้นมั่งมั้ย"
ปราณส่ายหน้า มือถือภัทรินดัง ภัทรินดูเบอร์แล้วรับสาย
"ค่ะคุณอัณณา"
อัณณาเดินพูดโทรศัพท์จากโรงพยาบาล
"คุณลุงผ่าตัดเรียบร้อยแล้วค่ะ เอาเนื้องอกออกไปหมดแล้ว ตอนนี้ยังไม่รู้สึกตัว ฝากบอกณนต์ให้เขาสบายใจด้วยนะคะ ไว้รอให้คุณลุงตื่นแล้วค่อยพาณนต์มาดีกว่าค่ะ คุณลุงจะได้พักเต็มที่ค่ะ"
อัณณาวางสายแล้วมองไปที่ปราณนต์ซึ่งยังคงห่วงพสุวัฒน์ที่เดิม อัณณาพลอยเป็นห่วงปราณนต์
ภัทรินวางสาย ปราณรอฟังอยู่
"คุณอัณณาโทรมาบอกว่าคุณพ่อคุณผ่าตัดเสร็จแล้ว ปลอดภัยดี ตอนนี้กำลังพักฟื้นอยู่ค่ะ"
ปราณรับรู้แล้วก็มีสีหน้าโล่งใจอย่างไม่รู้ตัว
"นายดีใจ" ภัทรินถาม
"หือ" ปราณงง
"เมื่อกี้นายดีใจ ใช่ นายดีใจจริงๆ สมองนายอาจจะจำเรื่องราวไม่ได้ แต่ความรู้สึกและจิตวิญญาณไม่เคยลืม..มันบอกกับนายว่าข่าวนี้คือข่าวดี นายก็เลยดีใจ"
"แต่ผมยังจำอะไรเกี่ยวกับพ่อไม่ได้เลย"
"แต่นายก็จำได้แล้วว่าพ่อเคยบอกเรื่องเนื้องอก มันเป็นสัญญาณที่ดีมากๆ..หมอ นายจะต้องจำทุกอย่างได้แน่ๆ"
ภัทรินดูตื่นเต้นยินดีมากๆ เธอพยายามเชียร์อัพให้กำลังใจสุดๆ ปราณยังงงๆ พร้อมกับมองท่าทาง รอยยิ้มของภัทรินแล้วก็พลอยรู้สึกดีไปด้วย
"อืม อาการอย่างคุณ ถ้าผมจำไม่ผิด เรียกว่าเยอะ" ปราณว่า
"พูดมาก" ภัทรินพูดขำๆ "มานี่"
ภัทรินพาปราณมาที่ระเบียงเอ้าท์ดอร์โดยจัดมุมให้ปราณนั่ง
"นั่งตรงนี้" ภัทรินบอก
"ทำไม" ปราณถาม
"เถอะน่า นั่งๆๆ" ภัทรินจัดให้ปราณนั่ง "นั่งสบายๆ ไม่ต้องคิดอะไร หลับตา"
"หือ"
"หลับเถอะน่า"
ปราณยอมหลับตา แล้วภัทรินก็หยิบซึงที่เตรียมไว้แล้วมายื่นใส่มือของปราณพร้อมทั้งจัดท่าทางให้
"ตอนอยู่ดอยผาหมอก นายชอบมานั่งเล่นซึงที่ระเบียงอย่างนี้ จำได้มั้ย" ภัทรินถาม
"คุณจะให้ผมทำอะไร" ปราณงง
"ความทรงจำไม่ได้อยู่ที่สมองอย่างเดียว ร่างกายของเราก็สามารถจดจำได้ด้วย เหมือนเวลานายเล่นดนตรี ก็คงไม่มานั่งคิดหรอกว่าต้องจับคอร์ดนี้ถึงจะได้เสียงอย่างนี้ นิ้วมือของนายมันไปเองตามความเคยชิน ไม่ต้องพูด ไม่ต้องคิด สบายๆ ปล่อยให้ร่างกายไปตามความรู้สึก"
"แต่”
"ชู่ว์ ไม่ต้องพูด ไม่ต้องคิด ปล่อยร่างกายไปตามความรู้สึก"
ปราณนิ่งไปแล้วพยายามทำตามที่ภัทรินบอก สักพักเขาก็ดีดซึงด้วยเสียงแปร่งสุดๆ แม้เสียงแรกจะเพี้ยน แต่ภัทรินยังคงลุ้นเอาใจช่วย ปราณยังพยายามจะดีดต่อให้เป็นเพลงแต่เสียงก็ยังมั่วและไม่มีความไพเราะเลย
ภัทรินที่พยายามเอาใจช่วยเริ่มยอมรับและยอมแพ้ เธอถอดใจ สุดท้ายก็เอื้อมมือไปจับมือปราณไว้ให้เลิกดีดพร้อมทั้งส่งสายตาและทำสีหน้าคล้ายจะบอกว่า “พอเถอะ เมตตาหูชั้นด้วยเถอะ”
อัณณายื่นบะหมี่ถ้วยให้กับปราณนต์ที่นั่งพักอยู่
"อ่ะ กินซะหน่อย"
ปราณนต์รับบะหมี่ถ้วยมา อัณณาที่นั่งข้างๆ ตักบะหมี่ขึ้นมาเป่าแล้วเห็นปราณนต์ถือไว้เฉยๆ เลยหาวิธีพูดให้ปราณนต์ยอมกิน
"ห่วงพ่อมากจนกินไม่ลงเลย" อัณณาถาม
ปราณนต์ทำเป็นฮึดฮัดเพื่อไม่ให้เสียฟอร์ม "รอมันเย็นอยู่" ปราณนต์จะกิน
ปราณนต์กับอัณณาตักกินบะหมี่ไปสักพัก แล้วอัณณาก็ตัดสินใจพูดขึ้นมาลอยๆ
"ณนต์ จีแอลเอสไม่ได้สำคัญกับคุณลุงเท่ากับปราณและณนต์หรอกนะ"
ปราณนต์งง "หือ"
"อัณไม่มีหลักฐานหรือข้อพิสูจน์อะไรมายืนยัน อัณพูดจากความรู้สึกล้วนๆ คุณลุงรักณนต์มาก และทุกอย่างที่ท่านทำก็เพื่อชดเชยความผิดที่เคยทำไว้กับณนต์และแม่"
"ชดเชยความผิด"
"แม่ของณนต์อยากให้คนยากจนเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้อย่างเท่าเทียมไม่ใช่เหรอ ณนต์ก็สานต่อความตั้งใจของท่านในฐานะหมอ คุณลุงก็ทำในฐานะนักธุรกิจ ท่านถึงปล่อยมือจากจีแอลเอสไม่ได้ ไม่ใช่เพื่อตัวท่านเอง แต่เพื่อคนยากจน เพื่อแม่ของณนต์ แล้วก็เพื่อณนต์เองนั่นแหละ"
"เพราะอย่างนี้ใช่มั้ย จีแอลเอสถึงได้บริจาคยาให้โรงพยาบาลผาหมอกทุกครั้งที่มีการร้องขอ"
"ไม่ใช่แค่โรงพยาบาลผาหมอก" อัณณาเน้น "ทุกโรงพยาบาลที่ขาดแคลน"
ปราณนต์อึ้ง อัณณาบีบมือให้กำลังใจก่อนจะตัดบท
"อัณให้คนรถไปเอาเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้แล้ว เดี๋ยวกินเสร็จจะได้เปลี่ยนชุดไปทำงานต่อ ณนต์จะไปมั้ย"
ปราณนต์นิ่ง อัณณาลุกแล้วจะเดินไป
"อัณณา ขอบใจนะ" ปราณนต์เปรย
ปราณเข้ามาในห้องนอนของตัวเอง ในขณะที่ภัทรินถือชุดถ้วยชาตามมา
"นายจะมาทำอะไรห้องคุณปราณ จะมานั่งดื่มชาในห้องนอนพี่ชาย"
"คุณออกไปได้แล้ว" ปราณว่า
ภัทรินงง "หา”
"ผมอยากใช้ความคิดเงียบๆคนเดียว" ปราณบอก
ภัทรินวางชุดชาลงแล้วพยายามทำความเข้าใจ "โอเค ห้องพี่ชายคุณอาจจะมีความทรงจำตอนพวกคุณเด็กๆก็ได้ งั้นตามสบาย เดี๋ยวชั้นจะโทรไปหาเพื่อนที่ดอยผาหมอก ให้เขาส่งของใช้ส่วนตัวของคุณมาให้ เผื่อจะช่วยให้จำได้บ้าง"
ภัทรินเดินออกไป ปราณนั่งมองห้อง
ภัทรินเดินออกมานอกห้องด้วยความแปลกใจ
"อารมณ์ไหนของเขา"
ปราณนั่งมองไปรอบๆ ห้องเพื่อสำรวจไปรอบๆ ด้วยความไม่รู้สึกคุ้นเคยกับอะไรเลยแล้วเขาก็หันไปมองที่คอมพิวเตอร์ส่วนตัวที่วางอยู่บนโต๊ะ ปราณลุกไปที่คอมพิวเตอร์ เขาเปิดคอมพิวเตอร์แต่พบว่าต้องใส่รหัสเพื่อเปิดเข้าใช้เครื่อง
"รหัส"
ปราณนิ่งเพราะจำรหัสไม่ได้ เขามองหน้าจออย่างว่างเปล่าก่อนจะค่อยๆเอื้อมมือไปวางที่คีย์บอร์ด หลับตานิ่งเพื่อรอให้ความรู้สึกทำงานด้วยตัวเอง เขาคิดถึงคำพูดของภัทริน
"ไม่ต้องพูด ไม่ต้องคิด ปล่อยร่างกายไปตามความรู้สึก"
ทันใดนั้นนิ้วมือของปราณก็ขยับกดรหัสเองซึ่งเป็นรหัสที่ถูกในทันที หน้าจอเข้าสู่หน้าหลักของคอมพิวเตอร์ ปราณลืมตาด้วยความทึ่งในตัวเอง
ปราณไล่สายตามองไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไปสะดุดกับอัลบั้มรูป ปราณคลิกเปิดพบว่าเป็นรูปของอัณณาเด้งขึ้นมาก่อนรูปอื่น ปราณมองอึ้งๆ
ภัทรินเดินลงมา อิ่มปัดกวาดบริเวณนั้นอยู่
"อ้าว แล้วคุณหนูของป้าล่ะคะ" อิ่มถาม
"อยู่ในห้องคุณปราณค่ะ แปลก เขาจะอยากอยู่คนเดียวในห้องพี่ชายตัวเองทำไม"
"ให้คุณหนูอยู่ห้องนั้นดีแล้วค่ะ"
"ดียังไงคะ" ภัทรินถาม
อิ่มอึกอัก "ก็ ก็ดีไงค่ะ เพื่อคุณหนูจะจำเรื่องตัวเองได้"
ภัทรินเหล่มองอย่างจับผิด "ป้ามีอะไรปิดบังหนูอยู่ อย่าปฏิเสธ หนูดูออก อะไร บอกหนูมา"
"ไม่มีค่ะ ไม่มี ว้าย ป้าไปเตรียมอาหารเที่ยงก่อนดีกว่า"
ภัทรินข้องใจ
ปราณค่อยๆคลิกดูรูปไปเรื่อยๆ เขาเห็นว่าเป็นภาพอัณณา ปราณ และปราณนต์ในช่วงที่เรียนต่างประเทศ จนกระทั่งปราณเจอรูปที่ตัวเองถ่ายคู่กับอัณณาโดยในมือของปราณกำลังถือตำราเรียนเล่มหนึ่งอยู่
ปราณจ้องไปที่ตำรานั้นแล้วก็จำได้
ปราณหันไปมองที่ชั้นหนังสือแล้วลุกไปมองหนังสือไล่ไปเรื่อยๆ ส่วนใหญ่เป็นพวกตำราบริหาร ตำราการแพทย์ต่างประเทศ รวมถึงตำราเรียนด้วย
ปราณไล่มือไปจนไปหยุดที่หนังสือเล่มนึงโดยไม่ได้ตั้งใจเหมือนความรู้สึกสั่งให้หยุด ปราณหยิบหนังสือเล่มนั้นออกมาก็พบว่ามันคือตำราเล่มเดียวกับในรูป ปราณเปิดหนังสือนั้นแบบกรีดๆ แล้วก็ชะงัก เพราะเจอลายมือใครบางคนเขียนอยู่ในหน้าหนังสือว่า “อีกนิดเดียวจะจบบทนี้แล้ว สู้ๆ”
ปราณตะลึงเพราะคุ้นเคยกับลายมือนี้ เสียงหัวเราะของอัณณาดังแว่วเข้ามา ปราณผงะแล้วรีบเปิดหาข้อความในหน้าต่อๆไปซึ่งมีข้อความซ่อนอยู่เป็นระยะๆของหนังสือ
“ลุกไปดื่มน้ำหน่อย ไป๊”
“กินข้าวหรือยัง ไปหาอะไรกินเลย เร็วๆ”
“อ่านถึงตรงนี้แล้ว ให้หยุดพัก ร้องเพลง1เพลง ปฏิบัติ”
“อนุญาตให้พักด้วยการโทรมาหาอัณ”
ภาพอัณณาในสมัยเรียนแว่บมาในหัวของปราณ เป็นภาพอัณณาในช่วงต่างๆ ที่ดูสดใส ร่าเริง น่ารัก หัวเราะ
เหตุการณ์ในอดีตย้อนกลับมา ปราณในวัยเรียนเพิ่งเลือกหนังสือเสร็จก็เดินเข้ามาเห็นว่าอัณณากำลังเขียนอะไรลงไปในตำราเรียนของเขาอยู่
"เขียนอะไร” ปราณถาม
อัณณารีบปิดหนังสือ "ไม่บอก" ปราณจะเข้ามาเปิดดู อัณณารีบร้องห้าม "อ่ะ ถ้าเปิดดูก่อนขอให้สอบตก"
"เฮ้ย! มาเขียนหนังสือคนอื่น แล้วยังมาแช่งอีก"
"อยากรู้ว่าอัณเขียนอะไรไว้ ก็รีบๆอ่านให้จบนะ หุๆๆ" อัณณาหัวเราะ
เหตุการณ์ในอดีต ปราณนั่งอ่านตำราอยู่อย่างตั้งใจ พออ่านถึงคำไหน ปราณก็ทำตามคำนั้น
ปราณลุกไปดื่มน้ำ
ปราณลุกไปเปิดตู้เย็นหยิบแอปเปิ้ลมากิน
ปราณเอนหลังร้องเพลง
ปราณโทรหาอัณณา เขาคุย หัวเราะอย่างมีความสุข
อัณณายื่นกล่องของขวัญให้
"อ่ะ ให้"
"เนื่องในโอกาสอะไร" ปราณถาม
"เนื่องในโอกาสอยากให้ไม่ได้เหรอ..เปิดดูสิๆ"
ปราณเปิดออกพบว่าข้างในคือชุดถ้วยชา
"ทีนี้ปราณจะได้ดื่มชาได้ทุกเวลาที่ต้องการไง แล้วอย่าลืมส่งเทียบมาเชิญอัณไปร่วมปาร์ตี้ชาเขียวด้วยนะ"
อัณณายิ้มแย้ม ปราณเป็นปลื้ม
เหตุการณ์ปัจจุบัน ปราณผงะจนตาโตเพราะเริ่มจำได้มากขึ้น เขาตื่นเต้นกับความทรงจำที่เกิดขึ้นพร้อมกับมองไปที่ชุดถ้วยชาด้วยความรู้สึกว่ามันสำคัญมาก
ชมนาดกดโทรศัพท์ด้วยท่าทางหงุดหงิด
พอมีคนรับชมนาดก็ปรับเสียงเย็นลง "คุณสินธร คุณอยู่ที่ไหนคะ"
สินธรนั่งคุยโทรศัพท์อยู่ในรถที่กำลังวิ่งอยู่
"ชั้นไม่รับครั้งสองครั้ง เธอก็น่าจะรู้แล้วว่าชั้นไม่สะดวก จะโทรมาอีกทำไม"
"ชมเป็นห่วงคุณไม่ได้เหรอ คุณกำลังจะเข้าบริษัทหรือเปล่าคะ"
"ถ้าเสร็จธุระแล้วจะเข้าไป"
ชมนาดรีบถาม "ธุระอะไรคะ!! คุณน่าจะบอกชมบ้าง เผื่อชมจะช่วยอะไรคุณได้"
"ชมนาด เธอช่วยอยู่เฉยๆดีที่สุดแล้ว"
สินธรตัดสายแล้วนั่งรถต่อไปด้วยสีหน้ากระหยิ่ม
ชมนาดหงุดหงิดและแค้น ธนาฒน์เดินพรวดเข้ามาก็ตื่นเต้นที่เพิ่งรู้เรื่องพสุวัฒน์ป่วย
"พี่ชม พี่รู้ยังว่าคุณพสุวัฒน์ผ่าตัดเนื้องอกในสมอง..ข่าวดีอย่างนี้ ทำไมไม่มีใครโทรบอกผมเลย"
แล้วธนาฒน์ก็ชะงักเพราะเห็นสีหน้าท่าทางของชมนาดที่กำลังหงุดหงิดอยู่
"พี่ชม หงุดหงิดอะไรอยู่เหรอครับ"
"ธนาฒน์ ถ้าต้องเลือกชั้นกับคุณสินธร เธอจะเลือกใคร"
"ผมก็ต้องเลือกพี่ชมสิครับ คุณสินธรเขาไม่จริงใจ บอกจะปั้นผมให้มาแทนที่คุณปราณ สุดท้ายเขาก็หักหลังผมหน้าตาเฉย ทำไมพี่ถึงถาม หรือคุณสินธรหักหลังพี่"
"ไม่มีทาง เขาไม่มีทางได้หักหลังชั้นแน่" ชมนาดเคียดแค้น
อิ่มอยู่ในครัว ภัทรินตามเข้ามาเปิดน้ำดื่มเพื่อจะถามต่อให้รู้เรื่อง
"ป้าอิ่มขา ปิดบังอะไรหนูอยู่ บอกมาซะดีๆ"
อิ่มแกล้งทำเป็นยุ่งมากๆ "คุณภัทอย่าเพิ่งกวนป้าค่ะ ป้าต้องรีบทำอาหารก่อน ออกไปก่อนนะคะ ไปๆ"
ภัทรินเข้าไปยกหม้อออก "จะต้มน้ำ แต่ไม่จุดเตาน่ะเหรอคะป้าอิ่ม"
อิ่มเลิ่กลั่ก ภัทรินจ้องอย่างคาดคั้นมากยิ่งขึ้นเพื่อกดดันอิ่ม ทันใดนั้นมือถือภัทรินก็ดังขึ้นมาก่อนภัทรินหยิบมากดรับสายแบบไม่ทันดูเบอร์
"ฮัลโหล"
อัณณากับปราณนต์ที่เปลี่ยนชุดแล้วกำลังเดินออกมาด้านหน้าของโรงพยาบาล โดยปราณนต์กำลังพูดโทรศัพท์ไปด้วย
"เธออยู่ที่บริษัทแล้วใช่มั้ยภัทริน"
ภัทรินแทบพรวดน้ำที่กำลังดื่ม เธอทำหน้าเหลอหลา อิ่มจะชิ่งหนีแต่ภัทรินจับมือเอาไว้ก่อน
"เอ่อ ชั้น ชั้นกำลังเดินทางอยู่ รถติดมากๆๆ แล้วพี่แท็กซี่ยังพาหลงทางอีก เลยเสียเวลานิดหน่อย" ภัทรินโกหก
อิ่มพยายามดึงมือออก "ปล่อยป้าเถอะค่ะ"
"ชู่ว์” ภัทรินส่งสัญญาณให้อิ่มเบาเสียง
ปราณนต์ได้ยินเสียงก็เอะใจและรู้ทันภัทริน
"เธอยังไม่ออกจากบ้านอีกเหรอ"
"ก็ ก็กำลังจะไป" ภัทรินบอก อิ่มดึงมือจนหลุดแล้วรีบออกไป ภัทรินพูดโทรศัพท์ต่อ "อย่าด่า ชั้นไม่ได้สายเพราะช้อปปิ้งออนไลน์อยู่ แต่เพราะชั้นดูแลน้องชายคุณอยู่ เออๆ จะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ เดี๋ยวๆๆ อย่าเพิ่งวาง ถ้าคุณไปถึงบริษัทแล้ว ไปถามฝ่ายบัญชีที..ไอ้เอกสารที่คุณเอามาให้ชั้นตั้งเบ่อเริ่มนั่นน่ะ รู้สึกว่ามันจะมีบางส่วนหายไป"
"อะไรที่หายไป" ปราณนต์ถาม
"ไม่รู้ รู้แต่ว่ามันมีบิลที่ถูกชักออกไป แค่นี้นะ"
ภัทรินตัดบทแล้ววางสายด้วยอาการเหนื่อยใจจริงๆ แล้วเธอก็รีบตามอิ่มไป
ภัทรินเดินออกมาที่โถงกลางของบ้านแล้วมองหาอิ่ม
"ทำเป็นมีความลับนะป้าอิ่ม อย่าให้รู้เชียว"
อัณณาแปลกใจ
"มีเอกสารหายไป อะไรคะ"
"ผมก็ไม่รู้ แต่ไม่มีอะไรน่าแปลกใจ ไอ้คนที่ยักยอกเงินบริษัทมันก็คงจะมาแอบเก็บกวาดร่องรอยไปหมดแล้ว"
"งั้นแปลว่าเราจะไม่มีหลักฐานเอาผิดคนพวกนั้นเลยเหรอ" อัณณาถามต่อ
ปราณนต์หนักใจและเครียด
ภัทรินมาเคาะประตูที่ห้องปราณ เธอค่อยๆ เปิดประตูเข้ามามอง ภัทรินเปลี่ยนชุดเตรียมไปทำงานแล้ว
แต่ปราณยังนั่งนิ่งหน้าจอคอมพิวเตอร์
"หมอ" ภัทรินเห็นคอมพิวเตอร์ที่เปิดได้ก็สงสัย "อ้าว ไหนป้าอิ่มบอกว่าคอมฯนายใส่รหัสไว้ ฮ้า นายจำรหัสได้แล้วเหรอ"
"อื้อ ผมจำได้ด้วยว่าอัณณาเป็นคนซื้อชุดชาถ้วยนั้นให้ผม" ปราณบอก
ภัทรินอึ้งไปเล็กน้อย "แล้วนี่ทำอะไรอยู่"
"กำลังรออยู่ว่าจะจำอะไรได้อีก"
ภัทรินยื่นหน้ามามองที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เธอมองไปมองมาแล้วก็ฉงน "หน้าจอคอมฯมันมีอะไรงั้นเหรอ จ้องจัง"
"ผมก็ไม่รู้ ผมรู้สึกว่า มันมีอะไรที่สำคัญ สำคัญมาก เกี่ยวกับคอมฯ"
"แล้วถ้านึกไม่ออก จะรอไปถึงเมื่อไหร่" ภัทรินว่า
"ผมก็อยากรู้เหมือนกัน"
"นายนี่ประสาท งั้นก็นั่งนึกไปนะ เพราะชั้นต้องไปทำงานแล้ว พี่ชายนายโทรมาจิกให้ไปช่วยหาหลักฐานการทุจริต เฮ้อ ท่าทางวันนี้ชั้นจะต้องไฝว้ท์กับฝ่ายบัญชีใหญ่จีแอลเอสแน่"
"ฝ่ายบัญชี”
ภาพในอดีตแว่บเข้ามาในหัวของปราณ เป็นภาพตอนที่ปราณกับอัณณาแอบเข้าไปในแผนกบัญชี
ปราณมีอาการแปล๊บที่ศีรษะ แต่ภัทรินยังเอาแต่บ่นทำให้ไม่ทันสังเกตเห็น
"ชั้นว่ามีสิทธิที่ฝ่ายบัญชีของจีแอลเอสจะรู้เห็นเป็นใจกับการทุจริตในบริษัท เผลอๆเอกสารที่ถูกชักหายไป ก็ฝีมือพวกบัญชีนี่แหละ คอยดู เดี๋ยวชั้นจะไปประกาศศักดาสะใภ้เล็กสั่งให้ดาวน์โหลดไฟล์ทุกไฟล์มาให้หมด"
ภาพในอดีตแว่บเข้ามา เป็นภาพปราณที่ค้นดูข้อมูลในหน้าจอ ภาพข้อมูลต่างๆ ภาพหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่กำลังส่งข้อมูลอะไรสักอย่างผ่านอีเมล์
ปราณร้องออกมา "โอ๊ย โอ๊ย"
"หมอ เป็นอะไร" ภัทรินตกใจ
ปราณปวดหัวและมีสีหน้าแววตาที่ยังจับต้นชนปลายกับภาพความทรงจำที่เกิดขึ้นไม่ถูก ภัทรินรู้สึกเป็นห่วง
คลิปการชกต่อยกันของปราณนต์กับธนาฒน์ฉายที่หน้าจอ พวกกรรมการ สุพจน์ และศิลานั่งชมคลิปนั้นอยู่
"ดิฉันเห็นว่าเรื่องนี้สำคัญกับภาพลักษณ์องค์กรมากจริงๆ จึงต้องเชิญทุกท่านมาเพื่อจัดการโดยเร่งด่วน" ชมนาดบอก
บรรดากรรมการดูภาพในจอด้วยความเครียด ชมนาดลอบสบตากับธนาฒน์
ภัทรินประคองปราณให้นั่งแล้วเอ่ยถาม
"ไหวมั้ยหมอ"
"อีเมล์" ปราณเปรยออกมา
ภัทรินงง "คะ"
"อีเมล์ของผม มีข้อมูลสำคัญอยู่ในนั้น"
ปราณรีบลุกผลุนผลันไปที่คอมพิวเตอร์ ภัทรินรีบตามและรอดู
"ในอีเมล์คุณมีข้อมูลอะไร" ภัทรินถาม
"ผมไม่รู้ แต่อยู่ๆผมก็รู้สึกว่ามันมีอะไรที่สำคัญมากอยู่ในนั้น ผมรู้สึกจริงๆไม่ได้คิดไปเอง"
"หรือจะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับคดีทุจริต"
ปราณรีบคลิกเปิดเข้าไปในโปรแกรมเอ้าท์ลุค แล้วเขาก็ชะงักจ้องหน้าจอนั้นด้วยความคุ้นเคย
ภาพในอดีตย้อนกลับมา เป็นภาพตอนที่อัณณาหยิบแฟ้มที่เขียนไว้ว่า “สำเนาใบสั่งซื้อและเบิกจ่าย สาขาอยุธยา” ออกมากางบนโต๊ะ
ปราณรีบเปิดผลิกดูมองหาชื่อผู้รับผิดชอบ
"ลายเซ็นผู้รับผิดชอบการสั่งจ่าย ทุกรายการ คนเซ็นคือคนๆเดียวกัน" อัณณาบอก
"ใคร" ปราณถาม
ลายเซ็นของภัทรินปรากฏชัดเจน
"นางสาวภัทริน สุคนธกาญจน์"
"ภัทริน"
ทันใดนั้นเสียงลิฟท์เปิดก็ดัง "ติ๊ง"
ปราณกับอัณณารีบหลบแล้วมองดูว่าใครมา
ยามคนหนึ่งเดินฮัมเพลงมาตรวจสอบความเรียบร้อยตามหน้าที่ เขาถือไฟฉายส่องไฟแล้วเดินแยกไปอีกด้านหนึ่งของแผนก ปราณรีบวกกลับไปที่คอมพิวเตอร์
"ปิดเครื่องแล้วไปเร็ว" อัณณาบอก
อัณณาชวนให้ปราณอาศัยจังหวะที่ยามเดินไปสำรวจอีกด้านเพื่อออกไปจากห้องนี้ แต่ปราณยังง่วนอยู่ที่คอมพิวเตอร์
"ทำอะไรอยู่ ไปได้แล้ว" อัณณาเร่ง
ปราณยังคงวุ่นอยู่ที่หน้าจอ
"ปราณ”
ปราณกำลังก๊อปไฟล์ข้อมูลสำคัญๆส่งผ่านอีเมล์
ยามเดินกลับมาพร้อมกับแสงไฟฉายสาดส่องไปมา
"ปราณ”
ปราณทำการส่งอีเมล์จนสำเร็จ ปราณรีบปิดจอในจังหวะพอดีกับยามที่เห็นอะไรไหวๆ ทางหางตา ยามหันมาส่องไฟเข้ามา ปราณโผกอดอัณณาล้มลงไปหมอบหลบกับพื้นก่อนจะทำตัวนิ่งๆ ยามส่องไฟปต่ก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติจึงเดินออกไป ปราณกอดกับอัณณาอยู่บนพื้น
เหตุการณ์ปัจจุบัน ปราณตกตะลึงในสิ่งที่จำได้ขึ้นมา
"แผนกบัญชี..ผมส่งข้อมูลมาจากแผนกบัญชีจีแอลเอส" ปราณพูด
"หา..เคยเมื่อไหร่ ตอนไหน ละเมอป่าว" ภัทรินถาม
"ผมจำได้จริงๆ"
ปราณจะเปิดดูอีเมล์ แต่ภัทรินเอะใจที่เห็นเป็นชื่อ pran@gls.com
"เดี๋ยวๆๆ" ภัทรินอ่านชื่ออีเมล์ "ปราณแอดจีแอลเอสดอทคอม อ้าว นี่มันอีเมล์คุณปราณ ไม่ใช่อีเมล์ของนาย"
ปราณไม่สนใจ เขารีบเปิดดูกล่องข้อความ
"เฮ้ย หมอ ไปเปิดอีเมล์คนอื่นดูได้ยังไง เสียมารยาท" ภัทรินว่า
"ไม่ใช่ของคนอื่น" ปราณบอก
"พี่ชายก็ถือเป็นคนอื่น" ภัทรินดึงคอมพิวเตอร์แล้วแย่งมา
"เฮ้ย เอาคืนมา" ปราณบอก
"อย่า ถ้ามันมีข้อมูลสำคัญอยู่ในนี้ ชั้นจะเอาไปให้พี่ชายนายเปิดเอง"
ภัทรินคว้าคอมพิวเตอร์แล้วเดินออกไปจากห้อง
"ภัทริน เอาคอมฯผมคืนมา"
ปราณทั้งหงุดหงิดทั้งเซ็ง
ปราณนต์กับอัณณาเข้ามาในบริษัท เดียกับแจ็ครีบวิ่งมาหา
"คุณปราณ คุณอัณณาครับ"
"มีอะไร" อัณณาถาม
แจ็คสะกิดเดีย "พูดไปสิ อย่างที่ซ้อมไว้นะ"
"คือ คือว่าเดีย ฮือๆๆ &^#GFS#" เดียจะพูดว่าไม่ได้ตั้งใจจะถ่ายคลิปจนเป็นเรื่อง แต่เธอก็เอาแต่ร้องไห้จนพูดไม่เป็นภาษามนุษย์
"ตั้งสติหน่อย ฮึ่บ ฮึ่บ แล้วค่อยๆพูด" แจ๊คเตือนสติ
"คุณปราณ คือ เดียขอโทษ ฮือๆๆๆ &^$GFJIOW@%”
"แจ็ค มีเรื่องอะไรเธอพูดแทนมาเลย" อัณณาเซ็ง
แจ็คอ้าปากจะบอกแต่ก็ต้องอ้าค้างไปเพราะมองผ่านหน้าอัณณากับปราณนต์ไปเห็นชมนาดเดินเข้ามาพอดี
"คุณปราณ คุณอัณณาคะ รบกวนเชิญที่ห้องประชุมค่ะ" ชมนาดบอก
ปราณนต์อึ้งและวิตก
ปราณนต์กับอัณณาเดินตามชมนาดไปตามทางที่ไปยังห้องประชุม ทั้งสองพบธนาฒน์รอต้อนรับอยู่แล้วที่หน้าห้อง
"พวกคุณมีแผนอะไรอีก" ปราณนต์ถาม
"แผน ไม่มีหรอกครับ วันนี้มีแต่คลิป" ธนาฒน์บอก
ปราณนต์กับอัณณาชะงัก
อ่านต่อหน้าที่ 2
ลมซ่อนรัก ตอนที่ 9 (ต่อ)
ปราณนต์กับอัณณาเดินเข้ามาในห้องประชุมแล้วพบพวกกรรมการรออยู่กันครบชุดแต่ไม่มีสินธร ปราณนต์กับอัณณาสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ไม่เป็นมิตร
"สวัสดีครับ กรรมการทุกท่านมาประชุมกันโดยไม่ได้นัดหมาย คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ เรื่องอะไรครับ" ปราณนต์ถาม
ชมนาดกับธนาฒน์นั่งอยู่อีกด้าน
"มีคนส่งคลิปๆนึงมา พวกเราเลยอยากให้คุณกับผู้ช่วยของคุณอธิบายความจริงที่เกิดขึ้น" ศิลาบอก
"คลิปอะไรคะ" อัณณาถาม
"คลิปผู้บริหารองค์กรใหญ่ชกต่อยกับพนักงานหน้าบริษัท" ชมนาดว่า
"อธิบายสิครับว่าชกผมเพราะอะไร" ธนาฒน์บอก
สุพจน์ขัดขึ้น "เรื่องคลิปนี้ช่างมันเถอะ"
ชมนาดกับธนาฒน์งง
สุพจน์พูดต่อ "มันอาจจะทำให้เสียภาพลักษณ์บริษัทนิดหน่อย ช่างมันไปเถอะ ผมอยากรู้ฟังคำอธิบายของอีกคลิปนึงมากกว่า"
"มีคลิปอื่นอีกเหรอคะ" ชมนาดถาม
ชมนาดกับธนาฒน์ข้องใจ ทั้งสองหันมองหน้ากันไปมา
ธนาฒน์กระซิบถาม "คลิปอะไรอ่ะพี่ชม"
"ชั้นไม่รู้" ชมนาดบอก
สุพจน์กดเปิด ภาพในจอเป็นภาพจากซีซีทีวีในห้องบัญชี จากห้องบัญชีที่ว่างเปล่าปิดไฟมืด สักพัก ประตูก็เปิดออก ปราณกับอัณณาก้าวเข้ามาในห้องนั้น ปราณนต์กับอัณณาอึ้ง ชมนาดกับธนาฒน์ก็อึ้งไปด้วยกับภาพที่เห็นเพราะไม่เคยรู้มาก่อนเลย อยู่ๆเสียงสินธรก็ดังเข้ามา
"จำเหตุการณ์วันนั้นได้ใช่มั้ยปราณ" สินธรถาม
สินธรเดินเข้ามาด้วยท่าทางยิ้มกระหยิ่ม ที่แผนการทุกอย่างของเขาลงล็อก
"อาสินธร” ปราณนต์ตกใจ
"วันที่จีแอลเอสจัดงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จให้กับเธอ แต่เธออาศัยจังหวะนั้นแอบเข้าไปในแผนกบัญชี มันหมายความว่ายังไง" สินธรถาม
ปราณนต์อึ้ง
เดียกำลังยืนประสานมือไว้ที่อกพร้อมทั้งเงยหน้าอ้อนวอนท้องฟ้าอยู่ที่ริมหน้าต่าง
"ทำไรของแก" แจ๊คถาม
"ชั้นกำลังส่งพลังความดีทั้งหมดของชั้น ไปช่วยคุณปราณแคล้วคลาดจากภัยอันตรายค็อตๆ ทั้งปวง..มา มาช่วยกันส่งพลัง" เดียดึงแจ็คมายืนข้างๆ แล้วให้ทำท่าเดียวกัน
ภัทรินเดินจ้ำเข้ามาในบริษัทแล้วถือคอมพิวเตอร์มาด้วย เดียกับแจ็ครีบเข้าไปหา
"คุณปราณอยู่ไหน" ภัทรินถาม
เดียพูดโดยยังไม่หันมา "อยู่ในอันตราย"
"ค็อตๆทั้งปวง" แจ๊คว่า
"อันตรายอะไร"
เดียกับแจ็คหันกลับมาก็ตกใจ ภัทรินจ้องเพราะอยากรู้ว่าปราณมีปัญหาอะไร
สินธรกดหยุดภาพไว้ในจังหวะที่มองเห็นชัดเจนว่าคือปราณกับอัณณา
"ดูยังไงมันก็ใช่เธอสองคน แอบเข้าไปทำอะไรในแผนกบัญชี มันไม่ใช่อย่างที่อาคิดใช่มั้ยปราณ" สินธรว่า
"สิ่งที่อาคิดอยู่คืออะไรล่ะครับ" ปราณนต์ถาม
"รู้สึกจะเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เราเริมสืบพบว่ามีการยักยอกเงิน เบ็ดเสร็จราว17ล้านไปจากบริษัท ทีแรกเธอบอกว่าเธอโดนใส่ร้าย เราทุกคนก็เชื่อและให้โอกาสเธอพิสูจน์ตัวเอง แล้วคลิปนี้คืออะไร" สินธรถาม
"ตอนนั้นเราระแคะระคายเรื่องทุจริตเหมือนกัน เลยต้องเข้าไปหาว่ามันเกิดรอยรั่วขึ้นตรงส่วนไหน" อัณณาอธิบาย
"แล้วทำไมต้องลับๆล่อๆ ขอเอกสารมาตรวจสอบดีๆไม่ง่ายกว่าเหรอ" สินธรถามต่อ
"เพราะเราเชื่อว่ามีใครบางคนอยู่เบื้องหลังและเขาจะทำให้เราไม่ได้เอกสารที่เราอยากได้" ปราณนต์บอก
"ใครบางคนน่ะใคร เหตุผลที่จับต้องไม่ได้ มันไม่น่าเชื่อถือเลยนะ" สินธรว่า
ทันใดนั้นภัทรินก็เปิดประตูพรวดเข้ามา
"ขอโทษนะคะ"
ภัทรินมองคนในห้องประชุม พอมองภาพที่ฉายอยู่ที่จอก็ชะงักไปด้วยความแปลกใจและไม่เข้าใจ
"หรือใครบางคนที่ว่า คือภัทริน" สินธรถามขึ้น
ภัทรินงง "คะ"
"ภัทริน เธอพูดตลอดว่าเธอถูกใส่ร้ายใช่มั้ย..งั้นดูสิว่าเจ้านายของเธอแอบเข้าไปทำอะไรในห้องบัญชีก่อนหน้าที่เราจะพบหลักฐานว่าคนยักยอกเงินจีแอลเอสคือเธอ"
ภัทรินตกใจ "อะไรนะ"
ภัทรินอึ้ง เธอมองหน้าปราณนต์ราวกับจะขอคำตอบและความจริง
สินธรพูดต่อ "ชั้นก็ไม่อยากคิดในแง่ร้ายนะ แต่รูปการณ์อย่างนี้จะให้คิดเป็นอย่างอื่น มันก็คิดไม่ได้"
"คุณปราณ คุณมีอะไรจะพูดหรือเปล่า" ศิลาถาม
"ถ้าคุณให้ความกระจ่างกับพวกเราไม่ได้ เราคงต้องให้คุณหยุดพักงานไว้ก่อนแล้วตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบ" สุพจน์บอก
ภัทรินตกใจแต่ก็ไม่ยอมให้ปราณนต์โดนเล่นงาน "ไม่ใช่ค่ะ คุณปราณไม่ใช่คนยักยอกเงินแล้วใส่ร้ายดิฉัน"
ทุกคนงง
ภัทรินพูดต่อ "ดิฉันยืนยันได้ว่าไม่ใช่คุณปราณ เพราะดิฉันได้หลักฐานที่ชัดเจนแล้ว ว่าใครคือตัวการ"
"หลักฐานอะไร เธอได้มาได้ยังไง" ธนาฒน์ว่า
"เธออย่ามาพูดเหลวไหลนะภัทริน นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น" สินธรบอก
"ชั้นไม่เคยล้อเล่น" ภัทรินโชว์คอมพิวเตอร์แบบอวดๆ "พรุ่งนี้ดิฉันจะนำหลักฐานที่ดิฉันมีมาวางให้กับทุกท่านดู คุณธนาฒน์กับคุณสินธรมาด้วยนะคะ"
ภัทรินสะบัดหน้าไปหาปราณนต์แล้วลากให้ออกไป สินธรกับธนาฒน์อึ้ง
ภัทรินรีบพาปราณนต์เดินออกมา
"ในคอมฯมีอะไร" ปราณนต์ถาม
"อย่าเพิ่งถามได้มั้ย รีบไปก่อน"
พวกสินธรเดินตามออกมา แต่อัณณารีบมาขวางหน้าทุกคนเอาไว้
"เดี๋ยวก่อนค่ะ ไม่ทราบว่าคิวพรุ่งนี้ทุกท่านสะดวกกี่โมงคะ ดิฉันจะได้ทำนัดจองห้องประชุมเอาไว้รอ"
ชมนาดกับธนาฒน์เดินผ่านอัณณาไป พวกสินธรได้แต่มองด้วยความหงุดหงิด
ชมนาดเดินมาหยุดมองปราณนต์กับอัณณาที่ลงลิฟท์ไปอีกด้าน ธนาฒน์รีบปราดเข้ามาหา
"พี่ชม ภัทบอกว่ามันมีหลักฐาน ในคอมฯเครื่องนั้น มันพูดจริงหรือเปล่า ถ้าจริง ผมซวยแน่เลยพี่ ผมจะทำยังไงดี" ธนาฒน์ถาม
"ถ้าแค่นี้ยังโง่คิดไม่ออก ก็นั่งอยู่เฉยๆรอให้พวกมันลากเธอเข้าคุกแล้วกัน" ชมนาดว่า
ชมนาดหันมองไปอีกด้านก็เห็นสินธรกำลังเชื้อเชิญกรรมการไปที่ห้องของเขา
"คุณสินธร"
ชมนาดสะบัดหน้ากลับไป ธนาฒน์เงอะงะว่าจะเอายังไงดี แต่แล้วเขาก็ตัดสินใจว่าต้องจัดการภัทรินก่อนเป็นอันดับแรก ธนาฒน์รีบวิ่งตามภัทรินไป
ภัทรินกับณนต์รีบเดินมาที่รถส่วนตัวของปราณนต์ ทั้งคู่รีบขึ้นรถแล้วขับออกไป ธนาฒน์รีบวิ่งตามออกมามองก่อนจะหยิบมือถือมากดโทรออก
สินธรกำลังเชิญพวกกรรมการที่ห้องของตัวเอง
"ผมมีเรื่องจะแจ้งอีกเรื่องเดียว ขอเวลาแค่ห้านาทีเท่านั้นครับ" สินธรบอก
สินธรกำลังจะตามเข้าไป แต่ชมนาดเข้ามาหาสินธรแล้วคุยกันด้วยความระวังว่าคนอื่นจะได้ยิน
"ทำไมคุณไม่บอกชมก่อนเรื่องภาพวงจรปิด" ชมนาดถาม
"แล้วไง บอกกับไม่บอกต่างกันยังไง" สินธรว่า
"เพราะชมทำทุกอย่างเพื่ออนาคตของเราสองคน ชมเลยคิดว่าเราไม่ควรมีความลับต่อกัน สรุปว่าชมคิดไปคนเดียวเหรอคะ"
"คุณก็รู้ว่ายิ่งมีคนรู้ความลับเยอะ เราก็ยิ่งต้องระแวงตัวมาก เพราะเราอาจจะถูกหักหลังได้ทุกเมื่อ"
"คุณคิดว่าชมจะหักหลังคุณ"
"นี่ไม่ใช่ที่ๆเราจะคุยกัน เชื่อใจผม แล้วไปทำงานของตัวเองไป"
สินธรกำลังจะไป ชมนาดเรียกไว้
ชมนาดถามวัดใจกึ่งข่มขู่ "สรุปว่าคุณจะไม่บอกแผนให้ชมทราบใช่มั้ยคะ"
สินธรดึงมือชมนาดออกอย่างฉุนนิดๆที่เธอพูดไม่รู้เรื่อง แล้วเขาก็เดินเข้าห้องทำงานไป ชมนาดแค้น
ปราณนต์ถามภัทรินต่ออย่างอยากรู้
"เธอจะบอกได้หรือยังว่าในคอมฯมีหลักฐานอะไร" ปราณนต์ถาม
"ไม่รู้เหมือนกัน" ภัทรินบอก
"อ้าว แล้วเธอไปรับปากว่าพรุ่งนี้จะเอาหลักฐานมาให้ได้ยังไง"
ภัทรินรีบเถียง "ชั้นเห็นคุณกำลังถูกต้อนให้จนมุม ก็เลยช่วยพาออกมาก่อน"
ปราณนต์อึ้ง "หา"
ภัทรินรีบดักคอ "อย่าเพิ่งด่า ชั้นยังไม่ได้หลักฐาน แต่ก็รู้แล้วว่าหลักฐานอยู่ในอีเมล์ของนาย เอ้า ลองเปิดดู"
ปราณนต์งง "อีเมล์ชั้น"
ภัทรินประชด "ค่ะ อีเมล์คุณปราณ ชื่อปราณหรือเปล่าล่ะคะ"
ธนาฒน์ขับรถไล่ตามหลังมาด้วยสีหน้าเอาจริงแบบพร้อมแลกหมัด เขาหยิบปืนออกมาจากชองใต้คอนโซลแล้ววางไว้ข้างตัว แต่แล้วธนาฒน์ก็เอะใจ เพราะรถของปราณนต์หักชิดซ้ายแล้วจอดข้างทาง ธนาฒน์รีบชิดซ้ายจอดแล้วรอดูอยู่ห่างๆ
"มันจอดทำไม" ธนาฒน์สงสัย
ปราณนต์เอาคอมพิวเตอร์มาถือไว้
"หมอณนต์บอกว่า เขาจำได้ว่า เขาเข้าไปในแผนกบัญชีของจีแอลเอส แล้วก็ดาวน์โหลดบางอย่างที่สำคัญมากไปไว้ในอีเมล์คุณ"
"เธอพูดจริงเหรอ" ปราณนต์บอก
"ชั้นจะโกหกเอาออสการ์หรือไง..ชั้นก็ไม่รู้ว่าเขาเคยไปแผนกบัญชีได้ยังไง แต่เขาดูมั่นใจด้วยว่ามันสำคัญมาก เอ้า ต่อฮอตสปอทแล้ว เปิดอีเมล์ดูเร็ว"
ปราณนต์เปิดอีเมล์ขึ้นมาดูเห็นว่าเป็นอีเมล์ของปราณ เขารีบคลิกเข้าไปดูในอินบ็อกก็เห็นว่าเป็นไฟล์ที่ถูกส่งมาจากแผนกบัญชีจีแอลเอส อยู่ๆ ก็มีรถบรรทุกเล็กขับปาดมาจอดด้านหน้ารถของปราณนต์ รถทำทีเหมือนจะจอดปกติแต่กลับค่อยๆ ถอยหลังมาจนประชิดรถของปราณนต์จนปราณนต์ตกใจ เขาบีบแตรไล่เสียงดังยาว รถบรรทุกคันนั้นจอดสนิท
"ตาบอดหรือเปล่า" ภัทรินว่า
ภัทรินกับปราณนต์กำลังจะดูอีเมล์ต่อ แต่ทันใดนั้นประตูตู้เหล็กด้านหลักก็ถูกผลักออกมาจากด้านใน ชายคนหนึ่งยืนตระหง่านถือปืนเล็งรออยู่แล้ว ปราณนต์กับภัทรินตกใจ
ทันใดนั้นก็มีชายอีกคนพุ่งเข้ามาที่กระจกด้านที่ปราณนต์นั้งแล้วทุบกระจกให้แตกด้วยมือที่ใส่สนับดังเพล้ง กระจกแตกกระจาย ชายนั้นยื่นมือไปคว้าคอมพิวเตอร์จากมือปราณนต์แล้วกระชากมาทันที
ปราณนต์จะแย่งคืน "เฮ้ย"
ปราณนต์จะแย่งคืน ชายคนนั้นชกเขาเต็มๆ ชายอีกคนถือปืนเล็งอยู่ ปราณนต์ผงะ ชายที่ถือปืนเล็งกำลังรอฟังคำสั่งจากบลูทูธ
ธนาฒน์สั่งการอยู่ใรถ
"จะรอทำไม ยิงไอ้ปราณเลย”
ชายที่ถือปืนรับคำสั่งจะยิงปราณนต์ ทันใดนั้นปราณนต์ก็เข้าเกียร์แล้วถอยหลังยาวแบบไม่คิดชีวิต
เสียงปืนดังลั่น รถของปราณนต์ยังถอยไปไม่หยุด พอตั้งหลักได้เขาก็หักเลี้ยวรถปาดผิวถนนจนฝุ่นกระจายเพื่อกลับรถ
ในจังหวะที่รถหมุนเพื่อกลับ ภัทรินมองไปด้านข้างก็เห็นธนาฒน์นั่งอยู่ในรถคันนั้น ต่างคนต่างสบตากันอย่างคาดไม่ถึง ภัทรินตาเบิกโต
รถของปราณนต์กลับหัวเสร็จแล้วก็พุ่งหนีไปทันที รถบรรทุกของพวกคนร้ายรีบแล่นไล่ตามไปติดๆ
ธนาฒน์นั่งช็อกอยู่ในรถ
"มันเห็นชั้น ไอ้บ้าเอ๊ย มันเห็นชั้น" ธนาฒน์สั่งการผ่านบลูทูธ "ชั้นไม่ต้องการให้มันทั้งคู่มีชีวิตอีก"
พวกกรรมการกำลังดูเอกสารแล้วส่งต่อๆกันไป
"นี่เรื่องจริงเหรอคุณสินธร" ศิลาถาม
"ผมก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกัน" สินธรพูด "แต่มีเงินที่ไม่รู้ที่ไปที่มาโอนเข้าบัญชีคุณปราณทุกเดือนจริง และผมได้ตรวจสอบที่มาของเงินแล้ว พบว่าทั้งหมดคือเงินสินบนจากการอนุมัติขายสินค้า สั่งจ่ายจากบริษัทคู่ค้าของเราทั้งนั้น คุณปราณใช้อำนาจผู้บริหารไปในทางมิชอบ รวมเป็นเงิน หนึ่งร้อยสามล้านกว่าบาท"
บรรดาคณะกรรมการวิตกและเครียด
"พวกคุณจะทำยังไงกับคุณปราณดีครับ" สินธรถาม
สินธรกระหยิ่มเพราะสะใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน
รถของปราณนต์แล่นฉิว ระหว่างนั้นปราณนต์ก็หันมามองภัทรินด้วยความเป็นห่วง
"คุณโอเคมั้ย" ปราณนต์ถาม
"โอเค ว้าย" ภัทรินร้องลั่น
ปราณนต์มองกระจกหลังก็เห็นรถบรรทุกยังไล่ตามมา เขากระชากรถเร่งเครื่องหนีจนภัทรินผวาและร้องลั่น
รถบรรทุกไล่ตามรถของปราณนต์ไม่ลดละ
รถของปราณนต์แล่นไปด้วยความเร็วสูง
ปราณนต์หักเลี้ยวเข้าไปในถนนที่เล็กลง รถบรรทุกเลี้ยวตาม
รถของปราณนต์แล่นผ่านซอยแยกซอยหนึ่งไป พอรถบรรทุกแล่นมาถึงก็มีรถเก๋งอีกคันออกมาจากซอยแยกนั้นโดยแล่นมาขวางหน้ารถบรรทุกพอดี รถบรรทุกจึงต้องเบรคเอี๊ยด
คนร้ายที่ขับรถบรรทุกเปิดหน้าต่างไล่ "ถอยไป ถอยไป"
ชาวบ้านที่ขับรถมาขวางต้องรีบถอยเปิดทาง รถบรรทุกแล่นต่อไป
รถบรรทุกแล่นมาอีกทางแล้วพบว่ารถของปราณนต์หายไปแล้ว คนร้ายทั้งสองเจ็บใจ
รถของปราณนต์แล่นหนีมาอีกด้านไกลออกมาเรื่อยๆ ก่อนจะจอดที่ข้างทาง
"มันตามมาไม่ทันแล้ว คุณโอเคมั้ยภัท" ปราณนต์ถาม
"ชั้นโอเค" ภัทรินนึกขึ้นมาได้ "ใช่ เมื่อกี้ตอนที่เราหนี ชั้นเห็นธนาฒน์จอดรถอยู่ ธนาฒน์ตามเรามา ต้องเป็นฝีมือเขาแน่ๆ"
ยังไม่ทันได้ไป รถของธนาฒน์ก็แล่นมาจอดขวางหน้า
ธนาฒน์ก้าวลงมาจากรถพร้อมปืน ปราณนต์กับภัทรินอึ้ง ปราณนต์กำลังจะถอยหลัง แต่ปรากฏว่า รถบรรทุกคนนั้นก็แล่นตามมาดักด้านหลังอีก คนขับบับแตรส่งเสียงดุดันมาแต่ไกล
ภัทรินตกใจ "เอาไงดีคุณปราณ"
ปราณนต์กับภัทรินผงะเพราะไม่รู้ว่าจะเอายังไงดี
"ผมให้สัญญาณแล้วลงจากรถทันที เข้าใจมั้ย" ปราณนต์บอก
"คะ"
ปราณนต์ไม่รอฟังคำตอบ เขาเปลี่ยนเกียร์เร่งเครื่องแล้วขับรถพุ่งเข้าไปหาธนาฒน์โดยทำท่าจะชน
ธนาฒน์ต้องกระโจนหลบจนปืนกระเด็น
"ไป” ปราณนต์สั่ง
ปราณนต์กับภัทรินเปิดประตูสละรถ ทั้งสองวิ่งหนีสุดชีวิตเข้าไปในไซต์ก่อสร้างแห่งหนึ่ง
"ตามมันไป" ธนาฒน์สั่งดังลั่น
อัณณารีบเข้ามาในบ้าน ขณะที่ปราณรออยู่แล้ว
"อัณ ผมต้องเข้าอีเมล์ มีบางอย่างอยู่ในนั้น" ปราณบอก
"อ้าว แล้วณนต์กับภัทรินล่ะ พวกเขาออกจากบริษัทมาก่อนอัณอีก ไม่ได้กลับมาที่บ้านเหรอ" อัณณาถาม
"ไม่รู้ ยังไม่เห็นมา คุณเปิดอีเมล์ให้ผมก่อนเถอะ เร็ว"
"ทำไมไม่มาอีก"
อยู่ๆ อิ่มก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามา
"คุณหนูคะ มีตำรวจมาขอพบค่ะ"
ปราณกับอัณณาตกใจ "หา”
ตำรวจสองนายเดินเข้ามาในบ้าน ปราณกับอัณณาเครียดเพราะรู้ว่าเป็นเรื่องไม่ดีแน่
"ขออนุญาตนะครับ คุณปราณกับคุณอัณณาใช่มั้ยครับ"
"มีเรื่องอะไรเหรอคะ" อัณณาหวั่นใจ
อัณณาเดินมาตามทางเดินในบริษัทโดยกำลังคุยโทรศัพท์มือถือไปด้วย
อัณณาแปลกใจ "ณนต์กับคุณภัทยังไม่กลับไปที่บ้านอีกเหรอ แล้วพวกเขาไปไหน อัณติดต่อไม่ได้เลย"
ปราณพูดโทรศัพท์กับอัณณาอยู่ที่บ้าน
"ผมไม่ทราบ อัณ มีหลักฐานบางอย่างอยู่ในอีเมล์ของผม ผมต้องเปิดมัน แต่ภัทรินเอาคอมของผมไป..ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ผมรู้สึกได้ว่ามันจำเป็นมาก"
"ได้ค่ะๆ อัณจะรีบกลับไปหาคุณที่บ้าน”
อัณณายังพูดไม่ทันจบก็ต้องชะงัก เพราะสินธรเดินเข้ามาหาโดยมีบอดี้การ์ดของเขาตามมาด้วย
อัณณาผงะมองสินธร มองบอดี้การ์ด แล้วก็รู้สึกได้ว่าสินธรไม่ได้มาดีแน่นอน
ปราณนต์พาภัทรินวิ่งหนีเข้ามาภายในไซต์ก่อสร้างโดยจ้ำสุดชีวิต ปราณนต์นำทางภัทริน เขากระโดดข้ามกองทราย กองอิฐไปอย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่ได้ทอดทิ้งภัทริน เขาคอยชะลอแล้วหันกลับมาดูแลภัทรินเป็นระยะๆ จนกระทั่งมาถึงทางแยกมุมอาคาร ภัทรินเงอะงะ ปราณนต์คว้ามือแล้วดึงให้เธอมาทางด้านเดียวกันเขา
ลูกน้องของธนาฒน์ 2คนวิ่งไล่ตาม โดยมีธนาฒน์วิ่งตามหลังและคอยตะโกนไล่พวกลูกน้องให้ตามไป
"แยกไปดักมันสิเว้ย"
พวกลูกน้องวิ่งแยกกันไปคนละทาง ขณะที่ธนาฒน์ไปอีกทาง
ปราณนต์วิ่งมาอีกด้านแล้วหลบมุมเพื่อหยุดพัก ภัทรินวิ่งตามมาหยุดยืนหอบ
ภัทรินหอบแฮ่กแต่ยังจะพูด "ธนาฒน์ เป็นธนาฒน์จริงๆ เขาคือคนที่โกงเงิน แล้วใส่ร้ายชั้น คุณเห็นแล้วใช่มั้ย ชั้นบริสุทธิ์"
"เก็บแรงไว้หนีก่อนมั้ย"
ภัทรินเสียงขุ่น "ชั้นมีแรง”
ภัทรินจะเถียง แต่อยู่ๆปราณนต์ก็เอามือปิดปากภัทรินในท่าที่ปราณนต์ยืนซ้อนหลังแล้วอ้อมมือมาปิดปากภัทริน ทั้งสองคนยืนนิ่งเงียบ ลูกน้องธนาฒน์คนนึงวิ่งผ่านมามองหาแล้ววิ่งไปอีกทาง ปราณนต์ปล่อยมือจากภัทริน
ปราณนต์บอกภัทริน "มาทางนี้"
ปราณนต์เดินนำออกไปแต่ภัทรินมัวแต่เช็ดปากเพราะไม่รู้ว่ามือปราณนต์ไปจับอะไรมาบ้าง
ภัทรินเช็ดปากแล้วพ่นเหมือนมีอะไรที่ติดริมฝีปาก "แหวะ มือ อี๋"
ปราณนต์ต้องวกกลับมาคว้าข้อมือภัทริน "มา”
ปราณนต์ลากภัทรินมาแต่ยังไม่ทันเดินไปก็ต้องผงะ เพราะลูกน้องธนาฒน์อีกคนโผล่มาเจอหน้าจังๆพอดี
"เฮ้ย”
ลูกน้องธนาฒน์ยกปืนเล็งแต่ปราณนต์ไวกว่าจึงโผเข้าดันแขนคนร้ายชูขึ้นฟ้าทันที ปืนลั่นเปรี้ยง ปราณนต์จับมือบิดและหักจนปืนหล่น แล้วเหวี่ยงลูกน้องธนาฒน์ไปกระแทกกับเสาแบบที่หลังกระแทกอย่างแรง แล้วเขาก็ชกลูกน้องธนาฒน์จนล้มคว่ำไป
ปราณนต์ร้องบอกภัทริน "วิ่งไป ไป"
ภัทรินเงอะงะๆ แต่แล้วก็ออกวิ่งไปตามคำสั่ง ปราณนต์วิ่งตาม
ปราณนต์กับภัทรินกำลังวิ่งไปทางด้านหนึ่ง แต่ธนาฒน์โผล่มาแล้วยกปืนขึ้นเล็ง ปราณนต์กับภัทรินต้องเปลี่ยนทิศวิ่งหนีไปอีกด้าน ธนาฒน์ไล่ตาม ธนาฒน์ยิงปืนออกไปแต่กระสุนพลาด
ภัทรินตกใจเสียงปืน "ว้าย"
ปราณนต์ดึงภัทรินวิ่งหลบเข้าไปภายในตัวอาคาร
อัณณากำลังดูเอกสารการรับสินบนที่สินธรเอาไปให้พวกกรรมการดูด้วยสีหน้าตกใจและไม่เชื่อ
อัณณาวางเอกสารลง "ไม่จริง คุณปราณไม่เคยรับเงินสินบนจากใคร"
"แล้วเอกสารคำสั่งซื้อ ที่มีลายเซ็นคุณปราณเป็นผู้อนุมัติ ให้จัดซื้อวัสดุและเคมีภัณฑ์ที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตอุปกรณ์การแพทย์และยาของจีแอลเอสทั้งหมด กับบริษัทที่ให้ของขวัญวันเกิด วันปีใหม่ และแต๊ะเอียเป็นตัวเลขในบัญชีทีละเจ็ดหลักแปดหลัก คุณจะอธิบายมันยังไง" สินธรถาม
บรรดากรรมการหน้าเครียดและรอฟังคำตอบ
"เป็นเอกสารปลอม ที่มีคนตั้งใจจะทำขึ้นมาเพื่อใส่ร้ายคุณปราณ" อัณณาบอก
"เอกสารปลอม หึๆ คุณไปจำวิธีการตอบคำถามอย่างนี้มาจากไหน รู้มั้ยครับว่ามันเป็นคำตอบที่มักง่ายมาก หรือจริงๆแล้วคุณก็มีส่วนแบ่งในสินบนของคุณปราณด้วย"
อัณณาอึ้งแต่สินธรกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างสะใจ
ปราณนต์พาภัทรินวิ่งเข้ามาแต่แล้วก็ต้องเบรกเพราะเห็นลูกน้องธนาฒน์อีกคนวิ่งมาจากอีกด้าน ปราณนต์รีบดึงภัทรินหลบหลังเสาแล้วกอดภัทรินไว้ ภัทรินตื่นเต้นและหวาดกลัว ปราณนต์จับมือบีบต้นแขนภัทรินเบาๆ พร้อมกับมองตาเพื่อแสดงความเชื่อมั่นให้ภัทริน
ปราณนต์พูดเสียงแผ่วเบา "ไม่ต้องกลัว เราต้องปลอดภัย เชื่อผมนะ"
ภัทรินมองตาปราณนต์แล้วก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและพึ่งพิงได้ เธอคลายความเครียดลง ปราณนต์เหลือบมองก็เห็นว่าด้านนึงคือลูกน้องธนาฒน์ อีกด้านคือธนาฒน์ ทั้งสองคนถือปืนเดินเข้ามา ธนาฒน์ส่งภาษามือให้ลูกน้องแยกไปอีกด้าน ส่วนเขาไปอีกด้าน ปราณนต์สะกิดให้ภัทรินวิ่งไปหลบที่ใต้บันไดสำหรับขึ้นชั้นบน
ภัทรินกับปราณนต์วิ่งเข้ามาหลบใต้บันได แต่แล้วก็แทบหลุดกรี๊ดออกมาเพราะบริเวณนั้นมีเด็กชายลูกคนงานวัยประมาณ6-7ขวบกำลังเทนมให้อาหารลูกแมวอยู่ตรงนั้น
"ว้า" ภัทรินยกมืออุดปากไว้ได้ทัน
เด็กชายจ้องเขม็งเหมือนมีแขกไม่ได้รับเชิญบุกรุกฐานทัพส่วนตัวของเขา ปราณนต์กับภัทรินรีบทำมือจุ๊ๆ เป็นการขอร้องว่าอย่าส่งเสียง เด็กยังคงจ้องเขม็ง
อ่านต่อหน้าที่ 2
ลมซ่อนรัก ตอนที่ 9 (ต่อ)
ธนาฒน์เดินเข้ามาใกล้จุดที่ปราณนต์กับภัทรินซ่อนอยู่ เขามองไปที่ใต้บันไดโดยตั้งใจจะเข้าไปดูหลังบันได ธนาฒน์เดินเข้าไปใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ แต่แล้วอยู่ๆ ก็มีคนงานชายรูปร่างท้วมคนนึงเพิ่งลงจากบันไดมาเห็นธนาฒน์พอดี
"เฮ้ย เข้ามาได้ไง"
ธนาฒน์หันปืนไปทางคนงานแทนคำตอบ คนงานผงะแล้วยกมือยอมก่อนจะค่อยๆ ถอยออกไป ธนาฒน์รีบเข้าไปดูที่ใต้บันไดก็พบเด็กชายนั่งอยู่คนเดียว
"ไอ้หนู เห็นผู้ชายกับผู้หญิง" ธนาฒน์บรรยายเสื้อผ้าที่ทั้งสองใส่ "มั้ย"
เด็กชายมองเขม็งไปที่ธนาฒน์ก็เห็นขอบปืนเหน็บเอวของธนาฒน์อยู่จึงรู้ว่าธนาฒน์ต้องเป็นคนไม่ดี
ธนาฒน์ถาม "ฟังภาษาคนรู้เรื่องมั้น"
เด็กชี้ไปทางด้านหนึ่ง
ธนาฒน์ถามย้ำ "แน่นะ"
เด็กเปลี่ยนใจชี้ไปอีกทาง
"ทางไหนกันแน่" ธนาฒน์เริ่มงง
เด็กชี้ทางนั้น ทางนี้ ทางโน้น แล้วก็วิ่งหนีไปเลย
ธนาฒน์ฉุน "ไอ้เด็กเวร"
ธนาฒน์ตัดสินใจวิ่งไปตามอีกด้าน
ปราณนต์กับภัทรินที่หลบอยู่บริเวณนั้นโผล่หน้ามามอง พอเห็นธนาฒน์ไปแล้วทั้งคู่ก็โล่งใจ แต่แล้วอยู่ๆ เด็กก็เข้ามาสะกิดหลังปราณนต์
ปราณนต์เกือบร้อง "เฮ้ย”
เด็กยิ้มแซวแล้วจุ๊ปาก "ชู่ว์ๆๆๆ"
เด็กกวักมือให้ทั้งสองตามมา
เด็กวิ่งนำมา ปราณนต์กับภัทรินวิ่งตาม
เด็กหันมาเร่ง "เร็วๆๆๆ"
ภัทรินหอบ "จะพาไปไหนเนี่ย"
เด็กวิ่งนำมาที่บริเวณเรือนพักคนงานที่เป็นเพิงแบ่งกั้นเป็นห้องๆ
ลูกน้องธนาฒน์คนนึงวิ่งผ่านมาที่ด้านหนึ่งไกลออกไป เขามองผ่านมาที่เรือนพักคนงานก็เห็นหลังของภัทรินกับปราณนต์วิ่งผ่านไปแว่บๆ พอดี ลูกน้องธนาฒน์เอะใจ
เด็กวิ่งนำผ่านด้านหน้าห้องพักแล้วชี้ไปที่รั้วของไซต์งานอีกด้านหนึ่ง
"ตรงโน้นมีทางลับ" เด็กบอก
"ทางลับ ทางออกใช่มั้ย" ภัทรินถาม เด็กพยักหน้า ภัทรินดีใจ "ขอบใจมากนะ ขอบใจๆ" ภัทรินจะรีบไปจึงหันไปเรียกปราณนต์ "ไปกันเร็ว"
ภัทรินรีบวิ่งนำไป ปราณนต์กำลังจะตามแต่อยู่ๆ ก็มีเสียงไอโขลกดังมาขึ้นมาก่อน ปราณนต์ชะงักทันที
ภัทรินชะงักแล้วหันกลับมา "หยุดทำไม"
ปราณนต์ลังเลโดยเซ้นซ์ก็รู้ทันทีว่ามีคนป่วย ปราณนต์หันไปมองทางต้นเสียงก็เห็นว่าเสียงมาจากห้องพักคนงานห้องริมสุดซึ่งประตูเปิดแง้มอยู่
"แม่" เด็กร้องเรียก
เด็กผลักประตูรีบวิ่งกลับเข้าไปในห้องนั้น ประตูแง้มออก ปราณนต์มองเข้าไปก็เห็นผู้หญิงวัยประมาณ30ปีนอนอยู่โดยกำลังนอนไอโขลกๆ ปราณนต์อึ้ง
"คุณปราณ" ภัทรินสงสัย
ภัทรินตามมาดู พอเห็นเด็กคนงานกำลังดูแลแม่ที่นอนป่วยไอก็ได้แต่อึ้ง เธอมองหน้าปราณนต์ว่าจะเอาไงดี
ธนาฒน์และลูกน้อง2คนเข้ามาที่หน้าเรือนพักคนงาน
"ผมเห็นพวกมันวิ่งมาทางนั้น" ลูกน้องบอก
ธนาฒน์สั่ง "ไป”
ปราณนต์กำลังตรวจดูอาการของแม่เด็กคนงาน เขาจับเนื้อตัวและตรวจดูลำคอ
"คอแดง มีไข้สูง น่าจะไข้หวัดใหญ่" ปราณนต์ได้ยินเสียงลมหายใจคนไข้ดังก็เอ่ยถาม "รู้สึกแน่นหน้าอกแล้วเหนื่อยเวลาหายใจหรือเปล่าครับ"
คนไข้พยักหน้า ปราณนต์สีหน้าหนักใจขึ้นมาทันที
"ทำไม มีอะไรรุนแรงเหรอ" ภัทรินถาม
"อาจมีอาการแทรกซ้อนที่ระบบหายใจ ต้องไปตรวจให้ละเอียดโรงพยาบาล"
"หนูไม่ไปหรอกค่ะ หนูไม่มีเงิน" คนป่วยบอก
ปราณนต์พูดกับเด็ก "มีกระดาษปากกามั้ย คุณครับ ผมเป็นหมอ ผมจะเขียนโน้ตให้คุณเอาไปยืนที่โรงพยาบาลจีแอลเอสนะครับ แล้วเขาจะดูแลคุณเอง ไม่ต้องเสียเงินสักบาท เชื่อผมนะครับ"
เด็กเอากระดาษปากกามายื่นให้ "นี่ครับ"
ปราณนต์เขียนโน้ตไปพูดกับเด็กไปด้วยอย่างเร่งรีบ
"เราเป็นคนเก่งใช่มั้ย" ปราณนต์ถาม เด็กพยักหน้า "งั้นสัญญากับพี่นะว่าเราจะเป็นคนพาแม่ไปหาหมอ และเราก็ต้องให้หมอตรวจด้วยว่าติดไข้จากแม่มาหรือเปล่า" ปราณนต์แกล้งกระซิบ "ตรวจเป็นเพื่อนแม่ แม่จะได้ไม่กลัว โอเค้"
"โอเค" เด็กตอบรับ
ปราณนต์ยื่นมือให้เด็กจับเป็นการสัญญา ทั้งคู่จับมือสัญญากัน ภัทรินมองบุคลิกปราณนต์ด้วยความประหลาดใจเพราะดูเหมือนกับหมอปราณนต์มาก
ทันใดนั้นเสียงธนาฒน์กับพวกก็ดังเข้ามา
"เข้าไปหาเลย ไป"
ปราณนต์กับภัทรินตกใจ อยู่ๆเด็กคนงานก็รีบวิ่งออกไป ภัทรินกับปราณนต์ตกใจเพราะจะห้ามก็ห้ามไม่ทัน ไม่รู้ว่าเด็กน้อยคิดจะทำอะไร ทั้งสองคนเป็นห่วง
เด็กคนงานวิ่งออกมา พวกธนาฒน์ที่มองหาในห้องอื่นอยู่หันมาเห็นเด็กคนงานยืนอยู่ก็จำได้ว่าคือเด็กคนเดิมที่เจอมาแล้ว เด็กจ้องพวกธนาฒน์และทำท่าเลิ่กลั่ก ธนาฒน์จ้องเขม็งเพื่อสังเกตอากัปกิริยาของเด็กที่พยายามทำใจดีสู้เสือ
"ไอ้หนู มีคนอยู่ในนั้นใช่มั้ย" ธนาฒน์ถาม
เด็กส่ายหน้าแล้วชี้ไปอีกทาง "ไปโน่นแล้ว"
ธนาฒน์ไม่เชื่อ "เหรอ"
ธนาฒน์ไม่เชื่อ เขาพยักหน้าให้ลูกน้องลุยเข้าไปแต่เด็กรีบกางแขนห้าม
"อย่านะ" เด็กร้องห้าม
ปราณนต์เขียนโน้ตเสร็จแล้วยัดใส่มือคนไข้
"ผมเขียนที่อยู่โรงพยาบาลให้แล้ว ไปวันนี้เลยนะครับ"
ภัทรินเห็นคนไข้ลังเลก็บอก "รับเถอะค่ะ เขาเป็นเจ้าของโรงพยาบาลจีแอลเอส คุณจะได้รับการรักษาฟรีจริงๆ"
"ขอบใจมากนะคะคุณ ขอบใจ"
"งั้นเรารีบไป”
ภัทรินกำลังจะชวนปราณนต์ให้รีบไปแต่ก็ต้องชะงัก เพราะเสียงเด็กคนงานร้องลั่นดังมา
ลูกน้องธนาฒน์จับตัวเด็กคนงานแล้วอุ้มออกไป เด็กโวยวายและดีดดิ้น
"ปล่อยนะ ปล่อย เข้าไม่ได้ ห้ามเข้าๆๆ”
ธนาฒน์พยักหน้าให้ลูกน้องอีกคนเดินเข้าไป
"ไป"
ลูกน้องของธนาฒน์เดินเข้าไปที่ห้องโดยถือปืนพร้อมแล้วก็ถีบประตูให้เปิดออก แต่ภายในห้องกลับพบแค่ป้าคนไข้ที่นอนป่วยอยู่เท่านั้นไม่มีภัทรินหรือปราณนต์
"พวกมันไม่อยู่ที่นี่" ลูกน้องบอกธนาฒน์
"อะไรนะ" ธนาฒน์วิ่งตามไปดูแล้วมองรอบห้อง แล้วเขาก็ตวาดเอาเรื่องกับคนไข้ที่นอนอยู่ "พวกมันไปไหน มันอยู่ไหน" คนไข้เหลือบมองหน้าต่างซึ่งปิดอยู่ ธนาฒน์จับได้ก็รีบตามไปดูที่หน้าต่างแล้วเปิดออก "มันหนีไปแล้ว ตามไป"
พวกธนาฒน์จะตามจึงวิ่งออกมาจากนอกห้อง แต่แล้วทันใดนั้นคนงานร่างท้วมคนเดิมก็วิ่งกลับมาพร้อมพวกคนงานชายอีกจำนวนหนึ่ง ทุกคนถือไม้ถือเหล็กเข้ามาครบมือ
"หยุดนะ" คนงานร้องบอก
พวกธนาฒน์ชะงักที่เห็นพวกคนงานยกโขยงมากันเยอะ พวกธนาฒน์อึกอักและจะขยับไป แต่พวกคนงานทั้งหมดก็ขวางเอาไว้ด้วยท่าทางดุดัน พวกธนาฒน์หน้าซีดเพราะไม่อยากมีเรื่อง เขาแสดงท่าทางฮึดฮัดขัดใจ
ภัทรินกับปราณนต์มุดรั้วออกมาด้านนอกไซต์ก่อสร้าง
"ไหวมั้ยคุณ" ปราณนต์ถาม
"ไหว แล้วจะไปยังไง" ภัทรินถามกลับ
"เอาเท้ามาใช่มั้ย"
"ตอบดีๆไม่ได้เหรอ"
ปราณนต์หันไปเห็นรถบรรทุก6ล้อเล็กที่มีผ้าใบคลุมปิดส่วนโครงท้ายไว้ ภายในบรรทุกบรรดาเฟอร์นิเจอร์เก่าข้าวของต่างๆ เหมือนรถรับจ้างขนของย้ายบ้าน คนขับรถยืนคุยกับเพื่อนคนงานอีกคนโดยกำลังส่งทุเรียนเป็นลูกๆให้กันอยู่
"เฮ้ย" ปราณนต์รีบลากภัทรินไป "ไปๆๆ"
"ไปไหน" ภัทรินถาม
"ไปจากที่นี่ก่อน หรือจะให้พวกมันตามมา ไป"
ปราณนต์ลากภัทรินไปที่รถบรรทุกคันนั้น จังหวะพอดีกับคนขับรถวางสายโทรศัพท์แล้วปีนขึ้นรถไป รถกำลังจะออก ปราณนต์รีบผลักให้ภัทรินปีนขึ้นไปแล้วปราณนต์ก็ปีนตามขึ้นไปเกิดเสียงดังตุ้บ คนขับชะงักนิดนึงแล้วเหลือบมองกระจกข้างว่ามีอะไรที่ด้านหลังหรือเปล่าแต่ก็ไม่เห็นอะไร เขาออกรถไปทันที
ปราณนต์ปิดปากภัทรินไว้ให้เงียบ พอรถออกปราณนต์ก็ปล่อยมือ ภัทรินปัดๆที่ปากเหมือนรังเกียจมืออันสกปรกของเขา
ธนาฒน์กับลูกน้องวิ่งออกมาด้านนอกไซต์ก่อสร้างแล้วมองหาไปรอบๆ แต่ก็ไม่เจออะไรแล้ว ธนาฒน์เจ็บใจและเครียดเพราะถูกปราณนต์เห็นหมดแล้วว่าตัวเองเป็นคนอยู่เบื้องหลัง
อัณณานั่งจำนนแต่คำพูดและสีหน้ายังคงยืนยันความบริสุทธิ์อย่างจริงจัง
"ดิฉันไม่มีอะไรจะพูดนอกจากดิฉันมั่นใจว่าคนที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้การแพทย์เข้าถึงคนที่ด้อยโอกาสอย่างคุณปราณ จะเห็นแก่เงินผลประโยชน์เล็กๆน้อยๆตามเอกสารที่ไม่มีที่มาที่ไปนี้"
สุพจน์ฉุนและรำคาญจึงโพล่งสรุป "ผมจะตั้งกรรมการขึ้นมาสอบเรื่องนี้โดยเฉพาะ ถ้ามันเป็นจริง เราจะดำเนินคดีนี้อย่างถึงที่สุด"
"คุณไปแจ้งเจ้านายของคุณ ถ้ามีหลักฐานอะไรก็ให้เอามาแสดงภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง เข้าใจมั้ย"
อัณณาอึ้ง อึดอัด ปนฉุนจนอยากจะกระชากหน้ากากของสินธรออกแต่เธอก็ไม่มีหลักฐานอะไรยืนยัน
อัณณาเดินออกมาด้านนอกห้องประชุมแล้วรีบหยิบมือถือขึ้นมาจะกดโทรออก แต่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาซะก่อน อัณณามองรอบตัวว่าไม่มีคนก็รีบกดรับสาย
อัณณาลดความดังของเสียงลง "คุณอยู่ที่ไหนณนต์ รู้หรือเปล่าว่าเกิดเรื่อง..อะไรนะ"
ปราณนต์นั่งพูดโทรศัพท์อยู่ในรถบรรทุก
"ธนาฒน์จะฆ่าผม มันตามผมมาตั้งแต่ที่บริษัทนั่นแหละ ตอนนี้ผมอยู่กับภัทริน ปลอดภัยดี แต่ ฮัลโหล อัณณา อัณณา" ธนาฒน์มองมือถือ "แบตมาหมดอะไรตอนนี้ นี่คุณ เอามือถือมายืมหน่อย"
ภัทรินนั่งกดมือถืออยู่เหมือนกัน "คิดว่ามือถือคุณแบตหมดเป็นคนเดียวหรือไง เฮ้อ ไม่มีที่ชาร์ตด้วย ตาย ถ้าไม่มีมือถือ เราต้องตายแน่ๆ"
อัณณาพยายามกดโทรกลับไปแต่ก็ติดต่อไม่ได้ อัณณาร้อนใจ
รถธนาฒน์แล่นมาจอดหน้าคอนโดฯ ชมนาด ธนาฒน์ลงจากรถมายืนพูดโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ของปราณยังวางอยู่ที่เบาะด้านข้าง
ธนาฒน์ทั้งเครียดและกระวนกระวาย "พี่ชมอยู่ที่ไหน มันเห็นหน้าผมแล้ว ไอ้ปราณมันรู้แล้วว่าผมหักหลังจีแอลเอส มันต้องเอาผมเข้าคุกแน่ ผมจะทำยังไงดี" ธนาฒน์ชะงักไป "อะไรนะครับ คุณปราณถูกกล่าวหาว่ารับสินบนร้อยล้าน จริงเหรอพี่"
ชมนาดกำลังพูดโทรศัพท์กับธนาฒน์อยู่ เธอข่มความรู้สึกโกรธสินธรเอาไว้
"ชั้นก็อยากรู้เหมือนกันว่าคุณปราณรับสินบนจริงๆหรือมีใครวางแผนเอาไว้โดยที่ชั้นไม่รู้" ชมนาดวางสาย
สินธรเดินออกมาหาชมนาดอย่างไม่พอใจที่ชมนาดมาโดยไม่ได้นัด
"ชั้นเคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าถ้าจะมาหาที่บ้านให้บอกก่อน"
ชมนาดหันมาจ้องตาเขม็ง "พอดีว่าชมมีเรื่องด่วนมาก และคิดว่าคุณน่าจะทราบอยู่แล้วว่าเรื่องอะไร"
อัณณาขับรถมาที่หน้าบ้านพสุวัฒน์ ขณะกำลังรอให้คนขับรถมาเปิดประตูรั้วให้ อัณณาก็มองไปด้านนอก เธอเห็นว่ามีบอดี้การ์ดยืนเฝ้าอยู่ 2-3คน ถัดไปมีรถจอดอยู่นอกรั้วบ้านอีก2-3คัน อัณณาแปลกใจว่าคนพวกนี้มาทำไม
อัณณาเดินเข้ามาในบ้าน อิ่มเดินตามประกบ
"ใช่ค่ะ เป็นคนจากจีแอลเอส เขาบอกว่าได้รับคำสั่งให้มาเฝ้าคนบ้านนี้เอาไว้ยี่สิบสี่ชั่วโมง เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอคะคุณอัณณา" อิ่มบอก
"เรื่องใหญ่เลยค่ะป้า" อัณณาบอก
ปราณเดินออกมาจากชั้นบน
"เรื่องอะไร เกิดอะไรขึ้น ทำไมต้องมีคนมาเฝ้าดูบ้านผม" ปราณถาม
"ปราณถูกกล่าวหาว่ารับเงินสินบนร้อยล้าน" อัณณาบอก
ปราณตกใจ "หา”
"คุณพระ" อิ่มก็ตกใจ
ปราณเครียด
สินธรเดินแยกออกมาอีกด้าน ชมนาดเดินตามอย่างคาดคั้น
"ชมได้ยินพวกพนักงานในบริษัทเม้ากันว่าคุณปราณรับสินบนร้อยกว่าล้านบาท เป็นแผนของคุณใช่มั้ยคะ"
"ทุกอย่างก็เป็นไปตามหลักฐานที่ปรากฏ" สินธรว่า
"มีหลักฐานการรับสินบนเป็นร้อยล้าน แสดงว่าแผนนี้ไม่ใช่เพิ่งเริ่ม แต่ต้องดำเนินมาสักระยะแล้ว คุณไม่เคยบอกให้ชมรู้เลย"
"คุณอย่ามาตัดพ้อน้อยใจน่ารำคาญน่ะ ถ้าทุกอย่างสำเร็จ ผมไม่ลืมคุณแน่"
"ชมไม่ได้ห่วงว่าถ้าทุกอย่างสำเร็จแล้วคุณจะลืมชมหรือเปล่า แต่ชมห่วงว่าถ้าแผนของคุณเกิดผิดพลาดขึ้นมา คุณจะทำยังไง"
"ผมก็จะใช้ธนาฒน์มาเป็นแพะ"
ชมนาดพูดดักทางเอาไว้อย่างคนที่อ่านเกมออกทุกอย่าง
"ค่ะ ธนาฒน์คือแผนแรก แต่คุณคงจะมีแผนสองที่ไม่บอกใครซ่อนอยู่เหมือนเดิม แล้วใครล่ะคะคือแผนสองของคุณ"
สินธรไม่ตอบอะไรเพราะแผนสองคือชมนาดจริงๆ แต่เขาก็พลิกสีหน้ามาออดอ้อนพร้อมกับจับมือดึงชมนาดเข้ามากอดจากด้านหลัง
"ชมนาด อย่าคิดมากสิ ผมทำทุกอย่างเพื่อเราสองคนจริงๆนะ"
ชมนาดยืนให้สินธรกอดนิ่งๆ แต่สีหน้าและแววตาได้ตัดสินใจแล้วว่าไม่ไว้ใจสินธรอีก อยู่ๆ แอ๋วก็เดินออกมามองหาคนทั้งคู่โดยถือชุดสวยติดมือมาด้วย
สินธรกับชมนาดมองเห็นแอ๋วพร้อมๆกัน สินธรจะผละออกแต่ชมนาดจับมือสินธรรั้งเอาไว้ สินธรอึ้งว่าชมนาดต้องการอะไร จะให้แอ๋วเห็นหรือไง
"คุณจะทำอะไร" สินธรถาม
อัณณาเล่าทุกอย่างให้ปราณฟัง
"ทำไมอาสินธรถึงใส่ร้ายผม เขาเป็นน้องชายของพ่อ เป็นอาแท้ๆของผมจริงหรือเปล่า" ปราณถาม
"คนที่ฉลาด แต่ควบคุมความฉลาดไม่ได้ ใช้ความฉลาดไปรองรับความทะเยอทะยาน อยากได้ อยากมี อยากอยู่เหนือคนอื่น สุดท้าย เขาจะต้องพบกับความวิบัติ"
"กว่าเขาจะวิบัติ หนูกลัวว่าณนต์”
"ณนต์ทำไม ตอนนี้ณนต์อยู่ที่ไหน"
อัณณาส่ายหน้า "ไม่รู้เหมือนกัน คุณภัทมาที่บริษัท บอกว่ามีหลักฐานคดีโกง17ล้านแล้วอยู่ในคอมฯ แล้วก็พาณนต์ออกไปจากบริษัท แล้วล่าสุด ณนต์โทรมา บอกว่าธนาฒน์ตามจะไปฆ่าเขา เขาปลอดภัยดี แต่ยังคุยไม่รู้เรื่อง สายก็หลุดไปก่อน"
"คุณณนต์ของป้า นี่พวกเขาคิดจะฆ่าคุณปราณเหมือยที่เคยทำมาแล้วหนนึงใช่มั้ยคะ"
"เขาจะฆ่าผม แต่ณนต์ต้องมาเสี่ยงแทน"
อัณณาตอบอะไรไม่ได้ เพราะเธอเองก็กังวลเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน
"อัณ คอมฯของคุณอยู่ไหน" ปราณถาม
แอ๋วมองหาสินธร ชมนาดยังรั้งมือสินธรเอาไว้ไม่ปล่อย
"กลัวภรรยาคุณมาเห็นเหรอคะ" ชมนาดถาม
สินธรรีบกระชากมือออกทันที เขากระชากแรงจนชมนาดเซไปพอดีกับที่แอ๋วหันมาเห็นทั้งคู่แล้วก็รีบเข้ามาหา
"คุณสินคะ..อ้าว คุณชมนาด สวัสดีค่ะ"
สินธรตัดบท "ชมนาดเอาเอกสารมาให้ผมเซ็นน่ะ แล้วก็กำลังจะกลับพอดี"
"อย่าเพิ่งกลับสิคะ แอ๋วกำลังอยากได้ความเห็นอยู่พอดี ช่วยแอ๋วเลือกชุดก่อน ว่าชุดไหนจะเหมาะสำหรับงานวันพรุ่งนี้"
"งานอะไรเหรอคะ" ชมนาดถาม
"ก็แถลงข่าวที่คุณสินจะขึ้นมาบริหารจีแอลเอสแทนที่คุณปราณไงคะ อ้าว คุณชมไม่ทราบเหรอ"
ชมนาดผงะและอึ้งไป เธอหันไปจ้องสินธรอย่างเอาเรื่อง
"อุ๊ย นี่แอ๋วเผลอเอาความลับอะไรมาบอกหรือเปล่าเนี่ย" แอ๋วไม่รู้เรื่อง
"ชมไม่เอาไปพูดต่อหรอกค่ะ ชมแค่ประหลาดใจที่เรื่องสำคัญขนาดนี้ แต่ชมกลับได้ทราบจากปากคุณแอ๋ว ท่าทางจะหมดธุระของชมแล้ว กลับก่อนนะคะ" ชมนาดไหว้แล้วก็นึกได้ "อ้อ เรื่องชุด ชมว่าไม่เหมาะกับคุณแอ๋วทั้งสองชุดเลยค่ะ มีชุดสีดำมั้ยคะ งานวันพรุ่งนี้ สีดำน่าจะเหมาะที่สุด"
ชมนาดเดินออกไปด้วยความแค้น ตั้งแต่วินาทีนี้ไปเธอตัดสินใจจะไม่เป็นมิตรกับสินธรอีกต่อไป แอ๋วมีท่าทางใสๆแบ๊วๆ และไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นสีดำ สินธรเครียดและชักจะกังวลเพราะกลัวชมนาดหักหลัง
อัณณาถือคอมพิวเตอร์เดินเข้ามา ปราณรีบไปคว้าคอมพิวเตอร์มาเปิดด้วยท่าทางรีบร้อนและเครียด เพราะเชื่อว่าสิ่งที่อยู่ในอีเมล์จะช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น
"แล้วปราณจะเข้าอีเมล์ตัวเองได้ยังไง จำพาสเวิร์ดอีเมล์ของตัวเองได้เหรอ" อัณณาถาม
ปราณชะงักเพราะจำไม่ได้ "ต้องได้สิ ต้องจำได้"
ปราณรีบเปิดหน้าจออีเมล์ขึ้นมาแล้วก็ชะงักไปเล็กน้อย แล้วเขาก็กรอกรหัสลงไป พอกดเอ็นเตอร์ คอมพิวเตอร์ก็แจ้งเตือนกลับมาว่าพาสเวิร์ดผิด ปราณจึงกรอกใหม่แต่ก็ยังผิดเหมือนเดิม ปราณกรอกใหม่ซ้ำๆๆ พาสเวิร์ดก็ยังผิดทุกครั้ง ทุกครั้งที่กรอกปราณก็ยิ่งเครียดเพิ่มขึ้น เขากดคีย์บอร์ดกระแทกมากขึ้นพร้อมกับส่งเสียงฮึดฮัดขัดใจตลอด
ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ของปราณที่ธนาฒน์ชิงมาได้เป็นภาพหน้าจออีเมล์ของปราณที่ยังเปิดค้างอยู่
"เปิดอีเมล์ค้างเอาไว้ ทำไม จะส่งไฟล์เอกสารออกไปให้ใคร เฮ้ย หรือมันส่งเสร็จไปแล้ว"
ธนาฒน์ชักร้อนใจ เขารีบคลิกไปเปิดในหัวข้อ sent เพราะคิดว่าปราณส่งอีเมล์ไปหาคนอื่น ไล่ดูอีเมล์ที่ถูกส่งออกก็ไม่พบอะไรที่น่าสงสัยเลย
"ไม่มี มันต้องมีสิไม่งั้นมันจะเปิดอีเมล์ทำไม"
ปราณยังคงกรอกพาสเวิร์ดอย่างเคร่งเครียดจนอัณณารู้สึกว่าปราณเครียดมากเกินไปแล้ว
อัณณาเข้าไปแตะแขนปราณเบาๆ "ปราณ ใจเย็นก่อน"
ปราณพูดเสียงขุ่น "หลบ"
ปราณสะบัดออกแล้วจะกรอกรหัสต่อ อัณณาตกใจแล้วเข้าไปพับจอคอมพิวเตอร์แล้วดึงออก
"พอแล้ว"
ปราณผวาจะแย่งคืน "เอาคอมฯมา เอกสารที่อยู่ในอีเมล์ของผมเท่านั้นที่จะแก้ปัญหานี้ได้ ผมต้องเอามันออกมา เข้าใจมั้ย"
อัณณาจ้องหน้าไม่ยอม "เข้าใจ แต่ปราณต้องสงบสติอารมณ์ก่อน"
"ผมบอกให้เอามา"
"ไม่ให้"
ปราณฉุนเพราะรู้สึกขัดใจจนอยากอาละวาด แต่เขาก็ต้องตัดใจหันหนีไปด้วยความหงุดหงิดและหัวเสียมาก ปราณเดินออกไป
อัณณาร้องเรียก "ปราณ"
ปราณเดินออกมาสงบสติอารมณ์ด้านนอก อัณณาเดินตามออกมา
"ปราณ”
ปราณเครียดและหงุดหงิดตัวเอง "ทำไม ทำไมผมต้องเป็นอย่างนี้ ต้องทำยังไงความจำผมจะกลับมา ผมอยากช่วยคุณ อยากช่วยณนต์ อยากทำอะไรที่เป็นประโยชน์ ไม่ใช่เป็นตัวภาระที่ทุกคนต้องมาคอยดูแล ห่วงใย ผมไม่อยากเป็นอย่างนั้น ไม่อยากเป็น"
อัณณาเห็นใจและเข้าใจความรู้สึกจึงเดินเข้าไปกอดปราณเอาไว้จากด้านหลัง
"ปราณ อย่าคิดอย่างนี้ คุณไม่ใช่ภาระ ไม่ใช่"
อัณณากอดปลอบปราณเอาไว้อย่างนั้นจนปราณค่อยๆ คลายอารมณ์คลุ้มคลั่ง
ธนาฒน์กำลังไล่หาอีเมล์แต่อยู่ๆ ชมนาดก็เปิดประตูกลับเข้ามาก่อน เธอเดินเข้ามาอย่างสงบนิ่ง สีหน้าและแววตาเลือดเย็น เด็ดขาด และอำมหิต เหมือนงูที่นิ่งเพื่อรอการฉกเหยื่อ
"พี่ชม ทำไมพี่เพิ่งกลับ รู้มั้ยว่าผมเครียดจะบ้าตายแล้ว" ธนาฒน์ว่า
ชมนาดโยนกระเป๋าทิ้งแล้วเดินไปรินไวน์ดื่ม "เธอไม่ต้องเครียด ไอ้ปราณถูกคดีรับสินบนร้อยล้านอย่างนั้น มันไม่กล้าโผล่กลับมาเหยียบจีแอลเอสอีกแน่"
"ฮ้า แสดงว่ามันจะเอาผิดผมไม่ได้แล้วใช่มั้ย ผมรอดแล้วใช่มั้ยพี่"
ชมนาดจิบไวน์ ธนาฒน์ดีใจแล้วโผกอดจะหอม แต่ชมนาดเอาแก้วไวน์กันไว้
"ธนาฒน์”
"ครับ"
"ถ้าพี่ให้เธอไปฆ่าคนๆนึง เธอกล้ามั้ย"
ธนาฒน์ชะงักเล็กน้อยแล้วยิ้มอย่างไม่กลัวเกรงอะไร "ถ้าพี่ยอมให้ผมย้ายมาอยู่ที่นี่ ได้กอดพี่ทุกคืน จูบพี่ทุกเช้า ผมทำได้ทุกอย่าง"
ชมนาดยิ้มพอใจ "อ้าปากสิ"
ธนาฒน์อ้าปาก ชมนาดรินไวน์ป้อน
"ถอดรองเท้าให้พี่หน่อย"
ธนาฒน์ก้มถอดให้ตามคำสั่ง ชมนาดจิบไวน์ด้วยแววตาร้ายกาจ
ภัทรินนั่งอยู่ด้านหนึ่ง เธอมองบรรยากาศข้างทางที่ทั้งมืดทั้งเปลี่ยวอย่างไม่รู้หนทางและไร้จุดหมาย ไม่รู้ชะตากรรม
"นี่เรากำลังจะไปไหน เขาจะพาเราไปขายที่ชายแดนหรือเปล่า" ภัทรินถาม
"รู้ตัวมั้ยว่าคุณบ่นตั้งแต่ขึ้นมาจนตอนนี้ ชั่วโมงกว่าแล้วยังไม่หยุดเลย จะไปแข่งบ่นมาราธอนหรือไง เงียบ หรืออยากให้คนขับรถรู้ แล้วถีบส่งลงกลางทางตรงนี้" ปราณนต์ว่า
"ทั้งมืดทั้งเปลี่ยวอย่างนี้ ลงไปคนเดียวเถอะ"
ปราณนต์นั่งพักอย่างขี้เกียจจะต่อปากต่อคำด้วย ภัทรินเบ้หน้าใส่ทีแรกแต่แล้วก็ชะงักเพราะเห็นรอยแผลที่ปากของปราณนต์ เธออดรู้สึกเห็นใจไม่ได้
"ปากคุณ”
"หายเจ็บแล้ว ช่างมันเถอะ"
ปราณนต์ใช้หลังมือปาดออก แต่คราบเลือดที่แห้งแล้วก็ยังออกไม่หมด ภัทรินมองขำๆ ปราณนต์เลยรู้ว่ามันยังไม่ออกจึงเช็ดอีก
"มานี่ เช็ดให้" ภัทรินบอก
"ไม่เป็นไร" ปราณนต์ว่า
"จะดื้อเพื่อ"
"มือสกปรก"
"สะอาดกว่าปากคุณแล้วกัน"
ภัทรินดุนิดๆ ปราณนต์นิ่งและยอมอยู่นิ่งๆ ภัทรินมองที่แผลแล้วค่อยๆ ใช้อุ้งมือเช็ดให้ ในขณะที่ปราณนต์มองภัทรินที่อ่อนโยนด้วยความรู้สึกดีด้วยสายตาของคนที่รักและคิดถึงมาก จนกระทั่งภัทรินเช็ดเลือดเสร็จ
"เรียบร้อย"
ภัทรินหันมามองสบตาปราณนต์พอดี ภัทรินชะงักและเหวอที่พบว่าปราณนต์กำลังมองตนด้วยสายตาเช่นนั้น
ปราณนต์รู้สึกตัวจึงเสเปลี่ยนเรื่อง "เสร็จแล้วก็ถอยไปดิ มองไร"
"คุณนั่นแหละ มองอะไร" ภัทรินถาม
ปราณนต์อ้ำอึ้งแต่อยู่ๆรถก็แตะเบรกกะทันหัน ภัทรินเสียหลักเซเข้าไปประชิดปราณนต์แบบใบหน้าใกล้จนเกือบจูบกัน ทั้งสองคนต่างคนต่างตะลึงไปชั่วขณะ ภัทรินเหวอๆงงๆแต่แล้วสายตาก็เปลี่ยนเป็นอยากรู้อยากพิสูจน์ ปราณนต์กลัวถูกจับได้จึงจะหันหน้าหนี แต่ภัทรินเป็นฝ่ายจับหน้าปราณนต์ให้หันกลับมาจ้องเธอ ภัทรินมองจ้องเข้าไปในดวงตาของปราณนต์ราวกับจะขุดค้นหาคำตอบให้แน่ใจ ภัทรินสับสนกับความรู้สึกของตัวเองที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
"มองอย่างนี้ อยากจะลองจูบชั้นสักทีมั้ย"
ปราณนต์จ้องตอบด้วยแววตากะล่อน
ภัทรินว่า "คุณ ทุเรศ”
ภัทรินผลักปราณนต์ออกแล้วถอยออกมาอีกด้าน เธอหันหน้าหนีอย่างชิงชังตัวเองที่สับสนกับคนกักขฬะพรรค์นี้ ปราณนต์โล่งใจ
อ่านต่อหน้าที่ 4
ลมซ่อนรัก ตอนที่ 9 (ต่อ)
ปราณนั่งอยู่ที่ม้านั่งริมสระ อัณณาคอยดูแล
"อย่าเร่งรัดตัวเองเลยนะปราณ มันไม่ช่วยให้จำได้เร็วขึ้นหรอก แต่จะยิ่งทำให้สมองของปราณทรุดลงไปอีกมากกว่า ถ้าอยากจำได้เร็วๆ ต้องไม่เครียด ไม่กดดัน ปล่อยสมองสบายๆ ผ่อนคลายๆ"
"มันยากนะที่จะผ่อนคลายทั้งๆที่รู้อยู่ว่าคนอื่นเดือดร้อน"
"หยุด ต้องเริ่มจากห้ามพูดอะไรเครียดๆ..เอางี้"
อัณณาจับมือปราณแล้วดึงปราณมาทางสระน้ำ อัณณาถอดรองเท้าแล้วนั่งลงก่อนจะหย่อนเท้าลงไปในสระ แล้วดึงมือปราณให้ตามมา
"นั่งสิ" อัณณาบอก
ปราณยอมนั่งตาม
"เป็นไง" อัณณาถาม
"ก็เย็นดี" ปราณบอก
"น้ำเย็นๆจะช่วยให้รู้สึกสบายและผ่อนคลายขึ้น แล้วเดี๋ยวคุณก็คิดออก"
อัณณาพูดไม่ทันจบ อยู่ๆปราณก็หย่อนตัวเองลงไปในสระน้ำ
"ปราณ ลงไปทำไม" อัณณาถาม
ปราณเดินออกไป "ก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมรู้สึกอยากลงมาแช่น้ำ มันรู้สึก สบายดี"
"ใช่ นี่แหละ ปราณชอบว่ายน้ำ เป็นกีฬาเดียวที่คุณเล่น ถึงสมองคุณจะจำไม่ได้ แต่ความรู้สึกของคุณยังเหมือนเดิม" อัณณาเห็นปราณเดินไปไกล "ปราณ ขึ้นมาก่อนเถอะ เดี๋ยวลื่น"
"ลงมาด้วยกันสิอัณ"
ปราณเดินกลับมาแล้วยื่นมือรอรับให้อัณณาตามลงมา
"นะ เผื่อผมจะจำอะไรได้"
"ปราณ”
ปราณมีแววตาชักชวนโน้มน้าวและขอร้อง แต่อัณณาจ้องเขม็งอย่างไม่ยอม
"อัณให้คุณแช่แค่ห้านาทีเท่านั้น แล้วก็ขึ้นมา"
ปราณเซ็งที่อัณณาไม่เล่นด้วย เขาเดินเข้ามาหาแล้วมองหน้าอัณณาพร้อมกับอมยิ้ม
"มองหน้าอัณทำไม"
"ก็คุณคือคนเดียวที่ผมไม่ลืม" ปราณขยับเข้าไปใกล้ "และผมก็รู้สึกว่า ถ้ามองหน้าคุณเอาไว้แล้วผมจะจำทุกอย่างได้"
"ถ้าเป็นจริง อัณจะยืนให้ปราณมองจนเช้าเลย"
"ห้านาที ผมขอแค่ห้านาทีก็พอ"
ปราณมองหน้าอัณณาอย่างหวานซึ้ง
รถบรรทุกแล่นไปในความมืด ภัทรินนั่งเอนหลังพิงอยู่อีกมุมในสภาพมีเหงื่อออกและท่าทางอ่อนเพลีย
ปราณนต์ที่นั่งอยู่มุมหนึ่งสังเกตอากัปกิริยาของภัทริน
"คุณภัท” ปราณนต์เรียก
"ไร" ภัทรินตอบห้วนๆ
"คุณโอเคมั้ย" ปราณนต์ถาม
"โอ เรานั่งมานานแค่ไหนแล้ว"
"อืม น่าจะห้าชั่วโมงได้"
"เมื่อไหร่เราจะได้ลง"
"คุณอยากเข้าห้องน้ำเหรอ"
"ชั้นไม่ได้ปวดฉี่ นี่" ภัทรินกวักมือเรียก "มานี่สิ" ภัทรินตบพื้นข้างๆเหมือนเรียกหมา "มาๆๆ"
ปราณนต์คลานไปหา "มีอะไร"
ภัทรินจับมือปราณนต์มาจับหน้าผากของเธอ "มีไข้ใช่มั้ย"
"ใช่ ไข้สูงด้วย คุณติดไข้จากคนงานในไซต์ก่อสร้างแน่ๆ แล้วนั่งอยู่ตั้งนานทำไมไม่บอก"
"เงียบ นั่งเฉยๆ"
ภัทรินเอนหัวมาพิงซบไหล่ของปราณนต์ดื้อๆ
ปราณนต์งงก็จะโวย "นี่ คุณไม่กลัวผมแล้วเหรอ"
"กลัว แต่ถ้าคุณกล้าทำกับคนป่วยได้ คุณก็โคตรเลวเลย แต่ชั้นว่าคุณแค่เลวเฉยๆ ยังไม่ถึงกับโคตรเลว ชั้นพูดถูกป่ะ"
ภัทรินหลับไป ปราณนต์ได้แต่เซ็งปนห่วง เขาปล่อยให้ภัทรินซบและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีๆ
ปราณที่เปลี่ยนชุดแล้วนั่งจ้องคอมพิวเตอร์อยู่ที่โต๊ะทำงานในห้องรับแขก เขาวางมือบนแฟ้นพิมพ์แล้วก็นั่งนิ่งรอเวลาให้ความทรงจำไหลออกมาเอง อัณณาที่เปลี่ยนชุดแล้วเดินถือหมอนกับผ้าห่มออกมานั่งที่โซฟา
"ทำไมไม่นอนในห้อง" ปราณถาม
"อัณขอแม่มานอนค้างเป็นเพื่อนคุณ เผื่อมีอะไรฉุกเฉินจะได้ช่วยคุณได้ อัณก็ต้องทำตามที่พูดสิคะ""ติดต่อณนต์ได้หรือยัง"
"ยังเลย"
"ไม่ต้องห่วงหรอก ณนต์ต้องเอาตัวรอดได้"
"อัณก็ขอให้เป็นอย่างนั้น เดี๋ยวอัณจะลองเช็กโรงพยาบาลกับสถานีตำรวจดูเผื่อจะได้ข่าวณนต์บ้าง"
"ผมว่าอัณควรนอนพักบ้างนะ"
"ไม่เป็นไรค่ะ อัณไหว"
ปราณดึงโทรศัพท์ในมือออก "อัณนอนครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ คืนวันก่อน พ่อเข้าโรงพยาบาล อัณก็ไปเฝ้าพ่อกับณนต์ ก็ไม่น่าจะได้นอนหรอก พอเช้ามา อัณก็ไปทำงานต่อ แล้วก็มาเจอเรื่องวุ่นวาย ถูกอาสินธรสอบสวนทั้งวัน แล้วตอนนี้อัณมาบอกว่าอัณไหว นอนเถอะ"
"อัณนอนไม่หลับหรอก" อัณณาบอก
"ต้องหลับสิ"
ปราณพูดจริงจังก่อนจะจัดให้อัณณาได้ล้มตัวนอน
"ก็ได้ๆ สามชั่วโมงพอ แล้วปลุกอัณด้วยนะ"
อัณณาเอนตัวนอนลง ปราณช่วยจัดหมอนให้แล้วหยิบผ้าห่มมาคลุมให้เธอ ทีแรกคลุมปลายเท้าอัณณาเอาไว้ด้วยแล้วเขาก็ร่นผ้าห่มขึ้น เพื่อให้ปลายเท้าอัณณาพ้นผ้าห่มออกมา
"อัณไม่ชอบห่มปลายเท้าใช่มั้ย" ปราณบอก
"คุณจำได้ด้วย" อัณณาประหลาดใจ
"นั่นสิ พอเป็นเรื่องของอัณ ไม่ต้องพยายามคิด มันก็ออกมาเองเลย"
อัณณาซึ้งใจที่ปราณดีและใส่ใจรายละเอียดของเธอมากขนาดนี้
"ขอบคุณนะ ขอบคุณที่ดีกับอัณมาตลอด ทั้งๆที่อัณไม่มีอะไรตอบแทนคุณได้เลย" อัณณาหมายถึงไม่สามารถรักปราณได้
"ไม่เป็นไร ไม่ต้องตอบแทน..จริงๆนะ" ปราณยิ้มอ่อนโยน "นอนเถอะ"
อัณณายิ้มตอบแล้วก็หลับตาลง ปราณนั่งมองอัณณาจนเธอหลับไป ปราณรู้สึกดี
เช้าวันใหม่ ปราณกำลังรินชาจากชุดถ้วยชาของอัณณาใส่ถ้วยแล้วยกชาขึ้นมาดมพลางมองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้าอย่างใช้ความคิด อัณณาเดินออกมา
"ปล่อยอัณนอนยาวเลยนะคะ" อัณณาว่า
"ผมปลุกแล้ว แต่คุณไม่ตื่น" ปราณรินชาแล้วยื่นให้
"อย่ามา" อัณณารับชามา "ขอบคุณค่ะ ดูอะไรอยู่" อัณรามองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วก็พบว่าเป็นหน้าอีเมล์ "อ้าว นี่คุณเข้าอีเมล์ได้แล้ว"
"ปราณอัณณาปราณนต์"
อัณณางง "หือ"
"พาสเวิร์ดเข้าอีเมล์ของผมไง ชื่อของเราสามคน แต่ ท่าทางผมจะเป็นพวกมีความลับเยอะ ไม่ก็ติดนิสัยปกป้องตัวเองมาก ไฟล์ที่ส่งมาจากฝ่ายบัญชี มันถูกเข้ารหัสเอาไว้อีกชั้น" ปราณบอก
"เข้ารหัสอีกแล้วเหรอ"
"อื้อ แต่ผมมั่นใจว่าผมรู้รหัส..มันอยู่ในนี้" ปราณชี้หัว "ผมกำลังรอมันออกมาอยู่ แต่คุณช่วยผมได้นะ"
"ช่วยยังไงคะ" อัณณาถาม
"ช่วยอยู่ให้ผมมองหน้า เพราะผมมั่นใจว่ารหัสจะต้องเกี่ยวกับคุณ ผมคงจะรู้มั้งว่า ถ้าตั้งรหัสอะไรที่เกี่ยวกับอัณ ผมจะไม่มีวันลืม ต่อให้ความจำเสื่อมหมด ผมก็ยังจำคุณได้"
ทันใดนั้นอิ่มก็วิ่งเข้ามา
"คุณหนูคะ มาดูข่าวนี่ค่ะๆ"
ปราณกับอัณณาแปลกใจ
อิ่มรีบเดินนำปราณกับอัณณามาที่ทีวีที่เปิดอยู่ ภาพในจอเป็นการนำเสนอข่าวสดจากบริเวณหน้าบ้านสินธรที่มีกลุ่มนักข่าวจำนวนนึงรอทำข่าวอยู่
ผู้สื่อข่าวรายงาน “เพราะบริษัทจีแอลเอสถือเป็นผู้นำที่สุดของวงการผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ในบ้านเราถ้าข่าวที่นักข่าวได้รับแจ้งมาว่าจะมีการเปลี่ยนตัวผู้บริหารอย่างกะทันหันเป็นเรื่องจริง ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ต้องจับตามองอย่างมาก"
รถของสินธรแล่นมาจอด พวกนักข่าวรีบเข้าไปรุมที่รถทันที สินธรเดินควงออกมากับแอ๋วโดยมาอยู่ท่ามกลางวงล้อมนักข่าว
สินธรกับคุณแอ๋วอยู่ในวงล้อมนักข่าว
"คุณสินธรครับ ข่าวลือที่ว่าคุณสินธรจะมานั่งเก้าอี้ผู้บริหารสูงสุดของจีแอลเอสเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าครับ"
"รอข่าวอย่างเป็นทางการจากจีแอลเอสดีกว่านะครับ ส่วนตัวผมก็ขอทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย จะตำแหน่งอะไรผมไม่เกี่ยงหรอกครับ" สินธรบอก
แอ๋วยิ้มหวาน "อย่าเพิ่งถามเลยค่ะ เอาไว้รอถามตอนแถลงข่าวทีเดียว อุ๊บส์ แอ๋วเผลอพูดไปว่าจะมีแถลงข่าว ตายๆๆ พอค่ะ อย่าถามนะคะ ถ่ายรูปดีกว่าเนาะ มาๆ"
"ถ้ามีแถลงข่าวแสดงว่าทุกอย่างเป็นเรื่องจริง ข่าวลือที่คุณปราณถูกปลดออกจากตำแหน่งเพราะไปรับเงินสินบนก็จริงใช่มั้ยคะ"
"ผมยังพูดตอนนี้ไม่ได้ เพราะตั้งแต่ทราบเรื่องจนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครเจอคุณปราณเลยครับ ไม่รู้ว่าเขาหายไปอยู่ไหน ผมไม่ได้พูดว่าเขารู้ตัวแล้วก็หอบเงินหนีคดีไปแล้วนะครับ ผมแค่จะบอกว่าเขาคงกำลังหาหลักฐานมายืนยันตัวเองอยู่ที่ไหนสักที่"
"ถ่ายรูปเถอะค่ะ มาๆ"
สินธรกับแอ๋วยืนให้ช่างภาพถ่ายภาพ
ปราณกับอัณณายืนมองข่าวในทีวีแล้วก็ได้แต่อึ้งเพราะรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมของสินธรว่าจงใจจะเล่นอย่างนี้
"ทำไมถึงพูดให้ร้ายณนต์อย่างนี้ มันไม่ใช่เลย" อัณณาว่า
"เขารู้ว่าเรามีหลักฐาน เขาถึงพยายามจะดิสเครดิตเรา ทำให้ณนต์ไม่กล้าโผล่หัวออกมา" ปราณบอก
"ถ้าออกมา คุณณนต์จะถูกตำรวจจับใช่มั้ยคะ" อิ่มถาม
ปราณกับอัณณาอึ้งเพราะเป็นห่วงปราณนต์
สินธรกับคุณแอ๋วเข้ามาด้านในบริษัท
"แอ๋วขอโทษนะคะที่เผลอพูดไปว่าจะมีแถลงข่าว แอ๋วไม่ได้ตั้งใจ"
"ไม่เป็นไร ผมไม่ได้หวังอะไรจากคุณนอกจากยืนอยู่ข้างๆ ทำตามที่ผมขอร้องแค่นี้ก็พอแล้ว" สินธรบอก
"ค่ะ"
สินธรกำลังจะพาแอ๋วเดินเข้าไปด้านใน แต่เขาก็ต้องชะงักเพราะชมนาดเข้ามายืนรอต้อนรับอยู่
"สวัสดีค่ะคุณสินธร สวัสดีค่ะคุณแอ๋ว วันนี้คุณแอ๋วสวยเป็นพิเศษเลยนะคะ ดูเหมาะกับคุณสินธรมากๆค่ะ"
"ขอบคุณค่ะคุณชม" แอ๋มยิ้มรับ
ชมนาดยิ้มแย้มเป็นมิตรมาก สินธรไม่ไว้ใจและแปลกใจ
อัณณากับปราณยืนอยู่ในห้องพักคนไข้ พสุวัฒน์นอนลืมตาอยู่ หมอเปิดผ้าพันแผลตรวจดูรอยการผ่าตัดเสร็จก็ให้พยาบาลปิดแผลตามเดิม
"แผลสมานดี ไม่มีน้ำซึมนะครับ" หมอยิ้มแซวให้พสุวัฒน์มีกำลังใจ "ถ้าอาการดีอย่างนี้ นอนโรงพยาบาลสักสิบวันก็กลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านได้แล้วครับ"
พสุวัฒน์นั่งนิ่งโดยยิ้มที่ปากนิดนึง แต่ก็ขยับได้แค่มุมปาก
"แล้ว คุณท่านจะจำทุกอย่างได้เหมือนเดิมมั้ยคะ" อัณณาถาม
"ได้ครับๆ ทดสอบแล้วความทรงจำยังปกติทุกอย่าง เพียงแต่การตอบสนองอาจจะช้านิดนึง เพราะเส้นประสาทยังไม่เชื่อมต่อกันดี ใบหน้าซีกซ้ายอาจจะขยับได้น้อย แต่ดูจากกำลังใจแล้ว ผมว่าวันที่สามก็ลุกเดินได้แล้วครับ"
พยาบาลถือถาดอาหารเข้ามาโดยเตรียมตัวจะป้อนอาหารให้
"ทานอาหารหน่อยนะคะ"
ปราณเข้าไปจับถาดอาหารจากพยาบาล พยาบาลรู้ว่าปราณอยากจะป้อนอาหารเอง พยาบาลยิ้มให้ ถอยออกมา อัณณามองอย่างเข้าใจและเห็นใจความคิดของปราณ
อัณณาเดินออกมานอกห้อง หมอกับพยาบาลเดินแยกตัวออกไป อัณณามองกลับเข้าไปในห้องพัก ก็เห็นปราณกำลังจะป้อนอาหารให้พสุวัฒน์ เธอรู้สึกสงสารและเห็นใจ อัณณาหยิบมือถือมากดโทรหาปราณนต์ แต่ยังคงติดต่อไม่ได้
"ทำไมติดต่อไม่ได้เลย ณนต์เป็นอะไรหรือเปล่า"
อัณณามองไปอีกด้านของทางเดินก็เห็นบอดี้การ์ดของสินธรเดินตรงเข้ามา อัณณาแปลกใจ
ปราณถือถาดอาหารอ่อนมานั่งข้างเตียงเพื่อป้อนให้พสุวัฒน์ช้าๆ ปราณมีน้ำตาคลอออกมาที่ตาด้วยความรักและสงสารพ่อที่ถูกสั่งการมาจากจิตใต้สำนึก พสุวัฒน์เห็นน้ำตาของปราณก็รับรู้ความรู้สึกลูกชายได้ จึงเอามืออีกข้างมาจับมือปราณไว้แล้วขยับปากจะพูด
ปราณปาดน้ำตา "พ่อ พ่อนอนพัก ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องห่วงเรื่องบริษัทนะ พักรักษาตัวอย่างเดียว ที่เหลือผมกับปราณนต์จะจัดการเอง ผมมีหลักฐาน หลักฐานอะไรก็ไม่รู้ แต่ผมรู้สึกได้ว่า มันช่วยเราได้ ความรู้สึกผมต้องถูก เหมือนที่ผมรู้ว่าอัณณาหวังดีกับผม เหมือนที่ ผมห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลไม่ได้"
พสุวัฒน์น้ำตาคลอไปด้วย เขาอ้าปากให้ปราณป้อนข้าวต่อ อยู่ๆบอดี้การ์ดของสินธรก็เปิดประตูเข้ามาในห้อง อัณณารีบตามเข้ามา
"พวกคุณเข้ามาไม่ได้" อัณณาร้องห้าม
"เราได้รับคำสั่งมาจากจีแอลเอส ให้มาเฝ้าคุณพสุวัฒน์" บอดี้การ์ดบอก
"เฝ้าทำไม คำสั่งจีแอลเอสหรือคำสั่งคุณสินธร คุณลุงเพิ่งจะผ่าตัดสมองเสร็จคิดว่าจะลุกเดินหนีไปไหนงั้นเหรอ ออกไป ไม่งั้นชั้นจะแจ้งหมอว่าพวกคุณมาสร้างความกดดันให้คนไข้"
อัณณาพูดอย่างจริงจังแบบไม่ยอมให้
บอดี้การ์ดไม่สะท้าน "เราจะเฝ้าอยู่นอกห้องครับ"
บอดี้การ์ดเดินออกไป
"คิดจะคุมไม่ให้พวกเราขยับตัวไปไหนได้เลยใช่มั้ย"
อัณณากับปราณเครียด
นกที่เกาะอยู่ที่หน้าต่างส่งเสียงจิ๊บๆ ภัทรินนอนอยู่บนเบาะที่ปูกับพื้นอย่างง่ายๆ ภัทรินได้ยินเสียงธรรมชาติก็ค่อยๆ รู้สึกตัวลืมตาตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองหลับอยู่ในเรือนแพไม้ที่ไหนก็ไม่รู้ เธอแปลกใจก่อนจะลุกขึ้นมานั่งมองไปรอบๆ แล้วมองออกไปนอกหน้าต่างพอเห็นวิวธรรมชาติในกรอบหน้าต่างก็ชักแปลกใจจึงลุกเดินออกไป
ภัทรินเดินออกมาด้านนอกห้องพักแล้วก็ต้องตาโตเพราะตกตะลึงกับภาพตรงหน้า ภัทรินพบว่าตัวเองอยู่ในเรือนแพที่ลอยอยู่กลางน้ำภายในเขื่อนที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา มีภูเขาและเกาะแก่งล้อมรอบอย่างสวยงามร่มรื่น
ทันใดนั้นก็มีเสียงน้ำกระฉอกดังมา ภัทรินหันไปมองก็พบว่าอีกด้านใกล้ๆกัน มีดอกดาหลาผุดขึ้นมาจากในน้ำ ภัทรินแปลกใจจึงเข้าไปนั่งมองใกล้ๆ แล้วเอื้อมมือจะจับ ดอกไม้ขยับหนี ภัทรินแปลกใจ แต่แล้วอยู่ๆปราณนต์ก็โผล่พรวดขึ้นมาจากใต้น้ำ
ภัทรินตกใจ "ว้าย"
ภัทรินตกใจจนหงายหลังไป ปราณนต์ที่อยู่ในน้ำหัวเราะขำ
ปราณนต์ปีนขึ้นมาจากน้ำ
"ฮ้า ได้ว่ายน้ำซะหน่อย สดชื่นมาก"
ภัทรินยืนจ้องด้วยความแค้นที่ถูกแกล้ง
"โรคจิต คุณพาชั้นมาที่นี่ได้ยังไง"
"คุณมีไข้ แล้วก็หลับไม่รู้เรื่อง พอดีรถบรรทุกแวะเข้าห้องน้ำที่ปั๊ม แล้วผมก็พอจะมีคนรู้จักอยู่ที่นี่ ก็เลยแบกคุณลงรถบรรทุก แล้วแบกขึ้นรถเครื่อง กว่าจะมาถึงที่นี่ รู้มั้ยว่าผมแทบตาย นี่คุณไม่รู้ตัวเลยจริงๆเหรอ"
"อ้าว เรื่องจริงเหรอ ชั้นก็นึกว่าชั้นฝัน"
"ฝัน! ไอ้ที่ผมลำบากมาทั้งหมด คุณคิดว่าฝันอยู่ เยี่ยมมาก" ปราณนต์สะบัดหัวที่เปียกน้ำใส่ภัทริน "นี่แน่ะ ตื่นยังหะ"
"เฮ้ย อย่านะ หยุด"
ปราณนต์ไม่หยุด เขาหัวเราะสะใจ ภัทรินปัดป้องในทีแรกแต่แล้วก็ชะงักไปเพราะคิดถึงอดีต
ภาพเหตุการณ์ตอนที่ปราณนต์สะบัดน้ำในหัวใส่เธอแวบขึ้นมา
ปราณนต์ที่กำลังสะบัดน้ำใส่เป็นฝ่ายชะงักเอง ภัทรินจ้องเขาอย่างฉงน ปราณนต์อึกอักแล้วก็รีบเปลี่ยนเรื่อง
"ไปล้างหน้าล้างตาไป" ปราณนต์บอก
แล้วปราณนต์ก็เดินหนี ภัทรินมองตามด้วยความสงสัย
ชมนาดพาสินธรกับแอ๋วเข้ามาในห้องรับรอง
"นักข่าวกำลังทยอยมาแล้วนะคะ คุณแอ๋วเตรียมคำพูดไว้แล้วใช่มั้ยคะ" ชมนาดถาม
แอ๋วตื่นเต้น "ก็ ค่ะ เตรียมแล้ว แต่แอ๋วไม่เคยให้สัมภาษณ์สื่อเยอะอย่างนี้มาก่อน ตื่นเต้นจัง"
"ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ ยิ้มสวยๆเข้าไว้ ถ้ามีอะไรผิดพลาดคุณคุณสินธรจะช่วยคุณแอ๋วอยู่แล้วค่ะ คุณสินธรไม่มีวันทิ้งคุณแอ๋วหรอกค่ะ จริงมั้ยคะ"
แอ๋วคล้องแขนสินธร "คุณต้องช่วยแอ๋วนะคะ"
สินธรตบมือคุณแอ๋วเบาๆแบบให้กำลังใจแต่สายตากลับมองชมนาดอย่างหวาดระแวง ชมนาดยิ้มมุมปากเยาะๆ
ชมนาดเดินแยกออกมา สินธรเดินตามมาอย่างฉุนๆ เขาคว้ามือชมนาดลากเข้าไปมุมที่ลับตาคนทันที
"เธอคิดจะทำอะไร" สินธรถาม
ชมนาดกลับยิ้มแล้วตีหน้าซื่อใส่หน้ากากยิ้มแย้มเข้าหา
"ทำอะไรเหรอคะ"
"ชั้นรู้ว่าเธอไม่พอใจที่ชั้นทำอะไรโดยไม่ปรึกษาเธอ แต่เธอก็เห็นแล้วว่ามันทำให้เรามาถึงจุดนี้ได้ และมันกำลังไปได้สวย เธอควรจะดีใจนะชมนาด"
"ค่ะ ชมดีใจกับคุณและกับคุณแอ๋วด้วยค่ะ"
สินธรดักคอ "อย่าพาลคุณแอ๋ว ชั้นจำได้ที่เคยบอกเธอว่าเราสองคนจะดูแลจีแอลเอสด้วยกัน แต่เธอก็ต้องเข้าใจว่าคุณแอ๋วคือภรรยาตามกฏหมาย และชั้นจำเป็นต้องมีภาพลักษณ์ที่ดีในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ ยังไงคุณแอ๋วก็ต้องอยู่เคียงข้างชั้น"
"ไม่ใช่ชม" ชมนาดตอบแล้วก็ยิ้ม "ค่ะ ชมเข้าใจดีค่ะ เข้าใจจริงๆนะคะ ชมไม่เคยคิดจะเอาตัวเองไปเทียบกับคุณแอ๋วเลย ชมก็แค่เด็กบ้านนอกที่คุณเมตตาให้โอกาสมาทำงาน ช่วยผลักดันให้ได้มาเป็นผู้ช่วยคุณ ชมมีวันนี้เพราะคุณ ชมไม่ลืมหรอกค่ะ"
สินธรยังไม่ไว้ใจคำพูดชมนาดนัก "คิดได้อย่างที่พูดมันก็ดี เพราะผมยังต้องการให้คุณช่วยงานในหลายๆเรื่อง อย่าทำตัวมีปัญหา ไม่อย่างนั้น" สินธรชะงักเล็กน้อยแล้วก็จ้องหน้าชมนาด "ผมจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ตัวเองกลับไปอยู่จุดเดิมอีก"
"คุณสินธร ชมยินดีจะอยู่ตรงไหนก็ได้ บทบาทไหนก็ได้ ตามที่คุณอยากให้ชมอยู่ ดีมั้ยคะ"
สินธรจ้องตาชมนาดราวกับจะค้นหาความจริงในคำพูดของเธอ
ชมนาดโน้มตัวเข้ามาใกล้ชิด "ชมก็จะไม่ยอมกลับไปอยู่จุดเดิมเหมือนกัน" ชมนาดโน้มจะจูบ แล้วก็ชะงักพร้อมทั้งยิ้มเยาะแล้วเดินแยกออกไป
ชมนาดผละออกแล้วก็ยิ้มแย้มก่อนจะเดินแยกออกไป สินธรรู้สึกแปลกๆ
ปราณนต์กำลังยกชามข้าวต้มออกมาแล้วก็ต้องชะงักเพราะภัทรินเดินออกมาจากห้องด้านในพอดี ปราณนต์มองภัทรินที่เปลี่ยนชุดใหม่เป็นเสื้อกล้ามกับผ้าซิ่นแบบเหนือดูทะมัดทะแมง น่ารัก ปราณนต์มองอย่างทึ่งๆ
"สวยล่ะสิ" ภัทรินถาม
ภัทรินโพสอวด ปราณนต์เบ้ปาก ส่ายหน้าด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะเดินเอาข้าวต้มไปวางที่โต๊ะเล็กๆมุมสำหรับรับประทานอาหารเช้า
"ทำเป็นไม่ยอมรับความจริง"
อยู่ๆ ป้าชุที่เพิ่งขึ้นจากเรือที่จอดเอาไว้ก็เดินเข้ามาเห็นภัทริน ชุถึงกับตื่นเต้น
ชุพูดภาษาอังกฤษสำเนียงเหนือ "โอ้มายก๊อด เวรี้เวรี่บิวตี้ฟูวปะล้ำปะเหลือ งามงดเหมือนป้าตอนทีนเอเจอร์เลย"
"ภัท นี่ป้าชุ เจ้าของเรือนแพนี้" ปราณนต์แนะนำ
ภัทรินยกมือไหว้ "สวัสดีค่ะ"
"เทิร์นอะร้าวสิเจ้า เทิร์นๆๆ" ชุบอก
ภัทรินหมุนให้ชุดูไปรอบๆ ชุชื่นชอบภัทรินมาก
ชุหันมาบอกกับปราณนต์ "ภรรยาของหมอณนต์น่าฮักแต๊ๆเลยเจ้า"
ปราณนต์ตาโตจ้อง ชุอึกอักก่อนจะรีบแถ
"เอ่อ ป้าคงจะหมายถึง หมอปราณนต์คนโน้น ไม่ใช่คนนี้ ใช่มั้ยครับ เพราะผมคือปราณ พี่ชายหมอปราณนต์"
ชุยืนค้างไปชั่วครู่ "เจ้า ใช่เจ้า หมายถึงหมอณนต์คนปู้นนน ฮะๆๆ" ชุหุบยิ้ม ปิดสวิชต์ แล้วเปลี่ยนเรื่องซะอย่างงั้น "เบร็คฟาดเถอะเจ้า"
ชุเปลี่ยนเรื่องดื้อๆ ภัทรินงง
ชุกำลังเช็กวิทยุเครื่องเก่าประมาณธานินทร์ที่วางอยู่ ชุยกมาตบๆเพื่อให้เสียงเข้าที่ ระหว่างนั้น ปราณนต์กับภัทรินก็นั่งกินข้าวต้มกันอยู่อีกด้าน ปราณนต์อธิบายให้ภัทรินฟัง
"เมื่อก่อนป้าแกเคยอยู่บนดอยเหมือนคุณนั่นแหละ ผมรู้จักแกตอนที่ตามแม่ไปออกหน่วยแพทย์อาสา ขึ้นไปอาทิตย์ละหน แกก็ป่วยมาทุกอาทิตย์ เจอกันจนสนิทสนมเหมือนญาติคนนึงจนป้าแกย้ายตามสามีมาปักหลักอยู่ที่นี่ ก็เลยไม่ค่อยได้ติดต่อกันอีก"
"คุณเคยตามแม่ไปออกหน่วยแพทย์อาสาบนดอยด้วยเหรอ" ภัทรินถาม
"เอ่อ ก็ ก็เคยสิ"
ภัทรินจะซักต่อ แต่ชุเดินปรี่กลับมาพร้อมวิทยุที่ใช้งานได้แล้ว ชุเปิดเพลงยุคสุนทราภรณ์คลอมา
"วิทยุใช้ได้แล้วนะเจ้า เรือนนี้มีแต่ตะเกียง บ่มีไฟฟ้านะเจ้า เพื่อความโรแมนติก เพราะเรือนนี้อยู่ลึกสุด ปลายสุด ใครจะมาจะไปต้องบายโบ๊ทโอนลี่ บรรยากาศส่วนตั๊วส่วนตัว เหมาะมากที่คนสองคนจะมาทำบัดสีบัดเถลิงกัน"
"หา ไม่ใช่นะคะป้า หนูกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน" ภัทรินว่า
"ไม่ต้องเขิน สมัยป้าละอ่อน ก็เรือนนี้แหละ สะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกจนได้ไอ้ตัวแสบมาคน คริๆ"
ชุหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดี
"ไม่ใช่นะคะ" ภัทรินหันมาพาลใส่ปราณนต์ "ไม่คิดจะอธิบายหน่อยเหรอ"
ปราณนต์ยิ้มลอยหน้าลอยตาอย่างไม่ยี่หระ ภัทรินหน้ามุ่ยเพราะหมั่นไส้และเซ็งที่ถูกเข้าใจผิด
ชุเดินนำภัทรินกับปราณนต์มาที่เรือซึ่งจอดผูกไว้ด้านหนึ่งของเรือนแพ ภายในเรือมีของที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยว พวกหมวก เสื้อยืด แม่เหล็ก กังหันลม ฯลฯ วางขาย
"ป้าไปก่อนนะเจ้า จะได้เวลารถทัวร์พวกฝรั่งมาแล้ว ต้องรีบเอาซูเวอเนียร์ไปขาย เธอสองคนจะทำอะไรกันก็ตามสบาย" ชุบอก
"ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะป้า" ภัทรินรีบปฏิเสธ
"จ้ะ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่" ชุหันไปหยิบกังหันลมในเรือมา "อ้ะ ป้าให้คุณ"
"จริงเหรอคะ ขอบคุณค่ะป้า"
ชุส่งอีกอันให้ปราณนต์ "อันนี้ให้หมอณนต์ คนปู้นนน ฝากคุณไปให้ด้วยนะเจ้า เป็นของขวัญแต่งงานจากป้า ชีวิตคู่จะได้ไหลลื่นเย็นสบายเหมือนสายลมวันนี้"
"ขอบคุณครับ..มีเหมือนกัน เราจะได้เล่นด้วยกันได้"
"ใครจะเล่นกับคุณไม่ทราบ"
ภัทรินเดินแยกไปเล่นกังหันคนเดียวอีกด้านอย่างร่าเริง ปราณนต์มองตามยิ้มๆ
"ขอบคุณนะครับที่ไม่บอกความจริงกับภัทริน" ปราณนต์บอก
"เจ้า แต่ป้าไม่เข้าใจ ทำไมหมอจะต้องเล่นละครเป็นพี่ชายหลอกเมียตัวเองด้วย สีสันใหม่ของชีวิตคู่เหรอคะ"
"ครับ สีสันใหม่ ป้าไปขายของเถอะครับ"
ชุยิ้มๆ ปราณนต์เดินแยกไปหาภัทริน
อ่านต่อตอนที่ 10