xs
xsm
sm
md
lg

ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 21

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 21

ทางฝ่ายเสี่ยเต๊กกับเหลียนฮัวกำลังเล่นปูไต่กันอยู่ แต่ละคนทำหน้าตาสยิวกิ้ว จู่ๆ เหมยฮัวเปิดประตูผัวะเข้ามาโดยไม่เคาะ เสี่ยเต๊กกับเหลียนฮัวรีบกระเด้งออกจากกันแทบไม่ทัน

“เหมย ทีหลังเคาะประตูก่อนสิลูก” เสี่ยตำหนิ
เหมยฮัวร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมา “เตี่ย...เหมยไม่อยากให้พี่เทพลำบากไปมากกว่านี้”
เหลียนฮัวสะดุ้ง รู้ทันทีลูกสาวจะพูดอะไร รีบลุกไปหา
“คนท้องอารมณ์แปรปรวน อย่าเพ้อเจ้อน่าเหมย กลับไปนอน”
เสี่ยเต๊กขัดขึ้น “ให้ลูกพูดมา เมื่อกลางวันก็ทีนึงแล้ว เหมือนอยากบอกอะไร”
เหลียนฮัวรีบแก้ “แก้ตัวแทนอาเทพน่ะซี่ หม่าม้าพากลับห้อง”
เหมยฮัวโพล่งออกมา “พี่เทพไม่ได้ทำเหมยท้อง เหมยท้องกับคนอื่น”
เสี่ยเต๊กหน้าเหรอหลา ตกใจ เหลียนฮัวก็ตกใจ ไม่คิดว่าลูกสาวจะพูดออกมา
เหมยฮัวผละจากหม่าม้ามาหาเตี่ยที่เตียง
“วันนั้นเหมยจะหนีออกจากบ้าน ให้พี่เทพมารับ เตี่ยเลยเข้าใจผิดว่าเหมยจะหนีตามพี่เทพ หม่าม้าก็รู้ หม่าม้าช่วยเหมยปิดเตี่ย”
เสี่ยเต๊กเสียงเข้ม “จริงหรออาเหลียน”
เหลียนฮัวเงียบหน้านิ่ง คิดแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
“ว่ายังไงอาเหลียน ความจริงเป็นยังไง”
เหลียนฮัวตวาดผัวกลับเพื่อกลบเกลื่อน “อย่าตวาดอั๊ว อั๊วไม่ชอบ เสี่ยอย่าบ้าจี้เชื่อลูก เห็นๆ อยู่เหมยปกป้องอาเทพ”
“เหมยจะโกหกทำไม”
เหลียนฮัวขึ้นเสียงกับผัว “เสี่ยหาว่าอั๊วโกหกเหรอ”
เสี่ยเต๊กกลัวเมีย “ปละ เปล่าจ้ะ”
“อั๊วเคยเห็นอาเทพแอบปืนขึ้นห้องนอนเหมยตอนดึกๆ อั๊วรู้ดี อาเทพเป็นพ่อของหลานอั๊ว”
เสี่ยเต๊กเชื่อเมียมากกว่าลูกสาว “อย่าปกป้องผัวให้มากนัก มันเป็นลูกผู้ชาย ทำอะไรไว้ต้องรับผิดชอบ”
เหลียนฮัวเอ็ดลูก “ไปนอนเดี๋ยวนี้เหมย คนท้อง ห้ามนอนดึก”
เหลียนฮัวพาลูกสาวออกไป เสี่ยเต็กเซ็ง
“อดเล่นปูไต่เบย”

เหลียนฮัวพาลูกสาวกลับเข้าห้องดุลูก
“ห้ามทำอย่างนี้อีกนะเหมย เตี่ยรู้ว่าเหมยท้องกับคนอื่น ต้องอาละวาดบ้านแตก”
เหมยฮัวถอนสะอื้น “เหมยสงสารพี่เทพค่ะ”
“ไม่ใช่หม่าม้าไม่เห็นใจอาเทพ แต่หม่าม้าต้องช่วยเหมยก่อน เอาอย่างนี้จับอาเทพมาแต่งงานออกหน้าออกตาแล้ว อยู่กันซักปีนึง ก็หย่าให้” เหลียนฮัวตอบอย่างเห็นแก่ตัว
“หม่าม้าต้องการแค่นั้น เราก็จ้างผู้ชายซักคนมาแต่งงานกับเหมยซีคะ” เหมยฮัวย้อนแย้ง
เหลียนฮัวทั้งปลอบทั้งขู่ “คนอื่นไว้ใจไม่ได้ หย่ากันแล้วเที่ยวเอาไปพูด คนที่จะได้รับผลกระทบที่สุดก็คือลูกของเหมย กลายเป็นเด็กที่พ่อไม่ยอมรับ กับอาเทพ หม่าม้าไว้ใจได้ว่าจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับตลอดชีวิต เหมย เพื่อลูกบางที เราก็ต้องเห็นแก่ตัว”
“เหมยไม่อยากเป็นคนไม่ดีค่ะ”
“เราค่อยทำดีไถ่บาปกับอาเทพทีหลัง สัญญากับหม่าม้า จะปิดเรื่องอาเทพไม่ใช่พ่อของลูกเหมย เป็นความลับ อย่าสติแตกอีก”
เหมยฮัวเอาแต่เช็ดน้ำตาป้อยๆ ไม่รับคำ ทำให้เหลียนฮัวเป็นกังวล กลัวลูกสาวจะสติแตกขึ้นมาอีก

ทางฝ่ายหลงไม่สบายใจหนัก ตัดสินใจขึ้นมาชั้นบนจุดธูปไหว้ขอขมาพ่อแก่
“ลูกทำผิดมหันต์ โกหกครูที่นับถือ โกหกคนที่ลูกรัก โกหกคนที่จริงใจกับลูก หากว่าพ่อแก่เห็นความดีของลูก ที่พอมีอยู่บ้าง ขอพ่อแก่ช่วยดลใจให้ชาวคณะเทียมฟ้าหายโกรธเคืองลูกด้วยเถิด
หลงปักธูป แล้วก้มกราบพ่อแก่ด้วยจิตแน่วนิ่ง

ยามเช้า ท้องทุ่งนาบางไทรเขียวขจี บรรยากาศริมคลองบ้านครูเทียมแสนสดชื่น

จอมนางพาปู่มาไหว้พ่อแก่แต่เช้า สีหน้าจอมนางบูดบึ้งไม่คลาย ขุ่นเคืองหลงอยู่ตลอดเวลา
“หน้าบึ้งแต่เช้าไม่ดีลูก เช้ามา ต้องยิ้มไว้ ทำกายใจให้สดชื่นเบิกบาน”
“เบิกบานไม่ไหวจ้ะปู่ ช้ำใจ โดนหลอกมาหลายเดือน”
“ให้อภัยได้ก็ให้อภัยเถอะจอมเอ๊ย ไม่มีใครอยากเป็นคนไม่ดี โกหกพกลมหรอก”
ครูเทียมมองไปเห็นธูปปักไว้ ไหม้หมดแล้ก็แปลกใจ
“ใครมาไหว้พ่อแก่แต่เช้า”
“ไหม้หมดก้านแล้ว น่าจะไหว้ตั้งแต่เมื่อคืนนะจ๊ะปู่”
ครูเทียมสงสัย ใครจุดธูปไหว้พ่อแก่เมื่อคืน

ต่อจากนั้น จอมนางประคองปู่ออกมาเดินเล่น เห็นหลงกำลังต่อเติมแปลงผักอยู่ข้างเรือน หลงหันมาเห็นปู่หลานก็ยิ้มแฉ่งทักทายจอมนาง
“พี่ทำแปลงผักให้จอมเพิ่ม เสร็จแล้ว เราไปซื้อเมล็ดพันธุ์ผักมาลงกันนะครับ”
จอมนางเงียบกริบ ไม่แยแส ไม่วิสาสะ
“เมื่อคืนใครไหว้พ่อแก่ เอ็งหรือเปล่า” ครูถามขึ้น
“ครับ ผมไม่สบายใจ เลยไปจุดธูปไหว้พ่อแก่”
“เอ้อ...เอ็งนี่มีจิตวิญญาณของลิเกเข้าแล้วจริงๆ คนทั่วไป เวลาทุกข์ใจ มักไหว้พระ ส่วนคนลิเก เรามักไหว้พ่อแก่”
“เลือดลิเก ซึมซาบเข้าไปในสายเลือดผมแล้วล่ะครับครู”
“ใช่เหร้อ คนลิเกเป็นคนซื่อ จริงใจ ไม่โกหกนะ”
จอมนางแดกดันประชดประชันออกมา ก็หนีกลับเข้าบ้าน หลงจ๋อย
“เอ็งเรียนผูก ก็ต้องเรียนแก้เอง”
ครูเทียมไม่มองหลงด้วยแววตาเมตตาเหมือนเคย ใช้ไม้เท้าช่วยเดินไปทางศาลาท่าน้ำ
“แม้แต่ครูเทียมก็หมางเมินเรา เราต้องพยายามทำดีให้มากกว่านี้”
หลงเศร้าแต่ไม่ท้อถอย

ตอนสาย หลงซ่อมระนาด ติดตะกั่วที่หลุด เขายังซ่อมไม่เก่ง ติดกาวตะกั่วหลายหน ก็ติดไม่อยู่ ครูเทียมเดินมาเห็น
“หยอดกาวเยอะอีกหน่อย”
หลงยิ้มรับคำครูเทียม หยอดกาวเยอะขึ้น คราวนี้ทำให้ติดตะกั่วได้
ครูเทียมยิ้ม “ซ่อมเป็นแล้ว”
“เหลือต้องติดอีกหลายอันครับครู”
หลงตั้งอกตั้งใจติดตะกั่วใต้รางระนาด

ครูเทียมมองหลงอย่างเห็นใจ รู้ว่าเขาพยายามทำดีไถ่โทษ

ชาวคณะกำลังจะกินข้าวเช้าที่ชานเรือน กระแตมานั่งเป็นคนสุดท้าย ยกจานผัดผักมาวาง

ครูเทียมมองหา “หลงล่ะ”
“ไม่กินจ้ะ บอกจะซ่อมรางระนาดให้เสร็จ สงสารพี่หลงนะจ๊ะ ใครๆ ก็หมางเมินแก” กระแตบอก
“พี่อยากไล่มันไปอยู่บ้านพ่อมันด้วยซ้ำ ไม่เข้าใจ มันก็ยังทู่ซี้อยู่บ้านเราเพื่อ” โก่งเซ็ง ชังน้ำหน้าไม่หาย
“พี่หลงอยากให้พวกเราสนิทใจกับแกเหมือนเดิมน่ะ” โก๊ะว่า
กำจายบอกว่า “โดนมีดบาด กว่าแผลจะจางก็เป็นเดือน แล้วนี่ไอ้หลงมันโกหกพวกเรา แผลในใจมันหายช้า”
“หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน ให้เจ้าหลงได้พิสูจน์ตัวเองแล้วกัน” ครูสรุป
จอมนางสอดเสียงขุ่นว่า “ชั้นเห็นพี่หลงมาพอแล้วจ้ะปู่ คนโกหก ไว้ใจไม่ได้”
ทั้งหมดกินข้าว บรรยากาศไม่ครื้นเครงเหมือนทุกวัน

เสี่ยเต๊กอยู่ในห้องทำงานในบ้าน ส่งซองเงินเดือนให้เบิ้มกับพล
“อีก 2 วัน ถึงจะสิ้นเดือนนะครับเสี่ย” เบิ้มแปลกใจ
“อั๊วให้เงินเดือนพวกลื๊อก็ดีเท่าไหร่แล้ว นี่เงินเดือนเดือนสุดท้าย พวกลื๊อ ไม่ได้ต้องทำงานให้อั๊วอีก”
เบิ้มคอตก “พวกเราพึ่งบารมีเสี่ยมาเป็นสิบปี เสี่ยไล่ออก พวกเราไม่รู้จะไปพึ่งใคร”
“หนทางออกกว้างไกล มีที่ไปเยอะแยะ ยกเว้นบ้านอั๊ว พวกลี๊อไม่ต้องมาอีกเอาปืนอั๊วคืนมาด้วย”
เบิ้มกับพลส่งปืนที่เหน็บเอวคืนเสี่ยเต๊ก
เสี่ยเลิกคุย ก้มหน้าคิดเงินในบัญชีลูกหนี้ เบิ้มกับพลหน้าเสีย ถือซองเงินเดือนออกไป

เบิ้มกับพลถือซองเงินเดือนออกมาหน้าบ้าน
“เบิ้ม เราอาศัยกินอาศัยนอนที่เลาจน์เสี่ย เสี่ยไล่เราออกอย่างนี้ เราก็ไม่ที่อยู่ซีวะ” พลว่า
“เราต้องทำความดีความชอบ ให้เสี่ยเห็นว่า เสี่ยยังวางใจเราได้” เบิ้มบอก
“ทำอะไรดีวะ”
“หาที่กบดานใหม่พงศ์เทพให้เจอ พวกบ้านลิเกน่าจะรู้ ไปบางไทรกัน”
เบิ้มกับพลขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปมุ่งหน้าสู่บางไทร

ที่ห้องพักบังกะโล ฟ้าประทานกับตุ้มทุกข์ใจปรึกษาหารือกันถึงอนาคต
“ระหว่างรองานลิเก เราต้องหางานทำ แต่ผมไม่อยากอยู่บางไทร อับอายชาวบ้าน เป็นพระเอกลิเกตกต่ำ ไม่มีคณะเล่น”
“เรามีเงิน 3 ร้อย พอนั่งรถไปถึงจังหวัดไหนจ๊ะ”
ฟ้าประทานบอก “ไปกรุงเทพฯกัน”
สองคนแวะกินข้าวก่อนเข้ากรุงเทพฯ ตุ้มหน้าตากังวลปนทุกข์ ไม่อยากไปกรุงเทพฯ
“ฟ้าประทาน เราไปจังหวัดอื่นเถอะจ้ะ กรุงเทพฯ คนเยอะ ร้อยพ่อพันแม่ น่ากลัว”
“กรุงเทพฯหางานง่าย บริษัทห้างร้านเยอะ”
“จบแค่ม.6 อย่างเรา อย่างดีก็ได้งานเด็กเสิร์ฟ เงินเดือนไม่กี่พัน มีปัญญาเช่าห้องเล็กๆ ในสลัมอยู่”
“เอาน่า ลองไปก่อน ถ้าอยู่ไม่ไหว ค่อยกลับอยุธยา รีบไปเถอะ เมื่อกี้เห็นรถตู้เข้ากรุงเทพฯ ยังจอดรอคนอยู่” ฟ้าประทานหันไปเรียกเก็บตังค์ “เก็บเงินด้วยครับ”
ฟ้าประทานควักเงินในกระเป๋ากางเกง ทำแบงก์หล่นออกมาโดยไม่รู้ตัว
ฟ้าประทานจ่ายเงินค่าข้าวแล้วลุกออกไปกับตุ้ม

สองคนเดินมาถึงท่ารถตู้ คนขับยืนรอรับผู้โดยสาร
“ไปกรุงเทพฯ คนเท่าไหร่ครับ”
“60 บาท” คนขับบอก
ฟ้าประทานควักเงินในกระเป๋า เจอแต่เหรียญ
“เงินหายไปไหน”
ตุ้มใจเสีย “อยู่ในกระเป๋าเสื้อหรือเปล่าจ๊ะ”
ฟ้าประทานล้วงดูทุกกระเป๋า “ไม่มี ไม่รู้ผมทำหล่นตอนไหน”
“เราเหลือเงินท่าไหร่”
ฟ้าประทานแบมือ มีแต่เหรียญ “มีแค่นี้”
ทั้งคู่หน้าสลดหดหู่ มีเงินเหลือไม่กี่บาท ตุ้มจะร้องไห้

อีกฟากเบิ้มกับพลขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดแอบซุ่มข้างรั้ว
“จับพวกลิเกซ้อมจนกว่าจะบอก พงศ์เทพหนีไปไหน” เบิ้มบอกแผน
เวลานั้นหลงกำลังทำแปลงผักให้จอมนาง ใกล้เสร็จแล้ว
เบิ้มเห็นพอดี “พงศ์เทพยังอยู่”
“เข้าไปจับตัวเลย”
เบิ้มกับพลบุกเข้าบ้าน จับหลง
“กล้าบุกเข้ามาเลยเหรอ”
หลงสู้ เตะต่อยกับเบิ้ม และ พล ชุลมุน
ครูเทียมเห็นเข้ามาช่วย “อย่าแตะลูกศิษย์ข้านะเว้ย”
พลเยาะครูเทียม “ถอยไปห่างๆ ปู่ เดี๋ยวกระดูกกระเดี้ยวหัก”
“กระดูกเอ็งนั่นแหละจะหัก”
ครูเทียมเอาไม้เท้าตีพล พลั่กๆๆ

กำจายมองจากในบ้านออกไป เห็นครูเทียมกำลังตีคนแปลกหน้า รีบออกไปช่วย

อ่านต่อหน้า 2

ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 21 (ต่อ)

กำจายวิ่งมาช่วยครูเทียมรุมสกรัมพล ครูเทียมเอาไม้เท้าตี กำจายใช้เท้ากระทืบ หลงต่อยกับเบิ้ม จอมนาง กระแต โก๊ะ และโก่ง วิ่งมาช่วย โก่งกับโก๊ะถือดาบลิเกมาด้วย ทุกคนช่วยกันรุมเบิ้มกับพล สองคนสู้ไม่ไหว ผละหนีออกจากวงล้อมชาวลิเก

“เราแค่ต้องการตัวพงศ์เทพ” เบิ้มว่า
“พงศ์เทพที่เอ็งว่า เป็นคนบ้านนี้ ข้าไม่ให้จับตัวคนของข้าไปไหนทั้งนั้น” ครูบอกเสียงเข้ม
เบิ้มกับพลมองพวกลิเกตั้งท่าสู้ โก๊ะกับโก่งเงื้อดาบสูงเตรียมฟัน
“ถอยก่อน”
เบิ้มสั่ง แล้วถอยออกไปกับพล
พร้อมพงศ์กับเจ๋งเดินมาหน้ารั้วบ้านครูเทียม ซื้อกับข้าวมาให้ เห็นเบิ้มกับพลขี่มอเตอร์ไซค์สวนออกไป
“มันมาอีกแล้ว”
“เทพ”
พร้อมพงศ์ห่วงลูกชาย รีบเข้าไปหาในบ้าน พบว่าลูกชายได้รับปกป้องห้อมล้อมด้วยคนบ้านลิเก ครูเทียมดูเนื้อตัวหลง มีแผลหรือเปล่า พร้อมพงศ์ยิ้ม คนบ้านลิเกยังรักลูกชายตน
หลงยิ้มดีใจ อย่างน้อยบ้านลิเกก็ยังเป็นห่วง มาช่วยกันปกป้องเค้า จอมนางก็ด้วย
“ขอบคุณทุกคนมากครับที่ช่วยผม”
ชาวคณะพยักหน้ารับคำขอบคุณ ยังห่วงใยหลงกันอยู่

พร้อมพงศ์กับเจ๋งก้มกราบครูเทียมอยู่ในโถงชั้นล่าง มีโก๊ะกะหลงอยู่ด้วย
“เมื่อวานผมยังไม่ได้ขอโทษครู สิ่งใดที่ล่วงเกินครู อภัยให้ผมด้วยนะครับ”
ครูเทียมสัพยอก “ซื้อกับข้าวมาเป็นเครื่องเส้นนะพงศ์”
“เห็นน่ากิน เลยซื้อมาฝากครับ” พร้อมพงศ์ยิ้มแหยๆ
“พ่อพงศ์กับลูกชายระวังตัวล่ะ ไอ้พวกนั้นต้องมารังควานอีก”
“เทพอยู่บ้านครูเทียม หายห่วงครับ มีคนคอยช่วย”
“โก๊ะเอ๊ย พยุงข้าที ข้าจะขึ้นห้อง”
“ชั้นพาขึ้นบันไดจ้ะครู”
โก๊ะพาครูเทียมขึ้นบันไดไปพักผ่อนบนห้อง
“ครูเทียมไม่ค่อยคุยเหมือนเดิมนะลุง ธรรมดา คุยเก่งเป็นคุ้งเป็นแคว” เจ๋งว่า
“ครูเทียมไม่เอาไม้เท้าเขกกบาลลุงก็บุญหัวแล้ว เทพ เมื่อกี้พวกเทียมฟ้าช่วยเอ็ง แสดงว่ายังห่วงเอ็ง”
“ครับพ่อ ผมยังมีหวังให้พวกเค้ากลับมาสนิทใจกับผมเหมือนเดิม”
หลงยิ้ม สบายใจขึ้นเป็นกอง

เสี่ยเต๊กอยู่ทานอาหารอยู่ที่บ้านคุยสายอยู่กับเบิ้ม น้ำเสียงแปลกใจมาก
“อะไรนะ พงศ์เทพยังอยู่บ้านลิเก”
เหลียนฮัวกับอาจงอยู่ด้วย ตั้งใจฟัง

เบิ้มอยู่ริมถนน ในบางไทรคุยสายกับเสี่ยเต๊ก
“ครับเสี่ย ผมก็แปลกใจเหมือนกัน นึกว่าหนีไปแล้ว”
“ทำไมถึงไม่หนีไปกบดานที่อื่น”
เสี่ยเต๊กนึกถึงผู้หญิงที่เห็นมากับพงศ์เทพตอนไปดักรวบตัวในห้าง แล้วเห็นพงศ์เทพกับจอมนางยืนรอแถวประตูเข้าห้าง
“พาผู้หญิงที่ไหนมาด้วยวะ”
“คุ้นหน้านะครับเสี่ย เหมือนอยู่คณะลิเก” เบิ้มว่า
“เป็นอะไรกัน ถึงพามา” เสี่ยนึกสงสัยความสัมพันธ์ระหว่างพงศ์เทพกับผู้หญิงที่ยืนอยู่ด้วย
เสี่ยเต๊กคิดออกทันทีว่า เหตุผลที่พงศ์เทพไม่หนีจากบ้านลิเก เพราะมีคนรัก
“ไอ้เบิ้ม เอ็งจำผู้หญิงที่มากับพงศ์เทพที่ห้างได้มั้ย”
“ได้ครับเสี่ย ตัวเล็กๆ ผมสั้นๆ”
“เอ็งไปสืบดู พงศ์เทพกับผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไรกัน ได้เรื่องแล้วโทร.มาบอกอั๊ว เอ้อ...อั๊วให้พวกลื๊อทำงานต่อ สร้างผลงานให้เข้าตาล่ะ”
“ครับเสี่ย”
ที่ห้องอาหารบ้านเสี่ยเต๊ก เหลียนฮัวได้ยินเสี่ยเต๊กพูดถึงผู้หญิง ไม่สบายใจ
“อาเทพมีแฟนเหรอเสี่ย”
“สงสัย ถึงได้ไม่หนีจากบ้านลิเก อาจอยู่กับแฟน”
อาจงสอดขึ้น “คุณพงศ์เทพมีคนอื่น แล้วคุณหนูล่ะคะ”
ทั้งสามคนหนักใจขึ้นมาอีกหลายเท่า

ฝ่ายเหมยฮัวดูรูปแฟนตัวเองบนหน้าจอมือถือ ตัดพ้อต่อว่าแฟน
“คนเห็นแก่ตัว ไม่รับผิดชอบ ปล่อยให้ผู้ชายอีกคนต้องรับกรรม พีทกลับเมืองไทยเมื่อไหร่ จะไปดักต่อว่าถึงสนามบิน”
เหมยฮัวเช็คข่าวแฟนในเน็ต เจอข่าวหนึ่ง
“นักร้องดังพีท กลับถึงเมืองไทยแล้วเมื่อคืน”

เหมยฮัวตาโต ดีใจมาก เมื่อรู้ข่าวว่าแฟนตัวเองกลับเมืองไทย

ทางด้านจอมนางเขียนฉากลิเกโชว์อยู่ ขณะหลงเข้ามาหา

“ผู้จัดการโรงแรมโทรมา พรุ่งนี้ให้เราไปรำโชว์ มีทัวร์จีนลงครับ”
จอมนางตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “จ้ะ พี่หลงไม่ต้องไปด้วยนะจ๊ะ”
“ไม่มีพระเอก แล้วจะเล่นยังไงครับ”
“ชั้นแก้ปัญหาได้”
“เมื่อกี้พี่ขอบใจมากนะ ที่จอมไปช่วยพี่สู้กับลูกน้องเสี่ย”
จอมนางพยักหน้ารับเฉยๆ ทำเย็นชากับหลงอยู่อย่างนั้น
หลงง้อ “จอมครับ พี่ต่อแปลงผักเสร็จแล้ว ไปซื้อเมล็ดพันธุ์ผักกันนะครับ”
“แปลงผักของพี่ พี่ก็ปลูกเองซีจ๊ะ”
มีสายเข้ามือถือหลง เขากดรับ “สวัสดีครับ”

เป็นเหมยฮัวโทร.มาจากในห้องที่บ้าน
“เหมยค่ะพี่เทพ”
หลงหน้าเสีย เหมือนวัวสันหลังวะ ผู้หญิงอื่นโทร.มา ตอนอยู่กับจอมนาง
“พี่ไม่กวนจอมแล้วครับ”
หลงรีบออกไป
“ใครโทร.มา”
จอมนางไม่อยากใส่ใจหลง หันไปเขียนฉากลิเกต่อ

หลงหรือพงศ์เทพหลบมาคุยโทรศัพท์กับเหมยฮัวอยู่ตรงมุมที่ไม่มีคน ต่อว่าเหมยฮัวทันที
“เมื่อกี้ลูกน้องเสี่ยมาจับตัวพี่ เหมยยังไม่ได้บอกเสี่ย พี่ไม่ใช่พ่อลูกในท้องเหมย”
เหมยฮัวไม่ตอบ แต่บอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ “แฟนเหมยกลับเมืองไทยแล้ว เหมยจะไปบอกเค้าเรื่องลูก”
พงศ์เทพฉงน “แฟนเหมยเป็นคนต่างชาติหรอ”
“คนไทยค่ะ เค้าไปทำธุระที่เมืองนอก เหมยติดต่อเค้าไม่ได้ ฝากข้อความไว้ ก็ไม่แน่ใจเค้าได้รับหรือเปล่า”
พงศ์เทพพลอยตื่นเต้นไปด้วย หากแฟนเหมยฮัวยอมรับ เขาก็เป็นอิสระ “เหมยจะติดต่อเค้าได้เมื่อไหร่”
“เหมยโทร.เข้ามือถือเค้าเมื่อกี้ เค้าปิดเครื่อง เหมยจะพยายามโทร.ให้ติด ถ้าโทร.ไม่ได้จริงๆ เหมยจะบุกไปหาเค้า”
“บอกแฟนเหมย เด็กเป็นสิ่งมีชีวิตที่บริสุทธิ์ ทำให้เค้าเกิดมาแล้วต้องรับผิดชอบ”
“เหมยจะพยายามพูดกับเค้า ให้เค้าแต่งงานกับเหมย พี่เทพจะได้รอดพ้นจากเตี่ยเหมยซะที เหมยโทร.มาบอกข่าวดีพี่ เหมยโทร.หาแฟนต่อนะจ๊ะ”
“พี่เอาใจช่วยนะเหมย แล้วส่งข่าวพี่ด้วย”
“ค่ะพี่เทพ”
เหมยฮัววางสายจากพงศ์เทพก็โทร.หาแฟนอีก แต่โทร.ไม่ติด “เปิดเครื่องซะทีสิพีท”
ส่วนพงศ์เทพพึมพำออกมาว่า
“ขอให้ผู้ชายคนนั้นยอมรับเหมยกับลูก”
หลงยิ้มกว้าง เป็นรอยยิ้มที่แสดงถึงความสบายใจ ปลอดโปร่งโล่งใจเป็นที่สุด

บางไทรในแสงแดดเวลาเย็นย่ำ ตะวันใกล้ตกดิน
จอมนางซักซ้อมชาวคณะเตรียมจะไปรำโชว์พรุ่งนี้ ครูเทียมนั่งดู สบายอกสบายใจ หลานสาวเก่งขึ้นทุกวัน
“พรุ่งนี้พี่หลงไม่ไปด้วย เราไม่มีพระเอก ชั้นเลยเขียนฉากเทวดาเกี้ยวนางฟ้าน้ากำจายเป็นเทวดานะจ๊ะ พี่กระแตเป็นนางฟ้า”
โก่งกลับมาบ้าน วิ่งหน้าตั้งมาหาทุกคน
“ไปไหนมาจ๊ะพี่โก่ง มาซ้อมเร็ว พรุ่งนี้มีงาน”
“พี่ไปกินหวานเย็นที่ตลาดเจ๊ทรงงาม ได้ยินแม่ค้าคุยกัน เจ๊ทรงงามจับได้ว่าฟ้าประทานอมเงิน เจ๊ทรงงามไล่ฟ้าประทานออกจากบ้าน”
ทุกคนตกใจ เป็นห่วงฟ้าประทานกับตุ้ม
“จอม โทร.หาฟ้าประทานสิ” ครูบอก
จอมนางรีบโทร.หาฟ้าประทาน “มือถือเงียบสนิทเลยจ้ะ”
กระแตโทร.หาตุ้ม “มือถือตุ้มก็ติดต่อไม่ได้”
“ฟ้าประทานน่าจะมีเงินติดตัวไปเยอะ คงไปสบายแหละ”
“แม่ค้าเล่าว่า เจ๊ทรงงามแค้นมาก ยึดเงินฟ้าประทานมาหมด รถก็ไม่ให้” โก่งเสริม
“โดนเค้าไล่ตะเพิด มันสองคนก็น่าจะกลับบ้าน น่าจะรู้ว่าพวกเราเป็นห่วง” กำจายว่า
“ข้าเลี้ยงฟ้าประทานมา รู้นิสัยมันดี มันเป็นคนทิฐิแรง ไม่ยอมกลับมาอย่างนกปีกหักหรอก”
ทุกคนสีหน้ากังวล เป็นห่วงฟ้าประทานกับตุ้มมาก

ครูเทียมเป็นห่วงลูกศิษย์สองคนมากกว่าใคร

อ่านต่อหน้า 2

ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 21 (ต่อ)

ตลาดบางไทรมืดแล้ว ร้านรวงทยอยปิด และดับไฟหน้าร้านทีละร้านๆ ทั่วบริเวณตลาดเริ่มมืดและเปลี่ยว มีเพียงแสงไฟริมถนนส่องสว่าง ฟ้าประทานกับตุ้มเดินต๊อกๆๆ มืดแล้วไม่รู้จะไปนอนไหน เงินก็ไม่มี

“ผมเป็นผู้ชายนอนไหนก็ได้ ตุ้มกลับบ้านครูเทียมเถอะ”
“เราออกมาด้วยกัน ก็ต้องกลับด้วยกัน”
“ไม่ ผมไม่กลับ ผมจะกลับบ้านเทียมฟ้าก็ต่อเมื่อ ผมรวย” ดวงตาฟ้าประทานยังฉายแววทิฐิ ดื้อรั้น
“ฟ้าประทานไม่กลับ ชั้นก็ไม่กลับ”
“คืนนี้เราไม่มีที่นอนนะตุ้ม ผมทำเงินหาย เราไม่มีเงินจ่ายค่าโรงแรม”
ตุ้มบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ชั้นจะอยู่กับฟ้าประทาน ไล่ชั้นก็ไม่ไป”
ฟ้าประทานเห็นตุ้มแววตาจริงจังมาก จึงไม่รบเร้าอะไรอีก
“เราไปหาที่สว่างๆ นอนพัก พรุ่งนี้ค่อยคิด จะทำยังไงต่อ”
ตุ้มเดินเกาะแขนฟ้าประทาน ตลาดทั้งมืดและเปลี่ยว จนตุ้มรู้สึกกลัว

ทางด้านครูเทียมไม่สบายใจ เป็นห่วงฟ้าประทานกับตุ้มมาก จึงมาไหว้พ่อแก่
“ยามนี้ศิษย์รักของลูกสองคน เปรียบเหมือนนกปีกหัก ร่อนเร่พเนจร ลูกสุดแสนเป็นห่วง ขอพ่อแก่ดลจิตดลใจให้ฟ้าประทานกับตุ้มกลับมาหาลูกด้วยเถิด”

ฟ้าประทานเดินมาถึงศาลาพักริมถนน ตรงศาลามีไฟส่องสว่าง
“ตรงนี้สว่างดี คืนนี้เรานอนที่นี่กัน”
ตุ้มมองบริเวณรอบศาลา ในศาลาสว่างก็จริง แต่รอบด้านมืดสนิท ถนนแถวนี้ก็เปลี่ยว
ตุ้มหวาดกลัว “ชั้นนอนไม่หลับหรอกจ้ะ”
ฟ้าประทานเป็นห่วงตุ้ม “ไม่ต้องกลัว ผมจะไม่นอน จะอยู่โยงเฝ้าตุ้ม”
ถึงฟ้าประทานบอกจะอยู่เฝ้า ตุ้มก็กลัวอยู่ดี
“นอนเถอะ ผมไม่ให้ใครมาทำอะไรตุ้ม ผมสัญญา”
ฟ้าประทานเอากระเป๋าเสื้อผ้าของเค้าวางเป็นหมอนให้ตุ้มหนุนนอน ตุ้มวางใจฟ้าประทาน ล้มตัวนอน
ฟ้าประทานมองตุ้มด้วยความสงสารจับใจ ที่ต้องมาลำบากไร้รังนอนเพราะตน

ตุ้มนอนหนุนกระเป๋าเสื้อผ้าฟ้าประทาน หลับสนิท ส่วนฟ้าประทานแข็งตา พยายามฝืนไม่ให้หลับ ด้วยห่วงความปลอดภัยตุ้ม แต่ในที่สุดก็ค่อยๆ ผล็อยหลับไป
รถคันหนึ่งแล่นมาจอดใกล้กับศาลา คนขับผู้ชายกับเพื่อนลงจากรถมาเปิดกะโปรงหลังรถ จะหยิบของ
ชาย 1 มองไปในศาลาเห็นตุ้ม “ผู้หญิงนี่หว่า”
ชาย 2 บอกว่า “ตี 2 แล้ว มานอนอะไรตรงนี้วะ”
ชาย 1 กับชาย 2 ไปดูตุ้มในศาลา
ตุ้มกับฟ้าประทานหลับสนิทอยู่ในศาลา ผู้ชาย 2 คนก้มลงดูตุ้มใกล้ๆ
“สวยซะด้วย” ชาย 1 ปลุกตุ้มเบาๆ “น้อง...น้อง”
ตุ้มไม่ตื่น
ชาย 2 เลยจับแขนตุ้มปลุก “น้อง”
ตุ้มลืมตาตื่น เห็นผู้ชายแปลกหน้า 2 คน กำลังก้มมองลงมาระยะประชิด แถมมือชาย 2 จับแขนตัวเองอยู่ ตุ้มตกใจกลัวร้องกรี๊ด
“แอร๊ย...”
ฟ้าประทานสะดุ้งตื่น ตุ้มสะบัดแขนให้หลุดจากมือชาย 2 แต่ชาย 2 จับแน่นไม่ยอมปล่อย
“อย่าร้องน้อง” ชาย 2 บอก
ตุ้มร้องลั่น “ฟ้าประทานช่วยด้วย”
ฟ้าประทานตกใจตื่น “ปล่อยแฟนข้านะเว้ย”
ฟ้าประทานต่อยหน้าชาย 2 พลั่ก จนชาย 2 ต้องปล่อยแขนตุ้ม
ฟ้าประทานร้องบอก “หนีไปตุ้ม”
ตุ้มละล้าละลังไม่หล้าหนี ห่วงฟ้าประทาน
ชาย 1 บอกว่า “ฟังพี่ก่อนน้อง”
ฟ้าประทานหันไปต่อยหน้าชาย 1 อีกเปรี้ยงแล้วจับมือตุ้ม พากันวิ่งหนี ทิ้งกระเป๋าเสื้อผ้าไว้ทั้งคู่
ชาย 2 ร้องเรียก “น้องกลับมาก่อน น้อง...”
ฟ้าประทานกับตุ้มวิ่งหนีหายไปในความมืด
ชาย 1 บ่น “โธ่เอ๊ย ไม่ฟังกันเลย พวกพี่เป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ เป็นห่วงน้องผู้หญิง มานอนที่เปลี่ยวๆ จะเป็นอันตราย”
ที่แท้เป็นตำรวจ 2 คน ที่โดนฟ้าประทานต่อย เจ็บกรามทั้งคู่

ฟ้าประทานจับมือตุ้มพาวิ่งหนีกันมาสุดฝีเท้า สีหน้าตุ้มหวาดกลัวมาก
สองคนวิ่งหนีมาสักระยะ ผ่านวัดแห่งหนึ่ง ตุ้มเหนื่อย เพราะวิ่งมาไกล
“ชั้นวิ่งไม่ไหวแล้ว”
ฟ้าประทานมองไปในวัด “เข้าไปหลบในวัด”
สองคนวิ่งเข้าวัดไป

ฟ้าประทานกับตุ้มวิ่งมาถึงศาลาการเปรียญ ถึงพากันหยุดวิ่ง หอบเหนื่อยกันทั้งคู่
ฟ้าประทานมองหา “ผู้ชายสองคนนั้นไม่ตามมา” แล้วเพิ่งนึกได้ “กระเป๋าเสื้อผ้าผมอยู่ที่ศาลา”
“อย่ากลับไปเอานะจ๊ะ อันตราย”
“ผมไม่กลับไปหรอก”
ตุ้มยังตื่นตระหนกไม่หาย “เมื่อกี้หนีไม่ทัน ชั้นต้องโดน...ปล้ำ”
ตุ้มปล่อยโฮ ร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว
“ตุ้มไม่เป็นไรแล้ว ปลอดภัยแล้ว” ฟ้าประทานปลอบ
“ชั้นกลัว”
ตุ้มเหลียวมองไปรอบๆ ระแวงกลัวใครมาทำร้าย
“ผมจะปกป้องตุ้มเอง”

ฟ้าประทานโอบตุ้มไว้อย่างปกป้องแล้วคุ้มครองเต็มที่

กลางดึก จอมนางกับกระแตนอนหลับอยู่ในห้อง จนได้ยินเสียงระนาดดังแว่วจากนอกชาน ปลุกสองสาว กระแตงัวเงียตื่น

“กี่โมงเนี่ย”
จอมนางดูนาฬิกาบนมือถือ “ตี 3 จ้ะ”
“ปู่ยังไม่หลับอีก” กระแตว่า
“เวลาไม่สบายใจ ปู่ชอบตีระนาด ปู่คงกังวล ห่วงฟ้าประทานกับตุ้มน่ะจ้ะ”
“พี่ว่าฟ้าประทานต้องมีเงินติดตัวไป ไม่ลำบากหรอก” กระแตบอก
“ชั้นไปดูปู่นะจ๊ะ”
จอมนางลุกจากเตียง ออกไปดูปู่ กระแตหลับต่อ

ถัดมาจอมนางหน้าตางัวเงียออกมาหาปู่ ครูเทียมกำลังนั่งตีระนาด สีหน้าเป็นทุกข์ ห่วงฟ้าประทานกับตุ้มมาก จอมนางมานั่งหน้าง่วงข้างๆ ปู่
ครูเทียมหยุดตีระนาด หันมาหาหลาน “กลับไปนอนไปลูก”
“ปู่จ๋า อย่าคิดมากเรื่องฟ้าประทานกับตุ้มเลยจ้ะ สองคนนั่นต้องเอาตัวรอด”
“ตอนฟ้าประทานกับตุ้มย้ายไปอยู่บ้านเจ๊ทรงงาม ปู่คิดถึง แต่ไม่ห่วงซักเท่าไหร่ เพราะรู้ว่าไปอยู่สบาย แต่นี่ ฟ้าประทานกับตุ้มโดนเจ๊ทรงงามไล่ออกจากบ้าน ไม่รู้ไปอยู่ไหน ปู่ทุกข์ใจ เป็นห่วง”

ครูเทียมระบายแล้วหันไปตีระนาดต่อ เสียงระนาดที่เคยทำให้ครูสบายใจ อิ่มเอิบ แต่วันนี้ไม่มีผลเลย สีหน้าครูเทียมยังอมทุกข์ จอมนางนั่งเป็นเพื่อนปู่
เสียงระนาดสำเนียงเศร้าสร้อยของครูเทียม ดังไปทั่วบ้านกลางความสงัดเงียบยามดึก

ส่วนที่ศาลาในวัด ฟ้าประทานกับตุ้มนั่งเศร้าสร้อยในนั้น ตุ้มนั่งกอดเข่าเจ่าจุก ทุกข์ใจเหลือแสน มีบ้านมีอาชีพทำอยู่ดีๆ กลายเป็นคนเร่ร่อน ฟ้าประทานเศร้าหนักกว่าตุ้ม ทุกข์ใจแสนสาหัส ฝันสลาย ชีวิตพังพินาศ
ฟ้าประทานกับตุ้มเศร้ากับชีวิต ไม่ต่างจากเสียงระนาดเศร้าสร้อยของครูเทียมที่บ้านลิเกยามนี้

เช้าวันถัดมา หลงง่วนอยู่กับแปลงผักใหม่ที่หลงทำให้จอมนาง เขาขุดดินทำแปลงผัก มือไม้หลงเลอะดิน จอมนางเดินมารดน้ำแปลงผักของเธอ ฮัมเพลงไปทำไม่สนใจหลง
หลงยิ้มทักจอมนาง “อารมณ์ดีแต่เช้าเลยนะจอม พี่ลงดินแล้ว เราไปซื้อเมล็ดพันธุ์ผักมาปลูกกันนะครับ”
จอมนางพูดเสียงเย็นชา “แปลงผักพี่ พี่ก็ไปซื้อเองซีจ๊ะพี่หลง เอ้ย ไม่ใช่สิ ต้องเรียก พี่เทพ...”
“เรียกพี่ว่า พี่หลง เหมือนเดิมเถอะครับ พี่ชอบชื่อที่จอมตั้งให้”
จอมนางประชด “ได้จ้า ชั้นจะเรียกพี่เทพ...ว่าพี่หลง... นี่ แล้วถ้าพี่หลงนึกสนุกอยากหลอกใคร เปลี่ยนชื่อใหม่อีก ก็บอกนะจ๊ะ ชั้นจะได้เรียกถูก”
หลงโดนประชดเข้าไปหลายดอกเลยหน้าจ๋อย กระแตถือตะกร้ามาหาจอม
“ไปตลาดกันจอม”
หลงอาสา “พี่ไปช่วยหิ้วกับข้าวครับ”
“มอเตอร์ไซค์ห้ามซ้อน 3 จ้ะ พี่เทพ เอ้ย พี่หลง”
จอมนางเดินนำออกไปเลย หลงมองตามตาละห้อย จอมนางไม่หายเคืองตนซักที
กระแตเห็นใจหลง “จอมไม่ใช่คนใจแข็ง ง้อบ่อยๆ เดี๋ยวก็หายเคืองจ้ะ”
“ขอบคุณครับที่ให้กำลังใจ” หลงยิ้ม
กระแตตามจอมนางไป
“ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก ง้อเท่านั้นที่ครองใจจอมนาง”
หลงยิ้มสู้ ไม่ท้อ มุ่งมั่นที่จะต้องง้อจอมนางให้ได้ ขุดดินทำแปลงผักจนเสร็จ

ทางด้านเบิ้มกับพลซุ่มแอบดูแถวหน้าบ้าน เห็นจอมนางกับกระแตขี่มอเตอร์ไซค์ออกมา
“นั่นผู้หญิงที่พงศ์เทพพาไปห้าง” พลจำได้
“เสี่ยให้เราสืบ ผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไรกับพงศ์เทพ แอบตามไป” เบิ้มบอก
เบิ้มกับพลแอบขี่มอเตอร์ไซค์ตามจอมนางกับกระแตไปห่าง ๆ

เช้าวันเดียวกัน
เหมยฮัวอยู่ในห้องพยายามโทร.หาแฟนหนุ่มตั้งแต่เมื่อวาน แต่แฟนหนุ่มปิดเครื่องตลอด
“เปิดมือถือซะทีสิพีท”
พงศ์เทพโทร.มาหาพอดี
เหมยฮัวรับสาย “พี่เทพ เหมยโทร.หาแฟนอยู่ค่ะ”

พงศ์เทพแอบมาโทร.หาเหมยฮัวตรงมุมลับตา สีหน้าดีอกดีใจ
“แฟนเหมยว่ายังไง จะรับผิดชอบเหมยกับลูกใช่มั้ยแล้วเสี่ยรู้หรือยัง”
“แฟนเหมยปิดมือถือค่ะ ติดต่อไม่ได้ตั้งแต่เมื่อวาน”
พงศ์เทพจ๋อยไป รู้สึกผิดหวัง “ไปหาที่บ้านเลยสิเหมย”
“ก่อนไปเกาหลี แฟนเหมยบอกเลิกเช่าคอนโด เหมยไม่รู้ เค้าย้ายไปอยู่ไหนค่ะ”
“ทำแบบนี้ ตั้งใจหนีหน้า ไอ้ผู้ชายคนนั้นมันเป็นใครน่ะเหมย มันไม่มีความรับผิดชอบ” พงศ์เทพชักโมโห
“พี่เทพอย่าว่าเค้าค่ะ เค้าอาจไม่รู้ว่าเหมยท้อง เหมยฝากข้อความไว้ที่มือถือเค้า ปกติแฟนเหมยฝากโทรศัพท์มือถือไว้ที่ผู้จัดการส่วนตัว”
“แฟนเหมยมีผู้จัดการส่วนตัว เป็นดาราเหรอ”
เหมยฮัวไม่ค่อยอยากบอก “เป็น...อ่า...นักร้องค่ะ”
“นักร้อง ใคร” พงศ์เทพซัก
“วันนี้เหมยจะไปหาเค้าที่ค่ายเพลง ค่ายเพลงเริ่มงาน 9 โมง เหมยจะไปรอหน้าตึกเลยค่ะพี่เทพ”
“เดี๋ยวก่อนเหมย บอกพี่มาก่อน นักร้องคนนั้นชื่ออะไร” พงศ์เทพคาใจมาก
“พอคุยกับเค้าแล้ว เหมยจะรีบส่งข่าวพี่เทพนะคะ” เหมยฮัววางสายไปเลย
“ทำไมเหมยไม่ยอมบอก แฟนเหมยเป็นนักร้องชื่ออะไร” พงศ์เทพหงุดหงิดเอาการ

ด้านเหมยฮัวพึมพำกับตัวเอง
“เหมยบอกพี่ไม่ได้ แฟนเหมยเป็นคนดัง เหมยต้องปกป้องชื่อเสียงเค้า ต้องรีบอาบน้ำแต่งตัวไปค่ายเพลง”

เหมยฮัวหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำ รีบเข้าห้องน้ำ

อ่านต่อหน้า 4

ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 21 (ต่อ)

กระแตกับจอมนางซื้อกับข้าวอยู่ในตลาดเจ๊ทรงงาม

“ซื้อกับข้าวเสร็จแล้ว ไปซื้อเมล็ดพันธุ์ผักกันนะจอม”
“ให้พี่หลงเค้ามาซื้อเองซีจ๊ะ แปลงผักของเค้า”
“จอม เมื่อไหร่จะหายโกรธพี่หลงซะทีจ๊ะ”
“พี่หลงโกหกชั้นอยู่ตั้งหลายเดือน ง้อแค่ไม่กี่วัน จะให้ชั้นดีด้วย ชั้นไม่ใจดีขนาดนั้นหรอกจ้ะพี่กระแต”
จอมนางไม่อยากคุยถึงหลง ผละจากกระแตไปเดินเลือกซื้อกับข้าวอื่น
“ทำเป็นโกรธเค้าจริงๆ ก็แคร์เค้า” กระแตอมยิ้ม มองจอมนางอย่างรู้ทัน
ที่นอกตลาด เบิ้มกับพลแอบมองจอมนางไม่ละสายตา
“แอบเข้าไปใกล้ๆ จะได้ได้ยิน ผู้หญิงคนนั้นคุยอะไร พูดถึงพงศ์เทพหรือเปล่า” พลว่า
“เดี๋ยวไหวตัวทัน”
มีพ่อค้าเข็นของผ่านมา
เบิ้มหลอกถามพ่อค้า ชี้ไปที่จอมนาง “ผู้หญิงคนนั้นชื่ออะไร”
“อ๋อ จอมนาง เป็นนางเอกลิเก”
“นางเอกลิเก จอมนางแต่งงานหรือยัง” เบิ้มซัก
“ยัง”
เบิ้มซักอีก “มีแฟนมั้ย”
“ไม่รู้สิ ไม่สนิท อยากจีบ ก็ไปถามเอาเอง”
เบิ้มพยักหน้าขอบใจพ่อค้าที่เข็นของเข้าตลาดไป จากนั้นรีบโทรรายงานเสี่ยเต๊ก
“ได้เรื่องแล้วครับเสี่ย ผู้หญิงที่พงศ์เทพพาไปห้างด้วยชื่อจอมนาง เป็นนางเอกลิเก”

เสี่ยเต๊กเพิ่งตื่น อยู่ในห้องนอนคุยโทรศัพท์กับเบิ้ม
“พงศ์เทพทิ้งลูกสาวอั๊วไปหานางเอกลิเก”
เหลียนฮัวแต่งตัวอยู่ หันมาฟังเสี่ยคุยโทรศัพท์
“ผู้หญิงคนนั้นต้องช่วยเหลือ ให้ที่หลบซ่อนพงศ์เทพ”
“น่าจะเป็นอย่างนั้นครับ เพราะอยู่บ้านเดียวกัน”
เสี่ยเต๊กร้องลั่น “เฮ้ย อยู่กินกันแล้วด้วย”
“นางเอกลิเกคนนี้ยังไม่แต่งงานครับเสี่ย”
เสี่ยเต๊กชักงง “ตกลงมันยังไงวะ จับตัวผู้หญิงมาถามเลย เป็นเมียพงศ์เทพหรือเปล่า”
เหลียนฮัวไม่เห็นด้วยกับวิธีของผัวแย่งโทรศัพท์เสี่ยเต๊กมาคุย สั่งเบิ้มเสียงเข้ม
“ห้ามจับตัวใครทั้งนั้น นี่คือคำสั่งอั๊ว คุณนายเหลียนฮัว”
เสี่ยเต๊กหน้าเหวอ เมียสั่งการแทน
“อืม...แต่เสี่ยสั่งให้จับครับคุณนาย” เบิ้มแย้ง
“เดี๋ยวอั๊วเคลียร์กับเสี่ยเอง เสี่ยไม่มีปัญหาหรอก พวกลื๊อห้ามก่อเรื่องอีกแค่จับตาดูอาเทพไว้เฉยๆ อั๊วไม่อยากให้อาเทพกลัวพวกลื๊อ เตลิดหนีไปอีก”
“ครับคุณนาย”
เบิ้มวางสาย หันมาทางพล พากันซุ่มดูจอมนางต่อ

ส่วนในห้องนอนเสี่ยเต๊กถูกเหลียนฮัวด่า
“เอาแต่ใช้กำลัง ไล่ยิง ไล่ล่า บ้าอำนาจ แล้วเป็นไง ได้ตัวอาเทพมามั้ย”
เสี่ยเต๊กจ๋อยสนิท “เกือบด้าย จ้ะ”
“ไม่รู้จักพลิกแพลงบ้างเลย ใช้ไม้แข็งไม่ได้ผล ก็ไม่ใช้ไม้อ่อน”
เสี่ยเต๊กเง็ง “ไม้อ่อน ยังไงเหรออาเหลียน”
เหลียนฮัวบอกเสียงเข้ม “ต่อไปนี้เสี่ยอยู่เฉยๆ อั๊วจะแสดงฝีมือเอง”
พูดจบเหลียนฮัวก็ทำหน้าตาขึงขังเดินออกไป
“แหมะ ตั้งแต่เรายอมอ่อนให้ โชว์ออฟเหลือเกิ๊น”
เสี่ยเต๊กเบ้ปาก แอบเซ็งเมีย

เหลียนฮัวเข้ามาหาลูกสาวในห้อง เหมยฮัวกำลังแต่งตัวจะไปข้างนอก อาจงเก็บที่นอนให้คุณหนู
“เหมย เตี่ยเหมยจับอาเทพมาแต่งงานไม่ได้ หม่าม้าจะลองใช้ไม้อ่อนดูบ้าง นัดอาเทพมาเจรจา ขอร้องให้ช่วยแต่งงานกู้หน้าเหมย”
อาจงแทรก “คุณพงศ์เทพยอมแต่งแต่แรก ก็ไม่หนีไปหรอกค่ะ”
“คืนที่มีเรื่อง เสี่ยผลีผลาม ไล่ยิงอาเทพ อาเทพถึงหนีหัวซุกหัวซุน อั๊วจะรับปากอาเทพ กลับมาแล้วจะไม่โดนทำร้าย แต่งงานปีเดียวก็จะหย่าให้”
เหมยฮัวเอ่ยขึ้น “หม่าม้าคะ เราไม่ต้องให้พี่เทพช่วยแล้ว แฟนเหมยกลับจากเกาหลีแล้วค่ะ”
เหลียนฮัวสนใจ “เมื่อไหร่”
“เหมยเห็นข่าวเมื่อวานค่ะ นี่เหมยกำลังจะไปหาเค้าที่ค่ายเพลง”
“หม่าม้าไปด้วย”
“เหมยขอไปคุยกับเค้าสองคนนะคะหม่าม้า”
“ไม่ได้ หม่าม้าต้องไปด้วย แฟนเหมยจะได้เกรงใจผู้ใหญ่ อาจง ถ้าเสี่ยถาม บอกว่าอั๊วกับเหมยไปทำสปา”
“ค่ะคุณนาย”

เหลียนฮัวช่วยลูกสาวทำผม จะได้รีบออกไปเคลียร์กับแฟนลูกเร็ว ๆ

อีกฟาก เวลาเดียวกัน ฟ้าประทานกับตุ้มล้างหน้าล้างตา สองคนยังใส่ชุดเดิม เพราะไม่มีเสื้อผ้าใส่ เมื่อคืนฟ้าประทานทิ้งกระเป๋าเสื้อผ้าไว้ที่ศาลาริมถนน

ตุ้มหน้าเศร้า “เราไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยน ที่อาบน้ำก็ไม่มี”
“ทนใส่ชุดเดิมซักวันสองวันนะตุ้ม ผมจะหางานทำ มีเงินแล้วค่อยซื้อเสื้อผ้าจับรถเข้ากรุงเทพฯ”
“ชั้นไม่ไปกรุงเทพฯ แล้ว อยู่บ้านเรา ยังมีวัดอาศัยนอน แต่กรุงเทพฯ ไม่มีบ้านนอน ต้องนอนข้างถนน”
“งั้นไปจังหวัดอื่นก็ได้ ผมอยากไปจากบางไทร ผมอายชาวบ้าน ที่ผมตกต่ำเราไปตั้งหลักที่อื่นกันนะตุ้ม ผมจะหาคณะลิเกเล็กๆ เล่น”
มีพระรูปหนึ่งเดินผ่านมา
“โยม มาทำอะไรในวัด”
ฟ้าประทานกับตุ้ม พนมมือไหว้หลวงพี่ ใบหน้าเศร้าทั้งคู่

ไม่นานต่อมา ฟ้าประทานกับตุ้มกินข้าววัด ที่หลวงพี่ยกกับข้าวมาให้
ฟ้าประทานไหว้ “ขอบคุณครับหลวงพี่”
“พวกโยมมาจากไหนกัน”
“เราเป็นคนบางไทรครับ”
“เป็นคนแถวนี้ เอ อาตมาไม่เคยเห็นหน้า”
“อ่า...ผมกับตุ้มไม่ค่อยมาทำบุญที่วัดน่ะครับ”
“ตอนยังมีชีวิตอยู่ ก็หมั่นทำบุญทำกุศลบ้างโยม ตายไป ญาติพี่น้องทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ ได้รับไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่เหมือนเราทำเอง แล้วนี่ไม่มีบ้านช่องอยู่หรอ ถึงมานอนวัด”
ฟ้าประทานบอกว่า “ผมทะเลาะกับคนที่บ้านครับ”
หลวงพี่ เทศนาสอนฟ้าประทาน “พ่อแม่ดุด่าว่ากล่าวลูก ก็เพราะหวังดี ไม่มีใครรักเราเท่าพ่อแม่อีกแล้วโยม”
“ผมกับแฟนไม่มีพ่อแม่ครับ เราถูกพ่อแม่ทิ้งไว้ที่คณะลิเกตั้งแต่เด็ก”
“ใครเลี้ยงดูโยมมา”
“ครูลิเกครับ”
“การเลี้ยงดูอุ้มชูมา ก็ถือว่าทำหน้าที่เยี่ยงบิดามารดา ลดทิฐิ กลับบ้านซะ ป่านนี้ครูลิเกคนนั้นต้องห่วงหาโยมอยู่”
ฟ้าประทานกับตุ้มฟังคำพระสอนแล้ว พาให้สะเทือนใจ สองคนคิดถึงครูเทียมจับใจ

ขณะเดียวกัน ครูเทียมดูรูปฟ้าประทานกับตุ้มอยู่ในบ้าน
“พวกเอ็งไปอยู่ไหนก็น่าจะส่งข่าวคราวมาบ้าง ไม่รู้รึว่าข้าเป็นห่วง”

ครูเทียมถึงกับน้ำตาคลอ คิดถึงและเป็นห่วงลูกศิษย์เหลือเกิน

อ่านต่อตอน 22
กำลังโหลดความคิดเห็น