แหวนทองเหลือง ตอนที่ 1
ปีพุทธศักราช 2464 ณ คุ้มลำดวน ใน จ. เชียงใหม่ อันเป็นบ้านของ พระยาดำรงพิรมย์ หรือที่ทุกคนเรียกขานตามยศตำแหน่งท่านว่าท่านเจ้าคุณเทศา ชื่อคุ้มนั้น ตั้งชื่อตามชื่อ คุณหญิงลำดวน ภรรยาของท่านเจ้าคุณที่เสียชีวิตไปแล้ว เป็นบ้านไม้รูปทรงล้านนาทางเหนือหลังใหญ่ยกพื้นสูง โดยชั้นบนของเรือนมีเฉลียงขนาดใหญ่จัดเป็นจุดนั่งเล่น จัดวางอย่างสวยงาม
วันนี้เป็นวันครบรอบวันเกิดเจ้าคุณเทศา ได้มีการจัดงานเลี้ยงแบบขันโตกพื้นเมือง แม้ไม่หรูหราใหญ่โตนัก แต่ก็มีการจัดแต่งสถานที่สวยงาม ข้าวของท้องถิ่น อาทิ โคมกระดาษสีไม่ฉูดฉาดถูกนำมาแขวนตามกิ่งไม้รอบบริเวณ เป็นจุดๆ รวมทั้งดอกกล้วยไม้ป่าในละแวกท้องถิ่นถูกนำมาประดับประดาสวยงามสมฐานะเจ้าเรือน
งานจัดขึ้นบริเวณลานกว้างของสนามหน้าบ้าน ซึ่งได้จัดเตรียมโต๊ะเตี้ยๆ สำหรับจัดเลี้ยงขันโตกเป็นหมู่ๆ ปูเสื่อมีหมอนอิงสวยงาม
ปาน ในวัย 40 กำลังสั่งการบ่าวชาย หญิง จัดเตรียมสถานที่ให้เรียบร้อย อยู่ที่บริเวณศาลาริมน้ำ
“ไอ้ก่ำ...เอ็งกับไอ้ย้งไปกวาดใบไม้ที่ลานขันโตกอีกทีซิ ลมพัดใบไม้ร่วงลงมาอีกแล้ว...เร็ว ๆ ซิวะ แขกจะมากันแล้ว” ปานบอก
ก่ำ และ ย้งรีบละมือจากแขวนโคมวิ่งไปหาไม้กวาดไปกวาดใบไม้ เจ้าคุณเทศาในวัยประมาณ 50 กว่า ๆ เดินยิ้มแย้มมาหาปาน
“เอ็งมันหาเรื่องเหนื่อยเองไอ้ปาน”
ปานยิ้มหน้าบานยกมือไหว้ท่วมหัว
“นายท่านของไอ้ปาน กระผมไม่เหนื่อยเลยขอรับ พวกเราคอยมานานแล้วขอรับที่จะทำอะไรให้นายท่านบ้าง แค่เห็นนายท่านยิ้มกระผมก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งละขอรับ” ปานบอก
“เห็นจัดบ้านสวยๆ อย่างนี้ก็คิดถึงคุณหญิงเค้านะ”
ท่านเจ้าคุณเทศาสีหน้าหม่นหมองลงเล็กน้อยเมื่อคิดถึงภรรยาที่ตายไปแล้ว เทศามองปานอย่างซึ้งในน้ำใจตบบ่าปานเบาๆ
“ขอบใจเอ็งมากนะ ข้ามองคนไม่ผิดจริงๆ”
แขกเริ่มทยอยมา ทิดอ่วมเศรษฐีละแวกบ้านแถวนั้นกับ เมีย และ ลูกชายอายุ ประมาณ 12 ชื่อ หนานอุยเดินมาไหว้เจ้าคุณเทศาอย่างนอบน้อม
“เชิญจ้ะ...เชิญเลย ไม่ได้เจอกันนานนะทิดอ่วม นี่ลูกชายเหรอ”
“ขอรับ หนานอุย ไหว้ท่านเจ้าคุณเสียซิ” ทิดอ่วมบอก
หนานอุยรูปร่างอ้วนป้อมยกมือไหว้อย่างอายๆ ทิดอ่วมเอาขันเงินใบใหญ่ ใส่ดอกไม้สวยงามให้เทศา
“ของขวัญเล็กน้อยกราบท่านเจ้าคุณขอรับ”
เทศารับไว้ส่งให้ปาน
“ขอบใจมากนะ..ไป พาลูกกับเมียไปนั่งตามสบายนะ”
เทศาเดินไปกับทิดอ่วม บัวแก้วเดินผ่านมาพอดี ปานเรียกไว้แล้วยื่นขันใส่ดอกไม้ให้บัวแก้วทันที
“บัวแก้ว เอานี่ไปไว้บนบ้าน...แล้วนี่เอ็งมาเจ๋อแถวนี้ทำไม ทำไมไม่ไปช่วยแม่เอ็งในครัว”
บัวแก้วทำหน้าเบื่อหน่าย
“รำคาญยายสมร...ไปพูดมากในครัวอยู่ได้”
ปานไม่พอใจ
“เอ็งอย่าได้สะเออะไปว่าเมียท่านเชียวนะ”
“ผู้หญิงอย่างนี้เค้าไม่เรียกเมียหรอกลุง ต่อหน้านายท่านละทำดี ลับหลังน่ะ อย่าให้พูดเลย”
“เออ...ดี อย่าพูดนะ เพราะถ้าเอ็งพูดล่วงเกินคนของท่านน่ะ ข้าจะตบเอ็งให้”
ปานทำท่าเงื้อมือ บัวแก้วรีบหลบเดินหนีไปทางเรือนใหญ่ ปานมองตามด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ
ภายในครัว สมรกำลังเจ้ากี้เจ้าการจัดอาหาร ปากก็บ่นว่าไปตลอด เห็นชุดขันโตกหลายชุดกำลังจัดสำรับอาหาร สมรหยิบโน่นจับนี่ดูวุ่นวาย ทั้ง ๆ ที่แก้วทำจะเสร็จอยู่แล้ว
“จัดอย่างนี้ได้ยังไงยะพวกหล่อน...นี่ละน้าเค้าว่าพวกบ้านป่าบ้านนอกไม้รู้เรื่อง ใครเค้าเอาน้ำพริกไปเป็นของกินเล่นยะหล่อน น้ำพริกเค้าไว้กินเป็นกับข้าว”
แก้วตอบเรียบๆ
“น้ำพริกอ่องก่อกินกับข้าวนึ่ง กับแค้ปหมูเจ้า”
ปานเดินมายืนฟังด้านหลัง สมรยิ่งเกรี้ยวกราด
“ยังจะมาเถียงอีก....เดี๋ยวเถอะ น้ำพริกบ้าบออะไรของหล่อนกินกับข้าวเหนียวน่ะ”
ปานอู้คำเมือง
“คนเหนือเปิ้นยะกินข้าวเจ้าอย่างคนบางกอกเน้อหมู่เฮาน่ะ กินแต่ข้าวนึ่ง คุณคงบะเกยกินขันโตกใจ่ก่อ”
ปานพูดหน้าซื่อๆ สมรมองหน้าปานอยากเอาเรื่องมาก สาวๆ คนอื่นๆ พากันแอบอมยิ้ม
“แกอย่ามาพูดลามปามกับฉันนะกำนัน”
บัวแก้วเข้ามายืนมองไม่พอใจ
“ผมก็บอกคุณดี ๆ ก่อ คุณบะฮู้ธรรมเนียมกินอาหารชาวเหนือ”
สมรตาวาว บัวแก้วเห็นท่าไม่ดีรีบพูดแทรก
“ลุง...ท่านเจ้าคุณหื้อลุง กับป้าหมอนบะใจ๋ขึ้นเฮือนใหญ่ได้แล้ว เจ้าคุณสุริยัน คุ้มฝั่งโน้นมาถึงแล้ว”
สมรหันขวับตาวาว
“แกเรียกฉันว่าอะไรนะนังบัวแก้ว”
บัวแก้วลอยหน้าตีหน้าซื่อ
“ก่อเรียกป้า...ก็ป้าเป็นช่างทำเล็บตี๋นคุณหญิงบะใจ้กา มาเตื้อแล้ว หื้อเรียกป้าเองบะใจ่กา”
สมรชี้กราดโกรธตัวสั่น
“พวกแกทุกคนรู้ไว้ด้วย เดี๋ยวนี้ ข้าเป็นเมียท่านเจ้าคุณเทศาโว้ย ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงกูจะตบปากฉีก จำไว้ด้วยนังบัวแก้ว แล้วพวกแกหาข้าวสวยมาให้กูกินนะ กูไม่กินข้าวเหนียวอย่างพวกแก”
สมรสบัดหน้าเดินออกไป บัวแก้วมองตามอย่างหมั่นใส้มาก หันมาเจอสายตาปานที่มองอย่างห้ามปราม ปานเดินตามสมรออกไป
บัวแก้วบอก
“ทีตะก่อนกิ๋นข้าวนึ่งทีละสองกะติ้บยังไม่ค่อยจะปอ อี่จั้ดง่าว”
คนอื่นๆ พากันหัวเราะท่าทางของบัวแก้วที่ยังไม่หายเคือง
มุมหนึ่งของห้องนอนกฤษดา ได้วางรูปที่เขาที่ถ่ายกับคุณหญิงลำดวนเอาไว้ กฤษดาแต่งตัวเสร็จแล้วด้วยเสื้อผ้าเรียบง่าย
กฤษดา ดำรงธรรม ในวัย 15 ปี ยืนดูรูปด้วยสีหน้าเศร้าๆ น้ำตาไหลเงียบๆ เด็กหนุ่มใช้มือเช็ดน้ำตา ปานมาเคาะประตู กฤษดาพยายามปรับเสียงให้ปรกติ
“เข้ามา”
ปานเปิดประตูก้าวเข้ามาลงนั่งห่างๆ
“นายท่านให้มาบอกว่าแขกมาแล้ว ให้คุณไปช่วยรับแขกครับ”
กฤษดาพยักหน้า
งานเลี้ยงดำเนินไป เจ้าคุณเทศารับแขกคณะของสุริยันที่เฉลียงบนบ้านใหญ่ซึ่งตบแต่งไว้สวยงาม บริเวณมุมหมู่สำรับขันโตกหมู่ใหญ่ สุริยันมองเหล้าในแก้วเจียรนัยสวยงาม แล้วยื่นส่งให้เทศา
“ก็ขอให้ท่านเจริญรุ่งเรืองยื่งๆ ขึ้นไปนะท่านเจ้าคุณ”
เจ้าคุณเทศารับมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ขอบพระคุณมากครับ นี่ลูกชายผม กฤษดา”
กฤษดายกมือไหว้สุริยันอย่างเรียบร้อย ปานมารับขวดเหล้าไปจากเจ้าคคุณ
“ท่านมีคนเดียว ของผมมีสองคน แสงธรรม กับ ปิ่นแก้ว”
แสงธรรม อยู่ในวัยเดียวกับกฤษดา ส่วนปิ่นแก้ว อายุน้อยกว่า 2 ปี ทั้งสองยกมือไหว้เทศาอย่างเรียบร้อยเช่นกัน
“แสงธรรม กับ กฤษดา น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันนะ ดีแล้วจะได้เป็นเพื่อนกัน” สุริยันบอก
สมรเดินขึ้นมาวางท่าเป็นคุณนายเต็มที่ รีบเข้าไปไหว้สุริยัน
“สวัสดีเจ้าค่ะท่าน”
เจ้าคุณเทศาสีหน้าเฉยไม่ได้แนะนำสมรแต่อย่างใด ส่วนสุริยันรับไหว้อย่างมารยาทดี
“พาพวกคุณๆ ไปนั่งหมู่ทางด้านโน้น เค้าจะได้เดินเล่นกันสะดวก แล้วเธอไปดูแลเรื่องสำรับให้ดีด้วย ปาน เอ็งเอาเหล้าของท่านเจ้าคุณมาคอยชงให้ข้า”
“ขอรับนายท่าน”
สมรแอบไม่พอใจที่เทศาไม่ให้เกียรติแต่ไม่กล้าแสดงออก พาเด็กๆ ไปนั่งโต๊ะหมู่ขันโตกอีกด้านหนึ่ง ปานแอบมองแบบสะใจที่เทศาพาสุริยันไปนั่งหมู่ขันโตกที่จัดไว้สวยที่สุด ปานสั่งให้ม้ง และก่ำยกตั่งเล็ก ๆ มาวางขวดเหล้าและแก้วบรั่นดี
สมรพาเด็กๆ ทั่งสามคนมานั่งที่โต๊ะของกฤษดา ปิ่นแก้วแต่งกระโปรงบานสวยหรูแบบฝรั่งหน้างอไม่ค่อยพอใจ
“พี่ธรรม งานเลี้ยงทำไมต้องนั่งกับเสื่ออย่างนี้ล่ะ ทำไมไม่มีเก้าอี้อย่างโฮเต็ลล่ะ น้องไม่ชอบนั่งแบบนี้นะ”
แสงธรรมมองกฤษดาอย่างเกรงใจ
“นี่เป็นงานเลี้ยงแบบขันโตก ใครเค้านั่งเก้าอี้กันล่ะปิ่น”
ปิ่นแก้วหน้างอมากขึ้นทำท่าอยากอาละวาด
“จริงอย่างคุณปิ่นพูดค่ะ ดิฉันก็ไม่ชอบนั่งกับพื้นแบบนี้เหมือนกัน รู้สึกไม่ศิวิไลซ์เสียเลย”
สมรพยายามเน้นภาษาอังกฤษแบบเว่อร์ๆ กฤษดา กับ แสงธรรมอดขำไม่ได้
“เอาอย่างนี้ดีไหม เราไปเดินเล่นกันก่อน เดี๋ยวค่อยขึ้นมาทานอาหาร ที่สวนมีดอกไม้สวยๆ นะ”กฤษดาบอก
ปิ่นแก้วยิ้มพอใจ
“ดีค่ะ...ปิ่นชอบดอกไม้”
กฤษดาจึงพาแสงธรรม และปิ่นแก้วเดินลงไปด้านล่าง
สมรไม่ยอมตามไป แต่กลับเดินไปหาเทศาเพราะอยากแสดงตัวเต็มที่
อ่านต่อหน้า 2
แหวนทองเหลือง ตอนที่ 1 (ต่อ)
เจ้าคุณเทศา กำลังนั่งดื่มเหล้ากับสุริยัน มีก่ำ และ ม้ง คอยเสิร์ฟของทานเล่นจานเล็กๆ
“อันที่จริงเรื่องจัดงานวันนี้ไม่ใช่ความคิดของผมหรอกครับ นี่แหล่ะครับเจ้ากำนันนี่แหล่ะตัวดี”
เทศามองปานอย่างปรานี หัวเราะเบาๆ
“เที่ยวไปเกณฑ์ทั้งชาวบ้าน ทั้งญาติวุ่นวาย”
ปานก้มหน้าอายไม่พูด สุริยันหัวเราะชอบใจ
“ท่านเจ้าคุณนี่มีบุญนะครับ...มีบริวารดี ทั้งรักทั้งเกรงอย่างนี้หายากนะครับ กำนันนี่ดูแลลูกบ้านก็ดี เมื่อก่อนแถวนี้ไอ้โจรไอ้เสือชุมที่สุด..เดี๋ยวนี้ก็ดีขึ้นมาก”
ปานมองเจ้าคุณเทศาอย่างสำนึกบุญคุณ
“เอ้อ...แล้วนี่ลูกสาวเอ็งหายไปไหน ตั้งแต่เย็นยังไม่เห็นหน้า”
ปานทำท่านึกขึ้นได้
“ไอ้กระผมก็มัวแต่ยุ่ง ๆ อยู่เลยไม่ได้สนใจขอรับ จริงด้วย ไม่รู้ดวงใจไปซนอยู่ที่ไหน....ไอ้ลูกคนนี้เป็นผู้หญิงแต่ใจมันยังกะผู้ชายขอรับ ไม่เคยกลัวอะไรเลย ไอ้ก่ำ เอ็งเห็นไอ้ดวงมันบ้างไหม”
“ก็มันกับสายคำเตรียมจะ....”
ม้งเอามือปิดปากก่ำไว้ก่อนที่จะพูดเรื่องดวงใจ ก่ำนึกขึ้นมาได้ หัวเราะแห้งๆ
“ไอ้ก่ำ” ม้งปราม
“เอ้อ...เอ้อ…”
ปานถาม
“อะไรของเอ็งไอ้ก่ำ ทำเป็นเอ้อๆ อ้าๆ”
สมรซึ่งทำเป็นเดินจัดโน่นจัดนี่อยู่พักนึ่งแล้วทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เดินมานั่งข้างๆเจ้าคุณ เทศาหันไปมองสีหน้าเฉยๆ
“บอกให้ไปดูพวกคุณ ๆนี่สมร”
“เอ้อ...คุณ ๆ วิ่งเล่นกันไปทางไหนหมอนตามไม่ทันค่ะ”
“กระผมไปดูให้ก็ได้ขอรับ..จะได้ไปหาไอ้ดวงด้วย” ปานบอก
เจ้าคุณเทศาพูดเบาๆ แต่เฉียบขาด
“ไม่ต้อง...ให้สมรไปดู ไอ้ก่ำ”
“ขอรับนายท่าน”
“เอ็งไปกับแม่สมร แล้วไปดูด้วยว่าดวงใจอยู่ไหน บอกให้มาหาข้าหน่อย”
สมรคอแข็งเดินออกไป โดยมีก่ำตามไปด้วย
มุมสวนกล้วยไม้หลังบ้านเทศา เมื่อยามเย็น พระอาทิตย์ใกล้ตกดิน ดวงใจ เอื้อมมือเด็ดช่อดอกเอื้องจากต้นในสวนกล้วยไม้
สายคำบอก
"เอ้า...เร็ว ๆ ไอ้ดวง จวนจะได้เวลาแล้ว มัวแต่เลือกอยู่นั่นแหล่ะ"
"พี่สายคำ...ช่วยติดผมให้ข้าเจ้าหน่อยนะ" ดวงใจบอก
"ทำไมไม่เอาช่อใหญ่โน่นล่ะ"
"เสียดายพี่สายคำ เก็บไว้ดูกับต้นดีกว่า"
สายคำติดช่อดอกเอื้องมวยผมของดวงใจ
"ชอบซะจริงดอกเอื้อง พี่ว่าดอกกุหลาบสวยกว่าตั้งเยอะ...เอ้า เสร็จแล้ว รีบไปกันเถอะ"
กฤษดา แสงธรรม พาปิ่นแก้วเดินมาในสวนกล้วยไม้ สายคำ กับ ดวงใจเห็นมีคนมาก็รีบแอบ ปิ่นแก้วตื่นเต้นที่เห็นดอกกล้วยไม้สวย ๆ มากมาย วิ่งดูทางโน้นทางนี้
"โอ้โฮ...พี่กฤษดา สวย ๆ ทั้งนั้นเลย"
"คุณพ่อของพี่ท่านชอบดอกไม้ทุกอย่าง อันที่จริงท่านชอบดอกกุหลาบ แต่พี่ชอบดอกกล้วยไม้มากกว่า มันทนทานแข็งแรงกว่ากุหลาบ"
กฤษดาเดินไปจับดอกเอื้องอย่างที่ดวงใจติดผมอย่างทะนุถนอม ดมเบาๆ ปิ่นแก้วรีบเดินเข้ามา"ถ้างั้นปิ่นจะเอากล้วยไม้อันนี้...พี่ธรรมน้องจะเอานะ"
"อย่าเลยปิ่น" แสงธรรมบอก
ดวงใจที่แอบดูอยู่สีหน้าไม่พอใจมาก
"พี่ว่าให้มันอยู่กับต้นดีแล้ว"
"แต่น้องอยากได้นี่"
ปิ่นแก้วชี้จะเอาช่อดอกเอื้องช่อใหญ่ที่ดวงใจถนอมเก็บไว้กับต้น ดวงใจที่แอบอยู่เห็นก็ตกใจ ปิ่นแก้วตัวเตี้ยพยายามจะเก็บให้ได้ ดวงใจรีบออกจากที่ซ่อนวิ่งมาห้ามอย่างไม่พอใจ
"อย่านะ...ห้ามเก็บนะ"
สมร กับ ก่ำ เดินมาถึงพอดี หยุดยืนดู ปิ่นแก้วไม่พอใจ
"แล้วมันเรื่องอะไรของแก" ปิ่นแก้วถาม
"ดอกกล้วยไม้ทั้งหมดนี่เป็นของข้าเจ้า...ห้ามคนอื่นยุ่ง"
"ใครเป็นคนอื่นกันแน่...นี่พี่กฤษดา ลูกชายท่านเจ้าคุณลุงเจ้าของบ้านนี้ แกเป็นใคร"
ดวงใจ กับ สายคำตกใจที่รู้ว่ากฤษดากเป็นใคร สายคำรีบฉุดมือดวงใจให้รีบไป
"ไปเถอะ ไอ้ดวง"
ดวงใจมองหน้ากฤษดา ที่ยิ้มให้อย่างใจดี ทำให้ดวงใจหายกลัวปิ่นแก้วที่ทำท่าจะเก็บดอกเอื้องอีกดวงใจที่กำลังจะเดินไปหันขวับมา
"คุณกฤษดาเก็บได้ แต่เอ็งห้ามเก็บนะ"
สมรยืนฟังอยู่นานแล้ว ได้เห็นดวงใจท่าทางเอาเรื่องปิ่นแก้วก็ไม่พอใจ เดินมาผลักดวงใจ
"เอ๊ะ..อีเด็กนี่ พูดจาถือดีนักนะ แกไม่รู้เหรอว่าคุณปิ่นเป็นใคร"
"เอาเถอะ...แบ่งกันบ้างก็ได้"
กฤษดาบอกเป็นการตัดบท
จากนั้นกฤษดาเดินเข้าไปพูดกับดวงใจด้วยท่าทางอ่อนโยน
"เค้าเป็นแขกมาบ้านเรา แบ่งให้เค้าบ้างก็ได้"
กฤษดาเดินไปจะเด็ดดอกเอื้อง ดวงใจหน้าเสีย รีบวิ่งไปจับมือ กฤษดาไว้
"เด็ดต้นอื่นได้ไหมเจ้า...อย่าเอาต้นนี้เลย"
ปิ่นแก้วเดินมาผลักดวงใจอีก แล้วบอก
"ฉันจะเอาต้นนี้ แกอย่ามายุ่ง"
แสงธรรมปรามน้อง
"ปิ่น"
"ก็ทีมันยังเอาไปปักหัวมันได้ แล้วทำไมน้องจะเอาไม่ได้"
ดวงใจใช้สายตามมองกฤษดาอย่างอ้อนวอน กฤษดาเห็นสีหน้าดวงใจแล้วก็เด็ดดอกเอื้องไม่ลง
กฤษดาหาทางออก
"มีทางโน้นสวยกว่าต้นนี้อีกน้องปิ่น"
"ไม่ค่ะ...ปิ่นจะเอาต้นนี้"
ปิ่นแก้วเบียดกฤษดาเข้าไปจะเด็ดกล้วยไม้ ดวงใจลืมตัวผลักปิ่นแก้วก้นกระแทกพื้น
"อย่านะ"
"โอ้ย"
กฤษดา รีบจับปิ่นให้ลุกขึ้น สมรตบหน้าดวงใจอย่างแรง
"อีนี่ทะลึ่งเกินไปแล้ว...มึงเป็นลูกใครถึงกำเริบมาทำร้ายคุณปิ่น"
ดวงใจเอามือกุมแก้มน้ำตาไหล แต่ไม่ร้องไห้เสียงดัง สมโกรธจัด มุมปากดวงใจมีเลือดนิดนึง สมรทำท่าจะเข้าไปตบดวงใจอีก ดวงใจวิ่งไปหลบหลังกฤษดาที่จ้องหน้าสมรไม่ลดละ
"ยังจะมาจ้องหน้ากูเหรอ...อีนี่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง"
สมรพยายามจะคว้าตัวดวงใจออกมาจากหลังกฤษดา แต่ ดวงใจจับกฤษดาไว้แน่น
"มานี่..จะตีมึงให้ตายคามือ"
"พอเถอะสมร...ตบเค้าไปซะขนาดนั้น มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ เด็กเค้าเล่นกัน สมรทำซะเป็นเรื่องใหญ่"
"คุณกฤษดาก็ไปเข้าข้างมัน เล่นที่ไหนกัน มันผลักคุณปิ่นซะหงายหลังก้นกระแทกนะคะ คุณกฤษดา"
แสงธรรมตัดบท
"ผมว่าพวกเราขึ้นเรือนไปทานข้าวกันดีกว่าครับ...ปิ่นเค้าก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากหรอกครับ ไปเถอะปิ่น"
ปิ่นแก้วโวยวายอาละวาด
"ทำไมจะไม่เจ็บ ปิ่นเจ็บนะพี่ธรรม"
"อะไรกัน พี่เคยเห็นปิ่นนอนละเมอตกเตียงน่ะ เจ็บกว่านี้อีก"
"พี่ธรรม"
แสงธรรมหัวเราะกับกฤษดา ปิ่นแก้วยิ่งโมโห กระทืบเท้าเต้นเร่าๆ
"พี่ธรรมใจร้าย...น้องเจ็บมากนะ"
แสงธรรมทำหน้าเบื่อๆ
"มีน้องสาวแสนงอนก็อย่างนี้ละครับ คุณกฤษดาไม่มีน้องน่ะดีแล้ว"
"พี่ธรรม...ปิ่นจะฟ้องเจ้าคุณพ่อ"
"เชิญ...แต่ตอนนี้พี่หิวแล้ว เธอไม่อยากกินข้าวก็ตามใจ ไปกันเถอะครับคุณกฤษดา"
"จริงซิครับ กลับบ้านกันดีกว่านี่ก็จะค่ำแล้ว"
กฤษดาเดินไปกับแสงธรรม ปิ่นแก้วจะเดินตามแต่ยังหันมามองหน้าดวงใจอย่างไม่พอใจมาก ดวงใจก็จ้องหน้าตอบแบบไม่ยอมกัน สมรกระชากดอกเอื้องที่หัวของดวงใจไปส่งให้ปิ่นแก้ว ทั้งคู่ต่างสะใจ ดวงใจจ้องตอบด้วยความแค้น ตลอดเวลาก่ำพูดอะไรไม่ได้ ได้แต่มองดวงใจอย่างเห็นใจ
"ไอ้ดวง...นายท่านให้เอ็งขึ้นไปหาบนเรือนใหญ่" ก่ำบอก
ดวงใจยังไม่หายแค้น
บรรยากาศลานบ้านของเจ้าคุณเทศา จัดงานแบบขันโตกอย่างสวยงาม ชาวบ้านเริ่มทานอาหาร วงสะล้อ ซอ ซึง เล่นเพลงพื้นเมืองเบา ๆ กฤษดา และ แสงธรรม เดินนำ ปิ่นแก้ว สมร ก่ำ ขึ้นมาบนบ้านและเดินตรงไปที่โต๊ะหมู่ขันโตก ซึ่งบัดนี้จัดวางสำรับขันโตกไว้แล้ว กฤษดานั่งประจำที่ติดกับแสงธรรม ปิ่นแก้วยังหน้าบึ้งไม่ยอมนั่ง
"ปิ่นจะไปฟ้องเจ้าคุณพ่อให้เล่นงานนังบ้านั่น"
แสงธรรมบอก
"อย่าเสียมารยาทซิปิ่น....คุณพ่อท่านกำลังคุยกับเจ้าคุณลุงอยู่ แล้วก็กำลังรับทานข้าวด้วย ทำอย่างนั้นไม่ดีนะ"
"น้องปิ่นทานข้าวดีกว่าค่ะ เรื่องดวงใจพี่จะจัดการให้เอง" กฤษดาบอก
ปิ่นแก้วเดินมาลงนั่งข้าง ๆ กฤษดาอย่างประจบ
"จริง ๆ นะคะ พี่กฤษดา"
"จริงซิคะ...เรามาทานข้าวกันดีกว่าค่ะ"
ปิ่นแก้วพอใจ เดินกลับไปนั่งข้าง ๆ แสงธรรมที่กำลังทานอาหาร ไม่สนใจ ตลอดเวลาปิ่นแก้วยังถือช่อดอกเอื้องไว้
สมร กับ ก่ำ แยกเดินไปที่โต๊ะของเจ้าคุณเทศาตั้งแต่แรก
อ่านต่อหน้า 3
แหวนทองเหลือง ตอนที่ 1 (ต่อ)
ทางฝ่ายเจ้าคุณเทศากับสุริยันคุยกันอย่างสนุก ไม่ได้สนใจเด็ก ๆ ปานเดินมากระซิบถามก่ำ
"นังดวงล่ะ ไอ้ก่ำ....นายท่านให้เอ็งไปตามน่ะ เจอมันไหม"
ก่ำยังไม่ทันจะตอบ วงสะล้อ ซอ ซึง ก็เปลี่ยนเป็นเพลงฟ้อน
ดวงใจฟ้อนนำหน้าออกมากับสายคำ บนหัวดวงใจปักช่อดอกเอื้องช่อใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม เจ้าคุณเทศา มองอย่างพอใจ หันไปถามปาน
"นางฟ้อนตัวเล็ก ๆ นี่ลูกใครกัน ...น่ารักจริง ๆ"
"ไอ้ดวงครับนายท่าน"
ปานเองก็มองดวงใจอย่างชื่นชม
"นึกว่าหายไปไหน ทีแท้ก็ซุ่มอุบไว้มาฟ้อนนี่เอง"
เจ้าคุณเทศาบอก
"นี่นะดวงใจ...เออ เห็นอีกทีจะเป็นสาวแล้ว เหมือนแม่เค้านะ หน้าสวยหวานอย่างนี้น่ะ"
สุริยันบอก
"กำนันมีลูกสาวสวยนะนี้...โตเป็นสาวละหัวบันไดไม่แห้งแน่ๆ"
ดวงใจเดินฟ้อนมาเรื่อย ๆ จนขึ้นบันไดมาบนเรือนเจ้าคุณเทศา กฤษดา และ แสงธรรม มองอย่างพอใจ โดยเฉพาะกฤษดา
"เป็นสาวห้าวหาญ แต่ฟ้อนได้อ่อนหวานผิดกับเมื่อกี้เลยนะกฤษดา"
กฤษดายิ้มพอใจ ปิ่นแก้วกำลังสนใจแต่อาหาร ยังไม่ได้สนใจกับอะไร แต่สังเกตเห็นกฤษดา กับแสงธรรมหยุดทานอาหาร มองไปทางดวงใจ ก็มองไปบ้าง ทั้ง ๆ ที่ยังแทะน่องไก่คาปาก พอเห็นดวงใจก็แสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างมาก มองดวงใจอ้าปากค้างไก่หลุดจากปาก
"อีนั่น"
ปิ่นแก้วมองดอกเอื้องของตัวเอง กับบนหัวดวงใจ ยิ่งหน้าบึ้ง
"ของมันช่อใหญ่กว่าอีก"
ปิ่นแก้วขว้างช่อดอกเอื้องที่แย่งมาจากดวงใจทิ้งไป กฤษดาแอบมองอยากตำหนิ
มุมหนึ่งของงาน บริเวณมุมหมู่ขันโตกของพ่อ แม่ หนานอุย มีแก้ว และ บัวแก้ว มานั่งกินขันโตกอยู่ด้วย
ทั้งหมดกำลังมองฟ้อนของดวงใจด้วยสีหน้าชื่นชมดวงใจกับนางฟ้อนเล็ก ๆ ซึ่งฟ้อนอย่างสวยงาม
"แหม...ดวงใจมันงามแต้ ๆ" แก้วว่า
"แม่น แม่น ดวงใจงามแต้ ๆ" หนานอุยบอก
"ติดใจไอ้ดวงเหรอหนานอุย" บัวแก้วถาม
แม่หนานอุยบอก
"ติดใจมากเลย บัวแก้ว ร้องจะขอมาเล่นกับดวงใจทู้กวันจ้ะ"
ยายเหม็นบอก
"หนานอุย โตเป็นหนุ่มแล้วข้าจะเป็นแม่สื่อมาขอดวงใจให้เอาก่อ"
"ขอเอาไปทำอะไร" หนานอุยถาม
ผู้ใหญ่ในโต๊ะพากันหัวเราะ
พ่อหนานอุยบอก
"เอ็งโตเป็นหนุ่มแล้วก็รู้เองละหนานอุย"
หนานอุยมองดวงใจอย่างชอบมาก ๆ
ดวงใจ สายคำ และนางฟ้อนอีก 4 คน ก้มกราบเจ้าคุณเทศา ทุกคนตบมือยกเว้นปิ่นแก้วที่ยิ่งทำหน้างอไม่พอใจ สมรตบมืออย่างเสียไม่ได้ เจ้าคุณเทศาเดินไปเชยคางดวงใจให้เงยหน้าขึ้นมามองด้วยสีหน้าพอใจ
"ไหนดูหน้าชัดๆ หน่อยซิ ข้าน่ะเห็นเอ็งตั้งแต่อยู่ในท้องแม่เอ็งนะ ใครเป็นคนหัดให้ฟ้อนน่ะดวงใจ"
ดวงใจเห็นเจ้าคุณเทศามีเมตตาก็หายกลัว ตอบด้วยเสียงชัดใส
"อาแก้วจ้ะ....เอ้อ...ข้าเจ้าไม่มีอะไรจะมอบเป็นของกำนัลให้นายท่าน ก็เลย...ขอฟ้อนให้แทน"
ตลอดเวลาสมรมองอย่างหมั่นใส้ อดหันไปเหน็บแนมปานไม่ได้
"กำนัน...น่าจะหัดให้มันพูดจาให้ดีกว่านี้หน่อยนะ ถ้าอยากจะพูดกับนายท่านก็น่าจะหัดพูดกิริยามารยาทให้ดีซะก่อนนะ อย่างนี้น่ะเค้าเรียก..."
เจ้าคุณเทศาได้ยินหันไปดุสมร แต่สีหน้ายังยิ้มรื่น ปานที่กำลังหน้าบานสลดทันที
"แม่สมร นี่หล่อนจะเอาอะไรกับเด็กเท่านี้ ดวงใจมันพูดโดยซื่อด้วยจริงใจ ฉันชอบอย่างนี้แหล่ะ เธอมันก็ช่างติเกินไป"
เทศาหันกลับมาพูดกับดวงใจต่อ
"ดวงใจ เอ็งกับเพื่อนๆ รอประเดี๋ยวนะ"
เจ้าคุณเทศาลุกเดินเข้าไปข้างใน สมรหันมาเล่นงานปานทันที
"กำนันปาน เราน่ะเลี่ยงลูกยังไง ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เมื่อกี้ก็รังแกคุณปิ่น ผลักคุณปิ่นซะก้นกระแทกพื้น"
หมู่ขันโตกของกฤษดาที่นั่งอยู่กับแสงธรรมสีหน้าไม่ดี ปิ่นแก้วได้ทีรีบวิ่งมาหาสมร
"จริงเจ้าค่ะ เจ้าคุณพ่อ อีนี่มันผลักลูกจริง ๆ ลูกงี้เจ็บระบมไปหมด"
ปานตกใจหน้าเสีย สุริยันยิ้ม ๆ ไม่ถือสามองสมรอย่างพิจารณา
"ไอ้ดวง" ปานเรียกลูกสาว แต่สุริยันหันไปบอกลูกสาวซะก่อน
"ปิ่นแก้ว...พ่อไม่ชอบที่หนูพูดจาแบบนี้ มีอะไรก็พูดกันดีๆ คนที่พูดจาว่าร้ายคนอื่นน่ะ เค้าเรียกคนนิสัยไม่ดีนะลูก"
ปิ่นแก้วหน้างอ แต่ไม่กล้าเถียง สมรก็หน้าเจื่อนเพราะเหมือนโดนสุริยันพูดหมายถึงตัว เทศาเดินกลับออกมา มือถือถุงเงินเล็ก ๆ ออกมาด้วย เจ้าคุณเทศาชะงักนิดหน่อยที่เห็นสีหน้าทุกคนผิดปรกติไป
"มีอะไรกันหรือเปล่า"
สุริยันหัวเราะคลายบรรยากาศ
"ไม่มีอะไรหรอกท่านเจ้าคุณ เด็กๆ เค้าเล่นกันเท่านั้นเอง"
เทศายื่นถุงเงินให้ดวงใจ
"เอ้าดวงใจ...ข้าให้รางวัลเอ็งกับ เพื่อนๆ เอ็งไปจัดการแบ่งกันได้ไหม"
ดวงใจดีใจมาก สมรมองอย่างหมั่นใส้
"ได้เจ้าค่ะนายท่าน"
"นายท่านขอรับ ไม่ต้องหรอกขอรับ พระคุณของนายท่านล้นหัวพวกกระผมนักหนาแล้ว ขอให้พวกเฮาได้ทำเพื่อนายท่านเถิดขอรับ"
"นี่ไม่เกี่ยวกับเอ็งนะกำนันปาน ระหว่างข้ากับดวงใจ ข้าอยากจะให้มันเก็บไว้ซื้อของที่มันอยากได้ เอ็งไม่ต้องยุ่ง มารับไปดวงใจ วันนี้เอ็งฟ้อนได้ถูกใจข้ามาก"
ดวงใจลังเลมองหน้าปาน แต่ก็คลานไปรับถุงเงินมาจากเจ้าคุณเทศา อดที่จะดีใจไม่ได้
ค่ำค่อเนื่องมา ที่บ้านปาน นางฟ้อนเพื่อนดวงใจ 3 คน และ สายคำ ยืนแบมือรับส่วนแบ่งรางวัลจากดวงใจ
"เอ้า...1...2...คนละ 2 ตังนะ"
สายคำกับเพื่อน ๆ พากันดีใจ กระโดดโลดเต้น
"รวยแล้วเรา" สายคำบอก
เพื่อนๆว่า
"ขอบใจหลายไอ้ดวง"
แก้ว เดินเข้ามากับบัวแก้ว
"ไป...กลับกันได้แล้ว ระวังตังหายนะ...พ่อแม่พวกเอ็งรอกันอยู่หน้าคุ้มโน่นแล้ว" บัวแก้วบอก
เพื่อน ๆ ของดวงใจ พากันวิ่งออกไป ดวงใจมองถุงเงินที่เหลือด้วยสีหน้ามีความสุขมาก
"เก็บเอาไว้ให้ดี ๆ ล่ะ...จะได้เอาไว้ซื้อของที่เอ็งอยากได้ไง" แก้วบอก
"จ้ะ อาแก้ว"
"อย่าลืมแบ่งพี่ด้วยเน้อไอ้ดวง"
ดวงใจยิ้มเจ้าเล่ห์ สีหน้าแก้วที่กำลังสดชื่นสลดลงเมื่อสมรเดินเข้ามา บัวแก้วทำหน้าเบื่อๆ
"คุณต้องการอะไรหรือเปล่าเจ้า" บัวแก้วถาม
สมรทำท่าเกรี้ยวกราด
"อีดวงใจ...ข้าต้องการให้แกมากราบขอโทษข้าเดี๋ยวนี้"
บัวแก้วถาม
"กราบขอโทษ...เรื่องอะไร"
"แกไม่ต้องเสือก"
บัวแก้วของขึ้น
"ต้องเสือกอยู่แล้ว ไอ้ดวงมันน้องฉัน ป้ามาพูดแบบนี้ฉันเสือกแน่"
"มึงเรียกกูป้าอีกใช่ไหม"
"เออ"
สมรทำท่าจะปรี่เข้าไปตบบัวแก้ว บัวแก้วหลบทัน สมรหน้าคะมำแต่ไม่ล้ม แก้วรีบเข้ามา
"พูดกันดี ๆ ก็ได้ ทำไมจะต้องตบตีกันด้วย"
สมรยิ่งโมโหเกรี้ยวกราดมาก
"นี่พวกแกจะรุมกูเหรอ อีบ้านนอก ไพร่ มิน่าอีดวงใจมันถึงได้สถุลเหมือนพวกแก"
บัวแก้วถาม
"ใครสถุลกันแน่"
"อีบัวแก้ว...ระวังเถอะ พวกแกจะไม่มีที่ซุกหัวนอน"
แก้วพยายามใจเย็น ยกมือห้ามบัวแก้ว
"นี่คุณ...ถ้าคุณพูดอย่างนี้ รู้ไว้ด้วยว่าที่นี่เป็นบ้านของฉัน คุณไม่พอใจเด็กมันเรื่องอะไรก็พูดดีๆ"
สมรเสียงเข้ม
"ฉันไม่พอใจอีดวงใจ อีบัวแก้วด้วย"
"ไม่พอใจเรื่องอะไร"
"มันสองคนไม่ให้เกียรติกู กูเป็นเมียท่านเจ้าคุณนะโว้ย"
"คุณก็ตบหน้าไอ้ดวงไปแล้วนี่"
"มันยังน้อยไป"
แก้วเริ่มหมดความอดทนอีกคน
"แล้วคุณจะเอาอะไรอีก หึ พวกเราเคยแต่กับคุณหญิงลำดวน ท่านมีเมตตาให้กับพวกเราทุกคน พวกเราถึงได้รักท่าน ใช่ พวกเรามันคนบ้านป่าบ้านนอก อาจจะไม่ถูกใจคุณ ไอ้ดวงมันก็ยังเด็ก คุณเป็นผู้ใหญ่ก็ค่อย ๆ สอนมัน"
"ไม่ต้องสะเออะสอนกู อีดวงมันไม่ใช่เด็กแล้ว มันเห็นแต่ตัวอย่างพวกแกละซิ"
แก้วหัวเราะ
"ฉันก็แค่บอกให้รู้ว่า ทำไมพวกเราถึงรักเทิดทูนคุณหญิง แต่ฉันจะบอกให้ว่า ถ้าฉันเหลืออดขึ้นมา ฉันก็จะเดินไปเรียนท่านเจ้าคุณ ให้รู้ว่าคุณมาพูดจาทำกิริยาอย่างนี้กับพวกเรา"
บัวแก้วบอก
"ไปเลยแม่...ท่านจะรู้เช่นเห็นชาติคนบางคน"
"แกก็ไปเทิดทูนคุณหญิงของพวกแกในหลุมซิวะ..คอยดูนะ"
สมรชี้หน้ากราด เดินกระแทกออกไป
อ่านต่อหน้า 4
แหวนทองเหลือง ตอนที่ 1 (ต่อ)
ในบรรยากาศสวยงามตอนเช้าตรู่ ปานถือตะกร้าใบใหญ่เก็บผักสวยๆ มาเต็มตะกร้า
สองข้างทางเป็นธรรมชาติสวยงาม มีกระต๊อบหลังเล็กๆ ของพวกคนงาน บ้างก็ติดเตาหุงข้าว ปานเดินผ่านกระต๊อบของก่ำ เห็นเต่าในวัย 13 ขวบกำลังตักน้ำอยู่หน้าบ้าน ปานสีหน้าอารมณ์ดีเห็นเต่าก็ร้องทัก
"ไอ้เต่า....พ่อเอ็งไปไหน"
"ไปกวาดบ้านใหญ่...ลุงกำนันจะให้ไปตามไหมล่ะ"
"ไม่ต้อง เอ็งช่วยแม่ไปเถอะนะ"
ปานเดินผ่านไป ไปหยุดดูไร่ลำไยกว้างใหญ่ด้วยสีหน้าเบิกบาน ปานมองไปทางบ้านของท่านเจ้าคุณเทศา
กฤษดาเดินออกมาจากห้อง แต่งตัวเรียบร้อย ออกมายืนสูดอากาศที่เฉลียง มองไปรอบ ๆ เห็นก่ำ กับม้ง กำลังเก็บกวาดจัดบ้านให้เข้าที่ กฤษดาหันไปยิ้มให้
"อากาศดีนะ"
"เพ็ญหน้าก็หนาวแล้วเจ้า....นายน้อยตื่นแต่เช้า นอนไม่หลับเหรอเจ้า" ก่ำบอก
"ฉันตื่นเช้าจนเคยชิน"
กฤษดามองไปเห็นช่อดอกเอื้องที่ปิ่นแก้วขว้างทิ้งไว้ ก็เดินไปหยิบขึ้นมาดมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ดอกเอื้องยังสดดีอยู่
ปานถือตะกร้าใส่ผักเดินมา เห็นดวงใจกำลังแบ่งเงินให้ สายคำ กับบัวแก้ว ด้วยท่าทางเป็นเรื่องเป็นราวก็แอบดู
"พี่บัวแก้วไม่ได้ฟ้อนน่ะ...เอาไปแค่ตังนึงก็พอแล้ว"
บัวแก้วบอก
"อ้าว ไอ้ดวง พี่น่ะคนสอนพวกเอ็งนะโว้ย ทีพวกเพื่อนเอ็งน่ะ ยังได้แบ่งคนละสองตัง...สายคำเอ็งได้เท่าไหร่"
สายคำอึกอัก ไม่อยากบอก กำนันปานที่แอบดูอดยิ้มไม่ได้
"เอ้อ..แต่พี่บัวแก้วไม่ได้ช่วยสอนทุกวันนี่ แม่ต่างหากสอน" ดวงใจเถียงเสียงอ่อย "จริงด้วย..ฉันแบ่งให้พี่ก็ดีแล้วน้า อาแก้วน่ะยังไม่ยอมรับส่วนแบ่งเลย...ยกให้ฉันหมด"
"เมื่อคืนข้าอุตส่าห์ช่วยเอ็งเถียงยายหมอนซะหวิดโดนตบหน้า ต้องแบ่งเยอะหน่อยดิ"
ดวงใจหัวเราะ
"โห...เมื่อคืนฉันเห็นพี่บัวแก้วหลบฝ่ามือยายหมอนนะ....เก่งหลายหลายเน้อ"
"ก็เพราะเอ็งแหล่ะ ชอบอวดเก่ง ถือว่าเป็นลูกกำนันรึไง"
แก้วหัวเราะ สายคำก็พลอยหัวเราะสนุก ดวงใจทำท่าเลียนแบบสมรหัวคะมำ
"ยายป้านั่นหน้าคะมำไปเลย"
ทุกคนหัวเราะท่าทางปานมองดวงลูกสาวอย่างหมั่นไส้
"อีหมอนนี่มันเอาเรื่องไอ้ดวงไม่เลิกนะ เมื่อคืนยังจะมาเอาเรื่องอีก" บัวแก้วบอก
"ไอ้ดวง เอ็งน่ะเริ่มจะโตแล้ว ไม่ใช่เด็กเหมือนเมื่อก่อน จะพูดจะจาต้องระวัง อย่าเที่ยวไปหาเรื่องเค้า"
"ก็มันทำไม่ถูกนี่อาแก้ว...ดูซิ...มาเที่ยวบ้านคนอื่นยังจะมาอยากได้ของในบ้านเค้าน่ะ แล้วก็โวยวายกับคุณกฤษดาอีก ถ้ามาอีกนะ...แล้วจะมาทำอย่างนี้อีก ฉันก็ไม่ยอม"
กำนันปานถือตะกร้าผักเดินหน้าเครียดเข้ามา ทุกคนเห็นกลัวก้มหน้าโดยเฉพาะดวงใจ ปานส่งตะกร้าผักให้บัวแก้ว
"เอาไปทำแกงแคให้นายท่าน ทำข้าวกั้นจิ้นไปด้วย ท่านอยากทาน"
บัวแก้วรับตะกร้าเดินตัวลีบออกไป
"แก้ว..เจ้าก็ไปช่วยลูกเจ้าทำกับข้าวเร็ว ๆ นายท่านตื่นจะได้ตั้งสำรับ"
แก้วถอนใจ จำใจลุกเดินออกไป แต่ไม่วายหันมาพูดด้วยความเป็นห่วง
"ยังไง ๆ ก็ไต่ถามมันก่อนนะพี่กำนัน"
แสงคำทำหน้าจะร้องไห้วิ่งมาจับมือดวงใจไว้
ปานมองหน้าดวงใจที่ทำหน้าเฉยไม่สะทกสะท้าน
ขันเงินใบใหญ่บนจานเชิงมีน้ำลอยดอกไม้ใส่อยู่เต็ม และมีกระบวยกะลาเล็ก ๆ วางอยู่บนพานเงินเล็ก ๆ ข้าง ๆ เจ้าคุณเทศา ใช้กระบวย ตักน้ำในขันใช้กลั้วคอและ ล้างหน้า สมรผมยุ่งสยายกระโจมอกหมิ่นเหม่เดินถือผ้าสำหรับเช็ดหน้าออกมาเช็ดหน้าให้ท่านเจ้าคุณ
"ทำไมท่านรีบตื่นเช้านักล่ะเจ้าคะ....หมอนยังไม่อยากลุกจากที่นอนเลย"
สมรพูดอ้อนแล้วก็โอบกอดท่านเจ้าคุณจากด้านหลัง จูบที่ข้างซอกหูเล้าโลมอย่างชำนาญ เทศาก็พอใจ
"พอแล้วน่า...เดี๋ยวใครก็มาเห็นหรอก"
สมรจับเทศาหันมาทำสีหน้ายั่วยวน
"อย่างท่านจะต้องสนใจใครล่ะเจ้าคะ คะ ไปห้องนอนท่านดีกว่านะเจ้าคะ...ห้องสมรน่ะเล็กนิดเดียว"
"อย่าเรื่องมากเลยน่า" เทศาสีหน้าเฉย พูดเรียบๆ
สมรโน้มคอเทศามาจูบ ผ้าถุงสมรที่ใส่อยู่หลุดลงมาที่ปลายเท้า
ก่ำกับม้งแอบดู ปิดปากปิดตาพากันหัวเราะ
กฤษดาถือดอกเอื้องเดินมาตามทาง มองรอบๆ อย่างพอใจ สายคำวิ่งร้องให้มาหากฤษดา กฤษดาเห็นสายคำร้องไห้ก็ตกใจ
"คุณกฤษดา....คุณกฤษดา"
"อะไร เป็นอะไรเหรอ"
"คุณกฤษดาไปช่วยไอ้ดวงด้วยเจ้า."
"ทำไม ดวงใจเป็นอะไร"
สายคำชี้มือไปทางบ้านกำนันปาน กฤษดามองตามสีหน้าไม่สบายใจ
ใต้ถุนบ้านกำนันปาน ดวงใจยืนกอดเสาเรือนใต้ถุนบ้าน ปานใช้ไม้เรียวตีก้น ดวงใจไม่ร้องไห้สีหน้ามุ่งมั่นไม่กลัว
แก้วบอก
"พอแล้วพี่ปาน...แสงคำมันบอกแล้วไงว่า ลูกสาวท่านเจ้าคุณสุริยันน่ะผลักไอ้ดวงก่อน"
"เจ้าไม่ต้องมาแก้ต่างให้มัน...ไอ้ดวง พ่อตีเอ็งเพราะเอ็งกำเริบ ไปผลักลูกสาวแขกของนายท่าน...เอ็งทำให้นายท่านขายหน้า"
"แต่แม่สมรก็ตบหน้าไอ้ดวงจนปากแตกน่ะ...ก็พอซิ" ดวงใจบอก
"ก็เพราะไอ้ดวงมันไม่รู้จักอดกลั้น...ถึงทำให้เค้าถืออำนาจทำกับมันอย่างนั้น พ่อตีเอ็งวันนี้ให้เอ็งจำ...ถ้าเอ็งลืมตัวขาดสติ เอ็งจะโดนเค้าข่มเหง เดือดร้อน"
ปานกลั้นน้ำตาตีดวงใจด้วยความโกรธอีก แต่ก็ต้องชะงัก เพราะมีเสียงห้ามจาก กฤษดา
"พอเถอะครับกำนัน"
กฤษดา เดินเข้ามากับสายคำ กฤษดาเอาดอกเอื้องวางไว้ที่แคร่ใกล้ๆ สายคำวิ่วไปหาแก้ว
"ถ้าจะตีดวงใจ กำนันปานก็ต้องตีผมด้วย เพราะผมเป็นต้นเหตุ"
ปานพยายามทำสีหน้าให้ปรกติ
"คุณกฤษดา"
"ถ้าผมห้ามปรามปิ่นแก้วแต่แรกก็คงไม่ต้องมีเรื่องแบบนี้ ดวงใจก็ทำถูกแล้วที่ดูแลต้นไม้เจ้าคุณพ่อไม่ให้คนอื่นมาเก็บ"
"คุณกฤษดาไม่ผิดหรอกขอรับ ไอ้ดวงมันกำแหงนัก ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง กระผมต้องลงโทษให้มันหลาบจำขอรับ"
"ถ้าอย่างนั้นผมจะขอเป็นคนลงโทษดวงใจเอง"
ทุกคนตกตะลึงโดยเฉพาะดวงใจ ปานยื่นไม้เรียวให้กฤษดา กฤษดารับไม้เรียวมาถือไว้
สายคำ บัวแก้ว กับ แก้ว ทุกคนต่างตกใจเหมือนกัน
เฉพาะดวงใจนั้นมองหน้ากฤษดาอย่างผิดหวัง
อ่านต่อ ตอนที่ 2