มาลีเริงระบำ ตอนที่ 10
บนเวทีกฐินคึกคัก เด็กนักเรียนเพิ่งโชว์ไปหนึ่งชุด ซีโร่และหนูมาลี ร้องเพลงรักคู่กัน
ที่โต๊ะจีนของโรส ทองทานั่งอยู่ด้วย แต่ไม่ได้ขึ้นแสดง กำลังเซ็นชื่อให้ พร้อมถ่ายรูปกับกลุ่มวัยรุ่นที่รู้จักทองทา
ทองทาถ่ายเสร็จ เขามองซีโร่กับ มาลีบนเวที บอกโรสกับบอย สีหน้าอย่างเซ็ง
"หวานเชื่อมเชียว เตือนก็ยังไม่ฟัง เฮ้อ"
เพลงท่อนสุดท้ายยังไม่ทันจบ จู่ๆ ไอ้แดงก็เดินถือม้วนกระดาษกลมๆ เมาแอ๋ขึ้นเวที แล้วใช้ไมค์อีกอันที่ตั้งอยู่ประกาศ
"ฮัลโหลๆ ไอ้เรืองยศ มึงเป็นตุ๊ด !"
เพลงหยุด ซีโร่กับหมาลีงง
"นี่ พี่น้องดูนี่ "
แดงคลี่กระดาษโปสเตอร์ รูปของโรสตอนเป็นนางโชว์คาบาเรต์ที่สีซีด มีอายุประมาณ 7-8 ปีที่แล้วออกมาให้ทุกคนดู เป็นโปสเตอร์ขนาดใหญ่ที่เพื่อนชื่อตุ้ยเอามาตั้งแต่เจอกันครั้งนั้น
"ไอ้เรืองยศของเราสวยไหม กูเอามาจากบ้านไอ้ตุ้ย นี่ดูกันซะ มันเคยเป็นนางโชว์ อยู่พัทยา มันเป็นกระเทย มันเป็นตุ๊ด"
ซีโร่กับมาลี เชื้อ หงส์ และโรสที่โต๊ะจีนงงกันหมด ช็อก !
ครูสวยที่อยู่โต๊ะหน้ารีบบอกเจ้าหน้าที่
"คนเมา...ให้ขึ้นไปทำไม เอาตัวลงมาสิ"
ทุกคนยังงงๆกันอยู่
แดงเอาโปสเตอร์ไปยัดใส่มือซีโร่และหนูมาลีที่ยังอยู่บนเวที
"ดูเลยดูนี่ ๆ " ซีโร่รับโปสเตอร์มาดู "ไม่เชื่อถามลูกสาวมัน พ่อมันเป็นตุ๊ด นั่น ๆ ที่
หล่อๆ นั่งกับมันนั่น ก็ผัวมัน" แดงชี้มาที่โต๊ะจีนของโรส "นั่นอีก ข้างๆ นั่นก็กระเทยชัดๆ หรือนี่เมียมันวะ"
แคที่ตบโต๊ะโวยลั่น ราวแม่ค้าปากตลาด "เออ สามคนผัวเมียแล้วมันหนักอะไรแกไหม" แคที่สะดุ้งรีบเก็บกริยา พร่ำบ่นเตือนตัวเอง " ละทางโลก เข้าหาทางธรรม สาธุๆ"
บอยหน้าเสีย ทุกคนมองมาที่โรส บอยและแคที่
เชื้อกับหงส์มองหน้าโรส โรสหน้าซีด
"นังหนู แกเรียกเขาว่า พ่อหรือแม่วะ ครอบครัวอะไรก็ไม่รู้ งงฉิบหาย ฮ่าฮ่าฮ่า"
มาลีอายมาก มองไปรอบๆ แล้ว วิ่งหนีลงไปจากเวที
" หนูมาลี"
เชื้อหอบหายใจถี่และหน้าคว่ำลง ทองทาที่อยู่ข้างๆรีบรับไว้
"ปู่ ปู่ ใจเย็นครับ หายใจลึกๆช้าๆ"
"ไอ้แก่ เป็นอะไรไป" หงส์ถาม
"คงเป็นลมน่ะครับ พี่บอย ไปหาหมอ"
ทองทากับบอยช่วยกันประคองปู่เชื้อออกไป หงส์กับโรสยังยืนงงๆ
น้อยวิ่งขึ้นมาบนเวทีลากแดงลงมา
"ไอ้แดง มึงบ้าไปแล้วหรือ ลงมานี่"
น้อยกับเจ้าหน้าที่ช่วยกันลากแดงลงมาจนสำเร็จ
"กูไม่ไป กูจะแฉมัน มันต่อยกู กูจะแฉมัน"
พิธีกรรีบยึดเวทีคืน
"เอ้อ ขอเชิญพบกับการแสดงลำดับถัดไป การแสดงสีไวโอลินของคุณสินีนุช ลูกหลานบ้านเราอีกคนนะครับ "
ซีโร่รีบลงไป สินีนุช เพื่อนมาลีถือไวโอลินขึ้นมาทำการแสดงต่อทันที
น้อยลากแดงลงมาที่ข้างเวที โรสหน้าเครียดเดินพุ่งไปจะลากแดงมา น้อยกับเจ้าหน้าที่รีบขวาง
"เฮ้ย ไอ้เรือง อย่าๆ หมัดมึงหนักจะตาย มันตายไป ไม่คุ้มนะ"
คนเริ่มมามุงดู น้อยพยายามปกป้องแดงจากโรสที่กำหมัด เตรียมซัด
"เฮ้ย อย่าๆ.... กูขอ"
"ไอ้น้อย หลีกไป"
แคที่เดินมากับหงส์
แคที่หลับตาพยายามสงบ
"โกรธคือโง่ โมโห คือบ้า...." สักพักก็หลุดโวย "ชกให้มันปากแหกถึงหูเลย ! อุ๊ย โกรธคือโง่ โมโห คือบ้า"
แคที่จับปากตัวเองพยายามสงบใหม่
หงส์ดุ
"อย่าทำเขานะเรือง"
โรสตกใจ
"แม่ !"
หงส์เดินมาตรงหน้าแดง
"ไอ้แดง ชีวิตอย่างมึง กินเหล้า งานการไม่ทำ ทิ้งลูกทิ้งเมียให้ลำบาก มึงภูมิใจในความเป็นผู้ชายของมึงนักหรือ อย่าพูดถึงลูกผู้ชายเลยวะ ความเป็นคนยังไม่มี"
โรสทั้งตกใจและแปลกใจ
"แม่ !"
"ไม่เหมือนลูกกู ทำงานสุจริต ส่งเงินมาให้พ่อแม่ ให้ลูกเรียนหนังสือ เป็นคนดีมีเมตตากับคนอื่นมาตลอดชีวิต แค่นี้ผู้ชายแท้ๆอย่างมึงก็ทำไม่ได้แล้ว"
โรสตกใจ มองแม่อย่างซาบซึ้ง น้ำตาคลอออกมาทันที
แคที่จับปาก "โอ๊ย ซาบซึ้งอีกแล้ว"
"น้าพูดอย่างนี้ได้ไง ใครบอกผมทิ้งลูกทิ้งเมีย ผมไม่ได้ทิ้ง"
"ถุย ! เขารู้กันหมด ไหนใครบอกซิว่ากูพูดไม่จริง"
เพื่อนของโรสทุกคนก้มหน้า เพราะเป็นเรื่องจริง
ตุ้ยเพิ่งมาถึง ยืนดูอยู่ห่างๆ หงส์ชี้ไป ด่าเสียงดัง ตุ้ยสะดุ้ง
"นั่นไอ้ตุ้ย แกเอาโปสเตอร์ให้มันใช่ไหม อุตส่าห์เก็บไว้ กะเอามาประจานให้เพื่อนๆดู ฮึ... พอไอ้เรืองมา หายหน้าเลยนะ กลัวเจอหน้ามันไม่รู้จะทำยังไงใช่ไหมล่ะ กูตัดสินใจให้เอง เลิกคบ ! ไอ้เรือง.. อย่าไปสนใจมัน ใครจะคบก็คบ ไม่คบก็ช่างมัน ไม่ได้ขอข้าวใครกิน"
โรสก้มหน้า กลั้นน้ำตาไว้ ท่าทางเด็ดขาดของแม่ เป็นกำลังใจอย่างมาก
"โฮ้ยสะใจ ความคิดคร่ำครึ จูลัสสิกเป็นบาป เอ้อ ไม่ใช่พุทธสุภาษิตนะ กระเทยภาษิต" แคที่บอก
โรสเก็บน้ำตาที่คลอๆ ไม่ติดค้างอีก เดินไปหาแดง
"กูจะไม่ต่อยกับมึงอีกแล้ว คนอย่างมึงก็แค่อิจฉากระเทยอย่างกู ที่ได้ดีกว่ามึง ... ฮึ ฮึ" โรสทำหน้าเยาะแดงสุดๆ
โรสมองตุ้ย แล้วไม่พูด เชิดหน้า เดินไป ตุ้ยเสียใจ แดงสีหน้าแค้น น้อยและกลุ่มเพื่อนส่ายหน้า เบื่อพฤติกรรมเพื่อนคนนี้เหลือเกิน
มาลีเดินหน้าเครียดเข้ามาห้องแต่งตัว ทำใจไม่ได้ เพราะเรื่องนี้เป็นปมของมาลีมาโดยตลอด สินีนุชและเพื่อนอีกสองคนเดินเข้ามา จงใจมาเยาะเย้ย
"อยู่นี่เอง ไม่ยอมฟังฉันสีไวโอลิน ยังช็อกอยู่หรือจ๊ะ ครอบครัวเธอนี่ดีนะ มีพ่อ แล้วก็มีพ่อเลี้ยงที่อายุมากกว่าเธอนิดเดียว อยู่กันยังไงอ่ะ สามคน"
มาลีมองก๊วนเพื่อน แล้วเซ็งมาก
"ฉันไม่ได้อยากขึ้นร้องเพลงนะ ครูเขาให้ฉันขึ้นร้องเอง"
"หาว่าพวกเราอิจฉาเธอเหรอ เราไม่ได้อิจฉาสักหน่อย เชอะ ลูกตุ๊ด !"
มาลีเจ็บอยู่ในอก ยืนหน้าเสียอยู่ตรงนั้น สินีนุชเดินออกไป
สินีนุชเดินออกมา เพื่อนอีกคนเดินเข้ามาหา เอาโปสเตอร์ที่ทิ้งอยู่ข้างเวที เอามาให้สินีนุช
"ได้มาแล้ว อ่ะนี่"
"ฉันมีเพื่อนเป็นนักข่าว รับรองเขาต้องสนใจข่าวนี้แน่"
สินีนุชมองโปสเตอร์ สะใจ ให้เพื่อนช่วยถือ ตัวเองเอามือถือขึ้นถ่ายรูป โปสเตอร์นั้น
บอยกับทองทา ประคองปู่เชื้อเดินเข้ามา โรส กับหงส์ รออยู่
"หมอบอกว่าเป็นลมน่ะครับ ให้กลับมาพักที่บ้าน ดูอาการ"
"แสดงว่าไม่เป็นไรมากใช่ไหม" โรสถาม
"ไม่น่ามีอะไรมากครับพี่ เดี๋ยวไปพักข้างในก่อนครับจะได้กินข้าวกินยา"
โรสนั่งลง หงส์มองหน้าลูกชาย โรสซาบซึ้งแล้วนั่งลงกับพื้น กราบเท้าแม่
หงส์น้ำตาคลอ จับหัวลูก
"โธ่ลูกเอ๊ย คงลำบากมากสินะ"
โรสกอดแม่
"ขอบคุณนะแม่ ที่เข้าใจผม"
"ตั้งแต่เล็ก เอ็งเป็นเด็กเรียบร้อย ไม่เคยทำเรื่องเดือดร้อนให้พ่อกับแม่ เรื่อง...เกิดเป็นคนมันก็แค่นี้แหล่ะ ทำให้พ่อแม่ภาคภูมิใจ ทำให้ได้แค่นี้ ตายไปก็ไม่เสียชาติเกิดแล้ว"
โรสน้ำตาไหล กอดแม่ อย่างซาบซึ้ง แคที่น้ำตาไหลไปด้วย
" ฮือ คิดถึงหม่าม้า หม่าม้าฉันก็แบบนี้เลย ซาบซึ้งๆ เมื่อไหร่ สังคมจะได้เรียนรู้ เกย์ก็เป็นคนไม่ใช่ตัวตลก ! ไม่ต้องอายที่เป็นเพื่อนกับเกย์ ไม่ต้องกลัวเสียแมน เพราะความเป็นแมนไม่ได้อยู่ที่" บอยมองหน้าปรามแคที่ว่าพูดสุภาพหน่อย "หว่างขา !"
"ไอ้แก่ แม่ไม่เคยบอก แล้วมันก็ไม่เคยออกไปไหน นี่ก็คงเพิ่งรู้ เลยตกใจ"
" ผมทำให้พ่อเครียดจนเป็นลม เฮ้อ นั่นก็อีกคน …"
โรสมองไป หงส์มองตาม มาลีนั่งเศร้าอยู่มุมหนึ่งที่หลังบ้าน คิดเรื่องคนอื่นล้อพ่อเป็นตุ๊ด
เวลากลางคืน พิสมัยนั่งกินข้าว ซีโร่เดินเข้ามาหา ชี้ที่มือถือตนเอง
"พี่ลงอินสตราแกรมไปแล้วหรือ"
"เอ๊าก็เธอสั่ง"
"นั่นมันก่อนที่ผมจะรู้ว่าเขามีพ่อเป็นเกย์"
"แล้วไงอ่ะ พ่อเขาเป็นเกย์หรือไม่เป็น มันเกี่ยวอะไรกับเราล่ะ"
ซีโร่เกาหัว
"ก็ไม่รู้สิ มันจะเป็นข่าวลบหรือบวกกับผม มันจะเป็นไงวะพี่"
"เอ๊า ถามฉันแล้วคิดว่าฉันจะถามใครล่ะ"
ซีโร่คิดหนัก
เวลาต่อมา ปู่เชื้อนอนคิดอะไรบนเตียง โรสเดินมาหา
"อยากด่าอะไรฉัน พ่อด่า ได้เลย แต่อย่าคิดมาก อย่าเชื่อผิด ๆ คนเป็นแบบฉัน มันเป็นของมันเอง ฉันเป็นของฉันเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับพ่อแม่ ไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้น"
เชื้อนิ่ง แล้วนอนตะแคงหันหลังให้โรส
"ไอ้ยานี่ เหมือนจะทำให้ง่วงๆ พ่อนอนก่อนนะ"
โรสถอนใจ พยักหน้า ดับไฟในห้อง ให้พ่อนอน เดินออกมาหาแม่ที่ยืนรออยู่ ที่ได้ยินทั้งหมดแล้ว
"ผมจะทำไงดี"
"เอาน่า เดี๋ยวมันก็ลืม จะเอาอะไรกับสมองพ่อแกล่ะ"
โรสเดินกลับมาที่ห้อง บอยกำลังเตรียมยาให้โรส
"อย่าเครียดนะพี่ กินยาแล้วต้องนอนให้หลับ เดี๋ยวก็เป็นไข้อีก พี่อ่ะเป็นไข้บ่อยเกินไปละ"
โรสรับยาไปกิน
"ที่ไม่กลับบ้านเป็นสิบปีเพราะรู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ใช่ไหม" บอยถาม
โรสพยักหน้า
"แม่บอกพ่อเดี๋ยวก็ลืม พี่ว่าไม่ เรื่องอื่นอาจจะลืม แต่ลูกเป็นกระเทยคงลืมไม่ได้ มันไม่ใช่เราคนเดียว ทั้งพ่อ แม่ หนูมาลี …ครอบครัวพี่ คงต้องเป็นตัวตลก ให้เขาล้อไปตลอดชีวิต"
บอยมองโรส มีแววน้อยใจบางอย่าง
"เพราะแบบนี้เหรอ พี่ถึงไม่เคยแนะนำใครๆว่าผมเป็นแฟนพี่"
"นี่...บอยโกรธหรือ"
"พี่ไม่เคยพูดเรื่องผมกับใครเลย มีแต่ผม ที่บอกเรื่องพี่กับคนอื่น คนที่พัทยาบ้านผม เขารับได้ ไม่ใช่ทุกที่ทุกคน ที่เป็นแบบเพื่อนพี่"
โรสดึงบอยเข้ามากอด
"บอย เธออายุยังน้อยนะ ในอนาคต เธออาจจะกลับไปใช้ชีวิตกับผู้หญิงได้อีก ไม่อยากแต่งงานมีลูก ไม่อยากมีชีวิตแบบคนปรกติหรือ"
บอยผลักออก กลับไปน้อยใจกว่าเดิม
"พูดแบบนี้อีกแล้ว ทำไมต้องพูดเหมือนเราจะเลิกกัน อยากเลิกมากนักหรือ จะทิ้งกันใช่ไหม"
บอยเดินออกไป ปิดประตูดังปัง โกรธ โรสเซ็ง
"เออดี ตกงาน เพื่อนล้อ พ่อเมิน แฟนก็มาโกรธอีก มีอะไรอีกไหมวะเนี่ย มาเลยๆ โฮ้ย"
โรสนอนลงเซ็งจัด
เวลากลางคืน มาลีนั่งเศร้า ณ จุดชมวิว ครุ่นคิดเรื่องพ่อ ทองทาเดินมานั่งข้างๆ ห่างๆ ห่วงใย
"มีอะไรอยากพูดออกมาไหม"
"ไม่มีค่ะ"
"เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้แล้ว เข้าใจเลยว่าทำไม หนูมาลี อยากให้พี่โรสเป็นแค่พี่"
"หนูไม่อยากพูดเรื่องนี้อีก"
มาลีเครียดจริงจังเดินหนี
"หนูมาลี"
โทรศัพท์มือถือทองทาดังขึ้น ทองทารับสาย
โยทะกาคุยโทรศัพท์ อยู่ที่บ้านเมืองแมน
"โฮ้ย กว่าจะโทร.เจอ"
"ไม่ค่อยมีสัญญาณน่ะครับพี่"
"จะบอกได้หรือยังว่าอยู่ไหน"
"ประชุมพรุ่งนี้ใช่ไหมครับ ผมไม่ลืมหรอก พรุ่งนี้เจอกันครับ"
"ค่อยยังชั่ว พ่อเธอร้อนใจใหญ่ กลัวว่าเธอจะทิ้งทุกอย่าง"
"ผมเคยเป็นนักแสดงนะพี่ ผมรู้จักหน้าที่ดีครับ"
ทองทาวางสาย
โยทะกาวางสายแล้ว กดโทรศัพท์หาเมืองแมน แม่บ้านเอาเครื่องดื่มร้อนมาส่ง
"คุณเมืองแมนไม่รับสายเลย"
"พวกเราโทรไปก็ไม่รับสายค่ะ เป็นแบบนี้ทีไร ก็แปลว่า...เอ้อ" แม่บ้านบอก
โยทะกาเซ็ง ถอนใจ ติดผู้หญิงอีกแล้ว
เสียงกดออดดังขึ้นที่คอนโดฯหรูกลางเมือง เมืองแมนในชุดคลุมมาเปิดประตูให้ เสื้อ สีหน้าโยทะกาไม่ค่อยพอใจ
"ทำไมไม่รับโทรศัพท์คะ"
"มีอะไรหรือ"
โยทะกาเดินเข้ามาในห้องโถงกลาง
"เห็นคุณร้อนใจเรื่องทองทาจะเบี้ยวงานไหม ฉันก็เลยมาบอกข่าวว่าเขา
รับสายแล้ว พรุ่งนี้เขาจะมาประชุมตามนัด"
"อืม ค่อยยังชั่ว ไม่ไว้ใจมันเลยจริงๆ"
โยทะกาชี้ไป
"ในห้องนั่น มีคนอยู่ใช่ไหม"
เมืองแมนโบกมือไล่
"คุณกลับไปเถอะ ผมง่วง"
โยทะกาเจ็บอยู่ในอก แววตาน่าสงสาร โยทะกาเดินออกไป แล้วหันมาบอกอย่างเจ็บปวด เพราะตลอดเวลาเมืองแมนมีผู้หญิงอื่นมาตลอด ความเจ็บปวดมากขึ้นทุกครั้งไป
"พยายามรับสายฉันหน่อย ส่งข้อความกลับมาก็ยังดี หายไปสามวันสี่วันแบบนี้ ฉันก็ไม่รู้คุณเป็นตายร้ายดี เกิดอุบัติเหตุอะไรหรือเปล่า"
"โอเค...รู้แล้ว ไปได้แล้ว ผมง่วงจริงๆ"
เมืองแมนเดินไล่โยทะกาออกไป เธอเดินมาสะดุดรองเท้าผู้หญิงที่กองอยู่
"เอ๊ะ ... อย่าบอกนะว่า"
โยทะกาเดินบุกต่อไปทันที เพราะจำได้ว่ารองเท้าใคร !?
"นี่คุณจะไปไหนน่ะ ไหนบอกจะไม่ยุ่งเรื่องของผมไง"
โยทะกาเปิดเข้ามาในห้องนอน เลขาจ๋าในชุดเสื้อคลุมตกใจ ถอยกรูด
"จ๋า...."
โยทะกาผิดหวัง เลขาจ๋ายิ้มแห้ง
"คุณนอนกับเลขาฉันเนี่ยนะ"
"ก็ ...ก็ไม่เห็นจะเป็นไรนี่"
"ฉันเคยบอกคุณแล้วไง คนงานที่บ้าน คนงานที่บริษัท ฉันขอ ไม่งั้นฉันจะอยู่ยังไง มันเป็นสังคมของฉันนะ ทำไมไม่ฟังกันบ้าง"
เมืองแมนชี้จ๋า
"งั้นพรุ่งนี้เธอไม่ต้องไปทำงาน แค่นี้ก็จบ"
โยทะกาอึ้ง พูดไม่ออก
"คุณมัน... ฮึ่ย"
โยทะกาเดินหนีไป ได้แต่อดทนต่อไป
โยทะกาเข้ามาในรถ ร้องไห้ เสียใจกับชีวิตที่หาความสุขไม่ได้
ที่บ้านเมืองแมน วันใหม่ บุษบาบัณกดแท็บเล็ตดูรูป ซีโร่ที่ถ่ายกับหนูมาลี
" ซีโร่มันชิงพื้นที่ข่าวกับหนูมาลีอีกแล้ว หนอยพูดแล้วไม่ฟัง"
ยาหยีนั่งหน้าโน้ตบุ๊กโวยวายขึ้น
"เฮ้ยๆๆ"
"อะไร ... ร้องซะดัง"
"คุณเบล ข่าวอื่นทิ้งไปก่อน มาดูข่าวนี้ดีกว่า"
หน้าโน้ตบุ๊ก มีรูปของโรสจากโปสเตอร์ที่สินีนุชถ่ายไว้พร้อมพาดหัวข่าว
นีน่าอ่านพาดหัวข่าว
"โฉมหน้าพ่อของผู้เข้ารอบซุปเปอร์สตาร์ หนูมาลี ขอย้ำ อีกครั้ง พ่อนะพ่อ....เฮ้ยอะไรวะเนี่ย"
"หนูมาลี มีพ่อเป็นกระเทยหรือ เป็นกระเทยมีลูกได้ไงอ่ะ" ยาหยีว่า
บุษบาบัณคิดแผนร้าย
"สนุกล่ะงานนี้ ฮึๆๆ"
อ่านต่อหน้า 2
มาลีเริงระบำ ตอนที่ 10 (ต่อ)
ณ สวนสาธารณะ ซีโร่กำลังถ่ายทำภาพนิ่งแฟชั่นคู่กับมาลี ตามที่มีการติดต่อนัดหมายก่อนหน้านี้
ขณะเดียวกัน พิสมัยอยู่ที่โต๊ะลงทะเบียนนักข่าว มีเจ้าหน้าที่ดูแลให้นักข่าวเข้ามารับซีดีโปรโมต
"ขอบคุณนะคะ ที่มางานเปิดตัวซิงเกิลใหม่ ของซีโร่ เดี๋ยวไปนั่งรอสัมภาษณ์ข้างในเลยค่ะ"
ซีโร่แอบๆอยู่ในหลืบข้างหลัง
"มาจากไหนกันเยอะแยะเนี่ย เยอะกว่าปกติตั้งสองสามเท่า"
"คงอยากรู้เรื่องเธอไปคุยอะไรกับทางบ้านหนูมาลีน่ะสิ นี่ๆ ถ้าเขาถามเรื่องแต่งงงแต่งงานตอบตามที่ซักซ้อมกันไว้นะ"
"เอาตัวรอดได้น่าไม่ต้องห่วง"
ซีโร่ดีใจมองนักข่าว ที่ทยอยกันมางานแถลงข่าว
มุมแถลงข่าวพร้อม ซีโร่ถือไมค์บอก
"เรื่องซิงเกิ้ลใหม่นี้ ผมอยากบอกว่า..."
นักข่าวชิงถาม ไม่ยอมรอซีโร่
นักข่าว1บอก
"ขอโทษนะคะ เรื่องซีโร่ขัดแย้งกับศิลปินใหม่คุณทองทานี่จริงไหมคะ"
ซีโร่ไม่ได้เตรียมตัวมา
"หา… เรื่องอะไรนะครับ"
พิสมัยก็งงเช่นเดียวกัน
"มีข่าวเล็ดลอดออกมาว่า คุณขัดแย้งกับคุณทองทาถึงกับจะฉีกสัญญา"
"เรามาคุยเรื่องเพลงใหม่หรือเรื่องหนูมาลีดีไหมครับ"
นักข่าว2 บอก
"ถึงกับเคยวางมวยกันจริงไหมครับ"
ซีโร่ชักหน้าเข้
"คนอย่างผมร้องเพลงเป็นอย่างเดียวใช้ความรุนแรงเป็นอันธพาลแบบนั้น ซีโร่ไม่เคยทำครับ เพลงใหม่ที่ผมเตรียมมาให้ทุกท่าน ผมตั้งใจมาก อยากให้ทุกคนช่วยสนับสนุนด้วยนะครับ"
มาลีเดินออกมา มีเจ้าหน้าที่พามานั่งข้างซีโร่ เตรียมไมค์ให้
นักข่าว1บอก
"หนูมาลีคะ เรื่องข่าวพ่อของหนูมาลีเป็นไงบ้างค่ะ"
โยทะกาเพิ่งมาถึง แอบมาฟังอยู่มุมหนึ่ง สีหน้าเครียด
"เอ้อคือก็โอเคค่ะ"
นักข่าว1ถาม
"นางโชว์คนนั้นเป็นพ่อหนูมาลีจริงหรือคะ"
"จริงค่ะ"
โยทะกาดูข่าวแล้ว จำได้ว่าเป็นเรืองยศ เลยมาฟังให้แน่ใจ แล้วก็ได้รับรู้ตามนั้นเท่ากับเป็นการรู้ครั้งแรกว่า มาลีคือ ลูกสาวของตน
"พ่อบุญธรรมใช่ไหมคะ"
โยทะกาลุ้นฟัง
"พ่อแท้ๆค่ะ!"
เสียงก้องอื้ออึงนั้น ทำให้โยทะกาน้ำตาไหล เลือดเนื้อเชื้อไขของเธออยู่นี่เอง !
สามสาวนั่งอยู่ในรถคันนั้น บุษบาบัณคุยโทรอยู่
นีน่าบอก
"ถ้าพร้อมแล้วจัดการตามแผนได้เลย"
นักข่าว 2 มองไปที่รถซึ่งจอดอยู่ หูใส่สมอลท็อค แอบทำมือโอเค... รับคำสั่ง
"จริงไหมครับ ที่คุณเรียกพ่อว่าพี่"
มาลีตกใจ หน้าเสีย "คุณรู้ได้ไงคะ"
"จริงไหมล่ะครับ"
"เอ้อคือ...ขอตัวก่อนนะคะ"
หนูมาลีลุกหนีไปทันที
นักข่าวทุกคนฮือ ส่งเสียงตามไป ด้วยความงุนงง
นักข่าว1ถาม
"ว่าไงคะ ทำไมไม่ตอบล่ะคะ"
บุษบาบัณเอาโทรศัพท์ ของนีน่ามาสั่งต่อ
"แค่นั้นก็เกินพอแล้วคงรู้นะ ว่าจะเขียนข่าวต่อยังไง"
บุษบาบัณวางสาย นักข่าวยิ้มร้าย ปลดสมอลท็อค วางสายเช่นกัน
โยทะกามองตามหนูมาลีไปอย่างเป็นห่วง ครุ่นคิด
งานเลิกแล้ว ซีโร่และพิสมัยในชุดธรรมดา นั่งคุยกัน ท่าทางเครียดไปหมด
"แทนที่จะถามเรื่องข่าว เรื่องเพลง ไม่มีใครสนใจเลย ดูมันถามผม มันหาว่าผมร้องสู้ไอ้ทองทาไม่ได้พวกมันจะเล่นข่าวนี้เพราะทองทา ….เพราะไอ้สถานีบ้านั่นมันจะเขี่ยผม"
"ใจเย็นหน่อยได้ไหมโวยวายไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก"
มาลีในชุดธรรมดากำลังจะกลับ เดินเข้ามาหาแล้วก็ต้องชะงักได้ยินทั้งหมด
"ข่าวผมกับหนูมาลีเงียบหายไปเลยมันต้องเป็นข่าวเรื่องนี้สิ เราต้องสร้างข่าวเรื่องนี้ขึ้นมาใหม่"
"สร้างข่าวอะไรคะ"
พิสมัยกับซีโร่อึ้ง นึกว่า มาลีกลับไปแล้ว
"สร้างข่าวเรื่องเราใช่ไหม ที่พี่ทำทั้งหมดเป็นการสร้างข่าวหรือคะ" มาลีถามพลางนึกถึงคำพูดของทองทา แล้วเสียใจมาก
"พี่ใช้หนูเป็นเครื่องมือจริงๆด้วย"
ซีโร่เข้าไปจับไหล่ทั้งสอง เล่นละครต่อ
"ไม่เอาน่าหนูมาลี พี่ก็คิดกับเราเหมือนเดิมนั่นแหล่ะ. แต่เรื่องพวกนี้มัน ช่วยทำให้เราชิงพื้นที่ข่าวสำเร็จนะ แฟนคลับพี่ก็ไปโหวตให้เธอจนยายน้อยหน่าติดอันดับบ๊วยอยู่นี่ไง"
มาลีเซ็งๆ มองหน้าจะเชื่อดีไหมล่ะ
ที่บ้านหลังเขา โรสและบอย ซ่อมนั่นนี่อยู่หน้าบ้าน รถตู้มาจอด นักข่าวสองสามคน พร้อมกล้องทีวี และกล้องภาพนิ่ง กรูเข้ามาถ่ายรูปโรส พร้อมยื่นไมค์และอุปกรณ์อัดเสียง
"ดิฉันชื่อแจ่มรัตน์ค่ะจากสำนักข่าวบันเทิงทั่วไทยเราอยากถามคุณเรื่องนี้ค่ะ คุณคือโรสกุหลาบราตรีที่เคยเป็นเจ้าของคาบาเรต์ที่พัทยาใช่ไหมคะ" เธอชี้รูปที่เป็นข่าวมาตลอดให้ดู
"รูปนี้อีกแล้วหรือ" โรสว่า
"คุณรู้สึกยังไงที่ลูกสาวคุณไม่ยอมรับคุณคะ"
"เขาไม่ยอมรับผมตรงไหนไม่ทราบ"
"ก็เขาเรียกคุณว่าพี่"
"แล้วไงเรียกพี่ เรียกป้า เรียกเจ๊ เรียกอีโรส เรียกไอ้โรสแล้วผมจะรวยขึ้นหรือจนลงมันยังไงหรือ"
"ที่ประชาชนเขาสงสัยคือคุณมีลูกได้ไงคะเป็นพ่อจริงๆเลยหรือคะ"
"ถามว่าเป็นพ่อยังไง จะเอาละเอียดแค่ไหนเอาความถี่ หรือท่าทาง เอาพิกัดสถานที่หรือพิกัดขนาดต้องทำให้ดูไหม อืมแต่กับชะนีวัยดึกอย่างคุณผมไม่มีอารมณ์"
"นี่....ฉันถามดีๆนะ"
"ถามดีแค่ไหนคนมันไม่อยากจะตอบแล้วจะยืนหาพระแสงของ้าวอะไรแถวนี้ออกไปได้แล้วจะออกหรือไม่ออก ไม่งั้นค้อนกระเด็น โดนซิลิโคนจมูกเคลื่อนกูไม่รู้นะโว้ย"
โรสชูค้อน
"เฮ้ยพี่ใจเย็น"
"ไปไป๊ไป….กลับไปให้หมดเลย ขึ้นรถแล้วออกไปเลยนะ"
โรสชูค้อน ว่อนไปมา
นักข่าวร้องฮึ่ยแล้วขึ้นรถไปจนหมด
"ทำไมข่าวมันไปไกลจัง หนูมาลีจะเป็นยังไงบ้างเนี่ย กลับพรุ่งนี้ใช่ไหมครับ"
โรสกลุ้ม
"อย่าบอกใครเรื่องนี้นะ อย่าให้คนอื่นรู้ โดยเฉพาะหนูมาลี"
บอยพยักหน้า
บ้านเมืองแมน คืนเดียวกัน โยทะกานั่งมองไอแพดที่ถืออยู่ รูปโรสที่อยู่ในชุดคาบาเรต์
เธอกดข้อความ อลิซคาบาเรต์ เข้าไปที่มุม “ค้นหา” เธอกำลังค้นเรื่องราวของโรส หน้าจอไอแพด มีรูปโรสสมัยก่อน ถ่ายกับแขกต่างๆ ถ่ายกับป้ายอลิซคาบาเรต์ เป็นภาพในอดีตช่วงเป็นนางโชว์กำลังดังหลายๆรูป
เมืองแมนเพิ่งมาถึงกลับมาบ้านเดินเข้ามาเกาะไหล่ประจบเพราะเพิ่งทะเลาะกันมา
"ทำอะไรอยู่จ๊ะ"
โยทะกาสีหน้าเครียดวางไอแพด
"เป็นอะไรไปไม่สบายหรือมีไข้ไหม"
"ไม่ต้องมาทำดีระดับสิบ หลังจากไปทำชั่วระดับร้อย"
เมืองแมนโมโหทันที เพราะท่าทางมึนตึงโกรธไม่หายของโยทะกา
"ถ้าคุณไม่ยอมรับตัวตนผมคุณก็นั่งร้องไห้แก่เหี่ยวอยู่ตรงนี้ไปจนตายนั่นแหล่ะ"
"แล้วถ้าฉันมีชู้บ้าง คุณจะรับตัวตนฉันได้ไหมล่ะคะ"
"ผู้หญิงนี่น่าเบื่อ ทำไมถึงชอบทำเรื่องง่ายๆให้มันยาก นางบำเรอกับเมียมันคนละเรื่องเมื่อไหร่จะเข้าใจสักที"
"นางบำเรอกับเมียเข้าใจแล้ว แล้วความรักกับความซื่อสัตย์ล่ะคุณเข้าใจไหม"
เมืองแมนอึ้งนิดหน่อยแล้วเดินไปตบมือเสียงดังเกือบโดนหน้า เธอสะดุ้งผวาหนีนึกว่าเขาตบ
"ตื่นตื่นๆๆตื่นจากเทพนิยายเจ้าหญิงเจ้าชายผมเป็นคน! ไม่ใช่ตัวการ์ตูน!ผมมีอารมณ์อยากมีอารมณ์เบื่อแล้วตอนนี้ก็เบื่อสุดๆ"
เมืองแมนโวยเสร็จออกไป โยทะการ้องไห้ พูดคนละเรื่องจนแทบไม่มีทางเข้าใจกันได้
วันใหม่ ยาหยีกดที่คอมพิวเตอร์ดู อ่านข่าว มีรูปหนูมาลี วันแถลงข่าววันนั้นด้วย บุษบาบัณบอก
"อ่านดังๆ!"
ยาหยีอ่านจากหน้าจอ
"ผู้เข้ารอบเดอะซุปเปอร์สตาร์หนูมาลี"
"ดังขึ้นอีก"
ยาหยีอ่านต่อ
"ไม่ยอมรับพ่อตัวเองที่เป็นเกย์ ลุกหนีสะบัดเชิดออกไปทันทีเมื่อนักข่าวถามทั้งๆที่เป็นพ่อที่เลี้ยงดูมาถึงขั้นเรียกพ่อว่าพี่แบบนี้อกตัญญูไปหน่อยนะหนูจ๋า"
"ฮ่าๆๆยิ่งฟังยิ่งสะใจ"
"เนื้อข่าวนี่สุดยอดเราจะเล่นประเด็นนี้ใช่ไหมคะ" นีน่าว่า
"คนไทยเกลียดที่สุดคือ คนอกตัญญูคะแนนแกร่วงแน่นังหนูมาลี ฮะฮะ !"
เครื่องบินการบินไทย ลงจอดที่สนามบินจ.น่าน ประตูเปิดออก โยทะกาเดินออกมา เพิ่งมาถึง น้อยเดินมาทัก
"รำเพยรำเพยใช่ไหม"
โยทะกาอึ้งไปครู่หนึ่ง
"คุณจำคนผิดแล้วค่ะ"
โยทะกาขึ้นรถที่มาจอด ห่างออกไป รถออกไป น้อยยืนงง
ประตูเปิด หนูมาลีออกมา มาเครื่องบินเที่ยวเดียวกัน เห็นน้อยทักกับโยทะกาตั้งแต่ด้านในแล้ว นิดลูกสาวน้อย เพื่อนมาลีเดินมาสมทบพ่อ
"พ่อคุยกับใครคะ ... เอ้าหนูมาลี"
"นั่นคุณโยทะกา ผู้อำนวยการสถานีที่หนูมาลีไปประกวดไง ไปทักไม่ทัน คุณโยนั่งเฟิร์สคลาสน่ะสงสัยมาธุระ ลุงน้อยรู้จักหรือคะ"
"อ๋อ คนที่เคยเป็นนางงามไงพ่อ" นิดบอก
"นึกออกแล้ว เออ จำผิดทุกทีเขาหน้าเหมือนเพื่อนพ่อสมัยเรียนเพื่อนห้องเดียวกัน" น้อยบอกมาลี "ไอ้เรืองก็รู้จัก"
"คุณโยเป็นคนกรุงเทพแต่กำเนิดค่ะ คงไม่ใช่เพื่อนพี่โรสหรอก"
น้อยคิดอยู่
"อืม..."
นิดถามมาลี
"บอกพ่อแล้วใช่ไหมว่าเราจะไปกินข้าวกัน กลับดึกหน่อย"
"อื้อกลับได้ยันสามทุ่มเลย"
"ไปเถอะ รถลุงจอดทางโน้น"
น้อยกับนิดมารับมาลี เพราะวันนี้จะไปกินข้าวกันที่บ้านน้อย มีปาร์ตี้เล็กๆที่บ้านน้อย
รถแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้านหลังเขา โยทะกาลงจากรถ เธอมองไปที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ซึ่
งมีดอกไม้ต้นหนึ่งแถวนั้น แล้วคิดถึงอดีต ในวัย 18 ปี
รำเพยกับเรืองยศในชุดนักเรียนวิ่งเล่น หัวเราะกันเข้ามา ทั้งคู่เพิ่งกลับจากโรงเรียน เธอมองดอกไม้บนต้น เรืองยศเด็ดแล้วยื่นให้ เธอรับมาแล้วทัดหูตัวเอง ทั้งสองหัวเราะกันสดใส
ย่าหงส์มาทัก โยทะกาสะดุ้ง
"มาหาใครหรือหนู"
"เอ้อ...มาหาเรืองยศค่ะ"
"ฉันอยู่นี่ !"
ทั้งคู่ยืนมองหน้ากัน ไม่ได้พบกันมาเป็นสิบปีแล้ว
ทั้งสองเดินมา โรสหยิบดอกไม้ให้เหมือนเดิม โยทะกายิ้มรับมา แต่ไม่ทัดหู แต่สีหน้าเศร้า
"ฉันเห็นเธอในข่าว รูปที่เป็นนางโชว์"
"อีกแล้วหรือ พวกนักข่าวนี่ เรื่องดีๆ มีสาระกว่านี้ ไม่มีให้ทำข่าวแล้วหรือไง"
"ตาสวยๆของเธอไม่เหมือนใคร ฉันจำได้ทันที"
"ฉันก็จำเธอได้ตั้งแต่เห็นเธอในทีวีตอนประกวด ถึงเธอจะให้สัมภาษณ์ว่า เธอเป็นเด็กกรุงเทพชื่อโยทะกาก็เถอะ"
"คนที่ส่งประกวดเขาบอกว่าหน้าตาท่าทางของฉันดูเป็นลูกผู้ดี ฮึ ...ซีโร่ ไม่ได้ตกแต่งประวัติใหม่เป็นคนแรกในโลกหรอก"
"ตอนหนูมาลีเข้าประกวดฉันค้างหัวชนฝา เพราะเธอ"
"ไม่อยากให้หนูมาลีเจอฉันหรือ"
โรสพยักหน้ารับ
"ฉันไม่ได้ติดต่อใครที่นี่เลย กลัวความลับแตก ฉันนึกมาตลอดว่าเด็กคนนั้น ลูกของเรา อยู่สถานสงเคราะห์"
"ตอนนั้น มีญาติที่อำเภอมาบอก บังเอิญน่ะ ฉันเลยมาขอรับตัวไปให้พ่อแม่เป็นคนเซ็นรับ"
"ถ้าฉันเอะใจสักนิด ฉันก็ได้พบลูกแล้ว ไม่ต้องนอนฝันร้ายทุกคืนว่า เขาไปเป็นขอทาน เป็นเด็กจรจัดที่ไหนหรือเปล่า เขาน่ารักเหลือเกิน"
"หนูมาลีน่ะ เธอเลี้ยงเขาดีจริงๆ"
"เขาเป็นเด็กเลี้ยงง่าย พ่อกับแม่ฉัน ช่วยเยอะ"
"เธอบอกเขายังไงเรื่องแม่"
ย้อนอดีตกลับไป เมื่อวันแม่ ที่โรงเรียน เด็กนักเรียนคนอื่น เข้าแถวนั่งกับพื้น กราบเท้าผู้ปกครองและมอบพวงมาลัยดอกมะลิ
เก้าอี้ตรงหน้ามาลีว่างเปล่า มาลีสีหน้าเศร้ามองเพื่อนๆ กับแม่ของเขา
เรืองยศในชุดทำงาน มีหมวกขาดๆ และอุปกรณ์ก่อสร้างวิ่งเข้ามานั่งหอบเหนื่อยเพราะมาสาย มาแทนแม่ให้
"พ่อมาแล้วลูก"
มาลียิ้มกราบเท้าพ่อ เอาพวงมาลัยให้พ่อ พ่อยิ้ม จับหัว
มาลีเดินเศร้าๆมานั่ง โรสเดินตามมาคุย
"อยากมีแม่เหมือนคนอื่นไหม"
มาลี ส่ายหน้า
"ย่าบอก เขาทิ้งหนูจะยกให้สังคมสงเคราะห์ มีแต่พ่อที่วิ่งตามรถไปรับหนู"
"แม่หนูเป็นคนน่าสงสาร เขามีปัญหาเยอะ"
"ตอนนี้ล่ะคะ ยังมีปัญหาอยู่หรือคะ"
โรสอึ้งไป เพราะรู้ว่ารำเพยเข้าประกวดนางงามแล้ว
"เอ้อ พ่อไม่เคยเจอเขา"
"เราอยู่ที่เดิมเขาโทร.มาก็ได้ เขาไม่เคยสนใจเรา หนูไม่ชอบแม่แม่ใจร้าย หนูมาลี ไม่อยากเจอแม่"
โยทะกาสะเทือนใจที่สุด ถึงกับก้มหน้าร้องไห้
"โธ่...ลูก"
"ที่จริงฉันน่าจะบอกว่าแม่ตายไปแล้ว คงจะดีกว่านี้"
"เขาพูดถูก ฉันจะตามหาเขาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ฉันก็ไม่ทำ เขาคงรู้สึกแย่ รู้สึกไร้ค่า...ว่าทำไมแม่ไม่รักเขา ในที่สุดเลยปฏิเสธแม่ตัวเอง ฉันสมควรโดนแล้ว"
บ้านน้อย วันเดียวกัน นิด มาลีและเพื่อนอีกสองคนรำลึกวัยเด็ก ด้วยการเล่นหมากเก็บกัน ต่างหัวเราะกันไป
น้อยเดินออกมาถามมาลี
"พ่อไม่มาด้วยหรืออาผู้หญิงทำกับข้าวไว้ตั้งเยอะ"
"ไม่มีเพื่อนคุยใช่ไหมล่ะลุง มีแต่สาวๆ"
"เรื่องวันก่อน พ่อแกไม่ยอมออกจากบ้านไปเจอใครอีกเลย ลุงอยากบอกว่าลุงเป็นเพื่อนพ่อแกเสมอ"
"พวกเราก็ด้วยพวกเราก็เป็นเพื่อนเธอเสมอนะ"
มาลีจับมือเพื่อนตอบ
"ขอบใจจ้ะเอางี้ืหนูไปตามพ่อเอง"
มาลีเดินออกไป
โยทะกายังร้องไห้ต่อเนื่อง
"สิบกว่าปีฉันไม่ได้กลับบ้านเหมือนกัน ฉันเข้าใจเธอ กรุงเทพทำให้เราเป็น
คนไร้หัวใจ"
"เธอรู้เรื่องฉันทุกเรื่องแต่ไม่เคยมาถามมาตาม"
"พอหนูมาลี เข้ารอบ ฉันก็รอดูว่าเขาจะพูดถึงเธอไหม นักร้องบ้านนอกกับผู้บริหารคงไม่ได้เจอกันบ่อยๆ พอเห็นว่าเขาไม่พูดถึง ฉันก็สบายใจ"
"เธอตั้งใจจะปล่อยให้เป็นแบบนี้จริงหรือ"
"อย่าเศร้าไปเลยนะ เพื่อน" โรสจับไหล่ปลอบ "บอกแล้วไง ฉันเข้าใจเธอ ทุกวันนี้เราทั้งสองคนโกหกจนไม่รู้อีกแล้วว่า อะไรคือตัวเราจริงๆ เรืองยศ หรือโรส รำเพยหรือโยทะกา"
"เรือง...ขอฉันกอดเธอได้ไหม"
โรสกอดโยทะกาด้วยมิตรภาพที่แนบแน่น
"ฉันเป็นแม่ใจร้าย ในสายตาเขาฉันจะทำยังไงต่อไปดี"
"หนูมาลีไม่เหมือนเด็กคนอื่น... ลูกของเราเหมือนนางฟ้า เขาจะเชื่อในสิ่งถูกต้องและจะเชื่ออย่างนั้นไม่มีวันเปลี่ยนง่ายๆ ตั้งแต่เด็กถ้าเราบอกว่าสิ่งนี้ไม่ดีแค่พูดครั้งเดียวเขาจะจำจนตาย"
"คนที่สถานี ชอบเขามาก โดยเฉพาะฉัน"
"เราอย่าเปลี่ยนชีวิตของพวกเราเลยนะ ปล่อยทุกอย่างเป็นเหมือนเดิมได้ไหม รำเพยกลับกรุงเทพ แล้วลืมเรื่องนี้ไปซะ"
โยทะกาอึ้งกับคำขอของโรส ร้องไห้หนักขึ้น
อ่านต่อหน้า 3
มาลีเริงระบำ ตอนที่ 10 (ต่อ)
เชื้อถักแห หงส์ทำงานบ้าน มาลี เดินเข้ามา
"ย่า…พี่โรสล่ะ ลุงเขาให้มาตามไปกินข้าวบ้านเขา"
"มีแขก"
"ใครอ่ะ"
"มาจากกรุงเทพมั้ง แต่งตัวสวยๆ"
มาลีเดินไป จู่ๆ หงส์ก็นึกได้
"ไอ้แก่ ไม่ใช่เพื่อนจากกรุงเทพ!กูนึกออกแล้วว่าใคร !"
หงส์บอกเชื้อ สีหน้าเครียด แล้วรีบเดินตามไปอีกคน
มาลีเดินมาเจอโรสระหว่างทาง โรสสะดุ้ง ตกใจกว่าปกติ
"เฮ้ย"
หงส์ตามมาด้วยท่าทางร้อนรน
"พี่โรสไหนว่ามีแขกใครมาหาเหรอ"
"กลับไปแล้วเซลล์ขายยาบำรุงสุขภาพ เขาผ่านมาแถวนี้เลยเอายามาส่ง ใช่ไหมแม่"
หงส์สะดุ้ง มีพิรุธ
"เอ้อ..."
โรสมองส่งสายตาหาแม่ ขอความช่วยเหลือ
"เออใช่ๆ ยาที่แกกินประจำ เอ้อ ไปก่อนนะ มาเอากระบุง"
หงส์คว้ากระบุงแก้เก้อ แล้วเดินออกไป
"ถ้าว่างแล้วก็ดี ลุงเขาให้มาชวนไปกินข้าว"
"เออๆ เดี๋ยวไปอาบน้ำหน่อย ซ่อมรั้วหน้าบ้านเพิ่งเสร็จ"
โรสเดินไป มาลีหันไปหยิบของแถวนั้นมาอ่านเล่น โรสถอนใจ โชคดีที่ไม่เจอกัน
เชื้อชวนหงส์คุยขณะเดินเข้ามา
"ตกลงใครมาหาไอ้เรืองวะอีแก่"
"มันจะเป็นใคร เราก็เหมือนเดิม อย่าไปสนใจมันเลยวะไอ้แก่"
หงส์คิดพูดออกมา หงส์จะช่วยปิดความลับให้โรสต่อไป
คืนนั้น โรสกับบอยคุยกันในเรื่องซีเรียส
"เราจะกลับกรุงเทพกันหรือครับ"
โรสพยักหน้า
"เพื่อนพี่ส่วนใหญ่ก็เพื่อนรำเพย แล้วถ้าเขาเอาไปเมาท์กันเหมือนเรื่องพี่ หนูมาลี เป็นบ้าแน่ข่าวพวกนั้นก็หนักพออยู่แล้ว"
"งั้นเราบอกทุกคนว่า กลับไปจัดการเรื่องหาคนเช่าร้านดีไหมครับ"
โรสพยักหน้าว่าดี
แคที่ ในชุดขาวเก๋ หิ้วกระเป๋าเดินเข้ามา
"เจ๊มาพอดีเราจะกลับกรุงเทพกันแล้วนะ" บอยบอก
"วันๆก็หายไปวัดกะจะนิพพานชาตินี้เลยใช่ไหม"
"โอ๊ยเกือบละ ทำไมล่ะจะกลับแล้วหรือ แล้วจะไปอยู่ไหนกัน ร้านก็ไม่มีแล้ว เดี๋ยวนังกะทกรกมันมาทวงหนี้นะ"
"เออจริง หรือพี่โรสจะทำร้านต่อ ถ้าทำต่อเราก็มีเงิน แต่ถ้าไม่ทำรอ ให้เขามาเช่าต่อก็ต้องหนีหน้ามันก่อนล่ะ เพราะไม่มีค่าดอกให้มัน"
"งั้นไปอยู่บ้านเจ๊แคที่ชั่วคราวสักสองอาทิตย์" โรสบอก
แคที่ทำเสียงเหมือนร้องไห้
"ฮือ"
"อะไรแค่นี้งกหรือ"
"ไม่ใช่ สำหรับแกน่ะอย่าว่าแต่บ้านเลย มานอนกลางใจฉันฉันยังไม่ว่า หรือจะมานอนบนตัวฉันฉันก็ไหวนะ มากันทั้งสองคนเลยมามา"
แคที่กระโดดกอดคอคนทั้งคู่
"ตกลงมันเรื่องอะไรกันแน่"
"คือว่าฉันเสียดายที่อดนิพพาน"
โรส-บอยร้อง "หือ"
"นิพพานกับครูพละ... ฮือ"
โรส-บอยร้อง "โฮ้ย!"
โรสกับบอยพร้อมใจกันเอามือแคที่ผลักออกและโวยออกมาพร้อมกัน
"ทำไม ผิดตรงไหน อะไร ยังไงเหรอ"
วันใหม่ มาลีกับพ่อ ช่วยเชื้อถักแห ทำไปก็คุยไปกับแม่
"เฮ้อมาแป๊บๆ ก็จะกลับเสียแล้ว ข้าสองคนยังไม่ทันหายเหงาเลย"
"เดี๋ยวก็มาเยี่ยมใหม่ไงแม่ แต่พ่อต้องหมั่นไปหาหมอนะ" โรสบอก
"ข้าไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย" เชื้อว่า
"แล้วก็อย่าคิดมากเรื่องฉัน"
หงส์ มาลี ชะงักนิ่ง ทุกคนมองโรสแล้วมองเชื้อ เชื้อมีสีหน้าปรกติไม่รู้ลืมจริงหรือปลอม หรือไงกันแน่
"เรื่องแก...แกทำไมหรือ"
โรสยิ้มจับเข่าพ่อ
"ช่างมันเถอะครับ เดี๋ยวผมจะไปตลาดทำแกงเลียงให้พ่อกินบำรุง ... บอย ...บอยW
มาลีลุกขึ้นออกไป
"เดี๋ยวไปดูพี่บอยให้"
มาลีเคาะห้องแล้วเปิดเข้ามา
"พี่บอย"
บอยที่ดูทีวีอยู่รีบกดปิด อย่างมีพิรุธ
"จ้ะ ว่าไง"
"พ่อตามไปตลาดจ้ะ"
"อื้อๆเดี๋ยวไป"
มาลีออกไป
บอยเดินไป หยิบกระเป๋าเตรียมออกไปข้างนอก มองทีวี เครียดๆ คิดๆหน่อย
บอยออกไปแล้ว ปิดประตู ที่ประตูถูกเปิดออกอีกครั้ง มาลีเข้ามาแล้วกดทีวีเปิดดู ทีวี เป็นรายการวิจารณ์บันเทิง
ทั้งสองจัดรายการมีแทรกภาพประกอบจากข่าวต่างๆ เหมือนรายการทอล์คทั่วไป
พิธีกร1อ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ดารา
"พ่อหนูมาลีปัดไม่ให้คำตอบเรื่องลูกสาวในขณะที่ต้นสังกัดแจงมีจดหมายเข้ามาต่อว่าเป็นจำนวนหลายสิบฉบับเตือนหนูมาลี กตัญญูเป็นครื่องหมายของคนดี คนที่ไม่รู้จักคำว่ากตัญญูไม่มีวันเจริญหรอก"
พิธีกร 2 บอก
"โหแรงเนอะ"
"แรงจริงอะไรจริงนะข่าวนี้ …เรื่องนี้ขอพูดนิดนึงนะเป็นศิลปิน... เป็นต้นแบบของเด็กๆทำแบบนี้มันเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีนะ"
"ใช่ พ่อจะเป็นเกย์หรือไม่เป็นเราก็ต้องยอมรับนะ ผมก็พ่อคนเหมือนกัน ความเห็นส่วนตัว อยากบอกหนูมาลีว่า เวลาถูกเรียกว่าพ่อ พ่อทุกคนมีความสุขมากนะ"
มาลีเข่าอ่อนนั่งลง คำพูดของพิธีกรสอนใจจนสะเทือนใจ
พิธีกร 1 บอก
"แหล่งข่าวที่เป็นเพื่อนของหนูมาลีบอกว่า เป็นพ่อแท้ๆส่งเสียเลี้ยงดูมาด้วยนะ ในเนื้อข่าวบอกนะอันนี้ฮามาก นักข่าวยิงคำถามว่าเป็นนางโชว์มีลูกกับผู้หญิงได้ไง นายเรืองยศถึงกับปรี๊ดแตก"
โรสทำท่าดีดดิ้น
"โฮ้ย เสือไบใช่ไหมล่ะยะหล่อน เริ่ดย่ะ"
เสียงโรสดังมาจากด้านหลัง ไม่รู้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่มาลีสะดุ้ง โรสชี้ทีวี
"เอ้านั่นตลกกันใหญ่ ตลกตายละ กูไม่ใช่ตัวตลกโว้ย"
"พี่โรส"
"ดูอะไรอยู่ เสียเวลา อาทิตย์หน้ามีคอนเสริต์อีก แล้วมีเพลงหรือยังล่ะ"
"เขาหาว่าหนูไม่ยอมรับพี่หนูยอมรับพี่นะ"
มาลีเศร้า โรสถอนใจ
"ไปเดินเล่นบนเขากันไหม แต่รอฉันไปตลาดทำซุปแกงเลียงให้เสร็จก่อนนะรอแป๊บ" โรสหยิบกระเป๋าเงิน ออกไป
เวลาต่อเนื่องมา ทั้งสองเดินมาตามทางไปภูเขา ผ่านบ้านในหมู่บ้านที่ตั้งเรียงรายกันไป
"เราเดินทางนี้จะดีหรือคะ"
"เราต้องขึ้นเขาไปไม่ใช่หรือ"
"เราเอารถไปขึ้นทางถนนก็ได้ ทางตรงนี้ต้องเดินแล้วก็ผ่าน…เอ้อ"
มาลีหมายถึงบ้านของแดง
"ฉันอยากเดิน"
โรสมุ่งหน้าต่อไป มาลีจำต้องเดินตามพ่อไป
แดงที่นั่งเมาข้างๆขวดเหล้าอยู่หน้าบ้าน ลุกขึ้นมาทันทีที่เห็นโรสเดินมากับมาลี ที่เดินผ่านมาหน้าบ้าน
แดงตะโกนลั่น
"เฮ้ย… อีตุ๊ดมา"
มาลีอายมองซ้ายขวา โรสไม่สะทกสะท้าน เดินมาเกาะรั้วบ้านแดงหน้าตาเฉย
"อีตุ๊ดมึงมายืนหน้าบ้านกูทำไม"
โรสยักคิ้วให้กวนๆ
"มีธุระอะไร" แดงถาม
"พี่โรสไปเถอะ" มาลีบอก
"เจ้าข้าเอ๊ย มาดูอีตุ๊ดเร็วดูดู"
ชาวบ้าน ข้างบ้านเริ่มออกมาดู โรสมองไป ก็ไม่สะทกสท้านอยู่ดี
"พี่โรส"
มาลีมองชาวบ้าน อายมากขึ้น
"อดทนไว้หมาที่มันเห่าเพราะมันไม่มีปัญญากัดร้อยทั้งร้อย มันเห่าเพราะมันกลัวเรา หนูมาลีข่าวพวกนั้นก็เหมือนไอ้แดงนี่แหล่ะ ถึงเวลาที่ทั้งแกและฉันต้องจัดการกับหมาปากรั่วพวกนี้!"
"จัดการยังไง เขาเป็นนักข่าวจะให้ต่อยเขาสลบเหมือนที่พี่ทำหรือ"
"ฉันเลิกต่อยมันแล้วฉันกำลังยืนให้มันด่า ฟังให้มันชิน พอมันชินแล้วมันก็กลายเป็นของไม่มีค่า"
"โหยากมากนะ พี่หนูไม่ได้บ้าเลือดอย่างพี่ หนูทำไม่ได้หรอก"
"เฮ้ยคุยอะไรกันวะ ไปให้พ้นหน้าบ้านกู อีตุ๊ดอีตุ๊ด ออกไปนะ"
"ถ้าแกไม่บ้าเลือดมีวิธีง่ายกว่านั้น"
"วิธีอะไรพี่"
"คิดถึงเป้าหมาย แกกำลังจะไปไหน"
"ขึ้นไปบนเขาดูวิวกับพี่"
"มันสำคัญไหม"
มาลีพยักหน้า
"เราจะกลับบ้านแล้วหนูจะได้ขึ้นไปดูวิวกับคนที่หนูรักที่สุด"
โรสจับหัวมาลี อ่อนโยน
"การประกวดเป้าหมายต่างๆในชีวิตของเราสำคัญทั้งหมด ระหว่างทางเดินไปสู่จุดหมาย ยิ่งใกล้หมามันยิ่งเห่าและมันจะยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้นตามขนาดเป้าหมายของแก"
มาลี อึ้ง
"พี่โรส"
"เป้าหมายยิ่งใหญ่หมามันยิ่งมีเยอะ แล้วถ้าแกมัวแต่หยุดทุกครั้งที่หมาเห่าแกจะเสียเวลาแค่ไหน"
มาลีซาบซึ้ง
"มึงจะไปไหมไม่ไปกูเอาน้ำสาดนะ"
"เอ้า ของฝากโว้ยแดง"
โรสปาห่อหนังสือพิมพ์ เข้ามาในบ้านแดง แดงรีบออกมาดู
"ซี่โครงไก่"
"กูทำซุปทำแกงเลียงให้พ่อแม่กูกินเลยเอามาฝาก ไป...หนูมาลี" โรสพูดพลางหัวเราะสะใจสุดๆ
"มึงว่ากูเป็นหมาหรือไอ้เรือง มึง อีตุ๊ดอีกระเทย อีแต๋ว จะไปไหน กลับมาก่อนมาให้กูด่าเลยนะมึง"
โรสหัวเราะร่วน เดินไป แถมโบกมือให้ชาวบ้านข้างบ้านราวกับนางงาม
"เฮ้ฮาวอาร์ยู หนีฮ่าว"
โรสเริ่มส่งจูบไม่พอ ทักทายภาษาพม่า เขมรอีกต่างหาก
"มิงกะละบา ซัวซไดย"
โรสเดินนำมาลี ที่ยังอายๆ จากไป
ณ จุดชมวิวบนเขา มาลีดีขึ้น แต่ยังไม่หายซะทีเดียว
"เฮ้อ อากาศดีจริงๆ" โรสบอก
"พี่ชอบเป็นนางโชว์ไหมคะ"
โรสอึ้งไปนิด เป็นครั้งแรกที่หนูมาลีถาม
"ก็ไม่เชิงที่จริงฉันทำงานเป็นผู้จัดการวง ต้องดูโชว์ทุกวัน จนเล่นได้ทุกตัว"
"เพราะพี่คนนั้นตายพี่เลยต้องทำคณะแทน"
โรสพยักหน้า
"เจ๊แคที่มันยุตอนนั้น เจ๊แคที่ขึ้นโชว์แล้ว พี่อลิซตายไม่มีใครเหมาะ หาเด็กใหม่ๆซิงๆไม่ได้ เจ๊แคที่วางแผนปั้นฉันแทน"
"ฝืนใจไหมคะต้องแต่งตัวแบบนั้น"
"หน้าที่น่ะถ้าไม่ทำก็อดตายกันหมด แต่เวลาร้องเพลงมันมีความสุขมากนะ ทำๆไปเลยสนุก"
มาลี ชี้ไป
"พี่ชอบร้องเพลงตรงนั้นไงทำไมหนูลืมไปนะ"
ณ จุดชมวิวเดียวกัน ในอดีต เรืองยศนั่งสอนหนูมาลี ร้องเพลง
" หนูมาลีมีลูกแมวเหมียว ลูกแมวเหมียวๆ"
เด็กหัวเราะ ร้องคลอไปด้วย
"จำไว้นะ พ่อตั้งชื่อหนูตามเพลง เมื่อไหร่ที่หนูมีความทุกข์ร้องเพลงนะลูก"
มาลีพยักหน้ารับ
"จริงสินะ หนูไม่ได้อยากเป็นนักร้องตามพี่ซีโร่ แต่หนูร้องเพลงเพราะพี่ต่างหาก"
"ฉันก็เกือบลืมไปเหมือนกัน"
มาลีเข้าไปกอดโรส
"หนูรักพี่นะ ไม่ว่าใครจะว่ายังไง ให้รู้นะว่าหนูรักพี่"
"รู้แล้วรู้แล้ว"
โรสกอดตอบ
แม้พ่อจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่สายตาของมาลีก็มีแววกังวล เพราะยังไม่สามารถเรียกพ่อได้อย่างเต็มปากอย่างที่ใจปรารถนาได้
วันเดียวกันที่ห้องอัดเสียง ระหว่างรอเจ้าหน้าที่ทำงาน ทองทาดูมือถือ รายการบันเทิงเดียวกับที่มาลีดู เขากลุ้มเป็นห่วงว่าหนูมาลีจะสะเทือนใจ จนนำไปสู่ความพ่ายแพ้ในการประกวดร้องเพลง
เจ้าหน้าที่เดินเข้ามา ทองทาถาม
"ตั๋วเครื่องบินที่ให้ซื้อเรียบร้อยไหมครับ"
"คุณเมืองแมนไม่ยอมให้คุณไปไหน นี่ค่ะตารางงานใหม่ของคุณ แน่นเอี๊ยดทุกวันเลยพรุ่งนี้คุณต้องเข้าห้องอัดอีก ต้องทำเพลงให้เสร็จภายในเดือนนี้"
ทองทารับเอกสารมาดูแล้วโกรธมาก เดินออกไปทันที
เมืองแมนนั่งทำงาน ทองทาเคาะห้องแล้วเปิดเข้ามา
"พ่อไม่เคยยุ่งกับงานในรายละเอียดแบบนี้ ผมถึงยอมเป็นนักร้องในสังกัดของพ่อ ถ้ารู้ว่าพ่อจะเข้ามายุ่งผมคงไม่ทำ !"
"เดือนหน้าอัลบั้มเต็มของแกต้องออก เราต้องรีบตีเหล็กตอนร้อนก่อนที่คนจะลืมแก"
"โอเคงั้นผมลาออก"
ทองทาเดินหนี
"ฉันเป็นหนี้!กำลังจะโดนฟ้องล้มละลาย"
ทองทาชะงัก หันมา
"อะไรนะ"
"สถานีโทรทัศน์นี้เลี้ยงดูแม่แก เลี้ยงดูแกพนักงานอีกหลายร้อยจะต้องถูกไล่ออก ถ้าเราสร้างศิลปินคนใหม่ มาหาเงินเข้าสถานีไม่ได้"
"ไม่เห็นมีใครบอกผมเรื่องนี้"
"คุณโยไม่รู้ ไม่มีใครรู้"
ทองทาช็อก จับต้นชนปลายไม่ถูก
"นี่เรื่องจริงหรือนี่"
"ตามใจแกจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ....ทองทาฉันยอมรับนะ ฉันเป็นพ่อ ใครไม่เป็นฉันกับแกหรือแม้แต่เบลฉันก็ไม่ได้เลี้ยง แต่ฉันก็รักแกเหมือนกับพ่อคนอื่น"
"พ่อเป็นนักธุรกิจเป็นคนเจ้าชู้พ่อใช้คำพูดเพื่อหลอกทุกคน คำว่าซื่อสัตย์เป็นสิ่งที่คนเจ้าชู้ ไม่รู้จัก"
"เอาเถอะฉันบังคับแกไม่ได้ ฉันไม่มีสิทธิ์แกไปคิดเอาเองเถอะ ถ้าไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำตามใจ"
เมืองแมนนั่งลงก้มหน้าเครียด จนทองทาหวั่นไหว
อ่านต่อหน้า 4
มาลีเริงระบำ ตอนที่ 10 (ต่อ)
ช้องนางนั่งทำกิจกรรม ถักไหมพรม ปะปนกับคนไข้และพยาบาลอื่น ทองทาเดินมานั่งข้างๆ คิด เครียด
"เมืองแมน กลับมาแล้วหรือคะ"
ทองทาจับมือแม่ คุยกับแม่ ทั้งที่แม่คงไม่รู้เรื่อง
"ผมไม่เคยคิดจะกลับไปเป็นศิลปินอีก ทำไงดีครับแม่ ผมควรจะทำต่อเพื่อเขาหรือเปล่า"
"เมืองแมนคุณไปไหนมา คุณทิ้งฉันอีกแล้ว"
"พ่อบอกรักผมด้วย ผมตัวชาไปหมดเลย เขาไม่เคยบอกรักผม"
ช้องนางฟังทุกอย่างตีความเป็นเรื่องราวของตนเอง
"คุณรักฉันกับลูกบ้างไหม ทองทาเป็นลูกคนแรกของคุณฉันจำได้ คุณไม่เคยทิ้งงานเพื่อฉัน แต่คุณทิ้งงานได้เพื่อทองทา คุณมาเฝ้าฉันตอนคลอดคุณจำได้ไหม ทันทีที่เห็นหน้าลูกคุณร้องไห้…คนอย่างคุณร้องไห้"
ช้องนางอุ้มตุ๊กตาทารก ขึ้นมากอด ชี้ให้ดู ทองทาแปลกใจ เพิ่งรู้
"พ่อร้องไห้ตอนผมเกิดหรือครับแม่"
ช้องนางส่งตุ๊กตาให้ทองทาอุ้ม
"จดจำความรักเอาไว้บ้างเมืองแมน คุณจะได้ไม่กลายเป็นคนใจร้ายเกินไป อย่าลืมความรู้สึกนั้นสิเมืองแมน"
ทองทามองตุ๊กตาในมือ เครียดไป คงตัดใจจากพ่อไม่ได้อีกแล้วสิเนี่ย
ในบ้านเมืองแมน บริเวณโถง บุษบาบัณ ยาหยี นีน่า นั่งตรวจหนังสือพิมพ์บันเทิง และข่าวต่างๆจากมือถือ
"ข่าวหนูมาลีกำลังแพร่กระจายไป ขึ้นเวทีคราวหน้ามันต้องร้องเพลงไม่ออก"
ยาหยีชี้มือถือแล้วบอก
"คะแนนวันนี้เริ่มมาสูสีกับน้อยหน้าแล้วค่ะ กำลังชิงบ๊วยกันอยู่"
"ชะล่าใจไม่ได้ อย่าลืม เรื่องน้อยหน่า ไปถึงไหนแล้วนะ"
นีน่า ยาหยียิ้มร้าย
ภายในสตูดิโอซ้อมร้องเพลง วันเดียวกัน น้อยหน่าวอร์มอัพ เตรียมซ้อมร้องเพลงกับครู
คนขับรถของคุณอาหอบขนมพะรุงพะรังเข้ามา คนนี้มาเป็นประจำ ครูและสต๊าฟ จึงคุ้นหน้า
"มีขนมมาฝากพวกเราอีกแล้ว แฟนน้อยหน่าแน่เลย" ครูว่า
"คุณอาน้อยหน่าเองค่ะ ท่านฝากคนรถเอามาให้ทุกคนที่ดูแลน้อยหน่าเป็นอย่างดี ทานกันเลยค่ะ น้อยหน่าขอตัวแป๊บนะคะ" น้อยหน่าถามคนรถ "คุณอามาใช่ไหม"
"ครับ"
น้อยหน่ากระดี๊กระด๊าออกไป
น้อยหน่าลงมามองเจอรถตู้ที่มีม่านจอดอยู่ ดูลึกลับ น้อยหน่ารีบเปิดเข้าไป นีน่า ยาหยีถือกล้องโผล่ออกมาจากต้นไม้แถวนั้น วิ่งวนดูหามุมจนเจอรถด้านที่ม่านในรถเปิดไว้ครึ่งหนึ่ง นีน่ายกกล้องขึ้นถ่ายรูป
น้อยหน่าถูกชายกลางคนในรถตู้กอดและหอมแก้ม เย้าแหย่กันแบบคู่รัก นีน่าถ่ายภาพนิ่งได้หลายเฟรม
ยาหยีถาม "ได้ไหม"
"เรียบร้อย"
ทั้ง 2 คนหัวเราะพร้อมกัน
"ฮิ ฮิ คุณอา"
สองสาวหายไปจากแถวนั้น
ทั้งหมดเพิ่งเดินทางมาถึง วางกระเป๋าลงที่บ้านแคที่
"พวกเธอมาอยู่กับเจ๊ก็ดีแล้ว เห็นบ้านแล้วมันคิดถึงเอ้อ..."
แคที่เศร้า คิดถึงเทพ
"มีครูพละแล้วจะไปคิดถึงไอ้คนชั่วนั่นอีกทำไม" โรสถาม
"ก็พวกแก ดันรีบกลับ กวาดลานวัดกันสองสามที ยังไม่ได้ไตรเซปไบเซปกันเลย เอาเหอะ ตามสบายนะ ฉันจะไปทำวัด"
"ครูพละชื่อวัดหรือครับ" บอยแซว
แคที่ตบหัวบอย บอยหัวเราะ
"นี่แน่ะ ทำวัตรเย็นโว้ย"
แคที่เดินออกไป
"จัดของเสร็จ ก็เตรียมตัวเรื่องเพลงใหม่ได้แล้ว อาทิตย์หน้าจะขึ้นคอนเสิร์ตแล้วนะ" โรสบอก
"ยังไม่มีครูสอนเลย...เฮ้อ กลุ้ม"
"ซีโร่ล่ะ ทะเลาะกันหรือ"
"อย่าไปพูดถึงเขาเลยค่ะ"
มาลี เศร้าๆ หันไปจัดกระเป๋า บอยกับโรสยิ้มกัน
"ทองทาโทร.คุยกับพี่ประจำเพราะเธอไม่รับสาย ตอนนี้เขายุ่ง ทำอัลบั้ม เขาคงยังไม่รู้ว่าเธอมากรุงเทพแล้ว" บอยบอก
มาลีฟังแล้วก็มีสีหน้าคิด โรสยิ้มกับบอย พยายามช่วยทองทาต่อไป
บอยหยิบของออกมาให้โรส เป็นจำพวกเสื้อยืดจากผ้าทอมือ ยื่นต่อให้หนูมาลี
"นี่ของฝาก จากบ้านเรา พี่ฝากหนูมาลี เอาไปบ้านทองทาหน่อย ตอนเขามา เขาชมว่าสวย บอกเขานะว่า พี่ฝากมา"
มาลี คิดๆว่าจะไปดีไหม
วันเดียวกัน โยทะกาประชุมงานกับสต๊าฟ
"งานที่เร่งที่สุดตอนนี้ คือการปล่อยเพลงซิงเกิ้ลของทองทา ตามแผนงานที่คุณบรมวางไว้ให้"
เลขาจ๋าท่าทางเชิด ร้ายกว่าแต่ก่อนและแต่งตัวสวยเยอะขึ้น ดูเป็นผู้บริหารกว่าเดิมเคาะประตูแล้วเดินเข้ามานั่ง
"ขอโทษค่ะที่มาช้า"
"เธอมาทำไม"
"ดิฉันเป็นตัวแทนของคุณเมืองแมนค่ะ"
"เธอลาออกไปแล้วไม่ใช่หรือ"
"ค่ะลาออกไปแล้ว ลาออกจากเลขาของคุณ ไปเป็นเลขาคุณเมืองแมนไงคะ"
จ๋ากร่างใส่ ถือตัวว่าเป็นเมียน้อย โยทะกาหน้าเสีย เธอมองสต๊าฟที่เริ่มแอบยิ้มๆแล้ว หน้าซีดหนักขึ้นอีก
เมืองแมนทำงานอยู่ในห้อง โยทะกาเปิดเข้ามาโวยวาย
"ไหนบอกว่าจะให้เขาลาออกไง"
"ก็เขาไม่ยอม"
"คนในนี้เริ่มซุบซิบกันแล้ว"
"ก็ปากคน คุณจะเอาอะไรล่ะ"
"คนที่แล้วดารา คนก่อนหน้านี้นางแบบ มาคนนี้เลขาของฉันเอง ฉันต้องทนไปอีกนานเท่าไหร่…ฉันขอหย่า !"
เมืองแมนโมโห ลุกขึ้นยืนทันที
"นี่....อย่าบ้านะ ทีเมื่อก่อนก็ยอมทุกอย่าง มาตอนนี้เป็นอะไรขึ้นมา ยิ่งแก่ยิ่งบ้า !"
โยทะกาน้ำตาคลอ
"ฉันไม่ได้บ้า ฉันต้องการมันจริงๆ หย่าให้ฉันเถอะ"
"ถ้าคุณหย่า ผมจะยึดตำแหน่ง ยึดทรัพย์ ทุกอย่างที่คุณมี มันจะไม่เหลืออะไรเลย เพราะทุกอย่างที่เป็นตัวคุณ มันเป็นของผม"
โยทะกาเข้าไปอ้อนวอน
"คุณเมืองแมน ปล่อยฉันไปเถอะนะคะ"
เมืองแมนเขย่าแขนโยทะกา ที่เอาแต่ร้องไห้ ข้างในลึกๆ คือผู้หญิงอ่อนแออย่างเห็นได้ชัด
"ไม่ คุณอยู่ไม่ได้หรอกถ้าไม่มีผม อายุแค่สิบแปด คุณก็มาอยู่กับผมแล้ว เรียนยังไม่จบด้วยซ้ำ คุณมีทุกวันนี้เพราะผม คุณจะเป็นยังไงถ้าไม่มีผม... คิดสิคิด !"
ทองทาหงุดหงิดเมื่อได้ฟัง โยทะกามาปรึกษาที่บ้าน
"ที่เขาพูด...จริงหรือ พี่อยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีเขาจริงหรือ"
โยทะกาพยักหน้า ร้องไห้ออกมา
"ไม่รู้นะ ผมว่ามันแค่ความเคยชิน ใช่ ตอนนั้นพี่ไม่มีอะไรเลย แต่ตอนนี้ เกือบยี่สิบปีแล้ว พี่เรียนจนจบแล้ว งานทุกวันนี้พี่ก็ทำด้วยตัวเองจริงๆ มีประสบการณ์ทำงานทีวีมาตั้งสิบๆปี เริ่มต้นใหม่ไม่ได้จริงหรือครับ"
"ไม่ว่าพี่จะหายไปไหน ไปทำงานอะไร เขาตามทำลายพี่แน่"
"พี่กลัวไปเองหรือเปล่า"
"ไม่ ….เขารู้สึกว่าพี่เป็นสมบัติของเขา ถ้าพี่ออก งานเขาจะเสียหาย เขาจะยิ่งแค้น ยิ่งอาละวาด เรื่องของเอ้อ…" โยทะกาเกือบหลุดปากเรื่องหนูมาลี
"มีอะไรครับ"
โยทะกามองหน้าแล้วตัดใจไม่พูด
"เรื่องอื่นๆ ก็เป็นปัญหาไปหมด พี่นอนไม่หลับมาหลายคืนแล้ว ไม่รู้จะทำยังไง"
โยทะการ้องไห้ออกมาอีก
"ร้องออกมาเถอะ จะได้ระบายออกมานะพี่"
ทองทาเข้าไปกอด มาลีเดินเข้ามา ตะลึง รีบถอยออกไปแอบดูที่มุมหนึ่ง
"ความทุกข์ทุกอย่างสักวันมันต้องผ่านไป พี่เข้มแข็งมาตลอด พี่ต้องทำได้อีก"
โยทะกากอดตอบยึดทองทาไว้เป็นที่พึ่ง
มาลีเจ็บปวดไม่ค่อยเข้าใจนัก เลยวางของไว้ตรงนั้น ค่อยๆเดินออกไป อย่างเงียบเชียบ
การะเกดเล่นกับโต้งอยู่บนต้นไม้เหมือนเด็กๆ นั่งอยู่บนกิ่งสูง เด็ดลูกไม้จากต้นมาปาใส่กัน หัวเราะร่า เสียงลั่นทุ่ง อธิเดินมาหา
"ทิ้งแม่อยู่คนเดียว มาเล่นกันตรงนี้เอง"
เกดตกใจ
"แม่เป็นอะไรหรือเปล่า"
"เปล่า พี่มาตามไปกินข้าว"
เกดถอนใจโล่ง โต้งเอาผลไม้มาเขวี้ยงเกดอีก
"เฮ้ย อย่าๆ ไอ้โต้ง อย่า"
โต้งปีนลงมาตามด้วยการะเกด ทั้งสองยังแอบเขวี้ยงลูกไม้ใส่กัน อธิมองไม่วางตายิ้มๆ
การะเกดนึกว่ามองเสื้อตัวเองเลยมองตาม
"แหะๆ เสื้อเปื้อนหมดเลย"
"ไม่ได้มองเสื้อ ...ไม่ได้เห็นเกดหัวเราะมาเป็นเดือนแล้ว"
การะเกดอึ้งไป จริงของอธิ
บริเวณแคร่หน้าบ้าน การะเกด เด็ดกระถินอยู่ โต้งทำงานบ้านทั่วไป อธิหยิบกีตาร์มานั่งเล่น
"อยู่ที่นี่ไม่มีเงิน แต่ก็ไม่อดตาย จับกบ เก็บยอดกะถิน ไปทำงานโรงงาน ก็อยู่ได้ทั้งปีแล้ว"
"คิดเหมือนพี่ พี่กำลังทำเรื่องขอย้ายมาทำงานที่นี่"
"พี่อธิเล่นกีตาร์เป็นด้วยหรือ พี่เกด ร้องเพลงให้ฟังหน่อย" โต้งบอก
"มาเริ่มเลย"
การะเกดลุกหนีไปทันที เพราะยังฝังใจเรื่องวานิช ไม่อยากร้อง
"โต้งร้องเถอะ พี่ไม่อยากร้อง"
อธิอึ้ง เสียงมือถือดัง
"ขอโทษที่รบกวนนะคะ การะเกดเขาไม่รับสายน่ะค่ะ คิดถึงเขาไม่ได้คุยกันเลย" มาลีบอกมาทางสาย
"เขาปิดมือถือ ทำท่าเหมือนจะไม่กลับไปกรุงเทพ ตัดโลกทางนั้น แต่เขาสบายดี ดูมีความสุขขึ้น"
"ได้ยินอย่างนั้นก็ค่อยยังชั่ว ฝากบอกว่า หนูมาลีโทร.มาแล้วกันนะคะ"
"ได้จ้ะ"
"เอ้อ พี่อธิคะ พี่ทองทาเนี่ย เขามีปัญหากับพ่อ แล้วบรรดาผู้หญิงของพ่อ เอ้อ ..."
"ไม่นะ เขารักเบลเหมือนน้องสาวแท้ๆด้วยซ้ำ เขาไม่ใช่คนขี้อิจฉาหรอก ยิ่งเมียคนสุดท้าย...คุณโยน่ะ มันยิ่งคลั่งไคล้เขา พี่ยังแซวบ่อยๆ ว่ามันจะแย่งเมียพ่อ"
หนูมาลีฟังแล้วเศร้าไป
"อ๋อค่ะ หนูเคยสนิทกับพี่เขามาก แต่เอาเข้าจริงก็แทบไม่รู้จักเขาเลย"
มาลีวางสาย
"เอ้อ เดี๋ยวสิ เฮ้ย ซวยแล้วกู ขอโทษนะเพื่อน"
ทองทาเดินมาส่งโยทะกาแล้วเดินกลับมา เจอถุงใส่เสื้อ ทองทากดมือถือ
"พี่โรส ให้คนเอาของมาฝากหรือครับ ... หนูมาลี หรือครับ เอ๊ะไม่เจอนี่ครับ"
โรสกำลังคุยโทรกับทองทา
"นางนี่เรื่องเยอะจริง มันคงวางเสร็จแล้วหนีกลับล่ะสิ"
"เฮ้อ กลายเป็นคนมองหน้ากันไม่ติดซะงั้น เมื่อไหร่เขาจะทำใจเรื่องผมได้เสียทีเนี่ย ต้องให้กลายเป็นเกย์ไปใช่ไหม เขาถึงจะพอใจ"
โรสคิด ตามนึกกันไปว่าเป็นเรื่องนี้
มาลี นั่งซึมอยู่ในสวน บ้านแคที่
"เอ้า นั่งซึมอะไรอยู่ ถ้าไม่ซ้อมร้องเพลง ก็ไปอ่านหนังสือเรียนโน่น นั่งคิ้วผูกโบว์สามชั้นอยู่ตรงนี้ เสียเวลา"
"จะขึ้นคอนเสิร์ตแล้ว พี่โรสต้องเป็นคนสอนหนูร้องเพลงแล้วล่ะ"
"เรื่องทองทาน่ะ"
"ไม่ต้องพูดแล้ว เอ้านี่ฟัง"
มาลีใส่หูฟังมือถือให้โรสข้างหนึ่ง ตนข้างหนึ่ง
บริเวณหน้าบ้านประตูเปิดกว้าง โยทะกาแอบยืนมองอยู่
"เพลงนี้เพลงแรกนะ กับเพลงที่สอง หนูจะร้องเพลงไหนดี"
"ก็ร้องที่ตัวเองชอบ"
"งั้นเอาเพลงแรก"
"โฮ้ย เพลงอะไรก็ไม่รู้ ฟังไม่รู้เรื่อง เอาเพลงที่สองดีกว่า"
"เพลงแรกมันเพลงวัยรุ่น พี่ไม่รูัจัก พี่สอนไม่เป็นใช่ไหมล่ะ"
"อีนี่มาดูถูกกัน ฉันไม่มีความรู้ ฉันไม่ทำคณะคาบาเรต์มาได้เป็นสิบๆปีหรอก เอาเพลงสอง มาเริ่มเลย"
"เอ๊ะ ไหนบอกให้เลือกเอง ....ตัดใจละ เอาเพลงแรก"
"ก็บอกให้เอาเพลงสอง"
"เพลงแรกเถอะนะ"
"ทำไมวะ เพลงเก่าหน่อย ร้องไปมันจะตายหรือไง โถอีสมัยใหม่ วัยรุ่น สมองปลาทอง วันๆ นุนิ งุงิ ไร้รสนิยม"
มาลีแกล้งทำเสียง ทำหน้าแอ๊บแบ๊ว เอาหัวไปชนๆ อ้อน
"นุ นุนิ งุงิ"
"ไม่ต้องมาอ้อน เหงื่อทั้งตัว เหม็นเชียว สระผมเมื่อไหร่"
มาลีเอาหัวไปถูกที่เสื้อที่ไหล่
"เพิ่งสระ... เดือนที่แล้ว นี่ๆ"
"อ๊าย สกปรก มีเหาป่าว อย่าเอาเหามาติดฉัน"
โรสหนี มาลีไล่กอดเอาหัวไปถูๆ
"เฮ้ย ไป มีจริงป่าววะเนี่ย ชักคันแล้วนะ"
โยทะกาแอบมอง หัวเราะตามพ่อลูก โรสหันไป โยทะกาหลบไป โรสคิดๆ ระหว่างที่หนูมาลียังกอดอ้อนพ่อ
โยทะกานั่งเศร้าในรถ โรสเดินมาเปิดประตูเข้าไปนั่งข้าง
"รู้ได้ยังไงว่าเราอยู่ที่นี่"
"ผู้เข้ารอบต้องรายงานตัวตลอดเวลาว่าอยู่ที่ไหน"
โรสพยักหน้า มองหน้าอีกฝ่ายที่ทำเหมือนจะร้องไห้
"เป็นอะไรหรือเปล่า"
"เบื่อน่ะ เบื่อไปหมด ก็เลยแวะมาดูว่าหนูมาลีทำอะไรอยู่....มีความสุขมากใช่ไหมเวลาอยู่กับลูก เขาคือรักแท้ ใช่ไหม ความรักอย่างอื่นคงสู้ไม่ได้ เขาเป็นของของเราจริงๆใช่ไหม"
"เป็นของๆเราคงไม่ใช่ แต่รักแท้น่ะใช่ เพราะรักแท้หมายถึงให้โดยไม่หวังอะไรตอบแทน"
"เธอมีโอกาสนั้นแต่ฉันไม่มี …ไม่มีสิทธิ์"
"ถ้าอยากบอกเขาฉันว่า..."
โรสมองหน้าโยทะกาแล้วก็สงสาร ชักใจอ่อน คิดหาทางให้ เธอส่ายหน้าปฎิเสธ
"เขาไม่อยากเจอฉัน เพราะโกรธ ส่วนฉันไม่อยากเจอเขาเพราะทนความเกลียดในสายตาเขาไม่ได้ ตอนนี้ฉันเป็นคนที่เขานับถือ แล้วถ้าเขารู้ความจริงล่ะ ..."
โรสมองอย่างเห็นใจ เข้าใจ
อ่านต่อตอนที่ 11