xs
xsm
sm
md
lg

เสือ ตอนที่ 10

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เสือ ตอนที่ 10
ณจันทร์แอบอยู่ กำลังจะเข้าไปห้องควบคุมไฟ คำสูรย์กำลังจะเข้าไปยังห้องประมูล แต่เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเข้ามาพอดี

ฝ่ายพรหมพยัคฆ์ และลายเมฆอยู่ในห้องประมูล รอเวลาที่ณจันทร์จะปรากฏตัวออกมา
ทางด้านปักษะยังคงพยายามที่จะแก้มัดออกมาให้ได้
รปภ.มาขวาง คำสูรย์ไว้
"ขอโทษนะครับ"
คำสูรย์ชะงัก หันมาเห็นรปภ. มีลูกปลาและสมชัยขนาบข้าง
"มีอะไร"
"คุณสองคนนี้เขายืนยันว่าคุณแอบเข้ามาในงาน ผมขอตรวจบัตรของคุณหน่อย"
คำสูรย์หงุดหงิด
"บ้าหรือไงวะ"
สมชัยบอก
"แกนั่นแหละบ้า โยนมันออกไปเลยคะ"
"ใช่ ฉันไม่ยอมให้แกมาอาละวาดเหมือนกับทำที่ร้านป้าแอนได้หรอก"
คำสูรย์หงุดหงิดมาก เจออุปสรรคโดยไม่คาดฝัน

เจ้าหน้าที่ห้องควบคุมไฟเดินออกไป ณจันทร์รีบอาศัยจังหวะนั้นแอบเข้าไปในห้อง และล็อกห้อง ไม่ให้ใครเปิดได้ เธอมองจากห้องคุมไฟ เห็นว่าการประมูลกำลังดำเนินอยู่

พิธีกรยังคงดำเนินรายการต่อ เคาะไม้
"เครื่องลายครามชิ้นนี้เป็นของคุณหญิงพิมพาครับ…แหมตัวเลขประมูลของเราสูงขึ้นเรื่อยๆเลยนะครับ"
นาฬิกาใกล้เวลาห้าโมงมาทุกทีแล้ว

คำสูรย์พยายามไล่ยามและพวกลูกปลาออกไป
"บัตรไม่ได้อยู่ที่ผม ผมมางานนี้กับเพื่อน"
ลูกปลาบอก
"ไม่จริงละมั้ง เพื่อนนายนะคนไหน ไปเรียกเขามาสิ ไปสิ"
คำสูรย์ตะคอก
"กูไม่ไปไหนทั้งนั้นแหละ กูจะอยู่นี่"
"เห็นไหม มันบ้าจริงๆด้วยนะคะ"
คำสูรย์หงุดหงิด ใกล้เวลามาทุกที

พิธีกรว่าต่อไป
"ต่อไปจะเป็นของประมูลชิ้นสุดท้ายของงานแล้วนะครับ ของชิ้นนี้เป็นโบราณวัตถุที่ตกทอดมานาน เชื่อว่าน่าจะมีอายุไม่ต่ำกว่าห้าร้อยปี เชิญพบกับของประมูลชิ้นสุดท้ายเลยครับ"
ชายที่ประมูลผายมือไปทางเวที มีคนที่ยกของบางอย่างออกมา
ทุกคนในงานมีท่าทางสนใจกับของชิ้นนั้น มีเสียงฮือฮาขึ้นมาจากคนดู

ในห้องเก็บของ ปักษะพยายามจะขูดเชือกกับโต๊ะ ใกล้เชือกใกล้จะขาด

คนยกเอาของประมูลมาวางในที่ที่สปอร์ตไลท์ส่องสว่าง เป็นหีบโบราณ ลายล้านนา
"เริ่มสนใจแล้วใช่ไหมครับ หีบนี้เป็นหีบทองแท้ที่สลักลายล้านนาโบราณ มีประวัติว่าเคยเป็นของเจ้านครทางเหนือมาก่อน ยังไม่พอนะครับ สิ่งที่น่าสนใจที่สุด คือของที่อยู่ข้างใน
พนักงานที่ยืนอยู่ข้างๆหีบ ค่อยๆเดินไปใกล้หีบ ก่อนที่เอื้อมมือเปิดหีบใบนั้น"
ฝาของหีบค่อยๆเปิดขึ้น
คำสูรย์หงุดหงิดมากที่พวกลูกปลาไม่ปล่อยตัว
"ก็บอกแล้วว่ากูไม่ได้บ้า! ปล่อย กูจะเข้าไปข้างใน"

คัมภีร์ใบลานที่สลักอักษรโบราณที่ถูกยกออกมาจากหีบ คนในห้องเริ่มคึกคัก ท่าทางสนใจกันใหญ่
"คัมภีร์และหีบทองโบราณ ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 500,000 บาทครับ"
จากนั้นราคาประมูลจากชายและหญิงในงานก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จาก 550,000 ไล่ถึง 800,000 บาท
"ท่าทางเราจะได้ตัวเลขที่สูงขึ้นเรื่อยๆนะครับ มีใครเสนอตัวเลขมากกว่านี้ไหมครับ"

ณจันทร์มองหาแผงไฟ พยายามมองหาว่าอันไหนที่เป็นสวิตซ์ที่จะดับไฟ เธอเห็นแผงสวิตซ์ไฟอันที่ใหญ่สุด เปิดออกเห็นมีสวิตซ์เรียงกันหลายตัว
นาฬิกา บอกเวลาห้าโมงตรงพอดี ณจันทร์ตัดสินใจ
"อันนี้แหละ"
ณจันทร์ตรงไปที่สวิตซ์ไฟอันนั้น แล้วไล่กดลงทันที

ทุกคนเริ่มเงียบ ทันใดนั้นพิธีกรก็เริ่มพูด
"800,000 ครั้งที่หนึ่ง 800,000 ครั้งที่สอง"
ทันใดนั้น ไฟก็ดับวูบ ทั่วทั้งห้องอยู่ในความมืด คนทั้งห้องตกใจ พรหมพยัคฆ์ และลายเมฆ เตรียมตัวว่า ณจันทร์จะต้องออกมาแน่

ทางด้านลูกปลา สมชัย และรปภ.ก็ตกใจเมื่อเห็นไฟดับ คำสูรย์รู้ว่าถึงเวลาแล้ว
ปักษะที่ถูกมัดอยู่ก็ชะงัก เมื่อเห็นไฟดับมืดไปหมด
ภายในห้องประมูลมีความวุ่นวาย มีเสียงคนพูดกันใหญ่ พิธีกรพยายามจะให้ทุกคนอยู่ในความสงบ
"ใจเย็นๆนะครับ เป็นแค่ความผิดพลาดทางเทคนิคเล็กน้อย เดี๋ยวไฟก็มานะครับ"
พรหมพยัคฆ์รอคอยให้ณจันทร์ปรากฏตัวอย่างใจจดจ่อ
"ออกมาสิณจันทร์ ฉันรอเธออยู่"

คำสูรย์ฉวยโอกาสที่กลุ่มลูกปลายังตกใจอยู่ สะบัดตัววิ่งหนีเข้าไปในงาน
สมชัยบอก
"มันหนีไปแล้วคะ"
รปภ. ทำท่าจะตามไป แต่เจ้าหน้าที่อีกคนวิ่งเข้ามา
"ไปดูที่ห้องคุมไฟ เร็วเข้า"
รปภ.เลยไม่ได้ตามคำสูรย์ วิ่งไปอีกทาง
"อ้าว เดี๋ยวก่อนสิคะ คุณ" ลูกปลาว่า

ภายในห้องประมูล สิงหลเองโกรธที่งานเกิดปัญหาใหญ่
"ให้ตายเถอะ! มันเกิดอะไรขึ้นวะ"
"ไฟดับครับท่าน" ลูกบ้านบอก
"กูรู้แล้ว ไอ้โง่"
สิงหลโมโหจัด ลูกน้องรีบวิ่งออกไป สิงหลมองไปที่บนเวที เห็นคัมภีร์และหีบทองยังวางอยู่บนแท่น มีลูกน้องสองสามคนยังยืนเฝ้าอยู่
"รีบไปจัดการสิวะ มัวยืนบื้ออยู่ได้ เร็วเข้า"
ลูกน้องวิ่งออกไป เหลือแต่สิงหลที่รีบเก็บคัมภีร์ไว้ในหีบ ยืนประกบไม่ห่าง

เจ้าหน้าที่ต่างวิ่งกันไปรีบไปดูแลตามจุดต่างๆ ผ่านวิฬาร์ที่ยืนอยู่ที่ทางเดินมุมหนึ่ง
"โอ้ย ไฟก็ดันมาดับอีก งานบ้าอะไรวะเนี่ย"
วิฬาร์เดินไปอีกมุมหนึ่ง

ภายในห้องเก็บของ ปักษะแก้มัดจากเชือกได้สำเร็จ ได้ยินเสียงคนอยู่ข้างนอก รีบเข้าทุบประตู
"ใครอยู่ข้างนอกนั่น ช่วยเปิดประตูที"
วิฬาร์ได้ยินเสียงดังลอดออกมาก็ชะงัก มองไป
"เสียงอะไรนะ"
ที่ประตูห้องเก็บของ มีกระจกใสบานเล็กมองเห็นข้างในได้ วิฬาร์ชะงักเมื่อเห็นปักษะ
วิฬาร์
"คุณปักษะ"

คำสูรย์เข้าไปในห้องประมูลได้สำเร็จ เห็นแท่นวางหีบคัมภีร์บนเวที ซึ่งมีสิงหลเฝ้าอยู่ ก็ชะงัก อีกทาง เขาเห็นพรหมพยัคฆ์และลายเมฆนั่งอยู่ด้านหน้าอย่างกระวนกระวาย รอณจันทร์ปรากฏตัว

ด้านนอกห้อง เจ้าหน้าที่ทุบประตู พยายามจะเข้ามา
"เฮ้ย ใครล็อกวะ เปิดประตูเดี๋ยวนี้"
ภายในห้องควบคุมไฟ เห็นมีโต๊ะ เก้าอี้ และข้าวของอีกหลายอย่างที่กั้นประตูไว้ แต่ณจันทร์ไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว

คำสูรย์เองรอให้ณจันทร์ล่อพรหมพยัคฆ์ไปอีกทาง
"ขอให้คุณหนูทำสำเร็จด้วยเถอะ"
ณจันทร์เตรียมตัวจะทำตามแผน

ณจันทร์จ้องไปที่พรหมพยัคฆ์ เหมือนส่งกระแสจิตไปหา เขาชะงัก หันไปมองที่ชั้นลอเห็นณจันทร์ที่ยืนเด่นอยู่ในความมืดอย่างชัดเจน
"ณจันทร์"

ณจันทร์กระโจนลงมาจากชั้นลอยลงมาด้านล่าง ยืนอยู่คนละมุมห้องกับพรหมพยัคฆ์ เธอกำลังวิ่งไปทางเวที พรหมพยัคฆ์รีบวิ่งไปดักไว้ ผลักแขกสองสามคนที่ขวางอยู่ออกไป มีเสียงร้องกรี๊ดอย่างตกใจ
แต่แล้วณจันทร์ก็เปลี่ยนใจ หันไปอีกทางหนึ่ง แล้ววิ่งออกจากห้องประมูลไป พรหมพยัคฆ์และลายเมฆวิ่งตามไป

ณจันทร์วิ่งออกมาจากห้องประมูล ผ่านลูกปลาและสมชัยที่ยืนอยู่ข้างนอก
"เฮ้ย นั่นณจันทร์นี่"
"จริงด้วย"
พรหมพยัคฆ์และลายเมฆ วิ่งออกมานอกงานประมูล แล้วมองไปเห็นณจันทร์วิ่งแวบๆไปอีกทาง ทั้งสองรีบวิ่งตามไป
"คุณพรหมพยัคฆ์ก็มาด้วย" ลูกปลาบอก
"แล้วเขาวิ่งไล่ณจันทร์ทำไมนะ"
"ฉันจะรู้เหรอ รีบตามไปสิ เร็ว"
ลูกปลารีบวิ่งตามไปพรหมพยัคฆ์กับณจันทร์ไป
"โอ้ย เดี๋ยวก่อนสิ รอฉันด้วย" สมชัยบอก

แขกในงานเริ่มวุ่นวาย ไม่รู้ว่า เกิดอะไรขึ้น พิธีกรลงมาจากเวที พยายามไกล่เกลี่ย
"ใจเย็นๆครับ ไม่มีอะไร เจ้าหน้าที่กำลังไปตรวจดูแล้วครับ"
คำสูรย์สบโอกาสวิ่งไปที่เวที สิงหลยืนอยู่คนเดียว ตกใจ
"เฮ้ย มึงจะทำอะไรวะ"
สิงหลมาขวางคำสูรย์ไว้ คำสูรย์ชก สิงหลโกรธคว้าปืนพกขึ้นมาป้องกันตัว คำสูรย์เข้าไปแย่งปืน เกิดเสียงปืนลั่นดังหนึ่งนัดแต่ไม่โดนใคร แขกในงานร้องอย่างตกใจ วิ่งหนีตายออกไปจากห้อง รวมทั้งพิธีกรด้วย

ณจันทร์วิ่งไปอีกทางหนึ่ง พรหมพยัคฆ์ยังวิ่งตามต่อไป แต่ทันใดนั้นก็หยุดชะงัก
"เดี๋ยวก่อน"
ลายเมฆชะงัก พรหมพยัคฆ์เริ่มรู้ถึงความผิดปกติ
"มันไม่น่าจะง่ายแบบนี้ หรือว่า… คัมภีร์!"

คำสูรย์ชกสิงหลจนคว่ำ ปืนกระเด็นไปอีกทาง สิงหลพยายามจะเอื้อมไปหยิบปืนที่ตกที่พื้น แต่คำสูรย์มาแตะออกไป แล้วชกสิงหลอีกครั้งจนสลบไป คำสูรย์รีบไปที่หีบทอง กำลังจะเปิดหีบ ลายเมฆที่กลับเข้ามา
"มึงจะเอาคัมภีร์ไปเหรอ ข้ามศพกูไปก่อนเถอะ"
"เออ! ถ้ามึงอยากตายนักก็เข้ามา"
ลายเมฆกระแทกคำสูรย์ ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือด

ฝ่ายพรหมพยัคฆ์ยังตามล่าณจันทร์ต่อ สมชัยและลูกปลาวิ่งตามมาอยู่ด้านหลังอย่างเหนื่อยหอบ
สมชัยหยุดหอบบอก
"โอ้ย ทำไมสองคนวิ่งเร็วเหลือเกินวะ"
"อย่าเพิ่งหยุดสิยะ ณจันทร์ไปโน่นแล้ว" ลูกปลาบอก
"ไม่ไหวแล้วแก ขืนวิ่งอีก ปอดฉันต้องหลุดออกจากซี่โครงแน่ แกไปคนเดียวเถอะ"
"เออๆ"
ลูกปลาวิ่งตามไปต่อ ทิ้งสมชัยยืนหอบอยู่คนเดียว

วิฬาร์พยายามจะเปิดประตูออก แต่ก็หมุนไม่ออกเพราะล็อกไว้
"ฉันเปิดไม่ออกนะ มันล็อก"
ปักษะชี้ไปข้างหลัง เห็นมีที่แขวนกุญแจแขวนไว้ พยายามชี้นิ้ว
"ทางโน่นๆ"
วิฬาร์หันไป เห็นกุญแจแขวนไว้

คำสูรย์ยังคงต่อสู้กับลายเมฆอย่างดุเดือด ต่างผลัดกันรุกผลัดกันรับ จนลายเมฆพุ่งเข้าไปเปิดหีบเอาคัมภีร์ออกมา และจะฉีกทิ้ง คำสูรย์โดดเข้ามาขวาง เกิดการยื้อยุดกันขึ้น

ณจันทร์เริ่มเหนื่อยอ่อน หันไปมองเห็น พรหมพยัคฆ์ยังตามเข้ามาใกล้ทุกที เธอวิ่งมาจนถึงสุดทางเดิน เห็นมีเพียงแต่หน้าต่างบานใหญ่อยู่ข้างหน้า เธอไปที่หน้าต่าง มองลงไปข้างล่าง เห็นเป็นพื้นที่รกร้าง กำลังชั่งใจว่าจะโดดลงไปหรือไม่

พรหมพยัคฆ์เลี้ยวตามณจันทร์เข้ามาถึงตรงสุดทางเดิน เห็นกระจกแง้มอยู่ เหมือนมีคนเปิดออกไป พรหมพยัคฆ์ก้มลงมอง กำลังจะโดดตามณจันทร์ไป
มีเสียงบางอย่างดังขึ้น ทันใดนั้นพรหมพยัคฆ์ก็ชะงัก ข้างๆนั้นมีประตูห้องหนึ่งอยู่ เป็นป้ายห้องเก็บของประกอบฉาก พรหมพยัคฆ์มั่นใจว่า ณจันทร์กำลังจะหลอกเขาอีกแล้

พรหมพยัคฆ์กระแทกประตูเปิดเข้ามาในห้องเก็บของประกอบฉาก ที่ทั้งรกและอับ เขากวาดตามอง มั่นใจว่าเธอหลบอยู่ไหนสักแห่งในห้องนี้
พรหมพยัคฆ์เห็นเหมือนเงาของคนอยู่ หันขวับทันที พุ่งเข้าไปหา แต่กลับเป็นแค่หุ่นคนที่ใส่เสื้อผ้า และหน้ากาก
"ฉลาดดีนี่…มาหลบในนี้ หวังจะใช้กลิ่นสาปของของพวกนี้กลบกลิ่นของเธองั้นเหรอ" พรหมพยัคฆ์ตะปบไปที่หุ่น คอกลิ้งมาตกที่พื้น "ยังไงเธอก็ไม่มีทางหนีฉันพ้น อย่าพยายามอีกเลย ณจันทร์"
ใครอยู่บนตู้เก็บของ จ้องมองมาทางพรหมพยัคฆ์ เขาเดินตรงเข้ามา เขาเดินเข้ามาใกล้ทุกทีๆ แต่แล้วก็เดินเลยไป
ณจันทร์โล่งอก ที่จริงเธอแอบอยู่หลังหุ่นตัวนั้น อาศัยเครื่องประกอบฉากบังอยู่
พรหมพยัคฆ์กวาดตามอง พูดให้ณจันทร์ออกมา
"ถ้าเธอจะถ่วงเวลาละก็…เสียใจ ป่านนี้ลายเมฆมันคงจัดการทั้งคัมภีร์ กับไอ้พรานนั่นจนไม่เหลือซากแล้ว"
ณจันทร์ชะงัก ตกใจที่พรหมพยัคฆ์รู้ทุกอย่าง รู้สึกเป็นห่วงคำสูรย์ขึ้นมา

คำสูรย์ยังแย่งชิงคัมภีร์จากลายเมฆอยู่ ไล่กันมาจนถึงขอบเวที กลุ่มเจ้าหน้าที่วิ่งกลับเข้ามาในห้องประมูล
"เฮ้ย ทำอะไรนะ"
ลายเมฆชะงักไปนิด คำสูรย์ฉวยคัมภีร์ แล้วผลักลายเมฆเต็มแรงจนเสียหลักร่วงจากเวทีมาด้านล่าง คำสูรย์รีบวิ่งออกไปทันที
ลายเมฆจะตามไป แต่คณะเจ้าหน้าที่โดดเข้ามาจับไว้
"ปล่อย! ปล่อยกู"

วิฬาร์ไขกุญแจทีละดอก ก็ยังไม่เปิด
"โอ้ย อันไหนกันเนี่ย… นี่ละมั้ง"
วิฬาร์จะใส่กุญแจเข้าไป แต่ปรากฏว่ากุญแจตกจากมือ
"อยู่ไหนแล้วละ"
วิฬาร์ควานหากุญแจตกในความมืด มองหาไม่เจอ

เจ้าหน้าที่ไปหาที่มางัดห้องจนเปิดประตูเข้ามาได้ แล้วรีบเข้าไปที่แผงวงจรไฟ และยกสวิตซ์ขึ้น
หลอดไฟเริ่มกระพริบแสงขึ้นมา พรหมพยัคฆ์หันไปมอง

หลอดไฟตามทางเดินเริ่มติดสว่าง คำสูรย์กำคัมภีร์ไว้แน่น วิ่งจากห้องประมูลออกมา มีเจ้าหน้าที่หลายคนวิ่งตามมา
"หยุดนะ"

ไฟสว่างทั่วห้องเก็บของ ปักษะชะงัก วิฬาร์เริ่มมองเห็นกุญแจที่ตกอยู่
"เจอแล้วๆ อยู่นี่เอง"
วิฬาร์คว้ามาไขที่ประตูต่อ

ไฟที่สว่าง ทำให้พรหมพยัคฆ์มองเห็นเงาสะท้อนของณจันทร์ที่กระจกบานหนึ่ง เธอรู้แล้วรีบกระโจนออกไปจากที่ซ่อน พรหมพยัคฆ์รวบตัวเธอไว้จนล้มไปด้วยกัน เธอต่อสู้ดิ้นรนสุดฤทธิ์

ภายในห้องเก็บของ
"เร็วเข้า! เปิดเร็วเข้า"
"รู้แล้วๆ ฉันก็ไขอยู่เนี่ย"
ในที่สุดวิฬาร์ก็ไขกุญแจเปิดประตูออกจนได้ ปักษะออกมา
"คุณเข้ามาอยู่ในนี้ได้ยังไงนะ"
ปักษะไม่ตอบ รีบวิ่งออกไปจากห้อง
"เดี๋ยวก่อนสิคุณปักษะ"

ในห้องเก็บของประกอบฉาก ณจันทร์ยังดิ้นรนต่อสู้ เงื้อกรงเล็บข่วนหน้าพรหมพยัคฆ์เต็มแรง พรหมพยัคฆ์ร้อง ปล่อยมือไปจากตัว ณจันทร์รีบสะบัดตัว วิ่งออกไป

ณจันทร์เข้ามาอีกห้อง รีบล็อกประตู เธอวิ่งไปที่กำแพง แต่ปรากฏว่าห้องนี้เป็นห้องปิดตาย ไม่มีทางออก เสียงทุบประตูห้องดังแรง ณจันทร์สะดุ้งหันไปมอง เสียงดังถี่ขึ้นเรื่อยๆ พรหมพยัคฆ์กำลังจะพังประตูเข้ามาในไม่กี่นาทีแล้ว
ทางด้านลายเมฆพยายามหนี เจ้าหน้าที่ตรึงแขนไว้ทั้งสองแขน ลายเมฆใช้พละกำลังเหนือมนุษย์ยกเจ้าหน้าที่จนตัวลอย ก่อนจะเหวี่ยงล้มไปกระแทกเก้าอี้อีกทางหนึ่ง
ลายเมฆก้มลงมองเห็นปืนของสิงหล เขาหยิบขึ้นมา จ้องไปทางที่คำสูรย์วิ่งออกไป แล้วก็ตามไป

ประตูถูกกระแทกดังขึ้นอีก ณจันทร์กลัว ไม่รู้จะทำไง มองไปเห็นถังดับเพลิงที่วางอยู่ ทันใดนั้นประตูเปิดออก พรหมพยัคฆ์ก้าวเข้าไปในห้อง ณจันทร์รีบเข้าไปหยิบถังดับเพลิงขึ้นมา แล้วฉีดใส่พรหมพยัคฆ์ เกิดเป็นควันขนาดใหญ่ที่ลอยออกมา
"อ๊ากซ์!"
พรหมพยัคฆ์โดนควันเข้าไปเต็มตา จนมองไม่เห็นณจันทร์ ควันฟุ้งตลบ จนดมกลิ่นไม่ได้ พรหมพยัคฆ์คำรามลั่นอย่างโกรธจัด

ปักษะวิ่งมาตามทาง โดยมีวิฬาร์ตามมา
"เดี๋ยวสิ คุณจะไปไหน ฉันช่วยคุณออกมานะ ขอบใจสักคำก็ไม่มี"
"คุณเห็นณจันทร์ไหม"
วิฬาร์ชะงัก
"ณจันทร์จะมานี่ได้ไง… อ๋อ สงสัยคงมาตามคุณพรหมพยัคฆ์ละสิ"
ปักษะตกใจ
"ว่าอะไรนะ! พรหมพยัคฆ์ก็อยู่นี่เหรอ"
"ก็ใช่นะสิ แล้วทำไมคุณต้องตกใจขนาดนี้ด้วย"
ปักษะร้อนรนมาก ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่ง
"คุณปักษะ"
ปักษะหันไปมองสมชัยที่เดินมาจากอีกทาง
"นี่คุณคงไม่ได้มาตามหาณจันทร์อีกคนหรอกนะคะ"
"คุณเห็นเหรอ คุณเห็นณจันทร์เหรอ" ปักษะพูดพลางเขย่าตัว " เขาอยู่ที่ไหนบอกผมเร็วเข้า"
"โอ้ย ใจเย็นๆค้า ฉันเห็นเขากับพรหมพยัคฆ์วิ่งไปทางโน้นแล้วล่ะ"
ปักษะรีบวิ่งออกไปตามทางที่สมชัยบอกทันที
"เอ้า ไปอีกคนแล้ว จะรีบไปไหนกันนักนะ"
วิฬาร์ตัดสินใจวิ่งตามไปด้วย
"เดี๋ยวก่อนสิคุณปักษะ"
"นี่ก็แส่กับเขาไปทุกเรื่องเลย"

ควันฟุ้งทั่วห้อง พรหมพยัคฆ์มองไม่เห็นณจันทร์ ได้แต่พยายามเอื้อมมือไปคว้ารอบๆตัว ณจันทร์ก็พยายามหลบ ไม่ให้โดนตัว
ปักษะเดินมาตามทาง พยายามมองหาณจันทร์ โดยมีวิฬาร์ตามมาด้วย
อีกทางหนึ่ง ลูกปลาเองก็กำลังเดินมองหาณจันทร์กับพรหมพยัคฆ์เหมือนกัน

ทางด้านคำสูรย์วิ่งหนีเจ้าหน้าที่จนมาถึงหน้าลิฟต์ ลิฟต์ใช้การได้แล้ว เปิดอยู่ คำสูรย์รีบวิ่งไป ลายเมฆตามมา ใช้ปืนในมือ รัวกระสุนไปที่คำสูรย์สองสามนัด
คำสูรย์โดนถึงกับกระอักเลือด แต่ยังตะเกียกตะกายไปจนถึงลิฟต์
ลายเมฆกำลังจะวิ่งเข้ามา คำสูรย์รีบกดลิฟต์ ประตูลิฟต์ปิดเฉียดฉิวกับลายเมฆเพียงนิดเดียว ลายเมฆตัดสินใจวิ่งไปทางบันได
คำสูรย์บาดเจ็บสาหัส รู้ตัวว่าไม่รอดจากลายเมฆแน่ จึงเปิดคัมภีร์ออก มีอักษรเนปาลอยู่ทั้งหมดสี่วรรค คำสูรย์ดึงเสื้อผ้าของตัวเองจนขาด แล้วใช้เลือดค่อยๆเขียนอักษรเนปาลลงบนผ้า ก่อนลายเมฆจะเข้ามาได้

 อ่านต่อหน้าที่  2


เสือ ตอนที่ 10 (ต่อ)
ลูกปลาเดินมาตามทาง ชะงักเมื่อเห็นมีควันบางอย่างลอยออกมานอกห้อง


พรหมพยัคฆ์คำรามอย่างโกรธจัด มือเริ่มค่อยๆมีเล็บยาวงอก หน้าเริ่มขึ้นขน แสดงความเป็นเสือออกมา ส่วนณจันทร์หลบรอจังหวะจะหนีออกไป
แต่ทันใดนั้นลูกปลาก็เข้ามาในห้อง
"โอ้ย ควันอะไรเนี่ย"
ณจันทร์ตกใจมี่เห็นลูกปลา พรหมพยัคฆ์จับทางจากเสียง เข้ามารวบตัวลูกปลาไว้ทันที
"เฮ้ย ใครวะ ปล่อย"
ลูกปลาดิ้น เงยหน้ามองเห็นหน้าครึ่งเสือครึ่งคนของพรหมพยัคฆ์ ตกใจสุดขีด
"แอร๊ย"
พรหมพยัคฆ์บีบคอลูกปลาไว้
"ณจันทร์ ถ้าเธอไม่ออกมา เพื่อนเธอตายแน่!"
ณจันทร์อึ้งสับสน ไม่รู้จะทำยังไง
"เธอจะออกมาไหม"

ตัวเลขชั้นลิฟต์ลดลงเรื่อยๆ คำสูรย์ยังคงพยายามใช้เลือดเขียนอักษรตามคัมภีร์ ประตูลิฟต์เปิดออก ลายเมฆเข้ามาลากตัวคำสูรย์ออกไปนอกลิฟต์ แล้วตบคำสูรย์จนกองไปกับพื้น ลายเมฆกระชากเอาคัมภีร์ไป ก่อนจะจ่อปืนไปที่คำสูรย์ คำสูรย์หมดแรงตอบโต้
ลายเมฆเตรียมจะเหนี่ยวไก แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้น
"อย่าขยับ!"
ตำรวจที่ถูกเรียกมา อยู่ห่างออกไป จ่อปืนขู่ลายเมฆ
"ทิ้งปืนเดี๋ยวนี้นะ"
ลายเมฆยังไม่ยอม จะหันไปยิงคำสูรย์ ตำรวจตัดสินใจยิงปืนขู่ จนลายเมฆต้องหลบ โมโหที่ยังจัดการไม่สำเร็จ คำสูรย์นอนจมกองเลือดอยู่ตรงนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจวิ่งเข้ามา

ทางด้านพรหมพยัคฆ์บีบคอลูกปลาแน่นขึ้น ณจันทร์หวั่น
"ฉันจะนับถึงสาม ให้เวลาเธอออกมา หนึ่ง สอง…"
"อย่านะ! อย่าทำอะไรบ้าๆนะ" ลูกปลาบอก
" สาม!"
พรหมพยัคฆ์จะกดไปที่คอลูกปลา และทันใดนั้น
"เดี๋ยว! อย่าเพิ่ง"
ณจันทร์ออกมาจากมุม
"ปล่อยลูกปลาเดี๋ยวนี้นะ"
"วางไอ้นั่นลงซะ"
ณจันทร์วางถังดับเพลิงลง
"เดินเข้ามานี่!"
เธอค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ พรหมพยัคฆ์ยื่นมือข้างหนึ่งมา แต่ยังใช้อีกมือล็อกคอลูกปลาไว้
" เธอต้องไปกับฉัน"
ณจันทร์ไม่มีทางเลือก ค่อยๆเอื้อมมือมาให้กับพรหมพยัคฆ์
"อย่านะณจันทร์! อย่าไปยอมไอ้ปีศาจนี่"
ณจันทร์ชะงัก ลูกปลาพยายามดิ้น แต่โดนพรหมพยัคฆ์ใช้มือฟาดให้เงียบ
"หุบปาก! เร็วเข้าณจันทร์"
ณจันทร์จะเอื้อมมือไปหาพรหมพยัคฆ์อีกครั้ง
มือกำลังแตะกันอยู่แล้ว แต่แล้วทันใดนั้นประตูก็เปิดออก ปักษะเข้ามาพอดี
"อย่าณจันทร์!"
ณจันทร์ชะงักหันไปมอง พรหมพยัคฆ์ผลักลูกปลาออกไปปะทะกับปักษะแล้วล้มลง ก่อนเข้าไปรวบตัวณจันทร์
พรหมพยัคฆ์ร่ายมนต์สะกด ชี้นิ้วไปที่หน้าผากของณจันทร์ เธอเบิกตากว้าง ก่อนจะสลบลงไปในที่สุด พรหมพยัคฆ์อุ้มเธอจะออกไปจากห้อง
ปักษะลุกขึ้นได้ ไปขวางพรหมพยัคฆ์ไว้
"อย่า! ปล่อยเธอ"
ปักษะเข้าไปต่อยพรหมพยัคฆ์เต็มๆ พรหมพยัคฆ์ไม่สะทกสะท้าน มองปักษะ ตาวาวด้วยความแค้น พรหมพยัคฆ์วางณจันทร์ลง ก่อนกระโจนเข้าไปเงื้อมือฟาดปักษะเต็มๆ ปักษะถึงกับเซ
ปักษะและพรหมพยัคฆ์สู้กัน เห็นได้ชัดว่า พรหมพยัคฆ์มีกำลังเหนือกว่าปักษะ และไล่ต้อนจนปักษะสะบักสะบอม
ลูกปลาเข้าไปดูณจันทร์ที่ยังหลับไม่รู้เรื่อง
"ณจันทร์ๆ! ตื่นสิณจันทร์"
พรหมพยัคฆ์ตะปบเล็บไปที่ปักษะ แต่เขาหลบทัน
พรหมพยัคฆ์กระโจนเข้ามาหาจนปักษะล้มลง พรหมพยัคฆ์ใช้มือหนึ่งกดปักษะไว้ แล้วเอามือจะจิกกรงเล็บเข้าที่คอ ปักษะมองอย่างตกใจ
ระหว่างนั้น เหมือนมีรังสีบางอย่างที่สื่อออกมา ทำให้พรหมพยัคฆ์ไม่อาจจะจิกกรงเล็บลงไปได้ พรหมพยัคฆ์สับสน แต่แล้วก็พยายามระงับความสั่น แล้วเงื้อมือขึ้นสูง แต่ก็ยังชะงักอยู่อย่างนั้น
ปักษะใช้โอกาสนั้น ต่อยหมัดสวนพรหมพยัคฆ์กลับไปอย่างแรง
วิฬาร์ที่วิ่งตามปักษะเข้ามา เห็นภาพนั้นพอดี ก็ตกใจ
"เกิดอะไรขึ้นเนี่ย"
ปักษะได้โอกาสที่จะโต้ตอบคืนบ้าง แต่วิฬาร์กลับวิ่งเข้าไปคว้าของในห้องมาที่ด้านหลังของปักษะ ลูกปลารีบเตือน
"ระวัง! คุณปักษะ!"
ปักษะหันมา โดนวิฬาร์ตีหัว จนล้มไปอีกทาง วิฬาร์เข้ามาหาพรหมพยัคฆ์
"เป็นไงบ้างคะ คุณพรหมพยัคฆ์"
พรหมพยัคฆ์เงยหน้าครึ่งคนครึ่งเสือขึ้นมา แยกเขี้ยว คำรามลั่น วิฬาร์ช็อก
"แอร๊ย คะ คุณ…คุณเป็นอะไรนะ" วิฬาร์รีบถอยออกมาด้วยความกลัว
พรหมพยัคฆ์เข้าไปกระชากณจันทร์ขึ้นมาอุ้ม และกระโจนออกไปโดยเร็ว ลูกปลาตะโกน
"ณจันทร์! มันเอาตัวณจันทร์ไปแล้ว"

พรหมพยัคฆ์อุ้มณจันทร์ที่ยังสลบอยู่ ไปจนสุดทางเดิน ซึ่งมีหน้าต่างบานใหญ่อยู่ ปักษะวิ่งตามออกไป พรหมพยัคฆ์กระโจนไปที่หน้าต่างพร้อมกับณจันทร์ ปักษะตกใจมาก
"ณจันทร์!"
ปักษะปราดเข้าไปที่หน้าต่าง มองไปข้างล่าง เห็นพรหมพยัคฆ์อุ้มณจันทร์กระโจนหนีไปอย่างรวดเร็ว ปักษะร้องตะโกน
"ณจันทร์"
ปักษะเจ็บใจตัวเอง ในที่สุดเขาก็ช่วยณจันทร์ไม่ได้อีกครั้ง

แฟลตตำรวจ อาชานั่งดูแฟ้มบางแฟ้ม เทียบกับหนังสือเสือ แล้วครุ่นคิด เสียงเคาะประตู อาชาลุกขึ้นไปเปิด จ่ายุทธเข้ามา
"จ่า มาพอดี ผมเพิ่งค้นเจอ"
จ่ายุทธตื่นเต้น
"หมวดรู้ข่าวหรือยังครับ"
อาชาชะงัก

หน้าจอทีวี นักข่าวบอก
"เมื่อเย็นวันนี้ ได้เกิดเหตุโจรกรรมโบราณวัตถุกลางงานประมูลการกุศลของสส.ชื่อดัง สิงหล จงรัชตะไวย์"
อาชามองรายงานข่าวนั้นด้วยความสนใจ
"คนร้ายได้เตรียมการตัดไฟ และอาศัยช่วงชุลมุนตอนไฟดับ ขโมยของมีค่าไปได้ชิ้นหนึ่ง เป็นคัมภีร์เนปาลซึ่งมีมูลค่าเกือบล้านบาท...ยังไม่มีเบาะแสว่าใครเป็นผู้ขโมย ทางตำรวจกำลังตรวจสอบจากเทปภาพจากกล้องทีวีวงจรปิดซึ่งถ่ายไว้ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ไฟดับ"
"ดูให้ดีนะครับหมวด" จ่ายุทธบอก
ภาพจากล้องทีวีวงจรปิดโฟกัสที่มีแขกสองสามคนหน้างาน แต่ด้านหลังของแขก เห็นจันทร์ที่เดินเข้าไปในงาน
จ่ายุทธบอก
"ถึงเห็นแค่แวบเดียว แต่เป็นณจันทร์แน่ๆ"
อาชาครุ่นคิด จ่ายุทธพูดต่อ
"คัมภีร์นี่คงจะมีความสำคัญอะไรสักอย่าง ณจันทร์ถึงยอมเสี่ยงเข้าไปในงานเพื่อขโมยออกมา ยังดีที่สิงหลไม่กลายเป็นเหยื่อของเธอเหมือนนายกำแหงอีกคน"
อาชาแย้ง
"ไม่ใช่…คดีกำแหงเป็นฝีมือของพรหมพยัคฆ์"
จ่ายุทธชะงัก
"หมวดแน่ใจได้ยังไงครับ"
อาชายื่นหนังสือมาให้จ่ายุทธดู
"ดูนี่…ตำนานพูดถึงรอยกัดของเสือสมิงตัวผู้ที่ต่างจากสมิงตัวเมีย เห็นไหม ตรงรอยเขี้ยวซี่ในสุดจะไม่เหมือนกัน…แล้วดูนี่…รอยเขี้ยวที่ศพ"
พร้อมๆกับยื่นแฟ้มคดีให้ดู จ่ายุทธมองดูเทียบกัน
"นี่มันรอยเขี้ยวของเสือตัวผู้สิครับ ศพเจ้าหน้าที่ป่าไม้ก็เหมือนกัน…ทุกศพเป็นฝีมือของพรหมพยัคฆ์ อย่างนี้ณจันทร์ก็ไม่ใช่…"
"อย่าเพิ่งสรุป อย่างน้อยก็มีศพหนึ่งที่เป็นของเสือตัวเมีย นี่ศพของยามที่ตายที่สวนข้างๆร้านอาหาร"
อาชาครุ่นคิด
"ตอนนี้ เราก็รู้แล้วว่าเสือตัวไหนที่เราควรจะต้องตามล่า…"

เวลากลางคืน พรหมพยัคฆ์อุ้มณจันทร์ เปิดเข้ามาอยู่ห้องพิธี ภายในห้องทำพิธี ที่ผนังประดับด้วยอาวุธ และเครื่องประดับของเนปาลดูแปลกตา ตรงกลางห้อง มีพรมผืนใหญ่ลายเสือ รอบๆห้องมีแสงไฟวอมแวม จากเชิงเทียนที่ประดับไว้ มีแท่นสูงขึ้นมาเหมือนเตียงนอน อยู่ด้านหน้าแท่นบูชาที่มีเครื่องสักการะ และรูปพระเสาร์ไว้
พรหมพยัคฆ์วางณจันทร์ลงบนแท่นตั่งกลาง ณจันทร์นอน พรหมพยัคฆ์ลูบไปเหมือนร่ายมนต์ให้ณจันทร์หลับต่อไป
"หลับไปก่อนนะณจันทร์ รอจนเพ็ญเดือนแปด แล้วฉันจะปลุกให้เธอตื่น…เพื่อมาเป็นราชินีของฉัน"

ส่วนคัมภีร์ใบลานนั้น พรหมยัคฆ์โยนเข้าเตาไฟ ลายเมฆเข้ามา
"ตอนนี้ณจันทร์ก็ไม่มีทางหนีนายท่านไปได้อีกแล้ว"
แต่พรหมพยัคฆ์กลับมีท่าทีครุ่นคิด มองมือตนเอง
"เพราะยังนี้เองฉันถึงฆ่ามันไม่ได้"
"ผู้ชายคนนั้นหรือครับ"
"มือฉันสั่นไปหมด ตอนที่จะฆ่ามัน ในตัวมันมีอะไรบางอย่าง…ที่ฉันทำให้ฉันรู้สึก"
พรหมพยัคฆ์มองไปที่คัมภีร์ที่กำลังไหม้ไฟ
"ฉันรู้แล้วว่ามันเป็นใคร"

ปักษะนั่งอยู่หน้าห้องโรงพยาบาล หมอเข้ามา
"เป็นยังไงบ้างครับหมอ"
"คนไข้ฟื้นแล้วครับ แต่ว่า ยังมีอาการผิดปกติอยู่"
"ผิดปกติยังไงครับหมอ"
"ผมว่าคุณไปดูเองดีกว่า"

คำสูรย์กำลังนั่งอยู่ที่เตียงมีผ้าพันแผลตามร่างกาย หลับตา นั่งพึมพำ ขมุบขมิบปากอยู่คนเดียว ปักษะและหมอมองอยู่ทางด้านหนึ่ง
"ตั้งแต่ฟื้นมา แกเอาแต่นั่งท่องอะไรไม่รู้อยู่ตลอดเวลา ใครถามก็ไม่ตอบ ตำรวจมาสอบสวนยังไม่ยอมพูดเลย"
ปักษะเองก็อึ้งเมื่อเห็นท่าทางคำสูรย์
"ถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไป ผมคงต้องส่งไปให้แผนกจิตเวชแล้วละครับ"
"ผมจะลองพูดกับเขาดู"

ปักษะเข้ามาข้างเตียงคำสูรย์
"อา นี่ผมเองปักษะ จำได้หรือเปล่า"
คำสูรย์ไม่ตอบ ยังนั่งพึมพำอยู่ ปักษะพยายามทวนความทรงจำ
"อาจำได้ไหมที่อาไปงานประมูล แล้วเจอผม"
คำสูรย์ยังไม่มีปฏิกิริยา
"งานประมูลที่อาไปกับณจันทร์ไง"
คำสูรย์เบิกตากว้างทันใดเมื่อได้ยินชื่อณจันทร์
"คุณหนู!" คำสูรย์กระชากเสื้อปักษะมาใกล้
"ไอ้เสือผีมันจับตัวคุณหนูไป แกต้องรีบไปช่วยเธอ"
ปักษะตกใจ
"ช่วย ช่วยยังไงอา"
"เอาเสื้อของกูมา เสื้อที่กูไปงานประมูล มันอยู่ไหน อยู่ไหน! แล้วพากูไป พากูไปหาคนที่รู้ภาษาเนปาล กูจะต้องแปลคัมภีร์ออกมา เร็วเข้า"
คำสูรย์ปล่อยปักษะ แล้วหันมาพึมพำเหมือนเดิม ปักษะนิ่งไป

ปักษะออกมาถามหมอ
"เสื้อของอาคำสูรย์อยู่ไหนครับหมอ เสื้อที่แกใส่ตอนเข้ามาโรงพยาบาลนะ"
หมองงที่เห็นท่าทางปักษะร้อนรนอีกคน
พยาบาลกำลังเก็บข้าวของ เห็นเสื้อของคำสูรย์ที่ขาดและยังมีรอยเลือดอยู่ กำลังจะทิ้งลงในถังขยะ
"เดี๋ยวก่อนครับ เดี๋ยวก่อน"
ปักษะรีบเอาเสื้อของคำสูรย์ออกมา พยาบาลงง ปักษะพลิกดูเห็นรอยเลือดที่เป็นอักษรเนปาลเรียงกัน ก็รู้แล้วว่าคำสูรย์ต้องการอะไร

สมชัยนั่งที่โต๊ะทำงานสังเกตที่ลูกปลาที่นั่งอยู่ มีสีหน้าเหม่อ คิดเรื่องอะไรอยู่
"ลูกปลา"
ลูกปลาสะดุ้ง
"อะไร"
"นี่ถ้ามีความลับคับอกคับใจมากนัก พูดออกมามั่ง ฉันก็ไม่ด่าแกหรอกนะยะ"
"แกพูดเรื่องอะไร"
"อย่าทำไก๋หน่อยเลยน่า ไม่มีอะไรได้ไง เธอวิ่งตามณจันทร์กับพรหมพยัคฆ์ไปติดๆ…ไม่เจอเขาสองคนเลยเหรอ"
"ก็บอกว่าไม่เจอ ก็ไม่เจอสิ"
"แล้วคุณปักษะละ เขาเจอบ้างหรือเปล่า"
"แกก็ไปถามเขาเองสิ"
"แกว่าไอ้คัมภีร์คัมภีร์ที่หายไปมันเกี่ยวกับณจันทร์ด้วยหรือเปล่า"
"ฉันจะไปรู้ได้ยังไง เลิกถามซะทีเถอะ"
"แต่…ฉันว่ามันแปลกนะ คิดๆดู ช่วงเวลามันพอดีกันเลย"
ลูกปลาชะงัก
"ช่วงเวลาอะไร"
"ก็ช่วงเวลาที่พรหมพยัคฆ์เข้ามาในบริษัทเรา กับช่วงที่ณจันทร์เริ่มเปลี่ยนไป ท่าทางผิดปกติไม่เหมือนเดิม ฉันสังเกตมานานแล้วนะ มันไม่น่าใช่ธรรมดาเลย"
"ใช่แล้ว"
สมชัยชะงัก หันมาเห็นวิฬาร์ยืนอยู่
"รู้เอาไว้สิ ว่าคุณพรหมพยัคฆ์นะ…เขาไม่ใช่คนธรรมดาๆ"
สมชัยประชด
"อ๋อเหรอ แล้วไง เขาเป็นอะไรล่ะ"
ลูกปลาอึ้ง มองวิฬาร์ ลุ้นว่าจะพูดหรือไม่
"เหมียวเธอจะพูดอะไร อย่านะ"
"ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ แกรู้ไว้ซะ คุณพรหมพยัคฆ์เขาเป็น….คนที่มีอำนาจ มีพลังอย่างที่แกคิดไม่ถึงเลยละ"
"อ๋อ มิน่า เขาถึงไม่คิดมายุ่งกับเธอ ปล่อยให้นอนรอจนเหี่ยวแห้งหัวโต" สมชัยหัวเราะเยาะ
วิฬาร์โกรธ
"แล้ว…แกก็คอยดูแล้วกัน คนอย่างฉันจะไม่ยอมรออยู่เฉยๆแน่"
แล้ววิฬาร์ก็เดินจากไป
"สงสัยโรคบ้าผู้ชายขึ้นสมองแล้วยัยนี่"
ลูกปลาเริ่มแปลกใจที่วิฬาร์ไม่มีท่าทางกลัวหลังจากรู้ว่าพรหมพยัคฆ์เป็นอะไร กลับเหมือนจะชอบใจด้วยซ้ำ

คืนนั้น ภายในบ้านปักษะ ปฏิมาถามลูกชาย
"คนนี้นะเหรอ เพื่อนของแก"
ปฏิมามองไปที่คำสูรย์ที่ยังขมุบขมิบปากไม่เลิก ท่าทางไม่เต็มเต็ง
"ครับ รู้จักกันที่เชียงใหม่ พอดีเพิ่งออกจากโรงพยาบาล ผมเลยพาพักอยู่ที่นี่ชั่วคราว"
"โรงพยาบาล"
ปฏิมาลากปักษะมาคุยอีกทาง
"นี่แกพาคนที่ไหนมาอยู่บ้าน ขุดมาจากศรีธัญญาหรือเปล่าวะ"
"พูดอะไรอย่างนั้นป๋า"
"ก็ท่าทางแบบนี้ มีสมองครบก้อนหรือเปล่าวะ"
"ไม่มีอะไรหรอกนะป๋า อาคำสูรย์แกอยู่กับป่ากับเขามานาน ก็เลย…แปลกๆไปหน่อย"
ปฏิมามองคำสูรย์
"ไม่หน่อยละ เยอะเลย"
"โธ่ ป๋า ผมรับรองเถอะว่าถึงเห็นเป็นอย่างนี้ แต่อาแกไม่ทำร้ายใครหรอก"
ปฏิมามองอย่างไม่ค่อยเชื่อ คนใช้เดินเข้ามาหาปักษะ
"คุณปักษะคะมีแขกมาหาคะ"
ปักษะแปลกใจที่เห็นลูกปลายืนอยู่
"คุณลูกปลา"
"สวัสดีคะคุณปักษะ ขอโทษที่มารบกวน แต่ฉันอยากจะคุยกับคุณจริงๆเรื่อง…"
คำสูรย์เดินเหม่อๆเข้ามา หันมามองทางลูกปลา ลูกปลาชะงัก
"แก!แกมันไอ้คนบ้านี่"
"กูไม่ได้บ้า! ใครว่ากูบ้า มึงว่ากูบ้าอีกแล้วเหรอ"
คำสูรย์เดินตาขวางๆเข้ามาหา ลูกปลาตกใจ วิ่งหนี
"อย่าเข้ามานะ อย่าเข้ามา"
"เดี๋ยว! หยุดก่อน อาคำสูรย์"
ปักษะวิ่งตามไปห้ามทัพ ปฏิมามองอย่างละเหี่ยใจ
"กูว่าแล้วไหมละ"

ลูกปลานั่งสงบลง มองไปทางคำสูรย์ที่อยู่ห่าง
"ขอโทษนะครับที่อาคำสูรย์ทำให้คุณตกใจ"
"ไม่เป็นไรหรอกคะ ฉันไม่คิดเลยนะคะว่าผู้ชายคนนี้นี่ จะมาเกี่ยวกับณจันทร์ได้"
"ที่คุณมาหาผมวันนี้ ก็เพราะเรื่องของณจันทร์เหมือนกันใช่ไหม"
"คะ ฉันจะพูดตรงๆเลยนะคะคุณปักษะ ฉันอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับณจันทร์"
ปักษะท่าทางอึดอัด
"เรื่องนี้ ผม…"
"อย่าปฏิเสธนะคุณปักษะ ฉันรู้ว่าคุณรู้ ไม่งั้นคุณคงไม่ตามไปช่วยณจันทร์จากไอ้ปีศาจนั่นหรอก บอกฉันมาเถอะคะ…ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้น ฉันก็เห็นณจันทร์เป็นเพื่อนเสมอ"
ปักษะมองลูกปลา ตัดสินใจแล้วว่าคงจะบอก... ลูกปลาได้รู้เรื่องราวทุกอย่างของณจันทร์หมดแล้ว
"เสือ? แบบเสือสมิงงั้นเหรอ"
"เสือสมิง เสือเจ้า เสือผี มีคำเรียกหลายแบบ แต่ความหมายมันเหมือนกัน…ณจันทร์ไม่ใช่คนธรรมดาอีกแล้ว"
"เป็นไปได้ไง ฉันคบกับเขามาตั้งนาน ก็เห็นปกติดีทุกอย่าง"
"ผมเชื่อว่าณจันทร์คงเพิ่งเป็น หลังจากแลกเลือดกับเสือสมิงเมื่อยี่สิบปีก่อน ป้าของณจันทร์เป็นคนบอกผมเรื่องคำสาป เขาเองก็คงไม่คิดว่ามันจะเป็นจริง"
"แล้วเรื่องคดีเสือไล่ฆ่าคนละคะ มันเป็นพรหมพยัคฆ์ใช่ไหม คงไม่ใช่ณจันทร์หรอกนะ"ปักษะมองลูกปลานิ่งไป
"ณจันทร์เขาบอกว่าเขาเป็นคนทำ… ผมรู้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ เวลาที่ร่างกายเปลี่ยนไป ณจันทร์ก็คงควบคุมอะไรไม่ได้ เขาแทบจำไม่ได้เลยว่าทำอะไรลงไป"
ลูกปลาอึ้ง ทั้งช็อก ทั้งกลัว
"นี่ฉัน…ฉันไม่อยากเชื่อเลย ทุกอย่างมันเป็นเพราะ ณจันทร์เป็น… โอ๊ย ฉันจะบ้าตาย"
"ผมหวังว่าเรื่องนี้คุณคงไม่บอกใครหรอกใช่ไหมครับ"
"ฉันยังไม่อยากจะถูกคนหาว่าบ้าหรอก เอ๊ะ แต่เดี๋ยวยัยเหมียวก็รู้นี่ เพราะเขาก็อยู่ที่นั่นด้วย"
"แล้วเขาพูดอะไรหรือเปล่าครับ"
ลูกปลานิ่งคิด
"ไม่รู้สิคะ…ทีแรกฉันคิดว่าเขาจะกลัว แต่ก็ไม่ใช่ เขากลับเหมือนอยากรู้ อยากลองว่าเป็นยังไงมากกว่า ฉันเองก็เดาใจเขาไม่ถูกหรอกคะว่ายัยนี่คิดอะไรอยู่กันแน่"

คืนเดียวกัน วิฬาร์นั่งดื่มอยู่คนเดียวในบ้าน ท่าทางเคลิ้ม ฟุบลงกับโต๊ะ แล้วก็เงยหน้าขึ้น เหมือนเห็นพรหมพยัคฆ์ยืนอยู่
"คุณพรหมพยัคฆ์"
วิฬาร์จะเข้าไปหา แต่พรหมพยัคฆ์ก็หายไป ที่จริงเป็นแค่ภาพหลอน วิฬาร์เสียดาย พึมพำกับตัวเอง
"ฉันจะทำให้คุณต้องการฉันให้ได้คุณพรหมพยัคฆ์"

เทพนิมิตเดินอย่างหงุดหงิด ลูกปลาตามมา
"เธอนี่ช่างหาเรื่องซวยมาให้ฉันไม่เว้นแต่ละวันจริงๆ เธอยังไม่รู้อะไร มารร้ายตัวนี้มันอำมหิตมาก มันจะกำจัดทุกคนที่ขวางทางมัน"
"แม่หมอรู้ได้ไง แม่หมอเคยเจอกับมันเหรอ"
"เปล่า! ฉันมีตำราตำนานของเนปาลโบราณ มันบอกไว้ชัดเลยว่าปีศาจตนนั้นไม่ยอมปล่อยเพื่อนเธอไปแน่"
ลูกปลาชะงัก
"แม่หมอว่าอะไรนะคะ"
"ฉันบอกว่าไอ้มารร้ายนั่นมันน่ากลัวมาก"
"ไม่ใช่ๆ ก่อนหน้านั่น แม่หมอบอกว่าอ่านภาษาเนปาลได้เหรอ"
"ก็ใช่สิ! ถ้าอ่านไม่ได้ แล้วฉันจะแปลออกได้ยังไง"
ลูกปลาดีใจ ในที่สุดเธอก็หาคนที่ช่วยปักษะได้ เธอโทร.หาปักษะทันที
"คุณปักษะเหรอคะ ฉันหาคนที่อ่านภาษาเนปาลได้แล้ว คะ ต้องเป็นคนที่คุณไม่อยากเชื่อแน่นอน"

อ่านต่อหน้าที่ 3 


เสือ ตอนที่ 10 (ต่อ)
ปักษะมาหาเทพนิมิตที่บ้าน

"ไม่! ฉันบอกว่าไม่ไง ฟังไม่รู้เรื่องเหรอ"
"ขอร้องเถอะครับ เราขอแต่ให้แม่หมอช่วยแปลอักษรที่อาคำสูรย์เขียนไว้เท่านั้นแหละครับ"
"โธ่ แม่หมอคะ ช่วยหน่อยเถอะนะคะ ถือว่าทำบุญก็ได้ ช่วยเพื่อนหนูหน่อยเถอะ"
"ไม่ ออกไปซะ ออกไป"
ขณะนั้นเอง คำสูรย์ยังคงพึมพำเรื่องคัมภีร์อยู่ เหมือนคลุ้มคลั่งขึ้นมาอีก เข้ามากระชากเสื้อเทพนิมิต
"แกจะทำอะไรนะ"
"อาคำสูรย์ ใจเย็นๆ"
คำสูรย์จ้องเทพนิมิตนิ่ง
"ทุกอย่าง…ถูกลิขิต…ไว้แล้ว"
เทพนิมิตอึ้ง นิ่งไปเหมือนยอมรับในที่สุด
"นี่ฉันจะหนีชะตานี้ไม่พ้นแล้วจริงๆหรือนี่"

ปักษะเอาอักษรเนปาล ผ้าที่คำสูรย์เขียนมาให้ ขณะที่เทพนิมิตเปิดกางตำราอีกเล่มหนึ่ง ซึ่งเป็นตำนานเสือสมิง และมีวิธีแปลอักษรเนปาลแต่ละตัวด้วย แล้วเริ่มจดลงในกระดาษทีละคำๆ
เทพนิมิตยื่นคำแปลให้กับปักษะ
"นี่คือคำแปลทั้งหมดที่คุณต้องการ"
ปักษะมองคำแปลที่เทพนิมิตแปลให้
"บุรุษเดียวที่จะช่วยแก้คำสาปให้หญิงผู้ต้องคำสาปเสือได้ จะต้องมีจตุลักษณะ หนึ่ง จะต้องเกิดใต้พระจันทร์ครึ่งซีก สอง ต้องอาบน้ำแรกเป็นน้ำบริสุทธิ์ สาม ต้องเป็นผู้ที่สะกดสัตว์ทั้งมวลได้ และ สี่ จะต้องเป็นคนที่เจ็ดจากสิบสอง"
ปักษะชะงักในปริศนาธรรม
"เป็นคนที่เจ็ดจากสิบสอง หมายความว่ายังไงครับ"
"เรื่องนั้นคุณคงต้องไปตีความเอาเอง"
ปักษะพยายามจะครุ่นคิด ตีความตามสิ่งที่คัมภีร์บอก
"แล้ววิธีที่จะแก้คำสาปละคะ พอเจอผู้ชายคนนี้แล้วจะทำยังไงละคะ"
เทพนิมิตชะงักไป
"เอ่อ เรื่องนี้"
"ว่าไงคะแม่หมอ"
คำสูรย์รำคาญ
"บอกมาสิวะ เร็วเข้า"
"ก็ได้! วิธีแก้มีทางเดียวเท่านั้น ณจันทร์จะต้องมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนนั้น ทั้งเขาและเธอจะต้องหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว"
ทั้งคำสูรย์และปักษะชะงัก ลูกปลาไม่เข้าใจ
"อะไรนะคะ"
"ก็แปลว่าณจันทร์จะต้องสมสู่กับผู้ชายคนนี้ ถึงจะถอนคำสาปได้ยังไงละ"
ลูกปลาชะงัก อึ้งไปเลย มองไปที่ปักษะที่นั่งนิ่งอยู่

เทพนิมิต พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทุกคนนั่งเงียบไปหมด คำสูรย์คิดหนัก
"ทำไมมันต้องขนาดนั้นหา ! ทำไมการแก้คำสาปถึงกับต้องให้คุณหนูไปนอนกับใครก็ไม่รู้…นี่แกมั่วรึเปล่าห๊ะ!"
"ก็คัมภีร์มันบอกมาอย่างนี้ ถ้าแกไม่เชื่อก็..ตามใจ"
"เดี๋ยวก่อนแม่หมอ ลุงคำสูรย์คงไม่ได้ตั้งใจอย่างนั้นหรอกค่ะ เอ่อ งั้นเรามาลองดูไหมคะว่าแปลว่าอะไรกันแน่ ข้อแรกต้องเกิดใต้พระจันทร์ครึ่งซีก อันนี้แปลว่า…"
"มันแปลความว่า ผู้ชายคนนี้จะต้องเกิดในที่ที่มีแสงจันทร์สาดส่อง…ในช่วงที่ดวงจันทร์เป็นรูปครึ่งวงกลมพอดี"
"แล้วเรื่องน้ำบริสุทธิ์ละคะ"
เทพนิมิต นิ่งไปเล็กน้อย ลังเลที่จะพูด
"เป็นความเชื่อของหมู่บ้านผา... เป็นความเชื่อของคนโบราณ หากทารกแรกเกิดได้ทำพิธีอาบน้ำแรก เจ้าป่าเจ้าเขาจะคอยปกปักรักษาน้ำแรกเป็นน้ำที่มาจากต้นน้ำในป่าลึก เป็นน้ำที่มีความบริสุทธิ์ที่สุด"
คำสูรย์ฟังแล้วก็สงสัย
"เดี๋ยวนะ ... ถ้างั้นชายคนนี้ก็ต้องเกิดในป่าลึก กลางแสงจันทร์ และได้ทำพิธีอาบน้ำแรก ซึ่งเป็นน้ำบริสุทธิ์ที่มาจากต้นน้ำ"
"ถ้าตีความตามนี้ก็ใช่ รวมทั้งจะต้องเป็นคนที่สะกดสัตว์ให้สงบนิ่งได้ด้วย"
ปักษะถาม
"แล้วข้อสุดท้ายละครับ…คนที่เจ็ดจากสิบสอง"
เทพนิมิตนิ่งไป
"ข้อนี้ ฉันเองก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่จากที่แปลความมาทั้งหมด" เธอมองปักษะ "คุณคงไม่ใช่ผู้ชายคนที่คัมภีร์บอก ไม่ใช่คนที่จะช่วยณจันทร์ได้"
ปักษะนิ่งอึ้งไป เทพนิมิต คิดตามที่คัมภีร์เขียนแล้วก็ถอนใจ
"ผู้ชายที่ตรงตามเงื่อนไขทั้งสี่ข้อนี้ มีหนึ่งในล้านละมั้ง แต่ถึงจะมีจริง คัมภีร์ก็บอกไว้ชัดแล้ว ว่าอาจจะแก้คำสาปไม่ได้ เก้าในสิบคนต้องตายขณะที่สมสู่กับนางสมิง ... แบบนี้ ฉันว่าคุณเลิกหวังกันดีกว่า"
"ไม่ กูไม่เลิกหวังเด็ดขาด! ถ้าสิ่งที่แกแปลมันถูกต้องจริงละก็ ไม่ว่าจะยังไง กูก็จะตามตัวผู้ชายคนนี้มาให้ได้"
"ตามมาได้แล้วยังไง! จะขอร้องเขาเหรอว่าช่วยมาแก้คำสาปสมิงให้กับผู้หญิงที่เขาไม่รู้จักเนี่ยนะ ไม่เอาด้วยอ่ะ ฉันไม่อยากโดนขังรวมกับแกในโรงพยาบาลบ้าหรอกนะ"
"ผมว่า อย่างแรก เราช่วยกันตามหาตัวผู้ชายคนนี้ให้เจอก่อนเถอะครับ ส่วนเรื่องอื่นค่อยว่ากันอีกที"
เทพนิมิตมองอย่างไม่อยากเชื่อ
"คุณยังจะพยายามอยู่อีกเหรอ ไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรือไง หรือว่าเพื่อช่วยผู้หญิงที่ตัวเองรัก คุณก็ยินยอมพร้อมใจให้เขาไปมีอะไรกับชายอื่น"
ปักษะนิ่งอึ้งไป

ปักษะนั่งอยู่นอกบ้านเทพนิมิต ท่าทางครุ่นคิดอยู่ตามลำพัง ลูกปลามองอยู่ ก่อนจะเข้ามาหา
"คุณปักษะ"
ปักษะหันมา
"คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ"
"เปล่าครับ ก็แค่…เหนื่อยนิดหน่อย"
"ฉันรู้ว่าเรื่องนี้มันฝืนใจคุณนะคะ ถ้าคุณไม่อยากเกี่ยวด้วย ฉันก็จะไม่บังคับคุณ… ฉันแค่อยากรู้ว่าคุณรู้สึกยังไง"
"เมื่อก่อนผมเคยรู้สึกกับณจันทร์ยังไง ตอนนี้ผมก็ยังรู้สึกแบบนั้น" ลูกปลานิ่งไป " ผมอยากเห็นณจันทร์กลับมาเป็นเหมือนเดิม"
ลูกปลามองปักษะอย่างเข้าใจ
"แม้ว่าณจันทร์ จะต้อง..."
"ครับ..เรื่องนั้นมันไม่ได้มีความหมายมากไปกว่า การที่ผมจะได้เห็นณจันทร์กลับมามีความสุข..เป็นอย่างที่เธอควรจะเป็น"

หน้าบ้านพรหมพยัคฆ์ยามกลางคืน เขาอยู่ในชุดเนปาล ในมือข้างหนึ่งถือเชิงเทียน เดินมาด้วยท่าทางเคร่งขรึม ข้างหน้าเป็นแท่นบูชา ซึ่งข้างหน้ามีภาพของพระเสาร์ประดับอยู่บนผนัง พรหมพยัคฆ์วางเชิงเทียนลง และก้มหัวลงทำความเคารพพระเสาร์
พรหมพยัคฆ์หันหน้ามาอีกทาง มีแท่นขนาดใหญ่เท่าเตียงนอนซึ่งปูด้วยหนังเสือ ณจันทร์นอนอยู่บนนั้น ด้วยชุดยาวกรอมเท้าเบาบาง มีเทียนจุดอยู่รอบๆ บรรยากาศแฝงความลึกลับและขลัง มีผ้าห่มอยู่

เวลาเดียวกัน วิฬาร์เปิดกระจกรถออกมา และมองเข้าไปในบ้านของพรหมพยัคฆ์ เดินลัดเลาะมาเรื่อย จนถึงบริเวณรั้วที่เป็นพงหญ้าค่อนข้างรก รั้วที่ล้อมรอบ มีรอยโหว่ วิฬาร์รีบแทรกตัวเข้าไป

สมุนของพรหมพยัคฆ์ได้ยินเสียงข้างรั้ว หันมองเห็นวิฬาร์พยายาม แหวกรั้วเข้ามา เธอแหวกเข้ามาได้ครึ่งตัว ก็ถูกสมุนพรหมจับได้ เธอส่งเสียงร้อง ดิ้นสุดแรง
"อร๊ายยย ปล่อยฉัน ปล่อย"
สมุนพรหมลากวิฬาร์ออกมา

พรหมมองณจันทร์ด้วยความรัก เขาค่อยๆมองไล่จากใบหน้าณจันทร์ทีละส่วนอย่างช้าๆ คิ้ว ตา จมูก ไล่ลงมาที่ปาก พรหมมองอย่างอ่อนโยน
ณจันทร์สลึมสลือกำลังจะลืมตาขึ้นมาพอดี เธอยังฟื้นไม่เต็มตา ใบหน้าพรหมยัคฆ์ดูอ่อนโยนต่างจากทุกครั้งที่เธอเห็น
"ณจันทร์ คุณคือคนเดียวที่สำคัญสำหรับผม"

วิฬาร์ยังดิ้นโวยวายที่ถูกจับ
"บอกให้ปล่อยไง ฉันเป็นเพื่อนกับคุณพรหมพยัคฆ์เจ้านายพวกแกนะ ปล่อย! ปล่อยสิ"
เหล่าสมุนมองหน้ากันอย่างลังเล สมุนอีกคนจ้องวิฬาร์ ก่อนจะหันไปสั่ง
"พาลงไปหาคุณลายเมฆ"
สมุนสองคนลากตัววิฬาร์เข้าบ้านไป เธอยังส่งเสียงกรี๊ด ดิ้นไม่พอใจ แต่สมุนทั้งสองไม่สนใจ

ภายในห้องพิธี ณจันทร์พยายามจะลืมตา แต่ร่างกายไม่ตอบสนองไม่มีแรงมากพอ พรหมพยัคฆ์ยกมือขึ้นไปใกล้ร่างของณจันทร์ เพื่อจะถ่ายทอดพลังบางอย่างให้
"ผมจะไม่ยอมให้คุณจากไปไหนอีกแล้ว ณจันทร์"
แววตาของพรหมพยัคฆ์เปลี่ยนเป็นจริงจังอีกครั้ง

สมุนลากตัววิฬาร์ เดินมาจนสุดบันไดวน เจอกับลายเมฆที่ยืนหันหลังเฝ้าหน้าประตูห้องพิธีอยู่ วิฬาร์ร้องเสียงเอะอะโวยวายดังลั่น
ลายเมฆที่ยืนหันหลังอยู่ หันกลับมาตามเสียง เห็นว่าเป็นวิฬาร์ เขาจ้องมองอย่างถมึงทึง
"แกแอบเข้ามาในนี้ทำไม"
ลายเมฆหยิบดาบขึ้นมา และค่อยๆก้าวไปหา วิฬาร์เริ่มถอยไปเรื่อยๆด้วยความกลัว ลายเมฆยังคงเดินตามมา
"จะทำอะไรนะ อย่านะ"
วิฬาร์ดิ้นสุดแรง

พรหมพยัคฆ์กำลังถ่ายทอดพลังให้ณจันทร์อยู่ได้ยินเสียงโวยวาย ก็ชะงัก เขาคำรามลั่นด้วยความโมโหที่ถูกขัดจังหวะ ก่อนจะหันไปจ้องที่ประตูใช้พลัง ประตูกระชากเปิดออก
วิฬาร์ร้องโวยวายด้วยความกลัว ลายเมฆชะงักมือที่ง้างดาบอยู่ หันมองพรหมพยัคฆ์ที่มองวิฬาร์อย่างเฉยเมย
"ผู้หญิงคนนี้แอบเข้ามาครับท่าน ผมจะกำจัดออกไปเดี่ยวนี้"
"งั้นก็ไปจัดการซะสิ"
ลายเมฆเข้ามาจะลากวิฬาร์ออกไป เธอสะบัดหนีดิ้นสุดแรงจนหลุด แล้ววิ่งถลาเข้าไปในห้อง แล้วเข้าไปกอดเข่าพรหมพยัคฆ์
"ไม่นะ! ไม่นะคะคุณพรหมพยัคฆ์ เหมียวมาที่นี่เพราะคุณ เหมียวต้องการคุณนะคะ"
พรหมพยัคฆ์เยาะใส่
"คุณต้องการผมงั้นเหรอ"
"ใช่คะ…ขอแค่ให้เหมียวได้อยู่ใกล้ๆคุณเท่านั้น เหมียวก็มีความสุขแล้ว"
พรหมพยัคฆ์เหมือนจะโน้มตัวลงมาจูบวิฬาร์ แต่แล้วกลับจิกผมเธอขึ้น
"โอ้ย คุณ!"
"น่าเสียดาย…เพราะผมไม่ต้องการคุณ"
พรหมพยัคฆ์ผลักวิฬาร์ล้มลง
"พามันออกไป!"
ลายเมฆมาลากวิฬาร์ออกไป เธอพยายามอ้อนวอน
"ฉันรู้ว่าคุณไม่ใช่คนธรรมดา คุณมีพลัง มีอำนาจ มีทุกๆอย่าง ฉันอยากเป็นแบบคุณ ให้ฉันเป็นของคุณเถอะ ฉันยอมทำทุกอย่างเพื่อคุณนะคะ! คุณพรหมพยัคฆ์"
ระหว่างที่วิฬาร์กำลังขอร้องอ้อนวอน พรหมพยัคฆ์ก็เริ่มครุ่นคิดว่า วิฬาร์จะสามารถทำประโยชน์ให้กับเขาได้
ลายเมฆตบหน้า ก่อนจะเงื้อดาบมือขึ้นกำลังจะแทง
"แอร๊ย"
"หยุดก่อน!"
ลายเมฆชะงัก พรหมพยัคฆ์เดินเข้าไปหาวิฬาร์ และเชยคางเธอขึ้น
"ทุกๆอย่างงั้นเหรอ"
วิฬาร์สบตา
"ใช่…ทุกๆอย่าง"
พรหมพยัคฆ์ยิ้ม แผนชั่วเกิดขึ้นในใจอีกครั้ง

เวลาต่อมา วิฬาร์ถูกพรหมพยัคฆ์ผลักลงไปที่เตียง พรหมพยัคฆ์เคลื่อนตัวตามลงมา วิฬาร์ไล้ลูบที่หน้าพรหมพยัคฆ์
"ฉันฝันมานานแล้ ที่จะได้ผู้ชายที่แข็งแกร่ง ผู้ชายที่มีอำนาจแบบคุณ"
พรหมพยัคฆ์จูบ เธอตอบสนองโดยพลัน เขาเริ่มมีอารมณ์รุนแรง เขี้ยวกัดลงที่ไหล่ของวิฬาร์ เธอร่ำร้องอย่างเจ็บปวดแต่ก็เคลิบเคลิ้ม เขาซุกไซร้ซอกคอ ไล่ลงมา... เธอเคลิบเคลิ้มตอบสนองเขา แต่แล้วพรหมพยัคฆ์ก็กระชากเสื้อวิฬาร์ออก จ้องหน้า ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีเหลือง
"ช่วยฉัน แล้วฉันจะให้อำนาจกับเธอ…ตามที่เธอต้องการ"
วิฬาร์พยักหน้า พรหมพยัคฆ์ยิ้มเหี้ยม ก่อนจะก้มลงเหมือนจะจูบ แต่เขากลับกัดลงที่ไหล่ของวิฬาร์ วิฬาร์ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แต่ไม่นานเธอก็ยิ้มรับด้วยความเต็มใจ
วิฬาร์ตกเป็นทาสของพรหมพยัคฆ์แล้วอย่างสมบูรณ์

วันถัดมา ที่ผับป้าแอน ร้านยังไม่เปิด เด็กเดินไปมา จัดเตรียมร้าน
เสียง เทพนิมิต ดังขึ้นมา
"นี่มันจะได้ผลแน่นะ"
เทพนิมิตขมวดคิ้วไม่เชื่อถือ มองสมชัยที่นั่งยิ้มแป้นถือไอแพดอยู่ในมือ โดยมีลูกปลานั่งอยู่ข้างๆ สมชัยพยักหน้ายืนยัน
"โอ๊ยเชื่อหนูเถอะค่าคุณป้า ..เอ้ย คุณพี่"
ลูกปลาพยักหน้า
"ลูกปลาว่า วิธีนี้มันก็เวิร์กดีนะคะ"
ป้าแอนเดินเข้ามาสบทบ ชะโงกหน้ามองที่จอไอแพด ทำตาโตก่อนจะพูดเสริม
"โหว...คนไลค์หลายพันแล้วนี่ เพิ่งเริ่มทำเมื่อคืนไม่ใช่หรอ"
สมชัยยิ้ม ภูมิใจ ที่จอไอแพด เป็นเพจ “ดูดวงกับเทพนิมิต..ญานสัมผัส” สเตตัสล่าสุด “โปรโมชั่น สำหรับผู้ชายที่ตรงตามคุณลักษณะนี้ ดูฟรี ค่า !”
"เรื่องหาผั(ว) เอ๊ย หาผู้ชายเนี่ย แม่หมอไว้ใจสมชัยได้"
สมชัยบอก
"ยุคนี้ต้อง โซเชี่ยวค๊า"
เทพนิมิต ถอนหายใจ ส่ายหน้า
"มีสักคนหรือยังล่ะ"
"ผั(ว) เอ๊ย ผู้ชาย ที่ตรงตามลักษณะอะหรอคะ มีๆสิคะ"
เทพนิมิตส่ายหน้า ป้าแอนอดขำไม่ได้
"หนูนัดมาให้แล้วคะ ผู้ชายล้วนๆ"
เสียงประตูร้านเปิด
ผู้ชาย1 ถาม
"เอ่อ ที่นี่ดูดวงปะครับ"
ทั้งหมดหันไปมองต้นเสียง เห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ สมชัยยิ้ม
สมชัยมองกรุ้มกริ่ม
"ใช่ค่า ... ดูให้ฟรีด้วยนะคะ"
ผู้ชายยิ้มเจื่อนๆ
ผู้ชาย1บอก
"แถมเปิดเหล้าฟรีด้วย ตามที่บอกไว้ในเพจใช่มั้ยครับ"
ป้าแอนหันขวับมองสมชัยที่ยิ้มเจื่อนๆ
สมชัยตอบเบาๆ
"เพื่อช่วยณจันทร์นะป้านะ"
ป้าแอนสูดหายใจ ระงับอารมณ์ พยักหน้าเออออไป
ผู้ชาย2เข้ามาถาม
"ที่นี่ดูดวง พร้อมเหล้าฟรีใช่มั้ยครับ"
ป้าแอนหันขวับ สมชัยยิ้มแหย
ผ่านเวลาจนดึกมาก เตรียมปิดร้าน
"ไม่ใช่ ... ไม่ใช่สักคน"
เทพนิมิต คว่ำไพ่ลงบนโต๊ะ ผู้ชายที่เธอดูไพ่ให้ หน้าตาตกใจ
ผู้ชาย3 ถาม
"ไม่ใช่.. ไม่ใช่อะไรครับ"
" เอ่อ ... ไม่ใช่.. ผู้หญิงที่น้องคบอยู่อ่ะ ไม่ใช่เนื้อคู่หรอกค่ะ เลิกเถอะ"
ผู้ชายหันขวับมองสมชัย
ผู้ชาย3 บอก
"ชั้นไม่เคยคบผู้หญิง บ้าหรอ ! ไม่เห็นจะแม่นเลย"
ชาย3 ลุกสะบัดก้นเดินออกไป สมชัยช็อกอ้าปากค้าง เทพนิมิตส่ายหัว
คำสูรย์ ปักษะและลูกปลาก็เข้ามาหาเทพนิมิต
"ไม่ใช่สักคนเลยหรอคะ แม่หมอ"
"ไม่เลย สักคน"
"แน่ใจหรือเปล่า" คำสูรย์ถาม
เทพนิมิตหงุดหงิด
"คิดว่าฉันดูพลาดงั้นเหรอ ถ้าไม่เชื่อ แล้วให้ฉันดูทำไม"
คำสูรย์โต้ตอบไม่แพ้กัน
"นี่ฉันพูดหรือยังว่าป้าดูพลาด หูหาเรื่องจริงๆ หรือว่าแก่จนหูเริ่มตึงแล้ว"
"หุบปากเลยนะ"
ลูกปลาไกล่เกลี่ย
"ใจเย็นๆสิคะ พวกเราเชื่อแม่หมออยู่แล้วแหละ"
"นั่นนะสิครับ นี่เพิ่งวันแรกที่หาเอง เรายังมีเวลา" ปักษะบอก
"โอ้ย ไม่เอาแล้ว ฉันไม่ทนนั่งดูไพ่เพื่อการกุศลอยู่ทั้งวันหรอกนะ"
เทพนิมิตลุกขึ้น รวบกองไพ่ไปด้วย
ปักษะถาม
"จะไปไหนนะครับแม่หมอ"
"เรื่องของฉัน!"
เทพนิมิตเดินออกไป คำสูรย์อย่างไม่พอใจ
ลูกปลาพูดขึ้น
"เห็นไหมละ เพราะใคร หัดรูดซิปปากไว้มั้งสิ ทำเป็นหรือเปล่าเฮอะ"
ปักษะกลุ้มใจ

อ่านต่อตอนที่ 11

กำลังโหลดความคิดเห็น