แหวนทองเหลือง ตอนที่ 27
ในเวลาต่อมา ที่กรุงเทพฯ นาตยาเซ็นต์ชื่อในเอกสารของอพาร์ตเมนต์ ดารณีหยิบกุญแจห้องมาให้
"นี่จ้ะห้องพักของคุณ...อยู่ชั้นสามนะ"
ทอม กับ ปุ๊เดินลงมาจากชั้นบน ทอมเห็นนาตยาก็สนใจทันที ชวนปุ๊นั่งทำเป็นหยิบหนังสือมาอ่านที่ชุดรับแขก พิธีมองทอมด้วยหางตา
"คุณดารณี...ผมคิดว่าที่นี่รับเฉพาะผู้หญิงล้วนซะอีก"
"เมื่อก่อนก็กะจะทำหอพักหญิงล้วน...แต่ไม่ไหว คนน้อย พอมาเป็นอพาร์ทเมนต์ค่อยดีขึ้น นี่ก็เหลือห้องสุดท้ายพอดี"
"ถ้างั้นหนูต้องระวังตัวหน่อยนะ"
นาตยายิ้ม"ขอบคุณค่ะ...หนูจะระวังตัวอย่างดี"
"พรุ่งนี้จะมีงานเลี้ยงใหญ่ วันเกิดเจ้านาย...เอาเป็นมะรืนนี้ ฉันจะพาหนูไปกรอกใบสมัครที่บริษัทก็แล้ว สองวันนี่ก็พักผ่อนให้สบายนะมะรืนฉันจะมารับแต่เช้า"
นาตยายกมือไหว้พิธี
"ขอบคุณมากค่ะคุณอา"
นาตยาถือของเดินขึ้นบันไดไป พิธีชำเลืองมองทอมแล้วเดินออกไป ทอม กับ ปุ๊ กระซิบกันหัวเราะ
ปุ๊บอก
"ตามเลย...ตามเลย"
ทอมบอก
"เดี๋ยวไก่ตื่น...ใจเย็นๆ โว้ย"
ยามเช้า บ้านดวงใจหลังใหญ่ร่ำรวยหรูหรา เสาวรสแต่งตัวชุดทำงานสวยมาก เดินลงมาจากชั้นบน ถือซองใส่เอกสารมาด้วย มีสาวใช้ยืนถือรองเท้ารอที่ปลายบันได
"คุณผู้หญิงอยู่ที่ไหน"
"อยู่ริมสระว่ายน้ำค่ะ"
เสาวรสเดินไปหาดวงใจ ในมือมีซองเอกสารด้วย
"ดวง…ดวง"
ดวงใจในวัย 40 กว่าๆ นั่งทานกาแฟอยู่ที่โต๊ะริมสระว่ายน้ำ หันมายิ้มให้ เสาวรสเดินมาวางซองเอกสารตรงหน้าดวงใจ
"สุขสันต์วันเกิดจ้ะดวง"
"อะไรคะพี่เสาว์"
"เปิดดูซิ"
ดวงใจหยิบเอกสารในซองออกมา เป็นโฉนดที่ดินบ้านกฤษดาที่เชียงใหม่ ดวงใจดีใจมาก
"โฉนดที่ดินเชียงใหม่"
เสาวรสยิ้มภูมิใจ รินกาแฟมาจิบ
"บ้านคุณกฤษดา...พี่เสาว์ พี่ทำได้ยังไงนี่"
"จะยากอะไร...เส้นสายเรามีมากมาย ถูกใจของขวัญของพี่ใช่ไหมล่ะ"
ดวงใจยิ้มดีใจ"ถูกใจจ้ะ...ถูกใจที่สุดเลย"
เสาวรสค้อน"ดีใจซะอย่างกับได้เจอตัวคุณกฤษดาอย่างนั้นเลยนะ"
ดวงใจกอดโฉนดไว้
"อะไรที่มันเกี่ยวกับเขา...มันก็เหมือนได้ใกล้เขาไงพี่เสาว์"
เสาวรสมองดวงใจอย่างสงสาร
"ดวงเอ้ย...จนป่านนี้ยังไม่ยอมลืมเค้าซะที"
ดวงใจยิ้มเศร้าๆ
"ไม่มีวันไหน...ที่ดวงไม่คิดถึงเขาจ้ะ"
นาตยานั่งกินหอยทอดอย่างอร่อยอยู่กับทอมและเพื่อนๆ
"วันนี้เราขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงคุณนาตยาเองนะ" ทอมบอก
"เรียกนาต ก็ได้ ไม่ต้องหรอกทอมเราจ่ายเองดีกว่า"
"ให้ทอมมันเลี้ยงดีแล้วนาต...ถือว่าต้อนรับเพื่อนใหม่"
นาตยามองทุกคนอย่างรู้สึกดี
"ขอบใจนะ...เรามีเพื่อนสมัยเรียนที่นี่เยอะเหมือนกันแต่ยังไม่ได้ติดต่อพวกเขา...ดีใจที่ได้เพื่อนใหม่"
"ถ้างั้นคืนนี้พานาตไปคลับดีกว่า...ไหนๆจะฉลองแล้วต้องเอาให้ครบสูตร"
"นั่นซิ ไปนะนาต สนุกมาก"
นาตยาลังเล
"คืนนี้เหรอ เรายังจัดของไม่เสร็จเลย อยากพักให้เต็มที่ก่อนจะเริ่มงาน"
"งั้นก็ตามใจนาตเค้าก่อนนะ เค้าจะต้องเตรียมตัวไปสมัครงาน แล้วนี่จะไปสมัครงานที่ไหนนะนาต" ทอมถาม
"บริษัทดวงชีวันแอนด์แอสโซซิเอท"
จัสมินบอก
"ที่เค้าว่าเจ้าของเป็นเมียเช่าญี่ปุ่นน่ะเหรอ"
ปุ๊บอก
"เรื่องนี้ต้องถามทอม...มันรู้ดี"
ทอมพยายามทำฟอร์มดีให้นาตยาประทับใจ
"อาจจะเป็นข่าวลือก็ได้...ไม่รู้จริงอย่างเพิ่งไปว่าเขา"
นาตยายิ้มมองทอมอย่างนึกชมในใจ
ทางเดินมาที่หน้าหอพัก นาตยาเดินมากับกลุ่มของทอม นาตยาถือถุงที่ไปซื้อของมาด้วย
ทอมบอก
"ถ้าเปลี่ยนใจอยากไปเที่ยวกับพวกเราคืนนี้..พวกเราจะรอนาตที่ห้องรับแขกตอนสองทุ่มนะ"
นาตยาเริ่มลังเล
"ไปเถอะ...อยู่คนเดียวก็เหงาแย่นะนาต" ต้อมบอก
นาตยายิ้ม
"ขอคิดดูก่อนนะ"
ดารณีเดินออกมาจากเคาน์เตอร์
"อ้าว...หนูนาต มาพอดี...มีตำรวจมารอพบหนูแน่ะ"
ทอม ปุ๊ ต้อมและจัสมินมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
"ตำรวจ"
นาตยาทำหน้าแปลกใจ
"ก็ตำรวจน่ะซิ ทำไมจะต้องตกใจขนาดนั้น...ปุ๊เฝ้าเคาน์เตอร์นะ แม่ไปซื้อของเดี๋ยวมา"
ดารณีเดินไป ปุ๊หงุดหงิด
"แม่มาเร็วๆนะ"
"เธอรู้จักตำรวจด้วยเหรอนา"
นาตยายิ้ม
นาตยาเดินเข้ามาในห้องรับแขกของหอพัก นิทัศน์นั่งอ่านหนังสือรออยู่ เขาใส่เครื่องแบบร้อยตำรวจโท
"พี่นิทัศน์"
นิทัศน์เห็นนาตยาก็ดีใจ รีบลุกมาหา พวกของทอมพยายามจะเลี่ยงออกไป
"ไปไหนมาจ้ะนาต"
"เพื่อนพาไปซื้อของมาค่ะ"
นาตยาหันไปจะแนะนำ ปุ๊กับต้อมและจัสมินรีบเดินหนีไปแล้ว ทอมกำลังจะเดินออกไป แต่นาตยารีบเรียกไว้
"ทอม…ทอม รู้จักกับพี่นิทัศน์สิ พี่นิทัศน์คะนี่ทอมเพื่อนนาตค่ะ...เพิ่งมารู้จักกันที่นี่"
ทอมจำใจยกมือไหว้
"พอดีเรามีธุระนะ นาต...ไปก่อนนะ"
ทอมรีบหาทางปลีกตัวไป นิทัศน์มองทอมอย่างพิจารณา
"อ้าว…แล้วคืนนี้ล่ะ"
"เอาไว้ก่อนดีกว่า...เพิ่งนึกได้ว่านัดกับพ่อไว้"
ทอมมองนิทัศน์อย่างกวนๆแล้วรีบเดินไป
"เพื่อนนาตเหรอ" นิทัศน์ถาม
"เพิ่งรู้จักกันที่นี่ละค่ะ...เค้าอาสาพาไปซื้อของ ทำไมพี่นิทัศน์รู้ล่ะคะว่านาตอยู่ที่นี่"
"ก็นาตโทรเลขไปบอกคุณพ่อเมื่อวานไง..ท่านก็เลยรีบโทรเลขบอกพี่ให้รีบมาดู ท่านเป็นห่วงนาตมาก"
นาตยายิ้มสดใจ
"นาตโตแล้วนะคะพี่นิทัศน์...ดูแลตัวเองได้ค่ะ"
"นาตยังไม่รู้เท่าทันพวกคนเลวที่มันขอบแฝงตัวในคราบคนดี... ไอ้คนเลวพวกนี้มันชอบหลอกคนดีๆให้ตายใจ ไปข้างนอกกันเถอะ...พี่จะพานาตไปเปิดหูเปิดตา"
"ถ้างั้นนาตขอไปเปลี่ยนเสื้อก่อนนะคะ...จะเอาของขึ้นไปเก็บด้วยค่ะ"
นิทัศน์พยักหน้ายิ้มๆนาตยาเดินขึ้นไปบนห้อง... เห็นทอมกับปุ๊แอบดูด้วยสายตาไม่พอใจ
นิทัศน์พานาตยามาเดินเล่นในสวนสาธารณะ
"สรุปว่าต้องรออีกสองวันถึงจะได้ไปสมัครงาน"
"อีกวันเดียวค่ะ...คืนนี้เป็นงานวันเกิดเจ้าของบริษัทเค้าคงจะยุ่งกัน"
"บริษัทที่นาตจะไปสมัครชื่ออะไรนะจ้ะ"
"ดวงชีวันแอนด์แอสโซซเอตค่ะ...เพื่อนนาตที่หอเค้าบอกว่ามีข่าวลือว่า เจ้าของบริษัทเป็นเมียเช่าญี่ปุ่นด้วยนะพี่นิทัศน์"
นิทัศน์นิ่งคิด
"อือ พี่จะลองสืบดู แต่การที่เค้าเป็นเมียเช่าไม่ได้ แปลว่าเค้าเป็นคนไม่ดีนะ"
"แต่สังคมจะยอมรับเหรอคะ"
นิทัศน์หัวเราะ
"ใครรวยก็ดูดีทั้งนั้นละนาต...ขอให้มีมโนธรรมก็แล้วกัน"
นาตยาทำหน้าคิดหนัก
"คงต้องดูกันไปค่ะพี่นิทัศน์...แต่ถ้านาตรู้สึกไม่ดีเมื่อไหร่ นาตคงทำงานที่นี่ไม่ได้แน่ๆค่ะ"
นิทัศน์บีบจมูกนาตยาเล่นอย่างเอ็นดู
"นาตน่ะช่างเอาเรื่องเอาราวเสมอละ"
นาตยาตาเป็นประกาย
"พี่นิทัศน์นี่เห็นนาตเป็นเด็กอยู่เรื่อย"
นิทัศน์มองนาตยาอย่างชอบมาก แต่ไม่กล้า นาตยายิ้มมองไปด้านหลังนิทัศน์เห็นแม่เดินจูงลูกสาว ตัวเล็กๆ นาตยาสีหน้าหม่นหมอง เธอเห็นแม่เล่นกับลูกอย่างรักใคร่...แม่หอมลูกลูกหัวเราะมีความสุข นิทัศน์มองตามมองนาตยาอย่างปลอบใจ
"ไหนว่าโตแล้ว...ยังคิดมากอยู่อีกเหรอจ้ะ"
นาตยาหาที่นั่ง สีหน้าเศร้ามองแม่ลูกคู่นั้นเล่นกัน
"นาตเหมือนจะจำแม่ได้...เหมือนจำที่แม่กอดแม่อุ้มได้"
"แต่คุณพ่อนาตบอกว่าแม่นาตตายตั้งแต่คลอดนาตไม่ใช่เหรอ...
"นาตคงจะคิดไปเอง...มันเลือนลางไม่เห็นหน้า...รู้ไหมคะพี่ เวลาเห็นคนอื่นเค้ามีแม่พูดเล่นพูดคุยกัน..นาตต้องร้องไห้แทบทุกที"
นาตยาพูดแล้วก็น้ำตาไหล นิทัศน์จับมือนาตยาไว้
"นาตยังมีพี่นะ"
นาตยาหันมายิ้มกับนิทัศน์เอามือป้ายน้ำตา
อ่านต่อหน้า 2
แหวนทองเหลือง ตอนที่ 27 (ต่อ)
พนมเดินเข้าบ้านมากับกฤษดา ป้ายทรุดโทรม ในห้องรับแขก แทบไม่มีเครื่องเรือนเหลือ พนมมองไปรอบๆด้วยสีหน้าสลดใจแต่ก็พยายามข่มไว้ ทั้งสองถือถุงกระดาษมาคนละใบ พนมกับกฤษดามีอายุมากขึ้นมีผมหงอกประปราย
"นั่งก่อนกฤษดา...ฉันอยากให้นายพักที่นี่ไปก่อน"
"ไม่เป็นไรหรอกพนม...อย่าลำบากเลย"
"ไม่เป็นไรได้ยังไง... นายไม่มีเงินเหลือซักสลึง...เหลือแต่แหวนทองเหลืองนั่นวงเดียว...มันก็ไม่มีค่าพอจะเอาไปจำนำซะด้วยซ้ำ"
"นายก็รู้ว่าแหวนวงนี้มีค่ากับกันแค่ไหน"
"เออ...ขอโทษวะเพื่อน"
พนมตบไหล่กฤษดา แล้วมองไปรอบๆ
"นี่บ้านฉันเหลือแต่ซากเท่านั้นนะเนี่ย"
ปิ่นแก้วเดินลงมาจากข้างบน
"บ้านนี่ก็ติดจำนองธนาคารแล้วเหมือนกัน...อีกไม่นานธนาคารก็คงมายึด"
"ฉันจะไม่ยอมเสียบ้านนี้เด็ดขาด" พนมบอก
"พี่พนมจะทำยังไง...ใครเขาจะมาค้าขายกับนักโทษที่เพิ่งจะพ้นคุกอย่างพี่"
พนมหน้าเศร้า กฤษดามองหน้า
"อย่าให้กันต้องมาเป็นภาระนายเลยพนม"
"นายไม่ใช่ภาระ นายต้องติดร่างแหไปด้วยก็เพราะกันยังไงกันก็ต้องรับผิดชอบ"
"ไม่ใช่ความผิดของนายหรอกพนม"
"ปิ่นแก้ว...ช่วงนี้มีงานบอลล์ใหญ่ๆบ้างไหม"
"ทำไมคะ"
"เราจะต้องกลับเข้าสังคมอย่างเร็วที่สุด"
"พี่จะเข้าสังคมได้ยังไง พี่ไม่อายเค้าเหรอ"
"อายทำไม...นักโทษการเมืองไม่ใช่นักโทษฆาตกรสักหน่อย สังคมนี่แหล่ะที่จะเป็นช่องทางทำมาหากินให้เรา"
ปิ่นแก้วเดินไปหยิบการ์ดเชิญมาวางตรงหน้า
"พรุ่งนี้จะมีงานวันเกิดประธานบริษัทใหญ่ บริษัทผลิตวัสดุก่อสร้าง เค้าส่งบัตรเชิญมา ถ้าพี่จะไปก็ไปคนเดียวเถอะค่ะ"
"ไม่ได้...เธอต้องไปกับพี่ด้วย นายด้วยกฤษดา"
"อย่าเลยพนม กันไม่อยู่ในสภาพที่จะเจอใคร แล้วนายก็รู้ว่ากันไม่ชอบงานแบบนี้"
"ปิ่นก็ไม่ไป...เสื้อผ้าก็ไม่มี ไหนจะต้องไปร้านเสริมสวยจะเอาเงินที่ไหน แค่กินแต่ละวันถ้าไม่ได้แม่ปิ่นจุนเจือจะทำยังไง ปิ่นอายเค้า บ้านปิ่นก็แย่เหมือนกัน แม่ก็แก่มากแล้วปิ่นไม่อยากให้ใครมาดูถูกมากไปกว่านี้อีก"
พนมมองปิ่นแก้วแล้วถอนใจ เดินไปหาค้อนทั่วบ้าน
"ใจเย็นๆน้องปิ่น"
"ก็มันจริงนี่คะพี่กฤษดา...เกือบยี่สิบปีที่ปิ่นต้องอยู่คนเดียว เฝ้าไอ้บ้านหลังนี้โดยที่พี่พนมทิ้งเงินไว้ให้ปิ่นนิดเดียว...เท่าที่อยู่มาได้ก็ต้องขายของแทบจะหมดบ้านอยู่แล้ว...ดูสิคะ"
พนมเอาค้อนทุบฝาผนังบ้านด้านหนึ่ง พนมทุบเอาทุบเอาจนผนังจะพัง ปิ่นแก้วรีบเดินมาห้าม กฤษดาก็รีบเดินมา
"พี่พนม...จะมาบ้าตอนแก่หรือไง"
"พนม…ใจเย็นๆก่อน"
ผนังพังลงเป็นรูใหญ่มีเงินหลายปึกและเหรียญทองมากมายหล่นลงมา พนมหอบ
ปิ่นแก้วกับกฤษดามองอย่างตกตะลึง
"เลิกบ่นได้หรือยัง เธอคงไม่คิดว่าฉันจะโง่เอาของของฉันทั้งหมดไปไว้ในธนาคารหรอกนะ"
ปิ่นแก้วดีใจมากลงนั่งดูเงินและเหรียญทองที่หล่นมาจากผนัง
รถขับมาจอดหน้างาน แขกแต่งตัวหรูลงมาจากรถเดินขึ้นไปบันไดไปอีกมุมหนึ่ง พนม ปิ่นแก้วและกฤษดาเดินมาจากมุมหนึ่ง กฤษดาหยุดมองไม่เต็มใจ
"กันไม่อยากเข้าไปเลยพนม ขอกลับไปรอที่บ้านดีกว่า"
"มาถึงนี่แล้วกฤษดา... สูทของนายก็ดูดีแล้วนี่"
"เข้าไปเถอะค่ะพี่กฤษดา...ปิ่นอยากให้พี่ดูอะไรบางอย่าง"
พนมปราม
"ห้ามก่อเรื่องเด็ดขาดนะปิ่น...เป็นผู้ใหญ่แล้วนะ"
"ปิ่นจะให้พี่ดูอะไร"
"เข้าไปในงานแล้วพี่กฤษดาก็จะเห็นเองค่ะ"
ปิ่นแก้วดึงกฤษดาเดินไป พนมเดินตามอย่างเบื่อๆ ทุกคนเดินขึ้นบันไดเข้าไปในงาน
บรรยากาศในงานเลี้ยงจัดอย่างสวยงาม เน้นสีฟ้า มีวงดนตรีเล่นอยู่บนเวทีกลางห้องจัดเลี้ยง ขนมเค้ก วันเกิดจัดวางไว้อย่างสวยงาม
บริกรเดินเสริฟเครื่องดื่มและคานาเป้ให้กับแขกที่มาในทั้งสามเดินเข้ามาในงานเลี้ยง แขกหลายคนมองพนมอย่างดูถูก พนมยิ้มไม่สนใจ
กฤษดาถาม
"นายแน่ใจนะว่าคิดถูกที่มางานนี้"
"จำไว้กฤษดา จำสีหน้าพวกนี้ไว้ มันจะเป็นพลังให้เรา"
"มันไม่จำเป็นจะต้องมารู้มาเห็นเรื่องไร้สาระนี่เลยนะ"
ปิ่นแก้วยิ้มทำหน้ารื่น
"พวกเศรษฐีใหม่หลังสงคราม"
มณีกับสุวัฒน์เดินเข้ามาทัก
"ไฮ..พนม กฤษดา ไม่นึกว่าจะเจอที่นี่"
"เพิ่งออกมาจากคุกครับพี่สุวัฒน์"
"เฮ้ย…อย่าไปพูดถึงเลยน้อง เป็นไงกฤษดา คุณนี่วีรบุรุษสงครามตัวจริงนะ"
"ผมว่าต้องเรียกวีรบุรุษตกยากครับพี่"
ตลอดเวลาปิ่นแก้วแอบมองมณีที่แต่งตัวหรูหราอย่างเหยียดๆ
"คุณกฤษดายังหล่อเหมือนเดิมนะคะ" มณีบอก
กฤษดายิ้มๆ
"แก่แล้วครับ"
"ถึงจะดูเป็นผู้ใหญ่แต่ก็ยังสมาร์ทมากค่ะ"
"ไม่ต้องยอมากหรอกมณี แล้วไปไงมาไงถึงมากับพี่สุวัฒน์ล่ะ... อย่าบอกนะ"
สุวัฒน์รีบแก้ตัว
"มาเจอคุณมณีที่งานนี่เองจ้ะ...คืนนี้น้องปิ่นสวยนะ"
ปิ่นแก้วยิ้มอย่างภูมิใจ
"ขอบคุณค่ะ"
"พวกเครื่องเพชรสมัยนี้ทำเลียนแบบของจริงเก่งนะคะดูไม่ค่อยรู้ว่าจริงหรือปลอม" มณีบอก
"อ๋อ…ถ้าคนที่เค้ามีของจริงเค้าดูออกค่ะ"
พนมกับกฤษดาเดินหนีไป สุวัฒน์ตามไปด้วย คุณหญิงรังรอง เดินมามณีรีบทัก
"ตายจริง...พี่หญิง สวัสดีค่ะ"
"สวัสดีจ้ะมณี...มานานแล้วเหรอ"
"มานานแล้วค่ะ พอดีเจอปิ่น สามีเค้าเพิ่งออกมาจากบางขวาง"
มณีพูดทีเล่นทีจริง ปิ่นแก้วหน้าเสียแค้นมณีมาก
"แหมปิ่น... ดีใจจริงที่เจอ ดีใจกับคุณพนมด้วยนะพ้นทุกข์พ้นเคราะห์ซะที อย่าคิดมากนะจ้ะดีแล้วออกมาเจอกัน"
"ขอบคุณค่ะคุณหญิง ปิ่นกับพี่พนมไม่คิดมากหรอกค่ะ มีแต่พวกตัวตืดสังคมสิคะชอบจะเดือดร้อนแทนปิ่น"
มณีที่กำลังจิบเครื่องดื่มแทบสำลัก ปิ่นแก้วทำเป็นหัวเราะกับรังรอง...
ไฟบนเวทีเปลี่ยนไป เพลงสะล้อซอซึงของทางเหนือดังขึ้น มีนางฟ้อนออกมาฟ้อนบนเวที กฤษดายืนอยู่ในงาน หยุดหันไปมองอย่างคุ้นเคย พลางนึกอดีต พอนางฟ้อนจบลง ก็ยืนแยกออกเป็นสองฝั่ง
กฤษดาตกตะลึง หทัยทิพย์แต่งตัวสวยมากดูหรูหราเดินยิ้มแย้มออกมาด้วยท่าทางมั่นใจ เธอเดินลงมาจากเวทีตรงมาที่กลางห้องจัดเลี้ยงที่มีเค้กวางอยู่ พิธีซึ่งเป็นพิธีกรประกาศอยู่บนเวที
"ท่านผู้มีเกียรติทุกท่านครับ ท่านประธานบริษัทดวงชีวันแอนด์แอสโซสิเอท …คุณหทัยทิพย์ ดวงชีวัน"
แขกในงานพากันตบมือ หทัยทิพย์หันไปยิ้มกับทุกคน กฤษดามองหทัยทิพย์เขม็งอย่างไม่เชื่อสายตาดนตรีบรรเลงเพลง happy birthday เสาวรส เจ้าสัวพูนทรัพย์และเถ้าแก่หยงคุณเดินยิ้มแย้มมาหา กัปตันบริกรจุดเทียนเค้กวันเกิด หทัยทิพย์หยุดยืนตรงหน้าเค้กที่จุดเทียนยิ้มให้ทุกคนโดยเฉพาะเสาวรสหทัยทิพย์ เป่าเทียนวันเกิดใช้กระบี่ที่วางอยู่ตัดเค้กวันเกิดชิ้นแรกส่งให้เจ้าสัวพูนทรัพย์
กฤษดากับพนมและสุวัฒน์ยืนดูอยู่ซึ่งห่างจากหทัยทิพย์พอสมควร กฤษดายืนจ้องไม่วางตา
"เหมือนมากใช่ไหม" พนมถาม
"เหมือนมาก แต่คงไม่ใช่หรอก ดวงใจตายไปแล้ว"
"ใครเหมือนใคร" สุวัฒน์ถาม
"ก็คุณ...หทัยทิพย์นั่นแหล่ะพี่สุวัฒน์ เหมือนคนที่กฤษดาเคย...รู้จัก"
"สวยนะ...พวกพ่อค้าใหญ่ๆกับนักการเมืองติดกันเป็นแถว…แต่ไม่มีใครอยากเอาจริงเพราะหล่อนเคยเป็นเมียเช่าญี่ปุ่นสมัยสงคราม"
กฤษดาหันมามองหน้าสุวัฒน์
"เป็นเมียเช่าญี่ปุ่น"
ปิ่นแก้วบอก
"ร่ำรวยขึ้นมาได้ก็เพราะเค้าว่ากันว่า ญี่ปุ่นทิ้งทองคำไว้ให้เยอะจนชุบตัวเป็นเศรษฐีนีขึ้นมาได้เลย"
ปิ่นแก้วกับมณีเดินเข้ามา
"คนที่ได้เค้กชิ้นแรกคือเจ้าสัวพูนทรัพย์นายธนาคารใหญ่…เป็นคนเล่นแร่แปรทองเป็นเงิน แล้วยังช่วยก่อตั้งธุรกิจให้ด้วย ก็ไม่รู้นะว่าจะก่อตั้งกันขนาดไหนถึงให้ความสำคัญกันขนาด" มณีบอก
"รู้ดีกันจริงนะ" พนมค่อนขอด
"ต้องรู้ดีแน่นอน ฉันน่ะสืบประวัติผู้หญิงคนนี้มาหมดแล้ว เพราะหน้าตาหล่อนมันเหมือน..."
มณีกับปิ่นแก้วหันไปมองหน้ากฤษดา
"นี่แหล่ะค่ะ... ที่ปิ่นอยากให้พี่กฤษดามาเห็น มาเห็นผู้หญิงหากินชั้นสูงที่เอาตัวเข้าแลกกับผู้ชายจนได้ดี...พี่กฤษดาว่าหน้าตาหล่อนเหมือนใครคะ"
กฤษดามองไปที่หทัยทิพย์ที่กำลังเดินไปที่เวทีอย่างพิจารณา
"ไม่ใช่…เป็นไปไม่ได้"
อ่านต่อหน้า 3
แหวนทองเหลือง ตอนที่ 27 (ต่อ)
หทัยทิพย์ขึ้นไปยืนบนเวที มีเสาวรสเดินขึ้นไปยืนข้างๆเวทีเป็นเพื่อน หทัยทิพย์ประหม่าแต่พยายามพูด
"สวัสดีค่ะ...ต้องขอขอบคุณท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ที่ได้ให้เกียรติมาร่วมงานในวันนี้ หวังว่าทุกท่าน
คงได้รับความสนุกสนานเพลิดเพลินกับงานคืนนี้นะคะ อย่างที่ทุกท่านคงทราบแล้วว่า การจัดงานวันเกิด
ดิฉันในวันนี้ ของดของขวัญทุกอย่างค่ะ แต่ดิฉันอยากขอเชิญชวนทุกท่านให้ร่วมทำบุญกับเราค่ะ บริษัทของเราได้มอบเงินช่วยเหลือมูลนิธิและสถานที่ดูแลผู้ยากไร้กว่าสามสิบแห่ง หากท่านมีจิตศรัทธาทำบุญร่วมกัน ดิฉันก็ขอให้บุญกุศลนั้น…มีแด่ทุกท่านที่ได้ทำบุญกับเราค่ะ...ขอบคุณมากนะคะ"
แขกในงานพากันตบมือ หทัยทิพย์มองดูแขกในงานที่บางกลุ่มก็เหมือนกำลังนินทา บางกลุ่มก็ไม่ได้สนใจ หทัยทิพย์เดินไปหาเสาวรส
"พี่เสาว์...ดวงอยากกลับได้ไหม"
เสาวรสเห็นท่าทางหทัยทิพย์ไม่ค่อยมีความสุขก็ตามใจกระซิบพาเดินลงจากเวที
"ค่อยๆเดินออกไปก็ได้...เราทำเป็นไปห้องน้ำ"
เสาวรสพาหทัยทิพย์เดินลงจากเวที
มุมในงานที่กฤษดายืนอยู่ สุวัฒน์บอก
"อย่างน้อยก็ยังดีที่ทำบุญทำทานให้คนอื่น"
"นั่นสิ" พนมบอก
"ทำบุญเอาหน้าให้ดูดีหรือเปล่า" ปิ่นแก้วบอก
ตลอดเวลากฤษดามองหทัยทิพย์ที่กำลังเดินลงมาจากเวที เขาทำท่าจะเดินไปดู
"ไปไหนล่ะ" พนมถาม
"ขอไปดูอะไรหน่อย"
กฤษดารีบเดินไป ปิ่นแก้วกับมณีรีบห้าม
"พี่กฤษดา / คุณกฤษดา"
พนมหันมาดุจริงจัง
"พอทีทั้งสองคน... แก่จนจะหัวหงอกแล้วยังจุ้นจ้านกับเขาอยู่ได้ รู้ซะบ้างซิว่าน่ารำคาญ...เป็นสาวๆก็ว่าไปอย่าง...นี่แก่จนเหี่ยวไปตามๆกันแล้วยังไม่เลิกยุ่งกับเขาอีก...ทำตัวน่าเบื่ออย่างนี้จะไม่ให้ไปไหนด้วยอีกนะ ทั้งสองคน"
มณีหันมามองหน้าปิ่นแก้วแล้วสะบัดหน้างอใส่กัน สุวัฒน์อดหัวเราะไม่ได้
เสาวรสพาหทัยทิพย์เดินลงบันไดมาด้วยท่าทางรีบร้อน
"น่าจะอยู่ต่ออีกสักหน่อยนะดวง...จู่ๆเจ้าภาพหายไปแบบนี้ แขกในงานคงหาเรากันใหญ่""ช่างเขาเถอะพี่เสาว์...ดวงไม่ชอบงานแบบนี้เลย...ถ้าไม่ติดว่าต้องทำเพื่อบริษัทดวงไม่ยอมให้จัดแน่ๆ"
"รีบขึ้นรถเลยดีกว่า พี่เห็นพวกนักข่าวอยู่ตรงโน้นน่ะ"
เสาวรสพาหทัยทิพย์ไปขึ้นรถที่จอดอยู่ห่างไปหน่อย กฤษดาวิ่งตามมาไม่เห็นหทัยทิพย์ซึ่งขึ้นไปอยู่บนรถแล้ว กลุ่มนักข่าวที่อยู่ไกลๆพยายามจะวิ่งมาที่รถหทัยทิพย์
ภายในรถ เสาวรสสั่งให้คนขับรีบขับออกไป
"ออกรถเร็ว"
คนขับรถรีบสตาร์ทรถขับออกโดยเร็ว เป็นจังหวะเดียวกับกฤษดาที่มองหาหทัยทิพย์ก้าวออกมาพอดี รถจึงชนกฤษดาล้มลงอย่างแรง
หทัยทิพย์กับเสาวรสที่อยู่ในรถ ตกใจร้องเสียงหลง
"ว้าย…ชนคนพี่เสาว์"
"นั่นซิ...ไม่ดูให้ดีเลยอำนวย แย่จริงๆ"
อำนวยรีบเปิดประตูรถออกไปดู หทัยทิพย์เปิดประตูรถออกไปดูเห็นกฤษดานอนสลบหน้าคว่ำเลือดออกก็ทำอะไรไม่ถูก นักข่าวพากันวิ่งมาดู เสาวรสรีบไปห้ามนักข่าวไว้
"อย่าเข้ามา...อย่าเข้ามา...ห้ามถ่ายรูปด้วยนะ"
"อำนวย…อำนวยดูซิเค้าเป็นไงบ้าง"
อำนวยจับกฤษดาหันมา แสงไฟที่ถนนส่องให้เห็นหน้า หทัยทิพย์เห็นหน้ากฤษดาก็เข่าอ่อน...รีบลงไปช้อนหัวกฤษดาไว้ มองหน้ากฤษดาให้แน่ใจ น้ำตาไหลพูดไม่ออก เสาวรสรีบเข้ามาจัดการ
"อำนวยรีบเอาขึ้นรถไปโรงพยาบาลเร็ว"
ภายในรถ เสาวรสนั่งด้านหน้าคู่กับอำนวย หทัยทิพย์นั่งด้านหลัง มีกฤษดาซึ่งสลบนอนพับไปบนตัก หทัยทิพย์ เสาวรสน้ำเสียงเป็นกังวล
"เค้าเป็นไงบ้างดวง อำนวย ขับให้มันเร็วกว่านี้ไม่ได้หรือไง"
หทัยทิพย์มองหน้ากฤษดาเอามือไปรนที่จมูก
"เค้ายังไม่ตาย...เค้ายังไม่ตาย"
หทัยทิพย์ร้องไห้ เสาวรสคอยหันมาดูด้วยความเป็นห่วง
"ไม่ต้องร้องไห้ดวง ไม่ต้องร้องไห้ เค้าต้องไม่เป็นอะไร"
กฤษดานอนสลบบนตักหทัยทิพย์
บริเวณที่นั่งรอคนไข้ในโรงพยาบาล หทัยทิพย์รออย่างกระวนกระวายอยู่กับเสาวรส ซึ่งมีพยาบาลและคนไข้อื่นๆ ไม่มากเพราะดึกแล้ว
"ดวง…ใจเย็นๆมานั่งรอที่นี่กับพี่เถอะ"
หทัยทิพย์นั่งไม่ติด สีหน้ากังวลมาก
"พี่เสาว์...พี่เสาว์ พี่รู้ไหมว่าคนที่โดนรถเราชนคือใคร"
"ไม่รู้…ดูจากที่แต่งตัวน่าจะเป็นแขกในงานเรานะ"
หทัยทิพย์ยิ้มทั้งน้ำตา
"คุณกฤษดาจ้ะ"
เสาวรสตกใจ
"อะไรนะ ดวง แน่ใจเหรอ"
"ทีแรกก็ไม่แน่ใจ แต่ตอนนี้แน่ใจที่สุด ถึงเค้าจะมีอายุมากขึ้น แต่ใช่คุณกฤษดาแน่นอน"
เสาวรสงง
"แล้วเค้ามาเดินให้รถเราชนได้ไง แปลว่าเค้าต้องเห็นดวงในงานแล้วตามเราออกมา"
หทัยทิพย์ดีใจมาก
"ใช่แน่พี่เสาว์ เค้าคงเห็นดวงในงาน"
"ตามหาซะแทบตาย บทจะมาเจอกันก็มาเดินให้รถเราชนซะอย่างนั้น"
หทัยทิพย์ดีใจยิ้มไม่หุบ
"ฉันมีเรื่องจะถามเค้ามากมาย โอพี่เสาว์ ดวงดีใจเหลือเกิน"
หมอใส่ชุดผ่าตัดเดินออกมา หทัยทิพย์รีบเดินไปหาด้วยสีหน้าร้อนรน
"คนไข้ที่โดนรถชนเป็นอย่างไรบ้างคะหมอ"
"ศีรษะแตก แขนหักแล้วก็บอบช้ำหลายแห่ง หมอผ่าตัดดามกระดูกให้แล้ว ตอนนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว"
หทัยทิพย์สีหน้าโล่งอก
"คงต้องรักษาตัวอีกหลายวัน ตอนนี้คนไข้ต้องอยู่ในห้องไอซียูก่อนเพราะยังไมฟื้น พรุ่งนี้ถึงจะเยี่ยมได้"
หมอยิ้มให้อย่างใจดีแล้วเดินไป หทัยทิพย์ยิ้มกับเสาวรสอย่างโล่งอก
เสาวรสเดินเข้ามาในบริษัท พนักงานต่างพากันทำความเคารพ พิธีพานาตยามาสมัครงานนั่งรออยู่ พอเห็นเสาวรสมาก็รีบพานาตยามาไหว้
"นี่หนูนาตยาที่ผมพามาสมัครฝ่ายประชาสัมพันธ์เป็นเจ้าหน้าที่แผนกศิลปกรรมครับ"
เสาวรสมองนาตยาอย่างคุ้นหน้าจึงยิ้มๆให้
"ไปพบแผนกบุคคลแล้วหรือยัง"
"เรียบร้อยแล้วครับ"
"หนูจบจากที่ไหน" เสาวรสถาม
"จิตรกรรมศิลปากรค่ะ"
เสาวรสยิ้มพอใจ
"ตั้งใจทำงานให้ดีล่ะ"
นาตยาดีใจมาก
"คุณพิธีเข้ามาคุยกันในห้องทำงานฉันหน่อย...แล้วค่อยพานาตยาไปดูห้องที่เค้าจะทำงานนะ"
"ให้หนูเริ่มงานเลยเหรอคะ"
"ได้หรือเปล่าล่ะ"
"ได้ค่ะ..ได้ค่ะ"
พิธีดีใจด้วย รีบเดินตามเสาวรสไป นาตยานั่งรอด้วยสีหน้าดีใจ
เสาวรสเดินเข้ามาในห้องทำงาน พิธีเดินตามเข้ามา เสาวรสเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน พิธีเดินมานั่งเก้าอี้ตรงข้าม
"เมื่อคืนหน้างานเลี้ยงรถท่านประธานชนคน"
"นั่นสิครับผมก็ได้ข่าว แล้วคนที่โดนชนเป็นอย่างไรบ้างครับ"
"หัวแตก แขนหัก แต่ปลอดภัยแล้ว ฉันอยากให้คุณไปทำความเข้าใจ ถ้านักข่าวมาถาม เค้าจะได้รู้ว่าเรา ดูแลอย่างดี"
"ครับผม"
"ช่วงนี้ท่านประธานอาจจะยุ่งๆไม่ได้เข้ามาบริษัท ถ้ามีเรื่องด่วนอะไรให้รีบมาบอกฉัน"
"จะมีก็แต่เรื่องเสี่ยหยงที่อยากจะพบท่านประธานมากครับ"
"คุณก็พยายามหาทางบ่ายเบี่ยงไปก็แล้วกัน ฉันเองก็ไม่อยากพบเสี่ยหยง พูดไม่ยอมเข้าใจ น่าเบื่อ จะเอาแต่ได้"
"คนคนนี้มีเส้นสายมาก...ตัวเค้าก็มีอิทธิพลมากเหมือนกัน"
"คนบางคนนี่บ้าสิ้นดี มีเงินแล้วก็อยากมีอำนาจ มีอำนาจแล้วก็อยากมีชื่อเสียงให้คนนับหน้าถือตา...แต่ลืมดูที่มาตัวเอง... น่าเบื่อ"
"ผมก็ว่าอย่างนั้นละครับ"
อ่านต่อหน้า 4
แหวนทองเหลือง ตอนที่ 27 (ต่อ)
หทัยทิพย์แต่งตัวสวยเดินเข้ามาในโรงพยาบาล ถือตะกร้าใส่โถรังนกเดินไปถามพยาบาลที่เคาน์เตอร์
"จะมาเยี่ยมคนป่วยที่ห้องไอซียูไปทางไหนคะ"
"คนไข้ชื่ออะไรคะ"
"ที่โดนรถชนมาเมื่อคืนน่ะค่ะ"
พยาบาลดูแฟ้ม
"อ๋อ…คุณกฤษดา เพิ่งทำบัตรขึ้นวอร์ดเมื่อเช้าค่ะ ตอนนี้ไปอยู่ห้องพิเศษแล้วค่ะ ห้อง 235 ขึ้นบันไดทางโน้นค่ะ...ชั้นสอง"
หทัยทิพย์สีหน้าดีใจมาก
"ขอบคุณค่"
หทัยทิพย์มาหยุดยืนหน้าห้อง 235 หน้าห้องมีชื่อกฤษดา ดำรงธรรติดอยู่ เธอยิ้มดีใจอย่างที่สุดแอบมองตรงช่องกระจกที่ประตูเห็นเป็นคนป่วยนอนอยู่บนเตียงแต่หันหลังให้ หทัยทิพย์เคาะประตูเบาๆแล้วเปิดเข้าไปด้วยสีหน้าดีใจยิ้มหวาน
กฤษดาได้ยินเสียงเคาะประตูก็ขยับตัวจะลุกขึ้น กฤษดาเข้าเฝือกแขนหัก ที่หัวก็พันแผลไว้ มีสายน้ำเกลือโยงอยู่ ... หทัยทิพย์เปิดประตูเข้ามาเห็นเขาพยายามจะลุกแต่ลุกไม่ไหวก็รีบวางตะกร้าเข้าไปประคอง
"อย่าเพิ่งลุกค่ะ คุณกฤษดา"
กฤษดามองหน้าหทัยทิพย์อย่างนึกไม่ถึงจึงตะลึงพูดไม่ออก หทัยทิพย์พอได้เห็นกฤษดาใกล้ๆ ก็ยิ่งยิ้มหวานดีใจ
"คุณกฤษดา"
ดวงตาของกฤษดาแวบแรกเต็มไปด้วยความดีใจแต่แล้วก็กลายเป็นสายตาที่เฉยชา ไม่มีความรู้สึกใด สีหน้าเฉยเมยไม่ยิ้ม หทัยทิพย์เห็นอย่างนั้นก็หน้าเจื่อนถอยออกมา
"ขอโทษครับ...คุณคือคุณหทัยทิพย์เจ้าของงานวันเกิดที่ผมไปถูกรถชนหน้างานเลี้ยงของคุณใช่ไหมครับ"
หทัยทิพย์หน้าเสียทำอะไรไม่ถูก
"ใช่ค่ะ"
"ผมต้องขอโทษด้วยที่เดินเซ่อซ่าไม่ระวังทำให้คุณต้องเดือดร้อน"
"ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษคุณ"
กฤษดายังพูดอย่างเย็นชาไม่มองหน้า
"ไม่เป็นไรครับ...ผมโทร.บอกเพื่อนแล้ว เดี๋ยวเค้าคงมาจัดการ คุณจะได้ไม่ต้องมาเดือดร้อนเพราะความโง่ของผม"
หทัยทิพย์พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ร้องไห้
"อย่าพูดอย่างนี้เลยค่ะ ฉันยินดียอมรับผิดทุกอย่าง หมอบอกว่าคุณต้องพักอีกหลายวัน"
"อย่ามาเสียเวลากับคนอย่างผมเลยครับ ขอโทษนะครับ…ผมอยากพักผ่อน"
กฤษดานอนหันหลังให้หทัยทิพย์ที่ยืนงง น้ำตาไหล เธอรีบเอามือเช็ดน้ำตาทิ้งไป กฤษดาสีหน้าเจ็บปวด หทัยทิพย์รีบออกจากห้องไปด้วยหัวใจแตกสลายออกมายืนร้องไห้อยู่หน้าห้อง
ยามเย็น หทัยทิพย์นั่งร้องไห้อยู่ที่ชุดนั่งเล่นริมสระว่ายน้ำ มีเสาวรสนั่งอยู่ข้างๆ
"อะไรนะ ทำไมคุณกฤษดาถึงทำอย่างนี้ล่ะ โธ่เอ๋ยอุตส่าห์ลำบากตามหาเป็นสิบสิบปีอดทนยึดมั่น พอได้เจอหน้ากันทำไมถึงเป็นแบบนี้"
หทัยทิพย์ร้องไห้เสียใจ
"เค้าคงไปรู้เรื่องอดีตของดวงแล้วพี่เสาว์ ดวงมัน ไม่ดีพอสำหรับเขา ดวงมีราคี"
เสาวรสโกรธแทน
"ก็เพราะใครกันล่ะ ที่ทำให้ชีวิตดวงต้องเป็นอย่างนั้น ดวงสู้ทนลำบากตามหาเขา ยึดมั่นในตัวเขาคนเดียว เทิดทูนเขาเหนือกว่าใครๆ…เค้าไม่เคยรู้เลย..ไม่รู้หรือไงว่ามันมีค่ามีความหมายแค่ไหน"
"เวลามันเปลี่ยนไปแล้วพี่เสาว์...ตอนนี้จะมีก็แต่เศรษฐีนี อดีตเมียเช่าญี่ปุ่น มีกินแต่ไม่มีเกียรติ"
หทัยทิพย์เดินไปที่บาร์ริมสระน้ำ หยิบเหล้าออกมารินใส่แก้วดื่มทีเดียวหมด เสาวรสรีบเดินมาห้าม
"ไหนว่าไม่กินแล้วไง...นายญี่ปุ่นหัดดวงให้กินเหล้าแล้วไม่ดีเลย"
"ทำไมจะไม่ดี โตชิโร่ดีกับดวงที่สุด ดวงมีทุกวันนี้ก็เพราะเค้า" เสาวรสพูดแล้วก็ร้องไห้ "แต่ดวงก็ไม่เคยรักเค้า...ใจดวงมันตายด้านสำหรับทุกคน"
"เพราะมันมีแต่คุณกฤษดา....ชีวิตดวงต้องระหกระเหินต้องลำบาก ต้องพรากกับลูกก็เพราะคุณกฤษดา"
หทัยทิพย์หันมาตวาด
"อย่าไปโทษเค้านะ ดวงมันไม่ดีเอง ดวงมันเลวเอง"
หทัยทิพย์รินเหล้าดื่มไปอีกแก้ว เสาวรสมองหทัยทิพย์อย่างสงสาร...
"ดีละ พี่จะขอไปดูหน้าเขาหน่อย"
เสียงเคาะประตูที่หน้าห้องพักนาตยาที่หอพัก เธอเปิดประตูออกมา ประหลาดใจที่ทอมกับเพื่อนๆถือช่อดอกไม้ช่อใหญ่ยื่นให้ตรงหน้า ทอมและเพื่อนๆแข่งกันพูด
เพื่อนๆบอก
"ยินดีด้วยนะ...ดีใจด้วยนะ"
"เรื่องอะไรกันคะ"
"พวกเรามาขอแสดงความยินดีกับการทำงานวันแรกนะ" ทอมบอก
นาตยารับดอกไม้มา สีหน้าดีใจสนุก
"ขอบใจมาก"
"นาต…คืนนี้ไปฉลองกันนะ มีบาร์ไอ้กันเปิดใหม่แถวราชดำเนินพวกเด็กศิลปากรชอบไป" ต้อมบอก
สีหน้านาตยาสนใจมาก
"จริงเหรอต้อม"
ทอมบอก
"ไปเลย...คืนนี้ทอมขอเป็นเจ้ามือ"
นาตยาคิดหนัก
"พรุ่งนี้ทำงานแต่เช้าน่ะซิ"
"ไม่ต้องห่วง...ของงี้มีตัวช่วย" ปุ๊บอก
"ตัวช่วยอะไร"
"แล้วรู้เองละน่า...ไปเถอะ...ไปสนุกกันบ้างกลับไม่ดึกหรอก" ทอมบอก
จัสมินสนับสนุน
"ก็รีบๆไปตอนนี้เลยซิ จะได้ไม่ต้องกลับดึก"
นาตยาใช้ความคิดแต่พอมองหน้าเพื่อนก็ตัดสินใจยิ้มออกมา
"ก็ได้…รอเดี๋ยวนะ"
เพื่อนๆเฮลั่น ทอมหันไปหลิ่วตากับปุ๊
นาตยาเต้นรำอยู่บนฟลอร์กับทอมและเพื่อนๆในไนท์คลับด้วยความสนุกสนาน สักครู่เพลงจบ ทั้งหมดเดินกลับมานั่งที่โต๊ะ นาตยายังมีสีหน้าสนุกสนาน
"วันนี้สนุกที่สุดเลย เป็นผู้ใหญ่เรียนจบ มีงานทำ มันรู้สึกมีอิสระอย่างนี้นี่เอง"
"ถ้านาตไปเที่ยวกับพวกเราบ่อยๆนะ จะมีความสุขยิ่งกว่านี้" ทอมบอก
"จริงเหรอ"
ต้อมจุดบุหรี่สูบ
"จริงๆนาต…พวกเราโตแล้ว อยากทำอะไรก็ทำ หมดเวลาจะมานั่งโดนกดอยู่ในระเบียบซะที"
นาตยาฟังต้อมอย่างทึ่ง ทอมพยายามเอาอกเอาใจ
"หิวไหมนาต...เดี๋ยวก่อนกลับทอมจะพาไปกินผัดไทยเจ้าอร่อยแถวนี้"
"ทอมนี่รู้จักของกินอร่อยๆเยอะนะ"
ทอมหยิบบุหรี่ส่งให้นาตยา
"แต่นี่แน่ะดีจริง...ลองซินาต"
นาตยามองบุหรี่อย่างเฉยๆ
"เคยลองสูบ..แต่ไม่ค่อยชอบ"
จัสมินแย่งไปสูบ
"อันนี้มันไม่เหมือนกันหรอก สำหรับผู้กล้าเท่านั้น จึงจะรู้ว่าสวรรค์มีจริง...กล้าหรือเปล่า"
ทุกคนพากันมองนาตยาอย่างท้าทาย ทอมหยิบมวนใหม่ส่งให้ นาตยารับมา ทอมรีบจุดไฟให้ นาตยาสูบบุหรี่นั้นอย่างคนสูบบุหรี่เป็น ทอมหัวเราะพอใจ
"เป็นนี่เรา"
นาตยาชายตา
"รู้จักหรอกน่า แต่นี่ฉุนกว่า ใส่มากไปหรือเปล่า"
ทอมหันไปหัวเราะกับปุ๊
"รู้จริงซะด้วย ใส่มากซิดี เพราะของที่ใส่ไม่ธรรมดา"
นาตยาเริ่มเคลิบเคลิ้มเพราะฤทธิ์บุหรี่สอดไส้ที่สูบเข้าไป มีชายท่าทางดีคนหนึ่งเดินผ่านทอมส่งห่อกระดาษมิดชิดขนาดไม่ใหญ่ให้ ทอมรับมารีบเอาแอบไว้
"นาต…นาต"
นาตยากำลังเคลิ้มพยายามมองทอมพูดไม่ค่อยมีสติ
"อาราย"
"ฝากของหน่อยนะ"
นาตยาบอกปัดอย่างรำคาญๆ
"เออ..เออ"
ทอมหยิบกระเป๋านาตยาออกมาแล้วเอาห่อของใส่ไว้ ปุ๊กระซิบกับทอม
"ระวังนะโว้ย"
"เมาแล้ว...เอาไว้ที่มันละปลอดภัย ไหนๆมีแฟนเป็นตำรวจโดนกูหลอกใช้ซะเลย"
ทอมกับปุ๊หัวเราะชอบใจมองนาตยาที่ไม่รู้เรื่อง
ห้องรับแขกหอพักดารณีนาฬิกาบอกเวลาตีสอง นิทัศน์นั่งกระสับกระส่ายรอนาตยา สักครู่ ทอมกับเพื่อนๆพานาตยากลับมาในสภาพเมา ทุกคนหัวเราะเสียงดังเอะอะ
นิทัศน์ เดินออกมาดูพอ ทอมกับปุ๊พอเห็นนิทัศน์ก็แทบจะหายเมา นิทัศน์ตรงเข้ามาจับตัวนาตยาที่ยืนเซไว้
"นาต นาต นี่ไปไหนกันมา"
"ไปเที่ยวค่ะพี่ตำรวจ...ฉลองให้นาตเค้าทำงานวันแรก" ต้อมบอก "อย่างนี้เค้าไม่เรียกฉลองแล้วเค้าเรียกเมาหัวราน้ำ"
"ไม่เมาค่ะพี่นิทัศน์...ไม่มาว"
นิทัศน์มองหน้าทุกคน
"ไป..ไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ก็ต้องไปทำงาน"
นิทัศน์จะพานาตยาเดินขึ้นไป ทอมรีบผวามาดึงนาตยาไว้
"เดี๋ยวก่อนนาต ขอของที่เราฝากไว้ก่อน"
นาตยางง "ของอะไร"
"ก็ขนมที่เราซื้อไปฝากแม่เราไง ฝากไว้ในกระเป๋า นาตน่ะ"
นาตยาเปิดดูในกระเป๋า แต่เพราะเมาเลยหาไม่เจอ
"ไม่มี้"
นิทัศน์จะหยิบกระเป๋านาตยาไปดูให้
"มาพี่ดูให้"
ทอมรีบแย่งกระเป๋านาตยามาไม่ยอมให้นิทัศน์เห็น นิทัศน์มองหน้าทอมทอมที่รีบหยิบห่อของออกส่งให้ปุ๊...ปุ๊รีบเดินไปต้อมและจัสมินก็ตามปุ๊ไปด้วย..
"เจอแล้ว...ขอบใจนะนาต แล้วเจอกันใหม่นะ..สวัสดีครับคุณตำรวจ"
ทอมทำท่ากวนแล้วรีบเดินตามปุ๊กับเพื่อนไป นิทัศน์มองทอมอย่างไม่ไว้ใจพานาตยาขึ้นบันไดไป ดารณีเดินสวนลงมามองนิทัศน์กับนาตยายิ้มๆ นิทัศน์จะเดินผ่านแต่หันกลับมาเรียกดารณีไว้
"อ้อ…คุณครับ ผมมีเรื่องจะรบกวนสักหน่อย"
"ได้เลยค่ะ"
ดารณีตอบอย่างยิ้มแย้ม
เสียงนาฬิกาปลุกดังสนั่นปลุกนาตยาให้ตื่นในเวลาหกโมงเช้า นาตยานอนแบบหมดสภาพพยายามโงหัวขึ้นมากดให้นาฬิกาปลุกหยุดร้อง ทำท่าอยากจะลุกแต่ลุกไม่ไหวจึงทิ้งตัวลงไปนอนอีกพอทำท่าจะหลับอีกก็มีเสียงนาฬิกาปลุกอีกเรือนดังขึ้นอีก เธอเงยหน้ามองนาฬิกาปลุกอันเก่าเอามือทุบจะให้หยุดร้องแต่เสียงนาฬิกายังคงดังลั่น นาตยาพยามลุกขึ้นหาเสียงมีนาฬิกาปลุกอีกเรือนร้องเสียงดังที่เก้าอี้นั่งเล่น
นาตยาโซเซเดินมาที่เก้าอี้นั่งเล่นลงนั่งที่เก้าอี้อย่างคนหมดแรงกดนาฬิกาให้หยุดร้อง
นาตยามองนาฬิกาเรือนที่สองอย่างงงๆ
"มาจากไหน"
นาตยานอนเอาหัวพิงพนักเก้าอี้นั่งเล่น หาวนอน... กำลังจะเคลิ้มหลับไปอีกเสียงนาฬิกาปลุกอีกเรือนดังสนั่นขึ้นอีก นาตยาตาสว่างโพลงเริ่มโมโหหน่อยๆ
"อื้อ…อะไรกันนี่"
คราวนี้เรือนที่สามวางอยู่บนโต๊ะทานข้าวตัวเล็กๆอีกมุมของห้อง นาตยาถอนใจลุกขึ้นเดินไปที่นาฬิกาเรือนที่สามที่ร้องเสียงดังมากเอามือกดแรงๆอย่างโมโหให้นาฬิกาหยุดร้อง
"ใครทำอย่างนี้...จะบ้าหรือไง"
มีแก้วกาแฟวางอยู่ใกล้ๆบริเวณนั้นมีกระดาษแผ่นไม่ใหญ่นักที่ถ้วยกาแฟทับอยู่เป็นจดหมายของนิทัศน์ที่เขียนไว้ไห้นาตยาหยิบมาอ่าน
"ดื่มให้หมด จะได้ดีขึ้นนะจ้ะ พี่นิทัศน์"
นาตยาอ่านจดหมายแล้วทำหน้าแบบแค้นต้องชำระ
"นึกว่าใคร...เจอดีแน่หมวด"
นาตยามองจดหมาย ยิ้มออกมารับรู้ถึงความห่วงใยของนิทัศน์ หยิบกาแฟขึ้นมาดื่มอึกใหญ่แต่ก็ต้องรีบบ้วนกลับไปในถ้วยกาแฟทำหน้าเหยอ้าปากร้องไม่ออกวิ่งหาน้ำดื่ม บนโต๊ะกาแฟนั้นมีขวดกาแฟเกลือพริกไทยวางอยู่ใกล้ๆกัน…
อ่านต่อตอนที่ 28