xs
xsm
sm
md
lg

สามใบไม่เถา ตอนที่ 7

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สามใบไม่เถา ตอนที่ 7

อันตรากำลังชาร์จแบตกล้องดิจิตอลอยู่ที่สำนักงาน ภิสิตเดินเข้ามา
 
“สวัสดีค่ะอาสิต”
อันตราแปลกใจ ว่าภิสิตมาทำอะไร ภิสิตนั่งลง แต่ยังไม่พูดอะไร เพราะรู้สึกกระดากปาก ยากจะพูดเรื่องภรรยาตัวเองมีชู้ อันตรารอฟังอย่างอยากรู้ ว่าภิสิตจะจ้างให้สืบใคร หรือทำอะไร
“อาอยากจ้างให้เราตามสืบ อาบุษ”
อันตราชะงักไปทันทีด้วยความสงสัย
“เอ่อ อากำลังฟ้องหย่าอาบุษ อาบุษเขา อืม มีผู้ชายอื่น”
“อาบุษมีชู้”
ภิสิตหน้าเสีย อายหลาน อันตราหน้าแหย
“ขอโทษค่ะ อันพูดแรงไปหน่อย”
“อาต้องการหลักฐานฟ้องหย่า ทนายจะติดต่อนักสืบให้ แต่อาไม่อยากให้คนนอกรู้
ช่วยอาหน่อยนะอัน ห้ามบอกใครเด็ดขาด แม้แต่คนที่บ้าน”
“ค่ะ อันจะไม่บอกใคร”
อันตราแอบไขว้นิ้วข้างหลัง คิดว่างานนี้ต้องบอกแน่ ภิสิตพูดออกไปแล้ว ก็ไม่ได้รู้สึกหายอับอายหลานเลย การที่ภรรยามีชู้ รู้ถึงไหน อายถึงนั่น อันตราก็ยังอึ้งไม่หาย กับการที่ภิสิตถูกภรรยาสวมเขา

คืนนั้น อันตราเรียกประชุมด่วนสามพี่น้อง เธอเล่าเรื่องที่ภิสิตจ้างให้สืบว่าบุษบาบัณมีชู้ให้พี่น้องฟัง อุรวสาเบิกตาโต ไม่อยากเชื่อ ส่วนอินทุอรเฉยๆ
“พี่รู้ อาบุษชอบบริหารเสน่ห์ ทำเฟิร์สกับผู้ชายไปทั่ว แต่ไม่คิดว่า จะถึงขนาดเล่นชู้”
“ถ้าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับหนูอิน อันไม่เอาความลับลูกค้ามาเปิดเผยหรอกค่ะ หนูอินไม่ตกใจเลยเหรอ”
“อินรู้อยู่แล้วค่ะ”
“อ้าว แล้วทำไมหนูอินไม่เล่าให้พวกพี่ฟัง” อันตราแปลกใจ
“อินไม่อยากให้อาสิตต้องอับอายคนอื่นอีก”
“เข้าใจแล้ว ทำไมอาสิตถึงชอบหนูอิน ก็ผู้หญิงสองคน เปรียบเทียบกันแล้วอย่างกับ ฟ้ากับเหวนรก”
อุรวสาถามอินทุอรจริงจัง
“ถ้าอาสิตหย่าขาดกับอาบุษแล้ว หนูอินจะเปิดโอกาสให้อาสิตมั้ย”
“อินไม่ได้คิดเรื่องนี้เลยค่ะคุณวสา สามีภรรยาเขาจะรัก หรือจะเลิกกัน คนนอกไม่ควรไปยุ่ง”
“คิดอย่างนี้ก็ดีแล้ว อาสิตกับอาบุษเขาจะจบชีวิตคู่ ก็ให้เป็นการตัดสินใจของเขาสองคน เราไม่เกี่ยว”
อุรวสากับอันตรามองชื่นชมอินทุอร ที่น้องสาวคนเล็กมีคุณธรรม ไม่ยุ่งกับสามีชาวบ้าน
หลังจากคุยกับพี่สาวทั้งสองแล้ว อินทุอรเข้ามาในห้อง พูดกับของในกล่องแห่งความลับของเธอ
“หนักแน่นไว้อินทุอร ยึดมั่นคุณธรรมในใจเธอไว้”
สีหน้าแววตาอินทุอรมั่นคงในสิ่งที่เธอยึดมั่น นั่นก็คือคุณธรรมความดี เธอจะไม่ยอมให้ตัวเองแปดเปื้อนในเรื่องไร้ศีลธรรมเด็ดขาด

วันรุ่งขึ้น อันตรามาสืบเรื่องบุษบาบัณกับชายชู้ เธอซุ่มอยู่ในรถยนต์ที่จอดอยู่หน้าบ้านบุษบาบัณ ซุ่มรอตั้งแต่เช้า รอจนหาวแล้วหาวอีก ทันใดนั้น เริ่มมีความเคลื่อนไหว บุษบาบัณขับรถออกจากบ้าน อันตรารีบบันทึกเสียง
“11 นาฬิกา 13 นาที เป้าหมายออกจากบ้าน เดินทางคนเดียว”
อันตราขับรถตามบุษบาบัณไป

บุษบาบัณขับรถมาจอดริมถนน หน้าร้านแสงฉาน รถอันตราแล่นตามมา เห็นร้านแสงฉาน
“ชู้อาบุษคือพี่แสง”
อันตราจอดรถซุ่มดู เห็นบุษบาบัณในชุดรัดรูปโชว์หุ่นเซ็กซี่ดูดีมีสไตล์ ลงจากรถ กำลังจะเดินเข้าร้านแสงฉาน เธอใจคอไม่ดี กลัวพี่เขยสวมเขาให้พี่สาวตัวเอง
ภายในร้าน แสงฉานกำลังต่อว่าช่างทางโทรศัพท์
“ถ้าวันนี้คุณไม่มา ผมจะติดต่อช่างคนอื่น”
แสงฉานวางสาย บุษบาบัณเดินเข้ามา ยิ้มหวานพราวเสน่ห์ให้แสงฉานเป็นการทักทาย แล้วมองกระจกร้านที่แตก
“แตกได้ยังไงคะ”
“คนตีกันในร้านน่ะครับ”
แสงฉานเครียด เพราะตั้งแต่ทำร้าน เจอปัญหาสารพัด บุษบาบัณเข้ามาใกล้ชายหนุ่ม เอามือนิ่ม ๆ แตะแขนแสงฉาน เป็นเชิงปลอบใจ และยั่วอยู่ในที แสงฉานนิ่งไป มองว่าผู้หญิงคนนี้ถึงเนื้อถึงตัวเหลือเกิน
“เป็นเชฟ ห้ามเครียดค่ะ เครียดแล้วทำอาหารไม่อร่อย”
อันตราอยู่ในรถ ส่องกล้องเห็นบุษบาบัณแตะแขนแสงฉาน คิดว่ามีเรื่องไม่ชอบมาพากลแน่
แสงฉานเลี่ยงออกห่างจากการหว่านเสน่ห์ของบุษบาบัณ หนีไปรินน้ำมาให้
“ครัวปิด แต่ยังมีน้ำดื่มบริการครับ”
“บุษรู้จักร้านอาหารฝรั่งแถวนี้ ไปทานกันนะคะ การทานอาหาร ช่วยบรรเทา
ความเครียดค่ะ”
“ต้องขอโทษด้วย ผมทานข้าวมาจากบ้านแล้ว”
“ไปนั่งทานน้ำก็ได้ บุษอยู่เมืองนอกมาหลายปี ชิมอาหารฝรั่งระดับ 5 ดาวมาเยอะ เราจะได้แลกเปลี่ยนทัศนะเกี่ยวกับอาหารฝรั่งกัน”

“ผมนัดภรรยาไว้ เดี๋ยววสามา”

บุษบาบัณตาวาว รู้ทันแสงฉาน ว่าเอาภรรยามาอ้าง ไม่อยากไปด้วย เธอทำเป็นเชื่อ เพราะการจับผิดผู้ชาย จะทำให้ผู้ชายเคืองเปล่า ๆ ซึ่งไม่เป็นผลดีกับตัวเอง
 
“เอาไว้คราวหน้าก็ได้ค่ะ ฝาก Say Hello วสาด้วยนะคะ บายค่ะคุณแสง”
บุษบาบัณยิ้มหวานหยดให้แสงฉาน แต่พอหันหลังให้ก็เลิกปั้นหน้า เธอเซ็งแสงฉาน ที่รักภรรยาเสียเหลือเกิน คิดว่าสักวันจะทำให้ลืมภรรยาไปเลย

อันตราเห็นบุษบาบัณเดินหน้าหงิกมาขึ้นรถ ก็รู้ว่าแสงฉานไม่เล่นด้วย เธอยิ้มพอใจ
“ต้องให้รางวัลพี่เขยยอดเยี่ยมแห่งปี”
บุษบาบัณขับรถไปที่อื่นต่อ อันตราตาม ระหว่างนั้น รถของอัษฎาแล่นสวนมา สมศักดิ์เป็นคนขับ จอดรถที่หน้าร้านแสงฉาน
แสงฉานกำลังยกเก็บเก้าอี้ อัษฎากับสมศักดิ์เข้ามา เขาไหว้พ่อตากับเพื่อนพ่อตาอัษฎามองโต๊ะเก้าอี้ที่ถูกเก็บ
“อุตส่าห์มา ดันไม่ขายอีก”
“เอาไงดีอัษ หิวจนไส้บิดเป็นเกลียวแล้วเนี่ย”
“แถวปากซอยมีร้านอาหารครับ ยังไม่เที่ยง คนยังไม่เยอะ” แสงฉานแนะ
“ไอ้ร้านนั้นฉันเคยไปกินมาแล้ว ไม่ได้เรื่อง”
“ไปร้านประจำของเราแล้วกันอัษ”
อัษฎาหันมาบอกกับแสงฉาน
“ขับรถให้ด้วย ไถ่โทษที่ทำให้ฉันหิ้วท้องมาเก้อ”
“ผมรอช่างมาซ่อมกระจกอยู่ครับ”
อัษฎาจ้องดุแสงฉาน ที่กล้าขัดคำสั่งพ่อตา แสงฉานยิ้มแห้ง กลัวสายตาอำมหิตของอัษฎา

แสงฉานรับหน้าที่คนขับ อัษฎากับสมศักดิ์นั่งเอกเขนกสบายอยู่เบาะหลัง
“นั่นป้ายชื่อร้าน ขับตามป้ายไป”
แสงฉานมองป้ายบอกทางไปร้าน
“มีป้ายบอกแบบนี้หาทางไปง่ายดีนะครับ”
“ก็รู้นี่ ทีกับร้านตัวเองไม่ทำ”
แสงฉานจ๋อย รู้ว่าพ่อตาด่ากระทบ อัษฎากับสมศักดิ์หันมายิ้มให้กัน ทั้งสองคนไม่ได้ให้แสงฉานมาเป็นคนขับรถให้ ที่พามาก็เพื่อให้แสงฉานเห็นตัวอย่างร้านอาหารที่ประสบความสำเร็จ เป็นการสอนแสงฉานทางตรง

แสงฉานเอารถเข้าจอด พนักงานมารับรถ ที่จอดรถร้านอาหารกว้างขวาง เข้าออก จอดง่าย
“ที่จอดรถสะดวกดีนะครับ”
“ก็รู้นี่ ทีกับร้านตัวเองไม่ทำ”
แสงฉานหน้าเจื่อน โดนด่าอีกแล้ว
“เฮ้ย อัษ อย่าว่าแสงดิวะ แสงอุตส่าห์ขับรถมาให้”
อัษฎาทำฟอร์มหน้าดุ เดินนำเข้าร้าน สมศักดิ์พยักหน้าให้กำลังใจแสงฉาน แสงฉานยิ้มแห้งโดนพ่อตาด่าไป 2 รอบแล้ว
ภายในร้าน ลูกค้าเกือบเต็มร้าน เป็นร้านอาหารหรู ลูกค้าทุกโต๊ะจึงแต่งตัวดี ดูมีฐานะ ที่โต๊ะแสงฉาน ทั้ง 3 คนกำลังอ่านเมนู
“เมนูเยอะดีนะครับ มีทั้งอาหารฝรั่ง ไทย จีน”
อัษฎาอ้าปากจะด่าลอย ๆ อีกรอบ แต่แสงฉานชิงด่าตัวเองก่อน
“ก็รู้นี่ ทำไมผมไม่ทำน้า”
อัษฎาอมยิ้ม ที่แสงฉานรู้ตัว ต่อว่าตัวเอง แสงฉานเริ่มสั่งอาหาร
“เป็ดอบไวน์แดงครับ”
“ของผมเอา ปลาช่อนอบสมุนไพร” อัษฎาสั่ง
“เป็ดย่างจานใหญ่ เอาข้าวเปล่ามาโถหนึ่งเลยน้อง” สมศักดิ์สั่ง
“ครับ”
บริกรเดินออกไป แสงฉานชวนคุย
“สั่งอาหารนานาชาติกันเลยนะครับ 3 อย่าง 3 ชาติ”
“ลิ้นใครก็ลิ้นมัน ลองคิดดู ถ้ามากันเป็นกลุ่ม คนหนึ่งชอบอาหารไทยไม่ชอบอาหารฝรั่ง อีกคนชอบอาหารจีน ไม่อยากกินอาหารไทย ก็นั่งกินร้านนี้ได้ ลูกค้าถึงเยอะไง การขายอาหารอยู่ประเภทเดียว เป็นการทำธุรกิจอยู่บนความเสี่ยงสูง”
แสงฉานตั้งใจฟังที่อัษฎาพูด เห็นว่าน่าสนใจ
“อย่างธุรกิจพ่อตาเราน่ะ ไม่ได้รับเฉพาะงานร้อยล้าน ล้านสองล้านเราก็ทำ รับสร้างบ้าน หอพักอพาร์ทเม้นท์” สมศักดิ์อธิบาย
“การทำธุรกิจน่ะ ต้องหาช่องทางไว้หลาย ๆ ประตู ประตูบานนี้ปิดเราก็ออกอีกบานได้ เช่น ลูกค้าคนรวยขาดกำลังซื้อ เรายังมีลูกค้าชนชั้นกลางรองรับ”
แสงฉานยิ้ม เริ่มเข้าใจว่าพ่อตาเรียกมาสอนการทำธุรกิจ
“แต่ผมมีทุนไม่เยอะ ร้านขนาดนี้ ลงทุนหลายสิบล้าน”
“มีสักกี่คนบนโลกที่ทำธุรกิจโดยไม่กู้ธนาคาร เราต้องกู้แบบพอเพียง ถ้าคิดว่าจะขายได้แสนบาทต่อเดือน แต่กู้ร้อยล้านบาท นั่นเรียกว่ากู้เงินเกินตัว”
“ทำธุรกิจทุกประเภทมีความเสี่ยง เราต้องรอบคอบให้มาก เสี่ยงให้น้อยที่สุด” สมศักดิ์ช่วนสอนด้วย
“แต่คนที่ไม่ยอมเสี่ยงเลย คือคนที่กลัวความก้าวหน้า” อัษฎาย้ำบอก
“ขอบคุณมากนะครับที่สอนผม”
“เฮ้ย ใครว่าฉันสอน ฉันด่าต่างหาก ทำร้านอาหารไม่ดูทำเลให้ดี ขายอาหารก็ไม่หลากหลาย ลูกค้าถึงแทบไม่มี ใช่มั้ยวะศักดิ์”
“ตามนั้นเพื่อน”
อัษฎากับสมศักดิ์พยักเพยิด เออออตามกัน เมื่ออัษฎาทำฟอร์ม ไม่รับคำขอบคุณ
 
แสงฉานจึงใช้สายตาและรอยยิ้ม ขอบคุณแทน เขารู้สึกดีกับพ่อตามากกว่าแต่ก่อน อัษฎาไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำ เป็นผู้ใหญ่ที่มีเมตตาด้วยซ้ำ

อัษฎากับสมศักดิ์กลับมาที่บริษัทหลังจากกินข้าวกับแสงฉาน แผนการสอนแสงฉานทำธุรกิจสำเร็จด้วยดี แต่สมศักดิ์ยังสงสัยอยู่
 
“บอกฉันได้รึยัง ทำไมแกถึงอยากช่วยแสงฉาน”
“หมอนั่นแต่งงานกับลูกสาวฉัน ต้องช่วยส่งเสริม”
“ตอนแกรู้ว่าคุณวสาแอบแต่งงานกับแสงฉาน แกโกรธแทบเป็นแทบตาย ต้องมีเหตุผลอื่นที่ทำให้แกเปลี่ยนใจ”
“เดี๋ยวมีประชุมผู้ถือหุ้น แกไปคุยกับฝ่ายการเงินให้เตรียมเอกสารให้พร้อม”
“เออ ไม่ยอมบอก ไม่ถามก็ได้วะ”
สมศักดิ์เซ็ง เดินออกไป พออยู่คนเดียว อัษฎาก็ไม่เก็บอาการปวดหลัง เขาเอื้อมมือแตะบริเวณที่ปวด นึกถึงตอนที่หมอบอกว่าเนื้องอกที่ต่อมหมวกไตนั้นโตขึ้นอีก อัษฎาวิตกกังวล หากเนื้อที่ว่าเป็นเนื้อร้าย เขาต้องตาย นี่คือเหตุผลที่เขาช่วยแสงฉาน
“ถ้าฉันเป็นอะไร เธอต้องดูแลคุณวสาให้ดีนะแสง”
อัษฎาซึม เพราะชีวิตนี้ไม่แน่นอนเสียแล้ว

แสงฉานนอนครุ่นคิดถึงคำสอนของอัษฎา เกี่ยวกับการทำธุรกิจร้านอาหาร อุรวสาเดินเข้าห้องมา
“ช่างมาติดกระจกเหรอยังคะแสง”
“ยังจ้ะ”
อุรวสาเห็นสามีหน้าเคร่งเครียด จึงไม่ซักถามให้หงุดหงิด เธอเข้านอนก่อน แสงฉานยังคิดเคร่งเครียด เขาควรปรับเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ หากต้องการให้ร้านอาหารประสบความสำเร็จ

ที่ห้องพักศศิพิมล ในโรงพยาบาล เวศม์ต่อยปากพงษ์ชัย พงษ์ชัยเอาคืนไปทีหนึ่ง ทั้งสองกระเจิงกันไปคนละทาง อำพลเข้ามาขวาง
“พอเถอะครับ พอได้แล้ว”
“อะไรกัน แค่ถามว่าเป็นชู้กับเมียผมรึเปล่า ร้อนตัวขนาดนี้ แสดงว่าเป็นชัวร์”
เวศม์ยัวะ จะต่อยปากพงษ์ชัยอีกที
“เวสม์ พอได้แล้ว” อำพลห้าม
พงษ์ชัยจะกลับ ไม่วายปากเสียส่งท้าย หันมาพูดกับศศิพิมล
“ถ้าอยากตาย อย่ากินยา ลำบากให้หมอต้องล้างท้องเปล่าๆ กระโดดตึกเลยชัวร์กว่า ได้ตายแน่นอน”
“พูดอย่างนี้กับเมียตัวเองได้ยังไงวะ” เวศม์ไม่พอใจ
“ผมฝากดูแลเมียของเราด้วยล่ะ คุณเวศม์”
พงษ์ชัยหัวเราะหึๆ แล้วเดินออกไป
“เลวจริง ๆ อย่าเอาคำพูดคนเลวมาคิดมากนะครับพี่ศิ”
“เวศม์อย่าทิ้งพี่ไปนะ ที่พี่ยังอยากมีชีวิตอยู่ ก็เพราะเวศม์”
ศศิพิมลบีบน้ำตา ร้องไห้สะอึกสะอื้นให้เวศม์สงสาร
“วันนี้เวศม์อยู่กับพี่นะ”
“แต่ว่า”
“ถ้าต้องอยู่คนเดียว พี่อาจคิดมาก กระโดดตึกตายก็ได้”
เวศม์ถอนหายใจเฮือก
“งั้นคืนนี้ผมนอนเฝ้าพี่ก็ได้ครับ”
อำพลส่ายหน้า ว่าเวศม์เจอศศิพิมลขู่จะฆ่าตัวตายถึงกับทำอะไรไม่ถูก เวศม์แตะตัวศศิพิมล ศศิพิมลจับมือเขามาจูบอย่างรักใคร่ ชีวิตนี้ขาดเวศม์ไม่ได้

อันตราซุ่มดูบุษบาบัณกินข้าวในร้านอาหารหรู บุษบาบัณกินคนเดียวไม่ได้นัดเจอชู้รัก อันตราตามบุษบาบัณไปทุกที่ทั้งในร้านเสื้อผ้า ร้านเสริมความงาม จนบุษบาบัณขับรถกลับบ้าน สรุปว่าวันนี้บุษบาบัณอยู่ที่ห้างทั้งวัน ไม่ได้นัดเจอผู้ชายคนไหน

คืนนั้น ภิสิตกำลังฟังเพลง หยาดเพชร พลางปล่อยใจคิดถึงอินทุอร นึกถึงวันที่เจอ
อินทุอรในงานวันเกิดอัษฎา แววตาภิสิตเจือด้วยความชื่นชมความงามของอินทุอรแบบชายหนุ่มมองหญิงสาว ทันใดนั้นอันตราโทรศัพท์มา ภิสิตรีบกดปิดเพลง อันตราโทรมารายงานเรื่องบุษบาบัณ
“ได้รูปมามั้ยเจ้าอัน”
อันตรายืนคุยกับภิสิตอยู่ข้างรถ
“วันนี้อาบุษไม่ได้เจอผู้ชายคนไหนเลยค่ะ ไปชอปปิ้ง ทำสวยทั้งวัน”
“เราตามให้อาต่อแล้วกัน”
“อาสิตพอรู้มั้ยคะว่า อืม ผู้ชายของอาบุษเป็นใคร อันจะได้มีแนวทางการสืบ”
“เดี๋ยวนี้อาไม่รู้เรื่องส่วนตัวของบุษ เราแยกบ้านกันอยู่แล้ว”
“งั้นได้เรื่องยังไงอันจะโทรไปรายงานนะคะ”
“ขอบใจมาก”

ภิสิตผิดหวัง ไม่ได้หลักฐานมาแนบหนังสือฟ้องหย่า เขาแก้ความผิดหวังด้วยการฟังเพลงหยาดเพชรต่อ ให้อารมณ์ดีขึ้น

บริเวณที่จอดรถฟิตเนส อันตราวางสายจากภิสิต เดินมาอีกนิด ก็เห็นเวศม์ยืนส่งยิ้มให้ เธอเผลอยิ้มตอบ ดีใจที่เวศม์มาเสียที หายไปตั้งหลายวัน
 
“อ๊ะๆ ยิ้มเป็นด้วยเว้ย เวลายิ้มน่ารัก แต่ชอบทำหน้ายักษ์”
อันตราหุบยิ้ม ตีหน้ายักษ์ใส่เสียเลย
“นายเพิ่งมาถึงหรือจะกลับแล้วเนี่ย”
“มารอนานแล้ว ไปกินข้าวกันนะ จะได้คุยกันนาน ๆ”
“คุยกับนาย คำสองคำก็หรูแล้ว หวัดดี ไปนะ ลาก่อน แค่นี้แหละ”
“เฮ้ยๆๆ อย่าเพิ่งลาสิ ผมไม่รู้จะมาได้อีกวันไหน เอ่อ ผมต้องไปเฝ้า พี่สาว พี่สาวผมเข้าโรงพยาบาล”
“เป็นน้องที่ดีเหมือนกันนะเนี่ย นอนเฝ้าพี่ อ่ะๆ เห็นแก่ความดีของนาย ฉันไปกินข้าวด้วยก็ได้ แต่มีข้อแม้ ต้องไปรถฉัน”
อันตราชี้ไปที่มอเตอร์ไซค์คันใหญ่ของเธอ

อันตราซิ่งมอเตอร์ไซค์อย่างฉวัดเฉวียน เวศม์เงอะงะทำอะไรไม่ถูก หญิงสาวหัวเราะชอบใจ บิดเร่งเครื่องเพิ่มความเร็วเข้าไปอีก เวศม์ชักหวาดเสียว
อันตรามาจอดรถ เบรกเสียงดังหน้าร้านข้าวต้ม คนในร้านหันมามอง เวศม์ลงจากมอเตอร์ไซค์ ถอดหมวกกันน็อคออก หน้าเสียเล็กน้อย เพราะอันตราซิ่งหวาดเสียว
“ผมไม่ใช่สก๊อยของคุณนะ แว้นซะ”
อันตราถอดหมวกกันน็อคหัวเราะร่า แกล้งเวศม์แล้วสะใจดี
ทั้งสองกินข้าวต้มอย่างเอร็ดอร่อย นิสัยเหมือนกัน ไม่เน้นมารยาทบนโต๊ะอาหาร เจออาหารอร่อยถูกปาก กินไม่ยั้ง
“หายไปไหนมาตั้งหลายวัน”
“ฮั่นแน่ คิดถึงผมสิ”
อันตราทำตาเขียวปั้ดใส่
“การออกกำลังกายต้องออกอาทิตย์ละ 3 - 4 วัน นายไม่ควรมาวันเว้นไป 3 วัน”
“อ๊ะ หาข้ออ้าง”
อันตราจ้องเวศม์เขม็ง เวศม์หัวเราะ เลิกพูดเล่น
“งานยุ่งน่ะครับ ต้องไปเฝ้าพี่สาวที่โรงพยาบาลด้วย”
“พี่สาวนายเป็นอะไร”
“ไม่สบายครับ”
เวศม์ไม่อยากโกหกให้มากไปกว่านี้ จึงเปลี่ยนเรื่องคุย
“ตอนนี้คุณสืบเรื่องอะไรอยู่ครับ”
“เรื่องชู้สาวเหมือนเดิมแหละ นายมีพี่สาวด้วยเหรอ ตอนฉันไปซุ่มดูนายที่บ้าน เห็นนายอยู่คนเดียว”
“พี่สาวผมอยู่อีกบ้าน”
“ชื่ออะไร”
“ช่างซักเป็นเด็กเลยคุณ ขามาคุณขี่แล้ว ขากลับให้ผมขี่นะ”
“ฝันไปเถอะว่าฉันจะให้นายแตะรถของรักของหวง”
“ผมซ้อนก็ได้ แต่ขากลับ ต้องกอดเอวคนขี่ให้แน่น ขามาซิ่งเกิ๊น”
“ห้ามแตะอั๋งฉัน”
“ผมให้คุณเลือก Choice ที่ 1 ให้ผมขี่ Choice ที่ 2 ให้ผมแต๊ะอั๋ง”
เวศม์ยิ้มทะเล้น อันตราเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน แต่ละตัวเลือกเป็นการบังคับกันชัด ๆ
คืนนั้น เวศม์ขี่มอเตอร์ไซค์ ให้อันตราซ้อน อันตรากอดเอวเขาไว้หลวม ๆ

ตอนเช้า อัษฎากำลังจะไปทำงาน คนรับใช้ถือกระเป๋าทำงานตามไปส่งที่รถ อินทุอรกับบราลีรออัษฎาอยู่ อินทุอรในชุดสาวออฟฟิศยิ้มหวานให้พ่อ เดินคลอไปด้วย
“หนูอินจะไปไหน”
“ก็ไปทำงานกับคุณพ่อไงคะ”
อัษฎามองลูกสาวเต็มตา
“ไม่อยากทำก็ไม่ต้องฝืนหรอกลูก”
“อินอยากทำค่ะ อินอยากเป็นเลขาคุณพ่อ จะได้อยู่ใกล้ ๆ คุณพ่อ”
“หนูอินอยากทำให้พ่อชื่นใจ ก็อยู่บ้าน ทำกับข้าวไว้รอรับพ่อเย็นนี้”
อัษฎารักลูกสาวคนเล็กเหลือเกิน อินทุอรเป็นแก้วตาดวงใจขอเขา หากเขาตายไป ก็กอดลูกสาวไม่ได้ อัษฎาดึงอินทุอรมากอด จูบผมลูก
“นางฟ้าตัวน้อยของพ่อ”
อัษฎาปล่อยลูกสาวออกจากวงแขน มองอย่างสุดรักสุดเอ็นดู
“พ่อจะรอกินกับข้าวฝีมือหนูอินนะจ๊ะ”
อัษฎาออกไปขึ้นรถ อินทุอรมองตามพ่อ อัษฎาหันมายิ้มให้ลูกสาว การกระทำของพ่อ บ่งบอกชัด พ่อหายโกรธเธอแล้ว อินทุอรยิ้มร่า ดีใจมาก หันมาหาแม่ บราลีดีใจแทนลูก
“คุณพ่อหายโกรธหนูอินแล้วลูก”
อินทุอรยิ้มไม่หุบ หน้าตาเบิกบาน ความสุขกลับคืนมาในชีวิต

อินทุอรยืนหน้าระบายยิ้มอยู่ในครัว หมักเนื้อในชาม คนใช้เป็นลูกมือ พอหมักเนื้อเสร็จก็ส่งชามเนื้อให้คนรับใช้นำไปเข้าตู้เย็น แล้วเธอก็หันไปตักน้ำใส่หม้อ เพื่อทำน้ำซุป
“เพิ่งบ่ายโมง กว่าคุณพ่อจะกลับก็เย็น เดี๋ยวค่อยทำก็ได้” บราลีท้วง
อินทุอรพูดไปยิ้มไป กำลังมีความสุขที่พ่อหายโกรธแล้ว
“อินต้องเตรียมเครื่องให้พร้อมค่ะคุณแม่ คุณพ่อกลับบ้านปุ๊บ อาหารได้พร้อมเสิร์ฟ”
บราลียิ้มเอ็นดูลูกสาว ที่กุลีกุจอทำเพื่อพ่ออย่างมาก คนรับใช้เดินเข้ามา
“มีแขกมาขอพบคุณบราลีค่ะ”
“ใครจ๊ะ”
“ไม่ได้บอกชื่อค่ะ”

บราลีเดินออกไป อินทุอรไม่ได้ใส่ใจว่าแขกของแม่เป็นใคร เธอกำลังง่วนกับการทำน้ำซุป

สามใบไม่เถา ตอนที่ 7 (ต่อ)

อินทุอรเตรียมของในครัวเสร็จแล้ว เดินหาแม่ไม่เจอ เห็นคนรับใช้กำลังทำความสะอาดบ้าน
 
“คุณแม่ล่ะ”
“อยู่ในห้องเขียนรูปค่ะ”
“แขกคุณแม่ยังอยู่มั้ยจ๊ะ”
“อยู่ค่ะ”
“เพื่อนคุณแม่ต้องมาขอรูปไปประมูลอีกแน่เลย”
อินทุอรเดินยิ้มไปทางห้องเขียนรูป พอถึงหน้าห้องก็ได้ยินเสียงคุ้นๆ
“ตายจริง สีเลอะเลยค่ะ”
อินทุอรคุ้นเสียงนี้มาก เหมือนเสียงบุษบาบัณ แต่เห็นว่าบุษบาบัณไม่เคยมาห้องเขียนรูปของแม่ เธอเดินช้า ๆ ด้วยอาการระแวง ว่าใครอยู่ในห้องกับแม่ ประตูเปิดแง้มไว้เล็กน้อย พอให้อินทุอรมองเข้าไปในห้อง คนที่เขียนรูปอยู่กับแม่คือบุษบาบัณจริงๆ บราลีกำลังสอนบุษบาบัณเขียนรูปดอกไม้ในแจกัน
“ตรงก้าน ต้องใช้พู่กันเบอร์เล็กค่ะ”

อินทุอรเห็นว่าแขกของแม่เป็นใคร ก็ยืนนิ่งเป็นหุ่นอยู่หน้าห้อง ไม่กล้าเข้าไป บุษบาบัณมากลั่นแกล้งเธอถึงบ้าน อันตราสะกิดหลังอินทุอร เธอสะดุ้ง พูดเสียงเบา
“พี่อัน ตกใจหมดเลย”
“พี่สะกดรอยอาบุษมา”
“เขามาแกล้งอิน”
“แกล้งหนูอิน ยังไง”
“ตั้งแต่งานประมูลภาพเขียนแล้ว ทำเหมือนจะบอกคุณพ่อคุณแม่เรื่องอินกับอาสิต พูดลอยๆ กระทบอินตั้งหลายครั้ง ทำอินจิตตกเลยค่ะ”
อันตราเจ็บร้อนแทนน้อง
“พี่จะไปลากอาบุษออกมา”
“อย่าค่ะพี่อัน ถ้าคุณแม่รู้ ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ ยังไม่นับคุณพ่ออีก”
“แล้วหนูอินจะยอมให้อาบุษไซโคไปเรื่อย ๆ อย่างนี้เหรอ”
“อินทำอะไรไม่ได้นี่คะ ยังไงอินก็เป็นฝ่ายเสียหาย ต้องโดนมองว่าเป็นมือที่สาม”
อันตรากับอินทุอรแอบมองบุษบาบัณคุยกับแม่ เพราะความรักน้อง อันตราพลอยรู้สึกเหมือนถูกบุษบาบัณทำร้ายไปด้วย

ภิสิตนั่งอยู่ในห้องทำงานที่กระทรวง กำลังร่างคำแถลงภาษาอังกฤษ ระหว่างนั้น บุษบาบัณโทรมาหา
“ผมกำลังร่างคำแถลงให้ยูเอ็น เดี๋ยวผมโทรกลับ”
บุษบาบัณหน้าตาเบิกบาน โทรศัพท์คุยกับภิสิต อันตรากับอินทุอรไม่เบิกบานด้วย
“บุษคุยแป๊บเดียวค่ะ คุณบราลีชวนเรามาทานข้าวเย็นที่บ้านวันนี้ สิตมาถึงสัก 5 โมงครึ่งนะคะ ระหว่างรอ บุษจะคุยกับคุณบราลีไปพลางๆ ก่อน”
ภิสิตตกใจ
“นี่คุณอยู่บ้านพี่อัษเหรอ”
“ค่ะ อีกเดี๋ยวคุณอัษฎาก็กลับแล้ว สิตไม่ต้องรีบนะคะ บุษมีเรื่องคุยกับพี่อัษของคุณเยอะเลย”
บุษบาบัณวางสาย ยิ้มระรื่นกับบราลี
ภิสิตวางสายจากบุษบาบัณก็รีบเก็บข้าวของ ต้องไปบ้านอัษฎาโดยด่วน กลัวว่าบุษบาบัณจะแฉว่าเขาแอบชอบอินทุอรอยู่ เลขาฯนำเอกสารเข้ามาให้พอดี
“ท่านมีประชุมกับเจ้าหน้าที่ ยูเอ็น บ่าย 3 นะคะ”
ภิสิตรีบร้อนจนลืมว่าเขามีประชุมที่สำคัญมาก จึงไม่สามารถไปบ้านอัษฎาได้แล้ว เขาเครียดมาก

แสงฉานพาอุรวสามาร้านของเขา เพื่อจะบอกเรื่องสำคัญ เขาเอาป้ายที่ถือซ่อนอยู่ข้างหลัง มาแขวนประตูร้าน คือป้ายปิดกิจการ อุรวสายิ้มดีใจ ที่ปิดร้านนี้เสียที แต่พอนึกได้ว่าไม่ควรซ้ำเติมสามี จึงหุบยิ้ม
“พ่อวสาพูดถูก ถ้าผมอยากประสบความสำเร็จต้องทำตามที่ท่านสอน ผมจะหาร้าน
ใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม ทำเลร้านต้องดี เข้าออกสะดวก อาหารต้องหลากหลาย”
“แสง คุณพ่อวสาน่ะเหรอคะ ที่สอนคุณ”
“ที่รัก คุณไม่รู้เหรอว่าพ่อคุณใจดีมากแค่ไหน”
“รู้ค่ะ แต่กับแสง คุณพ่อไม่ใจดีด้วยหรอก”
แสงฉานยิ้มๆ ไม่พูดอะไรต่อ เดินไปเก็บของสำคัญภายในร้าน อุรวสามองและคิดตามงงๆ ว่าทำไมจู่ ๆ อัษฎาจึงมาดีกับแสงฉาน

ที่บ้านอัษฎา ครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้า รวมทั้งแสงฉาน บุษบาบัณเป็นคนนอก แต่ก็นั่งกลมกลืนไปกับครอบครัวใหญ่นี้ด้วย แสงฉานเล่าแผนการธุรกิจให้ครอบครัวภรรยาฟัง
“ถ้าเจอร้านทำเลดี ผมจะเอาที่ดินมรดกมาค้ำประกันเงินกู้ เอาเงินมาลงทุนทำร้านครับ”
“พล่ามซะยาวเหยียด ใครอยากรู้”
“คุณอัษก็ แสงเขาเล่าแผนการในอนาคตให้ฟัง” บราลีปราม
“แล้วผมอยากรู้มั้ยล่ะ”
อุรวสากระซิบแสงฉาน
“วสาบอกแล้ว คุณพ่อไม่ใจดีกับแสงหรอก”
“ฟอร์มน่ะ”
ภิสิตมาถึง รีบร้อนมาก กลัวบุษบาบัณจะพูดเรื่องของเขา
“ขอโทษครับ ผมติดประชุมสำคัญ”
บุษบาบัณลอบยิ้ม สาแก่ใจ ทำภิสิตหน้าตาตื่นได้
“รอสิตอยู่คนเดียวนี่แหละ หนูอินไปให้เขาตั้งโต๊ะได้เลย”
“ค่ะคุณพ่อ”
“เข้าไปคุยกันในบ้าน”
ทั้งหมดยกโขยงเข้าบ้าน อันตราดึงแขนอุรวสาไว้ แสงฉานหันมา ว่าทำไมสองสาวไม่ตามมา อันตราโบกมือไล่แสงฉานให้เข้าบ้านไปก่อน แล้วหันมาฟ้องอุรวสา
“อาบุษมาตีสนิทคุณแม่ เพราะต้องการแกล้งไซโคหนูอิน ถ้าเขาบอกคุณพ่อคุณแม่ หนูอินจะทำยังไงคะคุณวสา”
“เขาไม่บอกหรอก เพราะถ้าคุณพ่อคุณแม่รู้ เขาก็เล่นสงครามประสาทกับอาสิตต่อไปไม่ได้”
“ฉลาดสุดในปฐพี คุณพี่วสาของน้อง”
“ใครรังแกน้องสาวพี่ พี่จะเอาคืนเป็นสิบเท่า”

อันตราพยักหน้า อยากเอาคืนบุษบาบัณด้วยที่มาแกล้งอินทุอร

อัษฎานั่งหัวโต๊ะอาหาร สาวสามพี่น้อง และแสงฉานนั่งฝั่งหนึ่ง บราลี บุษบาบัณ ภิสิตนั่งอีกฝั่ง ภิสิตกับอินทุอรกินข้าวไม่ค่อยลง ระแวงบุษบาบัณจะแฉกลางโต๊ะอาหาร บุษบาบัณเริ่มทำสงครามประสาทอีก
 
“สิตชมให้อาฟังประจำว่าหนูอินทำกับข้าวอร่อย สอนอาบ้างสิ อาจะได้มีเสน่ห์ปลายจวัก มัดใจอาสิตอย่างหนูอิน”
“ค่ะ” อินทุอรเสียงแผ่ว
อุรวสาโกรธ เริ่มแผนปฎิบัติการเอาคืนบุษบาบัณ
“อาบุษขา ยุคนี้ เสน่ห์ปลายจวักไม่สำคัญแล้วล่ะค่ะ วสาทำกับข้าวไม่เป็นสักอย่าง แสงยังรักเลย วสาคิดว่า สิ่งสำคัญของชีวิตคู่ คือ ความซื่อสัตย์”
บุษบาบัณชะงัก แต่ไม่แน่ใจว่าอุรวสาเหน็บแนมเธอหรือไม่
“วสามีเรื่องเด็ดเล่าให้ฟังค่ะ ลูกค้าวสาคนหนึ่ง เป็นข้าราชการอยู่กระทรวง เอ๊ะ กระทรวงอะไรนะเจ้าอัน”
“ต่างประเทศ”
อันตราหันมามองภิสิต ภิสิตนิ่งงัน ไม่แน่ใจว่าจะโดนหลานแฉหรือไม่
“วสาขอไม่เอ่ยชื่อนะคะ เพราะเขาเป็นที่รู้จัก เอ่ยชื่อปุ๊บ ทุกคนต้องร้องอ๋อ”
“แล้วยังไงลูก” อัษฎาสนใจ
“เขาจับได้ว่าภรรยา เล่นชู้”
อุรวสาหันมองบุษบาบัณ บุษบาบัณแน่ใจแล้วว่าอุรวสากำลังหลอกด่าเธอ ถึงกับหน้าบึ้ง
“เขาเลยฟ้องหย่าค่ะคุณพ่อ” อันตราเล่าต่อ
“แล้วเรารู้ได้ยังไงเจ้าอัน มันลูกค้าพี่เขา”
อันตราชะงัก พลาดไป อุรวสาต้องรีบออกรับแทน
“วันนั้นเจ้าอันไปหาวสาที่ทำงานพอดี วสาเลยชี้ผู้ชายคนนั้นให้ดูค่ะ”
“ไม่เห็นคุณเล่าให้ผมฟังเลยวสา”
“บางเรื่องก็ต้องคุยกับผู้หญิงด้วยกันค่ะแสง”
“ลูกค้าคุณวสาคนนี้ หน้าตาล้อหล่อ ไม่น่าเชื่อว่าโดนเมียสวมเขา”
อันตรามองภิสิต ภิสิตกินไม่ลง อินทุอรจับมืออันตราที่นั่งติดกัน ให้หยุด อย่าพูดเรื่องนี้อีก อันตราหันมายิ้มให้น้องว่าไม่ต้องห่วง
“คุณวสา เราชอบยุ่งเรื่องส่วนตัวของคนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่” บราลีถาม
“วสาไม่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่นหรอกค่ะ ยกเว้น คนอื่นมายุ่งกับวสา กับครอบครัววสา กับน้องวสาก่อน”
อุรวสาจ้องหน้าบุษบาบัณ แล้วเสมองทางอื่น พ่อแม่จะได้ไม่สงสัย
“แล้วข้าราชการคนนั้นมายุ่งกับครอบครัวเราเหรอจ๊ะ” แสงฉานสนใจ
“ก็เขามาเล่าให้วสาฟัง วสาก็เลยเล่าต่อ เจอผู้หญิงไม่ดี ต้องประจานค่ะ”
บุษบาบัณแค้นใจ โดนหลอกด่าเป็นชุด
“สิตคะ บุษปวดหัว เรากลับกันเถอะค่ะ”
ภิสิตอยากกลับอยู่แล้ว
“ผมขออนุญาตพาบุษกลับนะครับ”
“ทานให้อิ่มก่อนสิคะ” บราลีรั้งไว้
“บุษเป็นคนทานน้อยค่ะ บุษลานะคะ”
ภิสิตกับบุษบาบัณรีบร้อนไป จนอัษฎาลุกไปส่งไม่ทัน บุษบาบัณโกรธจนไม่มองหน้า สามสาว อุรวสากับอันตรายิ้มร่า สะใจ
“ยิ้มอะไรลูก”
“สเตตัสวสาตอนนี้ รู้สึกอารมณ์ดีค่ะคุณแม่”
ทุกคนทานข้าวต่อ พ่อกับแม่ และแสงฉานไม่รู้ระแคะระคายถึงสงครามประสาทครั้งนี้

หลังทานข้าวเสร็จ อุรวสากับอันตราหัวเราะคิกคัก สะใจได้ตอกกลับบุษบาบัณ อินทุอรไม่เห็นด้วยกับพี่ ๆ
“อย่าหลอกว่าอาบุษอีกนะคะ เดี๋ยวอาบุษเล่นงานอิน”
“ก็ลองดูสิ คราวหน้าพี่จะไม่หลอกด่า จะด่าตรง ๆ เลย ใครทำพี่ พี่ไม่แคร์ แต่ทำน้องสาวพี่ พี่เอาตาย”
อุรวสาหน้าตาเอาจริงเอาจังมาก อินทุอรรู้สึกถึงพลังแห่งความรักจากพี่สาวคนโต เธอรู้ว่าสามารถฝากชีวิตไว้ที่พี่ได้ อินทุอรล้มตัวนอนหนุนตักอุรวสา อันตราทำบ้าง นอนหนุนตักพี่สาวคนโต
“นี่ ๆ เหน็บกินแล้วต้องลุกนะ”
อันตรากับอินทุอรส่ายหน้า ไม่ลุก จะนอนหนุนตักพี่สาวอยู่อย่างนี้ อยากอ้อนพี่ อุรวสามองเอ็นดูน้องสาวทั้งสองคน ทั้งรัก ทั้งเป็นห่วงน้อง

เมื่อกลับมาบ้าน บุษบาบัณโวยวายด่าภิสิตทันที
“ปล่อยให้พวกมันรุมด่าบุษได้ยังไง บุษเป็นภรรยาคุณนะ”
“ก็คุณไปหาเรื่องน้องสาวเขาก่อน เขาก็เอาคืน”
บุษบาบัณโมโหปรี๊ด ฉวยของใกล้มือขว้างใส่ภิสิต
“ไม่ทันแต่งงานก็เข้าข้างพี่นังหนูอิน ได้เป็นเมียเมื่อไหร่ สิตต้องเป็นพญาเทครัว เอาหมดทั้งสามคน”
“หมดธุระแล้วใช่มั้ย ผมจะกลับบ้าน”
“บุษยังคุยไม่จบ ไอ้หนังสือฟ้องหย่าที่จะส่งมาอีกนะ ถึงมือบุษเมื่อไหร่ บุษฉีกทิ้งเมื่อนั้น บุษไม่หย่า ให้ตายก็ไม่หย่า”
ภิสิตเลิกต่อล้อต่อเถียงกับบุษบาบัณมานานแล้ว เขาหันหลังกลับ
“ไปเลย จะไปไหนก็ไป บุษจะนั่งทับทะเบียนสมรสไว้จนกว่าเราจะตายจากกัน”
บุษบาบัณโกรธมาก

ในโรงพยาบาล ศศิพิมลยืนบนเก้าอี้ ชิดขอบระเบียง ขู่จะกระโดดตึกตาย เวศม์พร่ำขอร้องให้พี่เธอเลิกคิดแบบนั้น
“ลงมาครับพี่ศิ”
“เวศม์ต้องสัญญาก่อน เวศม์จะให้พี่ไปอยู่ที่บ้าน”
“พี่ศิมีบ้านสามีนะครับ”
“พงษ์ชัยไม่ต้องการพี่ ถ้าเวศม์ไม่ต้องการพี่อีกคน พี่ตายดีกว่า”
ศศิพิมลขยับตัว ทำเหมือนจะกระโดดตึก
“อย่าพี่ศิ”
เวศม์รับโทรศัพท์หาอำพล
“ไอ้หมอขึ้นมาห้องพี่ศิเร็ว พี่ศิจะฆ่าตัวตาย”
ศศิพิมลลอบยิ้ม เธอไม่ได้คิดจะกระโดดตึกจริง มุกหลอกจะฆ่าตัวตายใช้ได้ผลดีกับเวศม์เสมอ
อำพลในชุดเสื้อกราวน์ เปิดผัวะออกจากห้องตรวจ โทรคุยกับเวศม์ไปเรื่อยๆ
“แกชวนคุยไปเรื่อย ๆ ฉันจะขึ้นไปเดี๋ยวนี้”

อำพลหันมาสั่งพยาบาลให้แจ้งเรื่องกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลด้วย อำพลรีบร้อนไป อันตราเดินมา มองด้วยความสงสัย แล้วตามไปด้วย

ศศิพิมลยังเล่นเกมขู่จะฆ่าตัวตาย เวศม์เขยิบเข้าไปใกล้หญิงสาวมากขึ้น ตั้งใจว่าเมื่อใกล้พอ จะได้คว้าตัวศศิพิมลลงจากเก้าอี้
 
“ผมอยู่ที่นี่ ไม่ได้ทิ้งพี่ไปไหน”
“พอพี่ออกจากโรงพยาบาล เวศม์ก็ทิ้งพี่”
อำพลเข้ามา อันตราเดินตามมาห่างๆ ศศิพิมลหันมาเห็นเข้าพอดี
“แม่นักสืบคนนี้ใช่มั้ย ที่เป็นต้นเหตุทำให้เวศม์ไม่ยอมคืนดีกับพี่ ก็ได้ ในเมื่อเวศม์ไม่เลือกพี่ พี่ก็ขอเลือกความตาย”
ศศิพิมลทำทีจะก้าวขึ้นยืนบนระเบียง
“อย่านะคะ” อันตราร้องห้าม
“ก็ได้ครับ พี่ศิไปอยู่บ้านผมก็ได้”
“เวศม์ไม่โกหกพี่นะ”
“ผมไม่เคยผิดคำพูด วันนี้พอเช็คเอ้าท์จากโรงพยาบาล เรากลับบ้านด้วยกัน”
เวศม์ก้าวเข้าหาศศิพิมลเรื่อยๆ หลอกล่อชวนคุย
“เราจะอยู่ด้วยกันตลอดเวลา เหมือนสมัยก่อน พี่ศิจำตอนเราเป็นแฟนกันได้มั้ย”
“ตอนนั้น เราสนิทกันมาก เหมือนตัวติดกัน”
ศศิพิมลใจลอย ฝันถึงวันคืนเก่า ๆ เวศม์ฉวยจังหวะที่ศศิพิมลเผลอ พุ่งรวบตัวหญิงสาวมากอดไว้
“เวศม์ห้ามทิ้งพี่นะ ไม่งั้น พี่จะฆ่าตัวตาย”
ศศิพิมลกอดเวศม์แน่น ชีวิตนี้ไม่มีวันปล่อยเวศม์หลุดมือไปอีก อันตรามองภาพนี้อย่างเจ็บปวด เวศม์ยังรักแฟนเก่า ที่เทียวมาจีบเธอ ก็แค่สนุก อันตราค่อย ๆ หันหลัง เดินออกไป เวศม์มองอันตราเดินออกไปอย่างเจ็บปวด อยากตามไปอธิบายใจแทบขาด แต่ทิ้งศศิพิมลไว้ตรงนี้ไม่ได้ จิตใจศศิพิมลกำลังสับสน อ่อนแอมาก
อันตราเดินน้ำตาคลอมาขึ้นรถ เมื่อขึ้นนั่งปิดประตูรถ น้ำตาก็ร่วง นึกถึงคำพูดของเวศม์เมื่อวันก่อน
“งานยุ่งน่ะครับ ต้องไปเฝ้าพี่สาวที่โรงพยาบาลด้วย”
อันตราเสียใจที่เวศม์โกหกเธอ
“ผู้ชายเจ้าชู้ คนโกหก”
อันตราเช็ดน้ำตา ขับรถออกไป

อัษฎาอยู่ที่บริษัท สั่งงานให้เลขาฯจดยิกๆ
“เลื่อนคิวประชุมไตรมาสสุดท้าย เอามาประชุมภายในเดือนนี้ให้หมด เอกสารที่ผมเซ็นก็ทำให้เสร็จภายในเดือนนี้นะ”
“ดิฉันจะรีบไปจัดการค่ะ”
“แกรีบเคลียร์งานทำไมวะอัษ” สมศักดิ์ถาม แปลกใจ
“ว่าจะลาพักร้อน”
“เสียสติเหรอวะ บริษัทกำลังมีปัญหา ซีอีโอ ดันจะลาพักร้อน”
“สภาพคล่องบริษัทดีขึ้นมากแล้ว บริษัทเริ่มเข้ารูปเข้ารอย ฉันเลยอยากพัก”
“จะลากี่วัน”
“2 เดือน”
“บ้าไปแล้ว แกมันทำงานจนบ้า”
สมศักดิ์หอบแฟ้มงาน เดินส่ายหัวออกไป อัษฎาครุ่นคิดถึงเรื่องที่เพิ่งไปพบหมอมาเกี่ยวกับอาการป่วยของตัวเอง
“หลังผ่าตัด คงต้องพักฟื้นประมาณ 2 เดือน”
“2 เดือนเลยเหรอ งั้นผมคงต้องขอเคลียร์งานก่อน ช่วงที่ผ่าตัดผมตั้งใจจะไม่บอกครอบครัว ไม่อยากให้ภรรยากับลูกเป็นกังวล ผมจะโกหกว่าไปทำงานที่ต่างประเทศ”
“ถ้างั้นช่วงนี้เราคงต้องรักษาตามอาการไปก่อน ถ้าพร้อมผ่าตัดเมื่อไหร่ ติดต่อมานะครับ”
“ครับคุณหมอ”
“แต่อย่านานนักนะครับ อาการปวดหลังของคุณอาจจะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เราไม่รู้ว่าเนื้องอกนั้น เป็นเนื้อร้ายหรือดี”
อัษฎาไม่สบายใจนัก

อัษฎาเตรียมการสำหรับผ่าตัด ภารกิจช่วยแสงฉานสำเร็จไปแล้ว เหลืออีกคนหนึ่งที่เขาต้องทำสิ่งดี ๆ ให้ หากว่าเขาตายไป จะได้ไม่เสียใจภายหลัง อัษฎาหยิบซองสีขาวออกมาจากลิ้นชัก ในซองมีของสำคัญ ของที่จะเปลี่ยนชีวิตเขาไปทั้งชีวิต

อินทุอรอ่านจดหมายตอบรับเข้าสถาบันบัลเล่ต์ที่อเมริกา ยังคงฝันอยากเป็นนักบัลเล่ต์ แม้รู้ว่าฝันนั้นไม่อาจเป็นจริงแล้วก็ตาม อัษฎาเดินเข้ามา อินทุอรเก็บจดหมายไม่ทัน อัษฎาเห็น แต่ไม่ว่าอะไร เขายื่นซองสีขาวให้ลูกสาว
 
“เปิดดูข้างในสิลูก”
อินทุอรเปิดดู แล้วตกใจ
“ตั๋วเครื่องบินไปอเมริกา”
อัษฎาต้องใช้กำลังใจอย่างมาก ในการปลดปล่อยลูกสาวคนเล็ก ยอดดวงใจของพ่อให้เป็นอิสระ
“ตั๋วมีอายุ 3 เดือน หนูอินจะไปเมื่อไหร่ก็ได้ ไปพรุ่งนี้เลยก็ยังได้”
อินทุอรมองตั๋วอย่างไม่เข้าใจนัก
“หนูอิน พ่อขออวยพรให้หนูประสบความสำเร็จ ได้เป็นนักบัลเล่ต์อาชีพอย่างที่ฝันนะลูก”
อินทุอรซาบซึ้งพ่อมาก น้ำตาคลอ
“ไม่เอา ไม่ร้องไห้”
อัษฎาเช็ดน้ำตาให้ลูกสาว แต่ตัวเองกลับน้ำตาคลอเสียเอง อินทุอรเห็นน้ำตาพ่อก็ตกใจ
“คุณพ่อ”
อินทุอรโผกอดพ่อ อัษฎากอดลูกสาวแนบแน่น ประหนึ่งว่าอาจเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้กอดลูก บราลีจะเข้ามาในห้อง เห็นสองพ่อลูกกอดกันร้องไห้ เธอจึงไม่เข้าไปรบกวน ยืนมองอยู่หน้าห้อง

บราลีสวมกอดแสดงความยินดีกับลูกสาว ที่อัษฎาเพิ่งยอมให้อินทุอรไปเรียนต่อที่อเมริกา อินทุอรหน้าตาสดใสเบิกบานมาก
“แม่ดีใจด้วยนะจ๊ะ หนูอินจะไปเมื่อไหร่ลูก”
“อินต้องไปรายงานตัวที่สถาบันบัลเล่ต์ภายใน 2 เดือนค่ะ อินว่า อินจะไปให้ช้าที่สุดจะได้มีเวลาอยู่กับคุณพ่อคุณแม่นาน ๆ”
โทรศัพท์มือถือของบราลีดังขึ้น
“อินไปหาคุณพ่อนะคะ”
“จ้ะ”
อินทุอรยิ้มร่าเริงออกไป บราลีรับสาย
“สวัสดีค่ะคุณบุษ”
“พรุ่งนี้คุณบราลีว่างมั้ยคะ บุษอยากไปเรียนเขียนรูป”
“พรุ่งนี้ดิฉันว่าจะไปซื้อเสื้อกันหนาวให้หนูอินค่ะ”
บุษบาบัณตาวาว เมื่อได้ยินเรื่องเกี่ยวกับอินทุอร
“หลานจะไปเที่ยวเมืองนอกเหรอคะ”
“ไปเรียนค่ะ หนูอินจะไปเรียนบัลเล่ต์ที่อเมริกา”
บุษบาบัณตาลุกที่อินทุอรจะไปแล้ว

แสงฉานเดินเข้ามาที่ห้องในคอนโดฯ เห็นอุรวสากำลังนั่งวาดรูปดีไซน์บนไอแพด
“ทำอะไรคุณวสา ทำไมไม่ทำในคอมฯ เดี๋ยวตาเสียนะ”
“ไม่หรอกค่ะ อีกแป๊บเดียวเอง”
อุรวสาวาดรูป ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แสงฉานมองด้วยความสงสัย
“ไหนเอามาดูเลย”
แสงฉานแย่งไอแพดมาจากมือ เห็นเป็นรูปร้านที่อุรวสาออกแบบไว้ให้ เลื่อนดู มีหลายแบบหลายสไตล์ เลื่อนไปอีก เห็นมีข้อมูลร้านที่จะเซ้งมากมายที่อุรวสาหาไว้ให้ แสงฉานซึ้งใจ
“วสา”
“วสาเคยทำให้คุณลำบากใจเรื่องย้ายร้าน ก็เลยอยากช่วยออกแบบร้านใหม่ให้ ถือเป็นการไถ่โทษ”
“คุณไม่น่าต้องเสียเวลาเลย”
“ทำให้สามี ไม่ใช่เรื่องเสียเวลาค่ะ ร้านใหม่คราวนี้จะต้องเป็นร้านที่ถูกใจเราทั้งคู่ ห้ามแสงตามใจวสาเด็ดขาดนะคะ”
แสงฉานเอื้อมมือไปจับมืออุรวสา
“ขอบคุณครับ”

ทั้งสองมองตากัน เข้าใจกัน

สามใบไม่เถา ตอนที่ 7 (ต่อ)

ภิสิตทำงานอยู่ในกระทรวง เลขาฯเปิดประตูให้บุษบาบัณเข้ามา ภิสิตถอนหายใจ ขนาดที่ทำงาน บุษบาบัณยังไม่เว้น มาหาเรื่องเขาอีก
 
“ก่อนคุณจะพูดอะไร ขอให้ให้เกียรติสถานที่ด้วย นี่ที่ทำงาน”
“แหม มองบุษร้ายจัง บุษมาส่งข่าวค่ะ มีทั้งข่าวดี และข่าวร้าย เอาข่าวร้ายก่อนแล้วกันนะคะ คุณไม่มีวันได้แต่งงานกับนังหนูอินแล้ว”
ภิสิตเฉย ๆ
“มาถึงข่าวดีบ้าง แม่หนูอินคนดีของคุณ กำลังจะได้ไปเรียนต่อเมืองนอก ไปตั้งหลายปี”
คราวนี้ภิสิตสนใจ
“ท่าทางคุณชอบข่าวดีนะคะ หนูอินของคุณจะได้ไปตามความฝันเป็นนักบัลเล่ต์ ส่วนคุณก็ได้ฝันกลางวันอยู่ที่เมืองไทยต่อไป ความฝันจะได้เมียเด็ก แหลกสลายไปในพริบตา ฮ่ะๆๆ”
บุษบาบัณหัวเราะเยาะสมน้ำหน้าภิสิต ภิสิตไม่รู้สึกสะเทือนกับเสียงหัวเราะเยาะ แต่ที่เขาสะเทือนใจมากก็คือ การที่อินทุอรจะไปเมืองนอก

หลังจากที่ภิสิตรู้ว่าอินทุอรจะไปเรียนบัลเล่ต์ที่อเมริกา เขาก็ซื้อของขวัญมาแสดงความยินดีกับหญิงสาวที่บ้าน ปากยิ้ม แต่นัยน์ตาเศร้า
“อาขอให้หนูอินเป็นนักบัลเล่ต์ที่มีชื่อเสียงนะจ๊ะ”
“ขอบคุณค่ะ อินเปิดดูเลยนะคะ”
อินทุอรเปิดกล่องขวัญที่มีแค่โบว์ผูก ภิสิตซื้อรองเท้าบัลเล่ต์ให้
“อาโทรถามไซส์จากคุณบราลีน่ะ”
“คุณแม่โทรบอกอาสิตเหรอคะว่าอินจะไปเรียนต่อ”
“อืม อาบุษบอกอาจ้ะ”
พอภิสิตเอ่ยถึงบุษบาบัณ ทั้งคู่ก็หน้าเสีย รู้กันอยู่ว่าบุษบาบัณกำลังทำสงครามประสาทกับทั้งคู่ แต่พูดออกมาไม่ได้
“หนูอินไปกี่ปีจ๊ะ”
“สี่ห้าปีค่ะ แล้วถ้าได้งานแสดงบัลเล่ต์ที่นั่น อินก็คงอยู่ยาว บ้านเรา คนไม่นิยมดูบัลเล่ต์ อินกลับมาเมืองไทยก็หางานยากค่ะ”
“แสดงว่า หนูอินอาจไปอยู่อเมริกาตลอดชีวิต”
“อาจเป็นอย่างนั้นค่ะ”
ภิสิตหัวใจหล่นวูบ อินทุอรสุดที่รักจะจากไปตลอดชีวิต เขาเก็บความรู้สึกไม่อยู่ มองอินทุอรด้วยสายตาละห้อย โหยหา จนอินทุอรต้องหลบสายตา

แสงฉานกับอุรวสาเดินดูรอบๆ ร้านอาหาร
“ทำไมพาวสามาดูร้านด้วยล่ะคะ”
“ผมพลาดไปแล้ว จะไม่ยอมพลาดอีก วสาควรจะได้ออกความเห็น โดยเฉพาะเรื่องสำคัญอย่างนี้”
“ขอบคุณค่ะ”
“ผมขอโทษนะวสาที่เคยทำอะไรไม่ปรึกษา”
“ไม่เป็นไรค่ะ วสาก็ผิดเองที่ไม่ยอมพูดดีๆ คราวนี้เรามาช่วยกันคิดช่วยกันตัดสินใจนะคะ”
ทั้งสองสบตากันยิ้มๆ เข้าใจกัน
“ร้านนี้แสงคิดว่าไงคะ”
“พื้นที่กว้างโอเค แต่ผมว่าทำเลไม่ดีเลย ไม่ค่อยมีคนผ่าน”
“จริงค่ะ ถนนหน้าร้านแคบไป ลูกค้ามาจอดรถไม่สะดวกด้วย”
ทั้งสองสบตากันทำหน้าเซ็งๆ

เมื่อออกจากร้านแรก แสงฉานกับอุรวสา ก็พากันมาดูอีกร้านหนึ่ง
“ผมชอบร้านนี้นะ กว้างขวาง ราคารับได้ ผมว่าเรามาปรับนิดหน่อยตรงนี้น่าจะลงตัว”
“จริงค่ะ ทำเลดี ทาสีใหม่สักหน่อยน่าจะสดใสขึ้น”
“ดีใจจัง ที่ในที่สุด เราก็ความเห็นตรงกันเสียที”
อุรวสาเดินไปดูแถวๆ หน้าร้าน ขมวดคิ้ว
“ทำเลไม่ดีแล้ว”
“อ้าว เมื่อกี้ยังบอกว่าดี”
อุรวสาชี้ไปฝั่งตรงข้าม
“แต่แม่พวกนั้นอยู่ตรงข้าม วสาไม่ยอมให้แสงมาทำงานใกล้ๆ ทุกวันแน่ ไปดูที่อื่นกันเถอะค่ะ”
ฝั่งตรงข้ามเป็นผับ มีผู้หญิงนั่งอยู่ข้างหน้า แสงฉานขำๆ
“โธ่ คุณลูกสาวนักธุรกิจใหญ่ ยอมสละที่ดีๆ เพราะหึงผมเนี่ยน้า”
“เขาไม่ได้เรียกว่าหึง เขาเรียกว่า มาตรการป้องกัน”
แสงฉานหัวเราะลั่น อุรวสาไม่ขำด้วย รีบลากแสงฉานออกจากร้าน แสงฉานง้อ ยิ้มๆ
ทั้งสองคน เข้าออกหลายร้าน แต่ยังไม่ถูกใจ
“ไม่มีสักที่เข้าตาเลย วสาต้องมาเสียเวลากับผมทั้งวันเลย”
“อยู่กับแสงไม่ถือว่าเสียเวลาหรอกค่ะ ถือว่ามาเที่ยวกันไงคะ สนุกดีออก”
“งั้นวันนี้ ผมทำของโปรดให้วสากินเป็นการไถ่โทษแล้วกันนะ”
“น่ารักที่สุดเลย เอ้อ แต่พรุ่งนี้ วสาไม่ว่างมาช่วยแสงดูร้านนะคะ ต้องเร่งทำแบบให้ลูกค้าแล้ว”
“ไม่มีปัญหาครับ พรุ่งนี้ผมออกโซโล่บ้างก็ได้ แล้วจะคอยรายงานให้บอสทราบเป็นระยะนะครับ”
“ดีมากเจ้าลูกน้อง นำทางกลับสถานที่พักเร็วเข้า”

ทั้งสองหัวเราะกัน มีความสุข

เวศม์ลากกระเป๋าพาศศิพิมลเข้ามาในบ้านของเขา
 
“พี่ศิอยู่ที่นี่จนกว่าจะสบายใจเลยนะครับ ไม่ต้องคิดมาก”
“เวศม์ พี่ขอบคุณมากนะ”
“ไม่เป็นไรครับ พี่สาว มีปัญหา ผมก็ต้องช่วยอยู่แล้ว”
“เวศม์ก็รู้ว่าเราไม่ได้เป็นแค่พี่น้องกัน เวศม์ดูแลพี่ดีแค่ไหนตอนที่เราคบกัน พี่จำได้ทั้งหมด เลิกพูดเหมือนเราห่างเหินกันได้ไหม”
ศศิพิมลจับมือเวศม์ แต่เขาแกะมือออก
“พี่ศิอย่าทำให้ผมลำบากใจไปกว่านี้เลย”
เวศม์เดินไปห่างๆ ศศิพิมลเดินตามไปตื๊ออีก
“พี่รู้ว่าพี่ทำผิดกับเวศม์ พี่อยากขอโอกาสแก้ตัว พี่ พี่ยังรักเวศม์อยู่นะ”
“พี่ศิ”
“พี่รู้ว่าเวศม์ก็ยังมีเยื่อใยให้พี่ เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้เหรอ”
“พี่ศิอย่าพูดอะไรที่เป็นไปไม่ได้เลยครับ พักผ่อนเถอะ ผมขอตัว”
เวศม์เดินออกจากบ้านไป ศศิพิมลไปนั่งซึมที่โซฟา

เวศม์เดินออกมาหน้าบ้านอย่างเซ็งๆ อึดอัดที่ศศิพิมลมาอยู่ด้วย เขาคว้าโทรศัพท์ขึ้นมา ไลน์หาอำพล
“ว่างไหมวะ ไปตีแบดกัน”
สักพักอำพลก็ไลน์กลับมา
“เกิดไรขึ้น ทำไมวันนี้ทักมาได้”
“ไม่อยากอยู่บ้าน เบื่อ อยากเหนื่อยๆ จะได้หายหงุดหงิด”
“ได้ ออกเวรทุ่มหนึ่ง เจอกันที่คอร์ท”
เวศม์เก็บโทรศัพท์มือถือ ขับรถออกไป

แสงฉานอยู่ที่คอนโดฯ ค้นหาร้านต่างๆ ในอินเตอร์เน็ต แล้วโทรศัพท์ไปคุย
“ที่ลงประกาศในเน็ต ร้านคุณมี 150 ที่นั่งนี่ครับ ทางเว็บลงข้อมูลผิด งั้นขอบคุณมากครับ”
แสงฉานวางสาย พลันมีสายเข้ามา
“ฮัลโหล”
“บุษนะคะคุณแสง”
“ครับคุณบุษ”
แสงฉานแปลกใจ ว่าบุษบาบัณเอาเบอร์โทรศัพท์เขามาจากไหน บุษบาบัณจอดรถคุยโทรศัพท์กับแสงฉานที่ริมถนน
“ฮึๆ ถ้าบุษอยากได้เบอร์ใคร ไม่ยากที่จะรู้หรอกค่ะ บุษมีร้านอาหารมานำเสนอ เพื่อนบุษจะย้ายไปอยู่เมืองนอกเลยขายร้าน บุษนัดเขาไว้แล้ว จะไปดูร้าน คุณแสงออกมาหาบุษตอนนี้เลยนะคะ”
“ไม่รบกวนคุณบุษล่ะครับ เกรงใจ”
“บุษเต็มใจช่วยค่ะ บุษจะไปรอคุณแสงที่”
“คุณบุษให้เบอร์เจ้าของร้านมาก็แล้วกันครับ ผมจะโทรนัดเอง คุณบุษจะได้ไม่ต้องเหนื่อยพาไป”
บุษบาบัณหน้างอ รู้ว่าแสงฉานเลี่ยงเธอ แต่มีหรือ ผู้หญิงอย่างบุษบาบัณจะยอม
“บุษนัดให้ใหม่ได้ค่ะ แต่กลัวเจ้าของร้านไม่ว่างซีคะ เขาจะไปอาทิตย์หน้าแล้ว ร้านเขามีร้อยกว่าที่นั่ง อยู่ต้นซอย ทำเลดี เขากำลังจะขายได้แล้ว แต่บุษขอพาเพื่อนไปดูก่อน ถ้าคนอื่นได้ไปเสียดายแทนคุณแสงแย่เลยค่ะ”
แสงฉานโดนบุษบาบัณโน้มน้าวจนอยากไปดูร้าน

เวลาต่อมา บุษบาบัณนั่งยิ้มตาวาวอยู่ในร้านอาหาร กำลังมองใครบางคนอยู่ แสงฉานเดินดูร้านอาหาร ชอบมาก ร้านนี้ตรงตามความต้องการทุกอย่าง ร้านใหญ่ หรูหรา ลูกค้าในร้านก็เยอะ บุษบาบัณเดินเฉิดฉายมาหา
“ให้ความพอใจสักกี่ดาวดีคะ”
“5 ดาวเลยครับ ตัดสินใจยังไง ผมจะรีบโทรบอกครับ”
แสงฉานหันไปบอกเจ้าของร้าน
“ขอตัวไปดูเชฟในครัวนะคะ”
เจ้าของบร้านแยกไป บุษบาบัณพูดกระชดกระช้อย หว่านเสน่ห์
“บุษขอค่านายหน้าค่ะ”
“เอากี่เปอร์เซ็นต์ดีครับ”
“คุณแสงต้องทำอาหารให้บุษทาน วันนี้เลย ไปทำที่บ้านบุษ”
แสงฉานพูดไม่ออก บุษบาบัณรู้ทันความคิดของเขา
“สิตอยู่ด้วยค่ะ บุษขอไปโทรบอกสิตนะคะ”
บุษบาบัณเดินห่างแสงฉานไปไม่ไกล หันหลังให้ หลอกว่ากำลังกดโทรศัพท์คุยกับภิสิต
“วันนี้สิตรีบกลับนะคะ คุณแสงฉานจะไปทำดินเนอร์ให้เราทานที่บ้าน”

แสงฉานกลุ้ม ไม่อยากไป

ตอนค่ำ เวศม์ตีแบดกับอำพลอย่างดุเดือด เขาฟาดไม่ยั้ง ต้องการระบายอารมณ์กดดัน หลังตีแบดเสร็จ สองหนุ่มเดินออกมานั่งที่โต๊ะข้างสนาม เวศม์ถอนหายใจทำหน้าเบื่อโลก
 
“เป็นไงวะ หายเบื่อรึยัง”
“ยัง อีกสักเกมไหม”
“เฮ้ย ไม่เอาแล้ว ฉันเป็นหมอนะโว้ย ไม่ได้เป็นโรโบคอป”
อำพลมองเพื่อน เข้าใจถึงปัญหาที่เวศม์เจอ
“เวศม์ ฉันเคยบอกแกแล้วใช่ไหม ว่าคุณศศิไม่ได้คิดจะฆ่าตัวตายจริง ๆ เขาแค่จะขู่แกเท่านั้นเอง”
“แล้วแกแน่ใจได้ยังไงว่าเขาแค่ขู่ ถ้าเกิดพี่ศศิทำจริง ฉันไม่ต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตเหรอวะ”
อำพลส่ายหน้าระอาใจ เพราะเห็นแล้วว่าเพื่อนตกหลุมศศิพิมลเต็มเปา
“แกจะปล่อยให้เขาปั่นหัวไปแบบนี้เรื่อย ๆ เหรอ งั้นก็ตกลงปลงใจแต่งงานกับเขาไปเลยไหม”
อำพลประชด เวศม์มองเพื่อนเคือง ๆ
“ไอ้หมออำพล คนยิ่งเครียด ๆ อยู่”
“เวศม์ งานนี้แกต้องทำใจแข็งนะ ไม่งั้นตัวแกเองนั่นล่ะที่จะเดือดร้อน”
“แต่ตอนนี้พี่ศศิไม่มีใครจริง ๆ ฉันสงสารเขาว่ะ”
“เออ ๆ ก็แล้วแต่แกแล้วกัน บอกแล้วเตือนแล้วไม่เชื่อ อย่าซมซานมาขอให้ฉันช่วยนะโว้ย เอ็นดูเขาเอ็นเราขาดน่ะเคยได้ยินไหม”
อำพลเซ็ง ๆ ที่เวศม์ใจอ่อนเกินเหตุ ในขณะที่เวศม์ก็เครียด

ค่ำวันนั้น แสงฉานอยู่ในครัวบ้านบุษบาบัณ ทำอาหารสำหรับดินเนอร์สองที่ ให้ภิสิตกับบุษบาบัณ บุษบาบัณแอบมองแสงฉาน แววตาเจ้าชู้มาก อีกไม่นาน ผู้ชายคนนี้ต้องเป็นของเธอ บุษบาบัณตาวาว ฉายความร้ายกาจ รีบกดโทรศัพท์ไปเยาะเย้ยอุรวสา
อุรวสาทำงานอยู่ที่คอนโดฯ สายเข้า ไม่รู้เบอร์ใคร
“ฮัลโหล”
“อาบุษนะจ๊ะ”
อุรวสาหน้าตึง
“อาบุษมีธุระอะไรกับวสาคะ”
“เหงา เลยโทรมาคุยเล่น วสาว่ามั้ยจ๊ะ เวลาผู้ชายทำกับข้าวเนี่ย ดูมีเสน่ห์จัง”
อุรวสาแปลกใจ
“เสียดาย เตาอบบ้านอาเสีย สามีวสาเลยอบเค้กให้อาทานไม่ได้”
“แสงอยู่บ้านอาบุษ”
“จ้ะ สามีวสามาทานดินเนอร์กับอา”
“วสาขอคุยกับแสงหน่อยค่ะ”
“อามีสายเข้า วสาโทรหาสามีเองแล้วกันนะจ๊ะ”
บุษบาบัณวางสาย ยิ้มสะใจ อุรวสาโมโหหึง กดโทรหาแสงฉาน แล้วเปลี่ยนใจไม่โทร รอให้สามีกลับมาค่อยเคลียร์กัน

บุษบาบัณเข้ามาหาแสงฉานในครัว
“อาสิตจะมาถึงกี่โมงครับ ผมจะได้กะเวลาเอาเนื้อเข้าเตาอบ”
“สิตเพิ่งโทรมาบอกเมื่อกี้ ติดประชุมด่วนที่กระทรวง ให้เราทานกันสองคนค่ะ”
แสงฉานนิ่ง ต้องหาข้ออ้างเพื่อจะชิ่ง
“ผมกินอาหารตัวเองจนเบื่อ ว่าจะกลับไปกินร้านที่คอนโดครับ”
“อาหารตั้งเยอะแยะ บุษทานคนเดียวไม่หมดค่ะ”
“ทานไม่หมดก็เก็บไว้ได้ครับ”
“อยู่ทานเป็นเพื่อนบุษนะคะ”
“คุณบุษไม่อยากทานคนเดียว ก็รออาสิตนะครับ อาสิตมาถึง ก็อุ่นอาหาร รับรอง ยังอร่อยอยู่ ร้านอาหารที่คอนโดปิด 3 ทุ่ม ผมต้องรีบไปเดี๋ยวไม่ทัน”
แสงฉานรีบเอาเนื้อเข้าเตาอบ ทำอาหารให้เสร็จ ๆ จะได้รีบกลับบ้าน บุษบาบัณมองชายหนุ่มตาวาว วันนี้รอดไปได้ แต่วันหน้าไม่รอดเงื้อมือเธอแน่

แสงฉานไขประตูห้องคอนโดฯเข้ามา เห็นอุรวสานั่งกอดอก หน้าบึ้ง รออยู่
“ไปดินเนอร์กับอาบุษมา โรแมนติคมั้ยคะ”
แสงฉานสะดุ้ง หน้าจ๋อย ไปนั่งข้างภรรยา
“ที่รักจ๋า คุณบุษบอกว่าอาสิตอยู่ด้วย ผมเห็นว่าไม่น่าเกลียด”
“วสาเล่าให้แสงฟังแล้วนี่คะ อาสิตกับอาบุษแยกบ้านกันอยู่ อาสิตจะไปกินข้าวบ้านอาบุษได้ยังไง”
“เขายังไม่หย่ากัน ต้องมีไปมาหาสู่กันบ้างแหละ”
“วสามั่นใจ อาสิตไม่ได้จะไปกินข้าวบ้านอาบุษหรอก อาบุษโกหกแสง ล่อแสงไปบ้าน”
“คุณบุษจะทำถึงขนาดนั้นเชียวเหรอ”
“ผู้ชายไม่รู้จักผู้หญิงเท่าผู้หญิงรู้จักกันเองหรอกค่ะ แสงคะ ผู้หญิงคนนั้นปั่นหัวผู้ชายเก่ง เล่ห์เหลี่ยมพราวแพรว แสงต้องระวังนะคะ”
“เพื่อให้ที่รักสบายใจ ผมจะเลี่ยงไม่เจอคุณบุษบาบัณอีก แหม รู้สึกดีจัง ที่รักหึงผม”
“ทำให้วสาหึงบ่อย ๆ เดี๋ยวแปลงกายเป็นนางยักษ์ไม่รู้ด้วย”
แสงฉานยิ้มกริ่ม กอดเอาใจอุรวสา อุรวสาวิตกกังวล สามีแสนดี ไม่มีทางทันเกมผู้หญิงร้ายกาจอย่างบุษบาบัณแน่

คืนเดียวกันนั้น อัษฎาจัดปาร์ตี้บาร์บีคิว ฉลองให้อินทุอรที่กำลังจะไปเรียนต่อเมืองนอก อินทุอรคลอเคลียอยู่ข้างพ่อ ช่วยพ่อปิ้งบาร์บีคิว อัษฎามีอาการปวดหลัง แต่กลัวอินทุอรสังเกตเห็น
“เอาไปให้แม่กับอาศักดิ์ไปลูก”
อินทุอรเอาบาร์บีคิวที่ปิ้งสุกแล้วไปให้บราลีกับสมศักดิ์ ทั้งสองคุยกันอยู่
“จะไปเที่ยวไหนกันครับ ตั้ง 2 เดือน”
“เที่ยวไหนคะ”
“ก็เจ้าอัษจะลาพักร้อน 2 เดือน”
บราลีหันมองอัษฎา อัษฎารีบเก็บอาการปวดหลัง
“คุณไม่เห็นบอกฉันเลย จะพักร้อนไปเที่ยว”
“พอใกล้ ๆ ก็ว่าจะบอกน่ะจ้ะ ไม่ได้ไปเที่ยวหรอก ผมจะไปหาลู่ทางขยายธุรกิจไปต่างประเทศ ผมไปเอาเนื้อมาเพิ่มนะ”

อัษฎาออกไป พยายามเก็บอาการปวดหลังไว้เต็มที่ ไม่ให้ใครรู้ บราลีแปลกใจ ที่อัษฎาจะพักร้อน แต่ไม่ยอมบอกกัน

อัษฎาปวดหลังมาก หยิบยาที่ซ่อนไว้มากิน เพื่อบรรเทาอาการปวด อินทุอรมาเคาะประตูเรียก
 
“คุณพ่อคะ อาสมศักดิ์ให้มาถามว่าจะปิ้งเนื้อต่อมั้ย”
“แป๊บนึงลูก”
อัษฎารอจนอาการปวดหลังบรรเทาลง ถึงไปเปิดประตูให้อินทุอร ยิ้มแป้นให้ลูกสาว ไม่ออกอาการปวดให้ลูกเห็นแม้แต่น้อย
“พ่อมาฉีดน้ำหอมน่ะลูก ไม่ไหว ตัวเหม็นควันบาร์บีคิว”
อัษฎาไปฉีดน้ำหอม ระหว่างฉีดก็หันมายิ้มให้ลูก จากนั้นก็กลับไปรวมกับคนอื่นๆ ที่สนาม สมศักดิ์ฉุนกึ้ก
“ตกบ่อน้ำหอมมาเหรอ”
“แกมาปิ้งมั่งมา จะได้แบ่งกันตัวเหม็น”
“ฉันไม่ใช่บาร์บีคิวพลาซ่า จะได้ถนัดเรื่องปิ้งย่าง”
อินทุอรขำ
“ถ้าอินไปเรียนต่อคงต้องคิดถึงมุกอาศักดิ์แย่เลย”
“อาจะโทรไปคุย ให้หนูอินขำข้ามประเทศ”
อัษฎากับอินทุอรช่วยกันปิ้งบาร์บีคิวต่อ บราลียังค้างคาใจเรื่องสามีจะพักร้อน
“จะพักร้อนเมื่อไหร่คะ”
“รอเคลียร์งานให้เสร็จก่อนจ้ะ”
“ฉันไปกับคุณด้วยนะคะ”
อัษฎาเลี่ยงไม่คุยกับภรรยา หันมาคุยกับลูกแทน
“อันนี้ไหม้แล้วหนูอิน กินของไหม้ไม่ดีลูก เดี๋ยวเป็นมะเร็ง”
อัษฎาตัดเนื้อที่ไหม้ทิ้ง
“ไม้นี้ก็ไหม้ ไม้นี้ด้วย ปิ้งดี ๆ สิลูก”
อัษฎาทำตัวให้ง่วน ตัดเนื้อที่ไหม้ ไม่เปิดโอกาสให้บราลีคุยด้วย บราลีไม่สบายใจ สามีดูแปลกไป

กลางคืน ศศิพิมลใส่ชุดนอนเซ็กซี่ ยืนสำรวจตัวเองอยู่ที่หน้ากระจก เธอยิ้มแบบมีความหวังก่อนจะหยิบขวดน้ำหอมมาพรมตามซอกคอ ใบหู มองกระจกตาพราว เวศม์ไปตีแบดกลับเข้าบ้านมา เขาชะงักเมื่อเห็นศศิพิมล เพราะชุดวาบหวิวที่เธอใส่ ศศิพิมลส่งยิ้มหวานให้เวศม์ก่อนเดินเข้ามาเกาะแขน
“เวศม์กลับดึกจังเลย”
“ผมง่วงแล้วครับพี่ศิ ขอตัวไปนอนก่อนนะครับ”
เวศม์รีบปลีกตัวเดินหนีจะขึ้นข้างบน ศศิพิมลรีบทำท่าจะเดินตาม ก่อนทำมารยาสะดุดล้ม
“อุ๊ย”
เวศม์ตกใจรีบเข้ามาประคอง ศศิพิมลทำเป็นเซซบแบบยั่วนิดๆ มองตาเวศม์เรียกร้องความสงสาร
“ขอบคุณมากนะเวศม์”
เวศม์รู้ตัวว่าศศิพิมลพยายามยั่วเขา จึงรีบชิ่งออกทันที
“ไม่เป็นไรครับ ผมขอตัวก่อน”
เวศม์หันหลังกลับ เดินขึ้นข้างบน อย่างหนักใจ ศศิพิมลมองตาม หน้าหมองเศร้าลงเมื่อเห็นว่าเวศม์ไร้เยื่อใยกับเธอจริง ๆ

ตอนเช้า อันตราจอดรถซุ่มแอบดูอยู่หน้าบ้านเวศม์ เห็นชายหนุ่มกำลังกินข้าวเช้ากับศศิพิมลอยู่ในบ้าน อันตราเจ็บปวด เวศม์กับศศิพิมลดูเหมือสามีภรรยากัน ทานข้าวเช้าด้วยกัน ระหว่างนั้นมีสายเข้า อันตราจึงกดรับสาย
“ค่ะอาสิต”
“ตามสืบเรื่องอาบุษถึงไหนแล้วเจ้าอัน”
“อันกำลังจะไปบ้านอาบุษค่ะ”
“เร่งมือหน่อยนะ”
“อาสิตไว้ใจอันได้ค่ะ”
อันตราวางสาย มองเวศม์อย่างน้อยใจ แล้วขับรถไป

เวศม์กำลังจะไปทำงาน เห็นศศิพิมลล้างจานอยู่
“ไม่ต้องครับพี่ศิ เดี๋ยวแม่บ้านมา ผมจ้างไว้ประจำ มาเช้าเย็นกลับ”
“ผู้ชายโสดอยู่ตัวคนเดียวก็อย่างเนี้ย ต้องจ้างคนดูแล”
ศศิพิมลเข้ามาใกล้เวศม์ มองชายหนุ่มอย่างสุดรัก
“พี่อยากดูแลเวศม์ เวศม์ เราแต่งงานกันนะ”
“พี่ศิอย่าล้ำเส้นครับ”
“ถ้านังนักสืบนั่นพูด เวศม์คงรีบยกขันหมากไปสู่ขอสินะ”
ศศิพิมลใช้มุกเดิม มุกฆ่าตัวตาย เธอเอามีดในครัว จ่อข้อมือตัวเอง
“ถ้าเวศม์แต่งงานกับนังนั่น วิญญาณพี่จะตามไปอยู่กับเวศม์ด้วย”
“ผมไม่ได้รักพี่ จะให้แต่งงานกับพี่ได้ยังไงครับ”
“พี่จะตายให้เวศม์ดูเดี๋ยวนี้”
ศศิพิมลจด ๆ จ้อง ๆ ยังไม่เชือดข้อมือตัวเอง เวศม์เอะใจ หรืออำพลคิดถูก ว่า ศศิพิมลไม่ได้จะฆ่าตัวตายจริง เวศม์ลองหยั่งเชิง
“ผมอยู่เฝ้าพี่ไม่ได้ตลอด ตอนนี้ผมห้ามพี่ได้ แต่พอผมออกไป พี่ก็อาจฆ่าตัวตายอีก ผมจนปัญญากับพี่แล้วครับ”
“เวศม์พูดแบบนี้ จะปล่อยให้พี่ตาย เอาซี่ คราวนี้พี่จะตายจริงๆ”
ศศิพิมลไม่เชือดข้อมือตัวเองเสียที เอาแต่ทำท่าว่าจะเชือด เวศม์แน่ใจว่าเขาถูกศศิพิมลปั่นหัวแน่นอน เวศม์ส่ายหัว นึกโกรธตัวเอง
“ผมน่าจะเชื่อไอ้หมออำพลตั้งแต่แรก พี่ศิใช้มุกฆ่าตัวตายเพื่อคอนโทรลผม พี่ศิเก็บเสื้อผ้ากลับไปอยู่บ้านพี่เถอะ”
ศศิพิมลโดนจับไต๋ได้ ทิ้งมีด วิ่งไปหาเวศม์
“พี่ขอโทษ พี่ทำไปเพราะรักเวศม์”
“สิ่งที่พี่ทำกับผม มันคือความเห็นแก่ตัว”
“เวศม์ กลับมาก่อนเวศม์ พี่เสียใจ เวศม์”

เวศม์ออกไปแล้ว ศศิพิมลร้องไห้ ช้ำใจ

สามใบไม่เถา ตอนที่ 7 (ต่อ)

บราลีกับอินทุอรมาเลือกซื้อเสื้อกันหนาวที่ห้างสรรพสินค้า เพื่อให้อินทุอรไปใส่ที่อเมริกา ทั้งคู่เดินช้อปปิ้งกันอย่างสนุกสนาน หิ้วถุงเต็มสองมือ
 
ที่มุมขายปากกา พนักงานหยิบปากกา 2 ด้ามให้บราลีเลือก เป็นปากกาหมึกซึม มียี่ห้อ ราคาแพง
“อาสิตซื้อรองเท้าบัลเล่ต์ให้ หนูอินก็ควรซื้อของให้อาสิตเป็นที่ระลึก”
“ด้ามนี้สวยดีนะคะ”
อินทุอรชี้ที่ปากกาด้ามสีทอง แต่บราลีเลือกสีเงิน
“แต่ด้ามนี้เหมาะกับอาสิตมากกว่านะจ๊ะ”
“งั้นอินให้คุณแม่เลือกเลยค่ะ”
“เอาด้ามนี้ค่ะ”
บราลีเลือกปากกาด้ามสีเงินให้ภิสิต

แสงฉาน อุรวสา อินทุอร อันตรา พากันมาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
“เป็นไงจ๊ะหนูอิน ชอบร้านนี้ไหม” อุรวสาถามขึ้น
“ร้านสวยจังเลยค่ะ”
“อันนี้เป็นการซ้อมฉลองที่หนูอินจะได้เป็นนักบัลเล่ต์อย่างที่ฝันไว้ รอให้พี่เปิดร้านอาหารเองเมื่อไหร่ เราค่อยเลี้ยงจริงอีกรอบนะครับ”
“โอเคเลยค่ะ จะเลี้ยงกี่รอบอันก็โอเคค่ะ เรื่องกินฟรีขอให้บอก อันพร้อมเสมอ”
ทุกคนหัวเราะ ก่อนจะพากันเดินเพื่อเข้าในร้าน อันตราชะงักกึกเมื่อเห็นรถของเวศม์จอดอยู่มุมหนึ่งของลานจอดรถ
“เอ๊ะ นั่นมันรถนายเวศม์นี่ มาได้ยังไงกัน”
“อินเป็นคนชวนมาเองค่ะ”
อันตราหน้าง้ำ ออกอาการเซ็ง
“พี่กลับก่อนได้ไหมหนูอิน หมดอารมณ์กินฟรีละ”
อินทุอรหน้าเสียไป หันมองหน้าอุรวสาเหมือนขอความช่วยเหลือ
“ไม่เอาน่าอัน วันนี้พี่จัดปาร์ตี้ฉลองให้หนูอินนะ อย่าทำให้งานกร่อยสิ”
อันตราออกอาการเซ็งแต่ไม่พูดอะไรอีก ทุกคนที่เหลือเดินเข้าไปในร้าน อันตราถอนหายใจ กำลังจะเดินตาม โทรศัพท์มือถือเธอดังขึ้น อันตรายกโทรศัพท์ขึ้นมาดูหน้าจอ ก่อนจะยิ้มแป้นออกมาเมื่อเบอร์โชว์ว่า อัษฏาโทรมา

แสงฉาน อุรวสา อินทุอร เดินเข้ามาในร้าน มาถึงโต๊ะ นอกจากเวศม์แล้วยังมีภิสิตนั่งอยู่ด้วย อุรวสาชะงักเมื่อเห็นภิสิต รีบดึงแขนแสงฉานมากระซิบถาม
“อาภิสิตมาได้ไงคะเนี่ย”
“ผมชวนมาเองแหละคุณ อยากให้คนเยอะๆ จะได้สนุกๆ”
อุรวสาค้อนแสงฉาน ขัดใจที่ชวนภิสิตมา แต่ก็พูดไม่ออก ทั้งหมดนั่งลง ก่อนที่อินทุอรกับอุรวสาจะยกมือไหว้ทักทายภิสิต
“ยินดีด้วยนะจ๊ะหนูอิน”
เวศม์ซื้อของขวัญมาแสดงความยินดีกับอินทุอร
“ขอบคุณมากค่ะพี่เวศม์”
ภิสิตมองเวศม์ให้ของขวัญอินทุอรด้วยสีหน้าหมอง อันตราเดินตามเข้ามา เวศม์ยิ้มกว้างให้ เธอทำหน้าเหม็นใส่ ก่อนเดินไปนั่งให้ห่างเขาที่สุด
“เอาล่ะครับสั่งอาหารกันเลย เต็มที่นะครับ” แสงฉานบอกกับทุกคน
สักพัก อาหารมาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ อินทุอรคุยกับเวศม์ แสงฉานคุยกับอุรวสา ในขณะที่ภิสิตกับอันตราจับตามองคู่ของอินทุอรกับเวศม์ไม่วางตา อันตรามองหน้าเวศม์เซ็ง ๆ ว่ามาทำไม ในขณะที่เวศม์หันมามองเธอทำตาหวานใส่ อันตราฮึดฮัด หันมองชะเง้อไปทางหน้าร้าน ก่อนจะลุกขึ้นยืน
“อ้าว จะไปไหนเหรออัน”
“ไปที่บาร์น่ะคุณวสา”
“คุณอันจะสั่งอะไร เรียกเด็กเสิร์ฟมาก็ได้”
แสงฉานยกมือทำท่าจะเรียกเด็กเสิร์ฟให้ อันตรารีบห้าม
“อันจะไปดูเขาทำค็อกเทล ตะกี้เห็นบาร์เทนเดอร์เขาออกลีลาแล้วอยากไปดูใกล้ ๆ น่ะ”
อันตราเดินออกไปทางบาร์เหล้า อุรวสานิ่วหน้า เอามือนวดขมับ ปวดหัว แสงฉานหันไปมองภรรยา
“ที่รัก เป็นอะไร ปวดหัวไมเกรนเหรอ”
“ไม่แน่ใจค่ะ น่าจะใช่”
อุรวสาคลื่นไส้ ปวดหัวทำท่าจะอาเจียน
“วสาขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะคะ”
อุรวสาเดินออกไปอย่างเร็ว แสงฉานรีบลุกตาม
“ผมขอตัว ไปดูคุณวสานะครับ”
ทุกคนมองอย่างเป็นห่วง

อันตราเดินไปนั่งคนเดียวที่หน้าบาร์ ก่อนสั่งเครื่องดื่ม บาร์เทนเดอร์ผสมค็อกเทล เอาแก้วมาวางบนบาร์ให้
“เชอรี่แทมเพิลครับคุณผู้หญิง”
อันตราจะเอื้อมมือไปหยิบ แต่เวศม์เดินมาคว้าแก้วบนบาร์ตัดหน้าเธอไปถือไว้เอง
“เดี๋ยวเมานะคุณ”
อันตราดึงแก้วกลับมา หน้าหงิกใส่เวศม์
“ค็อกเทลน่ะรู้จักไหม กินให้ตายก็ไม่เมาย่ะ”
เวศม์หันไปมองบาร์เทนเดอร์เชิงถาม
“โน แฮลกอฮอล์ครับ”

ที่โต๊ะอาหาร เหลือภิสิตกับอินทุอรนั่งอยู่ด้วยกัน ทั้งสองคนมองไปทางบาร์ที่เวศม์ตามไปนั่งกับอันตรา ท่าทางของเวศม์ชัดเจนว่าตามตอแยอันตราอยู่ ภิสิตสีหน้าไม่ค่อยดี เพราะเป็นห่วงอินทุอร
“เวศม์กับเจ้าอัน นี่มันอะไรกันน่ะหนูอิน”
“ก็ตามที่เห็นล่ะค่ะ คุณเวศม์ชอบพี่อัน”
“นี่เวศม์จีบเจ้าอันหรอกเหรอ อาก็คิดว่าชอบหนูอินซะอีก”
“พี่เวศม์หลอกพี่อันต่างหากค่ะ บิ้วให้พี่อันหึง อาสิตคะ อินให้เป็นที่ระลึกค่ะ”
อินทุอรส่งถุงของให้ภิสิต ภิสิตหยิบกล่องใส่ปากกาออกมา
“เวลาอาสิตใช้ นึกถึงหลานสาวที่อยู่อีกซีกโลกหนึ่งนะคะ”
“ทุกครั้งที่อาเซ็นชื่อ อาจะคิดถึงหนูอินจ้ะ”

ภิสิตปิดความรู้สึกไม่มิด อินทุอรกำลังจะจากไปแล้ว อารมณ์เขาพลุ่งพล่าน รุนแรงอยู่ภายใน จนหลุดแสดงให้อินทุอรเห็นทางสีหน้าแววตา อินทุอรยิ้มให้แบบใสซื่อ ทำเป็นไม่รับรู้ความรู้สึกที่ส่งมา

อันตรามองหน้าเวศม์เคียดแค้น ซดเครื่องดื่มหมดแก้ว ก่อนวางกระแทกแรง ๆ
 
“ขออีกแก้ว”
“งั้นผมเอาด้วย ดีแล้วที่คุณไม่เมา ผมมีเรื่องจะอธิบาย”
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ไอ้คนโกหก ไอ้คนสับปลับ ไอ้คนเจ้าชู้”
“คุณอันฟังผมก่อนสิ”
“ไม่ฟังเฟ้ย”
อันตราลุกจากเก้าอี้ทำท่าจะเดินหนี เวศม์ไวกว่าฉวยแขนข้างหนึ่งของเธอไว้ อันตราหันไปหันมาบาร์เทนเดอร์เอาเครื่องดื่มสองแก้วมาเสิร์ฟพอดี เธอหยิบสาดใส่เวศม์
“อื้อหือเต็ม ๆ เลยเฟ้ย”
อันตราทำหน้าเยาะใส่ เวศม์ส่ายหน้าเซ็ง ๆ
“เล่นแรงนะคุณ”
“ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้นายมาถูกเนื้อต้องตัวฉัน”
“เสื้อผมเลอะหมดเลย จะซักออกไหมก็ไม่รู้”
“ซักไม่ออกก็ดี สมน้ำหน้า อยากมือไวนัก”
เวศม์ทำตาพราวใส่ ก่อนยื่นหน้ามาใกล้
“คุณต้องชดใช้ มาเป็นแม่บ้านซักผ้าให้ผมละกัน ไหนดูมือสิเคยซักผ้ารึเปล่า”
เวศม์จับมืออันตรา
“นิ่มขนาดเนี้ย ต้องไม่เคยทำงานบ้านแน่ ๆ”
เวศม์ลูบฝ่ามือนิ่ม ๆ ของอันตรา อันตรายัวะ ชกเข้าให้ เวศม์จับมือหญิงสาวไว้
“คนแพ้ก็ยังแพ้อยู่อย่างเดิม ไม่พัฒนาเล้ย ฮ่าๆ”
“ไอ้บ้า”
อันตราจะต่อยเวศม์ แต่โดนเวศม์จับมือไว้ทั้งสองข้าง
“มือโดนล็อค เอาปลายจมูกต่อยก็ได้นะครับ ฮะๆๆ”
เวศม์ยื่นหน้าทะเล้น ยั่วให้อันตราหอมแก้ม
“ตาย”
อันตราแรงสู้ไม่ได้ จะต่อยเวศม์ ก็ต่อยไม่ได้ โดนเขาจับมือไว้ อัษฎาเดินเข้ามาพอดี เห็นลูกสาวกำลังโดนแต๊ะอั๋ง
“ไอ้เวศม์”
อัษฎาเสยหมัดเข้าปลายคางเวศม์ เวศม์ส่ายหน้า มึนไปเล็กน้อย ภิสิตกับอินทุอรรีบลุกจากโต๊ะมาดูเหตุการณ์
“เจ้าอัน หนูอิน กลับบ้าน”
“พี่อัษใจเย็น ๆ ครับ”
อัษฎาชี้หน้าเวศม์ แค้นมาก บังอาจนัก อินทุอรกับอันตรารีบเข้าเกาะแขนพ่อไว้คนละข้าง กลัวอัษฏาจะทำร้ายเวศม์อีก เวศม์หน้าแหย กลัว แสงฉานประคองอุรวสาท่าทางเพลีย ๆ เข้ามาสมทบ สองคนงงหนัก เพราะไม่รู้เห็นเลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“เกิดอะไรขึ้นคะ”
“คุณวสาเป็นอะไร ท่าทางเหมือนไม่สบาย”
“ไมเกรนกำเริบครับคุณพ่อ”
“งั้นคืนนี้กลับไปนอนบ้าน กลับกับพ่อทั้งสามคนนี่ล่ะ”
อัษฏาไปดึงอุรวสาจากแสงฉาน ประคองพาเดินออกไป อุรวสายังงง ๆ พูดอะไรไม่ออก อินทุอรกับอันตรารีบเดินตามพ่อไป
“พ่อคะ ถ้าวสาไปกับพ่อแล้วแสงจะกลับยังไงคะ”
“ช่างมัน แต่วันนี้ลูกสาวพ่อต้องอยู่บ้านครบทุกคน ขับรถตามพ่อมาเลยนะคุณวสา”
อัษฏายังโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงเดินหนีไปที่รถ อุรวสาทำท่าจะไม่ยอม จะเดินตามไปคุย อินทุอรกับอันตรารีบเข้าประกบอุรวสา
“คุณวสา ตามใจพ่อหน่อยเหอะ”
“นะคะพี่วสา ไม่งั้นระเบิดลงแน่ แล้วอินจะเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น”
อุรวสาหน้าหงิกก่อนถอนหายใจยอมแพ้ สามสาวเดินไปที่รถ

สามหนุ่มกลับมานั่งที่โต๊ะเดิม แสงฉานยังงงอยู่
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับ”
“เฮ้อ แจ็คพอตแตกตลอดเลยเรา”
เวศม์ลูบกราม ยังระบมที่โดนต่อย
“แล้วคุณเวศม์เป็นอะไร”
“โดนคุณพ่อจอมโหดต่อยครับ”
แสงฉานหน้าเหรอหรา หันมองหน้าภิสิตที่พยักหน้ายืนยันว่าจริง เวศม์นั่งจับคาง เช็คว่าตรงไหนบุบสลายบ้าง แสงฉานกับภิสิตมองขำ ๆ พลางคุยกัน ต่างคนต่างอารมณ์ดี
“สมควรโดนแล้ว ไปแต๊ะอั๋งลูกสาวคนโปรดพี่อัษ”
“ผมนี่สิ เลยโดนหางเลขไปด้วย”
“โทษทีคุณแสง แต่อาสิตก็อย่าคิดว่าจะรอดนะครับ คิดชิงยอดดวงใจคุณอัษ ดีไม่ดีจะโดนหนักกว่าผมซะอีก”
ภิสิตนิ่งไป ที่เวศม์รู้เรื่องอินทุอร
“คือ คุณรู้”
“พวกเรารู้กันทั้งก๊กแหละครับอาสิต ทั้งอันตรา วสาก็รู้กันหมด”
“ไอ จาม กับความรักมันปิดกันไม่มิด อาสิตไม่เคยได้ยินเหรอครับ” เวศม์พูดขำๆ
ภิสิตหน้าเสีย ไม่นึกว่าทุกคนจะรู้ ถามเสียงอ่อย
“แล้วหนูอินรู้มั้ย”
“ผมเคยถามวสาแต่เขาไม่ยอมเล่าครับ สามสาวพี่น้องนั่นน่ะ เวลามีความลับจะเก็บเงียบรู้กันแค่ 3 คน ขนาดผมแต่งงานกับวสาแล้วยังเจาะเข้ากลุ่มไม่ได้ เขารักกันแน่นแฟ้นมาก”
“ผมว่าหนูอินไม่รู้หรอกครับ ยังเด็กอยู่”
คำพูดเวศม์ทำให้ภิสิตสบายใจขึ้น
“ผมเอาใจช่วยอาสิตนะครับ”
“อาก็เอาใจช่วยเวศม์”
“ส่วนผมเอาใจช่วยทั้งคู่ แต่ตอนนี้ผมต้องกลับก่อนนะครับ เกิดเมียโทรเช็ครู้ว่ายังไม่กลับบ้าน เดี๋ยวงานเข้าอีก”
ทุกคนหัวเราะสนุกด้วยกัน ดูสนิทสนมเพราะตกที่นั่งเดียวกันหมด
“งั้นผมไปส่ง”
เวศม์นึกขึ้นได้ว่าไม่อยากกลับบ้าน ทำหน้าเซ็งๆ แสงฉานสังเกตเห็น
“เอ่อ คุณมีปัญหาอะไรหรือเปล่า ดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลย”
“ที่บ้านมีปัญหานิดหน่อยน่ะ คุณแสงพอจะแนะนำโรงแรมใกล้ ๆ แถวนี้ให้หน่อยได้ไหม”
“คุณหนีอะไรที่บ้านมา” ภิสิตถาม
“เรื่องใหญ่น่ะครับ เล่าแล้วปวดหัวเปล่าๆ”
เวศม์ตั้งใจไม่เล่า เพราะไม่อยากเอาศศิพิมลมาประจาน
“ถ้ากลับไม่ได้ นอนค้างห้องผมสักคืนก็ได้นะ คนกันเองทั้งนั้น” แสงฉานขวน

“เฮ้ย เอางั้นเหรอ เกรงใจ” เวศม์ยิ้มๆ

แสงฉานเปิดประตูห้องเข้ามา เวศม์เดินตามหลัง คุยกันมา
 
“คุณวสาจะว่าไรไหมเนี่ย”
“ไม่หรอกครับ ผมเคยไปอาศัยคุณอยู่ตั้งหลายคืนตอนสมัยอยู่ซานฟราน”
“ผมจำได้ ตอนนั้นคุณวสาโกรธคุณแทบแย่เรื่องแอบซื้อเครื่องครัวชุดใหญ่แพงมากจนพาลไม่ให้กลับบ้าน คุณเลยต้องมาอาศัยผมอยู่”
“เรื่องขี้งกน่ะไม่มีใครเกินคนนี้หรอก”
สองหนุ่มลงนั่งเอกเขนกคุยกัน
“ว่าแต่ตอนนั้น คุณง้อคุณวสายังไง”
“จะเอาไปง้อเจ้าอันล่ะสิ”
“ไม่ให้ง้อคุณอันแล้วจะไปง้อใครได้”
“ผู้หญิงน่ะแพ้ความโรแมนติกทุกคน อย่างวสานะ ทำอาหารอร่อยๆ ให้กิน เปิดเพลงคลอไปด้วย ยื่นดอกไม้ให้แล้วอธิบายทุกอย่างไป แค่นี้ก็ใจอ่อนแล้ว”
“แต่คุณอันไม่ใช่คนหวานๆ ทั่วไปนะ”
“ยังไงเจ้าอันก็ยังเป็นผู้หญิงอยู่ดี เชื่อผมเหอะ โรแมนติกเข้าไว้ รับรอง ใจอ่อน”
เวศม์คิดตาม
คืนนั้น ศศิพิมลชะเง้อรอเวศม์ แต่เวศม์ยังไม่กลับบ้าน เธอได้แต่เศร้า

อันตราตื่นนอน ขยี้ตางัวเงียกลิ้งไปมา แล้วเห็นพ่อนั่งกอดอก ทำหน้าเข้มอยู่ข้างเตียง
“เราชอบไอ้เวศม์รึเปล่า”
อันตราแทบหายง่วงนอน
“อะไรนะคะ”
“พ่อถามว่า เราชอบนายเวศม์มั้ย”
“เปล่าค่ะ”
“แน่ใจนะ หมอนั่นมันหล่อ”
“ให้เป็นแฟนนายเวศม์ อันเลี้ยงจิ้งจกมีประโยชน์กว่าค่ะ ก่อนออกจากบ้านยังส่งเสียงทัก”
“ดีแล้ว อย่าริไปชอบผู้ชายเจ้าชู้ พ่อไม่อยากเห็นลูกเสียใจ พ่อกับแม่จะไปข้างนอก ถ้าไอ้เจ้าเวศม์มา ห้ามออกไปหามันล่ะ”
“ค่ะ คุณพ่อคุณแม่จะไปไหนคะ” อันตราถามแปลกใจ

บรรยากาศสวยงามของบางปู อัษฎามองไปโดยรอบ สีหน้าและแววตาคิดมาก คิดถึงความหลังระหว่างเขากับบราลี
“ตอนเราเริ่มคบกัน คุณพาฉันมาเที่ยวบางปูเป็นที่แรก”
“สมัยนั้น บางปู นกนางนวลเยอะกว่านี้”
อัษฎาเกิดปวดหลังรุนแรง
“เป็นอะไรคะคุณอัษ”
อัษฏาค่อยๆ ทรุดลง
“คุณอัษ ตามหมอให้ทีค่ะ ใครก็ได้ โทรตามหมอที”
“ผมเป็นหมอครับ”
ชายคนหนึ่งวิ่งมา อัษฎาหมดสติไปแล้ว หมอจับชีพจร
“ชีพจรไม่เต้นแล้ว”
“ไม่ คุณอัษ คุณอัษ”
บราลีกอดอัษฎาไว้ ร้องไห้อย่างน่าสงสาร

อัษฎานั่งเหม่ออยู่ภายในห้องอาหารบางปู
“คุณอัษคะ คุณอัษ”
อัษฎารู้สึกตัว หันมองบราลี เขาคิดไปเองว่าตัวเองตาย
“วันนี้เหม่อหลายหนแล้วนะคะ”
“คิดไปเรื่อยเปื่อยน่ะจ้ะ”
“วันก่อนฉันไปห้างกับหนูอิน ซื้อมาให้คุณค่ะ”
บราลีส่งนาฬิกาผู้ชายเรือนแพงให้อัษฎา
“เราอยู่กันมานาน จนบางทีก็หลงลืม ละเลยกัน”
อัษฎาปลื้ม ถอดนาฬิกาเรือนเดิม ใส่นาฬิกาใหม่แทน
“คุณอยากได้อะไรคุณบราลี แหวนเพชรมั้ย”
“คุณให้ฉันมากพอแล้วล่ะค่ะ ตั้งแต่วันแรกที่เราแต่งงานกัน คุณก็คอยดูแลฉันอย่างดีมาตลอด จนถึงวันนี้ ไม่มีสักวันที่ฉันรู้สึกขาดเลย ฉันแค่อยากดูแลคุณ ให้ฉันไปพักร้อนกับคุณด้วยนะคะ”
อัษฎามองวงหน้าภรรยาคู่ชีวิต สะเทือนใจ ไม่รู้จะได้เห็นหน้าภรรยาสุดที่รักไปอีกนานแค่ไหน
“อัษคะ เราผ่านอะไรด้วยกันมาก็มาก มีอะไรเราพูดกันตรงๆ ได้ไม่ใช่หรือคะ ฉันทำอะไรให้คุณไม่พอใจหรือเปล่า คุณถึงอยากอยู่ห่างฉันบอกฉันมาเลยค่ะ ฉันนจะได้ปรับปรุงตัว”
“คุณเป็นภรรยาที่ดีที่สุด ชาติหน้าหรือชาติไหนๆ ผมจะตามหาคุณ จะพยายามเอาชนะใจคุณให้ได้เหมือนชาตินี้”
“คุณรักฉัน แล้วทำไมถึงไม่ยอมให้ฉันไปด้วยล่ะคะ”
อัษฎาหันไปสนใจนาฬิกาใหม่
“คุณรู้รสนิยมผม ถูกใจผมมากเลยจ้ะ”

อัษฎามองนาฬิกาปลาบปลื้ม ขณะที่บราลีหน้าเครียด ไม่เข้าใจว่าทำไมอัษฎาถึงทำตัวแปลกไป ต้องมีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้นกับเขาแน่

เวศม์เดินเข้าฟิตเนสมา ทำทีจะเล่นเวท แต่พอพนักงานไม่สังเกต เขาก็แอบเข้าไปในห้องทำงานของอันตรา หยิบโพสต์อิทมาเขียนอะไรบางอย่าง
 
อันตราขี่รถมอเตอร์ไซค์คันเท่เข้ามาจอด พอถอดหมวกกันน็อค ก็เห็นกระดาษใหญ่มากแปะไว้ที่ที่จอดรถประจำ เขียนว่า “ไปที่ห้องทำงานด่วน” เธอตกใจ รีบเข้าไปในฟิตเนส วิ่งไปที่ห้องทำงาน เวศม์รีบหลบหลังตู้ หยิบมือถือขึ้นมากด อันตราเห็นโพสต์อิทที่แปะไว้บนโต๊ะทำงาน “เช็คมือถือด่วน”
“อะไรกัน”
อันตรารีบเอามือถือขึ้นมาเช็ค เห็นอินสตาแกรมของเวศม์ tagged your photo เธอเริ่มสงสัย เปิดเข้าไปดู ปรากฏว่าเป็นรูปไอศกรีม มีตัดต่อรูปเวศม์กับอันตราอยู่ด้วย และมีข้อความบางอย่าง อันตราอ่าน
“ไอติมเรียกหวานเย็น แต่ที่เธอเป็นเรียกหวานใจ แหวะ จะอ้วก”
อันตรารีบเข้าไปคอมเม้นต์
“ลบรูปเดี๋ยวนี้ไอ้บ้า”
เวศม์ตอบมาทันที
“เขินเหรอจ๊ะที่รัก”
คอมเม้นต์ของอินทุอรขึ้นมา
“หวานกันจังเลยนะคะ”
-อันตราแค้นมากทุบโต๊ะรีบโทรหาเวศม์ เวศม์รับทันก่อนริงโทนจะดัง
“อัพรูปบ้าอะไรของนาย ฮะ”
“น่ารักออก คุณไม่ชอบเหรอ”
“ไม่ชอบ ลบเดี๋ยวนี้เลย แคปชั่นอะไรนั่นด้วย ใครไปเป็นหวานใจของนาย”
“โธ่คุณ ผมจริงจังนะ”
“ฉันเกลียดแคปชั่นของนายที่สุด”
“แคปชั่นดีอ่ะ ได้จากการคิด ส่วนคู่ชีวิตอ่ะได้จากการคบ คุณไม่อยากได้คู่ชีวิตบ้างเหรอคนสวย”
อันตราแทบกรี๊ด เล่นมุกเชยอีกแล้ว
“ไม่อยาก โอ๊ย ฉันไม่รู้จะทำยังไงกับนายแล้วเนี่ย”
“คุณรู้มั้ย ภาษาเกาหลีอ่ะ อ๊อดต๊กเค แปลว่าทำยังไงดี เหมือนที่ผมเจอคุณกี่ทีก็ยัง อ๊อดต๊กเค”
“ต๊กคงต๊กเคอะไรฟังไม่รู้เรื่อง”
“ลองฟังดีๆ สิคุณ ฟังผมเนี่ยก็ได้ความรู้ แต่ถ้าให้นึกถึงหน้า ยู เนี่ยคงมีแต่ความรัก”
อันตราจะบ้าตาย เวศม์ค่อยๆ เดินออกมาจากที่ซ่อน อันตราหันหลังให้อยู่ มองไม่เห็น
“หันหลังมาสิคุณ ใจเราจะได้ตรงกัน”
อันตราหันหลังมาเจอกับเวศม์ ทำท่าจะวางสายแล้วเข้าไปด่า แต่เวศม์ห้ามไว้
“อย่าเพิ่งวาง คุยกันอย่างนี้โรแมนติกดี”
“ตรงไหน”
เวศม์เอาแว่นขึ้นมาใส่
“ใส่แว่นเพื่อ”
“ใส่แว่นน่ะไม่ได้จะเป็นเด็กเรียน แต่จะได้เนียนๆ เวลาแอบมองคุณไง”
อันตราเริ่มเหลืออด จะเข้าไป เวศม์หยุดไว้อีกรอบ
“ที่ผมเล่นมุกเสี่ยวไม่ใช่อะไรหรอก ผมแค่อยากให้คุณมาสนใจ จะให้โรแมนติคผมก็ทำไม่ค่อยเป็น ผมก็ทำได้แค่นี้แหละ”
“นาย”
“ผมรู้ว่าเราทะเลาะกันตลอด แต่ผมรู้สึกได้นะว่าในการทะเลาะของเรา มันมีเยื่อใยอะไรบางอย่างอยู่ในนั้น อันตรา ผมคิดว่าผมชอบคุณ เราจะเป็นแฟนกันได้ไหม”
อันตราอึ้ง เวศม์ค่อยๆ เดินเข้าไปหา
“ถ้าคุณตกลง คุณก็เดินมาหาผม แล้วค่อยวางสาย แต่ถ้าไม่ คุณก็วางสายตรงนั้นเลย ผมจะได้คิดว่า ผมแค่พูดให้โทรศัพท์ฟัง ไม่ได้พูดกับคุณ”
อันตรายังไม่วางสาย เดินเข้าไปหาเวศม์ ใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ เวศม์ยิ้มดีใจคิดว่าอันตรารับรัก อันตราวางสายแล้วเก็บมือถือ
“ที่ฉันวางสายเพราะคิดว่าฉันคงไม่ถนัดที่จะทำอย่างนี้”
อันตราเอามือขึ้นมา เวศม์นึกว่าจะกอด หลับตาพริ้ม เธอต่อยหน้าเขาเปรี้ยง เวศม์ล้มลงไป อันตราหงุดหงิด เดินหนีออกไปจากห้อง

เวศม์มาหาแสงฉานที่คอนโดฯ จับกรามที่โดนอันตราต่อย แสงฉานเอาน้ำผลไม้มาให้ ขำๆ
“ระหว่างหมัดพ่อ กับหมัดลูกสาว หมัดใครหนักกว่าครับ”
“ไม่ขำ ผมเจ็บ”
“คุณไปทำอะไรให้เจ้าอันโกรธ”
“เพราะความโง่ของผมเอง โดนคนใกล้ตัวหลอกว่าจะฆ่าตัวตาย คุณแสงจำไว้เลยนะครับ ผู้ชายต่อให้ฉลาดแค่ไหน ก็รู้ไม่ทันผู้หญิง”
“คุณมีผู้หญิงอีกคน”
“เวลาผมจีบใคร ผมจีบคนเดียว ผมรักเผื่อเลือกไม่เป็นครับ ผมยึดโซฟาคุณแสงเป็นที่นอนอีกคืนนะครับ”
“สรุปว่าคุณหนีผู้หญิงอีกคนที่บ้านมาหรือครับ”
เวศม์ไม่ตอบ ไม่อยากเอาศศิพิมลมาประจาน
“ตามสบายครับ ผมยังไงก็ได้อยู่แล้ว”
แสงฉานไปเปิดตู้เย็น เอาเครื่องปรุงออกมา จะทำกับข้าว เวศม์ขยับกรามซ้ายขวา ระบม

ภิสิต อัษฎา และสมศักดิ์ นัดสังสรรค์กัน ภิสิตเรียกเก็บเงินแล้ว สมศักดิ์ยังกินข้าวอยู่ ยังไม่อยากกลับ
“ไอ้เจ้าเวศม์มันแสบมาก สับขาหลอกพี่ทำทีเป็นจีบหนูอิน เป้าหมายจริงคือเจ้าอัน”
บริกรเอาสลิปบัตรเครดิตมาให้ภิสิตเซ็นจ่ายค่าอาหาร
“วันนี้วันเสาร์ไม่เห็นต้องรีบกลับ ยังไม่ทันเห็นพระจันทร์เลยมั้งเนี่ย” สมศักดิ์บ่น
“สามทุ่มแล้วไม่เห็นพระจันทร์อะไร เมฆเยอะต่างหากโว้ย”
ภิสิตหยิบปากกาที่กระเป๋าอกเสื้อเซ็นสลิปบัตรเครดิต มองปากกาแล้วนึกถึงคนให้ อัษฎากับสมศักดิ์เห็นแล้วสังเกตอาการได้
“มองตาเยิ้มเชียว”
สมศักดิ์ยิ้มๆ แกล้งแซว
“มองแล้วยิ้มหวานขนาดนี้ ผู้หญิงที่รักให้มาชัวร์”
ภิสิตยิ้มๆ ไม่ปฏิเสธอะไร
“ฮั่นแน่ ไม่ปฏิเสธ แถมหูแดงขนาดนี้ ไม่มีผิดแน่ คุณบุษให้มาล่ะสิ” สมศักดิ์แซว
“เอ่อ ไม่ใช่ครับ”
ภิสิตตกใจ เผลอหลุดปาก
“ไม่ใช่บุษเหรอ” อัษฎาแปลกใจ
ภิสิตหน้าเหรอ กลัวโดนจับได้
“เอ๊ย ใช่ครับ บุษซื้อปากกาด้ามนี้ให้ผม”
“หวานจังนะคู่นี้”
“เรากลับกันเถอะครับ”
“อ่ะแน่ะๆ เขินๆ”
ภิสิตจะเอาปากกาเหน็บคืนที่อก อัษฎาลุกขึ้นแล้วเกิดเจ็บหลัง
“โอ๊ย”
ภิสิตเหน็บปากกายังไม่ดี ปากการ่วงลงบนพื้นโดยที่ตัวเองไม่รู้ตัว รีบไปประคองอัษฎา
“ไหวไหมครับพี่อัษ เป็นอะไรหรือเปล่า”
“ไม่เป็นไรหรอก คนแก่ก็อย่างนี้แหละ ปวดข้อปวดหลัง จิ๊บจ๊อยๆ”
อัษฎารีบเดินออกไป ปกปิดที่เจ็บหลัง ภิสิตรีบเดินตามไป

ทั้งสามคนมาที่รถ สมศักดิ์เดินหน้าม่อยตามมาคนสุดท้าย
“ไว้นัดสังสรรค์กันอีกนะครับคุณศักดิ์”
“สังสรรค์อะไรครับ สามทุ่มก็เลิกแล้ว ราตรีนี้ยังไม่ทันจะเริ่มเลย”
“ดึกมากก็ไม่ดีนะไอ้ศักดิ์ แก่แล้วเพลาๆ ลงบ้างเถอะ”
“ผมไปนะครับพี่อัษ”
“ไว้เจอกันสิต”
ภิสิตเดินออกไปที่รถ สมศักดิ์ชวนอัษฎาไปเที่ยวต่อ บ่นกระปอดกระแปด
“ไปกับฉันหน่อยน่า กลับสักห้าทุ่ม ไปนั่งเล่นกันสนุกๆ”
“ไม่ไปโว้ย ลูกเมียฉันรออยู่บ้าน”
“ไปคนเดียวก็ได้ ไอ้อัษทรยศ”
สมศักดิ์ขึ้นรถขับออกไป บริกรวิ่งมาหาอัษฎา
“คุณทำตกไว้ค่ะ”
บริกรเอาปากกาของภิสิตมาคืน อัษฎาจะเรียกภิสิต แต่รถภิสิตแล่นไปไกลแล้ว อัษฎาเลยเก็บปากกาไว้เอง

ภิสิตกลับมาบ้าน เอามือมาจับที่อกจะเอาปากกามาดู แล้วไม่เจอ เขารีบตะปบกระเป๋าหา แต่ก็ไม่เจอ ตกใจมาก เสียใจที่ทำหาย

อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา 09.30น.
กำลังโหลดความคิดเห็น