สวยร้ายสายลับ ตอนที่ 14 อวสาน
สถิตย์ยุทธเดินลงบันไดไปที่รถ เควิน สมิธ เดินตามลงบันไดมา ลูกน้องหิ้วปึกตามหลัง
“ปล่อยฉันนะ ปล่อยฉัน”
ปึกได้จังหวะถีบหลังเควิน สมิธ จนเซตกบันได แล้วกระทุ้งท้องลูกน้อง ลูกน้องชะงัก จะต่อยปึก ปึกหลบ จับมือลูกน้องเหวี่ยงลง แล้ววิ่งกลับขึ้นไปหาไมค์ โจ๊กเกอร์ ลูกน้องที่ยืนด้านล่างยิงปืนใส่ ปึกหลบเข้าไปในห้องเคบิน ปิดประตู เควิน สมิธ โกรธมาก จะตามขึ้นไป
“นังนี่นี่”
“ไปเถอะ เควิน”
“แล้วนังผู้หญิงล่ะ”
“มันไปไหนไม่รอดหรอก เดี๋ยวคนของผมขึ้นไปจัดการมันเอง เฮ้ย ฆ่าทิ้งซะ”
“ครับ”
ลูกน้องวิ่งตามปึกขึ้นไป เควิน สมิธ เดินขึ้นรถไปกับสถิตย์ยุทธ
ลูกน้องวิ่งมาหน้าประตูเคบิน
“เอ็งอ้อมไปดักด้านนู้น”
ลูกน้องคนหนึ่งวิ่งอ้อมออกไปอีกทาง อีกคนเตรียมบุกเข้า
ภายในรถ สถิตย์ยุทธมองเศียรพระหลวงพ่อคำเกลี้ยงอย่างพอใจ เควิน สมิธ ยังไม่หายหงุดหงิด
“นังบ้านี่ดันถีบเราได้”
“คุณนี่มันบ้าผู้หญิงจริง ๆ”
“แค่โกรธน่ะ”
“ตอนนี้เราได้พระมาแล้วนะ”
“เอามาให้ผมสิ”
“เมื่อไหร่ที่คุณจ่ายเงิน คุณถึงเอาไปได้”
“ไม่เชื่อใจผมหรือ”
“ผมบอกแล้วไง บิสสิเนสก็คือบิสสิเนส ทางที่ดีคุณรีบจ่ายเงินแล้วเอาพระออกไปจากเมืองไทยให้เร็วที่สุด”
“ผมรู้น่ะ ผมจะเอาไปส่งลูกค้ามะรืนนี้”
สถิตย์ยุทธพยักหน้ารับรู้อย่างพอใจ
ปึกวิ่งมาดูไมค์ โจ๊กเกอร์ เห็นนอนตาย เธอหยิบปืนของเขาที่ตกข้างตัวขึ้นมา เขย่าเรียก
“อ้ายไมค์ อ้ายไมค์ ได้ยินหนูปึกบ่”
ลูกน้องเปิดประตูเข้ามา ปึกยิงสวนออกไป สองฝ่ายยิงตอบโต้กัน จนปืนของปึกกระสุนหมด ลูกน้องเดินเข้าหา ปึกขว้างปืนใส่
“เสียดาย สวย ๆ ไม่น่าตายเลย”
ลูกน้องยกปืนจะยิง ปึกหลับตา เสียงปืนดัง ลูกน้องผงะ ชะงัก หันมองด้านหลัง เห็นไมค์ โจ๊กเกอร์ โผล่ขึ้นมา
“แก”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ ยกปืน กลั้นใจยิงซ้ำไปอีกนัด ลูกน้องล้มลง ปึกวิ่งเข้าไปหา
“อ้ายไมค์”
“หนูปึก”
“อ้ายเป็นจั๊งใด๋”
“อ้าย ฮัก เจ้า เด้อ ลา ก่อน”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ หลับตาหมดสติไป ปึกหวีดร้อง
“อ้ายไมค์ ไม่นะ อ้ายต้องบ่ตายนะ อ้ายไมค์ ตื่นมาก่อน อ้ายไมค์ ได้ยินหนูปึกบ่ อ้ายไมค์”
ขั้นเทพกับเมษารีบตามมาที่โรงพยาบาล ปึกนั่งอยู่ข้างเตียงไมค์ โจ๊กเกอร์ เธอหันมาเห็นเมษา รีบวิ่งเข้าไปกอด
“คุณเม”
“หนูปึก เป็นไงบ้าง”
“หนูปึกไม่เป็นไรค่ะ”
“แล้วนายไมค์ล่ะ”
“พี่ไมค์ถูกผู้การสถิตย์ยุทธยิงเข้าที่หัวใจสองนัดค่ะ แต่โชคดีจริง ๆ ไม่รู้ว่าเขาไปเอาเสื้อเกราะใครมาใส่”
“ของฉันน่ะสิ นับว่ามันยิ่งฉลาด นึกว่ามันจะตายฟรีไปแล้ว”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ ลืมตาตื่น ขยับตัว
“นี่ผู้กองอยากให้ผมตายจริง ๆ หรือ”
“อ้ายไมค์ อ้ายไมค์ ฟื้นแล้ว เจ็บตรงไหนบ้าง”
“ตรงหัวใจ”
“หึ เจ็บหัวใจ นี่เจ็บจริงหรืออ้อนผู้หญิง”
“ดูสิครับคุณเม ผู้กองเนี่ยดีแต่ซ้ำเติม”
“แกกับฉันยังมีเรื่องต้องสะสางกันนะ”
“เรื่องอะไรหรือคะ”
“ก็เรื่องที่นายไมค์ ขโมยเศียรหลวงพ่อคำเกลี้ยงไปแลกตัวเธอไง”
“โธ่ คุณเม ผมจำเป็นจริง ๆ ไม่งั้นหนูปึกก็ต้องตายนะครับ”
“หนูปึกบอกแล้วไงว่าหนูปึกยอมตาย อ้ายไมค์ไม่น่าทำแบบนี้เลย”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ หน้าจ๋อย
“พี่ขอโทษ พี่ทำไปก็เพราะรักหนูปึกนะ”
ปึกมองค้อนหันมาถามขั้นเทพกับเมษา
“แล้วเราจะทำยังไงดีคะ ไอ้เควินกับผู้การสถิตยุทธมันได้เศียรหลวงพ่อไปแล้วด้วย”
เมษามองหน้าขั้นเทพ
“ฉันว่าเราต้องรีบหาทางสกัดไม่ให้มันเอาออกนอกประเทศนะ”
“เดี๋ยวผมจะโทรแจ้งท่านรองอดุลย์ให้ท่านสั่งไปทางตม. ถ้าเจอเศียรหลวงพ่อคำเกลี้ยงให้อายัดไว้ก่อน”
“ดีค่ะ”
ขั้นเทพเดินออกไป ปึกหันมาต่อว่าไมค์ โจ๊กเกอร์
“เป็นเพราะอ้ายไมค์คนเดียวเลย”
“ก็พี่บอกแล้วไงว่าขอโทษ ที่พี่ทำไปก็เพราะรักหนูปึก อย่าว่าพี่เลยนะ”
“แต่อ้ายไมค์ก็ควรจะปรึกษาคุณเมกับผู้กองขั้นเทพก่อน”
เมษามองทั้งสองแล้วถอนใจเดินออกไป ไมค์ โจ๊กเกอร์ อ้อนต่อ
“อย่าโกรธพี่เลยนะ ถ้าพี่บอกคุณเมกับผู้กอง แล้วพวกมันรู้ พวกมันก็ต้องฆ่าหนูปึกนะ นะจ๊ะ คนดี อย่าโกรธพี่เลยนะ”
ปึกมอง ไมค์ โจ๊กเกอร์ ทำหน้าน่าสงสาร ก็พยักหน้าให้
“มา ให้พี่กอดที”
ปึกเดินเข้าไปกอดไมค์ โจ๊กเกอร์
ขั้นเทพเดินออกมาด้านนอก พูดโทรศัพท์กับอดุลย์
“ครับท่าน ผมอยากให้ท่านสั่งไปทางตม. ให้ตรวจเช็คว่าถ้ามีใครพบเศียรหลวงพ่อคำเกลี้ยงให้อายัดไว้ก่อนได้มั้ยครับ”
“ได้ เดี๋ยวผมจะโทรสั่งไปทางตม.ให้”
“ขอบคุณครับ”
ขั้นเทพปิดโทรศัพท์ หันมาบอกเมษา
“เรียบร้อย ท่านรองจะสั่งการไปที่ตม.ให้”
“หวังว่าไอ้เควินมันจะยังไม่เอาพระออกไปนะคะ”
“ผมก็หวังอย่างงั้น”
ทั้งสองมองหน้ากัน
ภายในโกดัง เควิน สมิธ และสถิตย์ยุทธยืนดูลูกน้องจัดเศียรพระใส่กล่องโฟมหลายกล่อง
“รีบแพคเลยนะพวกเรา ฉันมีเวลาไม่มาก เสร็จแล้วขนขึ้นรถได้เลย”
“เที่ยวนี้คุณกวาดของไปเกือบหมดประเทศไทยเลยนะ”
“ผู้การก็พูดเกินไป หมดนี่ยังไม่ถึงร้อยล้านเลย”
“แต่ไปถึงต่างประเทศมันก็สองร้อยล้านแล้ว”
“ผมก็ต้องขอบคุณผู้การ ถ้าไม่ได้ผู้การเป็นคนหาของให้ ผมจะทำอะไรได้”
“ยังไงก็อย่าลืมของฝากให้ผมบ้างแล้วกัน”
“อยากได้อะไร เที่ยวหน้าผมมา ผมจะเอาติดมือมาให้”
“ผมไม่อยากได้อะไร นอกจากแบงค์ดอลลาร์”
“ผู้การนี่หายใจเข้าออกเป็นเงินนะ จะเอาไปทำไมเยอะแยะลูกเมียก็ไม่มี”
“ก็เพราะลูกเมียไม่มีน่ะสิถึงต้องเก็บเงินไว้กินยามแก่ เอาล่ะ ผมแยกกับคุณตรงนี้เลย ขอให้คุณเดินทางปลอดภัย กลับมาค่อยกินข้าวกัน”
สถิตย์ยุทธยื่นมือให้เควิน สมิธ จับ ทั้งสองยิ้มให้กัน
“ซียู”
สถิตย์ยุทธเดินออกไป
สถิตย์ยุทธนั่งอยู่ในรถ บอกลูกน้องที่นั่งหน้ารถคู่กับคนขับ
“วิวัฒน์”
“ครับนาย”
“ทำจดหมายส่งไปที่กรมบอกว่าฉันจะลาพักร้อนสามอาทิตย์”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”
“ตั้งแต่วันนี้”
“ครับผม”
“แล้วจองตั๋วไปฮาวายเที่ยวบินคืนนี้ให้ฉันหน่อย”
“กี่ที่ครับ”
“สองที่ แล้วก็โทรนัดใบเฟรินให้ฉันด้วย”
“ครับท่าน”
“จะได้พักซะที ฮาวาย”
สถิตย์ยุทธยิ้มเมื่อนึกถึงช่วงเวลาในฮาวาย
อดุลย์นั่งอยู่กับตำรวจผู้ใหญ่อีกสองนาย ภายในห้องประชุม หน่วยฉก. 911 คนเดินจดหมายผลักประตูเข้ามา
“ท่านครับ มีจดหมายจากปปช.ครับ”
“ขอบใจ”
อดุลย์รับจดหมายมาเปิดอ่าน
“ปปช.มีมติว่าไง”
“มีมติชี้มูลความผิดสถิตยุทธข้อหาคอรัปชั่น”
“มันต้องอย่างนี้สิ”
“คราวนี้ผู้การสถิตย์ยุทธไม่รอดแน่”
“ผู้กองขั้นเทพมาขอพบครับ”
“เชิญเข้ามาเลย มาได้จังหวะพอดี”
ขั้นเทพกับเมษาเข้ามา
“สวัสดีครับท่าน”
“สวัสดีค่ะท่าน”
“ผมกำลังอยากพบคุณสองคนอยู่พอดี”
“ไม่ทราบเรื่องอะไรคะ”
“ผมจะออกหมายจับผู้การสถิตย์ยุทธ”
“จริงหรือครับท่าน”
อดุลย์พยักหน้า
“แจ้งข้อหาอะไรคะ”
“พัวพันกับขบวนการลักลอบตัดเศียรพระ คุณสองคนนำเจ้าหน้าที่ไปจับได้เลย”
“ได้ครับท่าน ที่เราสองคนมาพบท่าน ก็อยากให้ท่านออกหมายจับเควิน สมิธ ด้วยครับ”
“ผมเตรียมไว้ให้คุณแล้ว”
เมษาหันมายิ้มกับขั้นเทพ
“ขอบคุณครับท่าน”
“ขอบคุณค่ะ เราจะจับผู้การสถิตย์ยุทธกับเควิน สมิธ มาลงโทษให้ได้W
“ขอให้คุณสองคนโชคดี”
ขั้นเทพกับเมษาทำความเคารพแล้วเดินออกไป
ไมค์ โจ๊กเกอร์ กับปึกยืนรออยู่ ขั้นเทพกับเมษาถือซองจดหมายเดินออกมา
“ท่านรองให้หมายจับเควิน สมิธ มั้ยครับ”
“นี่ไง”
เมษาชูจดหมายให้ดู
“ไชโย คราวนี้ไอ้เควิน สมิธ ได้ติดตะรางแน่ หนอย คิดจะเอาหลวงพ่อคำเกลี้ยงของเราไป อย่าหวังเลย”
“แล้วนี่ยังมีของแถมอีกด้วย”
ขั้นเทพชูจดหมายอีกฉบับให้ดู
“อะไรหรือผู้กอง”
“หมายจับผู้การสถิตย์ยุทธ”
“จริงหรือคะ เขาอนุมัติให้จับมันแล้วหรือ”
“ใช่ เดี๋ยวฉันจะโทรไปเช็คที่หน่วยวิหคเวหาก่อน ว่าสถิตย์ยุทธอยู่ที่นั่นรึเปล่า”
ขั้นเทพพยักหน้ารับรู้ เมษากดโทรศัพท์ ปลายสายรับ
“พี่เตยหรือคะ วันนี้ผู้การสถิตย์ยุทธเข้ามาที่หน่วยรึยังคะ อะไรนะคะ ลาไปต่างประเทศสามอาทิตย์”
ขั้นเทพมอง
“ไปเมื่อไหร่คะ ค่ะ ขอบคุณนะคะ”
“ว่าไง”
“ผู้การสถิตย์ยุทธจะเดินทางไปต่างประเทศคืนนี้”
“ถ้ามันหลุดออกไปนอกประเทศได้ มันต้องไหวตัวทันไม่กลับมาให้เราจับแน่ผู้กอง”
“ใช่ เราต้องรีบไปรวบตัวมันไว้ก่อน”
“งั้นเอาอย่างนี้ คุณไปจับผู้การสถิตย์ยุทธ เดี๋ยวฉันจะนำกำลังไปรวบตัวเควิน สมิธ เอง”
“แล้วเราสองคนล่ะคะ”
“เธอกับไมค์กลับไปรอที่บ้าน”
“ไม่ได้นะผู้กอง เราสองคนมีส่วนร่วมมาตั้งแต่ต้น ขอผมไปจับไอ้สถิตย์ยุทธด้วยเถอะ”
“ใช่ค่ะ ให้หนูปึกไปจับไอ้เควินด้วยคนนะคะ”
“แต่ฉันว่า”
“ลืมไปแล้วหรือคะ หนูปึกก็เรียนศิลปะป้องกันตัวมานะคะ”
“ใช่ผู้กอง ไม่ต้องห่วงผม ให้ผมไปด้วยนะ”
ขั้นเทพมองหน้าเมษา เมษาพยักหน้า
“ก็ได้ ไป”
ทั้งสองฝ่ายแตะมือลากัน
“ขั้นเทพ”
“หือ”
“ระวังตัวนะคะ”
“คุณก็เหมือนกัน”
“พี่ไมค์ก็ต้องระวังตัวนะ”
“หนูปึกก็เหมือนกัน จับมันให้ได้นะหนูปึก”
“รับรอง จะไม่ให้พลาด”
ทั้งสองฝ่ายหันเดินแยกไปคนละทาง
รถลีมูซีนขับเข้ามาจอดหน้าอพาร์ตเมนท์ สถิตย์ยุทธเดินควงออกมากับใบเฟิร์น มีพนักงานเข็นกระเป๋าตามมาสองใบ คนรถเปิดประตูให้สถิตย์ยุทธกับใบเฟิร์นขึ้นไป
บริเวณโกดัง คนงานยกลังใส่พระขึ้นรถ หันมาบอกเควิน สมิธ
“เรียบร้อยแล้วครับคุณเควิน”
“เอาไปท่าเรือเลย”
เควิน สมิธ ก้าวขึ้นรถ ประตูโกดังเปิด รถเควิน สมิธ ขับออก รถขนของขับตามไป
อ่านต่อหน้า 2
สวยร้ายสายลับ ตอนที่ 14 อวสาน (ต่อ)
รถกระบะตำรวจขับเข้ามาจอดหน้าอพาร์ตเมนท์สถิตย์ยุทธ ขั้นเทพกับไมค์ โจ๊กเกอร์ นำตำรวจลงมาจากรถ ขั้นเทพเดินนำเข้าไปด้านใน พร้อมสั่งการ
“นายไปด้านหลัง นายอยู่เฝ้าลิฟต์ไว้”
“แล้วฉันล่ะ”
“นายขึ้นไปตามบันได ถ้าเจอสถิตย์ยุทธโทรบอกฉันทันทีนะ เข้าใจมั้ยW
“รับทราบ”
ขั้นเทพเดินขึ้นลิฟต์กดขึ้นไป
รถเควิน สมิธ ขับเลี้ยวออกมา รถขนของตามมา รถเมษาขับปาดหน้า คนขับเบรกกะทันหัน เควิน สมิธ หน้าคะมำ
“เฮ้ย ทำไมขับรถอย่างนี้วะ”
“ขอโทษครับนาย”
คนขับมองกระจกหลัง เห็นรถตำรวจอีกคันเข้ามาปิดท้ายซอย
“ตำรวจครับนาย”
เควิน สมิธ หันมองด้านหลังแล้วหันกลับมา เห็นเมษาก้าวลงจากรถพร้อมปืน
“ผู้กองเมษา”
ขั้นเทพลงมาจากลิฟต์ ไมค์ โจ๊กเกอร์ วิ่งเข้ามาสมทบ ลูกน้องวิ่งจากเคาน์เตอร์เข้ามาหา
“ที่เคาน์เตอร์บอกว่าผู้การสถิตย์ยุทธเพิ่งออกไปไม่ถึงสิบนาทีครับ”
“รีบตามไปดักที่สนามบินเร็ว”
ขั้นเทพวิ่งออกไปขึ้นรถ ไมค์ โจ๊กเกอร์ และตำรวจโดดขึ้นตาม
เมษาสั่งการให้ตำรวจล้อมรถเควิน สมิธ และรถขนของ เควิน สมิธ ชักปืน เปิดประตูออกจากรถ
“หยุดนะเควิน คุณถูกจับแล้ว”
“จับผมข้อหาอะไร”
“ขโมยเศียรหลวงพ่อคำเกลี้ยงน่ะสิ” ปึกบอก
“วางอาวุธแล้วยกมือขึ้น”
เควิน สมิธ มองซ้ายขวาเห็นตำรวจจ่อปืนล้อม ทำท่าจะก้มลงวางปืน
“ไปเอาตัวมา”
เมษาหันไปสั่งตำรวจ ตำรวจจะเข้าไป เควิน สมิธ หมุนตัวตัดสินใจยิงใส่เมษา เมษาหลบ ตำรวจยิงใส่เควิน สมิธ เขาหลบได้ ลูกน้องเควิน สมิธ ยิงต่อสู้กับตำรวจ ตำรวจหลบ
เมษายิงใส่ลูกน้องเควิน สมิธ กระเด็นหงายไป เควิน สมิธ วิ่งหนี ตะโกนบอกลูกน้อง
“สกัดพวกมันไว้”
ลูกน้องเควิน สมิธ ยิงใส่เมษา และกลุ่มตำรวจ ปึกเห็นเควิน สมิธ วิ่งหนีออกไปอีกทาง
“คุณเมคะ มันกำลังจะหนีแล้วค่ะ”
ปึกวิ่งตามเควิน สมิธ ออกไป เมษายิงใส่ลูกน้องเควิน สมิธ แล้ววิ่งตามปึกออกไป ตำรวจยิงใส่คนร้าย คนร้ายยกมือยอมแพ้ ตำรวจเข้าจับกุม
เควิน สมิธ วิ่งออกมาพร้อมลูกน้อง ปึกวิ่งตาม ลูกน้องยิงใส่ ปึกหลบ แล้วออกมายิงใส่
ลูกน้องหลบวิ่งตามเควิน สมิธ ไป เมษาวิ่งตามมาสมทบกับปึก
เควิน สมิธ วิ่งมาตามทาง ลูกน้องวิ่งตามมา
“ยิงสกัดมันไว้นะ ถ้าฉันหนีไปได้จะให้แกล้านหนึ่ง”
“ครับ”
เควิน สมิธ วิ่งเลี้ยวออกไปอีกทาง เมษากับปึกวิ่งตามหลังมา
“มันหนีไปทางนู้นแล้ว”
“คุณเมตามไอ้เควินไปเลยค่ะ หนูปึกจะยิงสกัดลูกน้องมันเอง”
เมษาวิ่งออกไปอีกทาง ปึกยิงใส่ลูกน้อง ลูกน้องหลบ ยิงใส่ปึก ปึกหมุนตัวหลบ ยิงสวนใส่ กระสุนเจาะเข้าที่ลูกน้องล้มหงาย
“เป็นไง ไม่อยากจะเชื่อว่าเราจะยิงปืนแม่นขนาดนี้”
ปึกวิ่งตามเมษาออกไป
เควิน สมิธ วิ่งเข้ามาในตรอก หยุดมองซ้ายขวา จะเปิดประตูโกดังแต่เปิดไม่ได้ จึงหลบเข้ามุม เมษาวิ่งตามมา มองหาไม่เห็นอะไร เดินผ่านที่เควิน สมิธ ซ่อนตัว เควิน สมิธ อยู่ด้านหลังก้าวออกมายกปืนขึ้นเล็ง ปึกเข้ามายิงด้านหลัง เควิน
สมิธถูกยิงเข้าไหล่ผงะ เมษาหันมายิงใส่เควิน สมิธ เขาวิ่งหนี เมษายิงเข้าที่ขา เควิน สมิธ ล้มจะหันปืนยิง เมษาตามเข้ามาเตะปืนกระเด็น พร้อมจ่อปืน
“คุณถูกจับแล้วเควิน สมิธ”
ปึกวิ่งตามเข้ามาสมทบ
“ใช่ ครั้งนี้ แกไม่รอดแน่ อย่าหวังเลยว่าแกจะเอาหลวงพ่อคำเกลี้ยงไปจากเมืองไทยได้”
เควิน สมิธ มองปึกและเมษาอย่างยอมจำนน
สถิตย์ยุทธนั่งกอดใบเฟิร์นอยู่ในรถ
“พี่ยุทธคะ ทำไมไม่ไปอังกฤษหรือฝรั่งเศสล่ะคะ เฟิร์นไม่อยากไปฮาวายเลย ไม่รู้มีที่ช้อปปิ้งรึเปล่า”
“พี่อยากพักผ่อน เอาไว้กลับมาแล้วจะพาไปช้อปฮ่องกงแล้วกัน”
“จริงนะคะ แล้วเราจะอยู่ฮาวายสองอาทิตย์เลยหรือคะ”
“ดูก่อน ถ้าเบื่อก็อาจจะข้ามไปซานฟราน”
“ค่อยยังชั่วหน่อย”
ขั้นเทพนั่งอยู่เบาะหลังในรถตำรวจคู่กับไมค์ โจ๊กเกอร์ เขาบอกคนขับ
“เร็วหน่อยสุทัศน์ เราต้องไปให้ถึงก่อนที่ผู้การสถิตย์ยุทธจะขึ้นเครื่องนะ”
“ครับ”
รถตำรวจขับปาดออกไป
โทรศัพท์มือถือสถิตย์ยุทธดังขึ้น เขากดรับ
“ว่าไงวิวัฒน์”
“มีข่าวว่าท่านรองอดุลย์ออกหมายจับท่านครับ”
“จับฉันงั้นหรือ”
ใบเฟิร์นกำลังเล่นไลน์เหลือบมอง
“ครับ ผมรีบโทรมาเรียนให้ท่านทราบ”
“ขอบใจ”
สถิตย์ยุทธกดปิดโทรศัพท์ แล้วบอกคนรถ
“ไอ้หนุ่ม รีบไปแอร์พอร์ตเลยนะ เดี๋ยวฉันจะไม่ทันเครื่อง”
“มีอะไรรึเปล่าคะพี่ยุทธ”
“ไม่มีอะไร”
สถิตย์ยุทธหน้าเครียด
รถลีมูซีนของสถิตย์ยุทธเบรคจอดติดไฟแดง เขามองอย่างหงุดหงิด
“ติดไฟแดงซะอีก”
“ใจเย็น ๆ สิคะพี่ยุทธ ทำเป็นวัยรุ่นใจร้อนไปได้”
“หยุดพูดซะที”
“ขอโทษค่ะ”
รถตำรวจเข้ามาจอดด้านข้างรถลีมูซีน ภายในรถตำรวจ ขั้นเทพกับไมค์ โจ๊กเกอร์ มองไฟแดงอย่างร้อนใจ
“อะไรวะ เรายิ่งรีบ ดันมาติดไฟแดงซะอีก หวังว่าไอ้สถิตย์ยุทธจะไม่ขึ้นเครื่องหนีไปก่อนนะผู้กอง”
“ก็ขอให้เป็นอย่างงั้น เพราะถ้ามันหนีออกไปได้ เราก็ไม่มีทางจับมัน”
“แล้วเราบินไปจับมันที่เมืองนอกไม่ได้หรือ”
“ไม่ได้”
“มิน่าไอ้พวกโกงกินบ้านเมืองมันถึงไม่กลัวกฎหมายนะ เอะอะก็หนีไปหลบอยู่ต่างประเทศ”
ขั้นเทพไม่ตอบ ไมค์ โจ๊กเกอร์หันมองไปด้านข้างกระจก แล้วชะงัก เห็นสถิตย์ยุทธนั่งอยู่ในรถ
“สถิตย์ยุทธ ผู้กอง”
“อะไร ตะโกนโหวกเหวกโวยวายไปได้”
“ไอ้สถิตยุทธจอดรถอยู่ข้างเรา”
“อย่าพูดเล่นน่ะ”
“ไม่ได้พูดเล่น มันอยู่นี่ไง”
ขั้นเทพหันมอง เห็นสถิตย์ยุทธนั่งนิ่ง สถิตย์ยุทธเหลือบมอง
“หา ไอ้ขั้นเทพ”
สัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นไฟเขียว ขั้นเทพกระชากปืน
“จับมัน”
ขั้นเทพเปิดประตูรถ ไมค์ โจ๊กเกอร์ โดดลงจากรถ สถิตย์ยุทธบอกคนขับ
“ออกรถเร็ว”
รถสถิตย์ยุทธพุ่งออกไปอย่างเร็ว
“มันหนีไปแล้วผู้กอง”
“ตามมันไปเร็ว”
ทั้งหมดโดดขึ้นรถ รถพุ่งตามออกไป
สถิตย์ยุทธหันมองหลัง เห็นรถตำรวจเปิดไซเรนตามมา
“แยกหน้าเลี้ยวซ้าย”
“แต่ทางนั้นไม่ได้ไปแอร์พอร์ตนะครับ”
“ฉันบอกให้เลี้ยวซ้าย เร็ว”
คนขับหักรถเลี้ยวซ้าย สถิตย์ยุทธมองหลัง เห็นรถตำรวจยังตามมา
“นี่เราจะไปไหนกันคะพี่ยุทธ”
“หุบปาก ถ้าพูดอีกคำเดียวฉันจะตบปากเธอ”
สถิตย์ยุทธเห็นรถตำรวจไล่ตาม
“เหยียบให้เต็มที่”
“มีเรื่องอะไรกันหรือครับท่าน”
สถิตย์ยุทธกระชากปืนจ่อ
“ทำตามที่ฉันสั่ง ไม่งั้นแกตาย”
“ครับ ๆ”
รถลีมูซีนพุ่งไป สถิตย์ยุทธบอกคนขับ
“เลี้ยวขวาซอยหน้า”
ขั้นเทพบอกคนขับ
“ตามไปอย่าให้มันคลาดนะ”
“ฮึ่ย ฉันน่าจะขับเองนะ จะซิ่งให้ดูเล”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ หงุดหงิด
รถลีมูซีนขับพุ่งมาเลี้ยว รถตำรวจขับเลี้ยวตาม
“ไอ้บ้าเอ๊ย มันตามมาอีก เลี้ยวหน้าเลย”
คนขับหักเลี้ยวอย่างเร็ว ใบเฟิร์นหวีดร้อง รถลีมูซีนพุ่งเข้ามาในซอยอย่างรวดเร็ว
“ซอยตันครับท่าน”
“ถอย”
คนขับถอยรถออก รถตำรวจเข้ามาขวาง ขั้นเทพ กับไมค์ โจ๊กเกอร์ และตำรวจโดดลง ขั้นเทพพูดโทรโข่งจากรถ
“ผู้การสถิตย์ยุทธ คุณไม่มีทางหนีแล้ว มอบตัวซะ”
คนขับเบรคจอด สถิตย์ยุทธสั่ง
“ถอยออกไปเลย”
“แต่รถขวางอยู่นะครับท่าน”
“ถอยชนมันเลย”
“เอ่อ แต่ท่านครับ”
“อยากตายหรือ”
“ครับ ครับ”
คนขับเข้าเกียร์ถอยหลัง รถลีมูซีนถอยพุ่งเข้าหารถขั้นเทพ คนขับเบรครถแล้วโดดหนีออกจากรถ สถิตย์ยุทธและใบเฟิร์นหน้าคะมำ คนขับวิ่งยกมือเข้ามาหาตำรวจ
“อย่ายิงผมครับ ผมเป็นคนขับรถ ผมไม่รู้เรื่องครับ”
“ถอยไป”
คนขับรถวิ่งหลบไป ขั้นเทพคว้าโทรโข่ง ขึ้นพูด
“ผู้การสถิตย์ยุทธ ผมว่าคุณมอบตัวซะดีกว่า อย่าให้ผมต้องจับตายคุณ”
“จับตายกูงั้นหรือ”
“นี่มันเรื่องอะไรกันคะพี่ยุทธ เฟิรน์กลัว ทำไมตำรวจจะจับพี่”
สถิตย์ยุทธไม่ตอบ มองซ้ายขวาหาทางหนี
“เฟิร์นไปนะคะ”
ใบเฟิร์นเปิดประตูจะออกไป สถิตย์ยุทธกระชากกลับมา
“อยู่เฉย ๆ”
“ว้าย”
สถิตย์ยุทธเปิดประตูรถก้าวออกมาพร้อมเอาปืนจ่อใบเฟิร์น
“ถ้าแกไม่อยากให้ฉันฆ่าผู้หญิงคนนี้ ถอยไป”
“ผู้การไม่มีทางหนีได้หรอก เชื่อผม มอบตัวซะ”
“เฮ้ย แกเป็นตำรวจได้ไงวะ เอาผู้หญิงมาเป็นตัวประกันบังหน้า”
“ฉันจะนับถึงสามนะ ถ้าแกไม่ถอยล่ะก็ ฉันจะฆ่าผู้หญิงคนนี้จริง ๆ”
ขั้นเทพมองอึ้ง ไมค์ โจ๊กเกอร์ มองลุ้น
“หนึ่ง” ..
“เอาไงผู้กอง”
“สอง”
“ถอยไปสิคะ อย่าให้เขาฆ่าฉัน”
“สาม”
ขั้นเทพยกมือยอมแพ้
“เอาล่ะ ผมถอยแล้ว”
“โยนปืนไว้ในรถ แล้วถอยออกไปให้หมด”
“แกจะทำอะไร”
“หุบปาก ทำตามที่ฉันสั่งถ้าไม่อยากให้นังนี่ตาย เร็ว”
ขั้นเทพบอกตำรวจและไมค์ โจ๊กเกอร์
“ทำตามที่มันบอก”
ขั้นเทพโยนปืนใส่รถ ไมค์ โจ๊กเกอร์ และตำรวจโยนใส่ตาม
“ถอยออกไปจากรถ”
ขั้นเทพและตำรวจถอยห่างออกไป สถิตย์ยุทธลากใบเฟิร์นบังตัวเองไปที่รถตำรวจ
“ถ้าพวกแกตามมาล่ะก็ นังนี่ตายแน่ มานี่”
สถิตย์ยุทธกระชากใบเฟิร์นขึ้นรถ แล้วหันมายิงใส่ขั้นเทพและไมค์ โจ๊กเกอร์ ทั้งสองโดดหลบ สถิตย์ยุทธยิงใส่ตำรวจอีกนาย ล้มลง แล้วถอยรถออกไป
“เอาไงผู้กอง ไม่ตามไปหรือ”
“ไม่ได้ยินที่มันบอกหรือ ถ้าตามไปมันจะฆ่าผู้หญิง”
“ในที่สุดมันก็หนีไปได้อีกแล้ว ปัทโธ่เว้ย”
ขั้นเทพรีบวิทยุบอกให้ด่านตำรวจสกัดจับรถที่สถิตย์ยุทธขับไป
อ่านต่อหน้า 3
สวยร้ายสายลับ ตอนที่ 14 อวสาน (ต่อ)
เควิน สมิธ นอนอยู่บนเตียงคนไข้ ในโรงพยาบาล มีกุญแจมือล็อคไว้กับเตียง ที่ขาถูกโยง ที่ไหล่มีผ้าพันแผล เขาโวยวายลั่นห้อง มีตำรวจยืนเฝ้าหนึ่งนาย
“เรื่องอะไรเอากุญแจมาล็อคผม ปล่อยผม ผมขอพบทนาย ผมจะฟ้องพวกคุณ ฟ้องกรมตำรวจที่ทำเกินกว่าเหตุ โดยเฉพาะนังเมษาที่ยิงผม ปล่อยผม”
“ขอความกรุณาเงียบด้วยครับ ถ้าคุณยังส่งเสียง ผมอาจจะต้องย้ายคุณไปขังที่โรงพัก”
“ขังผมเรื่องอะไร ผมบอกแล้วไงว่าเรียกทนายมาให้ผม”
ขั้นเทพกับเมษาเปิดประตูเดินเข้ามา
“เอะอะโวยวายอะไร”
“อยู่ ๆ พวกคุณมาจับผมข้อหาอะไร”
“ยังมีหน้ามาถามอีกหรือว่าข้อหาอะไร”
“เราเจอเศียรพระพุทธรูปที่คุณกำลังจะลักลอบนำออกนอกประเทศ”
“เศียรพระพวกนั้นมันถูกกฎหมายนะ”
“แต่เศียรหลวงพ่อคำเกลี้ยงไม่ถูกกฎหมายแน่”
“แกนี่มันเลวจริง ๆ เที่ยวนี้แกต้องชดใช้กรรมในคุกแน่” ปึกแค้น
“พวกคุณไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ผมขอพบทนาย”
“นี่คุณคิดว่าคุณยังมีโอกาสรอดงั้นหรือ ครั้งนี้เรามีหลักฐานมัดตัวคุณแน่นหนา”
“แล้วถ้าคุณคิดว่าผู้การสถิตย์ยุทธจะช่วยคุณได้ล่ะก็ ขอให้คุณคิดใหม่ เพราะตอนนี้ผู้การสถิตย์ยุทธก็กำลังหนีตายอยู่”
“อย่ามาหลอกผมให้ยากเลย”
“ไม่เชื่องั้นหรือ”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ หยิบรีโมทโทรทัศน์ กดเปิด ดูข่าว
“บ่ายวันนี้หน่วยฉก.911 นำโดยร้อยตำรวจเอกขั้นเทพ บุกเข้าจับกุมผู้การสถิตย์ยุทธ แต่ผู้การสถิตย์ยุทธต่อสู้และยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจตายไปหนึ่งนาย ขณะนี้ตำรวจกำลังระดมกำลังออกติดตามตัวผู้การสถิตย์ยุทธอยู่ คิดว่าจะได้ตัวเร็ว ๆ นี้”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ปิดโทรทัศน์ แล้วหันมาถามเควิน สมิธ
“พอใจรึยัง”
เควิน สมิธ อึ้งไป ขั้นเทพกับเมษาเดินอ้อมมาข้างเตียง
“ทางที่ดีผมว่าคุณควรจะยอมรับสารภาพว่าคุณกับผู้การสถิตย์ยุทธเป็นผู้บงการสั่งตัดเศียรพระและลักลอบนำออกไปจากเมืองไทย”
“ไม่มีวัน พวกคุณอย่ามาขู่ซะให้ยากเลย”
“ก็ตามใจ แต่ฉันจะบอกให้คุณรู้นะ ถ้าคุณไม่สารภาพ เราก็ไม่สามารถดูแลความปลอดภัยให้คุณได้”
“พวกคุณพูดเรื่องอะไรผมไม่เข้าใจ”
“คุณคิดว่าผู้การสถิตยุทธจะปล่อยให้คุณนอนรักษาตัวให้หายงั้นหรือ”
“ผมว่าเขาต้องมาฆ่าปิดปากคุณแน่ๆ” ไมค์ โจ๊กเกอร์ พูดขึ้นทันที
“นี่ล่ะ กรรมตามสนองแกแล้ว แกสั่งตัดเศียรพระ คราวนี้ผู้การสถิตย์ยุทธต้องมาตัดหัวแกแน่” ปึกขู่
“ฉันว่าเราไปกันเถอะ ปล่อยให้ผู้การสถิตยุทธมาจัดการเขาเอง”
“จ่า ถอนกำลังกลับได้เลย ไม่ต้องให้ใครอยู่เฝ้าแล้ว”
“ครับ”
จ่าเดินออกไป ขั้นเทพหันมาบอกเควิน สมิธ
“คิดให้ดีแล้วกัน แต่อย่านานล่ะ เพราะผมไม่รู้ว่าผู้การสถิตย์ยุทธจะมาหาคุณเมื่อไหร่”
ขั้นเทพและพวกเดินออกไป เควิน สมิธ มองตาม หวาดหวั่น
“นี่เราจะไม่มีทางรอดแล้วจริง ๆ หรือ”
ขั้นเทพ เมษา ไมค์ โจ๊กเกอร์ และปึก เดินออกมาจากห้องที่เควิน สมิธ นอนรักษาตัว พลางคุยกันมา ปึกหันมาถาม
“ผู้กองกับคุณเมว่ามันจะยอมสารภาพมั้ย”
“ฉันว่าไม่น่าเกินชั่วโมง”
“ใช่ เราขู่มันขนาดนี้มันต้องกลัวตายบ้างล่ะ”
“แต่ถึงมันไม่สารภาพมันก็ไม่รอดอยู่ดี เพราะหลักฐานที่เราได้คราวนี้มัดตัวมันแน่นหนา”
“แล้วผู้การสถิตย์ยุทธล่ะคะ เราจะไปหาตัวมันได้ที่ไหน ไม่ใช่ว่าป่านนี้มันหนีออกไปนอกประเทศแล้วนะ”
“คงไม่ง่ายหรอก เพราะเราแจ้งสกัดจับไปตามหน่วยต่าง ๆ แล้ว” ขั้นเทพบอก
“หวังว่ามันจะไม่ฆ่าผู้หญิงที่เป็นตัวประกันนะผู้กอง”
ขั้นเทพกับเมษามองหน้ากันอย่างกังวล
รถคันหนึ่งวิ่งเข้ามาจอดริมถนน สักพักก็เคลื่อนออกไป เหลือแต่ศพของใบเฟิร์นถูกทิ้งอยู่ข้างทาง
ตอนเช้า มีการนำเสนอข่าวทางโทรทัศน์ เรื่องใบเฟิร์นตาย
“เมื่อคืนนี้เวลาตีสอง ตำรวจพบศพหญิงสาวชื่อใบเฟิร์นที่ถูกผู้การสถิตย์ยุทธจับเป็นตัวประกัน ถูกทิ้งอยู่ที่ริมทางถนนสายเอเซีย ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังออกตามหาตัวผู้การสถิตย์ยุทธ เพื่อนำตัวมาสอบสวนและดำเนินคดี”
ขั้นเทพ เมษา ปึก และไมค์ โจ๊กเกอร์ ดูข่าวอยู่
“ในที่สุดมันก็ฆ่าผู้หญิงจริง ๆ” ไมค์ จ๊กเกอร์ แค้น
“มันเหี้ยมโหดเกินมนุษย์ไปแล้ว” ปึกโมโห
“ไอ้สถิตย์ยุทธ ฉันต้องเอาตัวแกมาลงโทษให้ได้” เมษาแค้นเช่นกัน
เสียงโทรศัพท์มือถือของขั้นเทพดังขึ้น เขากดรับ
“ฮัลโหล แน่ใจนะ อย่าเพิ่งทำอะไรจนกว่าผมจะไปถึง” ขั้นเทพปิดโทรศัพท์
“มีอะไรคะ”
“สายของเรารายงานมาว่า มีคนเห็นผู้การสถิตย์ยุทธอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งแถวปราจีนบุรี”
“งั้นเราก็รีบไปเถอะค่ะ”
ขั้นเทพพยักหน้าเดินออกไป ทั้งหมดตามออกไปอย่างรวดเร็ว
ตำรวจยกกำลังมาล้อมบ้านกลางป่า ซึ่งเป็นบ้านที่สถิตย์ยุทธซ่อนตัวอยู่ ขั้นเทพ เมษา ไมค์ โจ๊กเกอร์กับปึกตามเข้ามา เมษาส่องกล้อง เห็นเงาคนเดินในบ้าน
“มีคนอยู่ในบ้าน”
ขั้นเทพยกกล้องขึ้นส่องมอง เห็นเงาคนในบ้านเดินมาที่ประตู
“เตรียมพร้อมนะ มีคนกำลังจะออกมา”
เมษาขยับชักปืนออกมารอ ขั้นเทพส่องกล้องเห็นชายคนหนึ่งใส่เสื้อม่อฮ่อม ถือจาน เอาเศษอาหารออกมาเททิ้ง แล้วมองซ้ายขวา ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบ้าน
“ไม่ใช่ สถิตย์ยุทธ”
“มันต้องอยู่ในบ้านแน่”
“เอาไงดีคะ จู่โจมเลยมั้ย”
“ใช่ เราต้องจู่โจมเลย ขืนชักช้าถ้ามันรู้ตัว อาจมีการปะทะกัน”
“ดีค่ะ เข้าไปจับมันเลย”
“ไมค์ นายกับหนูปึกรออยู่ข้างนอกนี่นะ”
“อ้าวทำไมล่ะ”
“นายคอยแบคอัพอยู่ข้างนอก ถ้ามันหนีออกมาทางนี้นายกับหนูปึกก็จัดการมันได้เลย”
“จะให้จับเป็นหรือจับตาย”
“ถ้าเป็นไปได้ ฉันอยากให้จับเป็น”
“โอเค ไม่ต้องห่วง”
“ระวังตัวล่ะหนูปึก”
“รับรองค่ะ ไว้ใจเราได้”
ขั้นเทพหันมาพูดวิทยุสั่งการ
“ทุกหน่วยโปรดทราบ เราจะทำการจู่โจม ขอให้ทุกคนระมัดระวัง ผู้ต้องสงสัยมีอาวุธ”
ตำรวจทั้งสี่รับทราบ แล้วคืบคลานเข้าไป เมษาส่องกล้องมองไปที่บ้านอีกครั้ง เห็นว่าไม่มีใคร
“ไปได้ค่ะ”
ขั้นเทพวิ่งหลบเข้าไปที่รถกระบะที่จอดหน้าบ้าน เมษากับตำรวจอีกนายวิ่งตามไป ขั้นเทพส่งสัญญาณให้ตำรวจจู่โจม ตำรวจถีบประตูบ้านเข้าไป ขั้นเทพกับเมษาพุ่งเข้าไปในบ้าน พร้อมยกปืนจ่อ
“หยุดนะนี่ตำรวจ”
ชายเสื้อม่อฮ่อมยกมือขึ้นอย่างตกใจ ชายอีกคนที่อยู่ในบ้านกระชากปืน
“ทิ้งปืน”
ชายคนนั้น ไม่ทิ้งปืน จะเหนี่ยวยิง ขั้นเทพยิงสวนเข้าไป ชายคนนั้นกระเด็น เมษาจู่โจมเข้าไปอีกห้อง ขั้นเทพตามเข้าไป ชายอีกคนในห้องจะคว้าปืน เมษาร้องบอก
“หยุดนะ ถ้าแกขยับฉันยิงจริง ๆ”
ชายคนนั้นยกมือขึ้นยอมแพ้ ขั้นเทพพยักหน้าให้ลูกน้องเข้าไปคุมตัว
“ผู้การสถิตย์ยุทธอยู่ไหน”
“ผมไม่รู้”
ขั้นเทพเอาด้ามปืนกระทุ้งท้อง
“ถ้าแกไม่บอกล่ะก็ แกจะเจ็บหนักกว่านี้นะ ผู้การสถิตย์ยุทธอยู่ไหน”
“เขาหนีไปแล้วครับ”
เวลาเดียวกันนั้น รถกระบะวิ่งผ่านออกไปด้านหลัง ปึกกับไมค์ โจ๊กเกอร์ กำลังมองเหตุการณ์ในบ้าน ปึกหันไปเห็น
“พี่ไมค์ ข้างหลัง มันกำลังจะหนีแล้ว”
ไมค์ โจ๊กเกอร์มองตาม เห็นรถเลี้ยวออกไป
“ตามมันไปเร็ว”
ไมค์ โจ๊กเกอร์กับปึกวิ่งออกไป
รถกระบะวิ่งพุ่งมาตามทาง ไมค์ โจ๊กเกอร์ขับรถพุ่งมาปาดขวางหน้า รถกระบะเบรค ไมค์ โจ๊กเกอร์กับปึกโดดลงจากรถพร้อมปืน
“หยุดนะไม่งั้นกูยิง”
“หยุดนะ”
ประตูรถกระบะเปิดออก แง้มให้เห็นเป็นชายคนหนึ่งยกมือเหนือหัว
“อย่า ผมยอมแล้ว ผมไม่รู้อะไรด้วย ผมเป็นคนเฝ้าบ้าน”
“ผู้การสถิตย์ยุทธอยู่ไหน”
“ท่านไปได้เกือบชั่วโมงแล้วครับ”
ปึกอึ้งหันมองหน้าไมค์ โจ๊กเกอร์
“มันคงรู้ตัวก่อนแล้ว”
สถิตย์ยุทธขับรถขึ้นมาจอดบนยอดเนินเขา ก้าวลงจากรถพร้อมกับพูดโทรศัพท์กับลูกน้องด้วยความโกรธ
“ว่าไงนะ”
“คนของเราถูกจับไปหมดหลังจากที่ท่านออกมาได้ไม่ถึงชั่วโมงครับ”
สถิตย์ยุทธปิดโทรศัพท์
“ไอ้ขั้นขั้นเทพ คิดหรือว่าแกจะจับฉันได้”
ขั้นเทพกับเมษาอยู่ที่หน่วยฉก.911 เดินมาหาไมค์ โจ๊กเกอร์กับปึกที่นั่งรออยู่
“ว่าไงผู้กอง ลูกน้องมันยอมสารภาพมั้ยว่าผู้การสถิตย์ยุทธอยู่ไหน”
ขั้นเทพส่ายหน้า
“พวกมันคงไม่รู้จริง ๆ ว่าไอ้สถิตย์ยุทธหนีไปอยู่ไหน”
“ฮึ่ย เสียดายจริง ๆ พวกเราเกือบจะได้ตัวมันอยู่แล้วเชียว”
เมษาถอนใจ
“จากนี้ไปเราคงจะหาตัวมันลำบากแล้ว”
“ใช่ มันคงต้องซ่อนตัวหดหัว ไม่โผล่ออกมาให้เราจับง่าย ๆ”
“ฉันว่าตอนนี้มันอาจจะหนีออกไปชายแดนแล้วนะ”
“ยัง ท่านรองแจ้งไปที่ด่านแล้ว ถ้ามันคิดจะออกทางชายแดนล่ะก็ มันโดนรวบตัวแน่”
ทั้งสี่มองหน้ากันแล้วถอนใจ เครียด
สถิตย์ยุทธขับรถมาที่รีสอร์ตกลางป่า หยิบกระเป๋าลงจากรถแล้วเดินเข้าไปที่เคาน์เตอร์ของรีสอร์ต พนักงานนั่งดูโทรทัศน์อยู่ หันมาเห็นสถิตย์ยุทธ์ก็สะดุ้ง
“อุ้ย ขอโทษครับ”
“มีห้องว่างมั้ย”
“มีครับ กี่ห้องครับ”
“ห้องเดียว”
“จะอยู่กี่คืนครับ”
“ยังไม่รู้”
“งั้นขอบัตรประชาชนด้วยครับ”
“ฉันไม่ได้เอามา ห้องคืนละเท่าไหร่”
“ห้าร้อยครับ”
สถิตย์ยุทธหยิบเงินส่งให้
“เอา ฉันให้สองพัน จ่ายก่อนสามคืน ที่เหลือห้าร้อยให้แก”
“ได้เลยครับ งั้นผมจะลงชื่อพี่ว่าสมชายนะครับ มาครับ เดี๋ยวผมเดินไปส่ง”
“ไม่ต้อง บอกเบอร์ห้องมา”
“สามเอครับ เดินไปทางนี้เลี้ยวขวาห้องสุดท้ายครับ”
สถิตย์ยุทธเดินออกไป พนักงานอีกคนเดินสวนเข้ามาหันมองตาม
“แขกมาใหม่หรือ”
“อืม”
“แล้วเขาจะเอาอะไรมั้ย”
“ไม่เอา เขาให้ทิปข้าตั้งห้าร้อย”
“จริงหรือ แบ่งหน่อยสิ”
“ไม่ได้ เขาให้ข้าโว้ย”
สถิตย์เดินมาหยุดมองซ้ายขวาไขประตูเข้าห้องไป ดึงม่านปิด เปิดกระเป๋าเดินทางออก มีแท่ง
ระเบิดทีเอ็นทีบรรจุมาเต็มกระเป๋า และอาวุธปืนกล เขาหยิบระเบิดขึ้นมาดู
“ไอ้ขั้นเทพ มึงอยากจับกูนักใช่มั้ย พรุ่งนี้กูจะเรียกให้มึงมาจับกูถึงที่เลย”
สถิตย์ยุทธแสยะยิ้มวางระเบิดลง เสียงเคาะประตูดังขึ้น เขาหยิบปืนกลเล็งไปที่ประตู
“ใคร”
พนักงานยืนอยู่หน้าห้อง
“ผมจะมาถามว่าท่านจะรับเครื่องดื่มหรืออาหารมั้ยครับ”
“ไม่”
“แล้วอยากได้เพื่อนคุยมั้ยครับ มีสาว ๆ นะครับ”
“ไม่ ฉันจะนอนแล้ว”
พนักงานถอนใจเซ็ง
“เซ็งเลย กะจะได้ทิปสักห้าร้อย”
สถิตย์ยุทธเงี่ยหูฟังจนแน่ใจว่าพนักงานไปแล้วจึงลดปืนลง เก็บปืนใส่กระเป๋า
ที่ห้องแถลงข่าวของโรงพยาบาล ขั้นเทพและเมษานั่งประกบเควิน สมิธ ซ้ายขวา มีไมค์ โจ๊กเกอร์นักข่าว เควิน สมิธ กำลังพูดให้การรับสารภาพ สถิตย์ยุทธนั่งดูการแถลงข่าวจากจากโทรทัศน์
“ไอ้เควิน สมิธ ฉันนึกแล้วว่าคนอย่างแกมันเชื่อไม่ได้ เอาไว้ให้ฉันจัดการพวกไอ้ขั้นเทพซะก่อน แกจะเป็นศพรายต่อไป”
นักช่าวรายงานข่าวพร้อมรูปภาพประกาศจับสถิตย์ยุทธปรากฏขึ้นในจอ
“ขณะนี้ทางการกำลังติดตามตัวผู้การสถิตย์ยุทธ หากผู้ใดพบเห็นชายคล้ายผู้ต้องสงสัยในภาพโปรดติดต่อเจ้าหน้าที่ด่วน มีรางวัลนำจับให้หนึ่งแสนบาท”
เวลาเดียวกันนั้น พนักงานรีสอร์ต นั่งดูข่าวอยู่เช่นกัน
“เฮ้ย ไอ้แดง คนในทีวีเหมือนคนที่มาเปิดห้องเมื่อคืนว่ะ”
“เอ็งพูดจริงหรือพูดเล่น”
“จริงสิ ข้าจะพูดเล่นทำไม”
“งั้นเรารีบไปแจ้งตำรวจเลยจะได้รางวัลนำจับ”
“แต่ข้าว่าไปดูให้แน่ใจก่อนดีกว่า เมื่อคืนข้าไม่ทันตั้งใจมอง”
“งั้นไปเลย เฮ้ย แต่ถ้าได้รางวัลนำจับต้องแบ่งคนละครึ่งนะ”
“เออ”
ทั้งสองเดินไปหน้าห้องพักของสถิตย์ยุทธ แล้วเคาะประตู สถิตย์ยุทธนั่งกินกาแฟ ชะงัก
“ใคร”
“พนักงานครับท่าน”
“มีอะไร”
“จะขออนุญาตทำห้องครับ”
“เข้ามาได้เลย”
พนักงานทั้งสองตีมือกัน
“เสร็จเรา”
พนักงานไขประตูเปิดเข้าไป แล้วตะลึง
“มีอะไรหรือ เห็นหน้าฉันทำท่าตกใจ ยังกะเห็นผี”
“อ๋อ เปล่าครับ”
“เดี๋ยวพวกเรามานะครับ เราลืมเอาอุปกรณ์ทำความสะอาดมา”
สถิตย์ยุทธพยักหน้าให้ ทั้งสองหันเดินออกไป
“เดี๋ยว”
“มีอะไรครับ”
“ฉันมีอะไรจะจ้างพวกแกหน่อย”
“อะไรหรือครับ”
พนักงานแปลกใจ
ที่โรงพยาบาล ขั้นเทพ เมษา ไมค์ โจ๊กเกอร์ และปึก ชนแก้วกระดาษกัน
“ขอดื่มให้กับความสำเร็จขั้นแรกของเรา”
“ในที่สุดไอ้เควิน สมิธ ก็ยอมรับสารภาพว่าร่วมมือกับผู้การสถิตย์ยุทธลักลอบค้าเศียรพระ” ปึกพอใจ
“เที่ยวนี้ไอ้ผู้การสถิตย์ยุทธดิ้นไม่หลุดแน่ ใช่มั้ยผู้กอง”
“ใช่ ตอนนี้ขอแค่ให้เราจับตัวสถิตย์ยุทธได้ ทุกอย่างก็จบ”
เมษาถอนใจ
“ไม่รู้ว่าตอนนี้มันไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหนนะ”
“แต่หนูปึกว่าอีกไม่ช้าต้องได้ตัวมันแน่ค่ะ เพราะข่าวทีวีออกทั่วประเทศ เช้า กลางวัน เย็น แบบนี้ ยังไงก็ต้องมีคนเห็นมันบ้างล่ะ”
“ถ้าอย่างงั้นตอนนี้ เราก็แค่นั่งรอเวลาให้คนโทรมาบอก แล้วเราก็ตามไปจับมัน”
“มันจะง่ายอย่างงั้นเลยหรือ พี่ไมค์”
“ถูกของหนูปึก ฉันว่าคนอย่างสถิตย์ยุทธไม่มีทางยอมให้เราจับง่าย ๆ หรอก”
เสียงโทรศัพท์มือถือขั้นเทพดังขึ้น ทุกคนชะงัก ขั้นเทพหยิบโทรศัพท์ขึ้นดู
“นั่น อย่าบอกนะว่ามีคนโทรมาแจ้งเบาะแสมัน”
“ใครคะ”
“ไม่รู้ ไม่เคยเห็นเบอร์นี้”
“หรือจะเป็นชาวบ้านโทรมาแจ้งคะ”
ขั้นเทพกดรับ
“ฮัลโหล”
พนักงานที่รีสอร์ตกำลังพูดสายอยู่
“นั่นผู้กองขั้นเทพรึเปล่าครับ”
“ใช่ครับ นั่นใคร”
“คือ ผม ผมทำงานอยู่ที่รีสอร์ตฟ้าใส ปราณบุรีครับ”
“มีอะไร”
“ผมเห็นคนชื่อผู้การสถิตยุทธมาพักอยู่ที่นี่ครับ”
“พูดจริงนะไม่ได้ล้อเล่น”
“จริงครับ ผู้กองรีบมาเลยนะครับ”
“แล้วทำไมถึงโทรหาผม”
“คือ ผมเห็นชื่อผู้กองในข่าวน่ะครับ”
“แล้วคุณแน่ใจหรือว่าเป็นผู้การสถิตย์ยุทธ”
“แน่ใจครับ เมื่อคืนเขาเพิ่งเข้ามาพัก”
“แล้วตอนนี้เขาอยู่ไหน”
“อยู่ในห้องพักครับ”
“เอาล่ะ คุณจับตาดูเขาไว้ให้ดีนะ ถ้าเขาออกไปจากรีสอร์ตโทรบอกผมทันที”
“ได้ครับ”
พนักงานปิดโทรศัพท์ หันมาตัวสั่นกลัว เพราะสถิตย์ยุทธจ่อปืนเก็บเสียงอยู่ด้านหลัง
“ขอบใจมาก”
สถิตย์ยุทธยกปืนเก็บเสียงยิงใส่พนักงานทันที
อ่านต่อหน้า 4
สวยร้ายสายลับ ตอนที่ 14 อวสาน (ต่อ)
รถขั้นเทพเปิดไซเรนวิ่งมา มีรถกระบะตำรวจอีกคันตามหลัง เมษานั่งด้านหน้าคู่ขั้นเทพ ไมค์ โจ๊กเกอร์กับปึกนั่งหลัง
“หวังว่าคราวนี้เราคงจะไม่คลาดกับมันอีกนะ”
“ไม่น่านะ ผมให้คนที่รีสอร์ตจับตาดูมันอยู่”
“คราวนี้มันต้องเสร็จพวกเราแน่”
“แต่ครั้งนี้ถ้าจำเป็น ผมต้องจับตายมันนะผู้กอง”
“นายกับหนูปึกต้องระวังนะ สถิตยุทธมันไม่ได้โง่อย่างที่เราคิด”
เมษาพยักหน้าเห็นด้วย
สถิตย์ยุทธล้างมือ ล้างหน้า เดินไปปลายเตียง ซึ่งมีศพพนักงาน 2 คน อยู่ตรงนั้น เขาหยิบปืนเก็บเสียงถอดออก หยิบกระเป๋าเดินทางหิ้วออกไปจากห้อง ปิดประตู
รถขั้นเทพและรถตำรวจวิ่งขึ้นเนินมา ขั้นเทพ เมษา ไมค์ โจ๊กเกอร์ และปึก หน้าเครียดมองทางด้านหน้า
“อีกไกลมั้ยผู้กองกว่าจะถึง”
“”อีกชั่วโมงกว่า ๆ”
“เจ้าประคู้น ขอให้มันอยู่รอเราด้วยเถอะ”
รถขั้นเทพและตำรวจวิ่งไปอย่างรวดเร็ว
ภายในรีสอร์ต สถิตย์ยุทธกำลังต่อสายชนวนระเบิด เดินสายยาวไปตามจุดที่วาง แล้วหมุนสัญญาณต่อรีโมทในมือ
“หึ คราวนี้พวกแกจะได้รู้ว่ากำลังเล่นอยู่กับใคร”
สถิตย์ยุทธเดินออกไป
ป้ายรีสอร์ตปากทางเข้า รถขั้นเทพขับเข้ามาจอด รถตำรวจตามมาจอดด้านหลังข้างป่าริมทาง ขั้นเทพ เมษา ไมค์ โจ๊กเกอร์ และปึกลงจากรถ ตำรวจ 4 นายมีอาวุธครบมือลงตามมา ขั้นเทพหันไปบอกลูกน้อง
“เราจะจอดรถไว้ที่นี่เพื่อไม่ให้ผู้การสถิตย์ยุทธรู้ตัว”
“ครับ”
“จ่าชัยกับศักดิ์เดินเท้าไปทางด้านขวา ส่วนจ่าสิทธิ์กับมานะไปทางซ้าย แยกกันโอบล้อมรีสอร์ตไว้ ส่วนผมจะเข้าไปทางด้านหน้า”
“ครับ”
“ขอให้ทุกคนระวังตัวให้ดี ผู้การสถิตย์ยุทธคงไม่ให้เราจับง่าย ๆ”
“ครับ”
“แยกกันไปได้แล้ว”
ตำรวจทั้งสี่แยกกันออกไป ขั้นเทพหันมาพยักหน้าให้เมษา ไมค์ โจ๊กเกอร์ และปึก ทั้งสี่เดินเรียงหน้ากระดานไป
สถิตย์ยุทธมองจอกล้องวงจรปิดของรีสอร์ต แล้วกดดูภาพ เห็นตำรวจ 2 นาย กำลังลัดเลาะเดินเข้ามาจากป่าด้านหนึ่ง เขาแสะยิ้ม กดดูอีกภาพ เห็นไมค์ โจ๊กเกอร์กับปึกเดินเข้ามาอีกด้าน ส่วนอีกจอหนึ่ง เห็นขั้นเทพกับเมษาเดินเข้ามา
“ยินดีต้อนรับผู้กองขั้นเทพ”
สถิตย์ยุทธหยิบรีโมทระเบิดขึ้นมาดู เปิดสวิชต์ไฟ สัญญาณไฟเปลี่ยนจากแดงเป็นเขียว
ขั้นเทพเดินเข้ามาแล้วหยุด ยกมือให้ทุกคนหยุด หยิบกล้องทางไกลมาส่องมองไปที่ตัวบ้าน เห็นบ้านปิดเงียบ
“เห็นสถิตย์ยุทธมั้ยคะ”
“ไม่เห็นใครเลย”
ขั้นเทพพูดวิทยุ
“จ่าชัย คุณถึงไหนแล้ว”
“ผมมาถึงหลังรีสอร์ตแล้วครับ”
“เห็นใครมั้ย”
“ยังไม่เห็นใครเลยครับ”
“โอเคเฝ้าดูให้ดี จ่าสิทธิ์คุณอยู่ไหนแล้ว”
“ผมอยู่ข้างบ้านแล้วครับ”
“เห็นใครมั้ย”
“ไม่เห็นเลยครับ”
“โอเค เฝ้าดูไว้แล้วรอคำสั่งจากผม”
ขั้นเทพกดโทรศัพท์โทรเข้าไปที่พนักงานรีสอร์ต แต่ไม่มีใครรับสาย
“ไม่มีใครรับสาย”
“หรือว่า ผู้การสถิตย์ยุทธจะรู้ตัว”
“ถ้ามันรู้ตัว ป่านนี้มันก็ต้องหนีไปแล้ว”
“เข้าไปดูก่อนดีกว่า ระวังตัวนะพวกเรา จ่าชัย จ่าสิทธิ์ ผมกำลังจะบุกเข้าไปนะ”
“รับทราบ”
จ่าชัยหันมาพยักหน้าให้ศักดิ์ แล้วเคลื่อนตัวออกไป จ่าสิทธิ์พยักหน้าให้มานะเคลื่อนตัวออกไป ขั้นเทพขยับเดินออก เมษา ไมค์ โจ๊กเกอร์ และปึก ตามไปอย่างระแวดระวัง
สถิตย์ยุทธแสยะยิ้ม มองจอกล้องวงจรปิด แล้วหยิบรีโมทระเบิดขึ้นมา มองไปที่จอ ขั้นเทพก้าวมาหาพื้นปากหลุมระเบิด มีไฟกระพริบที่ปากหลุม สถิตย์ยุทธมองจอนิ่งรอเวลา ขั้นเทพ เมษา เดินตามกันมาเข้าหาหลุม
“เดี๋ยว ผู้กอง”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ เรียก ทุกคนหยุดชะงัก
“อะไร”
“ข้างหน้านั่น ไฟกระพริบอะไร”
ขั้นเทพหันมองตามที่ไมค์ โจ๊กเกอร์ ชี้ สถิตย์ยุทธยกรีโมทจะกด
“หลบ ระเบิด”
ทั้งสี่หันหลังโดดหลบระเบิด ระเบิดขึ้นที่หลุม อีกมุมหนึ่ง จ่าชัยกับศักดิ์เดินก้าวเข้าไป สถิตย์ยุทธกดระเบิด จ่าชัยกับศักดิ์โดดลอย
“ผู้กองมีระเบิดครับ”
“ระวังนะทุกคน”
ระเบิดขึ้นด้านข้าง ขั้นเทพ เมษา ไมค์ โจ๊กเกอร์ กับปึก เซ ขั้นเทพวิ่งนำไปหาที่หลบ สถิตย์ยุทธกดรีโมท ระเบิดขึ้นไล่ตาม ขั้นเทพ เมษา ไมค์ โจ๊กเกอร์ และปึก ระเบิดขึ้นดักด้านหน้า ทั้งหมดหลบ แล้ววิ่งแยกกันออกไปคนละทาง สถิตย์ยุทธกดระเบิดตามไล่ทุกคน
จ่าสิทธิ์จู่โจมเข้าไปในบ้าน เจอศพพนักงานทั้งสอง
“ผู้กอง ในบ้านไม่มีใครครับ มีแต่ศพผู้ชายสองคนน่าจะเป็นพนักงานเฝ้ารีสอร์ตครับ”
“มันต้องอยู่ในรีสอร์ตนี้ หามันให้เจอ”
ขั้นเทพ เมษา ไมค์ โจ๊กเกอร์ และปึก มองหา สถิตย์ยุทธหยิบปืนเอ็ม79 ขึ้นใส่กระสุน ยกปืนเล็ง ขั้นเทพหันมาบอกเมษา
“คุณตามผมนะ”
“ค่ะ”
ขั้นเทพเดินออกไป เมษาตามหลังมองขึ้นไปด้านบน เห็นสถิตย์ยุทธยกปืนเล็งลงมา
“มันอยู่ข้างบนค่ะ”
ขั้นเทพมองตาม สถิตย์ยุทธยิงเอ็ม79 ใส่
“หลบเมษา”
ขั้นเทพรวบตัวเมษาหลบ
“เข้ามาเลยไอ้ขั้นเทพ”
สถิตย์ยุทธบรรจุกระสุนใส่ ยกปืนขึ้นยิงซ้ำ ขั้นเทพและเมษาวิ่งหลบ กระสุนผ่านเฉียดไป ทั้งสองยิงตอบโต้ สถิตย์ยุทธหลบ
“เข้ามาเลย”
สถิตย์ยุทธยิงปืนกลใส่ ขั้นเทพ เมษาวิ่งหนี ปึกกับไมค์ โจ๊กเกอร์ ยิงใส่สถิตย์ยุทธ
“พี่ไมค์จัดการมัน”
ไมค์ โจ๊กเกอร์กับปึก ยิงคู่ สถิตย์ยุทธหลบ
“แกไม่มีวันหนีรอดหรอก ยอมให้เราจับซะดี ๆ”
“ก็ขึ้นมาจับกูสิวะ”
สถิตย์ยิงสาดกระสุนใส่ ไมค์ โจ๊กเกอร์ กับปึก โดดหลบ
“เอาไงผู้กอง มันอยู่ที่สูงกว่าเรา เราไม่มีทางจับมันได้แน่”
“ถ้าเราขึ้นไม่ได้ ก็ให้มันลงมาหาเรา”
“ใช่”
เมษากับขั้นเทพหยิบระเบิดน้อยหน่าขึ้นมา ทั้งสองมองสบตากันแล้วเหวี่ยงขึ้นไป ระเบิดวิ่งไหลเข้ามาที่เท้าสถิตย์ยุทธ เขาตกใจ โดดออก โหนเชือกลงมา ระเบิดขึ้นตามหลัง ขั้นเทพกับเมษาเห็นสถิตย์รูดสลิงก์หนี
“มันโหนสลิงก์หนีแล้วค่ะ”
ขั้นเทพ เมษา ไมค์ โจ๊กเกอร์ และปึก ช่วยกันยิงใส่สถิตย์ยุทธ
สถิตย์ยุทธอยู่บนสลิงก์กราดยิงใส่ พวกขั้นเทพหลบ
“คิดหรือว่าจะจับกูได้หรือ อย่าหวังเลย”
ขั้นเทพยิงปืนเล็งไปที่สลิงก์
“มันกำลังจะหนีแล้ว”
ขั้นเทพเหนี่ยวยิง กระสุนเข้าที่สลิงก์ขาด
“สลิงก์ขาดแล้วผู้กอง”
สถิตย์ยุทธร่วงม้วนลงมาบนพื้นทราย เขาคว้าปืนสั้นที่เอวหันจะยิง ขั้นเทพตามเข้ามาเตะมือสถิตย์ยุทธ ปืนกระเด็น เมษาวิ่งเข้ามาจ่อปืน ไมค์ โจ๊กเกอร์ และปึก ตามมาจ่อปืน
“คุณถูกจับแล้วผู้การสถิตย์ยุทธ”
“คราวนี้แกหนีไม่รอดแล้ว”
“ถึงฉันจะถูกพวกแกจับ แต่เรายังต้องสู้กันในศาลอีกนาน และฉันบอกพวกแกได้เลยว่าคนอย่างฉันไม่มีวันติดคุกแน่”
“หนอย ยังมาทำปากเก่งอีกหรือ ขอตบปากทีเถอะ”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ ขยับเข้าไปจะกระชากสถิตย์ยุทธ
“อย่าไมค์”
สถิตย์ยุทธฉวยจังหวะโดดพุ่งตัวเข้าคว้ามือไมค์ โจ๊กเกอร์ แล้วบิดข้อมือไมค์ โจ๊กเกอร์ ปืนเหนี่ยวลั่นยิงขึ้นฟ้า เมษากับขั้นเทพจะยิงสถิตย์ยุทธ แต่สถิตย์ยุทธจับไมค์ โจ๊กเกอร์ บิดตัวมาบัง ปึกจะยิง สถิตย์ยุทธม้วนบิดไมค์ โจ๊กเกอร์มาขวาง พร้อมกับจับมือไมค์ โจ๊กเกอร์ บิดยิงใส่ปึก เมษาโดดเข้าขวาง
“หลบ หนูปึก”
กระสุนพุ่งเข้าที่หลังคอเมษา เมษาผงะ ขั้นเทพตะลึง
“เม”
สถิตย์ยุทธหันกลับยิงใส่ขั้นเทพ ขั้นเทพหลบ สถิตย์ยุทธสะบัดไมค์ โจ๊กเกอร์ออก แล้วตบด้วยปืน ยกปืนจะยิง
“ตายซะเถอะมึง ไอ้ไมค์ โจ๊กเกอร์”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ตาค้าง ขั้นเทพหมุนตัวออกมายิงใส่สถิตย์ยุทธ สถิตย์ยุทธผงะเซ
“ทิ้งปืน”
สถิตย์ยุทธจะยิงต่อสู้
“ผมบอกให้ทิ้งปืน อย่าให้ผมต้องจับตายคุณนะ”
สถิตย์ยุทธมองขั้นเทพ แล้วยกปืนขึ้นจะยิง ขั้นเทพเหนี่ยวไก กระสุนทะลุหลังสถิตย์ยุทธล้มลง
ตายตาค้าง ปึกวิ่งเข้ามาดูเมษา
“คุณเม”
“ผู้กองช่วยคุณเมด้วย”
ไมค์ โจ๊กเกอร์หันไปตะโกนเรียกขั้นเทพ ขั้นเทพได้สติวิ่งโผเข้ามา
“เม”
ขั้นเทพประคองร่างเมษา กระชากเสื้อเกราะออก เห็นเลือดไหลเลอะเต็มตัวเมษา
“เม คุณได้ยินผมมั้ย”
เมษาไม่ได้สติ ขั้นเทพพยายามเขย่าเรียก ไมค์ โจ๊กเกอร์ วิ่งเข้ามาชะงักมอง ปึกมองเมษาแล้วส่ายหน้าร้องไห้ กลัวเมษาตาย ขั้นเทพอุ้มเมษา เดินออกไปอย่างรีบเร่ง เลือดไหลทะลักจากหลังคอลงพื้น
“คุณต้องไม่ตายนะเม”
หน้าห้องไอ.ซี.ยู.ขั้นเทพนั่งคอตกน้ำตาไหล ปึกกอดไมค์ โจ๊กเกอร์ ร้องไห้ หมอเปิดประตูออกมา
ส่ายหน้า แล้วหันกลับเดินเข้าไปในห้อง ทั้งหมดจะวิ่งตามเข้าไป พยาบาลขวางไม่ให้เข้า ปึกมองไมค์ โจ๊กเกอร์แล้วร้องไห้
“ไม่นะพี่ไมค์ คุณเมต้องไม่ตาย ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่เชื่อ”
ปึกทรุดลงนั่งกอดเข่าร้องไห้ ไมค์ โจ๊กเกอร์น้ำตาไหล อึ้ง มองขั้นเทพ ขั้นเทพน้ำตาไหลเช่นกัน
เมษานอนอยู่บนเตียงในห้องไอ.ซี.ยู. ที่คอมีผ้าปิดแผลผ่าตัด มีสายน้ำเกลือ เครื่องช่วยหายใจ
เครื่องวัดระดับความดันชีพจร ขั้นเทพ ไมค์ โจ๊กเกอร์ และปึกยืนอยู่ในห้อง ปึกร้องไห้สะอื้น
“นี่คุณเมจะเป็นเจ้าหญิงนิทราไปตลอดหรือคะผู้กอง”
ขั้นเทพมองเมษา ไม่มีคำตอบ นอกจากความเจ็บปวดและเสียใจ
“เป็นเพราะหนูปึกคนเดียว ถ้าคุณเมไม่ช่วยหนูปึก คุณเมก็คงไม่ต้องเป็นแบบนี้ เป็นเพราะหนูปึกคนเดียว เพราะหนูปึกคนเดียว”
ปึกตบหน้าทุบหัวตัวเอง ไมค์ โจ๊กเกอร์ เข้ามาดึงไว้
“อย่าทำร้ายตัวเองเลยหนูปึก”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ ดึงปึกมากอด ปึกร้องไห้สะอึกสะอื้น ขั้นเทพจับมือเมษา
“คุณต้องตื่นนะเม สัญญากับผมว่าคุณจะตื่นกลับมาหาผม เรายังมีเรื่องต้องคุยกันอีกเยอะนะเม”
เมษายังนอนนิ่ง
“คุณได้ยินใช่มั้ย ผมรู้ว่าคุณได้ยิน แต่คุณแกล้งผมใช่มั้ย คุณกำลังแกล้งทรมานผมใช่มั้ยเม”
ขั้นเทพน้ำตาไหลริน ปึกกับไมค์ โจ๊กเกอร์ มอง เศร้า
“คุณเมไม่ตอบพวกเราเลย พี่ไมค์”
“อย่าทำแบบนี้สิ คุณก็รู้ว่าผมรักคุณมากแค่ไหน ถ้าไม่มีคุณผมจะอยู่ได้ยังไง”
“หมอบอกว่าคุณเมยังมีโอกาสฟื้นนะผู้กอง ถึงแม้จะมีแค่เปอร์เซ็นต์เดียว ฮือ ฮือ ฮือ”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ ร้องไห้สะอื้น ขั้นเทพน้ำตาไหล จับมือเมษาขึ้นมาจูบ
“คุณได้ยินผมใช่มั้ย บอกให้ผมรู้สิเมว่าคุณจะตื่นขึ้นมาหาผม คุณจะไม่ทิ้งผมไป”
น้ำตาขั้นเทพไหลลงที่มือเมษา เมษาน้ำตาไหลซึมออกมา ปึก กับ ไมค์ โจ๊กเกอร์ มองตะลึง
“คุณเมร้องไห้ คุณเมรู้สึกตัวแล้ว”
“ใช่ น้ำตาไหลจริง ๆ ด้วย ผู้กอง คุณเมเขาได้ยินเราแล้ว”
“เม ผมอยู่นี่ ในที่สุดคุณก็ฟื้น”
“คุณเมคะ หนูปึกอยู่นี่ค่ะ”
“ผมก็อยู่นี่ครับ ลืมตาสิครับคุณเม”
หมอเดินเข้ามา ปึกหันไปเรียก
“หมอคะ คุณเมฟื้นแล้วค่ะ”
หมอเดินเข้ามา เห็นเมษาน้ำตาซึม หมอส่ายหน้า
“เธอยังไม่รู้สึกตัวหรอก”
“แต่เธอร้องไห้นะครับ เมื่อกี้น้ำตาเธอยังไหลอยู่เลย” ไมค์ โจ๊กเกอร์ รีบบอก
“เธอไม่ได้รับรู้ที่พวกคุณพูดหรอก มันเป็นปฏิกิริยาทางร่างกายที่เธอคงเจ็บปวดจากบาดแผลมากกว่า”
ขั้นเทพอึ้ง ผิดหวัง
“คุณเมจะไม่ฟื้นจริง ๆ หรือคะ”
“ก็อย่างที่ผมบอก จะว่าไม่ฟื้นเลยมันก็ไม่ใช่ แต่การที่เธอจะฟื้นขึ้นมาได้มันก็มีเปอร์เซ็นต์น้อยมากไม่ถึงห้าเปอร์เซ็นต์ ผมว่าตอนนี้มันขึ้นอยู่กับบุญกรรมที่เธอทำแล้ว ถ้าให้ผมพูด ผมว่าคงมีแค่ปาฏิหาริย์เท่านั้นที่จะช่วยเธอได้”
หมอเดินออกไป ปึกโผเข้ากอดไมค์ โจ๊กเกอร์ ร้องไห้ ขั้นเทพกำมือเมษาแน่น
“ไม่ว่านานแค่ไหนผมก็จะรอคุณนะเม ได้โปรดตื่นขึ้นมาหาผมเถอะนะ”
ขั้นเทพกุมมือเมษาขึ้นมาจูบ
เช้าวันรุ่งขึ้น ขั้นเทพมาเฝ้าเมษาอยู่ข้างเตียง เอื้อมมือไปจับแก้มเธอ
“เมื่อไหร่คุณจะตื่นซะทีล่ะเม เมื่อเช้าผมไปใส่บาตรให้พ่อกับแม่คุณแล้วนะ แล้วผมก็ไปไหว้พระ อธิษฐานขอให้คุณตื่นขึ้นมาพบผมเร็ว ๆ ตื่นเถอะนะ เม รู้มั้ยว่าผมคิดถึงคุณมากแค่ไหน”
ขั้นเทพจับมือเมษาขึ้นมาจูบ พยาบาลเปิดห้องเข้ามา
“ผู้กองคะ บ่ายนี้จะย้ายคนไข้ไปที่ห้องพักชั้นบนนะคะ”
“แต่เธอยังไม่รู้สึกตัวเลยนะครับ”
“ค่ะ แต่คุณหมอบอกว่าตอนนี้อาการโดยรวมปลอดภัยดีแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ห้องไอ.ซี.ยู.แล้วค่ะ”
“แต่ผมอยากให้เธออยู่ห้องไอ.ซี.ยู.มากกว่านะครับ เผื่อเกิดอะไรขึ้นกับเธอ”
“ดิฉันเข้าใจนะคะว่าผู้กองเป็นห่วงแฟน แต่อย่างที่คุณหมอบอกล่ะค่ะ ว่าตอนนี้คนไข้ปลอดภัยแล้ว ต้องขอห้องไอ.ซี.ยู.ไว้ให้ผู้ป่วยคนอื่นนะคะ”
“ถ้างั้นก็ได้ครับ แต่ถ้าเธอฟื้นขึ้นมาเราจะช่วยเธอทันใช่มั้ยครับ”
“ทันค่ะ ไม่ต้องห่วง”
ขั้นเทพพยักหน้า พยาบาลออกไป เขามองเมษา เอื้อมมือเขี่ยผมให้
“ถึงแม้คุณจะต้องเป็นเจ้าหญิงนิทรา ผมก็จะดูแลคุณไปตลอดชีวิต ผมสัญญา”
ขั้นเทพจูบมือเมษาอีกครั้ง เมษาน้ำตาไหลซึม
ปึกกับไมค์ โจ๊กเกอร์ นำเศียรหลวงพ่อคำเกลี้ยงมาที่โรงพยาบาล โดยมีตำรวจเดินตามมาด้วย 1คน บุรุษพยาบาลเข็นเตียงเมษาออกมาจากห้องไอ.ซี.ยู. ขั้นเทพเดินตามออกมา เจอไมค์ โจ๊กเกอร์กับปึก
“อ้าว ไมค์ ปึก ไหนว่าจะเอาเศียรหลวงพ่อกลับไปวัดไง”
“ก็กำลังจะไปแล้วล่ะ แต่หนูปึกเขาบอกว่าอยากจะให้คุณเมได้ส่งหลวงพ่อกลับวัดด้วย”
“ใช่ค่ะ เผื่อบางทีหลวงพ่อคำเกลี้ยงอาจจะช่วยให้คุณเมฟื้นขึ้นมา”
ขั้นเทพมองที่พระหลวงพ่อ แล้วมองเมษา
“อืม ก็ดี เม หนูปึกกับไมค์ โจ๊กเกอร์กำลังจะพาเศียรหลวงพ่อคำเกลี้ยงกลับไปวัด พวกเราอยากให้เมรับรู้ด้วย”
ขั้นเทพจับมือเมษาเข้ามาประกบที่องค์พระให้พนมมือ ปึกยกมือไหว้
“หลวงพ่อคะ หลวงพ่อช่วยคุณเมให้หายและฟื้นกลับขึ้นมาด้วยเถอะนะคะ สาธุ”
พยาบาลเดินเข้ามา
“ขอโทษนะคะ เราต้องพาคนไข้ขึ้นห้องแล้วนะคะ”
“ค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ”
“ฉันไปก่อนนะผู้กอง”
“เดินทางปลอดภัย ฝากด้วยนะจ่า”
“ครับผู้กอง”
บุรุษพยาบาลเข็นเตียงเมษาออกไป ขั้นเทพเดินตาม ปึกกับไมค์ โจ๊กเกอร์ มองตามอย่างหดหู่
“สงสารคุณเมจังเลยนะ พี่ไมค์”
“ขอให้บารมีของหลวงพ่อช่วยคุณเมด้วยเถอะ”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ ยกมือไหว้เศียรพระ
ขั้นเทพยืนมองออกไปนอกหน้าต่างห้องคนไข้ แล้วหันมามองเมษา จับมือเธอไว้
“เม ผมไม่รู้ว่าคุณได้ยินผมรึเปล่า แต่ผมอยากให้คุณรู้ไว้นะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่ว่าคุณจะตื่นหรือไม่ ผมก็จะรักคุณคนเดียวตลอดไป”
ขั้นเทพยกมือเมษาขึ้นมาจูบ น้ำตาไหล
“คุณพูดจริงหรือคะ”
เสียงเมษาแผ่วเบา ขั้นเทพชะงักมอง เห็นเมษานอนนิ่ง
“ผมคงคิดถึงคุณมากจนคิดไปเองว่าคุณตอบผม”
ขั้นเทพหลับตากุมมือเมษา น้ำตายังไหลริน
“คุณยังไม่ตอบฉันเลย”
ขั้นเทพลืมตาตกใจมองหน้าเมษา เมษายังคงหลับนิ่ง
“นี่ผมไม่ได้คิดไปเองใช่มั้ย ผมได้ยินเสียงคุณพูด”
ขั้นเทพมองอย่างมีความหวัง
“ตอบผมสิเมว่าผมไม่ได้คิดไปเอง”
เมษายังนิ่ง ขั้นเทพมองส่ายหน้าหลับตาผิดหวัง กุมมือเมษาก้มหน้าร้องไห้
“ผมรักคุณนะเม ผมอยากให้คุณรู้ว่าผมรักคุณมากแค่ไหน”
“ฉันก็รักคุณค่ะ”
ขั้นเทพค่อย ๆ ลืมตามอง เมษาหลับตาน้ำตาไหล
“เม”
เมษาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองขั้นเทพ
“นี่คุณฟื้นแล้วจริง ๆ ด้วย”
เมษามองยิ้มให้ขั้นเทพอย่างอ่อนแรงแล้วหลับตาอีกครั้ง ขั้นเทพเขย่ามือดีใจ วิ่งออกไปที่ประตู
ตะโกนเรียกหมอ
“หมอ หมอครับ เธอฟื้นแล้ว”
หมอและพยาบาลวิ่งเข้ามาในห้อง เห็นเมษามองยิ้มให้ หมอหยิบเครื่องวัดความดันขึ้นมาวัด ขั้นเทพเข้ามากุมมือเมษา ยิ้มดีใจ
ภายในรถ ปึกมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่างแล้วหันมาเรียกไมค์ โจ๊กเกอร์
“พี่ไมค์”
“หือ”
“โทรกลับไปถามผู้กองทีได้มั้ยว่าคุณเมเป็นยังไงบ้าง”
“เอาไว้ให้เราถึงวัดค่อยโทรดีมั้ย”
“แต่หนูปึกมีความรู้สึกว่าคุณเมฟื้นแล้วนะ”
“ทำไมถึงรู้สึกอย่างงั้น”
“ไม่รู้สิ เมื่อกี้หนูปึกคิดเหม่อ ๆ เหมือนได้ยินหลวงพ่อบอกว่าคุณเมฟื้นแล้ว โทรไปถามหน่อยเถอะว่าเป็นยังไงบ้าง”
“ก็ได้จ้ะ”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ หยิบโทรศัพท์ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นก่อน จนเขาสะดุ้ง
“อุ้ย ตกใจหมด ผู้กองขั้นเทพโทรมาพอดีเลย ฮัลโหล ว่าไงผู้กอง อะไรนะ คุณเมฟื้นแล้วหรือ”
“หา จริงหรือพี่ไมค์”
“จริง ไม่เชื่อถามผู้กองดู”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ ส่งโทรศัพท์ให้ปึก
“พูดจริงรึเปล่าคะผู้กอง”
“ถ้าไม่เชื่อก็พูดกับผู้กองเมเขาดู”
ขั้นเทพส่งโทรศัพท์ให้เมษา
“ว่าไงหนูปึก”
“คุณเม คุณเมฟื้นแล้วจริง ๆ ด้วย”
“ฝากบอกหลวงพ่อคำเกลี้ยงนะ ถ้าฉันหายดี ฉันจะไปกราบท่าน”
“ค่ะ คุณเม นอนพักเยอะ ๆ นะคะ”
“จ้ะ”
เมษาปิดโทรศัพท์ส่งให้ขั้นเทพ ปึกปิดโทรศัพท์
“ไม่อยากเชื่อเลยพี่ไมค์”
“ใช่ พี่ก็ไม่อยากเชื่อเลย เป็นเพราะบารมีหลวงพ่อคำเกลี้ยงจริงๆ”
ทั้งสองหันไปยกมือไหว้พระหลวงพ่อ
“ขอบคุณหลวงพ่อคำเกลี้ยงเด้อค่ะ ที่ช่วยให้คุณเมหายจริง ๆ”
เวลาผ่านไป เมษากับขั้นเทพ ปึกและไมค์ โจ๊กเกอร์ มากราบองค์พระหลวงพ่อคำเกลี้ยงซึ่งขณะนี้เต็มองค์เหมือนเดิมแล้ว
“เป็นเพราะบารมีของหลวงพ่อที่ช่วยให้หนูฟื้นจากความตายมาได้”
เมษาก้มลงกราบ
“ขอบคุณหลวงพ่อคำเกลี้ยงมากครับ” ขั้นเทพก้มลงกราบ )
“คุณเมคะ นี่พูดแล้วหนูปึกยังขนลุกอยู่เลยนะคะ วันนั้นระหว่างทางที่ออกจากโรงพยาบาลมา อยู่ ๆ หนูปึกก็รู้สึกเหมือนหลวงพ่อคำเกลี้ยงมาบอกที่ข้างหูว่าคุณเมฟื้นแล้ว”
“จริงด้วยครับ ตอนหนูปึกบอกให้ผมโทรหาผู้กองผมยังไม่อยากเชื่อเลย”
“ถ้าเรื่องนี้ไม่เกิดขึ้นกับฉัน ฉันก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกัน ตอนที่ฉันหลับ ฉันไม่รู้สึกตัว ไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น รู้แต่ว่ามันมืดเงียบแล้วก็หนาวมาก แต่อยู่ ๆ ก็มีแสงสว่างเล็ก ๆ ลอดเข้ามาในความมืด แล้วฉันก็เห็นเศียรหลวงพ่อคำเกลี้ยงอยู่ข้างหน้า แล้วจากนั้นฉันก็รู้สึกตัวขึ้นมาอีกที ได้ยินเสียงขั้นเทพพูด”
“เป็นเพราะบารมีของหลวงพ่อคำเกลี้ยงจริง ๆ ที่ดลบันดาลให้คุณเมฟื้นขึ้นมาได้”
“คงเป็นเพราะความดีและความตั้งใจของพวกเราที่ช่วยกันปกป้องไม่ให้คนชั่วมันตัดเศียรพระทำลายพุทธศาสนา”
ทั้งหมดก้มลงกราบพระ
ทั้งสี่คนเดินออกมาจากโบสถ์
“เออ ผู้กอง เมื่อกี้ที่คุณเมเล่าว่าผู้กองพูดอยู่ข้างหูคุณเม ผู้กองพูดอะไรหรือ”
“นายอย่ารู้เลย”
“โธ่ ผู้กองบอกหน่อยเถอะ พวกเราอยากรู้ว่าพูดอะไรผู้กองถึงได้ฟื้น”
“ถามคุณเมสิ”
“คุณเมคะ ผู้กองพูดอะไรคะ”
“บอกไม่ได้”
“บอกเถอะค่ะ บอกหน่อยเถอะ เราสองคนอยากรู้จริง ๆ”
“ฉันจำไม่ค่อยได้แล้ว ขั้นเทพคุณพูดว่าไงนะ”
ขั้นเทพมองหน้า
“บอกเถอะค่ะ ฉันก็อยากฟังชัด ๆ อีกครั้ง”
ขั้นเทพกุมมือเมษา
“ก็ได้ ผมบอกคุณว่า แต่งงานกับผมเถอะนะ”
“คุณไม่ได้พูดประโยคนี้”
“พูด แต่คุณไม่ได้ยิน”
“อ้าว แล้วตกลงยังไงกันแน่” ไมค์ โจ๊กเกอร์ งง
“ว่าไง คุณยังไม่ตอบผมเลย แต่งงานกับผมนะ”
“ค่ะ”
ขั้นเทพดึงเมษาเข้ามากอด
“พี่ไมค์ แล้วเราล่ะ”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ คุกเข่าลง
“แต่งงานกับผมนะครับหนูปึก”
“ยินดีค่ะ”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ ลุกขึ้นกอดปึก ทั้งสองคู่พากันเดินออกไปอย่างมีความสุข
จบบริบูรณ์...