xs
xsm
sm
md
lg

มาลีเริงระบำ ตอนที่ 6

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


มาลีเริงระบำ ตอนที่ 6

วันใหม่ เมืองแมนอ่านไอแพด อ่านข่าว ระหว่างทานอาหารเช้า โยทะกาเดินมาหา

"ทำไมนักข่าวยังเล่นเรื่องนี้อีก"
โยทะการับมาอ่าน ในเฟซบุ๊ก - ไอจี มีข้อความข่าวในเน็ตและภาพยาหยีนีน่า อยู่ที่เกาหลี เป็นพวกภาพที่ลงไอจีส่วนตัวของยาหยี นีน่า
โยทะกาอ่าน
“พบภาพไอจีของยาหยี นีน่า คนสนิทของเบลอยู่ที่คอนเสิร์ตในเกาหลี หรือว่า เบลจะอยู่ที่นั่นด้วย”.... ตายจริง ถ้าเขาเช็ค รายชื่อผู้โดยสาร เครื่องบิน
"ผมจัดการแล้ว ทางสนามบินลบชื่อยายเบลออกแล้ว"
"ค่อยยังชั่ว"
"ถ้าผมจะห่วง...ก็นายทองทา ไอ้คนนี้มันเหมือนเกิดมาเป็นศัตรูผม มันเป็นพยานในที่เกิดเหตุ ว่าเบลไม่ได้อยู่ที่นั่น มันอาจถ่ายรูปเอาไว้"
"คงไม่หรอกค่ะ"
"แต่เขาไม่ใช่พี่น้องแท้ๆกับเบล แม่ของบลคือคนที่ช้องนาง แม่ของทองทา เกลียดที่สุด แล้วถ้าช้องนางสอนทองทาให้เกลียดแม่ของเบล"
"เขาไม่เคยพูดเลยค่ะว่าเขาไม่ชอบเบล เขาแยกแยะออก"
"แต่ว่า..."
"เอาอย่างนี้ ถ้าคุณระแวงลูกชายคุณนักล่ะก็ คุณก็ควรให้เวลาที่จะทำความเข้าใจกับเขาหน่อย"
"ให้เวลาหรือ"
"พอคุณคบกับแม่ของเบล คุณก็ทะเลาะกับคุณช้องนาง คุณช้องนางเอาตัวทองทาไปเมืองนอกตั้งแต่เขายังเล็ก คุณกับเขาไม่ได้ใกล้ชิดกัน แต่ทองทาเป็นคนอ่อนโยน ถ้าคุณเปิดใจ คุณกับเขา จะเข้ากันได้ไม่ยาก"
เมืองแมนมีทีท่าคิดๆ
"เขาจะยอมรับผมได้จริงหรือ"
"อยู่ที่คุณแล้วค่ะ"
"ใจจริง ...ผมอยากได้เขามาช่วยงานที่นี่ ผมแก่ลงทุกวัน เบลเป็นผู้หญิงยังไงก็ไม่เหมือนทองทา อายุเขาก็พร้อมแล้วที่จะมาเรียนรู้กิจการของเรา"
"ถ้าอย่างนั้นจะรออะไรอยู่ล่ะคะ"
เมืองแมนคิด

รถเมืองแมนมาจอดหน้าบ้านทองทา จังหวะนั้น เมืองแมนเห็นทองทามาขึ้นรถตัวเองขับออกไป เมืองแมนเลยบอกคนขับรถของตัวเอง
"ตามไป"
รถเมืองแมนตามรถทองทาไป

ภายในโรงพยาบาลคนโรคจิต ช้องนางนั่งฟังเพลงกับหูฟังอยู่ ทองทาเดินมานั่งข้างๆ
"แม่ครับ"
"ทองทา"
"พักหลังคุณช้องนางจำชื่อคุณได้แม่นเลยนะคะ เมื่อเช้า ยังถามถึงคุณกับคุณหนูมาลี ไม่ถามถึง... เอ้อ อีกคนเลย"
ทองทายิ้มพอใจ
"วันนี้แม่จะเต้นสวอนเลค รอดูนะ แต่เดี๋ยว ขอเสริมสวยก่อน"
ช้องนางหยิบแป้งตลับที่มีกระจกขึ้นมาเสริมสวย เงาจากกระจกสะท้อน ภาพของเมืองแมนที่ยืนอยู่ข้างหลัง ช้องนางทิ้งกระจกลงพื้นแล้วร้องกรี๊ดยาวออกมาเหมือนเห็นผี
"แอร๊ย ไอ้เมืองแมน แกมาทำไม ไอ้บ้า ฉันเกลียดแก แกนอกใจฉันไปหายายไฮโซลูกคุณหญิงนั่น ฉันจะฆ่าแก"
ช้องนางพุ่งเข้ามาตบตีเมืองแมน ทองทาและพยาบาลเข้ามาจับ

"อย่าครับแม่ อย่า ๆ"

ในเวลาต่อมา ช้องนางนอนหลับบนเตียงเพราะฤทธิ์ยา นางพยาบาลดูแล เมืองแมนกับทองทาอยู่ห่างออกมา คุยกัน ขณะมองช้องนางที่นอนอยู่

"อาการเขาหนักกว่าที่ฉันคิด"
"ช่วงแรกๆ แม่ต้องดูแลผม แม่แค่ติดยานอนหลับ ตอนหลังผมต้องไปอยู่ประจำ แม่เหงา ก็กินยามากขึ้น ยาพวกนั้นมันค่อยๆทำลายสมอง"
"แล้วไหนบอกมีแฟนเป็นฝรั่ง"
"จะมีกี่คนเขาก็ไม่ลืมคุณ คุณเป็นรักแรก เขาโทษว่าชีวิตเขาล่มจม เพราะคุณ"
"บ้า ...คนเราเลิกกัน ก็หาใหม่สิ เรื่องธรรมดาจะตาย คิดดู เขาแบ่งค่าเลี้ยงดูไปเท่าไหร่ เสวยสุขไม่ต้องทำงานไปทั้งชาติ แล้วจะเอาอะไรจากฉันอีก"
"เรากำลังพูดถึงความรัก มีใครพูดถึงเงินหรือครับ"
"แล้วแกอิ่มท้องเพราะความรักหรือเปล่าล่ะ"
"พ่อไม่เคยรู้จักความรักเลย ไม่เคยแม้แต่รักอาชีพ รักเกียรติยศของตัวเอง ยายเบลโกง คนด่าทั้งประเทศ ยังเฉยอยู่ได้"
"แกนี่มัน โฮ้ย แล้วไอ้รองเท้า เสื้อผ้า หรือแม้แต่ความสามารถแก มันไปขุดดินขึ้นมาหรือ มันก็ต้องใช้เงินซื้อ ทุกอย่างก็เงินทั้งนั้น อย่าโง่เหมือนแม่แกหน่อยเลย โฮ้ย คุยกับแกแล้วอารมณ์เสีย ฮึ่ย"
"ผมอ่ะ ไม่ใช่แค่อารมณ์เสีย แต่จิตตกเลยล่ะ... ผมขอร้อง ไหว้เลยก็ได้ ... อย่ามาที่นี่อีกเลย เราสองคนไม่ต้องเจอกันไปเลย ยิ่งดี !"
ทองทายกมือไหว้โวยใส่เมืองแมน ที่มีแต่ความเกลียดชังพ่อ

โยทะกายืนรอฟังข่าว เมืองแมนกลับมาถึงบ้าน
"เป็นไงคะ"
"ผมทำพลาด ตอนนี้เขาเกลียดผมยิ่งกว่าเดิม เกลียดพอที่จะทำลายผมและงานของผม เขาจะแฉนักข่าวเรื่องเบลเมื่อไหร่ก็ได้"
โยทะกากลุ้ม

ภายในห้องโถง สถานีเอ็มเอ็มแชนนัล สื่อต่างๆมาลงทะเบียน กล้องพร้อม พิธีกรเตรียมตัวอัดรายการ ยืนคุยกันกับสต๊าฟ ดนตรีคึกคัก

ผู้เข้ารอบทุกคนมายืนฟังรับบรีฟจากสต๊าฟ
"วันนี้ เป็นการแถลงข่าวเปิดตัวผู้เข้ารอบทั้งแปดคน หน้าที่ของทุกคนคือการถ่ายภาพ ให้สัมภาษณ์ แล้วก็ขอให้ท่านผู้ชมคอยติดตามรายการของเรา เพราะนับจากวันนี้เราจะเปิดโหวตอย่างเป็นทางการ"
สต๊าฟออกไป ผู้เข้ารอบหันมาคุยกันเอง
การะเกดบอก
"วันนี้เราเอาเนื้อจิ้มแจ่ว มาฝากทุกคนด้วยจ้ะ"
"เราแข่งขันกันก็จริงแต่อย่าเป็นศัตรูกันเลยนะคะ" มาลีว่า
"หลังแถลงข่าวเขาจะให้โหวตโดยไม่จำกัดเวลา เปิดโอกาสให้คนมีเงินมากกว่าเป็นคนชนะ คิดดูนะเวลาตั้งสี่เดือนกว่าจะถึงรอบสุดท้าย คนมีเงิน มีโอกาสกว่าเห็นๆ"
สามสาววิตกทันที ภูมิยิ้มเยาะ สะใจที่สามสาวสีหน้านอยด์ขึ้นมา
โกมินทร์บอก
"จริงด้วย ....คุณเบล รวยที่สุด นายเองก็ไม่มีปัญหา"
ภูมิยักไหล่
"อย่าไปเชื่อเขา คะแนนเสียงก็เป็นสิ่งสำคัญ ไม่งั้น เด็กจากเชียงใหม่ ที่เคยเป็นแค่เด็กชงกาแฟอย่างพี่ซีโร่จะชนะคราวที่แล้วได้ไง" ทิมมี่บอก
ภูมิเคืองมองทิมมี่
สามสาวยิ้มหน้าตาดีขึ้น ยิ้มให้ทิมมี่ที่ยักคิ้วโปรยเสน่ห์ตามนิสัย
การะเกดจะนั่ง น้อยหน่าดึงเก้าอี้มา การะเกด ก้นจ้ำเบ้า
"อ๊าย"
หนูมาลีรีบไปช่วย
"เกด เป็นอะไรไหม"
การะเกดส่ายหน้า ไม่เป็นอะไรมาก
"นี่ จะดึงอะไร ทำไมไม่ดู"
" อุ๊ย ขอโทษนะ การะเกด ฉันขาเป็นเหน็บขึ้นมา ไม่ทันมอง แต่เธอเป็นเด็กเสิร์ฟไม่ใช่หรือจ๊ะ ยืนไหวอยู่แล้วเนอะ ให้คนป่วยอย่างฉันเถอะนะ"
น้อยหน่าลงนั่งบีบขาตัวเอง สายตารังเกียจ ดูร้ายกาจ
สามสาวมองหน้ากัน กระซิบ

"แข่งกับเงินน่ะก็โหดอยู่แล้ว แต่ต้องมาแข่งกับคนที่ดูถูกพวกเราเนี่ย เฮ้อ" ชงโคบอก

พิสมัยบอกซีโร่ขณะจอดรถ

"ขึ้นไปที่ห้องวีไอพีนะ เดี๋ยวพี่ไปคุยงานที่ออฟฟิศก่อน เผื่อมีพรีเซนเตอร์ติดต่อมา ช่วงนี้ต้องขยันหาหน่อย"
พิสมัยแยกกันกับซีโร่

ซีโร่จับที่เปิดประตูที่มีป้ายติดว่า "ห้องวีไอพี" พร้อมกันกับบุษบาบัณ ทั้งสองตกใจหันมามองหน้ากัน
บุษบาบัณมีกระเป๋าหมาตัวน้อยตัวเดิมหิ้วมาด้วย
"ห้องวีไอพีไม่เห็นหรือ"
"เห็นครับ แต่ผมคิดว่าน่าจะเป็นห้องผม"
ซีโร่ถอดแว่นกันแดดออก ยิ้มให้ โชว์ความหล่อของตัวเองให้เห็นชัดๆ
"อ้อ คุณซีโร่ ฉันรู้จักคุณ แล้วคุณรู้จักฉันไหม"
บุษบาบัณเอาแว่นกันแดดของตนยกขึ้นบ้าง
"คุณเบล…"
"ระหว่างลูกสาวเจ้าของสถานีกับ ศิลปิน ใครจะวีไอพีกว่ากันเป็นคำถามที่น่าสนใจว่าไหม"
มือถือซีโร่มีเสียงข้อความ ซีโร่กดอ่าน
"ผู้จัดการผมส่งข้อความมาบอก เราต้องใช้ห้องแต่งตัวด้วยกัน"
"ใช้ด้วยกัน ! กับคุณเนี่ยนะ"
"ห้องเต็มน่ะ วันนี้คนเยอะ ถ้าไม่พอใจ ต้องให้พ่อคุณสร้างใหม่"
เธอโมโหกับท่าทางยะโสของซีโร่
"นี่ กล้าพูดอย่างนี้กับฉันหรือ ..อ๋อ เข้าใจละ เป็นแชมป์ซุปเปอร์สตาร์รุ่น 1 ก็เลยนึกว่าตัวเองเป็นซุปตาร์จริงๆ เป็นไงล่ะ ได้ข่าวว่างานหดเหลือเดือนหนึ่งไม่กี่วัน แล้วอีกหน่อยซุปตาร์รุ่นสองก็กำลังจะมา อีกหน่อยคนก็ลืม"
ซีโร่โกรธมาก ระงับสติ บุษบาบัณสะบัดบ๊อบใส่แล้วเข้าห้องไป ซีโร่จำใจตามไป

บุษบาบัณเดินเข้ามานั่งในห้องวีไอพี เอาหมาออกจากกระเป๋ามาเล่น ซีโร่จะนั่ง เธอโวย เหมือนสั่งคนใช้
"เดี๋ยว...ไปเอาน้ำมาให้ฉันแก้วหนึ่ง คนของฉันยังไม่มา"
ซีโร่หลับตา อดทน แล้วยืนขึ้นถาม เตรียมไปเอาให้
"น้ำอุ่นใช่ไหมครับ"
"น้ำให้หมา"
ซีโร่ยกเลิก นั่งลง
เธอหันมาเจอ
"เอ๊ะ"
"ผมจะทำให้เพราะเป็นหน้าที่ของสุภาพบุรุษ แต่สำหรับผู้หญิงหยาบคาย ผมไม่ต้องทำก็ได้"
"นี่...นายกล้าหรือ"
"ผมมายืนตรงนี้เพราะเสียงโหวตจากคนทั้งประเทศ ถ้าอำนาจเงินของคุณมันจะใหญ่กว่าเสียงมหาชน ก็ให้มันรู้ไป"
เธอยอมอ่อนลง
"เอาล่ะ ฉันไม่วางอำนาจกับคุณก็ได้ ฉันขอโทษแล้วกัน แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันจะขอ"
"คุณต้องการอะไรจากผม"
"วันก่อนฉันดูเทป คุณเหมือนจะรู้สึกดีกับแก๊งค์สาวเสิร์ฟ นั่นเท่ากับยกคะแนนแฟนคลับของคุณให้พวกมัน คุณต้องเลิกทำแบบนั้น เพราะถ้าพวกมันเข้ารอบ คนตกรอบคือฉัน"
"แล้วถ้าผมไม่เชื่อ"
"ไล่คุณไม่ได้ไม่เป็นไร บางทีการอยู่สถานีแห่งนี้อย่างไม่มีความสุข อาจจะทำให้คุณอยากลาออกเอง"
บุษบาบัณมีสีหน้าดุคุกคาม แล้วเอาหมาไปวางบนตักซีโร่ หมาฉี่ออกมา ซีโร่รียยกหมาแล้วลุกขึ้น
"เฮ้ย... เปียกหมดเลย คุณนี่มันร้ายจริงๆ"
"หันมาสนับสนุนฉัน ไม่งั้น ชีวิตการทำงานคุณไม่สวยแน่ !"
ซีโร่เซ็ง

ภายในห้องแต่งตัว มาลีดึงชุดให้สูงๆ ปิดหน้าอกมากขึ้น
"เอาแบบมิดๆค่ะ คุณเห็นผู้หญิงเป็นสินค้าแบบนี้ไม่ได้นะคะ"

ช่างงง มองหน้ากัน เด็กคนนี้อะไรของมัน การะเกดขำ

ครูของบุษบาบัณเดินพามาตามทางไปยังห้องโถง สอนไปด้วย นีน่ากับยาหยีตามมาด้วย

"ความรู้สึกข้างในเป็นสิ่งสำคัญ ความรู้สึกดี ที่มีต่อทุกคน จะทำให้เราให้สัมภาษณ์ได้ดี คำถามนักข่าว ไม่ว่ารุนแรงแค่ไหน เราต้องไม่รำคาญที่จะตอบ"
บุษบาบัณยังว้าวุ่น ตื่นเต้น พยายามหายใจเพื่อบรรเทาอาการตื่นเต้น ครูเลยบอกให้หยุดเดิน
"หยุดก่อนค่ะ มองครูนะคะ ตื่นเต้นใช่ไหมคะ ยิ้มไว้ค่ะ ยิ้มไว้"
สามสาวในชุดแดงเปิดประตูห้องแต่งตัวตัวเองออกมา บุษบาบัณเห็นเข้า
"แอร๊ย"
สามสาวชะงัก หยุดมอง กลุ่มเบลยืนห่างไป
"อะไรคะ อะไร" นีน่าถาม
เธอชี้ แล้วพูด
"สีแดง ! แล้วทำไมฉันถึงใส่สีขาว"
ครูตอบเสียงเบา
"ทีมสไตล์ลิสต์ วาง theme ของคุณให้อ่อนหวานเป็นคนดี สีขาวเหมาะแล้วค่ะ"
"แต่สีแดง ถ่ายรูปขึ้นกว่า มันเด่นกว่า ….สามคน สามแดง ฉันจะเหลืออะไร"
กลุ่มของมาลีได้ยินไม่ถนัด เดาจากอาการ
"พวกคุณเบล เหมือนคุยเรื่องของพวกเรา" มาลีบอก
"ดูสายตา ไม่ใช่เรื่องดีแน่ กรี๊ดออกมาขนาดนั้น" ชงโคว่า
บุษบาบัณบอกว่า
"ฉันต้องการชุดใหม่ ที่เด่นกว่านั้น"
ยาหยีบอก
"ครูพีชไปจัดการสิคะ"
ครูอึดอัด
"ไปสิคะ คุณเป็นครูของเบลนะ หรือต้องให้ใช้คำนี้ ลูกจ้าง !"
ครูอึ้ง ค้อน ยอมเดินจากไป
"ชิ ยืนบื้ออยู่ได้" ยาหยีบอก
"แค่นั้นไม่พอ เดี๋ยวนีน่าจะไปจัดการพวกนั้น" นีน่าบอก
นีน่า ยาหยีเดินไปหาสามสาว
"คุณเบลต้องการให้พวกคุณกลับไปห้องแต่งตัวก่อน จะให้เปลี่ยนชุดใหม่"
การะเกดถาม
"มีปัญหาอะไรคะ"
"บอกให้ไปก็ไปเถอะน่า เร็วเข้า เดี๋ยวคนอื่นเข้ามาเห็น"
ชงโคถาม
"พวกเราแต่งตัวสวยกว่าใช่ไหมล่ะ"
มาลีมองหน้าบุษบาบัณที่ยืนหันไปทางอื่น เธอยกมือถือมากดเล่น เหมือนไม่สนใจ
"จริงหรือ ไม่น่านะ มันไม่เห็นจะเด่นกว่าตรงไหน เขาอาจจะมองว่าชุดเราโป๊เกินไปก็ได้ ดูชุดเขาสิ เรียบร้อยออก"
ชงโคบอก
"ชุดเราสีแดง ฉันรู้เรื่องเสื้อผ้าดีน่า"
"งั้นฉันไปถามเขาเอง"
มาลีเดินไปหาบุษบาบัณ
"คุณมีปัญหาอะไรกับชุดของเราหรือเปล่าคะ"
เบลถอนใจ เล่นมือถือต่อไปไม่ใช่หน้าที่ซึ่งจะต้องมาตอบ เดี๋ยวนีน่า ยาหยีมาจัดการเอง
"คุณเบลคะ ถ้าชุดเราโป๊ไป เราก็อยากรู้ไว้ค่ะ"
นีน่า ยาหยี ชงโค การะเกด เดินตามมา
"นี่เธอ บอกให้กลับไปห้องแต่งตัวไง"
"ว่าไงคะคุณ"
"นี่บอกแล้วไงเดี๋ยวมีคนมาเห็น ไปเร็วเข้า เดี๋ยวให้คนเอาชุดใหม่ไปให้เปลี่ยน"
หนูมาลีถามยาหยี
"ทำไมเขาไม่คุยกับฉัน"
บุษบาบัณเซ็ง ค่อยๆหันมาพูดด้วยน้ำเสียงฟังชัด สายตาจิกได้ใจ
"ฉันเกิดมามีพี่เลี้ยงสามคน มีคนงานที่บ้านเป็นสิบคน ที่จำชื่อไม่ได้ เพราะอะไรรู้ไหม ฉันไม่คุยกับคนงาน"
มาลี หน้าชา การะเกด ชงโค อึ้ง
ชงโคบอก
"โอว ไม่มีคำด่าสักคำ... แต่แรงกว่าร้อยเท่า"
"ฉันไม่ใช่คนงานของคุณ" มาลีบอก
"พวกเธอ ไม่มีวันชนะ แล้วที่สำคัญ อีกชั่วโมงหนึ่งเธอจะเซ็นสัญญา ซึ่งแปลว่า เธอจะเป็นลูกน้องของบริษัทพ่อ หรือบริษัทของฉันนั่นเอง ... จัดการด้วย"
 
ท้ายประโยคเธอสั่งนีน่ากับยาหยี แล้วเธอก็เล่นมือถือเดินออกไป

การะเกดถาม

"นี่ตัวจริงเขาใช่ไหม เขาเป็นคนละคนกับที่ฉันดูในทีวี ในสื่อใช่ไหม"
"ที่รัก นี่คือ ”โลกมายา” จ้ะ ไอจี เฟสบุ๊ก พวกนั้น ฝีมือเราสองคน" นีน่าบอก
ยาหยีที่อุ้มหมาตามมา ยกหมาให้ดู
"ส่วนภาพที่ออกในทีวี ก็ฝีมือทีมงาน ขนาดไอ้ลูกชิ้นนี่ยังมีเอาไว้สร้างภาพเลย อยู่ที่บ้านมันถูกเตะประจำ ฮิฮิ" ยาหยีจับหัวหมา ยีๆ
สต๊าฟสองคนวิ่งมา
"เชิญพวกคุณกลับห้องแต่งตัวค่ะ มีเรื่องผิดพลาดที่ชุดนิดหน่อยค่ะ เดี๋ยวเราเอาชุดมาให้เปลี่ยนค่ะ"
สามสาวเซ็ง
"ไปซี้ เร็วเข้าเดี๋ยวไม่ทันนะ" นีน่าบอก
"เชิญค่ะเชิญ"
สามสาวเซ็งมาก สต๊าฟรีบรุนหลังไป

ในสตูดิโอออกอากาศ ตัวหนังสือ ออนแอร์ เข้าสู่การถ่ายทอดออกอากาศ
พิธีกร 1บอก
"ขอต้อนรับท่านผู้ชมทุกท่านเข้าสู่ งานแถลงข่าว เปิดตัว ผู้เข้ารอบ เดอะซุปเปอร์สตาร์ ซีซั่นสองค่ะ"

เวลาเดียวกัน ที่บ้านทองทา อธินั่งกินขนม รีบชี้ทีวี
"เฮ้ยไอ้ทองทา รายการมาแล้วโว้ย"
ภายในสวน ทองทา นั่งทำสวนไม่ค่อยสนใจนัก เบื่อๆ ที่จะเห็นหน้าเมืองแมนในทีวี

ช่วงพิธีกรเปิดตัว นักข่าวขยับตัวรุมเข้ามาถ่ายรูป
พิธีกร 1บอก
"ขอเชิญพบกับผู้เข้ารอบเดอะซุปเปอร์สตาร์ ซีซั่นสองทั้งแปดคนค่ะ คุณภูมิ คุณน้อยหน่า คุณทิมมี่ คุณโกมินทร์"
ทุกคนเดินมายืนโพสต์ ที่จุดต่างๆ หน้าฉากมุมหนึ่ง ตามประกาศเรียกชื่อ
พิธีกร 2 บอก
"ทีมสาวเสิร์ฟ มาลี การะเกด ชงโค"
กลุ่มสาวเสิร์ฟ ออกมาในชุด สีครีม ดูเรียบๆ ชงโคยิ้ม พูดลอดไรฟัน ได้ยินกันสามคน
"ไปขุดชุดนักแสดงข้างหลังมาให้เราแหงๆ กลิ่นอับๆ"
ชงโคฉีกยิ้มอยู่ เพราะคนมาถ่ายรูป

ที่ร้านเซอร์ไพร์สคาราโอเกะ ทุกคนทำงานไป แล้วมารุมดูทีวี เมื่อปลาเรียก
"ออกมาแล้ว มาดูกันเร็ว"
โรสเบ้หน้า
"โห ชุดนี้ ดีไซนเนอร์ตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น ! ... แหม อยากไปตะกุย
ทิ้งจริงๆว่ะ"
พิธีกร 2 บอก
"ทีมสาวเสิร์ฟ หนูมาลี การะเกด ชงโค และคนสุดท้ายคือ คุณเบลค่ะ"
บุษบาบัณออกมาในชุดสีขาว แต่พอเปิดออกมา ก็เห็นเป็นชุดสีทองเจิดจ้าอลังการพร้อมเพชรพรึ่บ
ร้านเซอร์ไพร์ส โรสบอก
"โอว ที่บ้านมันมีเหมืองเพชรแน่นอน มันเลี่ยมทองที่ฟันได้ เลี่ยมไปแล้วนะเนี่ย"
กลุ่มมาลีหน้าเสีย ต่างมองหน้ากัน
"โฮ้ย จะเอาอะไรไปชนะเขาวะ จัดชุดมาก็รู้แล้วว่าลำเอียง" สมศรีว่า
ปลาบอก
"เขาคงจัดชุดมาตามฐานะ กลัวคนไม่รู้ว่าเรามันจน ฮึ่ย"
ภายในห้องออกอากาศ
พิธีกร 1 บอก
"เราขอส่งผู้เข้ารอบทั้งแปดคนเข้าสู่อ้อมใจของคนดูทั้งประเทศ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราจะเปิดโหวตตลอดเวลา หกเดือนนับจากนี้ คุณจะเลือกใครเป็นซุปเปอร์สตาร์ซีซั่นสอง ขึ้นอยู่กับคุณแล้วค่ะ"
พิธีกร 2 บอก
"ทุกๆต้นเดือน เราจะมีโชว์นะคะ หลังโชว์เราจะคัดผู้ที่ได้คะแนนโหวตน้อยที่สุดออกเดือนละคน และในเดือนสุดท้าย เราจะเหลือ ผู้ชนะสามคน เพื่อแสดงโชว์ครั้งสุดท้าย และเมื่อนั้น จะเหลือแค่คนเดียวที่เป็น เดอะซุปเปอร์สตาร์"

มาลีเครียด ชักหมดกำลังใจ
 
อ่านต่อหน้า 2

มาลีเริงระบำ ตอนที่ 6 (ต่อ)

สต๊าฟเดินนำ สามสาวเข้ามานั่งรอในห้องแล้วออกไป

"เชิญนั่งรอในห้องนี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวจะมีทีมงานมาสัมภาษณ์ รอสักครู่ค่ะ"
มือถือดังขึ้น มาลีรับสาย
โรสคุยโทรศัพท์กับหนูมาลี
"ใครจัดชุดให้แก ขอฉันคุยกับมันหน่อย จะถามมันว่า มันไปเปิดซิปตู้พลาสติกปู่ย่าตายายของมัน เอาชุดมาให้แกหรือไง ไร้รสนิยมขนาดนี้ควรจะกลับไปตัดเสื้อโหลขายนะ"
มาลีดูเหนื่อยและเศร้า
"กำลังอยากได้ยินเสียงพี่เลย"
"แกเป็นอะไร"
"เขามีพรรคพวก มีเงิน มีทุกอย่าง วันนี้สายตาทุกคนที่มองพวกหนู หนูก็แค่เด็กบ้านนอก ที่ทะเยอทยานไม่เข้าเรื่อง สถานที่ตรงนี้ มันคงไม่ใช่ที่ของพวกเรา"
"ไม่มีใครดูถูกเราได้หรอกนะ ถ้าเราไม่ได้ดูถูกตัวเอง"
"หมายความว่าไงคะ"
"ฟังนะ ไอ้ที่เธอหดหู่อยู่นี่ ไม่ใช่เพราะเขาดูถูก แต่เพราะเรากำลังดูถูกตัวเราเองตามที่เขาบอกต่างหาก"
มาลีอึ้ง ได้สติ
"เลิกทำท่าหมาหงอย ซึมๆเซื่องๆ ได้แล้ว เลือดในตัวแกมันเป็นเลือดของนักสู้ จะใส่ชุดเหม็นเน่า เก่าแค่ไหน แกก็ต้องออกไปเริ่ด ไปเชิดใส่มันเดี๋ยวนี้ ฉันจะคอยดูแกทางทีวี สู้ๆโว้ย"
โรสปิดวางสาย มาลีคิดตาม
สต๊าฟคนเดิมนำ บุษบาบัณ ยาหยี นีน่าเดินเข้ามา ชงโคลุกขึ้นโวย
"พวกคุณให้คนเปลี่ยนชุดเรา เพราะกลัวเราสวยกว่า"
ลูกสาวเจ้าของสถานีฯ ทำหน้าเหนื่อยๆ เบื่อๆ ขี้เกียจตอบ เดินหอบชุดเพชรไปนั่งเล่นมือถืออยู่มุมหนึ่ง ปล่อยให้นีน่า ยาหยีคุยแทน
"รอบที่แล้วร้องเพลงดีจะตาย เธอขายเสียงของเธอไม่ใช่หรือ กลัวทำไม จริงสิ ว่าจะถาม พวกเธอหัดร้องเพลงมาจากไหน ไม่น่ามีเงินไปเรียนนะ ใครสอนล่ะ"
การะเกดบอก
"ครูของเราจบบัลเลต์ เก่งทั้งร้องทั้งเต้น ถึงตอนนี้จะเอาแต่ปลูกต้นไม้ แต่ก็สอนเก่งมาก ไม่คิดเงินด้วย"
บุษบาบัณหยุดเล่นมือถือแล้วคิด ยาหยีสะกิดเธอให้มองมาลี ที่เหมือนนั่งคิดเครียด
ยาหยีกระซิบ ป้องปาก
"ดูหน้ายายหนูมาลี เจอเรื่องชุดเข้าไป จ๋อยเหลือสองนิ้ว"
"คงไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรแล้ว สีหน้าคนแพ้ชัดๆ"
บุษบาบัณยิ้มเยาะ มองมาลีเล็กน้อยด้วยหางตา แล้วหันกลับมาเล่นมือถือต่อ
มาลีพยายามรวบรวมกำลังใจ ตามคำสอนของโรสอยู่

เวลาผ่านไป ทีมถ่ายรายการกำลังถ่ายทอดสด มาลี ชงโค การะเกดและบุษบาบัณนั่งให้สัมภาษณ์กับพิธีกร
"คุณเบลรู้สึกยังไงคะที่มีคะแนนเท่ากับกับทีมสาวเสิร์ฟ"
"เป็นเรื่องที่เบลดีใจมาก เป็นเกียรติมาก แอบชื่นชมทั้งสามคนอยู่เงียบๆ เก่งที่สุดเลยค่ะ" บุษบาบัณจับมือหนูมาลี ยิ้มหวานให้ "ไม่ว่าเบลหรือทางคุณจะชนะ เบลก็ดีใจทั้งนั้น ชนะหรือแพ้ไม่สำคัญสำหรับเบลค่ะ"

มาลีมองมือที่มาจับ อี๊ อะไรของหล่อน ... สามสาวอึ้งมองหน้ากัน นี่มันคนละคนนี่หว่า

ภายในร้านเซอร์ไพร์สคาราโอเกะ ทั้งหมดนั่งดูทีวีต่อเนื่อง โรสหยิบ ”สะตอ” จากตะกร้าอาหารสดม แล้วเอามีดปังตอ ฟันเปรี้ยง ! ขาดกระเด็นด้วยความแค้น ตะโกนลั่น

"อีสะตอ ! ฮึ่ย"
โรสมองทีวี แค้นใจแทนลูก

ตัดกลับไปที่รายการทีวี
"แล้วทางทีมสาวเสิร์ฟล่ะคะ รู้สึกยังไงบ้าง"
มาลียิ้มหวานตอบเบลที่ยังยิ้มจับมืออยู่ มาลีพูดกับกล้องและพิธีกรท่าทางมั่นใจ
"คุณเบลบอกว่า ชนะหรือแพ้ไม่สำคัญ แต่สำหรับเรา เราต้องชนะค่ะ"
มาลีมุ่งมั่นจนเบลและคนอื่นอึ้งไป
"ท่านผู้ชมรู้อยู่แล้วว่า สำหรับสาวเสิร์ฟอย่างพวกเรา โอกาส เงิน คนช่วยหลือ เราไม่มีสักอย่าง แต่ถ้าเราอ้างความไม่มีเป็นเหตุผลที่จะยอมแพ้ เราก็แค่คนขี้เกียจ คนอ่อน เพราะฉะนั้น พวกเราสามคนจะสู้ สู้ไม่มีถอยค่ะ !"
บุษบาบัณเครียด เจอท้าทายออกอากาศ

โรสตบเข่าฉาด
"เออ มันต้องให้ได้อย่างนี้สิวะ"

มาลี ให้สัมภาษณ์ต่อเนื่อง
"หนูมาลีมีบางครั้งที่ท้อ โชคดี คนสำคัญที่สุดในชีวิตคนหนึ่ง เขาได้เตือนสติไว้ พวกเราสามคนต้องเข้มแข็ง ขอให้ท่านผู้ชมทุกคน เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะ"

โรส ยิ้มดีใจที่ลูกชม
"ฮู้ย คนสำคัญในชีวิต หน้าบานเป็นจานยูเอฟโอ" บอยบอก
สมศรีบอก
"หมั่นไส้ ยอดคุณพ่อ"
ทุกคนหัวเราะกันใหญ่ โรสยิ้ม ความสัมพันธ์ ดีขึ้นทุกวัน

โยทะกา ยืนดูแลการออกอากาศอยู่
"หนูมาลี พูดดีมากเลย"
"ใครเขียนสคริปต์ให้เนี่ย พูดดีแบบนี้ คะแนนโหวตจะสูงกว่าคุณเบลนะนี่" ทีมงานว่า
โยทะกายิ้มชื่นชม
"ไม่มีใครเขียนให้ เขาแค่พูดจากใจ จากความเหนื่อยยากจริงๆของเขา"

เวลาต่อมา ทีมงานเริ่มเก็บของ เพราะถ่ายเสร็จแล้ว บุษบาบัณเดินไปด่ามาลี เป็นครั้งแรกที่เดินมาหาด้วยตัวเอง
"เธอคิดจะสู้กับฉันจริงหรือ"
"ในที่สุด คุณก็เดินมาหา มามองหน้าฉันแล้ว เป็นครั้งแรกที่ฉันอยู่ในสายตาคุณสินะ"
อีกฝ่ายอึ้ง งง
"แปลว่าอะไร"
"นับจากนี้ไป ฉันจะไม่ดูถูกตัวเองอีกแล้ว ใช่ ฉันเป็นเด็กบ้านนอก ใช่ ฉันเป็นเด็กเสิร์ฟ แต่เด็กที่ไม่มีอะไรอย่างฉันจะสู้กับคุณ ต่อไปนี้เวลาคุณพูด คุณต้องมองหน้าฉัน ในฐานะเป็นคนคนหนึ่ง ! คนที่พร้อมชนะคุณ ด้วยมือเปล่า"
ทั้งสองประจันสายตาไม่มีหลบ ประกาศสงครามกันอยู่ครู่หนึ่ง บุษบาบัณสบตากับสายตาและทีท่ามั่นใจของมาลี
ในที่สุดเธอยิ้มร้ายออกมา
"ได้ โอเค้ ฉันยอมรับ...ที่จริง เธอทำให้เกมๆนี้ สนุกขึ้นไปอีก แต่บอกอะไรนิดนะ ไอ้คนทะเยอทยาน ปีนขึ้นที่สูงน่ะ เวลามันตก เจ็บหนัก นะ !"
บุษบาบัณออกไป มาลีมองตามอย่างไม่กลัว

อธิมาเล่าให้ทองทาฟังแล้ว ทองทายกถุงปุ๋ยมาทำสวนอยู่
"กติกาคือ ทุกๆเดือนคัดออกทีละคน ถ้าระหว่างนี้มีคนถูกตัดสิทธิ์ ก็ไม่มีการคัดออกใช่ไหม" ทองทาว่า
"ใช่ คนที่น่ากลัวถูกคัดออกที่สุดคือเบล เพราะข่าวเรื่องสัญญาณภาพขาดจริงหรือไม่จริงก็ยังอยู่ กำลังจะถามแกพอดี คุณเบลยังอยู่ที่เกาหลีไม่ได้มาแข่งรอบที่แล้วใช่ไหม แกรู้เรื่องนี้และมีหลักฐานเรื่องนี้ใช่ไหม"
ทองทาเงียบ
"ระหว่างน้องกับลูกศิษย์ แกจะเลือกใคร"
ทองทาเครียด

"ระหว่างความถูกต้องสองอย่างต่างหาก กตัญญูกับยุติธรรม ฉันจะเลือกอะไร"

สามสาวเปลี่ยนชุดออกมาแล้ว กำลังจะกลับ ยังวิจารณ์กันต่อไป

ชงโคบอก
"บทเรียนวันนี้ที่เรารู้คือ ยายเบลเป็นคนน่ากลัวมาก เขาอาจจะโกงคะแนนโหวตก็ได้"
"ทีมทำโหวต เป็นคนกลาง จากมหาวิทยาลัย จะโกงไม่ใช่ง่ายๆนะ ถ้าเราไม่มีความเชื่อ ความศรัทธาต่อความยุติธรรม ความถูกต้อง เราจะไม่มีแรงร้องเพลง จะไม่มีแรงต่อสู้นะ ... สู้ๆนะ ใจต้องสู้"
การะเกดกับชงโคพยักหน้า พยายามเชื่อหนูมาลี ซีโร่เดินเข้ามาหา
มาลีทักทาย
"พี่ซีโร่"
"ดูอะไรนี่สิ สถานีกำลังออนแอร์ เอ็มวีของพี่"
ซีโร่ กดโทรทัศน์ในห้องนั้นให้ดู ซีโร่ร้องเพลง ในชุดหล่อ มีผ้าไหมพรมของมาลีอยู่ที่คอ
"ผ้าพันคอหนูมาลี"
"พี่จะไม่กลัวใครทั้งนั้น พี่เชียร์พวกเธอ สู้ๆนะ"
ซีโร่ ขยับหมวกอย่างเท่แล้วเดินออกไป มาลีตะลึง เคลิ้ม ทำท่าเหมือนจะลอยขึ้นฟ้า

วันใหม่ มาลีวางมือถือข้างๆ ระหว่างกวาดบ้าน ถูบ้านให้ทองทา บนหน้าจอมือถือ มีมิวสิควิดีโอของซีโร่ มาลี ทำงานไป ฟังเพลินไป
ทองทาทำสวนอยู่เดินมากินน้ำ
"ฟังเพลงไป ยิ้มไป ปลื้มขนาดนั้นเลยหรือ"
"เมื่อวานพอพี่เขาพูดนะ ใจมันฟูขึ้นมาทันที กำลังใจมาจากไหนไม่รู้ เราต้องสู้ พี่ซีโร่ให้กำลังใจเราถึงขนาดนี้ ขนาดเดินมาหาในห้องแต่งตัวเลยนะ"
ทองทาบิดตัว ปวดสะบัก
"โอย ปวด ... สงสัย เมื่อวานยกถุงปุ๋ยผิดท่า"
หนูมาลีเอายามา
"เอายาทา นวดหน่อยก็หาย มาๆนั่งลง"
มาลีเริ่มนวดให้
ทองทามองหวานเชื่อม
"น่ารักจัง"
"ก็หนูมาลี รักพี่ทองทา นี่จ๊ะ"
ทองทาหัวใจพองโต ตะลึงหันมามอง แต่สายตามาลีกลับคิดว่า กำลังพูดกับเพื่อนสาวอยู่
"เมื่อกี๊พูดอะไรนะ"
"หนูจะนวดให้พี่ แต่พี่ช่วยหนูอย่างหนึ่งนะ"
"ได้ทุกอย่างเลยจ้ะ"
"หนูจะทำของให้พี่ซีโร่ ช่วยหนูนะ"
ทองทาคอตก หุบยิ้ม อารมณ์ขาดผึงไป ห่อเหี่ยว
"นะๆ"

หนูมาลี เอาริบบิ้นและขวดแก้วมาวาง ทองทาโวย
"พับดาว !"
"ใช่ พี่ซีโร่เป็นดวงดาวนำทางหนูมาถึงตรงนี้ หนูเลยจะพับดาวพันดวงตอบแทนพี่เขา"
"โห ไอ้วิธีพับดาวบอกรักเนี่ย โบ...มาก !"
"เก่าเหรอ เชยหรือ นี่ไง ใส่ขวดแก้วด้วยนะ เชยจริงหรือ"
ทองทาทำหน้าเซ็ง มันเก่ามาก
"นะ ช่วยกันนะๆ จะได้เสร็จเร็วๆ"
หนูมาลีเริ่มพับ ทองทาไม่เต็มใจ พอถูกหนูมาลียัดใส่มือ ต้องพับ

พระจันทร์ขึ้น ดึกแล้ว เพลงของซีโร่ ยังดังอยู่จากมือถือ ที่เสียบปลั๊กไว้ เพราะหนูมาลี เปิดวนอยู่ ทองทานั่งพับหลังขดหลังแข็ง แต่มาลีหลับไปแล้ว หัวพาดบนตักข้างหนึ่งของทองทา
"คุ้มไหมเนี่ย ฉันปวดหลังอยู่นะ ... เฮ้ยนี่หลับจริงหรือ"
มาลีหลับจริงจัง ทองทาเกาหัว พับดาวต่อไป ทำเพื่อเธอสุดๆ

จนพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า ทั้งสองนอนตะแคงหากัน บนพื้น ข้างๆมีดาวที่พับวางอยู่รอบๆ เพลงของซีโร่ยังวนอยู่เพราะตั้งไว้วนเพลงเดียว มาลีลืมตาตื่นขึ้น เห็นหน้าทองทาอยู่ใกล้ๆ มาลียิ้มอบอุ่น ทองทาลืมตาตื่นขึ้น ทั้งสอง นอนสบตากันในระยะใกล้
"เมื่อคืนนี้พี่ฝันดี วันนี้ตื่นมายิ่งดี"
จู่ๆมาลี สะดุ้ง นึกได้
"ดาว ! ดาวของพี่ซีโร่ โห ได้เยอะแยะเลย ถึงพันไหมเนี่ย"

ทองทาเซ็งไป แต่พอเห็นท่าทางนับดาวอย่างมุ่งมั่น ก็ยิ้มขำเอ็นดูมาลี

ภายในห้องพัก ชงโคหยิบสัญญามาเปิด พลางนึกถึงคำพูดของวานิชที่ให้เวลา 7 วันในการตัดสินใจ

"เฮ้อ เหลือเวลาอีกแค่3 วัน"
การะเกดโผล่หน้ามา ชงโครีบเก็บสัญญา
"ชงโค ….มาดูอะไรนี่"

ทั้งสามนั่งดูรายการทีวีวิจารณ์บันเทิง พิธีกร 2 คนนั่งวิจารณ์ข่าว พร้อมแทรกภาพประกอบจากเฟซบุ๊กให้ดูเป็นรายการข่าวบันเทิง
พิธีกร1บอก
"เรื่องของเรื่องก็คือ ไฮโซคนหนึ่งชื่อคุณนุ่น เขาไปเกาหลี ทีนี้ตอนบินกลับเขานั่งในชั้นเฟิร์สคลาส เขาก็ถ่ายรูปตัวเอง แล้วโพสขึ้นเฟซบุ๊ก
พิธีกร 2 บอก
"คือตอนถ่ายตั้งใจถ่ายตัวเอง แต่มันไปติดรูปคนอื่นที่นั่งข้างหลัง นี่ครับท่านผู้ชม...เราวงกลมให้ดูแล้ว คนตรงนี้อยู่ข้างหลังคุณนุ่น คุณว่าเหมือนใครครับ"
ในภาพ ไม่มีนีน่า ยาหยี เพราะไม่ได้นั่งเฟิร์สคลาส
พิธีกร 1 บอก
"คนเอาไปแชร์กันใหญ่เลยบอกว่า นี่คือคุณเบล หรือบุษบาบัณ ผู้เข้ารอบเดอะซุปเปอร์สตาร์ซีซั่นสอง คือถ้าอันนี้ใช่คุณเบล ก็มีเฮ"
พิธีกร2บอก
"เพราะมันแปลว่าคุณเบล ไม่ได้อยู่เมืองไทย ไม่ได้เข้าแข่งขัน เพราะในการแข่งขันวันนั้นสัญญาณภาพเสีย มีแต่เสียงร้องเพลง ซึ่งอาจจะถ่ายทอดมาด้วยวิธีอื่น นี่คือการลวงโลกครั้งใหญ่เลยนะผมว่า"
พิธีกร 1บอก
"มีหลักฐานออกมาอย่างนี้ ทางสถานีเอ็มเอ็มแชนัล รายการเดอะซุปเปอร์สตาร์จะทำยังไง ต้องติดตามดู"

สามสาวยิ้มดีใจ
"ถ้าไม่ได้แข่ง เขาก็ทำผิดกฎ ต้องลาออก รอบหน้า เราสามคนก็ผ่านเข้ารอบ แบบไม่ต้องใช้ผลโหวต" มาลีบอก
ทุกคนจับมือกันอย่างมีความหวัง

ในห้องประชุมของสถานี โยทะกา บรม แซนดี้ เมืองแมน นั่งประชุมในเรื่องเดียวกันคือเฟซบุ๊กคุณนุ่น เธอชี้หนังสือพิมพ์
"กระแสเรื่องนี้ที่จริงเบาลงไปเยอะแล้ว แต่ตอนนี้กลับมาใหม่ แรงกว่าเดิม"
"กระแสในเน็ตยิ่งหนักกว่า เต็มเว็บ มีแต่เรื่องนี้ โทรศัพท์ก็ด้วย แทบไม่ต้องทำงานกันเลย" บรมบอก
"ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป จะส่งผลกระทบต่อคะแนนโหวต เพราะหลังข่าวนี้ คะแนนโหวตทั้งหมดของทุกคนลดลงจริงๆ เขาหาว่าเราเป็นรายการลวงโลก"
"ฉันมีทางออก" แซนดี้บอก
เมืองแมนถาม
"ยังไง"
"ให้คุณเบลออกจากโครงการไปซะ"
บุณฑริกกับบุษบาบัณเดินเข้ามาพอดี
" ได้ยินแว่วๆ จะให้เบลลาออกหรือ ทำแบบนั้นก็เท่ากับยอมรับว่าสถานีโกหกคนจริงๆน่ะสิ"
แซนดี้บอก
"ฉันมีวิธี คุณก็บอกว่าคุณได้ทุนเรียนต่อที่วิทยาลัยดนตรีที่อเมริกาสิ ที่นั่นกำลังเปิดเทอมพอดี คุณเองก็อยากเรียนต่อด้านนี้อยู่แล้ว ฉันจะช่วยติดต่อให้"
บุษบาบัณหันมาจิกสายตา กรีดคำพูดออกมา
"ครูแซนดี้ มาจากครอบครัวนักดนตรีจนๆ คุณมีพรสวรรค์ ก็เลยขยับจากชนชั้นรากหญ้าขึ้นมาเป็นชนชั้นกลาง"
"พูดเรื่องนี้ขึ้นมาทำไม"
"คนพวกนี้แหล่ะที่เกลียดฉัน ไม่ใช่สิ อิจฉา! ฉันเจอเรื่องแบบนี้มาตั้งแต่เกิด เจอจนเบื่อ"
แซนดี้โวย
"คุณเบล !"
"คนที่ควรลาออกคือคุณ ไม่ใช่ฉัน รำคาญฉันมาก จะอยู่ทำไม แต่ฉันน่ะ ไม่สนคุณสักนิด"
"เด็กบ้า พอกันที"
แซนดี้ออกไป โยทะกาเซ็ง รีบตามออกไป
เมืองแมนบอก
"เบาๆหน่อยนะยายเบล คนทำงานพ่อทั้งนั้น เดี๋ยวก็ไม่มีคนทำงานให้แกหรอก"
บุษบาบัณหันหน้าหนี ไม่แคร์
"คุณบรม ตามหาไฮโซเจ้าของภาพนี้ให้ผมที"

บรมพยักหน้า

โยทะกาอยากขอโทษวิ่งตามแซนดี้มา

"คุณแซนดี้"
"หน้าที่ของกรรมการคือคัดคนที่เหมาะสมจริงๆ คนที่มายืนตรงนี้ ต้องเป็นที่รัก ต้องเป็นตัวอย่าง ต้องเป็นแรงบันดาลใจที่ดีของคนอื่น นี่คือหน้าที่ของฉัน"
โยทะกาชื่นชม
"คุณเป็นนักร้องมืออาชีพ เพราะมีวิญญาณของศิลปินมืออาชีพ"
"แล้วถ้าเราได้คนที่ไม่เหมาะสมกับคำว่าซุปเปอร์สตาร์ เขาก็จะจากไปอย่างรวดเร็ว สถานีคุณนั่นแหล่ะที่จะลงทุนแล้วไม่คุ้ม"
"เพราะฉันรู้ว่าคุณทำงานเพื่อสถานีของเรา ฉันถึงต้องขอโทษแทนยายเบลด้วย"
"อุดมการณ์พวกนี้ ในเมื่อคุณไม่เข้าใจ ฉันขอลาออก"
"ไม่ ฉันไม่ยอม ฉันขอร้องล่ะ"
"การแข่งขันปีนี้มีแต่เรื่อง มันไม่เหมือนปีที่แล้วที่เราทำงานด้วยกัน ซีโร่ ชนะด้วยความสามารถ ไม่มีเรื่องบ้าๆแบบนี้"
"ถ้าคุณไม่อยู่ จะยิ่งมีเรื่องมากกว่านี้อีก ครูแซนดี้ คุณเป็นคนเดียวที่เป็นเครื่องหมายของวิชาชีพ เป็นมืออาชีพ คุณต้องอยู่ อยู่เพื่อหามืออาชีพ เพื่อปกป้องวิชาชีพของศิลปิน ฉันขอร้องล่ะ"
"คนในห้องนั้น สนใจแต่ตัวเอง สนใจแต่เรตติ้ง ไม่มีใครสนใจความเป็นมือ
อาชีพ ไม่แคร์ว่าเพลงที่ดี ศิลปินที่ดีคืออะไร คุณกับฉันเป็นแค่สองคนที่แคร์ มีกันแค่สองคน แล้วเราจะสู้ไหวหรือ"
"ถ้าคุณออก จะเหลือฉันคนเดียว ก็แปลว่าไม่มีโอกาสสู้ด้วยซ้ำ คุณถึงสำคัญมาก ฉันถึงเสียคุณไปไม่ได้ ขอร้องล่ะ อย่าทิ้งฉันไป" โยทะกาพูดพลางจับมือขอร้องแซนดี้
แซนดี้ถอนใจ แววตาอ่อนลง
"คุณโยนะคุณโย เพราะมีคุณหรอกนะ เฮ้อ"
"ขอบคุณค่ะ ขอบคุณ"

การะเกดทำสวนอยู่ ดูต้นชงโคแล้วจะโยกย้ายที่ อธิรีบมาช่วย
"พี่ช่วยนะ"
"วางตรงนี้ค่ะ ตรงนี้ ... โอเค ต้นชงโค เป็นโรคอะไรก็ไม่รู้ สงสัยแดดลมไม่เหมาะ ลุงเขาบอกต้องเปลี่ยนที่วาง"
อธิมองหน้าชื่นชม
"เหงื่อออกอย่างนี้ยิ่งสวย"
การะเกดยิ้มแห้ง หันหนี อธิจับมือไว้
"จะไปไหนจ๊ะ"
การะเกดมองมือตัวเอง รีบดึงมือออก
"ปล่อยค่ะ"
การะเกดเดินหนี อธิหน้าเสีย รีบตาม
"โกรธหรือ"
"เปล่าค่ะ แค่ไม่เชื่อว่า คนที่มีหน้าที่การงานดีๆ หน้าตาดีอย่างพี่ จะจริงจังกับสาวเสิร์ฟ"
"พี่ไม่ได้สนใจว่าเกดเป็นสาวเสิร์ฟหรือเปล่า สิ่งที่พี่สนใจคือเกด ขยันอดทน เป็นแม่บ้านแม่เรือน อยู่ด้วยแล้วอบอุ่น"
"อย่างที่หนูมาลีบอก เกดคงไม่ใช้ร่างกายของเกด กับคนที่ไม่คิดจริงจังกับเรา "
"เฮ้ยพี่จริงจัง"
"จริงจัง เฉพาะตอนที่ยังไม่ได้ใช่ไหมคะ"
"ทำไมมองพี่ในแง่ร้ายแบบนี้ล่ะ มองตัวเองแย่ด้วย เกดไม่ได้มีค่าแค่นั้นสักหน่อย พูดแบบนี้พี่โกรธนะ"
"คนไม่มีอะไรอย่างเกด มีสิทธิ์จะคิดไม่ใช่หรือคะ"
"คิดมากเกินไป มองโลกในแง่ร้ายเกินไป"
การะเกดเห็นความจริงใจ แต่เขาดีเกินไป จนกลัวว่าตนจะดีไม่พอ ก็เลยตัดบทเสมอ
"เกดว่าเราสองคนไปไม่รอดหรอกค่ะ อย่าเสียเวลาเลย จะกลายเป็นมองหน้ากันไม่ติด ถือซะว่าเราไม่เคยคุยกันเรื่องนี้แล้วกันนะคะ"
โทรศัพท์มือถือการะเกดดังขึ้น การะเกดรับสาย

อธิเซ็ง นี่เราโดนปฏิเสธหรือนี่
 
อ่านต่อหน้า 3

มาลีเริงระบำ ตอนที่ 6 (ต่อ)

บ้านยากจน จ. หนองคาย แม่การะเกดคุยโทรศัพท์ ขณะเลี้ยงน้องคนสุดท้อง อายุ 5 ขวบของการะเกด ที่ยังไม่ได้ไปโรงเรียน

"แม่ได้เงินที่ลูกส่งมาแล้วนะ ไอ้โตมันกลับไปเรียนได้สองวันแล้ว"
"บอกมันให้ตั้งใจเรียนนะแม่ เงินทองหายาก แล้วแม่ก็อย่ากลับไปกินยานั่นอีกนะ เลิกแล้วเลิกเลยนะแม่"
"เออ เลิกจริงๆคราวนี้ รับปากเอ็งแล้วไง เอ็งกำลังจะเป็นดารา แม่กลัวเอ็งอายเขา"
"กลัวทีวีไปถ่าย แล้วตำรวจตามไปจับมากกว่ามั้ง"
"ไอ้บ้า เออๆ แค่นี้นะเปลืองเงินW
แม่กดวางสาย แม่กับการะเกดหน้าตามีความสุขทั้งคู่

อธิยังยืนอยู่
"แม่โทร.มาหรือ"
การะเกดพยักหน้า
"เกดเล่าให้แม่ฟังเรื่องเข้ารอบแข่งร้องเพลง แม่เลยยอมเลิกยาบ้า มาช่วยเลี้ยงน้อง น้องคนโตก็เลยได้กลับไปเรียน"
"ชีวิตดีขึ้นเพราะรายการซุปเปอร์สตาร์เลยนะนี่"
"เพราะพลังงานแฝง.... พลังความรัก ของครอบครัว"
"พี่ดีใจด้วย"
"แต่มันก็ยังไม่ใช่อาชีพเลี้ยงตัว ทุกเดือนต้องหาเงินส่งไป ขาดไม่ได้ เกดไม่มีเวลาเพื่อตัวเองหรอก พี่อธิ อย่าเสียเวลากับเกดเลย"
อธิถอนใจ ถูกสาวเจ้าปฎิเสธ การะเกดเดินหนีไป

มาลีวอร์มเสียง ขณะจัดโต๊ะอาหาร ทองทาเดินเข้ามา
"ฝึกเสียงเชสโทนด้วยนะ อย่าลืม ....หืม....หอมแกงส้ม ทำไมต้องมีสองถ้วยล่ะ"
"ก็พี่ไม่ชอบดอกแค นี่ค่ะ ผักรวมของพี่ เลือกแต่ผักที่พี่ชอบ"
"แล้วรู้ได้ไงว่าพี่ชอบผักอะไร"
"ก็หนูเป็นคนรับใช้ หนูบอกแล้วไงว่าหนูจะดูแลพี่เป็นการตอบแทน"
ทองทาตั้งคำถาม หนูมาลีตอบทันควันถูกหมดจนทองทาอึ้ง
"จริงเหรอ...ไข่"
"ยางมะตูม"
"ขนมปัง"
"แค่เหลือง ห้ามเกรียม"
"กะเพรา"
"หมูสับเท่านั้น"
"เครื่องใน"
"เกลียดที่สุด ได้กลิ่นก็จะอ้วกแล้ว"
ทองทาอึ้ง
"ถูกหมดเลย"
"ยี่ห้อครีม ยี่ห้อกางเกงใน หนูยังรู้"
หนูมาลีเดินเข้าไปหาชี้ที่เครา
"อีกสองวันต้องโกนหนวด แต่ครีมโกนหนวดพี่หมดนะจ๊ะ จะให้หนูซื้อให้ไหม"
ทองทาจับมือมาลีที่ชี้มา อย่างซาบซึ้ง
"พี่เคยคิดว่าพี่โดดเดี่ยว ไม่มีพ่อแม่ ไม่มีครอบครัว แต่พอเราเจอกัน… พี่ก็ไม่โดดเดี่ยวอีกแล้ว"
มาลีจับกระชับมือทองทา
"เราจะมีกันและกันตลอดไป"
ทองทายิ้ม แล้วก็ต้องหุบยิ้มหมับ
"รวมทั้งมีพี่ซีโร่ด้วย"
"หา !"
"ขาดดาวอีกสองร้อยสามสิบสองดวง เดี๋ยวมาช่วยกันพับต่อนะ"
ทองทาคอตก เซ็ง มาลีมาเกาะแขนมาอ้อน เอาหัวมาดุนๆไหล่ทองทา
"นะนะ มาพับกันต่อนะๆ ช่วยหนูนะนะ"
บุษบาบัณอยู่อีกมุมหนึ่ง ห่างออกไป จริงดังคาด ดังที่การะเกดเคยพูด
"ครูของเราจบบัลเลต์ เก่งทั้งร้องทั้งเต้น ถึงตอนนี้จะเอาแต่ปลูกต้นไม้ แต่ก็สอนเก่งมาก ไม่คิดเงินด้วย"
เธอกำมือแค้น หวงพี่ชาย
"นี่ไม่ต้องมาอ้อน ทำไปก่อนเลย พี่ลืมมือถือไว้ในสวน เดี๋ยวคนมารับต้นไม้
โทร.มา"

ทองทาลุกออกไป

ทองทาเดินออกไปจะไปสวน บุษบาบัณเดินมาหา ทองทาตกใจ

"เบล รู้ได้ยังไงพี่อยู่ที่นี่"
"คุณพ่อบอก"
"มีอะไรหรือเปล่า"
"ตอนแรกก็ไม่นึกว่าจะเป็นไปได้ แต่พอมานึกดู ไอ้ครูบัลเลต์ที่ปลูกต้นไม้ด้วยเนี่ยจะมีกี่คน ทำไมคะ เกลียดน้องมากหรือ รู้ไหมว่าเขาเป็นคู่แข่งกับน้อง"
ทองทาตัวชา บุษบาบัณรู้ความจริงแล้ว
"พี่สอนเขาร้องเพลง เพราะพี่รู้จักเขามาก่อนน่ะ ไม่เกี่ยวกับน้อง ไม่เกี่ยวกับใคร"
เธอเข้าไปกอด ทองทาอึ้ง เธอจะมาไม้ไหน
"เราไม่ได้โตมาด้วยกันก็จริง แม่ของพี่พาพี่ไปเมืองนอก จากนั้นก็ป่วย ส่วนแม่ของเบล กินยาตาย เราสองคนเป็นเหยื่อของพ่อเจ้าชู้ ชีวิตของแม่เรา ชีวิตของเราสองคนเหมือนกัน เราถึงรักกันใช่ไหมคะ"
ทั้งสองคนเคยผูกพันกันมาก่อนจริงๆ
"ใช่ งานวันเกิดพี่ น้องโทร.มาหา เพราะรู้ว่าพ่อจะเบี้ยว งานวันเกิดของน้องพี่โทรไป เพราะพ่อก็เบี้ยวเหมือนกัน พี่จำได้ทุกอย่าง ...เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับน้องจริงๆ มันเกิดเรื่องบางอย่าง ระหว่างพี่กับหนูมาลี"
"ปิ๊งกันหรือคะ ชอบเขาหรือ"
ทองทาอึ้ง ปล่อยมือที่กอด บุษบาบัณพอจะเดาคำตอบออก
"ถ้าเบลขอให้พี่ถอยห่างออกจากคนพวกนี้ล่ะคะ"
"เอ้อ"
"เบลเป็นน้องพี่ เรามีกันแค่สองคน ชีวิตนี้เราตัดกันไม่ขาด แล้วเบลก็เกลียดคนพวกนั้นมาก มันเป็นไปไม่ได้ ที่จะมีผู้หญิงชื่อหนูมาลีอยู่ในชีวิตพี่"
ทองทามองหน้า ชักวิตก
"เบลมีพี่สะใภ้ชื่อหนูมาลี ไม่ได้เด็ดขาด ไม่มีวัน"
บุษบาบัณเดินหนี ทองทายืนอึ้ง ยังโล่งใจที่วันนี้เธอยังไม่ทำอะไร แต่ก็ชักกลุ้ม

ชงโคทำงานอยู่ที่ร้านเตรียมเปิดร้านเซอร์ไพร์สคาราโอเกะ ซูซี่มองซ้ายมองขวาแล้วเดินมาบอก คุยกันเบาๆ
"พรุ่งนี้คือวันสุดท้าย ถ้าไม่ไปเซ็นสัญญากับคุณวานิชพรุ่งนี้ เธอก็จบ"
"จะมายุ่งอะไรกับฉันนักหนาเนี่ย"
"ก็แค่เตือนไว้"
"ฉันชอบอยู่กับความสวยงาม กับคนหล่อๆ ตอนนี้ ฉันอยู่กับมันทุกวัน ดูเสื้อนี่ สปอนเซอร์ให้มา เครื่องสำอางด้วย แล้วถ้าต้องไปออกงานเจอผู้ชาย"
ซูซี่พูดแทน
"แก่ๆ อ้วนๆ ฉันไม่เอา ...ฉันรู้แล้ว จะบอกให้นะ แกเลือกได้ ...บอกกี่หนแล้ว เราไม่ได้ขายตัว เราใช้ชีวิตอิสระเสรี ไอ้คำว่า ศักดิ์ศรีน่ะ มันสะกดยังไงนะ"
"ส.เสือ....ไม้หันอากาศ....กอไก่.....ส.เสือ....สระอี"
"แกสะกดผิด ! ศ....ศาลาไม้หันอากาศ ...กอ ไก่ แล้วค่อย ส.เสือ สระอี โว้ย เอ๊ะ หรือ ศ ศาลาวะ ช่างมันเหอะ ฉันหนีโรงเรียนตั้งแต่ปอห้าแล้ว"
"พี่จะพูดอะไรกันแน่"
"ศักดิ์ศรีลูกผู้หญิง ที่เก็บๆกันเอาไว้นะ มันก็แค่คำสวยๆ สะกดยากๆ ที่ไม่รู้มันแปลว่า อะไร แล้วเราจะถือไว้ทำไม เงินแสนต่างหากที่เราต้องถือ !"
ชงโคอึ้ง
ซูซี่เอามือถือชงโคมากดเมมเบอร์ของตนแล้วส่งคืนให้
"นี่มือถือฉัน พรุ่งนี้ถ้าโอเค ฉันจะขับรถไปรับ หนูมาลีดูแลเธอยังไง ก็ไม่
มีรถไปรับเหมือนฉันหรอก"

ชงโคคิดๆ

วันใหม่ วันนี้สามสาวมีหมวกมีแว่นอันใหญ่

"เราไม่ควรมานะ เราเป็นคู่แข่งกับเขา ถ้าใครเห็นเรามาตามข่าวคุณเบล เขาจะว่าเราไม่มีน้ำใจนักกีฬา" การะเกดว่า
"ฉันถึงให้เราแต่งตัวอำพรางตัวเองไง ไม่มีใครจำเราได้หรอก" ชงโคบอก
แฟนคลับวัยรุ่นจำได้ วิ่งมาหา
"พี่ชงโค ขอถ่ายรูปหน่อยค่ะ"
สามสาวจ๋อย ยิ้มถ่ายรูปกับเด็ก แล้วบอกขอบคุณ แฟนคลับเดินจากไป
"เห็นไหม กลับกันเถอะ เดี๋ยวคุณโยทะกามาเห็น เขาจะว่าเอา"
"ไม่ ฉันต้องการพิสูจน์บางอย่าง มันสำคัญสำหรับชีวิตฉัน"
ชงโคเดินต่อ
"พิสูจน์อะไรของมันวะ"
มาลี และการะเกดตามไป
ทั้งหมดมารุมดูจอยักษ์แสดงคะแนนโหวตออนไลน์ ที่ตอนนี้กลายเป็นกราฟแท่ง แปดแท่ง พร้อมรูปและตัวเลขคะแนนที่นานๆวิ่งขึ้นที แต่ยังคงแสดงคะแนนตลอดเวลา
ชงโคชี้
"นี่ดูคะแนนโหวตของฉันกับคุณเบลตอนนี้สิ รั้งท้ายเห็นไหม"
"คะแนนของชงโคมากกว่าคุณเบลแค่ไม่กี่พันคะแนน" การะเกดบอก
"ฉิวเฉียดมาก พอเขาประกาศว่าเราสามคนแยกกัน คะแนนของเธอสองคนก็โดดเด่นขึ้นมาทันที คนชอบเพลงของเธอสองคนมากกว่าฉัน วันนั้นเธอสองคน ร้องได้ดีมากด้วย"
"วันนี้เขาจะแถลงข่าว เรื่องคุณเบล มีข่าวออกมาว่า สถานีทนแรงกดดันไม่ไหว อาจจะให้คุณเบลลาออกไปเรียนต่อต่างประเทศ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง รอบต่อไป เราก็ไปร้องเพลงเฉยๆ เธอไปเก็บคะแนนเอาตอนนั้นก็ได้" มาลีบอก
"แต่ถ้าเขาไม่ออก ฉันก็ต้องยืนปากเหว สูสีกับคุณเบล ต่อไป....ศักดิ์ศรี สะกดยังไงหนูมาลี"
"ศ...ศาลาทั้งสองคำ"
ชงโคพยักหน้าว่าคงถูก
"แล้วความหมายล่ะ ศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงน่ะ แปลว่าอะไร"
"อืม ...ก็พูดยากนะ เดี๋ยวคิดก่อน"
"หาคำตอบมาให้ฉันให้ได้นะ ฉันอยากฟัง"
"เธอดูแปลกๆนะวันนี้ พี่ซูซี่ทำให้เธอไขว้เขวใช่ไหม เขาก็กล่อมฉันเหมือนกัน" การะเกดบอก
"แล้วเธอว่าไง"
"แม่ตื่นเต้นมาก ที่ฉันเข้ารอบ แม่หยุดยาบ้าเพราะภูมิใจในตัวฉัน เวลาเราทำดี ความดีของเรามีพลังไปถึงคนรอบข้าง โดยเฉพาะพ่อแม่เรา แม่แกภาคภูมิใจเหมือนตัวเองเข้ารอบเองเลย"
มาลีดีใจ "จริงหรือนี่"
"ขอบใจนะหนูมาลี พี่พาฉันมาจนถึงจุดนี้"
ทั้งสองจับมือกัน พยักหน้ากัน
ชงโคมองทั้งสองคน ปลาบปลื้มไปด้วยกันแล้วเดินมาลูบป้ายเดอะซุปเปอร์สตาร์ พึมพำคนเดียว แต่สองสาวได้ยิน
"วันนี้เป็นวันตัดสินชีวิตฉันสินะ"
การะเกดถามมาลี
"เขาหมายถึงอะไร"

ชงโคยืนมองป้าย คิดว่าจะเอายังไงดี

วันนี้จัดฉากเป็นงานแถลงข่าวของบุษบาบัณที่นั่งอยู่กับบุณฑริก มีนักข่าวรุมอยู่

สามสาวเดินเข้ามานั่งฟังที่มุมหนึ่ง แต่ไม่มีใครสนใจ
"มาเร็ว ... เขาเริ่มแล้ว" การะเกดบอก
บุษบาบัณกำลังตอบคำถามนักข่าว
"เขาทำกันเป็นกระบวนการ กระบวนการดิสเครดิตเบล เบลเลือกเกิดไม่ได้ เบลผิดหรือคะที่เกิดมาในสิ่งแวดล้อมที่ได้เปรียบ เบลไม่ได้เลือก แล้วทำไมต้องเกลียดเบลเพราะเรื่องนี้ มันยุติธรรมหรือคะ"
เธอเล่นบทบีบน้ำตา
"ยายเบลร้องไห้อย่างนี้มาหลายวันตั้งแต่มีข่าว เราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราทำให้ดูทุกวัน เบลทุ่มเทฝึกร้องเพลง เรามีภาพ มีไอจี มีเว็บไซต์ ทุกคนเข้าไปดูได้ตลอดว่าเราทำงานหนักแค่ไหน ถ้าเราอยากโกง เราจะเหนื่อยแบบนั้นทำไม"
สามสาวกระซิบกัน
มาลีบอก
"ร้องไห้โคตรเก่งเลย เอาออสการ์ไปเลย"
"สมแล้วเป็นลูกคนทำทีวี มีแต่มายา" การะเกดบอก
"เบลเสียใจมาก ตอนแรกคิดว่าจะลาออกซะ จะได้หมดเรื่อง มีข่าวอย่างนี้ ก็เกรงใจคุณพ่อ เกรงใจพี่ๆที่ทำงานที่สถานีนี้ สถานีเสื่อมเสียไปกับเบลด้วย"
นักข่าวบอก
"น้ำตาไม่ช่วยอะไรหรอกค่ะ เอาหลักฐานมาแสดงดีไหมคะ คนในภาพนี้ใช่คุณหรือเปล่า"
"เบลจะไปมีหลักฐานอะไรล่ะคะ ก็เบลไม่ได้อยู่ตรงนั้น เบลมาร้องเพลงที่สถานีนี่ คนนั้นเป็นใคร เบลไม่รู้จัก อาจจะเป็นคนหน้าเหมือนก็ได้ แต่ยังไงก็ไม่ใช่เบลแน่ๆ"
"สรุปว่าไม่มีหลักฐาน"
พิธีกรเดินเข้ามา
"เอ้อ ขออนุญาตนะคะ เมื่อสักครู่มีคนมาขอแถลงข่าวด้วย เชิญคุณนุ่นค่ะ เจ้าของหน้าเฟซบุ๊กที่เป็นกรณีอยู่ตอนนี้ค่ะ"
นักข่าวส่งเสียงฮือฮา บุษบาบัณและบุณฑริกทำแสแสร้งแกล้งงง ทีมงานเอาเก้าอี้ออกมา เจ้าของภาพในเฟซบุ๊กเดินออกมานั่ง
นักข่าวถาม
"คุณเป็นเจ้าของภาพที่มีคุณเบลอยู่ข้างหลัง ใช่ไหมคะ"
"ค่ะ"
"ยังไม่หมดเท่านี้นะคะ ยังมีอีกคน"
คนหน้าเหมือนเบล ใส่ชุดเบลและหมวกแบบที่อยู่บนเครื่องบินข้างหลังนุ่นเดินเข้ามา
มาลีบอก
"เฮ้ยนั่น เหมือนคุณเบลมาก"
"สวัสดีค่ะ ดิฉันระรินค่ะ ดิฉันก็คือ คนที่อยู่ในชุดนั้น ที่ถ่ายอยู่ในรูปของคุณนุ่น นี่ค่ะ นี่ดิฉันเอง ไม่ใช่คนอื่นค่ะ"
นักข่าวฮือเข้ามาถ่ายรูปมากมาย
"จริงหรือคะคุณนุ่น"
"คือตอนที่โพสต์ภาพนี้ นุ่นไม่ได้จะแฉเรื่องคุณเบลนะคะ แต่คนที่เข้ามาเมนต์เขาเป็นคนทักขึ้นมาแล้วก็เอาไปแชร์กัน ที่จริง นุ่นก็ไม่เคยแน่ใจเลยว่าใช่คุณเบล แต่พอมาเห็นคุณคนนี้ ก็นึกได้ว่า เออจริง คนนี้ใช่แล้วที่อยู่ที่สนามบินด้วยกันวันนั้น"
บุษบาบัณดีใจมาก ร้องไห้โฮ
"เฮ้ยมันเป็นอย่างนี้ไปได้ยังไง"
"ระรินเพิ่งทราบข่าวค่ะ พอเห็นภาพตัวเองก็ตกใจ ก็เลยติดต่อมา สงสารน้องน่ะค่ะ ถูกสังคมพิพากษา"
"ขอบคุณจริงๆค่ะ ขอบคุณพี่ทั้งสองคน ที่ออกมาปกป้องเบล ไม่เคยนึกเลยว่าจะมีคนดีแบบนี้ คุณยายขา เบลรอดแล้ว"
"โฮ้ยไม่ต้องร้องไห้ลูก คนดีพระต้องคุ้มครองสิลูก"
ทั้งหมดเซตฉากละครขึ้นมาให้นักข่าวดูแนบเนียนมาก
กลุ่มสามสาว คุยกันเอง
"คุณเบลแก้ข้อกล่าวหาได้แบบนี้ เขาจะยังอยู่และคะแนนอาจจะดีขึ้นกว่าเดิม" ชงโคบอก
"พูดอย่างนี้อีกแล้ว กว่าจะตัดสินอีกตั้งเดือน เรายังมีเวลาเก็บคะแนน เดี๋ยวพี่ทองทาก็หาวิธีให้เธอชนะเองแหล่ะ"

ชงโคคิดหนัก

สามสาวเดินเซ็งกันมาตามทาง

"กลับกันเถอะ ไปเซ็งต่อที่บ้าน" การะเกดบอก
มือถือชงโคดัง มีข้อความมาจากซูซี่ ชงโคกดอ่านข้อความ
"ฉันมารับแก รอตรงทางเข้า คุณวานิชเขาเตรียมสัญญาไว้แล้ว เงินแสนรอแกอยู่นะ"
ชงโคคิดเล็กน้อย
"ชงโค มีอะไรหรือ"
"กลับกันไปก่อนนะ ฉันมีธุระ"
ชงโคเดินแยกไป
"วันนี้ชงโคดูแปลกๆ" การะเกดบอก
"เวลามันทำท่าคิดๆ นี่ดูไม่ใช่ชงโคเลย เดี๋ยวเขากลับ จะลองคุยกับเขาดู"
การะเกดพยักหน้า สองสาวเดินต่อไปอีกทาง

ซูซี่จอดรถรออยู่หน้าสถานีโทรทัศน์ ชงโคเดินมาถึงหลบมองซูซี่ แล้วนึกถึงคำทัดทานของ อธิ และทองทา
อธิบอก
"ธุรกิจที่เขาเล่าก็แค่เริ่มต้น ดูนี่ เว็บไซต์รับงานของเลดี้ชาร์ล็อต รับงานเซอร์ไพร์สทานข้าว งานวันเกิด งานสละโสด แต่งตัววับๆแวมๆไปคุยกับหนุ่มๆ แกฟังดูคุ้นๆไหม"
ทองทาบอก
"ก็เหมือนเด็กของเจ๊ซูซี่ แตกต่างที่หีบห่อ"
ชงโคเกิดลังเลขึ้นมาอีก คิดหนัก
ข้อความมือถือดังมา ชงโคกดฟัง
เสียงทองทาบอก
"ชงโค พี่เตรียมเพลงที่เหมาะกับเธอไว้ให้ เอาไว้ร้องคราวหน้านี้ แวะมาฟังที่บ้านพี่นะ จะได้ดูว่าชอบไหม"
ชงโคหยุดคิด แล้วตัดสินใจไปหาทองทา ไ
ซูซี่เซ็ง มองนาฬิกา รอคอยต่อไป

ในสวน ทองทามองดูต้นชงโคที่ใบเหลืองลำต้นซีด
"ต้นชงโคปรกติ มันเลี้ยงไม่ยากนะ"
"เปลี่ยนที่วางก็แล้ว ใส่ยาบำรุงก็แล้ว ยังร่อแร่อยู่" ป้าแตงบอก
อธิตะโกนมาจากในบ้าน
"ทองทา มาดูนี่เร็ว"
อธิเรียกทองทามาดูการแถลงเมื่อครู่ที่ผ่าน
"รอดไปจนได้" ทองทาบอก
"พ่อแกนี่แก้ข่าวเก่งมากเลยนะ ถึงขนาดจ้างคนมาเล่นละคร" อธิบอก
"ทำเพื่อเงิน เขาทำได้ทุกอย่าง"
"แล้วแกมีหลักฐานไหมว่า เบลไม่อยู่ที่นั่น"
"ตัวฉันนี่ไง พยานที่ดีที่สุด เพราะฉันเห็นมากับตา ว่าวันนั้นเบลไม่อยู่ ขึ้นอยู่กับว่าจะพูดหรือไม่พูดเท่านั้น"
"แล้วแกจะพูดไหม ความยุติธรรมกับกตัญญู ถึงนาทีนี้แกจะเลือกอะไร"
ทองทาคิดเล็กน้อย
"กระแสสังคมมากขนาดนี้ ถ้าฉันลุกขึ้นมาพูด พ่อฉันอยู่ไม่ได้แน่ สถานีทั้งสถานีนั่นด้วย เขาเป็นพ่อของฉัน เบลเองถึงจะเป็นน้องสาวต่างแม่ แต่เราก็พี่น้องกัน"
"คนโกง คนโกหกก็อยู่ต่อไปสินะ"
เสียงโป๊ง ดังขึ้น อธิ ทองทาหันไปมอง มีแจกันกลิ้งตกอยู่ ตกมาจากมุมห้อง ทองทาลุกไปดู หยิบแจกันมาวางที่เดิม
"สงสัยนังเหมียวของป้าเขาน่ะ"
ทองทาเดินกลับไปนั่งดูทีวีกับอธิต่อ
มุมห้องที่เดิม ชงโคยืนน้ำตาไหลอยู่ ทองทามองไม่เห็น
ชงโคเดินออกมาจากบ้านทองทา ร้องไห้
มือถือดัง ชงโครับสาย
"นังชงโค ยังไม่ทันดัง แกก็เบี้ยวฉันแล้วหรือ ฉันรอแกอยู่ตรงนี้มาชั่วโมงกว่าแล้วนะ แกจะแกล้งฉันใช่ไหม"
"มารับฉันที่นี่ มาตอนนี้เลย"
"แกร้องไห้หรือ"
"มาตอนนี้นะ ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจอีก ฉันจะบอกที่อยู่ให้"

ชงโคร้องไห้ไปบอกสถานที่ไป
 
อ่านต่อหน้า 4

มาลีเริงระบำ ตอนที่ 6 (ต่อ)

ภายในบ้านวานิช เวลากลางคืน วันเดียวกัน ชงโคเซ็นสัญญา วานิชเอาซองเงินให้

"เงินแสนหนึ่ง เกิดมาเคยจับไหมวะ ฮะฮะฮ่า"
ชงโครีบรับมา ซูซี่จะดึงแทนแต่ไม่ทัน เลยแก้เก้อทำเป็นเอามือไปจับผม
"บอกก่อนนะทั้งสองคน แค่ถ่ายรูป ร้องเพลง เล่นละคร ไม่ขายตัวนะ"
วานิช-ซูซี่บอก "เออ"
"ไม่มีการบังคับอยู่แล้ว " แล้วซูซี่ก็เสียงเบาลง "ประเดี๋ยวมันก็ยอมเองทุกรายแหล่ะ"
ชงโคเปลื้องเสื้อถ่ายรูป เห็นแค่ชุดที่หล่นลงพื้น

มาลีทำงานเก็บโต๊ะอาหาร บอยเดินมาถาม ทำงานไปด้วย
"ป่านนี้แล้วทำไมชงโคยังไม่มาอีก"
"ฉันโทร. เข้ามือถือเป็นร้อยหนแล้วจ้ะ เขาไม่รับสาย ใครโทร.ไปเขาก็ไม่รับ"
มาลี คิดๆ

ซูซี่พาชงโคมาที่ห้อง พร้อมเอากุญแจให้
"ห้องพักใหม่ของแก คุณวานิชเขาเปิดให้ โฮ้ย ฉันขอนอนกับแกเลยได้ไหมเนี่ย"
ซูซี่พูดพลางลงนอนบนเตียง
ชงโคมองโทรศัพท์ที่ปิดเสียงไว้ หน้าจอข้อความว่ามาจากหนูมาลี ซูซี่มองตาม
"ไม่ต้องไปสนใจไอ้ร้านกระจอกๆนั่นหรอก ข้าวของเก่าๆในห้องพวกนั้นก็ไม่ต้องกลับไปเอา แกมีเงินแล้ว ไว้ฉันพาแกไปช็อปปิ้งเอง"

ภายในบ้านโรส เช้าวันใหม่ โรสกับบอยอยู่ในบ้าน เพิ่งจัดการธุระส่วนตัวเสร็จ มาลี กับการะเกด เดินเข้ามา
"พี่โรสเอาไงดี ไปแจ้งตำรวจไหม"
"ยังไม่มาอีกหรือ"
สองสาวส่ายหน้า
"ไปตามหาที่บ้านเพื่อนเขาก่อน ชงโคเขามีเพื่อนอยู่ปากซอย"
บอยเดินออกไป
"เราไปด้วย"

มาลี กับการะเกดตามบอยไป โรสคิดเล็กน้อยเดินตามไป

ซูซี่จอดอยู่ที่หน้าร้านคาราโอเกะ บีบแตรดังลั่น สมศรี บุญมา วิ่งออกมาดูด้วยความตกใจ

"เฮ้ย หนวกหู จะบีบแตรทำไมอีซูซี่"
บอย มาลี และการะเกดเดินออกมาพอดี ตามด้วยโรส
"มากันให้ครบๆ ออกมากันให้หมด ฉันมีอะไรจะให้ดู"
ชงโคเสื้อผ้า หน้าผม ลุคเซ็กซี่ ชุดคว้านอก เดินลงมาจากรถ
"ขอเชิญพบกับเชอร์เบ็ต เลดี้ชาร์ล็อต นัมเบอร์ 22"
ทุกคนตกตะลึง
"เธอไปเซ็นสัญญากับวานิชมาหรือ" การะเกดถาม
มาลีมีแววเสียใจ หมดกำลังใจ หมดแรง
"ทำไม... บอกเหตุผลมาที"
ชงโคหลบตา ละอายใจต่อมาลี โรสยิ้มๆ เดินไปมองชงโคหัวจรดเท้า
"ไอ้เสื้อผ้าแพงๆ นี่มันช่วยให้คนสวยได้จริงๆ อีกทีซิชื่ออะไรนะ"
"เชอร์เบ็ต เลดี้ชาร์ล็อต นัมเบอร์ 22" ซูซี่ย้ำ
"ติดเลขแล้ว อีมี่ อีเกรซ ยังไม่ติดเลย"
ชงโคหน้าเสีย
"เหมือนกันที่ไหน เลดี้ชาร์ล็อตเขาออกมาหลายคนแล้วดังทุกคน เขาก็ต้องมีเลขซีรีส์อะไรอย่างนี้สิวะ"
"ชื่อก็เพราะ น่ากิ๊น น่ากิน งานดี เงินแยะ แต่ใช้ชื่อจริงไม่ได้ อายโคตรเหง้าใช่ป่ะ"
ชงโคยิ่งก้มหน้า
สมศรี บุญมาแอบยิ้ม สะใจกับปากเลาะร้ายของโรส
ซูซี่ผลักโรสออกไปจากยั่วชงโค
"พี่โรส เขาเป็นเด็กของฉันแล้ว อย่ามายุ่ง"
มาลีถาม
"เธอหมดศรัทธาเพราะอะไร ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ บอกฉันที"
"เบลโกงการแข่งขัน" ชงโคบอก
"เธอรู้ได้ยังไง"
"แหล่งข่าวของฉันเชื่อถือได้ ขนาดเป็นญาติกันเลยล่ะ"
"ใครแหล่งข่าวเธอ"
ชงโคอึ้งไปนิด
"เธอไม่อยากรู้หรอก สิ่งที่ฉันสนใจคือ เขาโกงและจะโกงต่อไป ยังไงเบลก็ต้องชนะ ยังไงเราก็แพ้"
"ถึงเราจะแพ้ แต่เราไม่ต้องเลือกเส้นทางนี้ก็ได้นี่"
"นี่เป็นโอกาสเดียวในชีวิตฉัน ถ้าฉันแพ้ ฉันจะกลับไปเป็นเด็กเสิร์ฟ ถ้าไม่ฉวยโอกาสตอนนี้จะไม่มีอีกแล้ว"
"ไม่จริง เธอถามฉันว่าศักดิ์ศรีแปลว่าอะไรใช่ไหม คำตอบก็เหมือนเดิม กฎข้อ ที่ 1 ของพี่ทองทา รักตัวเอง ความรู้สึกนั้น ที่ทำให้เธอมาอยู่ตรงนี้ไงล่ะ นี่คือความหมายของคำว่าศักดิ์ศรีลูกผู้หญิง แต่วันนี้เธอทิ้งมันไปแล้ว"
ชงโคน้ำตาไหลลงมา
"ชงโค คิดผิดแก้ไขใหม่ได้นะ "
"ไม่ได้ๆ เงินมันรับไปแล้ว ฉันพามันไปเปิดบัญชีแล้ว" ซูซี่บอก
" วันนี้ฉันแวะมาขอบคุณพี่โรส มาขอโทษพี่โรส มาลาทุกคน"
"ไม่ต้องหรอก... ขอให้แกเจริญๆขึ้นเถอะ นับจากนี้ไป คนจะไม่มองหน้า
แก มันจะมองอะไรน่ะหรือ" โรสพูดพลางมองลงมาใต้เข้มขัด " ฮึๆ หนีบต้นขาแกเอาไว้ให้แน่นๆก็แล้วกัน… ฉันจะเอาใจช่วย"
มาลีเสียงเครือ
"ชงโค เราเดินมาไกลแล้วนะ เดินมาด้วยกันสามคน จะทิ้งเราสองคนได้จริงหรือ"
ชงโคร้องไห้อีก มองร้านอย่างอาลัย
ชงโคยกมือไหว้
"ขอบคุณนะพี่โรส ฉันลานะทุกคน พี่ซูซี่ไปเถอะ"
มาลีบอกเสียงดัง ตามหลัง
"เพราะคะแนนพวกนั้นใช่ไหม ทำไมไม่เชื่อมั่นในตนเอง ถ้าฉันทำได้ เธอก็ต้องทำได้"
ชงโคหันมาตอบประโยคสำคัญ
"ไม่หรอก เราไม่เหมือนกัน เธอทำได้ เพราะเธอมีพ่อแม่"
ชงโคมองโรสกับหนูมาลี สองพ่อลูกอึ้งไป
"แต่ฉันน่ะ พ่อแม่ทิ้งฉันไว้กับย่า ตั้งแต่แปดขวบ แล้วไม่เคยกลับมาอีกเลย"
"ชงโค"
"เธอไม่มีวันแต่งตัวแบบนี้เพราะเธอมีพ่อแม่ แต่ฉันไม่มี"

ชงโคขึ้นรถ รถแล่นออกไปแล้ว มาลีน้ำตาไหล

ดึกแล้ว มาลีนั่งเศร้า โรสเดินมาหา

"ฉันรู้อยู่แล้ว เห็นมามากมั้ง เด็กอย่างนังชงโค ...ต้องจบลงอย่างนี้สักวัน"
"ที่จริงหนูก็รู้ ชงโคเขาบอกมาตลอด ว่าเขาอยากได้เงินมากๆ ตอนนั้นหนูคิดว่าเพลงจะเปลี่ยนเขาได้...เฮ้อ พี่ทองทาเคยว่าหนูเป็นพวกโลกสวย ก็จริงของเขา"
"ในทีวีที่แกดู เขาฉายแต่สิ่งสวยงามไง ด้านมืดในโลกนี้เขาก็ไม่ได้เอามาฉาย"
"ตอนที่ลากชงโคไปทำอะไรด้วยกัน มีหลายครั้งที่เขาไม่ยอมแพ้ แต่ก็นั่นแหล่ะนะ ทางไปสวรรค์มันรก ทางไปนรกมันสบาย จากรายการ ธรรมะตอนตีสี่"
"ฉันยังแปลกใจด้วยซ้ำ มันขี้เกียจจะตาย แต่ช่วงนั้นมันกลับเชื่อแกทุกอย่าง คนเรามันมีเชื้อดีอยู่นะ ถ้ามีคนเชื่อในตัวมัน มันก็ไปของมันได้แหล่ะ แกควรภูมิในตัวเองนะ ที่ทำให้มันมาไกลได้ขนาดนี้"
"หนูรู้สึกเหนื่อยจัง"
โรสจับไหล่หนูมาลี ปลอบใจ แต่ยังไม่โอบ
"อย่าเพิ่ง อย่ารีบเหนื่อย ฉันขอต้อนรับแกสู่โลกของความจริง โลกของความผิดหวัง โลกของผู้ใหญ่ ถึงเวลาแล้ว ...เข้มแข็งไว้"
โรส ลุกไปจัดต้นไม้แถวนั้น เห็นมันรกๆออกมา ตามประสาเจ้าระเบียบ มาลีมองแผ่นหลังของพ่อ
"ขอบคุณนะคะที่ให้กำลังใจหนู"
มาลีเอามือจะเข้าไปจับหลัง แต่แล้วก็ยังข้ามอคติในใจตนไม่สำเร็จ จึงดึงมือกลับ โรสไม่รู้เรื่องเพราะไม่ได้หันมา มาลีเปลี่ยนเรื่องคุย
"พี่โรส หนูไปลงเรียนรามมาแล้วนะ"
โรสดีใจมากทิ้งงาน หันมาทันที
"จริงหรือ"
"พี่แคที่บอกว่า พี่อยากให้เรียนจะได้มีความรู้"

แคที่พูดถึงโรส
"เพราะไม่มีความรู้ ! ไม่มีการศึกษา พ่อเธอ เขาถึงอยากให้เธอเรียนสูงๆ"
"มันยังไงล่ะคะ"
"ถ้าเรามีความรู้ เราจะอ่านข่าว เราจะหลบหลีก เราจะทำบัญชีเป็น เราจะรู้ว่า กำไร ขาดทุนคืออะไร เราจะไม่ดื้อ ไม่ฝืน ไม่เที่ยวเอาเงินไปลงทุนผิดๆ"

มาลีบอกต่อ
"หนูก็เลยไปสมัคร จ่ายเงินไปแล้ว เริ่มเรียนได้เลย ก็เท่ากับเรียนช้าไปแค่เทอมหนึ่ง"
โรสยิ้มดีใจมากจนพูดไม่ออก
"ชิส์ ยิ้มแฉ่งเลย"
มาลีมองค้อนๆ โรสหัวเราะเอามือมาจับหัว
"หลายๆเรื่อง ฉันเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี แต่ฉันบอกได้ว่า อะไรถูกอะไรผิด มันเป็นหน้าที่ของ ... เอ้อ ฉัน ...ตั้งใจเรียนนะ นังชะนี"
มาลียิ้มแป้น
"แล้วนี่กินยาหลังอาหารหรือยัง เดี๋ยวเขาหักนะพี่เก้ง มอๆ"
มาลีล้อโรส ทำท่ามีเขา ไปมา
"นั่นมันวัว อีบ้า เก้งที่ไหนร้องมอ หา"
"แล้วมันร้องว่าอะไรล่ะ"
โรสเสียงดัง
"แล้วฉันจะรู้ไหมล่ะ อีนี่"

มาลีหัวเราะร่วน รู้วิธีที่จะคุยกับโรสได้นานๆ ทั้งสองหัวเราะกันไปมา ดูสนิทสนมกันมากขึ้น นั่งคุยหยอกล้อกันต่อ

ทองทาดึงต้นชงโค ใบเหลืองเหี่ยวออกมาจากกระถาง จนกระถางโล่ง

"ต้องถอนทิ้งเลยหรือ" อธิถาม
"หมดทางแล้ว ลุงเขาบอกว่า พันธุ์มันไม่ดีมาตั้งแต่ต้น ไม่แข็งแรงตั้งแต่ต้นกล้าแล้ว ปลูกยังไงก็เอาไม่อยู่ แกรู้ข่าวหรือยัง เรื่องชงโค"
อธิพยักหน้า
"แปลกดีเนอะ แกปลูกต้นไม้สามต้นนี้ตามชื่อของแต่ละคน ต้นชงโคตาย ในวันที่ชงโคเปลี่ยนชีวิตพอดี"
"ประเด็นคือ ชงโคจะรู้ไหม ชีวิตใหม่ของเขาคือชีวิตที่ตายไปแล้วจากความดีงาม"
"โลกเดี๋ยวนี้ เขาไม่รู้จักหรอกความดี เขารู้จักแต่เงิน"
"ใช่ สำหรับชงโค ชีวิตที่มีเงินต่างหากคือชีวิตที่ดี"
"คำว่า ดี มันขึ้นอยู่กับ... ดีแบบของใคร"
ทองทาพยักหน้าว่าจริง
"เฮ้อ ในที่สุด ก็เหนื่อยฟรี"
ทองทาเทดินทิ้ง คว่ำกระถางลง ปิดจ็อบ

อธิกับการะเกดเดินมาเจอกันบนบ้าน
"เอ้า พี่อธิมาหรือคะ"
หลังจากปฏิเสธกันไปคราวที่แล้ว ทั้งสองดูเจื่อนๆกันไป ดูมึนตึง
"การะเกด ไม่ได้เจอกันนานเลย"
"เกดเอาน้ำจิ้มแจ่วมาให้พี่ เอ้อ ให้ทุกคนค่ะ"
การะเกดชี้ไป กล่องใส่น้ำจิ้มวางอยู่
"แล้วนี่ จะไปเลยหรือ"
"วันนี้มีงานที่ร้านน่ะค่ะ"
การะเกดเดินไป อธิตัดสินใจพูดขึ้น
"เกดรู้ใช่ไหมว่าพี่ติดกินแจ่วทุกวัน ถึงได้เอามาให้ แบบนี้แปลว่าพี่ยังมีหวังหรือเปล่า"
การะเกดตัวชา ได้แต่ก้มหน้าพูด พยายามใจแข็ง เพราะแท้จริงก็ชอบเขาอยู่
"พี่อยากกินเมื่อไหร่ โทร.มาได้ค่ะ แล้วเกดจะเอามาทิ้งไว้ให้"
"แล้วถ้าพี่ไม่มา"
"ไว้เวลาพี่มีแฟน พาเขามาให้เกดรู้จักสิคะ เกดจะสอนเขาทำ"
อธิเศร้า ผู้หญิงที่ปฏิเสธเขาตลอด
"พี่มาเป็นตำรวจที่นี่ เพราะพี่มาเรียน พอเรียนจบพี่จะกลับไปทำงานที่หนองคาย พี่ไม่เคยรู้สึกว่ากรุงเทพเป็นบ้าน อยู่ที่นี่ก็เพื่อรอเวลากลับบ้าน พี่อยากให้แฟนพี่เป็นคนที่อยู่กับพี่ได้ เข้ากับชีวิตจริงๆของพี่ได้"
"สักวันพี่จะพบคนนั้นค่ะ"
"เป็นสาวเสิร์ฟแล้วยังไงหรือ มีแฟนไม่ได้ เป็นที่รักไม่ได้หรือ เป็นคนเลวต่างหากถึงรักไม่ลง แต่เกดเป็นคนดี เป็นคนน่ารัก พี่เลยคิดว่า.... จะรักเกด เหมือนเดิม"
เกดหลับตา สะกดใจไว้ แล้วเดินจากไป
"เกด"
การะเกด ไม่หัน ไม่ยอมหยุดเดิน อธิเซ็ง ไม่สำเร็จอีกแล้ว

ผับเล็กๆ ในคืนเดียวกัน ชงโคร้องเพลงแดนซ์ลูกทุ่งเซ็กซี่ มาออกงานในฐานะเลดี้ชาร์ล็อต เขาจ้างมาร้องเพลง คนมาเที่ยวเป็นผู้ชายส่วนใหญ่ ร้องเสร็จ ชงโคเดินมาที่โต๊ะวีไอพีที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว ส่วนใหญ่เป็นชายแก่วัยกลางคน เสี่ยๆทั้งหลาย
ชาย 1บอก
"ผมดูคุณตอนประกวดด้วยนะ เมื่อกี๊ก็ร้องเพลงเพราะมาก"
ชงโครีบนำเสนอ เป็นเรื่องที่ตนภูมิใจ
"หนูเรียนร้องเพลงด้วยนะคะ ฝึกตั้งนานกว่าจะได้เสียงแบบนี้ ทุกวันนี้หนูตื่นมา ยังวอร์มเสียงอยู่เลยนะ"
ซูซี่อยู่กับอีกกลุ่มหนึ่ง ชาย 2 กระซิบถามซูซี่ มองชงโคตาวาว ซูซี่พยักหน้ากับชายคนนั้นแล้วเดินมาหา ชงโคมองสายตาของชายคนนั้น นึกสงสัยถามซูซี่
"ใครเหรอพี่"
"เจ้าของผับนี้ รวยมาก"
"กระซิบอะไรกันเหรอ"
"ไม่มีอะไรหรอก ไปเตรียมร้องเพลงอีกเพลงเถอะ"
"เขาพูดอะไรพี่ พูดเรื่องฉันใช่ไหมล่ะ มองมาทางหนูแปลกๆ"
"เขาถามว่าเท่าไหร่ ไปพัทยากับเขาสามวันเท่าไหร่"
"จ้างไปร้องเพลงหรือ"
"เขาอยากไปกับแกสองคน ไม่ได้อยากฟังแกร้องเพลง แต่ถ้าร้องครางล่ะก็ ใช่ !"
ชงโคอึ้ง ซึมไป นี่เราใกล้จะขายตัวมากขึ้นเรื่อยๆ
"ฉันก็เลยบอกว่า แกสนใจแต่ร้องเพลง ไปสองคนแกไม่เอา หรือจะเปลี่ยนใจล่ะ"
"ไม่ ! ไม่เปลี่ยนใจ"
ชงโคเดินไป เตรียมร้องเพลงแถวเวที ซูซี่ยิ้มร้าย เสียงความคิดดังขึ้น

"แรกๆก็อย่างนี้ทุกคน แต่เส้นทางนี้มันมีทางเดินของมัน เดี๋ยวก็รู้ ฮึๆ"

รถซูซี่มาจอดที่ร้านเซอร์ไพร์สคาราโอเกะ พาชงโคมากินข้าว บอยเดินมาทัก

"เอ้ามาซะดึก รถสวยจัง เปลี่ยนรถหรือเจ๊"
สมศรี บุญมาเดินออกมาดูด้วย
"รถคุณชงโคกับฉันหุ้นกัน เขาเป็นดาราแล้ว จะให้ใช้รถเก่าได้ไง"
บุญมาบอก
"เศรษฐีเงินผ่อน เฟอร์นิเจอร์เดี๋ยวนี้ หามาตบตาคนได้สบายๆ ด้วยเงินผ่อน"
"ทำปากดี แล้วแกล่ะ มีอะไรตบตาคนอื่นเขามั่งไหม จนก็จนจริง แก่ก็แก่จริง" สมศรีบอก
บุญมาบ่นพึม แค้น
"หนอย พูดเรื่องแก่ กูก็หมดสิทธิ์เถียงเลยสิ"
"หมู่นี้ไม่มาดูห้องเก้าเลยนะ"
"ห้องนั้นยกให้นังมี่กับนังเกรซมันเป็นคนดู งานฉันตอนนี้เป็นผู้จัดการดาราจ้ะ"
ซูซี่ผายมือไปทางชงโค
"งานใหม่เงินดีกว่า ทำก็ไม่ยาก คล้ายๆงานเก่านั่นแหล่ะ" สมศรีบอก
ชงโค จ๋อยอีก สมศรียิ้มเยาะต่อเนื่อง
"เอ๊ะ...นังสมศรี ชงโค ไม่ต้องไปฟังมัน"
สมศรีเดินมามองชงโคใกล้ๆ
"สวยนะ นังชงโค ทะลักออกมาอย่างนั้น โกยลำบากไหมน่ะ"
ชงโคอายๆ ค้อนๆ ปิดหน้าอกตัวเอง หันหนี
"ฮึ ใครจะหย่อนยาน เหมือนแก ทั้งลูกทั้งผัว มารุมดูดกันกี่คนล่ะ" ซูซี่บอก
"เอ๊า ใช่สิ กูลูก 1 ผัว 1 กูหย่อนเท่านี้ ไว้รอตอนมึงอายุเท่ากู ลูกผัวมึงเท่าไหร่ มึงจะหย่อนกว่ากูเท่าไหร่ คิดเลขดูไหม เดี๋ยวกูช่วยกดเครื่องให้"
สมศรีหยิบเครื่องคิดเลข
"อีนี่" ซูซี่เงื้อยกมือจะตบ
สมศรีเงื้อมือสู้ ทำท่าจะตบกันบอยรีบขวาง
"เอ้อ อย่าๆ แยกๆ พี่สมศรี พอเถอะครับ ยังไงก็คนร้านเดียวกันนะ วันนี้อารมณ์ไม่ดีก็อย่าคุยกันเลยนะ"
บอยพยักหน้าให้บุญมาพาสมศรีไป
"เออๆ ไป ไปดูดกัน เอ๊ยไปข้างในกัน ไปไป๊"
บุญมาดันสมศรีเข้าไปข้างใน ซูซี่ชี้หน้าเอาเรื่อง ชงโคเศร้าๆ สะเทือนใจกับคำเยาะของบุญมาและสมศรี

ชงโคและซูซี่ดูเมนูนั่งสั่งอาหาร การะเกดมายืนจด
"ขอของที่แพงที่สุด เอามาสองจานเลย อ้อ ขอเนื้อใหม่มาย่างนะ ไม่เอาของเก่าเก็บจากเมื่อวาน"
"ไม่เป็นไรน่าเจ๊"
"โฮ้ยจะไปเกรงใจมันทำไม แกไม่ได้เป็นเด็กเสิร์ฟแล้ว แกเป็นลูกค้า เขาต้องดูแลแก นังการะเกดไป๊ ไปเอาน้ำเย็นๆมาให้คุณเชอร์เบ็ตก่อน เพิ่งไปออกงานมา เช็คเหนาะๆสามหมื่นอยู่ในกระเป๋านี่"
การะเกดมองชงโคที่ดูซึมๆไป แตกต่างจากเมื่อก่อน
"ได้ค่ะ คุณเชอเบ็ต"
ทั้งสองสบตากัน ชงโคละอายใจหลบตาก่อน
"เดี๋ยวก่อน การะเกด คุณวานิชเขาชอบแกนะ แกเห็นชงโคแล้วนี่ อ้อ เกือบลืม นี่หนังสือที่คุณเชอร์เบ็ตขึ้นปก ฉันเอามาฝากที่ร้าน แกล่ะ ไม่อยากสบายแบบนี้หรือ"
การะเกดยืนอึ้งมองหนังสือ มาลีถือถาดน้ำกับน้ำแข็งมาเสิร์ฟ กำลังใส่น้ำแข็ง รินน้ำใส่
"น้ำค่ะ"
ชงโคยิ้ม พยายามรักษาไมตรี
"ขอบใจนะหนูมาลี"
บอยยกแก้วน้ำ มาลีรินน้ำใส่ จากนั้น จู่ๆ เธอก็เอานิ้วจิ้มลงไปในน้ำ แช่ไว้ครู่หนึ่ง
ก่อนแล้วค่อยวางให้
"นี่ แกทำอะไร ยี้ สกปรก"
"ก็ทำอย่างที่ผู้ชายทำกับเจ๊ไง ผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ ชื่อจริงอะไรก็ไม่รู้ เขาไปมั่วกับใครมาก่อนก็ไม่รู้อีก มาถึงจู่ๆก็มา ..."
มาลีเอานิ้วชี้จิ้มน้ำในแก้วสองสามครั้งซ้ำๆ
"ทีอย่างนี้ ไม่เห็นบอกว่า สกปรก"
ซูซี่โมโหมาก ลุกขึ้นผลักมาลี
"อีหนูมาลี"
ซูซี่เงื้อมือสุดเตรียมตบ มาลีฮึดสู้ ถลึงตัวขึ้นเตรียมตบเช่นกัน แต่โรสพุ่งเข้ามาปกป้องก่อน
"ถ้ามึงแตะเขา... มึงเจอกู"
ซูซี่จ๋อย กลัวโรส ยอมลดมือลง
"หนูไม่เป็นไรค่ะพี่โรส คนพรรค์นี้ กู่ไม่กลับแล้ว แต่คนที่หนูสนใจคือเพื่อนหนูต่างหาก ...ชงโค อย่าเป็นแบบเจ๊ซูซี่นะ อย่ายอม...รับปากสิ"
ชงโคได้แต่สบตามาลี แล้วพยักหน้า
"ได้เงินแล้วก็ถอยออกมาซะ ถอยห่างจากคนๆนี้ด้วย อย่าทำให้พวกเราเสียใจนะชงโค"
ซูซี่ ค้อนและแค้นหนูมาลี ชงโคคิดหนัก ไม่ได้มีความสุขเลยเพราะกลัวใจตนเอ'เหมือนกัน

วันใหม่ มาลีเริ่มเรียนหนังสือ แล้วเลยนั่งอ่านหนังสือ ขณะนั่งเล่นกับทองทาที่ง่วนกับการพับดาว
"พอไหวไหม"
"ตอนไปฟังเล็คเชอร์ก็งงๆหน่อย นั่งรถไกลมาก ลงไปอ้วกสองรอบ"
ทองทาคุยไปพับดาวไป
"อีกหน่อยก็ชินน่า"
"พวกรุ่นพี่เขาบอกว่า สำคัญคืออ่านเล็คเชอร์พวกนี้"
ทองทานั่งพับจนได้หนึ่งพันดาว แล้วก็ตะโกนออกมา
"ดวงที่ หนึ่งพัน .... โฮ้ย จบเสียที เบื่อๆ"
ทองทาแทบเตะโถใส่ดาวทิ้งไป ก่อนจะนอนลงแผ่หลา หลังขดหลังแข็งมานาน
มาลีตกใจ คาดไม่ถึง
"พันหนึ่งแล้วหรือ จริงหรือพี่ ไม่ได้หลอกแน่นะ ขอบคุณค่ะพี่ทองทา"
มาลีเข้าไปกอดทองทาไว้ ทองทาอึ้ง พอจะยกมือกอดตอบ มาลีก็ปล่อยตัวออกไป ทองทาจำต้องปล่อยตามด้วยความเสียดาย
มาลีรีบหยิบโถดาวขึ้นมา
"จะไปไหน"
"เอาไปให้พี่ซีโร่ไง"
"นี่ อ่านหนังสือไปเลย อ่านหนังสืออีกหนึ่งชั่วโมง เดี๋ยวต้องซ้อมร้องเพลงต่ออีก เห็นว่างานเยอะหรอกนะถึงทำให้น่ะ"
"อ่ะๆ โอเค"
"ว่าแต่เราจะร้องเพลงอะไรดีล่ะรอบนี้"
มาลีซึมไปเมื่อคิดถึงชงโค
"ร้องอะไรก็ได้ ตอนนี้ข่าวออกไปแล้ว หนังสือเล่มนั้นวางขายแล้ว เขารู้กันหมดแล้วว่า รอบนี้ชงโคต้องเป็นคนออกไป เพราะทำผิดกฎไปเซ็นสัญากับค่ายอื่น"
"เราก็ต้องตั้งใจร้องอยู่ดีแหล่ะ เก็บคะแนนไว้ไง อยากร้องเพลงอะไรหรือ"
"มีเพลงอะไร ร้องไห้ชงโคไหม"
"ทำไมต้องร้องให้ชงโค"
"ไม่รู้สิคะ เขาไม่เหมือนเดิม"

ทองทางงๆ มาลีก็บอกความรู้สึกที่ชัดเจนไม่ได้
 
อ่านต่อตอนที่ 7
กำลังโหลดความคิดเห็น