xs
xsm
sm
md
lg

เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 10

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 10

รุ่งเช้า ขณะที่ณไตรกำลังเดินจะออกจากบ้านหิมวัต แขไขก้าวออกมาดักหน้าไว้

“เวลานี้ไม่ใช่เวลาไปปาง พี่ณไตรควรจะอยู่ที่นี่ ดูแลแข ดูแลลูก”
ธรรพ์เดินมาจากอีกทาง เห็นพี่ชายกับแขไขเผชิญหน้าก็หยุดหลบมอง
“คุณก็รู้อยู่แก่ใจว่าผมไม่ใช่พ่อของเด็ก ผมไม่เคยเกี่ยวข้องกับคุณ”
แขไขยิ้มใจเย็น “พี่ณไตรจะปฎิเสธอีกกี่ครั้ง ก็ไม่เท่ากับครั้งเดียวที่แขพูดออกไปแล้วค่ะ พี่ณไตรคือสามีของแข เป็นพ่อของเด็กคนนี้...ลูกของเรา”
แขไขแตะมือลงไปที่ท้อง ยิ้มด้วยสายตาเหนือกว่าทุกทาง
ธรรพ์มองรอยยิ้มแขไขด้วยสายตาเจ็บใจ
“ผมไม่นึกเลย แขไข ว่าคุณจะเป็นผู้หญิงเจ้าเล่ห์ ร้ายกาจได้ถึงขนาดนี้”
“พี่ณไตรบังคับให้แขต้องทำนี่คะ ถ้าเราแต่งงานกันไปซะตั้งแต่แรก เด็กคนนี้ก็จะเป็นลูกพี่ณไตรจริงๆ”
ณไตรจ้องหน้า “พ่อของเด็กคนนี้เป็นใคร”
ธรรพ์อยากจะออกไปบอกความจริง แต่แขไขพูดขึ้น
“ณไตร หิมวัตค่ะ เด็กคนนี้คือลูกของพ่อเลี้ยง ณไตร หิมวัตเท่านั้น”
ณไตรฟังแล้วยิ่งเจ็บใจ เพราะแขไขปากแข็ง
“ผมสงสารเด็ก เค้าไม่ควรเกิดมามีแม่ที่เห็นแก่ตัว กล้าทำทุกอย่าง จนไม่มีสำนึกผิดชอบชั่วดี”
แขไขยิ้มไม่แคร์คำด่า “ถ้าอย่างนั้น เค้าก็โชคดีแล้วล่ะค่ะ ที่มีพ่อเป็นพี่ณไตร
ณไตรโมโหเดินหุนหันออกไป แขไขยิ้มร้าย แต่พอหันมาอีกทางเห็นธรรพ์ก้าวออกมาแขไขหน้าเชิดมองธรรพ์
“ผมจะบอกความจริงกับทุกคน เด็กคนนั้น ลูกของผม ไม่ใช่ลูกพี่ณไตร”
แขไขมองธรรพ์ สายตาสงบแต่แฝงความเลือดเย็นไว้เต็มเปี่ยม
“ถ้าแกพูด แกจะไม่มีวันเห็นหน้าเด็กในท้องชั้น”
ธรรพ์ตกใจ “แขไข...อย่าทำอะไรลูกของเรา”
“ไม่ใช่ชั้น แต่เป็นแกต่างหาก ถ้าแกพูดความจริงออกไป แม้แต่คำเดียว...” แขไขกำหมัดวางลงไปที่ท้อง “เด็กคนนี้จะไม่มีลมหายใจ จะไม่มีโอกาสได้คลอดออกมา”
“อย่า...อย่าฆ่า...ลูกของเรา”
“ถ้าแกไม่อยากเป็นพ่อที่ได้ชื่อว่าฆ่าลูกทางอ้อม ก็ปิดปากให้สนิท เงียบไว้ตลอดชั่วชีวิตของแก”
แขไขจ้องตาธรรพ์ ข่มขู่เต็มที่
“แกต้องเห็นแก่ลูก ปล่อยให้เด็กคนนี้เกิดมาเป็นทายาทคนโตของหิมวัติ เค้าจะสุขสบาย เป็นเจ้าของทรัพย์สมบัติทุกอย่าง ไม่มีวันที่ลูกของฉันกับพี่ณไตรจะน้อยหน้าเด็กคนไหนทั้งนั้น”
แขไขยิ้มร้ายมองธรรพ์ที่น้ำตาคลอด้วยสายตาเย็นชา ไม่สนใจความเจ็บปวดของธรรพ์เลยแม้แต่น้อย

อีกฟาก ในเรือนสุขศาลา อนามัยประจำหมู่บ้านตอนนี้ คำฝาย ประกายนั่งรออยู่กับชาวบ้านที่รอตรวจ
สักครู่เนื้อนางเดินออกมาจากห้องตรวจ สองสาวรีบลุกไปหาทันที
“หมอว่ายังไงบ้าง”
เนื้อนางมองสองสาว ยังไม่ทันตอบคำฝาย ประกายก็ซักขั้นอีก
“ไม่ท้องใช่มั้ย แค่เป็นลม ไม่สบาย”
คำฝายฉุน “นังประกาย เงียบก่อน ให้เนื้อนางพูด”
สองคนมองจ้อง เนื้อนางคลี่ยิ้มมีความสุข
“เนื้อนางท้อง”
คำฝายกับประกายมองหน้ากัน แล้วเข้าไปกอดเนื้อนาง เนื้อนางยิ้มแย้ม ใบหน้าสุขล้น
“เนื้อนางมีลูกจ้ะ เนื้อนางจะเลี้ยงเค้าให้ดีที่สุด”
สีหน้าเนื้อนางมีแต่ความสุขความอิ่มใจกับชีวิตเล็กๆ ที่อยู่ในครรภ์ ลืมสิ้นความทุกข์ในใจ

เนื้อนาง คำฝาย และประกาย เดินกลับมาเข้าในปาง
“ตั๋วแน่ใจหรือเนื้อนางว่าจะไม่บอกพ่อเลี้ยง”
“ไม่บอกจ้ะ แล้วพี่คำฝายกับประกายก็ห้ามพูด ห้ามบอกใครทั้งนั้น จนกว่าเราจะออกไปจากที่นี่ เนื้อนางมีเงินเก็บ เนื้อนางจะรีบหาที่อยู่ใหม่”
ประกายบอก “ขอที่มันสบายๆ กว่านี้หน่อยนะ”
คำฝายค้อน “เลือกมาก เอ็งก็หาเองสิวะ นังประกาย ใครง้อให้มันอยู่ด้วยวะ”
สามคนเดินเข้าปางมา เจอบุญลือก้าวออกมาถาม เสียงเข้ม
“หายไปไหนกันมา”
“ไปกาดมา ไปซื้อของ” คำฝายบอก
บุญลือมองในมือทุกคนที่ไม่มีอะไรเลย ประกายตาไว รีบแก้
“แต่เผอิญมันไม่มีของที่อยากได้ เลยไม่ได้ซื้ออะไรติดไม้ติดมือกันมา”
“พวกเรากำลังรีบกลับไปทำงานแล้วจ้ะ คุณบุญลือ”
เนื้อนางบอกแล้วมองคำฝาย ประกาย จากนั้นรีบพากันเดินเข้าปางไป
บุญลือมองตามด้วยสีหน้าสงสัย แล้วรีบเดินไปอีกทาง

เนื้อนางขึ้นเรือนมา มีคำฝาย ประกายตามหลัง เนื้อนางคลื่นไส้ รีบไปยืนอาเจียนที่ระเบียง
“นังประกาย ไปตักน้ำมา”
เนื้อนางอาเจียน มีคำฝายคอยลูบหลังให้ ประกายส่งน้ำมาให้ เนื้อนางกินน้ำบ้วนปาก
“แพ้หนักอย่างนี้ สงสัยข้าจะมีหลานชาย” คำฝายว่า
“ฉันว่าหลานสาวก็ดีนะ ไม่กี่ขวบก็คอยดูแลรับใช้พวกเราได้แล้ว”
“แกนะ นังประกาย รักสบายจนเคยตัว” คำฝายหมั่นไส้
“จะลูกชายหรือลูกสาวก็ลูกเนื้อนางทั้งนั้น ขอให้เค้าออกมาสมบูรณ์แข็งแรง ชื่นใจของแม่ก็พอแล้วจ้ะ”
เนื้อนางยิ้มแย้มมีความสุขกับเพื่อน
ที่มุมลับตาด้านหลังเรือน บุญลือยืนแอบฟังอยู่ ได้ยินทั้งหมด สีหน้าตกใจ
ไม่นานต่อมา บุญลือเดินเร็วรี่เข้ามาในบ้านหิมวัต เห็นคนงานกำลังกวาดพื้นอยู่ก็ตรงเข้าไปถาม
“พ่อเลี้ยงอยู่มั้ย”
คนงานยังไม่ทันตอบ แขไขก้าวออกมามอง
“แกมาหาใคร บุญลือ”
บุญลือเห็นแขไขก็ยังไม่กล้าพูด แขไขตวาดซ้ำ
“หูหนวกหรือไง ฉัน...นายหญิงหิมวัตถามว่าแกมาหาใคร”
“ผมมารายงานพ่อเลี้ยงเรื่องในปางครับ”
“เรื่องใคร” แขไขคิดปราดเดียว “นังเนื้อนางใช่มั้ย”
แขไขพุ่งมาจ้องหน้าบุญลืออย่างคาดคั้น อยากรู้คำตอบทันที

ด้านณไตรขับรถมาตามถนน สีหน้ามีแต่ความกังวลเรื่องแขไข

ฝ่ายเนื้อนางมองถาดอาหารที่ประกายยกมาให้แล้วส่ายหน้า

“เนื้อนางไม่หิว”
“ตั๋วไม่อยาก ก็ต้องกินให้ลูกในท้อง” คำฝายบอก
“เดี๋ยวฉันไปทำมาใหม่ดีกว่า นี่มันคงไม่ถูกปากคนแพ้ท้อง”
เนื้อนางยิ้ม “ขอบใจนะประกาย”
“พี่อยู่ดูตั๋วแล้วกัน”
“อย่าเลย พี่คำฝาย ถ้าผู้จัดการบุญลือมาเห็นเราอยู่กันที่นี่ จะหาว่าเราอู้งาน”
“จะให้ทำงานอะไรนักหนา นี่ก็เมียพ่อเลี้ยง ในท้องตั๋วก็ลูกพ่อเลี้ยง”
“พี่คำฝาย บอกแล้วว่าอย่าพูด เดี๋ยวใครมาได้ยิน”
“ลุกเลย นังคำฝาย อย่ามัวสนิมสร้อย ไปทำงาน เนื้อนางแค่แพ้ท้องยังไม่ถึงกับคลอด ลุกนั่งเองได้”
“ก็ข้าห่วงหลานข้า เนื้อนางตั๋วอย่าไปไหนนะ จะเอาอะไรให้คนงานวิ่งไปบอกพี่”
“จ้ะ ไปทำงานกันเถอะ ไม่ต้องห่วงเนื้อนาง”
คำฝายมองแล้วลงจากเรือนไปกับประกาย เนื้อนางมองตามด้วยรอยยิ้มมีความสุข ความหวัง

ม่อนดอยกับแสงคำยืนอยู่หน้าโรงอาหาร มองคำฝายกับประกายเดินกันมา ม่อนดอยมองประกายถือถาดก็รีบเข้าไปช่วยถือ
“วันหลังเรียกม่อนดอยสิจ๊ะ ประกาย จะแบกหามอะไร ม่อนดอยเต็มใจช่วย”
ประกายมองเมินม่อนดอย แสงคำมองถาดข้าวที่ไม่พร่องแล้วถามคำฝาย
“เนื้อนางไม่สบายเหรอ”
“ไม่สบงสบายอะไรล่ะ ก็แค่...”
“นังคำฝาย” ประกายเสียงดัง คำฝายสะดุ้งนึกได้ว่าห้ามพูด
ม่อนดอย กับแสงคำมองสองสาวอย่างสงสัย
“มีอะไรที่ห้ามพวกเรารู้หรือเปล่า”
“ไม่ต้องมาทำฉลาด ไอ้ม่อนดอย หน้าตาก็ไม่ค่อยฉลาดอยู่แล้ว เอาถาดไปเก็บแล้วก็แยกย้ายไปทำงานได้แล้ว”
ม่อนดอยรีบถือถาดเข้าไปด้านใน แต่แสงคำยังสงสัย หันไปทางคำฝาย
“ทำไมเนื้อนางไม่กินข้าวเลย”
“ขี้สงสัยจริง ก็เนื้อนางเบื่ออาหารบ้างไม่ได้หรือไง คนมันเบื่อน่ะ ซักอยู่ได้ เบื่อ ขี้เกียจตอบ เข้าใจมั้ย”
คำฝายทำเป็นตุปัดตุป่องเดินเข้าไป ประกายมองแสงคำตาคว่ำ
“เนื้อนางเค้าก็อยากกินโน่นกินนี่ ไม่เหมือนเดิมบ้าง จะสงสัยอะไรนักหนา”
ประกายเดินปัดเข้าไปในด้านในอีกคน แสงคำได้แต่มองตาม

เนื้อนางเดินถือดอกไม้ที่เพิ่งเก็บจากป่าหลังปางเพื่อไปประดับเรือน แต่เกิดรู้สึกคลื่นไส้ แพ้ท้อง เนื้อนางรีบหยุดโก่งคออาเจียน จนแทบหมดแรง หันหลังพิงต้นไม้ แต่เจอกับแขไขที่เดินพุ่งเข้ามา
“คุณแขไข”
แขไขพุ่งตรงเข้ามาจิกหัวเนื้อนาง ดอกไม้ในมือเนื้อนางร่วงพื้น
“นังเนื้อนาง แกท้องลูกพี่ณไตรใช่มั้ย”
“ไม่จ้ะ ไม่ได้ท้อง”
แขไขตวาด “โกหก แกคิดจะปิดฉัน แกคิดจะเอาเด็กในท้องมาแย่งพี่ณไตรไปจากฉัน”
ด้วยแรงโทสะแขไขจิกผมเนื้อนางจนหน้าหงาย เนื้อนางพยายามดิ้นรน แต่แขไขไม่ยอม
“แกมันเป็นมารความสุขของฉัน แกเกิดมาทำไม เนื้อนาง ลูกแกด้วย เกิดมาทำไม”
แขไขมองลงไปที่ท้องเนื้อนางเขม็ง เนื้อนางใจหายวาบกลัวแขไขทำร้ายลูก
“คุณแขไข เนื้อนางกำลังจะไปจากพ่อเลี้ยงแล้ว”
“ไม่จริง แกมันหน้าด้าน โกหก ที่จะออกปางเพราะคิดจะดึงพี่ณไตรให้ไปเลี้ยงดูแก กับลูกไกลหูไกลตาทุกคน แล้วแกก็จะสูบเงินหิมวัตไปเลี้ยงลูกแก ให้สุขสบายกว่าลูกชั้น”
“ไม่เลยจ้ะ คุณแขไข เนื้อนางไม่เคยคิดอย่างนั้นเลย”
“แล้วแกมาแต่งงานกับพี่ณไตรทำไม แกมีลูกกับพี่ณไตรทำไม”
“เนื้อนาง...รัก...คุณณไตร”
แขไขฟังแล้วสุดทน ตบฉาดเข้าหน้าเนื้อนางสะบัด
“ฉันก็รักพี่ณไตร รักมากกว่าแกด้วย”
เนื้อนางเห็นแขไขอาละวาดหนัก ก็หันหลังวิ่งหนี เพราะห่วงลูก แต่แขไขตามไปกระชากไว้
“คุณแขไข เนื้อนางขอร้อง” เนื้องนางพนมมือ “อย่าทำอะไรเนื้อนางเลย”
“ฉันรู้ว่าตอนนี้แกไม่ได้ห่วงตัวเองแล้ว”
แขไขแววตาแข็งกร้าวดูร้ายกาจ ใช้มืออีกข้างบีบคอเนื้อนาง
“แกไม่เคยอ้อนวอนฉัน แต่วันนี้แกมีคนที่รักมากกว่าชีวิตอีกคน ในท้องแก แกถึงยอมยกมือไหว้ขอชีวิต”
เนื้อนางมองตะลึงกลัวแขไขว่าจะทำร้ายลูก
“คุณแขไข อย่าทำอะไรฉันเลย เห็นแก่เด็กเถอะนะจ๊ะ...เราก็เป็นแม่เหมือนกัน”
“ไม่เหมือน อย่าบังอาจเอาลูกแกมาเทียบกับลูกชั้น ลูกแกมันไม่มีสกุลรุนชาติ เด็กในท้องมันก็ชั้นต่ำเหมือนแก ไม่มีทางจะมาเป็นหิมวัต จำใส่กะโหลกไว้ เนื้อนาง ลูกพี่ณไตรต้องมีคนเดียว”
แขไขกรีดเสียงใส่ แล้วตบหน้าเนื้อนางซ้ายขวา เนื้อนางหน้าสะบัด ซวนเซ แขไขไม่หนำใจตรงเข้าไป ผลักเนื้อนางล้มลง
เนื้อนางก้นกระแทกพื้นอย่างแรง แขไขเดินเข้ามา เนื้อนางเสียดท้อง ลุกไม่ขึ้น พยายามคลานถอยหนี
“ช่วยด้วย...ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยเนื้อนางด้วย”
“ร้องไปเถอะ เนื้อนาง กว่าจะมีคนมาช่วย ลูกแกก็ไม่รอด”
แขไขหยิบท่อนไม้บนพื้นขึ้นมา เนื้อนางเห็นแล้วกลัว พยายามลุก แต่ลุกไม่ไหว ต้องคลานหนี
แขไขกระชากขาเนื้อนาง ลากมา เนื้อนางร้องด้วยความเจ็บและกลัว เนื้อนางสะบัดถีบ โดนมือแขไข แขไขถอย
เนื้อนางพยายามลุกขึ้น แต่เสียดท้อง จนลุกไม่ไหวแขไขหัวเราะเสียงสะใจ
“ฉันปล่อยให้แกระริกระรี้ มีความสุขกับพี่ณไตรมานานแล้วอย่าคิดว่าฉันจะปล่อยให้ลูกในท้องแก มาแย่งพ่อของลูกชั้นไปอีก”
แขไขกำลังฟาดไม้ลงมาที่ท้องเนื้อนางสุดแรง ได้ยินเสียงเนื้อนางกรีดร้องเสียงดัง
“อย่า.....”

ณไตรวิ่งกระโจนลงมาจากบนเรือน หลังจากเข้าไปหาเนื้อนางแต่ไม่เจอ บุญลือเดินผ่านมา พอเห็นณไตรก็จะเลี้ยวหลบ แต่ณไตรเห็นเรียกไว้
“บุญลือ เห็นเนื้อนางมั้ย”
“ไม่เห็นครับ”
“คนทั้งคนหายไปไหน ทำไมแกไม่รู้”
ณไตรมีสีหน้าหงุดหงิด วิ่งเร็วผ่านบุญลือที่ไม่กล้าสบตาตรงๆ ออกไป

แขไขฟาดไม้ลงมา เนื้อนางม้วนตัวหลบไม้เฉียดร่างไปแค่เส้นยาแดงผ่าแปด เนื้อนางลุกขึ้น แต่แขไขเข้ามาจะกระหน่ำฟาด เนื้อนางหลบได้แต่ ล้มลงไปอีก
“เนื้อนาง เนื้อนาง”
แขไขกำลังจะตีเนื้อนาง ได้ยินเสียงณไตรก็ชะงัก
“ฉันอยู่นี่”
เนื้อนางรีบร้อง แขไขหันขวับ ฟาดไม้ลงมาเนื้อนางปัดสุดแรง ไม้หลุดจากมือเกือบโดนหน้าเนื้อนาง
“เนื้อนาง อยู่แถวนี้หรือเปล่า”
เนื้อนางจะร้องตอบณไตร แต่แขไขพุ่งเข้าไปบีบคอ เนื้อนางดิ้นรนร้อง
“ช่วย...ช่วย...เนื้อนาง ...ด้วย”
แขไขบีบเค้นคอเนื้อนางอย่างแรง
“เนื้อนาง...เนื้อนาง”
เนื้อนางตะโกนเสียงอ่อนแรง “ช่วย...ด้วย”
“เนื้อนาง...เนื้อนาง” เสียงณไตรเข้ามาใกล้
แขไขโมโหอยากจะบีบคอเนื้อนางให้ตาย แต่ก็ตัดสินใจปล่อยมือวิ่งหลบออกไปก่อน
เนื้อนางหมดแรง ล้มพับสลบลงไปกองกับพื้น
ณไตรวิ่งเร็วเข้ามา เห็นเนื้อนางที่นอนเหยียดยาว ไม่ได้สติ ก็ตรงเข้าไปช้อนร่างเนื้อนางขึ้นมา
“เนื้อนาง คุณเป็นอะไร เนื้อนาง ทำไมมานอนอยู่ตรงนี้”
ณไตรอุ้มเนื้อนางขึ้น แต่เห็นเลือดที่ไหลมาตามขาเนื้อนาง
“เนื้อนาง”
ณไตรตกใจ มองเนื้อนางที่ไม่ได้สติ ก็รีบอุ้มขึ้น วิ่งเร็วออกไปทันที

แขไขเดินเร็วมาตามทาง บุญลือหันรีหันขวางมองทาง พอเห็นแขไข บุญลือรีบเข้าไปหา
“พ่อเลี้ยงตามหาเนื้อนาง”
“ฉันรู้แล้ว แกรีบพาฉันกลับไปบ้านหิมวัต แล้วก็ปิดปากเรื่องฉันมาที่นี่”
“ถ้าพ่อเลี้ยงสงสัยล่ะครับ”
“แกจะแก้ตัวอะไรก็พูดไปสิ แต่ถ้าปากโป้งพูดถึงชั้น แม่นายจะเฉดหัวแกออกจากปาง”
แขไขขู่เสียงเข้ม เดินหุนหันออกไป บุญลือจำยอมต้องตามไปทันที

ณไตรอุ้มเนื้อนางมาถึงหน้าเรือน คำฝาย กับประกายที่เดินวนไปวนมา มองเห็นก็รีบถาม
“เนื้อนาง เจอเนื้อนางที่ไหน” คำฝายมองสภาพเนื้อนางแล้วตกใจ “เลือด ทำไมมีเลือด”
ประกายโพล่งขึ้น “หรือว่า...เนื้อนางตกเลือด”
ณไตรเหลียวมองประกายอย่างสงสัยมาก แสงคำ กับม่อนดอยวิ่งมาจากอีกด้าน
“คนงานบอกว่าพ่อเลี้ยงตามหาเนื้อนาง”
“ฉันเจอเนื้อนางเป็นลมอยู่ในป่า”
คำฝายบอก เสียงยังตกใจไม่หาย “บ่ได้เป็นลมธรรมดา...มีเลือดด้วย”
ณไตรสะดุดหู “เนื้อนางเป็นอะไร คำฝาย ประกาย”
สายตาณไตรจ้องคาดคั้น สองสาวมองหน้ากัน คำฝายตัดสินใจพูดออกมา
“เนื้อนางท้อง”
ผู้ชายสามคนตกตะลึง ณไตรก้มมองเนื้อนางในอ้อมแขน
“ม่อนดอย รีบไปรับหมอเทพทัตมา ไม่ว่าหมอจะทำอะไรอยู่ เอาตัวหมอมาให้ได้...เดี๋ยวนี้”
ม่อนดอยโลดแล่นออกไปโดยเร็ว
ณไตรรีบอุ้มเนื้อนางขึ้นเรือน คำฝายตามติด แสงคำยืนอึ้ง คิดไม่ถึง
“เนื้อนางท้อง”

แสงคำถอยมานั่งอย่างหมดเรี่ยวแรงบนแคร่หน้าเรือน ประกายตามขึ้นไปอย่างเป็นห่วงเนื้อนาง

แขไขถึงบ้านหิมวัตเดินกลับเข้ามานั่งตรงระเบียง สีหน้ากังวลเรื่องไปทำร้ายเนื้อนาง กลัวถูกณไตรจับได้

“คุณหายไปไหนมา” เสียงวันดีทักขึ้น
แขไขสะดุ้งหันไปมองวันดีที่ถือถาดมียาบำรุงกับน้ำ เข้ามาจ้องอยู่ด้านหลัง
“ฉันไม่ได้หายไปไหน ฉันก็อยู่ที่นี่”
“ฉันหาคุณทั้งบ้าน...แต่ไม่เจอ คนงานบอกว่าเห็นคุณออกไปกับบุญลือ”
“หุบปากได้แล้ว ฉันบอกว่าฉันอยู่ที่นี่ ไม่ได้ออกไปไหน”
แขไขจ้องวันดีสายตาดุ วันดีเอ่ยขึ้น
“ยาบำรุงที่หมอสั่ง ฉันตามหาเพราะต้องให้คุณทานตรงเวลา”
“ก็เอามาสิ”
วันดีเดินเอายามาวางให้ แขไขหยิบยากินแล้วดื่มน้ำตาม วันดีจ้องอย่างรังเกียจ แขไขหันมาสั่ง
“จะไปไหนก็ไป อย่ามายืนเกะกะสายตาฉัน”
วันดียกถาดออกไป แขไขหันกลับมา สีหน้าเคียดแค้นเรื่องที่ณไตรมาขัดจังหวะการทำร้ายเนื้อนาง

ณไตรมองเนื้อนางที่หลับอยู่ เทพทัตตรวจเสร็จแล้ว คำฝายกับประกายนั่งใกล้
“เด็ก...ไม่เป็นอะไรใช่มั้ยหมอ”
“ปลอดภัยทั้งแม่ ทั้งลูก”
ณไตรทอดสายตามองไปยังเนื้อนางที่ลืมตาขึ้นเพลียๆ
ณไตรมอง คำฝายใจร้อนกว่า ถามขึ้นทันที
“เนื้อนาง ทำไมตั๋วไปนอนอยู่ในป่า ทำยังไง เลือดถึงออกเต็มขา”
เนื้อนางมองไปที่ณไตร นึกถึงเหตุการณ์ที่แขไขทำร้าย และขู่ฆ่า
“อย่าคิดว่าฉันจะปล่อยให้ลูกในท้องแก มาแย่งพ่อของลูกชั้นไปอีก”
เนื้อนางสีหน้าไม่ดี นึกกลัวถ้าพูดความจริงออกไป ณไตรมองสีหน้าเนื้อนางแล้วถามขึ้น
“คุณไม่ได้เป็นลมไปเอง มีใครทำอะไรคุณหรือเปล่า เนื้อนาง”
“เนื้อนางเป็นลมเองจ้ะ เป็นลมล้มลงไป...” เนื้อนางหันไปทางทัตเทพ “หมอจ้ะ ลูกเนื้อนาง...”
“เค้ายังอยู่ แต่คุณต้องระวังตัวให้มากกว่านี้” ทัตเทพบอก
เนื้อนางเอามือแตะท้องด้วยสัญชาตญาณ ยิ้มโล่งใจมาก ณไตรจ้องเนื้อนางแล้วเอ่ยขึ้น
“ขอผมคุยกับเนื้อนางตามลำพัง”
หมอเทพทัตเข้าใจก็หยิบกระเป๋าลุกขึ้น คำฝาย ประกายมองไม่สบายใจ
“ให้เราอยู่เป็นช่วยหยิบจับ…”
ประกายพูดไม่ทันจบคำ ณไตรขัดขึ้นเสียงเข้ม “ผมบอกว่าตามลำพัง”
หมอพยักหน้าให้สองสาวตามออกมา คำฝายกับประกายตามหมอเทพทัตออกไป

ในเรือนจึงเหลือแค่สองคน เนื้อนางมองณไตรที่จ้องตรงมาด้วยสีหน้าอึดอัด
“คุณท้อง แล้วทำไมถึงไม่บอกผม มีเหตุผลอะไรที่ไม่ยอมพูด หรือว่า มีปัญหา เลือกพ่อของเด็กในท้องไม่ได้ ว่าจะเป็นใครระหว่าง ผม เจ้าแสนพรหม หรือแสงคำ”
เนื้อนางตกตะลึง กับคำพูดและแววตาเหยียดหยันจากณไตร

คำฝาย เทพทัต ยืนตรงหน้าม่อนดอย แสงคำ ประกายที่หน้าตาเป็นห่วงเนื้อนาง
“ทีนี้เนื้อนางก็จะได้ไปอยู่บ้านหิมวัต เพราะเป็นทั้งเมียทั้งแม่ของลูกพ่อเลี้ยงณไตร” ม่อนดอยว่า
“แต่ก่อนหน้านี้ ...เนื้อนางหายไป”
เทพทัตพูดขึ้น ประกายหันขวับมาหา “ที่ไปอยู่คุ้มเจ้าแสนพรหมน่ะเหรอ”
“เนื้อนางไม่เคยเป็นเมียเจ้าแสนพรหม” คำฝายบอก
“เห็นมั้ย แล้วมันจะไม่ใช่ลูกพ่อเลี้ยงได้ยังไง หรือลูกแกห๊ะ แสงคำ”
“เดี๋ยวแกจะโดนชก นังประกาย เนื้อนางไม่ใช่ผู้หญิงสำส่อน”
เทพทัตกับม่อนดอยมองแสงคำที่ยืนยัน
“ถึงฉันจะรักเนื้อนางมากแค่ไหน ฉันก็ไม่เคยล่วงเกินเนื้อนาง เนื้อนางไม่เคยมองฉันเกินกว่าพี่ชาย... คนเดียวที่เนื้อนางมอบใจให้คือพ่อเลี้ยงณไตร”

ในห้องบนเรือนเนื้อนางตอนนี้ ณไตรขยับเข้าใกล้ เผชิญหน้ากับเนื้อนาง
“ถึงผมจะเป็นคนแรกที่ได้เป็นเจ้าของตัวคุณ...แต่คุณก็ไม่ได้มีผมคนเดียว”
เนื้อนางฟังแล้ว เชิดหน้าอย่างทรนง
“ถ้าคุณสงสัย ก็เชิญออกไปจากชีวิตฉัน พ่อเลี้ยงณไตร ฉันไม่เคยคิดจะอ้อนวอนขอให้คุณมาเป็นพ่อของลูก”
ณไตรคว้าข้อมือเนื้อนาง ดึงตัวมาใกล้
“แล้วที่อยู่ในคุ้มเจ้าแสนพรหม ที่คุณอวดนักอวดหนาว่าปรนนิบัติรับใช้เจ้า ทั้งวันทั้งคืน”
“ฉันไม่จำเป็นต้องมานั่งเล่าว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะถ้าคุณมองว่าฉันเป็นผู้หญิงมักมาก ต่อให้ฉันยืนยันความจริงแค่ไหน ใจคุณก็ไม่มีวันเชื่อคำพูดฉัน”
เนื้อนางกลั้นน้ำตา ไม่ยอมร้องไห้ต่อหน้าณไตรแม้ว่าจะเจ็บปวดใจกับทุกคำพูดของณไตร
“ถ้ารังเกียจ ก็ปล่อยมือจากฉัน ไปจากชีวิตฉันสักที”
ณไตรยิ่งเจ็บใจที่เนื้อนางท้าทาย ดึงเนื้อนางมาใกล้ จ้องมอง
“คุณไม่มีวันสมหวังง่ายๆ หรอก เนื้อนาง ยิ่งคุณหนี ผมจะยิ่งกักขังคุณไว้...แค่มีลูกคนเดียว” ณไตรยื่นหน้ามาจนใกล้มองจ้องเนื้อนาง “คุณยังปรนนิบัติผมได้อีกนาน”
เนื้อนางมองเสียใจ ณไตรดันเนื้อนางออกห่าง
“เก็บของ แล้วอย่าคิดจะหนีเพราะคุณก็รู้ว่าชั่วชีวิตนี้คุณหนีผมไม่พ้น”
“คุณจะพาฉันไปไหน”
“บ้านหิมวัต”
“ฉันไม่ไป”
“ต้องไป อย่าคิดจะอุ้มท้องหนีผมไปไหนอีก รู้ไว้ด้วยว่าผมไม่ได้เวทนาคุณ ที่พาคุณไปเพราะผมสงสารเด็ก”
ณไตรเดินหุนหันออกไป ก้าวลงเรือนโดยเร็ว เนื้อนางมองตามด้วยแววตาเสียใจ

ณไตรก้าวลงมาหน้า เห็นทุกคนที่ยังรอกันอยู่หน้าเรือน ณไตรสีหน้าบึ้งตึง เดินผ่านทุกคนออกไป ประกายมองตามณไตรอย่างแปลกใจแกมหมั่นไส้
ประกาย “เฉยเมยมาก หน้าตาไม่เห็นจะดีใจ เหมือนคนกำลังจะมีลูก
คำฝายไม่สนใจณไตร วิ่งขึ้นเรือนไปดูเนื้อนาง ประกาย กับแสงคำตามไปด้วย

เทพทัตยืนอยู่ ม่อนดอยตัดสินใจเดินเร็วรี่ ตามณไตรไปทันที

ณไตรเดินเร็วรี่มาหยุดที่โรงเรียน ระงับอารมณ์ที่กำลังปั่นป่วน สับสน ม่อนดอยก้าวมายืนมองจากด้านหลัง

“ฉันจะพาเนื้อนางไปอยู่บ้านหิมวัต”
“แม่นายกับคุณแขไขคงจะฉีกเนื้อนางเป็นชิ้นๆ”
“ฉันปกป้องเมีย ปกป้อง...ลูกฉันได้”
ณไตรชะงักไปเมื่อพูดคำว่าลูก ม่อนดอยมองเข้าใจ เอ่ยบอกขึ้น
“คำฝายมันยืนยันหนักแน่นว่าเนื้อนางไม่ได้เป็นเมียเจ้าแสนพรหม”
ณไตรหันมามองม่อนดอยอย่างสนใจ ม่อนดอยเอ่ยบอกอีก
“แสงคำก็ยืนยันว่าไม่เคยแตะต้องเนื้อนาง”
“แกไม่ได้เห็นเหมือนที่ฉันเห็น ไม่ได้ยินจากปากเจ้าเหมือนที่ฉันได้ยิน”
สีหน้าณไตรเจ็บปวดเมื่อนึกถึงเรื่องที่ผ่านมา
“ก็ถ้าเนื้อนางอยากให้พ่อเลี้ยงรับเป็นพ่อของลูกจริงๆ เนื้อนางคงรีบไปหาพ่อเลี้ยงตั้งแต่รู้ว่าท้องแล้วล่ะ” ณไตรหันมามองม่อนดอยที่เอ่ยเตือนสติให้ฉุกคิด
“ถึงจนแต่เนื้อนางก็เป็นเมียที่พ่อเลี้ยงรัก ฝ่าฟันทุกอย่างเพื่อจะแต่งงานด้วย ขนาดนี้แล้ว พ่อเลี้ยงยังไม่รู้จักนิสัยใจคอเมียทั้งคนอีกเหรอ”
ม่อนดอยพูดอย่างที่คิด แล้วเดินออกไป ณไตรสีหน้าทบทวนอย่างหนัก

เนื้อนางดึงเสื้อที่ประกายกำลังช่วยพับใส่กระเป๋าออกมาไว้ในมือ
“เนื้อนางไม่ไปกับพ่อเลี้ยง”
ประกายหันมามอง คำฝายอยู่ข้างเนื้อนางเต็มที่ แสงคำมองอยู่อีกด้าน
“ไปอยู่บ้านหิมวัตก็เท่ากับเอาเนื้อนางไปฆ่า แม่นายกับคุณแขไขมันใจยักษ์ใจมาร”
“แกใช้หัวคิดดูบ้างนะ คำฝาย อย่าเอาแต่อารมณ์ เนื้อนางด้วยลูกในท้อง จะให้ระเหเร่ร่อน อดมื้อกินมื้อทำไม” ประกายเตือนด้วยหวังดีจากใจ
“เด็กคนเดียว พวกเรามีปัญญาเลี้ยง”
ประกายหมั่นไส้กระแทกเสียงใส่ “เออ...รู้ว่าแกน่ะมีปัญญา มีแรง แต่เด็กเกิดในบ้านหิมวัต มีพ่อเป็นพ่อเลี้ยงณไตร ยังไงอนาคตของเด็กก็ต้องดีกว่าใช่มั้ย ได้เรียนหนังสือ อีกหน่อยก็ทำงานสบาย เป็นเจ้าคนนายคน”
เนื้อนางบอก “เด็กคนนี้เป็นลูกเนื้อนางคนเดียว”
“เนื้อนาง...ละอ่อนน้อยต้องมีพ่อนะ” แสงคำยิ้ม “แค่เนื้อนางบอกมาคำเดียว อ้ายจะแต่งงานกับเนื้อนาง พาเนื้อนางไปอยู่นอกปางเอง”
เนื้อนางมองมาหน้าเศร้า สงสารแสงคำคนซื่อ
เสียงดุดันของณไตรดังขึ้น “ใครก็ไม่มีสิทธิ์ในตัวเนื้อนางทั้งนั้น นอกจากฉัน”
ทุกคนหันไปมอง ณไตรยืนหน้าบึ้งอยู่ที่ประตู ก้าวพรวดๆ เข้ามาดึงแขนเนื้อนางไป
“ไปบ้านหิมวัตกับฉันเดี๋ยวนี้”
คำฝายโมโห “โอ๊ย จะเร่งอะไรกันนักหนา กระเป๋ายังจัดไม่เสร็จเลย”
“ไม่ต้องจัด ไม่ต้องเอาอะไรไปแล้ว...ฉันต้องการแค่ตัวเนื้อนาง”
ณไตรจ้องแสงคำ แล้วดึงเนื้อนาง
“แต่เนื้อนาง...”
ณไตรเสียงดัง “หยุดพูดว่าแต่ หยุดพูดว่าไม่อยากไป เพราะนี่คือสิ่งที่เธอต้องทำ ไม่ต้องขัดขืนอะไรอีกแล้ว ไปบ้านหิมวัตกับฉันเดี๋ยวนี้”
ณไตรรวบร่างเนื้อนางพาเดินลากออกไป ผ่านสายตาทุกคนที่ยังตั้งตัวไม่ติด
คำฝายจะวิ่งตาม ประกายดึงแขนไว้
“นังคำฝายพอๆ อยู่ที่นี่ แกเป็นเมียพ่อเลี้ยงอีกคนหรือไงฮะ ถึงต้องตามไปด้วย”
“เนื้อนางจะตายคามือแขไขกับแม่นาย”
“ผัวเค้าอยู่ทั้งคน เค้าไม่ปล่อยให้เมียโดนปู้ยี่ปู้ยำตายหรอก”
แสงคำมองตาม สายตาละห้อย ประกายหันไปมองเห็นสายตานั้นแล้วพูดขึ้น
“แกก็อีกคน แสงคำ พ่อเลี้ยงเค้าหอบเนื้อนางไปแล้ว ผู้ชายหน้าไหน ก็หมดสิทธิ์”
คำฝายกับแสงคำสีหน้าไม่ดี เมื่อนึกว่าเนื้อนางจะต้องไปเจอกับความร้ายกาจของคนบ้านหิมวัต ตกนรกก็ไม่ปาน
“แกไม่เคยเจอนังแม่นาย แกไม่รู้หรอกว่าผู้หญิงคนนี้ อำมหิตขนาดไหน”

เย็นนั้นแขไขนั่งอยู่ตรงมุมพักผ่อน จันตาเอาผลไม้เปรี้ยวพวกมะม่วง มะดัน มะยมใส่จานจัดสวยงามมาวางไว้
“จันตาเตรียมมาให้ เผื่อคุณแข เปรี้ยวปากเจ้า”
“พี่ณไตรกลับมาจากปางหรือยัง”
“ยังไม่เห็นนะเจ้า”
แขไขอารมณ์เสียลุกขึ้นทันที ไม่สนใจผลไม้
“คุณแข ลุกช้าๆเจ้า... ระวังลูก”
“ฉันรู้แล้ว ไม่ต้องมาคอยตาม คอยบอก น่ารำคาญ”
จันตาหน้าเจื่อน ธรรพ์เดินเข้ามา
“จันตาเตือนเพราะห่วงลูกนะ แขไข”
แขไขหันขวับ สายตากราดเกรี้ยวมองธรรพ์
“ลูกฉัน ฉันดูแลเองได้ คนอื่นอย่ายุ่ง”
แขไขกำลังจะเดินออกไปด้วยความรำคาญ

ณไตรกุมมือเนื้อนางเดินเข้ามาในบ้านพอดี ทุกคนหันไปมอง แขไขตาลุกวาว ถามขึ้นด้วยความแค้น
“กล้าเอามันเข้ามาถึงนี่เลยหรือคะ”
เนื้อนางเห็นแขไขก็ไม่อยากเดินต่อ แต่ณไตรกุมมือไว้แน่น แขไขเต้นเร่าๆ
“ออกไป เนื้อนาง ออกไปจากที่นี่ หิมวัตไม่ใช่ที่ๆ แกจะมาเหยียบ”
“ต่อไปนี้ เนื้อนางจะไม่ไปไหนทั้งนั้น เนื้อนางจะอยู่ที่นี่” ณไตรบอกเสียงเข้มทรงอำนาจ
จันตาตกใจ “ตายแล้ว...พูดอะไรออกมา คุณณไตร”
แขไขแว้ดออกมาอีก “แขไม่ให้มันอยู่”
“คุณไม่มีสิทธิ์อะไรเลยในบ้านหลังนี้นะ แขไข ผมจะให้เนื้อนางอยู่ที่นี่ เพราะเนื้อนางเป็นเมีย กำลังตั้งท้อง...ลูกของผม”
ธรรพ์ตกใจ “เนื้อนาง...ท้อง”
“แกแน่ใจได้ยังไงว่าเด็กในท้องผู้หญิงกร้านโลกีย์อย่างเนื้อนาง มันเป็นลูกของแก”
ทุกคนหันไปมองเห็นแม่นายศรีวัลลาก้าวเข้ามา สายตาเกลียดชังเนื้อนางเต็มที่

ฝ่ายคำฝายนั่งพิงเสาเรือน สายตาเป็นห่วงเนื้อนาง ประกายกอดเข่ามอง
แสงคำกับม่อนดอยนั่งอยู่หน้าเรือน ทุกคนสีหน้าไม่สบายใจ
“พ่ออุ๊ยหมื่นหล้า พ่ออุ๊ยต้องคุ้มครองปกป้องเนื้อนางกับหลานด้วยนะ”
คำฝายรำพึงรำพันด้วยความเป็นห่วงเนื้อนางที่สุด

ณไตรกุมมือเนื้อนาง เผชิญหน้ากับทุกคนในบ้านหิมวัต
“เนื้อนางเป็นเมียผม ลูกในท้องเนื้อนางก็ต้องเป็นลูกผม”
เนื้อนางมองณไตรซึ้งใจที่เขาเอ่ยปกป้อง
“แต่ฉันไม่มีวันยอมรับเด็กคนนี้เป็นหลาน ลูกแขไขต่างหากที่เป็นทายาทหิมวัตเอามันออกไปจากบ้านชั้น” ศรีวัลลาเดือดปุดๆ
“พี่ณไตรมีแขอยู่แล้วนะคะ แขเป็นเมียพี่ณไตร”
“อย่าให้ผมต้องย้ำเรื่องลูกในท้องคุณอีกเลยนะ แขไข”
ณไตรจ้อง แขไขเชิดหน้า ไม่ยอมแพ้ณไตรมองไปที่ทุกคน
“ผมแต่งงานแล้วกับเนื้อนาง คุณอยากอยู่ที่นี่ก็อยู่ไป แขไข แต่ไม่ใช่ในฐานะเมีย”
“อ๊าย.....” แขไขกรี๊ดดังยาว ทุกคนตกใจ
“พ่อเลี้ยง...สงสารคุณแข” เนื้อนางบอกจากใจจริง
แขไขยิ่งโกรธ “แกไม่ต้องมาสงสารชั้น ไสหัวไป เนื้อนาง” หล่อนหันมองณไตร “พี่ณไตรจะยกย่องเนื้อนางให้อยู่เหนือแขไม่ได้”
“คุณก็สั่งผมไม่ได้เหมือนกัน เนื้อนางจะอยู่ที่นี่ ต่อไปนี้ถ้าใครทำร้ายเนื้อนางกับลูก ก็เท่ากับเจตนาจะทำร้ายผมด้วย”
ณไตรจ้องไปที่แม่นายกับแขไข แล้วดึงมือเนื้อนางเดินผ่านสายตาเกลียดชังของแม่นายกับแขไขออกไป
ธรรพ์มองตาม หนักใจที่ความยุ่งยากกำลังเริ่มต้นอีกรอบ
แขไขตัวสั่นเทาด้วยความโกรธ อาละวาดทันที
“ทำอะไรสักอย่างสิคะ แม่นาย จะให้เนื้อนางมันอยู่แข่งกับแขได้ยังไง ลูกมันจะมาตีเสมอลูกแขได้ยังไง แขไม่ยอม ไล่มันไปสิคะแม่นาย ให้มันสองแม่ลูกจะไปตายที่ไหนก็ไป”
“แขไข ที่คุณคิดมันบาปมากนะมีเด็กในท้อง คุณต้องคิดแต่เรื่องดีๆ”
“จะให้ฉันคิดดีอะไรอีก เนื้อนางมันมีลูกแข่งกับฉัน มันตั้งใจแย่งทุกอย่างของชั้น”
ศรีวัลลาปลอบ “ใจเย็นๆ หนูแข เนื้อนางมันกำลังท้อง เราลงมืออะไรไป กระเทือนไปถึงเด็ก จะเป็นบาปหนักติดตัวเรา ให้มันคลอดออกมาก่อน ฉันจะไล่นังแม่มันออกไปจากหิมวัตของชั้น”

แขไขฮึดฮัดขัดใจ หน้าตาเจ็บแค้น ไม่อยากทนรอ ธรรพ์มองแล้วยิ่งเสียใจที่แขไขไม่ยอมรับความจริงเลย

อ่านต่อหน้า 2

เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 10 (ต่อ)

ณไตรพาเนื้อนางเดินมาตามระเบียงหน้าห้องนอน เนื้อนางพูดขึ้นด้วยเสียงเศร้าสร้อย

“ที่นี่ไม่มีใครต้อนรับฉัน อย่าให้ฉันกับลูกต้องทนทุกข์อยู่ท่ามกลางคนที่รุมเกลียดฉันเลย ให้ฉันกลับไปอยู่ที่ปางเถอะ”
“เราจะไม่พูดเรื่องกลับไปที่ปางอีกแล้ว เนื้อนาง”
“คุณเองก็ไม่แน่ใจว่าเด็กในท้องเนื้อนางเป็นลูกของคุณ ไม่ต้องรับผิดชอบเราหรอกพ่อเลี้ยง”
ณไตรมองเนื้อนางที่แววตาจริงใจ ไม่มีมารยา
“ฉันพอมีเงินเก็บ จะอดจะอิ่มจะลำบากแค่ไหน ฉันก็เลี้ยงลูกของฉันได้ ฉันจะไม่ทิ้งลูก”
ณไตรไม่อยากฟัง เข้าไปกอดเนื้อนางไว้
“พอแล้ว เนื้อนาง...ไม่ต้องพูดอีก”
เนื้อนางซบลงในอกแกร่งของณไตร ณไตรกอดเนื้อนางไว้แน่น
“ผมรู้ว่าผมเลวที่หยาบคายกับคุณอย่างนั้น เพียงเพราะผมต้องการความมั่นใจ แต่ขอให้คุณเชื่อได้เลยว่าผมไม่เลวขนาดปล่อยคุณกับลูกออกไปลำบาก” ณไตรมองเนื้อนาง ทอดเสียงนุ่มแววตาขอร้อง “อยู่ที่นี่...อดทนเพื่อลูก...ได้มั้ย
เนื้อนางมองณไตรนิ่ง ณไตรจูบลงที่หน้าผากเนื้อนางแล้วกอดไว้
“อดทนเพื่อผม เพื่อลูก..ของเรา”
ณไตรกอดเนื้อนางที่บัดนี้ซบอยู่ในอก ด้วยแววตายอมทุกอย่างเพื่อผู้ชายที่รักและลูกในท้อง

แขไขเดินออกมายืนในสวน มองออกไป ด้วยสายตาเจ็บแค้น ธรรพ์ตามมาด้านหลัง
“เห็นหรือยังว่าพี่ไตรไม่มีวันรักคุณ เค้ารักลูกเค้า รักเนื้อนางยิ่งกว่าใคร” ธรรพ์ยื่นมือไปกุมมือแขไขอย่างวิงวอน “ผมต่างหากที่พร้อมจะแต่งงาน สร้างครอบครัวกับคุณ”
แขไขสะบัดมือออกจากธรรพ์อย่างแรง จนธรรพ์ฉุนขึ้นมาทันที
“ลืมตามองความจริงซะบ้างแขไข ตอนนี้พี่ไตรไม่เหลือให้คุณกระทั่งความสงสาร”
“ต่อให้ฉันไม่มีใครสงสาร ฉันก็ไม่มีวันนึกถึงแก ไม่มีวันขอร้องแก ไปซะ ถ้าแกอยากเห็นเด็กในท้องฉันมีลมหายใจ”
แขไขจ้อง ธรรพ์ถอยไป 2-3 ก้าว เพราะกลัวแขไขจะทำร้ายลูก แขไขมองแล้วตวาด
“ออกไป”
ธรรพ์ต้องถอยออกไปอย่างเร็ว แขไขหันกลับมา ตัวสั่นเทิ้ม น้ำตาไหลออกมาด้วยความเจ็บใจ
“แกไม่มีวันเป็นสุข เนื้อนาง ต่อให้ฉันต้องเป็นฆาตกร ฉันก็จะโยนแกกับลูกออกไปจากที่นี่”

เช้าวันใหม่ ณไตรมองเนื้อนางที่มีสีหน้าอิดโรยเพราะแพ้ท้องหนัก กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง สักครู่หนึ่งวันดีเคาะประตู ณไตรมองอนุญาต วันดีก้าวเข้ามาในห้อง เดินมาที่ข้างเตียง
“ป้าวันดีจะมาช่วยดูแลคุณ เวลาที่ผมต้องออกไปทำงาน”
เนื้อนางยกมือไหว้วันดี วันดีมองเนื้อนางด้วยสายตาสงสาร
“ท่าทางคุณจะแพ้มากกว่าคุณแขไข”
“ป้าวันดีช่วยดูแลเนื้อนางนะครับ แขไขมีทั้งแม่นาย มีจันตา แล้วก็ธรรพ์”
วันดีมองณไตรแวบหนึ่ง โดยณไตรไม่ได้ติดใจอะไรที่พูดถึงธรรพ์ วันดีหันไปมองเนื้อนางแล้วยิ้มให้
“คุณอยากได้อะไรบอกป้านะเจ้า ไม่จำเป็นก็อย่าออกไปไหนคนเดียว”
วันดีสีหน้าไม่สบายใจนัก ณไตรมองอย่างเข้าใจ
“อยู่ห่างๆ แม่นายกับแขไขไว้นะ เนื้อนาง”
เนื้อนางมองณไตรหน้าเศร้า
“ฉันกับลูกจะมีความสุขที่บ้านนี้หรือจ๊ะ ถ้าต้องคอยแระแวงคนในบ้าน”
ณไตรกุมมือเนื้อนาง ปลอบและให้กำลังใจ
“รอให้คุณคลอด แม่นายเห็นหน้าหลาน ทุกอย่างจะดีขึ้น”
ณไตรเห็นสีหน้าหงอยเหงาของเนื้อนางก็คิดหนัก

คำฝายเดินเป็นเสือติดจั่น ด้วยความเป็นห่วงเนื้อนาง
“ทนไม่ไหวแล้วโว๊ย ข้าจะไปหาเนื้อนางที่บ้านหิมวัต”
“เอาอีกแล้ว งุ่นง่านจริงนังนี่ ทะเล่อทะล่าเข้าไป เค้าจะได้ยิงเอา”
“ตายเป็นตายซีวะ ป่านนี้เนื้อนางจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ ไปอยู่ใต้กรงเล็บของแม่นายกับแขไข...แสงคำ แกไปกับข้า”
“ไปสิ”
แสงคำขยับ คำฝายกำลังจะเดินออกไป ม่อนดอยวิ่งมา
“เร็วๆ พ่อเลี้ยงมาที่โรงอาหารแล้ว”
คำฝายวิ่งนำไปก่อน แสงคำ ม่อนดอย และประกายเดินเร็วรี่ตามไปทันที

ฝ่ายเนื้อนางเดินมาริมหน้าต่าง มองบรรยากาศรอบๆ บ้าน วันดียืนอยู่ใกล้ เนื้อนางแตะท้องแล้วยิ้ม ถามขึ้น
“ป้าวันดีมีลูกมั้ยจ๊ะ”
วันดีชะงัก นิ่งไปพักหนึ่ง แล้วตอบเสียงราบเรียบ
“ไม่มีเจ้า แต่ก็เลี้ยงคุณธรรพ์มาตั้งแต่เด็ก เลี้ยงเหมือนลูก”
“มิน่าคุณธรรพ์ถึงใจดีเหมือนป้า”
วันดียิ้มเมื่อได้ยินเนื้อนางชม
“เดี๋ยวป้าจะไปเอาข้าวมาให้ คุณอย่าออกไปไหนนะ ถึงคุณจะแต่งงานมาก่อน แต่ที่นี่คุณแขไขถือว่าตัวเองเป็นเมียใหญ่”
“ฉันรู้จ้ะ ว่าคุณแขไขอยากจะกำจัดฉันกับลูกมากแค่ไหน”
วันดีมองด้วยความสงสาร แล้วเดินออกไป เนื้อนางมองไปไกล ด้วยสีหน้าเศร้าและกังวล

ขณะเดียวกันที่โรงอาหารปาง ณไตรยืนต่อหน้าคำฝายและทุกคน
“เนื้อนางสบายดี”
“ขอให้ฉันไปเห็นด้วยตาตัวเองได้มั้ยพ่อเลี้ยงฉันกับเนื้อนางไม่เคยแยกจากกันเลย”
ณไตรมอง คำฝายน้ำตาปริ่มด้วยความเป็นห่วงเนื้อนาง
“ให้ฉันไปรับใช้อะไรในบ้านหิมวัตก็ได้ ฉันไม่เอาค่าแรงสักสตางค์ ขอแค่ให้ฉันได้อยู่ช่วยเนื้อนาง”
“คำฝายก็เหมือนพี่สาวเนื้อนาง พ่ออุ๊ยเลี้ยงเค้ามาด้วยกัน”
แสงคำช่วยพูด คำฝายคุกเข่าลงหน้าณไตร “จะกดขี่ จะรังแก จะทำอะไร ฉันก็ยอมทุกอย่าง”
“ไม่ต้องๆ ลุกขึ้น คำฝาย ที่ฉันมาเพราะจะพาไปอยู่เป็นเพื่อนเนื้อนาง”
คำฝายลุกขึ้นดีใจ ประกายรีบบอก
“นังคำฝายน่ะมันกระโดกกระเดก ไม่เคยอยู่บ้านใหญ่ๆ โตๆ มาก่อนเหมือนฉัน พ่อเลี้ยงพาฉันไปด้วยนะ จะได้ใช้งานคล่องๆ”
ม่อนดอยหมั่นไส้ “อิจฉาจริง พ่อเลี้ยง มีเมียสอง ลูกสอง แต่โบราณว่าเมียสองต้องห้าม เมียสามตามตำรา อย่างนี้ก็ต้องหาอีกคนสิ”
ประกายเสนอหน้า “ประกายไงจ๊ะ เมียสาม ประกายเต็มใจ”
คำฝายซัดประกายกลางหลังผัวะ ประกายหันมากางเล็บ พร้อมจิกข่วนทันที
“อื้อหือ นังลูกเสือ ลูกตะเข้ เลี้ยงไม่เชื่อง ไม่ต้องไปด้วยหรอกแก อยู่เก็บขี้ช้างที่นี่กับไอ้ม่อนดอย”
“คำฝาย รีบไปเก็บของ”
“ประกายล่ะจ๊ะ พ่อเลี้ยง”
“อยู่ที่นี่แหละ ประกาย ให้คำฝายไปคนเดียวก็พอ ที่บ้านฉันมีป้าวันดีคอยดูแลเนื้อนางอยู่แล้ว”
ม่อนดอย อยู่เป็นขวัญใจปางนะ ประกาย ปางนี้ไม่มีประกายก็เหมือนป่าไม่มีดอกไม้ ไร้สีสัน
ประกายมองค้อนขวับ แต่ก็อมยิ้มชอบที่ม่อนดอยยกยอ คำฝายรีบวิ่งขึ้นเรือนไป ณไตรหันมาทางแสงคำ ม่อนดอย
“ฉันฝากที่ปางด้วย ม่อนดอย แสงคำ เนื้อนางท้องแบบนี้ ฉันอาจจะไม่ได้มาบ่อยๆ”
“เราไปหาเนื้อนางบ้างได้มั้ย” แสงคำเอ่ยขึ้น
“เอาไว้ฉันจะพาเนื้อนางกับลูกมาที่นี่เอง”

แสงคำหน้าเศร้าลงเมื่อได้ยินคำพูดนั้นของณไตร

เนื้อนางกำลังจะนั่งลงในสวน เห็นจันตาเดินเข้ามาท่าทางเอาเรื่อง เนื้อนางตกใจ

“แม่นายให้แกไปหา”
เนื้อนางมีสีหน้ากังวลไม่สบายใจ ไม่อยากไปเพราะกลัวมีเรื่อง
“พิรี้พิไร แกเป็นใคร กล้าขัดคำสั่งแม่นายเหรอ”
“ฉันเวียนหัว ขอนั่งสักแป๊บได้มั้ย เดี๋ยวฉันจะไป”
“จะถ่วงเวลา รอคุณณไตรกลับมาช่วยล่ะสิ มานี่ วันนี้ใครก็ช่วยแกไม่ได้”
จันตาเข้ามากระชากแขนเนื้อนางออกไปอย่างแรง

แขไขยืนอยู่ที่ระเบียงกับศรีวัลลา จันตาลากเนื้อนางมา เนื้อนางพอเห็นแขไขก็นึกกลัว จันตาผลักเนื้อนางไปหน้าแขไข
“แกมันผู้หญิงสกปรก แกอยู่ในคุ้ม เป็นเมียเจ้าแสนพรหม แล้วยังมีหน้ามาให้พี่ณไตรรับเป็นพ่อเด็กในท้อง”
เนื้อนางฟังแล้วโมโห มองแขไขแล้วย้อนทันที
“ฉันไม่เคยอ้อนวอนให้พ่อเลี้ยงรับผิดชอบเด็กในท้อง ไม่เคยมาขอความเห็นใจ ฉันรู้ว่าใครเป็นพ่อเค้า ถ้าพวกคุณรังเกียจฉัน ก็บอกให้พ่อเลี้ยงทิ้งฉันซะ”
แม่นายมองเข่นเขี้ยว “แกจะอวดใช่มั้ยว่าณไตรรักแก ขาดแกไม่ได้”
แขไขจ้องเนื้อนางด้วยแววตาชิงชัง
“ฉันเตือนแกแล้ว เนื้อนาง อย่ามายุ่งกับพี่ณไตร อย่ามาแย่งความรักที่พี่ณไตรต้องมีให้ฉันกับลูก”
“คุณเป็นเมีย ทำไมถึงบังคับใจผัวไม่ได้” เนื้อนางโต้
“เพราะยังมีผู้หญิงเจ้าเล่ห์อย่างแก ที่มาคอยออดอ้อนผัวฉันอยู่ไงล่ะ ถ้าแกกับลูกตายไปซะ ทุกคนก็จะมีความสุข”
“คุณไม่มีทางมีความสุขหรอก คุณแขไข เพราะคุณไม่เคยรักใครนอกจากตัวเอง”
“แกไปรอดูความสุขฉันในนรกแล้วกัน นังเนื้อนาง”
แขไขคำราม พุ่งเข้าไปผลักร่างเนื้อนางฟาดกับระเบียง เนื้อนางระวังอยู่รีบเอามือกุมท้องไว้ ด้วยความเป็นห่วงลูก
แขไขเข้ามาบีบคอ และจะดันร่างเนื้อนางให้ร่วงลงไป ธรรพ์พุ่งเข้ามา กระชากมือแขไขออกกันเนื้อนางออกมาห่างแขไข
วันดีเดินมาหาเนื้อนางจากอีกด้าน พอเห็นก็ตกใจ รีบเข้ามาประคองเนื้อนาง
“แขไขทำอะไรลงไป คุณฆ่าเนื้อนางไม่ได้นะ ถ้าคุณทำ เท่ากับคุณคือฆาตกร” ธรรพ์ด่า
“ผู้หญิงอย่างมันสมควรตาย มันแย่งผัวฉัน”
“ฉันแต่งงานมาก่อนคุณ” เนื้อนางมองแล้วโต้กลับแขไขอย่างเหลืออด “ฉันเป็นเมียพ่อเลี้ยงมาก่อนคุณ”
“แก”
แขไขจะโผเข้าไป ธรรพ์รีบสั่ง
“จันตาจับแขไขไว้ ป้าวันดีพาเนื้อนางออกไป”
“นังเนื้อนาง แกไม่มีวันชนะฉัน”
แขไขขู่อาฆาตดิ้นไม่ยอมให้จันตาจับ โผจะเข้าไปหาเนื้อนาง ธรรพ์พุ่งสวนเข้ามาเขย่าร่างแขไข
“หยุดบ้าได้แล้ว ทำอะไรไม่เห็นแก่ตัวเอง ก็เห็นแก่ลูกบ้าง ได้ยินมั้ยแขไข เห็นแก่ลูกบ้าง”
ธรรพ์ตวาดแรง แขไขชะงัก วันดีกับเนื้อนางมองตกใจที่ธรรพ์อาละวาด
วันดีรีบพาเนื้อนางกลับห้อง แขไขมองจ้องธรรพ์ เห็นแววตาแข็งกร้าวและเอาจริง
“ถ้าเนื้อนางกับลูกเป็นอะไรไปแม้แต่นิดเดียว พี่ไตรจะฆ่าคุณ”
ธรรพ์จ้องแขไขอย่างให้สติ แต่แขไขแววตากระด้าง ไม่ยอมรับฟัง

เนื้อนางเดินมาหยุดพักที่ศาลาในสวน วันดีที่ประคองปล่อยมือให้เนื้อนางลงนั่ง
“ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่เลยจ้ะ ป้าวันดี ฉันอยากกลับไปอยู่ที่ปาง”
“ที่นี่สะดวกสบายกว่าที่ปาง ถ้าจะคลอดลูก คุณต้องคลอดที่นี่”
“แต่ป้าก็เห็น คุณแขไขอยากจะฆ่าฉันกับลูกอยู่ตลอดเวลา วันหนึ่งถ้าไม่มีคนช่วย...”
เนื้อนางเงียบไปเพราะนึกกลัว
เสียงคำฝายดังขึ้น “เนื้อนาง”
เนื้อนางได้ยินเสียงคุ้นเคยก็หันไปมองด้วยความดีใจ เห็นคำฝายวิ่งเข้ามากอดเนื้อนางไว้ด้วยความดีใจ
“ตั๋วเป็นยังไงบ้าง มีใครรังแกตั๋วหรือเปล่า เนื้อนาง”
เนื้อนางมองสบตาวันดีนิดเดียว แล้วยิ้มบอกคำฝายกับณไตรที่เดินตามมาด้านหลัง
“ไม่มีจ้ะ นี่ป้าวันดีคอยดูแลเนื้อนาง”
คำฝายไหว้วันดี วันดีรับไหว้ เนื้อนางมองไปทางณไตรที่ยืนยิ้มอยู่
“ทีนี้ก็ไม่เหงาแล้วนะ”
เนื้อนางยิ้มให้ณไตรเป็นเชิงขอบคุณ

ศรีวัลลายืนมองอยู่ตรงระเบียง จันตาเบ้หน้าไม่ชอบใจ คำฝายก้มลงกราบแทบเท้าแม่นาย ณไตรที่ยืนอยู่พูดขึ้น
“คำฝายจะมาอยู่เป็นเพื่อนเนื้อนางครับ แม่นายมีอะไรก็เรียกใช้ได้”
“ได้โอกาสก็พากันแห่เข้ามาซุกหัวนอนในบ้านฉัน...ทุเรศ เหม็นสาบ”
คำฝายมีสีหน้าอดทนอดกลั้น
“ไปห่างๆ อย่ามาเสนอหน้าให้ฉันเห็น”
แม่นายเดินเฉียดหน้าคำฝายไป คำฝายก้มหน้าอดทน จันตาเดินเชิดออกไปอีกคน ปลายผ้าซิ่นสะบัดโดนหน้าคำฝาย
“ฉันด้วย”
ณไตรมองคำฝายอย่างเห็นใจ

คืนนี้ เนื้อนางนั่งอยู่บนเตียง ณไตรถือแก้วนมมา จะให้เนื้อนาง เนื้อนางดมแล้วส่ายหน้า
“ฝืนกินหน่อยนะ”
เนื้อนางส่ายหน้าว่าไม่เอา ณไตรรีบวางแก้ว เนื้อนางสีหน้าดูอ่อนเพลีย
“คุณต้องกินเยอะๆนะ เนื้อนาง กินเผื่อลูกด้วย”
“เนื้อนางกินไม่ลงเลยจ้ะ มันเหม็น เวียนหัวไปหมด”
ณไตรจับหัวเนื้อนางพิงลงมาในอก พูดขำๆ “อย่างนี้ เดี๋ยวผมแพ้ด้วยนะ อยากกินอะไรมั้ย เนื้อนาง ผมจะหามาให้”
ณไตรกอดกระชับแน่นขึ้น ถามต่อ
“คุณว่าลูกจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ผมชอบเด็กผู้หญิง...จะได้คอยพูดจาหวานๆ จ๊ะจ๋าเอาใจผมเหมือนที่คุณทำ”
ณไตรมองเนื้อนางที่อมยิ้ม แล้วจูบลงที่หน้าผาก กอดกระชับไว้ด้วยสายตาอิ่มใจ

ตกกลางคืนแขไขนั่งอยู่ตามลำพัง ข้างกายไม่มีใครมาคอยเอาใจ ธรรพ์เดินถือแก้วนมมาวางให้ แขไขมองธรรพ์ ธรรพ์ยิ้มอ่อนโยน
แขไขหยิบแก้วนมขึ้นมา ธรรพ์ยิ้มดีใจ แต่แขไขปาแก้วลงพื้น แก้วนมแตกกระจาย
“ไม่ต้องมาทำหน้าที่พ่อ เพราะแกไม่ใช่”
แขไขเหยียดยิ้มสะอิดสะเอียน ลุกขึ้นเดินออกไป
ทิ้งธรรพ์ให้หัวใจแตกร้าวเหมือนเศษแก้วบนพื้น สายตาเริ่มกรุ่นไปด้วยความเจ็บแค้นในใจ

หลายเดือนผ่านไป เหตุการณ์ในบ้านหิมวัตเป็นปกติอย่างที่เคยเป็น สองคนท้องโตขึ้นเรื่อยๆ
ยามเช้าวันนี้ณไตรจูงมือเนื้อนางท้อง 4 เดือนชมธรรมชาติรอบๆ
เนื้อนางเดินช้าๆ ณไตรรู้สึกแพ้ท้องจนต้องหยุดเดิน อาเจียนออกมา เนื้อนางหัวเราะขำ ลูบหลังให้ คำฝายถือกระโถนสีหน้าพะอืดพะอม
ณไตรก้มลงคุยกับลูกในท้อง เนื้อนางลูบผมณไตร ยิ้มมีความสุข
ส่วนแขไขกินอาหารแล้วอาเจียน จันตาเลื่อนจานใหม่ให้ แขไขอาละวาด ขว้างปาจานอาหารใส่ จนจันตากระเจิง พอธรรพ์เข้ามาดู แขไขปาใส่ธรรพ์อย่างหงุดหงิด ธรรพ์อดทน เก็บจานขึ้นมาวาง
ที่ระเบียงบ้านหิมวัต ณไตรนั่งบีบนวดมือให้เนื้อนางที่ท้องใหญ่ราว 5 เดือน

สองคนนั่งอิงแอบซบไหล่กันมองไปไกล ด้วยสายตามีความสุข

วันเวลาเคลื่อนคล้อย เย็นใกล้ค่ำวันนี้ แขไขยืนท้องใหญ่ 7 เดือนอยู่ที่ระเบียง ในแสงยามเย็น วางมือลงไปบนท้องที่นูนขึ้นตามอายุครรภ์ สีหน้ามีแต่ความว้าเหว่

“แกจะเกิดมาทำไม ในเมื่อไม่มีใครรัก ใครสนใจแก”
แขไขกำหมัด เหมือนจะทุบลงที่ท้อง มือธรรพ์ที่เข้ามาดึงมือแขไขออก แขไขหันขวับมองธรรพ์
แขไขสะบัดตัวออกจากธรรพ์ แต่ทำไม่ถนัดเพราะความอุ้ยอ้าย ธรรพ์จับมือแขไขยึดไว้
แขไขไม่ยอม ตบตีธรรพ์ลงไปอย่างระบายความเจ็บช้ำ
“ไม่มีอะไรที่ลูกของฉันจะด้อยกว่าลูกนังเนื้อนาง”
ธรรพ์อดทนยอมให้แขไขตบตี จนแขไขรามือหยุดไปเอง
แขไขกรีดร้อง ธรรพ์อดทนฟัง ได้แต่มองความริษยาที่ฉายโชนในแววตาแขไข

เช้าวันนี้ เนื้อนางท้องใหญ่ราว 8 เดือน มีณไตรคอยประคองเดินมายังเรือนที่ปางหิมวัต ประกาย และม่อนดอยมองตื่นเต้น
คำฝายเดินตามติดเป็นพี่เลี้ยงห่วงเนื้อนาง ประกายลูบท้องเนื้อนางหัวเราะตื่นเต้น
แสงคำเดินมา หยุดมองเนื้อนางที่ท้องใหญ่อย่างแปลกตา
เนื้อนางมองสงสารแสงคำ พอแสงคำเดินเข้ามาใกล้ เนื้อนางเอื้อมมือไปดึงมือแสงคำวางลงบนท้อง
แสงคำยิ้มมองท้องเนื้อนางอย่างตื่นเต้น
เนื้อนางยิ้มกับณไตร ทุกคนยิ้มแย้มมีความสุขกับเนื้อนาง

แขไขที่ตอนนี้ท้องใหญ่ 9 เดือน ปัดถาดอาหารออกห่าง หันไปตวาดจันตา
“ฉันไม่กิน ไม่ชอบ ไปทำมาใหม่”
“แล้วคุณแขอยากกินอะไรล่ะเจ้า จันตาจะได้ทำมาให้ถูกใจ”
“ไม่รู้ แกมีสมองเอาไว้เล่นๆ เหรอ ใช้งานมันซะบ้าง คิดซิ เอาออกไป”
จันตารีบยกถาดออกไป แขไขขยับตัวด้วยความอึดอัด อุ้ยอ้ายใกล้คลอดเต็มที
“เมื่อไหร่แกจะคลอดออกมาสักที”

จันตาถือถาดอาหาร เดินมาบ่น
“คุณแขนะคุณแข ยิ่งท้องแก่ยิ่งเอาใจยาก หงุดหงิดทุกอย่าง สุดจะเอาใจแล้ว กรรมเวรอะไรของเอ็ง นังจันตา ลูกผัวก็ไม่มี ต้องมาเอาใจคนท้อง”
จันตาชะงัก เห็นคำฝายเดินถือถาดอาหารมาจากห้องครัว
คำฝายมองสีหน้าจันตาก็แกล้งยั่ว พูดขึ้นอย่างสบายอารมณ์
“เนื้อนางนี่กินเก่งจริงๆ เอาใจก็ง่าย ไม่บ่น ไม่ว่า ทำอะไรก็กินหมดทุกอย่าง”
คำฝายเดินมาประจันหน้ากับจันตา
“หลบสิ ป้า เห็นมั้ยว่าฉันรีบ”
“แกสิ ต้องหลบ หรืออยากให้ฉันเอาข้าวราดหัวแก”
“หลบก็ได้ หลบก็ได้ สงสารป้า รุ่นนี้ล้มไป เครื่องเคราคงพังโครมคราม อะไหล่หายาก”
จันตาหันขวับ คำฝายหัวเราะแล้วรีบเดินหนี จันตามองตามหน้าหงิกหน้างอ

อยู่มาวันหนึ่ง ณไตรนั่งกินอาหารอยู่ในสวนกับเนื้อนางที่ท้องใหญ่ 9 เดือนกว่า คำฝายคอยดูแลใกล้ๆ
“วันนี้พี่ว่าจะเข้าไปในเวียง ซื้อนุ่นซื้อผ้ามาเตรียมเย็บหมอน เย็บผ้าอ้อม”
“พี่คำฝายไม่ต้องรีบหรอกจ้ะ”
“ผมสั่งคำฝายเองแหละ เนื้อนาง” ณไตรมองคำฝาย “รีบไปรีบมานะ วันนี้ผมต้องเข้าไปคุยเรื่องตีตราทะเบียนไม้ในอำเภอ แล้วต้องเข้าปางด้วย อาจจะกลับค่ำ”
“ได้ ฉันซื้อของเสร็จ แล้วจะรีบมาอยู่เป็นเพื่อนเนื้อนาง”
“ไม่ต้องห่วงหรอก พ่อเลี้ยง ป้าวันดีก็อยู่”
คำฝายยิ้ม แล้วเก็บจานใส่ถาด เดินออกไป ณไตรมองเนื้อนางแล้วคุกเข่าลงเอาหูแนบท้อง
“ลูกจ๋า ได้ยินพ่อมั้ย พ่อไปทำงานก่อนนะ อยู่กับแม่ ลูกต้องคอยดูแลแม่ดีๆ นะ”
เนื้อนางหัวเราะ ณไตรลุกขึ้นมองเนื้อนางที่หน้าตาผ่องใส แล้วจูบแก้มเนื้อนางซ้ายขวา
“แล้วผมจะรีบกลับมาอยู่กับคุณ กับลูกนะ”
ณไตรเดินออกไป เนื้อนางยิ้มแย้มมองส่งณไตร
ณไตรอดใจไม่ไหว กลับมาหอมแก้มเนื้อนางอีกฟอด เนื้อนางอาย ณไตรเดินออกไป
เนื้อนางลูบท้องอย่างมีความสุข

ศรีวัลลายืนสีหน้าบึ้งตึงอยู่ตรงระเบียง ขณะวันดีกำลังถือผ้าที่รีดพับเรียบร้อยจะไปที่ห้องนอนณไตร
“วันๆเอาแต่ออเซาะผัว เป็นยังไง นายใหม่ของแก มันใกล้จะคลอดหรือยัง”
“ลูกคุณเนื้อนาง...ก็หลานแม่นายคนนึงนะเจ้า”
“อย่ามาเรียกมันว่า หลาน สายเลือดหิมวัตมีแต่คนดีๆ สูงส่ง ไม่ใช่พวกปางไม้ คนงาน ขี้ข้า”
วันดีมองจ้องแม่นายที่ถือตัว
“ฉันเห็นแกเต็มใจรับใช้นังเนื้อนางทุกอย่าง คิดจะประจบเลียแข้งเลียขานายใหม่ล่ะสิ นังเมียชาวบ้านขี้ครอกอย่างนั้น ก็เหมาะกับแกดีนะ วันดี”
“แม่นาย วันดียังรับใช้แม่นายนะเจ้า”
“ไม่ต้องมารับใช้ฉัน แกเลี้ยงลูกนังเนื้อนางไป ลูกหนูแขเป็นเด็กมีบุญมาเกิด ฉันจะไม่ให้ใครแตะต้องทั้งนั้น โดยเฉพาะมือขี้ข้าอย่างแก”
ศรีวัลลาเดินเชิดออกไป แววตาวันดีวาววาบ มองแม่นายด้วยความโกรธแค้นสุดจะประมาณ

ที่ระเบียงบ้านหิมวัต แขไขพยายามลุกขึ้นเดิน แต่อึดอัด
“จันตา จันตา หายหัวไปไหน มาพาฉันกลับห้องสิ”
แขไขเดินไม่ถนัด เห็นธรรพ์เข้ามาประคอง แขไขปัดหนี ธรรพ์ไม่ยอมปล่อย
“ผมจะพาคุณไปเอง”
แขไขดิ้นรน “จันตา”
ธรรพ์ดุ “ไม่ต้องดิ้น ไม่มีใครอยู่ โดยเฉพาะพี่ไตร พอกินข้าวกับเนื้อนางเสร็จเค้าก็ออกไปทำงาน”
“แกไม่ต้องมาเยาะเย้ยฉัน”
“ผมพูดความจริง เมื่อไหร่ที่คุณเลิกหลอกตัวเอง คุณจะเห็นว่าใครกันแน่ที่รักคุณ อยู่ข้างคุณมาตลอด”
วันดีเดินมาเพราะได้ยินเสียงเรียกแขไข มองเห็นธรรพ์กำลังทะเลาะกับประคองแขไข ก็หลบฟัง
“ฉันสมเพชความรักของแก หน้าอย่างแกมันก็มีปัญญาแค่นี้ คอยเดินตามก้นผู้หญิง”
“หยุดนะแขไข อย่าลืมว่าคนที่คุณกำลังด่า มันคือพ่อของลูกในท้องคุณ”
วันดีสีหน้าตกใจ ที่ได้ยินคำนั้น แขไขผลักธรรพ์อย่างรุนแรง
“ออกไป” แขไขกำหมัดขู่ “ไม่งั้นลูกแก...ตาย”
ธรรพ์ตกใจ วันดีปิดปากคาดไม่ถึง เห็นแขไขกำหมัดจะทุบลงที่ท้อง ธรรพ์รีบถอย
“ตกลง ผมไม่กวนใจคุณแล้ว แขไข เดินไปดีๆ”
แขไขพยุงร่างเดินอุ้ยอ้ายออกไป ธรรพ์มองแล้วจำใจเดินห่างไปอีกทาง
วันดีเห็นทั้งหมด รำพึงออกมาด้วยความตกใจที่รู้ความลับสำคัญ
“ไม่ใช่ลูกคุณณไตร ที่แท้เป็น...ลูกคุณธรรพ์ คุณธรรพ์ ทำไมถึงทำอย่างนี้”
สายตาวันดีมีแต่ความผิดหวัง
“ผู้หญิงอย่างแขไข มีแต่จะทำให้คุณธรรพ์ช้ำใจจนวันตาย”
แววตาวันดีกร้าวกระด้างขึ้นด้วยความเจ็บแค้นแทนธรรพ์ และความพยาบาทเต็มหัวใจ

คำฝายเดินเข้าออกหลายร้าน หอบพับผ้า ห่อนุ่นยัดหมอน ของใช้ พะรุงพะรังเพิ่มขึ้นมากเรื่อยๆ

ฟากแขไขทิ้งตัวลงนั่งอีกมุมหนึ่งในบ้านหิมวัต สีหน้ามีแต่อารมณ์เคียดแค้น ชิงชัง วันดีเดินถือถาดยาน้ำเข้ามา วางลงใกล้ แขไขเห็นวันดีก็กระชากเสียงถาม
“จันตาล่ะ มัวมุดหัวอยู่ที่ไหน มันต้องมาคอยดูแลฉัน”
“จันตาเตรียมของว่างอยู่ เลยให้ฉันเอายาบำรุงมาให้”
“ยาอะไรของแกอีก”
“ยาบำรุงเลือดลม จะได้คลอดง่ายๆ”
แขไขมอง ไม่อยากกิน วันดีส่งให้
“กินเถอะ เด็กจะได้แข็งแรง”
แขไขจำใจรับมากิน พอกินไปได้แค่ครึ่งแก้ว แขไขสำลักเพราะความเหม็น ปาแก้วทิ้ง
“ยาบ้าอะไรของแก เหม็น จะอ้วก”
แขไขรีบกินน้ำเปล่าตาม วันดีเก็บแก้วยาบำรุงใส่ถาดอย่างใจเย็น
“นอนพักให้สบายเถอะ คุณแข ลูกจะได้ออกมาแข็งแรง”
วันดีถือถาดยาออกไป แขไขนั่งอยู่อย่างขวางหูขวางตาไปทุกสิ่งอย่าง

ด้านเนื้อนางนอนอยู่บนเตียง รู้สึกเจ็บท้องจนต้องลุกขึ้นนั่ง
“โอ๊ย...ป้าวันดี...พี่คำฝาย”
เนื้อนางร้องเรียก ด้วยความเจ็บที่กำลังตีตื้นขึ้นมา
“ช่วยด้วย...เนื้อนางเจ็บท้อง...”

แขไขนอนบิด ปวดท้องอย่างรุนแรง เหงื่อแตกเต็มหน้าซีดขาวโวยวายเสียงดัง
“แขไม่ไหวแล้ว ปวด...ปวดเหมือนจะตาย ทำไมมันไม่คลอดออกมาสักที”
ศรีวัลลาหันไปถามจันตาที่กำลังเช็ดตัวแขไขเสียงร้อนรน
“หมอล่ะ หมอเทพทัต”
“ให้คนไปรับแล้วเจ้า”
แขไข ร้อง “โอ๊ย” เห็นเลือดไหลออกมาตามขาแขไข
“แม่นาย เลือด...เลือดเจ้า”
แม่นายพอเห็นเลือดก็ใจหวิว
“แกดูแขไขไปก่อน ฉันจะเป็นลม”

ศรีวัลลาเดินออกไปโดยไว จันตามองแขไขที่แหกปากร้องด้วยความทรมาน อย่างกังวล

ฝ่ายเนื้อนางเจ็บท้องใกล้คลอด ประคองตัวลงจากเตียงเบาๆ ไม่ยอมให้กระทบกระเทือนลูก เนื้อนางเจ็บจนต้องถัดไปกับพื้น ตรงไปที่ประตู หายใจแรง เอื้อมมือไปจะคว้าประตูสุดแขน แต่ไม่ถึง กลิ้งลงไปกับพื้น

เนื้อนางรวบรวมกำลัง กระเถิบไปอีก มือคว้ากำลังจะเปิดประตู ประตูเปิดออกวันดีเข้ามาเห็นสภาพเนื้อนางก็รีบเข้าไปประคอง เนื้อนางเหงื่อแตกเต็มหน้า บอกวันดีเสียงสั่น
“ป้าวันดี...เนื้อนางเจ็บท้อง”

ณไตรขับรถราวกับจะบิน ออกมาตามทางคดเคี้ยว สีหน้าร้อนใจ สังหรณ์รุนแรงรู้สึกอยากกลับบ้าน

คำฝายยืนอยู่ข้างรถที่คนขับกำลังพยายามสตาร์ทรถที่ดับ
“ติดมั้ย เร็วๆ สิ เนื้อนางรออยู่”
คำฝายมีสีหน้าร้อนรนใจมาก

ธรรพ์เปิดประตูเข้าห้องมาในห้องนอนแขไข พบว่าแขไขกำลังดิ้นอยู่บนเตียง สีหน้าทรมาน
“ปวด ปวดจะตายอยู่แล้ว เอามันออกไปที”
ธรรพ์กุมมือแขไขที่เหงื่อแตกเต็มมือไว้
“จันตา หมอล่ะ หมอ”
“ยังมาไม่ถึงเลยเจ้า”
“แขไข อดทนนะครับ หมอกำลังมา”
แขไขกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทุรนทุราย จันตามองด้วยสีหน้าหวั่นกลัว
“โอ๊ย ปวด ใครก็ได้ เอามันออกไปจากท้องฉันที”
แขไขดิ้นสุดแรง จันตากับธรรพ์รีบเข้ามายึดมือแขไขกดไว้คนละข้าง

ส่วนในห้องณไตร เนื้อนางบีบมือวันดีเหงื่อชุ่มมือ
“ป้าวันดี เนื้อนางไม่ไหวแล้ว”
วันดีเอาผ้าขนหนูมัดมือเนื้อนางไว้กับเตียง
“งั้นเบ่งนะ...เอ้า...เบ่ง”
วันดีคอยบอกเนื้อนางหายใจเข้าออกเป็นจังหวะ พยายามเบ่ง เนื้อนางมองผ่านท้องไป เห็นวันดีที่คอยช่วย
“เบ่ง คุณ เบ่ง”
เนื้อนางเหงื่อแตก สูดลมหายใจแล้วเบ่งเต็มที่

ณไตรพุ่งรถกลับบ้านด้วยความเร็ว พอถึงทางโค้ง เห็นชาวบ้านกำลังปั่นจักรยานขึ้นมาจากข้างทาง
ณไตรบีบแตร แสงไฟหน้ารถสาดไปที่ชาวบ้าน ชาวบ้านตกใจ ยืนนิ่งกลางถนน ณไตรหักหลบ ล้อรถบดถนน เสียงดังลากยาว

เนื้อนางเบ่งสุดแรง เสียงทารกที่เพิ่งคลอด ร้องออกมาดังลั่น เนื้อนางที่กำลังจะหมดสติยิ้มดีใจ
“ผู้ชาย...คุณได้ลูกชาย”
วันดีอุ้มเด็กขึ้นมา เนื้อนางตาลาย รางเลือนด้วยความเหนื่อยอ่อน
“ลูกแม่”
เสียงทารกร้องดังในหูเนื้อนางดังเบาๆๆ จนเนื้อนางหมดสติ หลับตาลงไปอย่างอ่อนเพลีย

ส่วนแขไขนอนสลบอยู่ หน้าตาซีดขาว จันตาอุ้มเด็กขึ้นมา มองทารกในมือที่เงียบสนิท
“จันตาเอาคุณหนูไปล้างตัวก่อนนะเจ้า”
ธรรพ์มองจันตาอุ้มทารก แล้วรีบพยักหน้า จันตารีบเอาทารกออกไป
ธรรพ์กุมมือแขไขด้วยความเป็นห่วง “แขไข ได้ยินผมมั้ย แขไขคุณอย่าเป็นอะไรนะครับ”
ธรรพ์กุมมือแขไขมาจูบแล้ววางลงด้วยสายตาเป็นห่วง

วันดีกำลังล้างตัวทารกลูกเนื้อนางแล้ววางลงในเบาะทางซ้าย จันตาอุ้มทารกลูกแขไขเข้ามาวางลงในเบาะทางขวา
“แกดูทีซิ ทำไมนิ่งเงียบไม่ร้องซักแอะ แล้วล้างเนื้อล้างตัวด้วย ฉันไปดูคุณแขไขก่อน ท่าทางเธอไม่ดีเลย เหมือนคนตกเลือด จะตายซะให้ได้”
วันดีผุดยิ้มร้าย มองลูกแขไขที่อยู่ในเบาะทางขวา เนื้อตัวเขียวดำคล้ำ ไม่ร้องสักแอะ นึกถึงภาพตอนวันดีหลอกให้แขไขกินยาขับเลือด ไม่ใช่ยาบำรุง
วันดีมองลูกของแขไขที่นอนนิ่ง ตรงข้ามกับลูกเนื้อนางที่ตัวขาว ผิวชมพู สมบูรณ์ทุกอย่าง อ้วนจ้ำม่ำ
ร้องเสียงดังที่ในเบาะทางซ้าย
ศรีวัลลารีบเข้ามาด้วยความตื่นเต้น
“นังเนื้อนาง มันเป็นมารชีวิตฉันจริงๆ ดันมาคลอดวันเดียวกับหนูแขซะอีก ไหน...หลานฉัน...ลูกแขไข”
วันดีมองแม่นาย นึกถึงคำด่าของศรีวัลลา
“นังเมียชาวบ้านขี้ครอกอย่างนั้น ก็เหมาะกับแกดีนะ วันดี แกเลี้ยงลูกนังเนื้อนางไป ลูกหนูแขเป็นเด็กมีบุญมาเกิด ฉันจะไม่ให้ใครแตะต้องทั้งนั้น โดยเฉพาะมือขี้ข้าอย่างแก”
ศรีวัลลามองทารกสองคน
“เอ้า นั่งบื้ออยู่ได้ ไหนล่ะ หลานฉัน ลูกแขไข”
วันดีตัดสินใจหันไปอุ้มลูกเนื้อนางส่งให้แม่นาย
“นี่เจ้า...ลูกชายคุณแขไข”
ศรีวัลลารีบรับลูกเนื้อนางตัวขาวมาอุ้ม กอด มองด้วยความตื่นเต้น
“น่าเกลียดน่าชังอะไรอย่างนี้ เป็นผู้ชายซะด้วย หลานย่า”
แม่นายที่อุ้มลูกเนื้อนาง มองไปที่ทารกอีกคนที่เป็นลูกแขไขจริงๆ
“นั่นลูกนังเนื้อนางสินะ ทำไมมันไม่ร้อง...มันจะรอดมั้ย”
วันดีมองแม่นายที่กอดหอมลูกเนื้อนางแล้วยิ้มร้ายในหน้า สมใจที่ได้แก้แค้น ด้วยการสลับให้ศรีวัลลา ได้ชื่นชมลูกชายของเนื้อนาง
เทพทัตถือกระเป๋าตามคนงานที่นำเข้ามา คนงานถอยออกไป
ศรีวัลลาอวด “นี่หลานฉัน ลูกหนูแข”
เทพทัตมองเลยไปที่เด็กอีกคนแล้วรีบเข้าไปดู วันดีถอยออกมาให้เทพทัตตรวจเด็ก วันดีมอง เทพทัตสีหน้าไม่ดี แม่นายที่อุ้มลูกเนื้อนางเพราะเข้าใจว่าเป็นลูกแขไข มองเทพทัตแล้วถามขึ้น
“ลูกเนื้อนางมันก็ผู้ชายใช่มั้ย ทำไมมันไม่ร้องเลยล่ะ”
ณไตรวิ่งเข้าห้องมาโดยเร็ว เห็นเนื้อนางนอนหลับอยู่ ณไตรตรงเข้าไปหา
“เนื้อนาง”
เนื้อนางลืมตามพอเห็นณไตรก็ยิ้มดีใจ
“ลูกเรา...คลอดแล้ว” เนื้อนางยิ้ม “ลูกผู้ชาย”
ณไตรกอดเนื้อนางไว้ด้วยความดีใจ เทพทัตอุ้มทารกในผ้าอ้อมเข้าห้องมา ณไตรรีบไปรับทารกมานั่งใกล้เนื้อนาง เนื้อนางรับลูกมากอดไว้มองลูกที่นอนนิ่ง
“ลูกฉัน ทำไมตัวเล็กแค่นี้”
ณไตรกับเนื้อนางเอานิ้วเกี่ยวมือลูก แต่รู้สึกได้ถึงนิ้วมือเย็นชืด ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง
“ทำไมลูกฉันไม่ร้องเลยล่ะหมอ”
“เด็กไม่หายใจ เสียใจด้วยนะ ฉันมาไม่ทัน ช่วยอะไรไม่ได้เลย”
ณไตร กับเนื้อนางตกตะลึง เทพทัตถอยออกไปเงียบๆ เนื้อนางหันมาทางณไตร
“ไม่จริง เนื้อนางได้ยินเสียงลูกร้อง พ่อเลี้ยง เนื้อนางได้ยินเสียงลูกร้องจริงๆ”
ณไตรนิ่งอึ้ง ตะลึงไปชั่วขณะ มองทารกที่นอนนิ่งไร้ลมหายใจในอ้อมกอดเนื้อนาง น้ำตาณไตรหยดลงอาบแก้มด้วยความรู้สึกสูญเสีย
เนื้อนางส่ายหน้ายังรับไม่ได้ ซบลงกับทารกไร้วิญญาณ
“ลูกจ๋า แม่กับพ่ออยู่นี่...ลูกจ๋าได้ยินเสียงแม่มั้ย” เนื้อนางสะอื้นไห้ “แม่ได้ยินเสียงหนูร้อง แม่เห็นหนูตั้งแต่เกิด”
เสียงคร่ำครวญของเนื้อนางปิ่มว่าจะขาดใจ บาดลึกในใจ จนณไตรสะอื้นตาม

“แม่กับพ่อรักหนูมากนะลูก แม่รู้...ลูกยังหายใจ ลูกจ๋า ตื่นมายิ้มกับแม่เถอะนะลูก”

อ่านต่อหน้า 3

เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 10 (ต่อ)

ส่วนในห้องแขไขแม่นายศรีวัลลากำลังอุ้มทารกน้อย อ้วนจ้ำม่ำ ธรรพ์ยืนใกล้แม่นาย แขไขยังนอนอยู่บนเตียง จันตาอยู่ด้านหลังแม่นาย ชะเง้อมองทารกน้อยในห่อผ้าด้วยสายตาแปลกใจ

“ดูหลานชายแม่สิ ธรรพ์”
ธรรพ์ขยับมามองใกล้ด้วยรอยยิ้ม
“น่าเกลียดน่าชัง สมเป็นลูกณไตรจริงๆ”
สายตาธรรพ์สลดวูบลงนิดเดียว แล้วเปลี่ยนไปดึงอุ้มทารกมาไว้ในอ้อมกอดตัวเองอย่างหวงแหน แขไขมองจ้อง ธรรพ์กอดหอมทารกด้วยความรัก
“ชื่นใจเหลือเกิน...ตาหนู”
แขไขมองธรรพ์ที่ก้มลงจูบลูก สายตาไม่พอใจ กราดเกรี้ยวขึ้นมา
“พี่ไตรละคะ ทำไมไม่มาดูลูก”
ธรรพ์กอดทารกไว้ หันไปตอบโต้แขไขทันที
“พี่ณไตรเค้าก็ต้องไปดูแลลูกเมียของเค้า”
“แต่ฉันก็เป็นเมีย”
“เมียที่พี่ณไตรไม่เคยยอมรับ”
แม่นายกับจันตามองแปลกใจธรรพ์ที่ขึ้นเสียงกับแขไข
“คุณกำลังเหนื่อย นอนเงียบๆ พักผ่อนซะ ไม่ต้องดิ้นรนอะไรอีก ผมจะเลี้ยงตาหนูให้เอง”
ธรรพ์กอดทารกจดสายตาจ้องตาแขไขอย่างแข็งกร้าว จนแขไขต้องหยุด

ในมุมมืดปลอดคน วันดีก้าวเข้ามามองไกลด้วยรอยยิ้มสะใจ เอ่ยขึ้นเหมือนพูดกับใครคนหนึ่ง
“นี่คือการแก้แค้นที่สะใจที่สุด นังแม่นาย มันถูกหลอกให้ต้องเลี้ยงเลือดเนื้อเชื้อไขของเนื้อนาง ผู้หญิงที่มันเกลียด เมื่อไหร่ที่เด็กโตขึ้นมาสมบูรณ์เพียบพร้อมทั้งปัญญา บารมี และทรัพย์สมบัติ เมื่อนั้น ฉันถึงจะเปิดเผยความจริง ให้นังแม่นายมันกระอักเลือดตาย”
บุญลือนั่นเองที่ขยับตัวจากมุมมืดคุยอยู่กับวันดีผู้เป็นพี่สาว!
“ถ้าเกิดใครสักคนจับได้ว่าพี่วันดีสลับลูกเนื้อนางกับแขไขล่ะ”
“จะต้องไม่มีใครจับได้ เรื่องนี้มันจะเป็นความลับแค่แกกับพี่ บุญลือ แกเองก็อย่ามีพิรุธเรื่องเอายาขับเลือดมาให้พี่ล่ะ พี่เอาให้แขไขกิน ลูกมันถึงไม่รอด”
“พี่แน่ใจเหรอ สลับลูกเนื้อนางกับแขไขอย่างนี้ ใครๆก็จะยิ่งรัก ยิ่งเอาใจแขไขที่มีลูกชายน่ารัก”
“จะไม่มีใครรักมันลง คนอย่างแขไขไม่สมควรเป็นแม่ใครทั้งนั้น อีกหน่อย ทุกคนก็จะรู้ซึ้ง โดยเฉพาะคุณธรรพ์ ทีนี้คุณธรรพ์จะได้เลิกรัก เลิกหลง ตัดขาดผู้หญิงสวยแต่เปลือกอย่างแขไขได้สักที”
วันดียิ้มมั่นใจ หันไปสั่งบุญลือ
“บุญลือ แกกลับไปคอยดูที่ปางไว้ มีอะไรก็รีบมาบอกพี่ ขอบใจมากนะ ถ้าไม่ได้น้องชายอย่างแก พี่ก็คงทำทุกอย่างคนเดียวไม่สำเร็จ”
“ฉันเต็มใจทำทุกอย่างตามที่พี่สั่ง”
วันดียิ้ม “เราจะทำเพื่อคุณธรรพ์...จะต้องไม่มีใครในหิมวัต ได้ดีกว่าคุณธรรพ์”
บุญลือยิ้มรับคำแล้วหลบออกไป วันดียิ้มในความมืด ดีใจที่การแก้แค้นศรีวัลลาเริ่มต้นขึ้น
ที่แท้ระหว่างศรีวัลลากับวันดี เคยมีความแค้นต่อกัน โดยที่ศรีวัลลาไม่สำเหนียกเลยสักนิด ย่อมแน่ว่าเรื่องนี้เกี่ยวห้องกับ ธรรพ์ หิมวัต ที่วันดีรักดั่งดวงใจ!!

ทางฝ่ายเนื้อนางน้ำตาไหล ก้มลงจูบร่างเย็นชืดของทารกในห่อผ้าบนเตียงที่คิดว่าเป็นลูก ณไตรมองแล้วก้มลงจูบนิ้วมือน้อยๆ น้ำตาหยดอาบแก้ม
“ลูกพ่อ”
เนื้อนางมองลูกในห่อผ้าแล้วยังทำใจไม่ได้
“ไม่จริง...ลูกไม่ได้เป็นอย่างนี้...เนื้อนางได้ยินเสียงลูกร้อง”
ณไตรมองเนื้อนางน้ำตาไหลด้วยความสะเทือนใจ
“เสียงลูก...เนื้อนางยังได้ยินก้องอยู่ในหู...เสียงแรกที่ลูกร้อง ใบหน้าเล็กๆ ของลูก ครั้งแรกที่เห็น... ถึงไม่ชัด แต่เนื้อนางก็รู้ ว่าลูกมีชีวิต มีลมหายใจ...”
เนื้อนางมองณไตร สายตาเต็มไปด้วยความปวดร้าว
“บาปกรรมอะไร ทำไมไม่มาลงกับเนื้อนางคนเดียว” เนื้อนางสะอื้นไห้ “ขอชีวิต...ขอลมหายใจลูกคืนมาให้เนื้อนางเถอะ”
เนื้อนางสะอื้นโฮ ณไตรรวบร่างเนื้อนางมากอดไว้อย่างเสียใจไม่น้อยกว่ากัน

คำฝายแบกของใช้เด็กที่ซื้อจากในเมือง วิ่งมาถึงหน้าห้อง พอเห็นสภาพเนื้อนางเริ่มใจไม่ดี
คำฝายทิ้งของในมือ ค่อยๆ เดินเข้ามา สายตาหวาดหวั่น มองไปที่ร่างทารกในห่อผ้า
“เนื้อนาง...หลาน...ทำไม...”
คำฝายพูดไม่ออก เนื้อนางน้ำตานองหน้าบอกคำฝาย
“พี่คำฝาย ลูกเนื้อนาง...ลูก...ไม่ร้อง ลูกไม่อยู่กับเนื้อนางแล้ว ลูกไปแล้ว”
เนื้อนางพูดทั้งน้ำตา คำฝายได้ยินก็ปล่อยโฮทันที
“พี่ผิดเอง พี่ทิ้งเนื้อนางให้อยู่คนเดียว พ่ออุ๊ยสั่งแล้วว่าต้องอยู่กับเนื้อนางตลอดเวลา”
ณไตรเอ่ยเสียงเศร้า “ไม่ใช่ความผิดของใคร คำฝาย”
“ไม่จริง ถ้าคำฝายอยู่ คำฝายจะต้องช่วยหลาน...คำฝายจะไม่ปล่อยให้หลานเป็นแบบนี้ ลูกเนื้อนางจะต้องร้องเสียงดัง...ดังลั่นทั้งปาง จะต้องเป็นเด็กแข็งแรงที่สุด สมกับเป็นหลานหมื่นหล้า”
คำฝายพรั่งพรู เนื้อนางยิ่งฟัง ยิ่งเจ็บช้ำ คำฝายทรุดลงสะอื้นทุบลงที่ตัวเองอย่างเจ็บใจเหมือนลงโทษตัวเอง
“ทำไม อีคำฝาย ทำไมถึงไม่อยู่กับเนื้อนาง ทำไมแกไม่อยู่ช่วยหลานเวลาสำคัญที่สุด ทำไมแกถึงทิ้งเนื้อนางไปได้”
คำฝายทุบตีตัวเองใบหน้านองน้ำตา
เนื้อนางมองทารกที่คิดว่าเป็นลูก สัมผัสผิวเนื้อเย็นชืดอีกครั้ง
“ตาจ๋า...มารับเนื้อนางไปด้วยเถอะจ้ะ ตา เนื้อนางขอแลกลมหายใจกับลูก”
ณไตรกับคำฝายฟังแล้วยิ่งน้ำตาไหล รับรู้ความเจ็บช้ำที่สุดของเนื้อนาง
“แม่ไม่เสียดายชีวิตเลยสักนิดเดียว แม่จะขอแลกลมหายใจ ให้ลูกได้ยิ้ม ได้หัวเราะ ให้ลูกโตมาเป็นเด็กน่ารัก...ให้ลูกมีความสุขที่สุด ลูกจ๋า...เอาลมหายใจของแม่ไปแล้วตื่นขึ้นมาอีกครั้งเถอะลูก”
คำฝายฟังแล้วยิ่งสะอื้นจนตัวโยน เนื้อนางร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด

ณไตรรวบเนื้อนางมากอดไว้สภาพของคนหัวใจสลายทั้งคู่

รุ่งเช้าเนื้อนางยังคงนอนนิ่ง ตาแดงช้ำ น้ำตายังไหลอาบแก้ม

ณไตรนั่งใกล้คอยเฝ้ามองอย่างเป็นกำลังใจไม่ห่างจากเนื้อนาง คำฝายกำลังเก็บเสื้อผ้าของใช้เด็กอ่อน ถุงมือ ถุงเท้าเด็กทารกที่ซื้อมาลงกล่อง
เนื้อนางมองไปเห็นก็ลุกขึ้น เอื้อมมือไปหยิบถุงเท้าสีฟ้าสวยขึ้นมา ณไตรกับคำฝายมองเนื้อนางด้วยความสงสาร
เนื้อนางจูบลงที่ถุงเท้าเสมือนกำลังจูบฝ่าเท้าเล็กๆของลูก คำฝายน้ำตาหยด เบือนหน้าหนีด้วยความเสียใจ
ณไตรมอง ตาแดงก่ำ เนื้อนางสัมผัสมือลงไปบนของใช้ลูกที่เตรียมไว้ น้ำตาหยดลงบนเสื้อผ้า ถุงเท้า ถุงมือของลูก
คำฝายพูดไม่ออก ได้แต่ทรุดนั่ง ร้องไห้ไปด้วย
ณไตรมองสะเทือนใจสุดจะประมาณ
เนื้อนางสัมผัสของใช้ที่เตรียมไว้ให้ลูกด้วยสายตาเจ็บช้ำ อย่างคนสูญสิ้นความหวังในชีวิตไปหมดสิ้นแล้ว

ไม่นานต่อมาณไตรก้าวเข้ามาในสวน มองไปเห็นเนื้อนางนอนเหยียดยาวที่สนาม เหม่อมองไปไกล
สายตาแดงช้ำจากการร้องไห้อย่างหนัก คำฝายนั่งอยู่ใกล้ ไม่ยอมห่างจากเนื้อนาง
ณไตรเดินเข้ามาประคองร่างอันอ่อนล้าของเนื้อนางขึ้นมานั่งในตัก เนื้อนางหันมองณไตร น้ำตาหยดรินออกมาอีก
ณไตรจูบซับน้ำตาที่แก้มเนื้อนาง แล้วโอบกอดเป็นหลักให้กับหัวใจที่กำลังปวดร้าวของเนื้อนาง

ได้ยินเสียงทารกร้องจ้าดังขึ้นมาในห้องแขไข ศรีวัลลาเดินเร็วรี่มากับจันตา ด้านหลังวันดีตามมาด้วย
“ทำไมถึงปล่อยให้หลานชั้นร้องไห้ลั่นบ้าน”
พอทุกคนมาถึง เห็นธรรพ์กำลังอุ้มทารกน้อย มีแขไขยืนชักสีหน้ารำคาญอยู่
“แกหิวน่ะครับ”
แม่นายกับจันตามองไปที่แขไขทันที
“ทำไมหนูแขถึงไม่ให้ลูกกินนม”
“แขไม่มีน้ำนมค่ะ”
“จันตา แกต้มแกงหัวปลีให้หนูแขกิน อย่างที่ฉันสั่งหรือยัง”
“ต้มแล้วเจ้า”
“แขกินแล้วค่ะ แม่นาย แต่ทำยังไง แขก็ไม่มีน้ำนม”
“คุณไม่ต้องมาอ้าง คุณไม่อยากให้นมลูกมากกว่า” ธรรพ์ว่า
แขไขฉุน “ทำไมฉันจะไม่อยากให้ ถ้ามีน้ำนม ฉันก็ให้ลูกกินไปแล้ว จะได้เลิกร้องสักที”
ด้านหลัง เห็นวันดีมองแล้วเหยียดยิ้มอย่างคิดอะไรขึ้นได้ ก่อนจะแกล้งตีสีหน้าเศร้า พูดเสนอขึ้น
“คุณแขไม่มีน้ำนม แต่คุณเนื้อนางมีนะเจ้า”
ทุกคนหันขวับไปมองวันดี ธรรพ์ดีใจมาก
“จริงด้วย เนื้อนางไม่ต้องให้นมลูก”
แขไขไม่ยอม “แขไม่ให้เนื้อนางแตะลูกแข จันตาให้คนงานไปซื้อนมผงมาเดี๋ยวนี้”
วันดีเอ่ยขึ้น “คุณหนูยังเล็กนัก กินนมแม่ดีกว่าเจ้า”
แขไขโมโห “นี่ลูกชั้น” มองไปที่วันดีตาขุ่น “หน้าไหนก็ไม่ต้องมาออกความเห็น ไปซื้อนมผงมา”
ธรรพ์บอกเสียงแข็ง “ไม่ต้องไป จันตา”
แล้วหันไปทางแขไขทันที แววตาโกรธจัด
“ถึงขนาดนี้ คุณยังเห็นแก่ตัว นี่เลือดในอกของคุณแท้ๆ ใจคอคุณจะปล่อยให้ลูกร้องจนหมดเสียง ... ผมไม่ยอม ตาหนูต้องได้กินนม”
ธรรพ์ไม่ยอม อุ้มทารกน้อยเดินออกไปทันที
“เอาลูกฉันกลับมานะ”
แขไขเดินตามธรรพ์ไปอย่างไม่ยอมแพ้ แต่ไม่เร็วนักเพราะอยู่ในช่วงพักฟื้น
แม่นาย กับ จันตามองอย่างกลุ้มใจ เดินตามไป เหลือแค่วันดีที่มองตามด้วยความสะใจ

ณไตรกับเนื้อนางได้ยินเสียงร้องเด็กก็หันไปมอง เห็นธรรพ์อุ้มทารกที่ร้องไห้จ้าเดินเร็วมา แขไขเดินตามมา แม่นายกับจันตาตามหลังมาติดๆ
“ตาหนูเป็นอะไร”
“ตาหนูยังไม่ได้กินนมเลยครับ” ธรรพ์หันไปทางเนื้อนาง “เนื้อนาง...พอจะให้นมตาหนูหน่อยได้มั้ย”
เนื้อนางสงสาร “โถ...คุณหนู”
ธรรพ์กำลังจะส่งทารกให้ และเนื้อนางเอื้อมมือมาจะรับ แขไขพุ่งเข้ามากระชากแขนเนื้อนางออกห่าง
“อย่าเอามือแพศยาของแกมาแตะลูกชั้น”
แขไขขวางเนื้อนางกับทารกในอ้อมกอดธรรพ์ ศรีวัลลา กับจันตาเดินลงมาสมทบ ณไตรประคองเนื้อนางไว้
“คุณเป็นแม่ประสาอะไร แขไข ถึงทนดูลูกหิวได้”
“แล้วพี่ณไตรละคะ เป็นพ่อประสาอะไรถึงไม่เคยดูดำดูดีลูก”
ณไตรย้อน “เพราะเราก็รู้กันอยู่ว่าผมไม่ใช่พ่อของเค้า”
ทารกร้องไม่หยุด เนื้อนางตัดบท “พอก่อนเถอะ คุณหนูร้องใหญ่แล้ว คุณธรรพ์ ส่งคุณหนูมาเถอะจ้ะ เนื้อนางจะให้นมคุณหนูเอง”
ธรรพ์รีบส่งทารกในอ้อมกอดให้เนื้อนาง เนื้อนางรับมาแล้วหันหลัง เปิดเสื้อป้อนนมให้ทารก
เสียงร้องทารกเงียบหายไป เนื้อนางโยกตัวเบา เห่เพลงกล่อม ณไตรมองภาพนั้นอย่างซาบซึ้ง
“กินเยอะๆ นะจ๊ะ”
เนื้อนางก้มลงหอมแก้มทารกด้วยสัญชาติญาณความเป็นแม่ แขไขจะพุ่งเข้าไป แม่นายมองแขไขด้วยสายตาปราม
“ไม่ใช่ตอนนี้ แขไข หลานฉันต้องได้กินนม”
จันตาขยับเบาๆ ขวางแขไขไม่ให้เข้าถึงตัวเนื้อนาง
ณไตรเดินเข้ามาใกล้เนื้อนาง มองทารกน้อยในอกเนื้อนาง เนื้อนางยิ้มกับณไตร
“เงียบกริบเลยเจ้า ดูสิ ยังกะพ่อแม่ลูก” จันตาหลุดปาก
แขไขหันขวับจ้อง จันตาทำเมิน ไม่สนใจสายตาแขไข แม่นายมองเนื้อนางแล้วพูดขึ้น
“ให้นมตาหนูเสร็จแล้ว ไปหาฉันด้วย”
ศรีวัลลาเดินออกไป จันตาตาม
แขไขจ้องเนื้อนางกับณไตรที่มีทารกในอ้อมกอดด้วยสายตาเกลียดชังทวีคูณ

เนื้อนางมองสบตาณไตรอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก

แม่นายศรีวัลลายืนอยู่ตรงหน้า มองเนื้อนางที่มีณไตรยืนเคียงข้างกัน

“ตาหนูต้องการแม่นม จนกว่าหนูแขจะร่างกายสมบูรณ์ให้นมลูกได้ และนี่คือคำสั่ง”
“คุณแขไขจะยอมให้เนื้อนางดูแลลูกของเธอหรือจ้ะ”
“ฉันทำเพื่อหลานฉัน” ศรีวัลลาจ้องเนื้อนาง “ส่วนแก อย่าสำคัญตัวผิดเพราะได้เป็นแม่นมยังไงฉันก็ไม่มีวันยอมรับสะใภ้อย่างแก”
แม่นายพูดแล้วเดินหน้าเชิดออกไป ณไตรมองเนื้อนางอย่างเห็นใจ
“ถ้าฝืนใจ คุณไม่ต้องทำก็ได้นะ เนื้อนาง”
“ไม่เลยจ้ะ เนื้อนางอยากให้นมคุณหนู ถ้าน้ำนมของเนื้อนางจะต่อชีวิตให้กับทารกสักคน เนื้อนางจะยินดีเป็นที่สุด เนื้อนางอยากเป็นแม่นมให้กับลูกของคุณ”
ณไตรมองเนื้อนางด้วยสายตาซาบซึ้งในจิตใจแสนดีของผู้เป็นเมีย
“ไม่ว่าผู้ใหญ่จะผิดพลาดมากแค่ไหน ก็ไม่ใช่ความผิดของเด็กที่เกิดมาแล้ว” เนื้อนางยิ้มบางๆ “เวลาที่ได้อุ้มคุณหนู เนื้อนางรู้สึกเหมือนได้อุ้มลูกตัวเอง”
“ตาหนูเกิดวันเดียวกับลูกของเรา”
ณไตรกอดเนื้อนางไว้ด้วยความพอใจ ที่เนื้อนางไม่ตั้งข้อรังเกียจทารกน้อย
“ขอให้น้ำนมทุกหยดของเนื้อนาง เลี้ยงคุณหนูให้อิ่ม ให้อบอุ่น แค่นี้เนื้อนางก็มีความสุขที่สุดจ้ะ”
ณไตรยิ้มกับเนื้อนางด้วยสายตายินดีเป็นที่สุด

เย็นนั้นธรรพ์ยืนคุยอยู่กับพี่ชายตรงระเบียง
“ขอบคุณเนื้อนางให้ผมด้วย ถ้าไม่ได้เนื้อนาง ตาหนูคงแย่”
“ไม่เป็นไรหรอก ธรรพ์ เนื้อนางเองจะได้หายเศร้าเรื่องที่เสียลูกไปด้วย ได้เลี้ยงตาหนูเหมือนได้เลี้ยงลูกตัวเอง”
ห่างออกมา เห็นแขไขมองอยู่ สายตาช้ำใจมาก มีวันดียืนอยู่ด้านหลัง
“ทำไมลูกชั้นถึงต้องกินนมนังเนื้อนาง คนที่ฉันเกลียดที่สุด”
“คิดเสียว่า เห็นแก่คุณหนูนะเจ้า”
วันดีทำเสียงปลอบโยนแต่ลอบยิ้มสะใจที่มุมปาก
“แล้วทำยังไงฉันถึงจะเลี้ยงลูกของฉันเองได้ มันต้องไม่ใช่น้ำนมเนื้อนางที่ทำให้ลูกฉันโต
แขไขพูดด้วยสายตาเคียดแค้นชิงชังเนื้อนางเต็มที่

ตกตอนกลางคืนทารกน้อยร้องจ้า แขไขอุ้มขึ้นจากที่นอน พยายามกล่อมอย่างรำคาญ มีวันดีมองอยู่ใกล้ๆ
“หยุดร้องได้แล้ว นี่แม่อุ้มอยู่ไง”
“เบาๆ สิคุณ อย่าตะคอก คุณหนูจะยิ่งตกใจ”
“แล้วฉันจะทำยังไง ร้องไม่หยุด ทั้งอุ้มทั้งกล่อม ปวดหัวจะตายอยู่แล้ว แกเอาไปอุ้มสิ วันดี”
แขไขส่งทารกให้วันดี วันดีรับมากอด กล่อม แต่ทารกก็ยังร้องจ้า
“หยุดร้อง ตาหนู แม่บอกให้หยุดร้อง”
แขไขกรีดเสียงใส่ วันดีเองยังตกใจ ทารกยิ่งร้องจ้า
“คงจะหิวนม”
“ก็กินไปแล้วเมื่อเย็น จะกินอะไรอีก”
“ละอ่อนน้อยก็แบบนี้แหละคุณ จะมีอะไร ถ้าไม่ร้อง กิน แล้วก็นอน”
วันดีชักรำคาญแขไขที่เอาแต่ใจ
“แกเคยมีลูกหรือ วันดี”
วันดีนิ่งไปนิดเดียว ก่อนตอบตัดบทด้วยเสียงเย็นเยียบ
“จะเคยมีหรือไม่มี คนอย่างคุณไม่ต้องสนใจหรอก รู้แต่ว่าฉันก็มีหัวใจของคนเป็นแม่ ไม่ใช่ผู้หญิงใจไม้ไส้ระกำ ทนเห็นลูกร้องเพราะความหิว”
แขไขมองจ้องวันดี เห็นสีหน้าแข็งขืนเอาเรื่อง

ขณะที่เนื้อนางนอนอยู่ในอ้อมกอดณไตร ต้องสะดุ้งตื่นขึ้น ณไตรมอง
“เสียงคุณหนูร้อง”
ณไตรงัวเงีย “ผมไม่เห็นได้ยินเลย”
“ร้องจริงๆ จ้ะ สงสัยคุณหนูจะหิวนม”
เนื้อนางลุกจากเตียงเอาผ้าคลุมไหล่ ตรงไปเปิดประตู พอดีกับที่วันดีอุ้มทารกมาถึงหน้าห้อง เนื้อนางเปิดประตูออกมาเห็นเข้า ณไตรเดินมามอง
“ช่วยหน่อยเถอะ เนื้อนาง คุณหนูร้องไม่หยุดเลย”
เนื้อนางรีบรับทารกมาไว้ในอก
“นิ่งซะนะจ๊ะ คุณหนู นิ่งซะ”
เนื้อนางฮัมเพลงกล่อมเบาๆ อุ้มทารกไปที่ให้นมที่เตียง ทารกน้อยร้องเบาลงจนเสียงเงียบ
ณไตรหันไปบอกวันดี
“ให้ตาหนูอยู่ที่นี่ ตอนเช้าค่อยมาพากลับไป”
วันดีก้มหน้ารับคำสั่งแล้วถอยออกไป ณไตรปิดประตูเดินกลับมาที่เตียง เนื้อนางกำลังเล่นกับทารกที่หัวเราะมองเนื้อนาง ตาแป๋ว
“นิ่งซะนะจ๊ะ...แม่เนื้อนางอยู่นี่แล้ว”
ณไตรเลื่อนตัวขึ้นมาอีกด้าน เล่นกับทารกด้วยรอยยิ้ม
“เห็นตาหนูแล้ว ผมคิดอะไรออกอย่างนึง”
“คุณคิดอะไรเหรอจ๊ะ”
“ผมอยากมีลูกอีก เนื้อนาง...ลูกของเรา
ณไตรมองเนื้อนาง ประกายตามีความหมาย เนื้อนางมองอาย
ณไตรมองแล้วก้มลงหอมทารกน้อย สายตาอ่อนโยน
“มีลูกให้ผมได้มั้ย เนื้อนาง...นะครับ...มีน้องให้ตาหนู”
เนื้อนางมองเอียงอาย ณไตรมองเนื้อนางประกายตาหวาบหวาม

สามคน ณไตร เนื้อนาง และทารกนอน อยู่บนเตียงด้วยกันในบรรยากาศอบอุ่น อ่อนหวานราวกับเป็นครอบครัวเดียวกัน

เช้าวันใหม่ คำฝายนั่งลงข้างเนื้อนางที่กำลังนั่งซักผ้าอยู่ บ่นทันทีที่รู้เรื่องเนื้อนางรับเป็นแม่นมของคุณหนู

“ลูกเสือลูกตะเข้ชัดๆ ตั๋วจะรักเข้าไปทำไมฮะ เนื้อนาง”
“หยุดนะพี่คำฝาย อย่าพูดถึงคุณหนูแบบนี้อีก”
“ก็มันจริง ลูกพ่อเลี้ยงกับแขไข มันกลั่นแกล้งตั๋วสารพัด ตั๋วรักลูกมันลงได้ยังไง”
“ก็แล้วคุณหนูผิดตรงไหนล่ะ พี่คำฝาย เนื้อนางถึงจะรักไม่ได้ เนื้อนางรักคุณหนูเหมือนลูกตัวเอง ไม่ใช่ก็เหมือนใช่ เพราะคุณหนูเกิดวันเดียวกับลูกเนื้อนาง ถึงคุณแขไขจะโกรธเกลียดเนื้อนางยังไง ก็ไม่เกี่ยวกับคุณหนู”
“ตั๋วพูดเหมือนจะอยู่ที่นี่ต่อ ตั๋วไม่อยากกลับปางเหรอ”
“อยากกลับสิ อยากกลับทุกลมหายใจ ที่นี่ไม่ใช่บ้านเนื้อนาง แต่รอให้คุณหนูเธอโตอีกนิด หย่านมแล้ว เนื้อนางก็ไม่มีห่วงอะไร”
“ไม่มีห่วง กลัวแต่ว่าจะรักลูก หลงลูกเค้าตลอดไปน่ะสิ คิดแล้วก็พิลึกคุณหนูเกิดมาบนกองเงินกองทอง แต่ทำไม...มีแม่ก็เหมือนไม่มี”
เนื้อนางฟังแล้ว สีหน้ามีแต่ความสงสาร และเห็นใจทารกน้อย

แขไขมองทารกในเปลที่หลับสนิท มีธรรพ์คอยดู วันดีแกว่งเปลให้เบาๆ แขไขเอื้อมมือไปแตะนิ้วทารกน้อย ทารกน้อยลืมตามา ร้องจ้า
“คุณทำอะไรลูกน่ะ แขไข”
ธรรพ์ลุกพรวด ปัดแขไขออกห่างทันที
“ฉันไม่ได้ทำ อยู่ๆ ลูกก็ร้องเอง”
“เมื่อกี้ก็ยังหลับอยู่ดีๆ”
“ออกไปห่างๆก่อน ไปสิ เลี้ยงไม่เป็นก็อย่าเข้ามาใกล้”
ธรรพ์ปัดแขไขให้ห่างเปล แล้วอุ้มทารกขึ้นมาฮัมเพลงกล่อม แขไขสีหน้ากดดันที่ทารกไม่ยอมให้เข้าใกล้ ทารกเงียบเสียงไป วันดีมองแล้วพูดขึ้น
“คุณหนูชอบอยู่กับคุณธรรพ์นะเจ้า ไม่ร้องไม่งอแงเลย เหมือนอยู่กับพ่อ”
วันดีทำเป็นพูดเรื่อยๆ แต่กระตุกใจธรรพ์กับแขไข
“เพ้อเจ้อใหญ่แล้ว วันดี ฉันให้แกมาเลี้ยงลูกชั้นกับพี่ณไตร ไม่ใช่ให้สะเออะ มาพูดอะไรพล่อยๆ”
แขไขสะบัดหน้าเดินพรวดๆ ออกไป ไม่อยากทนอยู่ให้แสลงใจ ธรรพ์วางทารกน้อยลงไปในเปล วันดีแกว่งเปลเบาๆ ธรรพ์เดินตามแขไขออกไปทันที
วันดีมองตาม มีรอยยิ้มสะใจผุดขึ้นที่มุมปาก

แขไขเดินเข้ามาในศาลากลางสวน สีหน้าหงุดหงิดไม่พอใจ ธรรพ์เดินตามมาพร้อมเสียงสั่ง
“คุณต้องรู้จักอ่อนโยน อดทน ดูแลลูกให้มากกว่านี้”
“ทำไม กลัวลูกตาย แล้วไม่ได้ทำหน้าที่พ่อล่ะสิ”
“แขไข คุณไม่ยอมรับผมเป็นสามี เป็นพ่อของลูก ผมทนได้ แต่คุณต้องดูแลตาหนู เลือดในอกของคุณ”
“แกคิดว่าฉันเลวขนาดไม่รักลูกเลยใช่มั้ย”
แขไขกรีดเสียงใส่ธรรพ์ด้วยความอัดอั้น
“ฉันไม่มีนมให้ลูก ลูกไม่ให้ฉันกอด แกรู้มั้ยว่าฉันเสียใจแค่ไหนที่ต้องทนเห็นเนื้อนางมันกอด...มันให้นมลูกของฉัน”
ธรรพ์มองแขไขน้ำตาคลอ
“แกคิดว่าฉันสบายใจนักเหรอ แกเคยสนใจบ้างมั้ยว่าชีวิตฉันต้องสูญเสียอะไรบ้าง คุณพ่อ คุณแม่ตัดขาดฉัน เพราะฉันอุ้มท้อง แล้วก็ไม่ได้แต่งงานกับพี่ณไตร ท่านผิดหวัง กลัวคนจะนินทา ขนาดหน้าหลาน ...ท่านก็บอกว่าจะไม่มาดู”
แขไขน้ำตาร่วงลงอาบแก้ม
“ความฝัน ชีวิตฉันต้องมาถูกทำลายลงที่นี่เพราะแก เพราะเนื้อนาง”
“คุณทำตัวเอง แขไข ผมพร้อมจะแต่งงานกับคุณ คุณก็มัวแต่จะเอาชนะเนื้อนาง คุณบาปที่ใช้ลูกเป็นเครื่องมือต่อรอง สุดท้ายยังไงพี่ณไตรก็ไม่รักคุณ”
แขไขโกรธจัด ตบหน้าธรรพ์ฉาดใหญ่ ธรรพ์ยืนเฉยให้ตบ
“คุณจะตบผมอีกก็ได้ ด่าว่า ลงโทษผมแค่ไหนก็ได้ ผมยอมรับผิดทุกอย่างที่ข่มเหงคุณ”
ธรรพ์มองแขไขที่กำลังสะอึกสะอื้น
“แต่ลูกของเรา ตาหนู เค้าบริสุทธิ์ เค้าไม่มีความผิด เลี้ยงเค้า ดูแลเค้าให้สมกับที่คุณคือแม่เถอะนะ แขไข”
แขไขได้แต่สะอื้น หมดแรงจะด่าว่าเพราะความทุกข์ที่สะสมในใจมานาน
“ฉันรักลูกนะ ฉันรักตาหนู”
ธรรพ์โอบกอดแขไขไว้อย่างปลอบประโลมใจ
“ผมรู้ แขไข...คนดีของผม”
ธรรพ์ดึงแขไขออกมาซับน้ำตาให้แผ่วเบา แขไขท่าทางอ่อนล้า ผิดหวังไปหมดทุกอย่าง ธรรพ์มองใบหน้าสวยงามที่หลงใหล ก็ก้มลงจูบด้วยความเสน่หา
แขไขอ่อนแรง หมดกำลังใจโหยหาความรัก เบียดร่างเข้าหาธรรพ์ด้วยความต้องการทางกาย
เนื้อนางกำลังถือตะกร้าผ้าขึ้นมา มองเห็นธรรพ์จูบแขไขก็ตกใจ ตัวชา รีบหลบวูบหลังพุ่มไม้
ธรรพ์แตะไหล่ มือไล้ตามแขนเรียวงาม กระซิบข้างแก้มแขไขที่สีหน้าสับสน
“มีแต่ผมที่เป็นเจ้าของคุณคนเดียว”

เนื้อนางได้ยินหมดทุกคำ ตัดสินใจรีบหลบออกไปเงียบๆ ก่อนจะมีใครเห็น

อ่านต่อหน้า 4

เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 10 (ต่อ)

เนื้อนางที่เดินเร็วรี่ก้มหน้างุดๆ ขึ้นบันไดบ้านเรือนมาหยุดที่ระเบียง ด้วยสีหน้าตกใจ ชนเข้ากับร่างณไตร จนตะกร้าผ้าในมือหล่น ณไตรจับแขนเนื้อนางไว้

“เนื้อนาง คุณเป็นอะไร ทำไมตกใจเหมือนหนีอะไรมา”
“เนื้อนาง...”
“ครับ...มีอะไร”
เห็นณไตรมองเนื้อนางด้วยรอยยิ้มห่วงใย เนื้อนางยิ่งอึดอัด
“คุณเคยบอกว่า คุณหนูไม่ใช่ลูกของคุณ”
วันดีก้าวเข้ามาจากมุมหนึ่งตรงมายังระเบียงเรือน ได้ยินเสียงเนื้อนางถามณไตร
“แล้วคุณรู้มั้ยว่าคุณหนูเป็นลูกใคร”
วันดีหลบวูบ ไม่ยอมออกมา มองจ้องเนื้อนางด้วยสายตาวาววาบความโกรธ
“ผมรู้แค่ว่าเป็นลูกแขไข เคยถาม เค้าก็ยืนยันว่าเป็นลูกผม คุณถามเรื่องนี้ขึ้นมาทำไม”
เนื้อนางยิ้มกลบเกลื่อน “ไม่มีอะไรจ้ะ เนื้อนางแค่สงสัย”
“ผมนึกว่าคุณไม่อยากจะมีลูกกับผมซะอีก”
ณไตรพูดเสียงอ้อนเพราะเข้าใจไปอีกทาง เนื้อนางยิ้มอาย
“ไหนวันนี้คุณบอกว่าจะไปที่ปางไม่ใช่เหรอจ๊ะ”
“ไม่อยากไปหรอก อยากอยู่กับเมียมากกว่า”
เนื้อนางเขินอาย “ไปทำงานได้แล้ว”
เนื้อนางดันหลังณไตรให้เดินออกไป ณไตรเอี้ยวตัวหอมแก้มเนื้อนางแล้วใส่หมวกเดินลงเรือนไป
เนื้อนางมองตาม เปลี่ยนสีหน้า ไม่สบายใจเรื่องธรรพ์กับแขไข ก้มลงเก็บผ้าลงตะกร้า
มีมือวันดียื่นมาช่วยเก็บ เนื้อนางหันไปวันดียิ้มอ่อนโยนกลบความโกรธ
“หายไปไหนมาเจ้า วันดีตามหา กลัวคุณหนูร้องหาคุณอีก”
“ฉันลงไปเดินเล่นมาจ้ะ ป้าวันดี คุณธรรพ์สนิทกับคุณแขไขมากใช่มั้ย”
วันดีชะงักไปนิดเดียว รู้แล้วว่าเนื้อนางคงระแคะระคายเรื่องธรรพ์กับแขไข แต่ก็ยังปรับสีหน้ายิ้ม
“คุณธรรพ์เธอเป็นคนใจดี อ่อนโยน พูดเพราะพูดหวาน ใครๆ อยู่ใกล้ก็จะรู้สึกสบายใจ คุณถามทำไมหรือเจ้า”
เนื้อนางยิ้ม “ไม่จ้ะ ไม่มีอะไรหรอก คุณธรรพ์เธอก็ใจดีจริงๆ อย่างที่ป้าบอกนั่นแหละ คุณหนูถึงชอบอยู่ใกล้เธอ”
เนื้อนางลุกเดินออกไป วันดีมองตามส่งด้วยรอยยิ้ม จนเนื้อนางเดินลับกายไป ก็คลายยิ้มเปลี่ยนเป็นสีหน้าบึ้งตึง แววตาเหี้ยมโหด

เนื้อนางถือตะกร้าเข้าห้องมา เจอคำฝายกำลังถูพื้นอยู่เงยหน้าขึ้นมอง
“พี่ได้ยินเสียงปีศาจแขไขมันอาละวาดดังไปทั้งบ้าน”
“พี่คำฝาย พี่สงสัยมั้ยว่าคุณแขไขเธอท้องกับใคร”
“ก็พ่อเลี้ยงยังไงล่ะ”
“พ่อเลี้ยงยืนยันว่าไม่เคยล่วงเกินคุณแขไข แล้วตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ พี่ก็เห็นพ่อเลี้ยงไม่เคยไปที่ห้องคุณแขไข”
“ใช่ อยู่กับตั๋วทุกวัน ทุกคืน ตั๋วสงสัยอะไร...เรื่องไม่ดี เรื่องไม่ดีแน่ๆ”
“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย”
คำฝายอยากรู้ด้วย “เรื่องอะไร”
เนื้อนางส่ายหน้า ตัดสินใจไม่พูด “ช่างเถอะ พูดไปก็มีแต่จะเสียหายกันหมด”
คำฝายหงุดหงิด “ตั๋วเล่นเกริ่นให้อยาก แล้วก็จากไป หยั่งงี้ไม่ดีนา พี่อยากรู้ บอกหน่อย”
“ไม่บอก เรื่องไม่ดี ไม่ดีที่สุด พูดแล้วจะมีแต่คนเสียใจ โดยเฉพาะพ่อเลี้ยง”
“บอกพี่หน่อย คำเดียวก็ได้ พี่ไม่บอกใครหรอก เนื้อนาง นะ นะ นะ”
ด้านนอกห้องตอนนี้ วันดีตามดูเนื้อนาง มองด้วยสายตามั่นใจแล้วว่าเนื้อนางรู้เรื่องธรรพ์กับแขไขแล้ว

ณไตรพาตัวเองมายืนอยู่ตรงหน้าคนงานปางทุกคนที่ต่างมีสีหน้าข้องใจ
“ทำไมเนื้อนางต้องคอยเลี้ยงลูกคุณแขไขด้วยล่ะ” ประกายถามคนแรก
“เนื้อนางเค้าอยากเลี้ยง ตาหนูก็ติดเนื้อนางแจ”
“ให้เนื้อนางกลับมาที่นี่บ้าง บ้านหิมวัตคงไม่ใช้เนื้อนางเลี้ยงเด็กทั้งวัน” แสงคำว่า
“นายไม่เคยมีลูก นายไม่รู้หรอกว่าความสุขของการมีลูกมันเป็นยังไง”
“พ่อเลี้ยงก็ไม่มีลูก...ถึงมีก็ไม่ได้เลี้ยง” แสงยำเย้ย
“ไอ้แสงคำ”
ม่อนดอยรีบเข้ามาขวางแสงคำ
“เอ็งจะพูดทำไมวะ เดี๋ยวพ่อเลี้ยงเค้าพาเนื้อนางกลับมาเองแหละ”
แสงคำมองณไตรเคืองๆ แล้วเดินออกไป ประกายหันไปทางณไตรยิ้มหวานประจบ
“จริงๆ ประกายก็เคยมีหลานนะ พ่อเลี้ยง หลานกี่คนๆน่ะติดประกายแจเลย”
ณไตรยิ้มขำประกายที่เสนอตัวได้ทุกโอกาส ม่อนดอยรีบกระแซะมาทางประกาย
“มีหลาน แล้วไม่อยากมีลูกเป็นของตัวเองบ้างเหรอจ๊ะ ประกายคนงาม”
“อยากมี แต่ไม่ใช่กับแก”
ประกายดันหน้าม่อนดอยออกห่างอย่างแรง ณไตรมองประกายกับม่อนดอยแล้วยิ้มขำ
“ม่อนดอยเป็นคนดีนะ ประกาย ซื่อสัตย์ ขยัน ถ้าประกายรักม่อนดอย ฉันจะจัดงานกินแขกให้”
ม่อนดอยร้อง “เย้”
ประกายค้อนควักหงุดหงิดฉุนเฉียว “แกเย้ทำไม ฉันบอกหรือยังว่าจะแต่งกับแก”
“เย้ ล่วงหน้า เผื่อจะได้แต่งจริงๆ” ม่อนดอยยิ้มแป้นแล้น
“จีบกันไปก่อนแล้วกัน ฉันกลับไปหาเมียละ”
ณไตรเดินออกไป ม่อนดอยทำตาหวานใส่ประกาย ประกายเบะปาก สะบัดหน้าใส่หนี

แสงคำหน้าเครียด ห่วงเนื้อนางไม่คลาย

ในขณะที่ธรรพ์กำลังถือดอกอัญชันจากในสวนใส่ตะกร้าเล็กๆ จะขึ้นไปบนบ้าน วันดีเดินสวนลงมา

“เก็บดอกอัญชันไปทำไมเจ้า”
ธรรพ์ยิ้ม “ก็เค้าต้องใช้ทาคิ้วเด็กไม่ใช่เหรอ ฉันจะเอาไปทาคิ้วตาหนู”
“คุณธรรพ์รักคุณหนูมากนะเจ้า” วันดีแกล้งแหย่ เน้นคำตอนท้าย “... รักมาก”
ธรรพ์ได้ยินน้ำเสียงก็ฉุนทันที
“ฉันรักหลานฉัน ฉันจะทำอะไรให้หลาน มันผิดตรงไหน”
“ไม่ผิดหรอกเจ้า ถ้าไม่มีคนคอยจับผิดคุณธรรพ์”
ธรรพ์หันขวับ “ใคร”
“วันดีแค่เห็น...”
วันดีเว้นคำ ทำเป็นไม่พูด ธรรพ์กัดฟันพูด ข่มความกลัวในใจ
“ฉันรักหลาน เอ็นดูหลาน ใครจะปากมาก คิดอกุศล ก็ช่างหัวมัน”
“วันดีแค่ห่วงคุณธรรพ์ ไม่อยากให้คนนอกมาทำให้บ้านเราลุกเป็นไฟอีก”
“ป้าหมายถึงใคร...คนนอก...เนื้อนางน่ะเหรอ”
“วันดีเพิ่งเห็นเนื้อนางคอยแอบมอง แอบจับผิดคนในบ้าน ตอนพ่อเลี้ยงไม่อยู่ แล้วก็ถามวันดีด้วยว่า คุณธรรพ์กับคุณแขไข ความสัมพันธ์ลึกซึ้งขนาดไหน”
วันดีแกล้งทำเดินออกไปก่อน
ธรรพ์วางตะกร้าอัญชัน มองขึ้นไปบนบ้าน ก้าวเร็วรี่ออกไปทันที

เย็นลง เนื้อนางนั่งสอยเสื้อเด็กตัวเล็กๆ อยากจะให้ตาหนู แต่ใจลอย คิดทวนหวนย้อนไปถึงภาพที่เห็น ธรรพ์จูบแขไข
เสียงธรรพ์ดังขึ้น “เย็บเสื้อให้ตาหนูอยู่เหรอ”
เนื้อนางได้ยินเสียงธรรพ์ก็ตกใจ เข็มทิ่มมือ
“อุ๊ย”
ธรรพ์เห็นก็รีบเข้ามาใกล้
“ขอโทษ ฉันทำเธอตกใจ ไหนดูมือสิ เลือดออกนี่”
ธรรพ์ดึงมือเนื้อนางมาดู สายตามองจ้องเนื้อนาง
“ทำไมขวัญอ่อนนัก”
“ปล่อยมือฉันเถอะคุณธรรพ์”
ธรรพ์ยังจับมือเนื้อนางอยู่ พร้อมกับจ้องหน้า
“เธอนี่ดีนะ ไม่รังเกียจตาหนูทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นลูกพี่ณไตรกับแขไข”
“ไม่ว่าคุณหนูจะเป็นลูกใคร...เนื้อนางก็รักคุณหนูที่สุด รักที่ไม่มีข้อแม้ รักเท่ากับที่พ่อแม่คนหนึ่งจะรักลูกได้ คุณธรรพ์ก็คิดแบบเนื้อนางใช่มั้ยจ๊ะ”
เนื้อนางจ้องตาธรรพ์ตอบ ธรรพ์เริ่มเอะใจสายตาที่เนื้อนางมอง

ณไตรก้าวเข้ามาพอดี มองเห็นธรรพ์จับมือเนื้อนางก็นิ่วหน้า สองคนหันไปเห็นณไตร เนื้อนางรีบดึงมือออกจากธรรพ์ ก้าวออกห่าง ณไตรเดินมาใกล้
“ดูสิครับ เนื้อนางรักตาหนูมาก ถึงขนาดนั่งเย็บเสื้อให้”
ณไตรมองไปที่เสื้อ แล้วหันกลับมามองเนื้อนาง
“งานที่ปางเรียบร้อย ไม่มีอะไร ฉันเลยรีบกลับบ้าน ตาหนูเป็นยังไงบ้าง”
“พอมีเนื้อนางเป็นแม่นม ก็เลี้ยงง่าย ไม่งอแงเลยครับ” ธรรพ์หันไปยิ้มกับเนื้อนาง “ต้องขอบคุณเนื้อนาง ที่ยอมเสียสละความสุข ดูแลตาหนู”
ธรรพ์ยิ้มกับเนื้อนางแล้วหันหลังเดินออกไป เนื้อนางสีหน้าอึดอัด เดินไปเก็บเสื้อ
ณไตรมองเนื้อนางอย่างจับสังเกต

เนื้อนางกังวลเรื่องธรรพ์กับแขไข ภาพที่เห็นธรรพ์จูบแขไขผุดขึ้นมาหลอกหลอนอีก พอเนื้อนางหันมา ณไตรเดินเข้ามาโอบกอดเนื้อนางไว้
“พักนี้คุณดูใจลอย เหมือนมีเรื่องไม่สบายใจ แขไขทำอะไรคุณหรือเปล่า เนื้อนาง”
“คุณแขไขเธอมีเพื่อนที่นี่บ้างมั้ยจ๊ะ นอกจากคุณธรรพ์”
“เท่าที่ผมเห็น ก็ไม่มี ที่นี่ไม่หรูหราฟูฟ่าเหมือนสังคมพระนคร แขไขมาทนอยู่กลางป่ากลางเขาได้นานขนาดนี้ ผมก็คิดว่าเค้าเก่งนะ”
“ถ้าไม่มีลูก คุณแขเธอจะไปจากที่นี่มั้ยจ๊ะ”
“ผมยืนยันกับเค้าไปแล้ว ตลอดชีวิตนี้ผมจะมีเมียคนเดียว คือคุณ”
ณไตรมองเนื้อนางแล้วจูบที่หน้าผาก
“เนื้อนาง ผมต้องลงไปพระนคร เรื่องที่หลวงไม่ให้ต่อสัมปทานไม้ผมอาจจะต้องไปหลายวัน คุณอยากกลับไปอยู่ที่ปางมั้ย”
“แล้วคุณหนูละจ๊ะ คุณหนูจะกินนมที่ไหน”
ณไตรถอนใจ กอดเนื้อนางไว้แน่น
“ถ้าตาหนูเป็นลูกของเราก็ดีสินะ คุณคงมีความสุขมากกว่านี้ที่ได้กอดลูกของเรา”
“ไม่ว่าคุณหนูจะเป็นลูกใคร เนื้อนางก็รักคุณหนู รักสุดหัวใจ”
ณไตรรู้สึกเหมือนมีคนจ้อง หันไปมองไม่เห็นใคร ก็เดินประคองเนื้อนางเข้าไปในห้องนอน
วันดีหลบมองณไตรกับเนื้อนางอยู่ในมุมลับตา

ตกตอนกลางคืน ในมุมลับตาคน บุญลือหลบเข้ามาอย่างเงียบเชียบ ตรงเข้ามายืนใกล้ วันดีที่ยืนรออยู่แล้ว สายตาวันดีดูออกว่ามีแผนการร้าย บุญลือมองพี่สาว พร้อมรอรับคำสั่ง

สีหน้าของวันดี ดูเหี้ยมเกรียม ดวงตาเป็นประกายวาววับในความมืด พร้อมจะทำลายทุกคน

เช้าวันนี้ ณไตรในชุดเดินทาง ยืนอยู่กับเนื้อนาง คำฝายกำลังดูให้คนงานมาหยิบกระเป๋าเดินทางไปใส่ที่รถ

“ผมไม่อยากทิ้งคุณไว้ที่นี่เลย เนื้อนาง อยากพาคุณไปด้วย ไปเที่ยวพระนครกัน”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ให้คุณหนูโตกว่านี้อีกหน่อย เนื้อนางค่อยไปก็ได้”
ธรรพ์เดินมา พอณไตรเห็นธรรพ์ก็โอบเนื้อนางไว้ใกล้ตัว
“ไปหลายวันเลยหรือครับ พี่”
“น่าจะหลายวัน นายก็รู้ ติดต่อกับหลวง ไม่เสร็จง่ายๆ”
“เดินทางปลอดภัยครับ พี่”
ณไตรมองเนื้อนาง แล้วมองธรรพ์อีกที
“ถ้าตาหนูไม่งอแง แล้วก็กินนมแขไขได้ ฉันอยากให้นายสั่งคนงานพาเนื้อนางกับคำฝายไปส่งที่ปาง พวกเค้าคิดถึงบ้าน”
“ได้ครับ”
คำฝายยิ้มแก้มแทบฉีกดีใจเป็นที่สุด
“รีบไปรีบมานะพ่อเลี้ยง เนื้อนางคิดถึง”
เนื้อนางมองค้อนคำฝาย ณไตรมองเนื้อนาง กอดเมียรักไว้แนบอก รู้สึกไม่อยากห่างไปไหน เนื้อนางมองณไตร
“ไปเถอะ ออกสายกว่านี้ เดี๋ยวจะมืดค่ำกลางทาง เนื้อนางเป็นห่วงนะจ๊ะ”
ณไตรจำต้องยอมปล่อยเนื้อนาง ด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ พอณไตรเดินไปทางที่รถจอด ธรรพ์เดินกลับเข้าบ้าน เนื้อนางมองส่งณไตร คำฝายโบกมือหยอยๆ

ด้านศรีวัลลากำลังอุ้มทารกเดินเล่น มีจันตาคอยเดินใกล้ แขไขเดินเร็วรี่เข้ามาอย่างขุ่นเคือง
“พี่ณไตรไปพระนคร ทำไมไม่บอกแข”
“ไม่ทันแล้วเจ้า ป่านนี้ไปไกลแล้ว”
“ก็คงอยากให้เธออยู่เลี้ยงลูกน่ะสิ”
แม่นายส่งหลานให้ จันตารีบรับไปอุ้ม
“ก็ตาหนูมีแม่นมอยู่แล้ว”
“ถึงมีแม่นม เธอก็ต้องทำทุกอย่างให้ลูกกินนมจากเธอให้ได้ แค่ที่ฉันยอมให้เลือดนังเนื้อนางมันมาอยู่ในตัวหลานฉัน ฉันก็รังเกียจเต็มที่แล้ว”
ศรีวัลลารำคาญจะเดินออกไป แขไขทนไม่ไหว พูดขึ้นทันที
“แม่นายก็ห่วงแต่หลาน”
แม่นายหยุดหันมามองแขไขด้วยสายตาดุ
“ใช่ เพราะถ้าฉันไม่ห่วงหลาน ฉันคงให้เธอออกจากบ้านนี้ไปนานแล้ว”
“แม่นายเคยสัญญาว่าจะให้แขได้แต่งงานกับพี่ไตร ลูกชายคนเดียว ทำไมแม่นายบังคับไม่ได้”
“เธอไม่ต้องมาสอนว่าฉันควรทำยังไง แค่ต้องมีสะใภ้ท้องก่อนแต่งอย่างเธอ ฉันก็หวานอมขมกลืน จนจะไม่อยากมองหน้าใคร”
แขไขหน้าเสีย ส่วนจันตาตกใจที่แขไขกล้าเถียงแม่นายจนโดนแม่นายโกรธ
“จะเรียกร้องอะไรก็ให้มองดูความผิดของตัวเองก่อน ชื่อเสียงเธอมันไม่สวยงามสูงส่งเหมือนก่อนแล้ว สงบปากสงบคำซะบ้าง ตั้งหน้าตั้งตาดูแลหลานฉันให้ดี”
ศรีวัลลาเดินออกไป แขไขตวัดสายตามองจันตาเขม็ง จันตากอดทารกน้อยไว้ กลัวแขไขจะอาละวาด
แขไขทั้งโกรธทั้งแค้น ที่ทุกอย่างตาลปัตรไม่เป็นไปตามที่หวัง

ธรรพ์ยืนอยู่ตรงระเบีย ทอดสายตามองไปไกล วันดีถือถาดมีแก้วชามาเสิร์ฟให้
“ป้าเห็นคุณธรรพ์เหนื่อยๆ เลี้ยงคุณหนู เลยเอาชามาให้เจ้า”
“ไม่เหนื่อยเลย ผมมีความสุข”
ธรรพ์ยิ้มรับแก้วชามาจิบ วันดียืนมองจ้องทุกอิริยาบถของธรรพ์ที่จิบชา ธรรพ์รู้รสชาแล้วหันมาพูดกับวันดี
“วันนี้ชารสชาติแปลกๆ นะ”
“ชาสมุนไพรเจ้า”
ธรรพ์หันกลับไปมองวิว แล้วจิบชาต่อ
สายตาวันดีจับจ้องธรรพ์ที่ดื่มชาด้วยสายตาพอใจ

ขณะที่คำฝายกำลังกวาดใบไม้ใบหญ้าอยู่ริมสวน วันดีเดินมาเรียก
“คำฝาย”
“จ๋า ป้า”
วันดีส่งกระดาษให้ “ไปซื้อของใช้คุณหนูให้หน่อย”
คำฝายรับกระดาษมามองรายการยาวเหยียด แล้วพยายามอ่าน
“หลายอย่างเลย ไปนานหน่อยนะป้า”
“ไปเถอะ รีบไปรีบมาล่ะ”
คำฝายเดินออกไป วันดีเปลี่ยนจากรอยยิ้มเป็นแววตากร้าว

ห่อของในกระดาษสีน้ำตาล บุญลือส่งให้ม่อนดอย
“เอกสารสำคัญ พ่อเลี้ยงสั่งให้เอาไปส่งที่ไปรษณีย์ แกเอาไปส่ง”
“แต่นี่มันบ่ายแล้วนะ กว่าจะถึงในเวียง มันจะค่ำ ไปรษณีย์เค้าจะปิดหรือเปล่า”
“แกมีหน้าที่เอาไปส่ง ฉันไม่สนใจว่าแกจะทำยังไง หรือแกจะทำหรือไม่ทำ ฉันจะได้รายงานพ่อเลี้ยง”
ถูกบุญลือขู่ ม่อนดอยดึงห่อของออกจากมือมองบุญลืออย่างไม่ถูกชะตา
“ส่วนแก เอารายงานนี่ไปส่งให้ป่าไม้จังหวัด แล้วรอรับบัญชีกล้าไม้ล็อตใหม่มาด้วย”
แสงคำรับซองรายงานจ้องหน้าบุญลือ
“ตกลงผู้จัดการมีหน้าที่ทำอะไรมั่งวะ”
“เป็นนายแกไง”
บุญลือจ้องทั้งสองคนอย่างไม่กลัวสายตา

ม่อนดอยกับแสงคำปั่นจักรยานกันมา
“แกกับข้า ผลัดกันปั่น จะได้ถึงไวไว”
แสงคำปั่นแต่รถเซเสียหลัก ไถลเกือบชนต้นไม้ ม่อนดอยกระเด้งพุ่งออกจากรถแทบไม่ทัน แสงคำลากรถหยุด แล้วออกมายืนมองกับม่อนดอย
“ยางมันแบนนี่หว่า แบนได้ยังไงวะ ข้าก็เพิ่งเปลี่ยน”
“กลับปาง ไปเปลี่ยนยางก่อนดีกว่า”
“กลับไป ไอ้บุญลือ มันจะได้แยกเขี้ยวใส่ ลงไปอีกหน่อย มีร้านปะยาง”
แสงคำจูงจักรยาน ม่อนดอยก้าวยาวๆ กอดห่อของไว้ในอก
“ไป รีบไป”
ม่อนดอย แสงคำก้าวยาวๆ ไปอย่างเร่งรีบ

ส่วนที่บ้านหิมวัต ขณะที่เนื้อนางกำลังจะเดินไปทางห้องแขไข วันดีทำเป็นเดินตบอก หน้าตาตื่นกลัวเข้ามา
“ตายแล้ว คุณพระคุณเจ้า”
“มีอะไรหรือจ๊ะ ป้า”
“น่ากลัวเหลือเกินเจ้า เมื่อกี้บุญลือให้คนมาบอกว่ามีควาญถูกช้างเหยียบ”
“ควาญ...ควาญคนไหน”
“ป้าจำไม่ได้...ชื่อ...แสง...แสงอะไรนะ” วันดีทำเป็นนึกไม่ออก
เนื้อนางโพล่งขึ้น “แสงคำหรือเปล่า”
“ใช่ๆ ชื่อแสงคำ อาการหนัก เป็นตายเท่ากัน”
เนื้อนางตกใจ “อ้ายแสงคำ ป้า...ฉันต้องไปที่ปาง”
“ไม่มีรถอยู่เลยนะเจ้า ออกไปซื้อของ กว่าจะกลับก็ค่ำ”
“แต่ฉันต้องไปให้ได้”
“มีแต่รถชาวบ้าน ต้องเหมาไป”
“ป้าเรียกให้ฉันหน่อย เรียกเดี๋ยวนี้เลย กี่บาทฉันก็ให้ บอกเค้าให้รีบพาฉันไปที่ปาง”
เนื้อนางยืนนั่งไม่ติด วันดีทำเป็นรีบหันหลังเดินออกไป ผุดรอยยิ้มเหี้ยมเต็มหน้า

ฝ่ายประกายตาโตมองเงินสิบบาทที่บุญลือส่งให้ตามแผน
“ให้ฉันจริงๆ เหรอ”
บุญลือทำส่งเงินให้ประกายที่ แตะมือประกายแล้วลากออกช้าๆ อย่างจงใจ
“เผื่อประกายอยากจะออกไปเที่ยว เห็นเค้าว่าวันนี้ที่วัดในอำเภอมีหนังขายยา”
“มีหนังมาฉายเหรอ”
“มีรำวงด้วย”
ประกายยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เก็บเงินเข้าในอกเสื้อ
“งั้นวันนี้ฉันขอกลับดึกๆ เลยนะ จะไปดูหนัง ดูรำวง”
ประกายหันหลัง ชะม้ายตาให้บุญลือแล้วรีบเดินออกไป บุญลือยิ้มมองตามยิ้มร้ายออกมา

ขณะนั้นบนรถบรรทุกเก่าๆ เนื้อนางนั่งมากับคนขับชาวบ้านที่เป็นลุงแก่ๆ เนื้อนางร้อนใจหันไปบอกกับลุง
“รีบหน่อยได้มั้ยจ๊ะ ลุง”

ลุงพยักหน้า พยายามเร่งเครื่อง แต่รถก็ไปได้ไม่เร็ว สีหน้าเนื้อนางร้อนรนกระวนกระวายใจมาก

ณไตรที่กำลังขับรถอยู่ ใจคิดไปถึงภาพที่เพิ่งเห็น ธรรพ์จับมือเนื้อนาง ณไตรสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่าน แต่ภาพเนื้อนางฟ้อนแง้นให้เจ้าแสนพรหมดูผุดซ้อนขึ้นมาอีก
ณไตรไม่สบายใจ ตัดสินใจหักเลี้ยวรถทันที แต่ไม่พ้น รถลื่นไถลเสียหลักเกือบตกไหล่ทาง ณไตรเบรคแรง รถหยุดกึก หัวณไตรกระแทกกระจกอย่างแรง ณไตรตั้งสติ สีหน้าหวาดเสียวที่รถเกือบตกลงข้างทาง

ตามทางเดินในปางมืดสลัว มีเพียงแสงจันทร์ส่องให้เห็นทาง เนื้อนางเดินเร็วมาถึงหน้าเรือน เจอแขไขก้าวออกมาขวางหน้า
“คุณแขไข”
“แกกล้าดียังไง ถึงมาขู่ฉัน”
แขไขไม่รอฟังคำตอบ ตบเข้าหน้าฉาดใหญ่ ร่างเนื้อนางกระเด็น
“ฉันไปขู่อะไรคุณ”
“แกส่งจดหมายนัดฉันมาที่นี่”
เนื้อนางตกใจ “ฉันไม่รู้เรื่อง จดหมายอะไร”

คำพูดนั้นกระแทกเข้าหน้าแขไขจังๆ จนย้อนคิดถึงเหตุการณ์ที่นำหล่อนมายังปางนี้

โดยในตอนนั้นวันดีเอากระดาษแผ่นเล็กๆ มายื่นให้แขไขในสวน

“คุณเนื้อนางฝากมาให้เจ้า”
วันดีทำเป็นถอยออกไป แขไขเปิดอ่าน “ฉันรู้ว่าใครเป็นพ่อคุณหนู” แขไขใจหายวับ “ถ้าอยากให้ฉันปิดปาก ไปเจอที่ปาง”
แขไขฉีกกระดาษทิ้งด้วยความโกรธ
“แกกล้าขู่ฉันเหรอ นังเนื้อนาง”
แขไขปาเศษกระดาษปลิวหายไปในอากาศ แล้วเดินเร็วรี่ออกไปทันที
วันดีหลบมองอยู่ ยิ้มสมใจกับแผนร้าย

เนื้อนางมองจ้องแขไข พยายามอธิบายให้แขไขฟัง
“ฉันมาหาอ้ายแสงคำ อ้ายแสงคำถูกช้างเหยียบ”
แขไขตกใจ “แกไม่ได้นัดฉันเพราะรู้ว่าใครเป็นพ่อตาหนู”
“ฉันไม่ได้นัดคุณเพราะเรื่องนั้น ยังไง ฉันก็สัญญากับตัวเองแล้วว่าจะไม่พูด”
แขไขชะงัก “แสดงว่าแกรู้”
“คุณแขไข คุณให้พ่อเลี้ยงณไตรเป็นพ่อของเด็กได้ยังไง คุณธรรพ์ต่างหากที่เป็นพ่อของคุณหนู คุณธรรพ์คือสามีของคุณ”
แขไขตวาด “หยุด หยุดพูด มันข่มขืนฉัน ไอ้ธรรพ์มันข่มขืนฉัน”
“แล้วทำไมคุณไม่ให้คุณธรรพ์รับผิดชอบลูกในท้องคุณ ให้คุณหนูได้อยู่กับพ่อที่แท้จริง”
“เพราะฉันเกลียดแก ฉันต้องชนะแก แกไม่มีวันได้พี่ณไตรของชั้น”
“คุณเห็นแก่ตัวเหลือเกินคุณแขไข แค่ผู้ชายคนเดียว คุณถึงกับปิดบังความจริง พรากพ่อพรากลูก ฉันจะไม่พูดเรื่องนี้ ถ้าคุณสัญญาว่าต่อไปคุณจะดูแลคุณหนูให้ดีที่สุด”
“อย่ามาตีหน้าเป็นคนดี แกเอาพี่ณไตร พ่อของลูกชั้นไป แล้วชั้นจะเลี้ยงลูกให้ดีได้ยังไง”
“คุณแขไข ตอนนี้ลูกคือคนสำคัญที่สุดในชีวิต คุณได้อยู่กับลูกทั้งๆ ที่ฉันอยากทำอย่างคุณใจจะขาด แต่ฉันไม่มีโอกาส... สัญญาสิ คุณแขไข ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น คุณต้องรัก ต้องดูแลคุณหนูให้ดีที่สุด”
แขไขนิ่งมองเนื้อนางเกลียดชัง เนื้อนางเห็นสีหน้าดื้อดึงของแขไขแล้วตัดสินใจพูดขึ้น
“ถ้าคุณไม่สัญญา ฉันก็จะพูดความจริงว่าคุณธรรพ์คือพ่อที่แท้จริงของคุณหนูพ่อเลี้ยงณไตร สามีฉันจะได้พ้นมลทิน”
ทันทีเนื้อนางพูดจบ มีไม้ฟาดลงมาตรงท้ายทอยอย่างแรงเนื้อนางสลบลงไปกับพื้นทันที แขไขหันขวับไปมอง สีหน้าตกตะลึง เห็นวันดีก้าวออกมาจากความมืด มีบุญลือถือไม้ในมือเป็นคนตีเนื้อนาง

ส่วนในเวียง ม่อนดอย กับแสงคำเดินกันมาอย่างกะปลกกะเปลี้ย ม่อนดอยมีห่อของอยู่ในมือ
“ส่งของไม่ทันจนได้ กลับไปไอ้บุญลือต้องโวยวาย ขู่ฟ่อๆ อีก”

อีกด้านคำฝายเดินหอบของมาสูงเป็นตั้ง ชนเข้ากับม่อนดอย ต่างคนต่างเซ พอตั้งหลักได้ ต่างฝ่ายต่างมองกัน
“ไอ้ม่อนดอย แกมาทำอะไรในเมือง”
“แล้วแกล่ะ ทำไมไม่อยู่เป็นเพื่อนเนื้อนาง”
“เนื้อนางอยู่ที่บ้าน เลี้ยงลูกคุณแขไข พ่อเลี้ยงเค้าไปพระนคร”
แสงคำฉุกคิด “แสดงว่าตอนนี้ ไม่มีใครอยู่กับเนื้อนาง”
คำฝาย ม่อนดอยมองหน้ากัน
คำฝายร้องวี้ดออกมา “เนื้อนางอยู่คนเดียว ว้าย ฉันต้องรีบกลับแล้ว”
สามคนมีสีหน้าตกใจทั้งแถบ

เนื้อนางนอนสลบอยู่ที่พื้นหน้าเรือน แขไขมองไปที่เนื้อนาง แล้วมองวันดีกับบุญลืออย่างตกตะลึง
“แก วันดี แกมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง บุญลือแกตีเนื้อนางมันทำไม”
“ไม่ดีใจเหรอที่พวกฉันช่วยกำจัดศัตรูให้”
แขไขตกใจ “นี่แสดงว่าแก...แกเองเป็นคนหลอกฉันกับเนื้อนางมาที่นี่ แม่นายสั่งแกใช่มั้ย แม่นายรู้เรื่องฉันกับไอ้ธรรพ์แล้วใช่มั้ย”
“แม่นายยังไม่รู้อะไร และมันก็จะไม่ได้รู้ความจริงอะไรทั้งนั้น เพราะคุณธรรพ์ต้องเป็นคนเดียวที่ได้ทุกอย่าง คุณธรรพ์ต้องเป็นทายาทคนเดียวของหิมวัต”
วันดีจ้องหน้าสืบเท้าเดินเข้ามาใกล้ แขไขเริ่มถอยหนี
“แล้วคนที่ต้องตายต่อจากนังเนื้อนาง ก็คือแก นังแขไข แกเป็นตัวมารทำลายชีวิตคุณธรรพ์ แกหลอกให้คุณธรรพ์รัก ให้คุณธรรพ์หลงแก แล้วแกก็ไม่ไยดีความรักของคุณธรรพ์ แกมันเลวที่ยอมเป็นเมียคุณธรรพ์”
“ไอ้ธรรพ์ มันข่มขืนฉัน”
“เพราะแกมันเป็นผู้หญิงร่านรัก สารเลว คุณธรรพ์ถึงต้องลงโทษแก” วันดีด่า
“แกมันบ้า วันดี แกมันบ้าไปแล้ว”
“ฉันไม่บ้าหรอก เพราะฉันวางแผนมาอย่างดี ให้ดูเหมือนนังเมียสองคนของพ่อเลี้ยงณไตร มันอิจฉาจนฆ่ากันเอง”
แขไขจะวิ่งหนี แต่บุญลือพุ่งเอาเชือกในมือรัดคอแขไข แขไขดิ้นเฮือก
“พวกแกจะได้ตายไปเจอกัน กัดกันในนรกอีก ไม่เหลือใครจะทำลายคุณธรรพ์ ของชั้น”
แขไขล้มลง บุญลือพุ่งเข้าจะบีบคอ แขไขคว้ารองเท้าส้นสูงที่หลุดออกจากเท้า ทิ่มลงบนมือบุญลือ ที่ยกขึ้นบังหน้า
“อ๊ากก...”
บุญลือร้องด้วยความเจ็บปวด ผงะถอย แขไขหันหลัง วิ่งเท้าเปล่าหนีออกไปทันที
“จับมันให้ได้ บุญลือ จับแล้วก็ฆ่ามัน”
บุญลือวิ่งออกไปทันที วันดีหันกลับมามองที่ร่างเนื้อนาง

แขไขวิ่งเท้าเปล่า หนีสุดชีวิต บุญลือวิ่งไล่จี้มาทางด้านหลัง
“ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย มีคนจะฆ่าฉัน ช่วยฉันด้วย”
แขไขวิ่งเตลิดหลงทิศหลงทางเพราะความมืด บุญลือรีบตามไปติดๆ

ส่วนวันดีมองร่างเนื้อนางที่สลบบนพื้น
“ขอโทษที่ต้องทำอย่างนี้กับเธอนะ เนื้อนาง ที่จริงเธอก็เป็นคนดี แต่ช่วยไม่ได้จริงๆ ใครหน้าไหนที่จะทำให้คุณธรรพ์เดือดร้อน ฉันจะไม่เก็บมันไว้”
วันดีจ้องเนื้อนางด้วยสายตาอำมหิตผิดมนุษย์

แขไขวิ่งหนีมาในป่าด้วยความกลัว ด้านหลังมีบุญลือไล่ตามติดๆ แขไขเท้าเปล่าโดนตอไม้ตำขา ล้มลงร้องลั่น
“โอ๊ย”
บุญลือพุ่งเข้าจับ แขไขยังดิ้น บุญลือตบอย่างแรงหลายฉาด
“นังสารเลว วันนี้แกต้องตาย”
“แก...แกร่วมมือกับวันดี”
“ใช่ จะบอกให้หายโง่ก่อนตาย ฉันเป็นน้องชายพี่วันดี แล้วฉันก็จะทำทุกอย่างเพื่อคุณธรรพ์”
“บุญลือ ฉันเป็นเมียคุณธรรพ์ แกไว้ชีวิตฉันเถอะนะ แกอยากได้เงินเท่าไหร่ ฉันจะให้แก”
แขไขพยายามอ้อนวอน ขอชีวิต
“ฉันไม่อยากได้เงิน ฉันอยากได้ชีวิตแก”
บุญลือบีบเค้นคอแขไขสุดแรง แขไขดิ้นสู้บุญลือจับหัวแขไขกระแทกพื้นเต็มแรง แขไขร้องได้คำเดียวก็สลบแน่นิ่งไป บุญลือมองเห็นเลือดไหลจากด้านหลังศรีษะแขไขหยดลงบนพื้น

รถณไตรเข้ามาจอดในบ้านหิมวัต ณไตรลงจากรถมาอย่างเร็ว
“เนื้อนาง เนื้อนาง”
ณไตรเดินเข้าไปในบ้านด้วยความร้อนใจ

บุญลือลากร่างแขไขมาที่ปากเหว ส่องไฟฉายลงไปมองเห็นก้นเหวลึกน่ากลัว บุญลือยิ้มเหี้ยม ลากร่างแขไขมาแล้วถีบร่างแขไขตกลงไป ร่างแขไขกลิ้งลงไปในเหวนั้นยากที่จะรอดชีวิต นอกจากมีปาฏิหาริย์
บุญลือยิ้มเหี้ยมยืนมองด้วยแววตาสาสมใจ

ณไตรเดินเร็วรี่ขึ้นมาบนเรือน เจอกับคำฝายที่เดินตามหาจากอีกทาง
“เนื้อนางล่ะ”
“ไม่เห็นเลย พ่อเลี้ยง”
ณไตรดุ “เนื้อนางหายไปไหน แล้วทำไมไม่อยู่กับเนื้อนาง”
“ใจเย็นๆ พ่อเลี้ยง ฉันไปซื้อของใช้คุณหนูมา”
“แล้วธรรพ์ล่ะ”
“ไม่เห็นเหมือนกัน”
ณไตรสีหน้ากังวลนิดเดียว คำฝายพูดขึ้น
“ถ้าที่บ้านไม่มี ก็มีที่เดียวที่เนื้อนางจะไป”
“ปางหิมวัต”
ณไตรหันหลังเดินออกไปโดยเร็ว คำฝายวิ่งตามไปด้วย

อีกฟาก ร่างเนื้อนางที่นอนสลบอยู่บนพื้นหน้าเรือน ถูกบุญลือแบกขึ้นบ่า วันดีมองแล้วเดินนำขึ้นไปบนเรือน บุญลือแบกร่างเนื้อนางขึ้นเรือนตามไปทันที

รถณไตรขับรถเร็วราวกับจะบิน คำฝายนั่งข้างมองทางใจคอไม่ดี เพราะเป็นห่วงเนื้อนาง

วันดีกับบุญลือลงจากเรือนเนื้อนางท่าทางเร่งรีบ
“รีบพาพี่กลับไปบ้านหิมวัต ก่อนจะมีคนสงสัย”
วันดีสั่งแล้วเดินนำ บุญลือตามไปติดๆ

เช้ามืดแสงคำปั่นจักรยานกลับจากในเมืองมาถึงทางเข้าปาง มีม่อนดอยซ้อนท้าย รถณไตรวิ่งมาด้านหลัง มองเห็นแสงคำกับม่อนดอย แสงคำชะลอจักรยานหันมามองณไตรบนรถ
“พ่อเลี้ยงมาทำไมแต่เช้ามืด คำฝายด้วย” ม่อนดอยร้องถาม
แสงคำมองหาเนื้อนาง “แล้วเนื้อนาง...”
“ตามมา... เร็วๆ”
ณไตรตะโกนบอกแล้วพุ่งรถออกไปเร็ว แสงคำเร่งปั่นให้เร็วขึ้นอีกด้วยความเป็นห่วงเนื้อนาง

ณไตรวิ่งนำมา คำฝาย ม่อนดอย แสงคำวิ่งตามหลัง จนมาถึงที่หน้าเรือนเนื้อนาง ณไตรที่ใจร้อนกว่า มองปราดเดียว เห็นประตูที่แง้มอยู่ ก็พูดขึ้น
“เนื้อนางอยู่ที่นี่”
ณไตรยิ้มเบาใจก้าวพรวดๆ ขึ้นเรือนไปทันที คำฝาย ม่อนดอย แสงคำยังยืนหอบมองขึ้นไปในเรือนอย่างโล่งใจ
พอณไตรก้าวเข้ามามองในเรือนก็ต้องตกตะลึง ด้วยบนที่นอนในแสงยามเช้า มีร่างธรรพ์ที่ถอดเสื้อนอนเบียดชิดอยู่ข้างกายเนื้อนางที่มีแค่ผ้าห่มปิดเนินอกสล้างของเนื้อนาง แขนเนื้อนางโอบกอดธรรพ์ที่หลับสนิท ข้างที่นอนเสื้อผ้าของสองคนถูกถอดวางไว้

ณไตรยืนตัวชา ช็อกกับภาพเมียรักและน้องชายที่นอนหลับกอดก่ายกันอยู่ชวนให้คิดไปถึงไหนต่อไหน

อ่านต่อตอนที่ 11
กำลังโหลดความคิดเห็น