มาลีเริงระบำ ตอนที่ 1
ค่ำคืนนี้ ท่ามกลางแสงสีที่สาดส่องลงบนเวทีคอนเสิร์ต คนดูด้านล่างต่างเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ เมื่อดนตรีเริ่มบรรเลง คนดูก็เริ่มขยับโยกตาม ทุกใบหน้ายิ้มแย้มอย่างมีความสุข เสียงพิธีกรกล่าวต้อนรับนักร้องชื่อดัง
"ขอเชิญพบกับ ซุปเปอร์สตาร์สาวคนใหม่ของเมืองไทย คุณมาลีเริงร่า อากาศดี"
เด็กสาววัยรุ่นหน้าเวทีร้องกรี๊ด
มาลีเริงร่า คือชื่อเต็มของเด็กสาวรูปร่างสูงใบหน้าสวย ที่พ่อ เรืองยศ ของเธอตั้งให้ ส่วน ย่าหงส์ จะเรียกว่า "หนูมาลี" และทุกคนต่างรู้จักเธอในชื่อสั้นๆ ว่า "มาลี"
เด็กสาวเดินร้องเพลงออกมา เวทีการแสดงกระหึ่มขึ้นทันที เธอร้องเพลง คนดูร้องตาม เต้นตาม กระโดดตาม ประสานเสียงดังเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
"ก่อนนี้ ฝันจะเป็นอย่างใคร และตอนนี้ ความฝันเธอเป็นอย่างไร
จะทำตามที่เชื่อกันมาว่าฟ้าบัญชาให้ชีวิตก้าวไป หรือจะทำเพื่อฝันเธอเองสุดท้ายจะเลือกทางใด กี่เช้าที่ต้องลืมตากับคำถาม ว่าเราหลงลืมความฝันหรือเปล่า วิ่งไล่ตาม หรือคุกเข่า ในวันนี้เราทำอะไร ความฝันยังร้องเรียกเราอยู่ตรงนั้น ปลุกใจให้มันลุกยืนขึ้นใหม่
ทุกๆ สิ่งที่ยิ่งใหญ่ เอาชนะมันได้ด้วยใจ เท่านั้น
ก่อนนี้ ฝันจะเป็นอย่างใคร แต่ตอนนี้ ความฝันต้องเป็นอย่างใจ เราอาจจะต้องแลกมันมาด้วยช่วงเวลาที่ท้าทายจิตใจ หรืออาจจะต้องล้มบางทีมีแผลมีรอยรอบกาย กี่เช้าที่ต้องลืมตากับคำถาม ว่าเราหลงลืมความฝันหรือเปล่า วิ่งไล่ตาม หรือคุกเข่า
ในวันนี้เราทำอะไร ความฝันยังร้องเรียกเราอยู่ตรงนั้น ปลุกใจให้มันลุกยืนขึ้นใหม่ ทุกๆ สิ่งที่ยิ่งใหญ่ เอาชนะมันได้ด้วยใจ เท่านั้น
จะร้อน จะหนาว ฝันยังรอเราก้าวไปคว้ามา ถ้าใจไม่ท้อต่อความอ่อนล้า สักวันต้องถึง
กี่เช้าที่ต้องลืมตากับคำถาม ว่าเราหลงลืมความฝันหรือเปล่า วิ่งไล่ตาม หรือคุกเข่า ในวันนี้เราทำอะไร
ความฝันยังร้องเรียกเราอยู่ตรงนั้น ปลุกใจให้มันลุกยืนขึ้นใหม่ ทุกๆ สิ่งที่ยิ่งใหญ่ เอาชนะมันได้ด้วยใจ เท่านั้น"
ระหว่างคอนเสิร์ตที่เมามัน ทุกคนร้องเป็นเพลงเดียวกัน และกรูกันเข้ามาขอสัมผัสมือซุปเปอร์สตาร์ จู่ๆ ก็มีเสียงย่าแก่ๆ ดังเข้ามา ประมาณว่า ดังขึ้นมาจากบนฟ้า
"หนูมาลี"
มาลีและคนดูหยุดมองฟ้า ประมาณว่าเสียงอะไรน้า มาจากไหนน้า
เสียงเงียบไป มาลี ไม่สนใจร้องเพลงต่อ บรรยากาศกลับมากระหึ่ม
สักพักเสียงมาอีก หนูมาลีและคนดูหยุดเงยหน้าขึ้นมองฟ้าอีกครั้ง
หนูมาลี"
ครั้งนี้เสียงดังขึ้น ดุขึ้น แต่เธอยักไหล่ไม่สนใจ
"เอ้า..."
มาลีหันไปร้อง
น้ำทั้งถังราดหัวมาลีที่นอนอยู่
เสียงย่าหงส์บอก
"ตื่น ! ไปโรงเรียนได้แล้วโว้ย"
ภายในห้องนอน บ้านหลังเขา มาลีนอนหลับฝันหวานอยู่บนเตียงถูกย่าหงส์ราดน้ำทั้งขันเต็มๆ เธอสะดุ้งตื่นขึ้น
"จะไปไหมโรงเรียนน่ะ หา เอาแต่นอนฝันหวานนะมึง"
มาลีมองนาฬิกา
"โหย ย่าอ่ะ ที่นอนเปียกหมด ต้องมาซักมาตากอีก"
มาลีวิ่งไปห้องน้ำทันที
มาลีวิ่งออกจากบ้านไม้หลังใหญ่น่ารักที่อยู่บนเขา ห่างไกลความเจริญ มาขึ้นสองแถวที่มารับไปโรงเรียน
โรงเรียนประจำอำเภอ ภายในห้อง มาลีนั่งเรียนอย่างตั้งใจ บริเวณทางเดิน มาลีหิ้วกองสมุดมาให้ครู เธอเป็นหัวหน้าห้อง และสนิทกับครูสวยมาก เธอร้องเพลงมาตามทาง เพราะเป็นคนฮัมเพลงตลอดเวลา มาลีเป็นคนสดใส ยิ้มแย้ม ร่าเริงและดูจริงใจ มีเพื่อนมากมาย
มาลีห้องพักครู
"แค่ได้ยินเสียงฮัมเพลงก็รู้แล้วว่า น.ส.มาลีเริงร่ากำลังมา"
"ครูสวยไม่ต้องเรียกชื่อหนูเต็มก็ได้ค่ะ พ่อตั้งเข้าไปได้ไงไม่รู้ ยาวจัด"
"ตกลงพ่อกลับมาจากกรุงเทพหรือยัง บอกพ่อมาหาครูด้วยนะ"
"เขียนจดหมายไปแล้วค่ะ พ่อไม่ได้ตอบ"
ครูสวยถามอย่างห่วงใย
"พ่อเคยกลับมาไหม"
มาลีเอาภาพอัดพลาสติกที่พกไว้ตลอดในกระเป๋าเงินมาให้ครูดู ภาพนั้นมาลีอายุประมาณ 8 ขวบ ถ่ายกับเรืองยศในชุดทหารเกณฑ์
"ภาพสุดท้าย ที่หนูถ่ายกับพ่อ สิบปีก่อน"
"เป็นทหารหรือ ทำไมครูได้ยินว่าเขาเปิดร้านอาหาร"
"อาจจะเป็นทหารที่เปิดร้านหรือเปล่าคะครู"
"นี่ไม่ได้คุยกับพ่อเลยหรือ"
"พ่อส่งเงินมาทุกเดือน ส่งของมาก็บ่อย พัดลม ทีวี คอมพิวเตอร์ หนังสือ แต่พ่อคงไม่ชอบเขียนจดหมายค่ะ เขียนแต่สวัสดีปีใหม่ กับอวยพรวันเกิด ปีละครั้ง สองครั้ง"
ครูสวยมองดูรูปพ่อของลูกศิษย์แล้วชักกลุ้มแทน
"หนูเขียนหาพ่อทุกเดือน ปู่กับย่าบอกว่าพ่อรักหนูมาก ตอนเด็กๆ แม่ทิ้งหนู พ่อวิ่งตามรถของสังคมสงเคราะห์เอาหนูกลับมาให้ปู่กับย่าเลี้ยง"
ครูสวยเอาจดหมายจากลิ้นชักให้
"นี่จดหมายจากมหาวิทยาลัยในเมือง หนูได้โควตา คณะครุศาสตร์ หนูขยันเรียนสอบได้ที่ 1 ทุกปี เห็นไหม โอกาสดีๆก็มาหาเอง"
"พ่อคงดีใจ พ่ออยากให้หนูเป็นครู แต่หนูอยากเป็น..."
"อย่านะ ที่คิดอยู่น่ะ ครูไม่เห็นด้วย พาปู่ย่าไปรายงานตัวซะ อย่าเพ้อฝันลมๆแล้งๆ"
มาลียิ้มแห้ง
บริเวณบ้านไม้ ท่ามกลางหมู่บ้านที่สงบเงียบ สวยงาม วันนี้เป็นวันหยุด ทีวีช่องสามถูกเปิดไว้กลางห้อง มาลีนั่งเขียนจดหมายไป ดูทีวีไป ปู่เชื้อที่มักวุ่นวายกับการเย็บแห อุปกรณ์ตกปลา ส่วนย่าหงส์ ดูแลบ้านตามประสาคนขยัน ทั้งคู่ยังแข็งแรง
"เขียนจดหมายหาพ่ออยู่หรือ" เชื้อถาม
"จ้ะปู่"
"เขียนทำไม พรุ่งนี้ก็สงกรานต์แล้ว ไปรอไอ้เรืองที่ขนส่งไหมอีหงส์"
ปู่เชื้อเป็นอัลไซเมอร์ ย่าหงส์หูจะตึงหน่อยๆ
"ไม่ใช่ค่ะปู่ สงกรานต์ผ่านไปหลายเดือนแล้ว"
"ไอ้เรืองไม่ได้กลับบ้านหลายปี มันคงอยากกินปลาเผา ข้าว่าจะไปลงเบ็ดจับปลาช่อน"
ปู่หยิบเบ็ดตะไป มาลีรีบไปขวาง เอาเบ็ดวางคืน
"ไม่ต้องไปค่ะปู่ เดี๋ยวก็ลืมทางกลับบ้านอีก ฟังนะคะ พรุ่งนี้ไม่ใช่สงกรานต์"
"โฮ้ย ไอ้แก่สมองเสื่อม ไป ไปปลูกผักกับข้า จะได้ลืมๆ"
ย่าหงส์คล่องแคล่วกว่า ลากปู่ลงไปด้วยกัน
"ผ้าไม่ต้องเก็บนะ ฉันเก็บเอง"
"เอ็งเป็นบ้าเหรอ" หงส์ถาม
หนูมาลีตะโกนเสียงดังขึ้น
"ผ้าไม่ต้องเก็บ ฉันเก็บเอง"
"ตะโกนทำไม เปิดทีวี บ้าดูทีวีทั้งวันก็ปวดหัวอยู่แล้ว ยังจะตะโกนอีก"
มาลีขำนั่งเขียนจดหมายต่อ พร้อมฮัมเพลง .... คุ้มค่าทุกนาที ดูทีวีสีช่องสาม
ในจดหมาย มาลีบอกพ่อว่า
"พ่อเรืองจ๋า หนูมาลีไม่อยากเป็นครู หนูมาลีขออนุญาตพ่อทำตามความฝันบางอย่างนะ ถ้าพ่อจะโกรธ ก็อยากให้รู้ หนูขอเวลาแค่ปีเดียว ถ้าหนูทำไม่สำเร็จภายใน 1 ปี หนูจะกลับมาสอบครูให้พ่อเรืองจ้ะ"
บริเวณสนามเด็ก วันสอบสุดท้ายของม. 6 หนูมาลีนั่งเซ็นเฟรนด์ชิบแลกสมุดกับเพื่อน เห็นคำว่า “อำลาอาลัย” บนสมุด ทุกคนต่างกอดกันถ่ายรูปมือถือเป็นกลุ่มใหญ่
ภายในห้องพักครู มาลีเอาดอกไม้มาให้ครูสวย ครูสวยกอดให้พร ร่ำลา
ย่าหงส์ถือโบรชัวร์มีข้อความประมาณว่า “ รายการสี่แยกนักฝัน ( the superstar) เชิญประกวด สุดยอด ร้อง-เต้น-เล่นละคร ชิงรางวัล หนึ่งล้านบาท กับ สถานีโทรทัศน์ เอ็มเอ็มแชนนัล”
ย่าหงส์กำลังนั่งคุยกับปู่เชื้อและหลาน
"เอ็งจะเข้าประกวด รายการทีวีนี่หรือ"
"เขาจะคัดเลือกเดือนหน้านี้ที่กรุงเทพ ถ้าชนะได้เป็นดารา เป็นนักร้อง ได้เงินตั้งหนึ่งล้าน"
"พ่อเขาอนุญาตแล้วหรือ" เชื้อถาม
"พ่อยังไม่รู้ ฉันจะไปหาพ่อที่กรุงเทพ"
"ไปหาที่ไหนล่ะ"
"ทุกทีพ่อให้ส่งจดหมายไป ตู้ป.ณ.14 ไปรษณีย์รัชดา คงเพราะพ่อเปลี่ยนที่ทำงานบ่อย แต่พ่อรักฉันมาก พ่อต้องมาไขตู้เอาจดหมาย ฉันจะรอพ่อที่ไปรษณีย์"
"ถ้าข้าไม่ให้ไป เอ็งก็คงจะหนี ใช่ไหม" หงส์ว่า
หนูมาลียิ้มแห้งเพราะเป็นความจริง
หงส์ถอนหายใจ เอาสร้อยทองหนัก 2 บาทออกมาจากตู้ลิ้นชักยื่นให้
"ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวหนูไปเบิกเงิน ค่าตั๋ว ค่ากิน เดี๋ยวก็เจอพ่อ"
"เอาไว้เถอะ ข้าสองคนอยู่ที่นี่ ปลูกผักเลี้ยงปลา วันๆ ได้ใช้เงินที่ไหน เอาไปเถอะ ระวังตัวนะลูก"
"มือถือที่พ่อซื้อให้จะฝากไว้กับอาผู้ใหญ่ข้างบ้าน เจอพ่อแล้ว หรือมีอะไรจะโทร.มาส่งข่าวไว้ที่อาผู้ใหญ่นะ"
หงส์พยักหน้า มาลีกอดย่า ขอบใจที่เข้าใจ
"นังหงส์ เอ็งนี่เพี้ยน นี่มันสงกรานต์ หนูมาลีมันจะไปรับพ่อมันแค่อำเภอ ไปแค่ท่ารถ จะให้ทองมันไปทำไม เพี้ยนใหญ่แล้วนะเอ็ง"
มาลีหัวเราะกับย่า
กลางคืนวันเดียวกัน มาลีเก็บเสื้อผ้า ข้าวของลงกระเป๋าใบเล็ก พร้อมโบรชัวร์ มองบ้านนี้อย่างอาลัย มองรูปพ่อที่ห้อง ใฝ่ฝันว่าจะได้เจอพ่อ อีกรูปหนึ่งคือรูปพี่ซีโร่ขนาดใหญ่ พร้อมข้อความ The Superstar ปีที่ 1 ....ซีโร่ สุดหล่อผู้เป็นแรงบันดาลใจของหนูมาลี
มาลีนั่งบนรถทัวร์ มือก็ยังกำใบสมัครและรูปพ่อไว้ด้วยกัน เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวไว้ แทรกเสียง
"พ่อจ๋า หนูจะได้เจอพ่อแล้ว"
มาลีหันรูปอีกด้าน เป็นรูปพี่ซีโร่
"พี่ซีโร่เป็นกำลังใจให้หนูด้วยนะ"
วันใหม่ รถทัวร์เข้ามาจอด มาลีลงจากรถ อ่อนเพลียเพราะไม่เคยเดินทางไกล ดูท่าทางเหนื่อยอ่อน สักพักเกิดอาการ เธอวิ่งไปที่ถังขยะ อ้วกเพราะเมารถ
ท่ารถทัวร์ เธอพาร่างสะบักสะบอมไปที่ร้านค้า
"ขอน้ำกินหน่อยจ้ะ"
คนขายเสียงดุ มองหนูมาลีหัวจรดเท้า
"ขอเหรอ"
"ขอซื้อจ้ะ ฉันมีเงิน มีเงิน นี่ๆ"
มาลีวุ่นวายเปิดกระเป๋าที่วางกับถุงใส่ทองของย่า สุดท้ายเลยร่วงตกพื้นออกมาหมด ทั้งปึกเงินและทองเพราะไม่ระวัง เธอหน้าซีด รีบเก็บ คนมองมาเต็ม คนขายน้ำสีหน้าร้ายก็มองเห็น
"เงินเยอะนี่"
หนูมาลี ตกใจมาก มองหน้าร้ายกาจของคนขาย และคนรอบข้างอย่างระแวง
รายการทีวีที่มาลีเคยดูมา ... รายการ "ผู้หญิงถึงผู้หญิง" พิธีกรเคยบอกกับผู้ชม และเธอจำได้
"ผู้หญิงถึงผู้หญิงวันนี้ เตือนภัยคนต่างจังหวัด สถานที่ที่อันตรายที่สุด สำหรับคนบ้านนอกที่เข้ากรุงครั้งแรกก็คือ ไม่น่าเชื่อนะคะ สถานีขนส่ง ทั้งหลายค่ะ" กาละแมร์ว่า
มาลีหายเพลียทันที กลัวมาก จินตนาการไปไกล รีบซื้อน้ำแล้วเดินออกไปจากตรงนั้น
บริเวณท่ารถทัวร์ รถของทองทาแล่นเข้ามาจอด ทั้งสองลงมาจากรถ ด้านประตูด้านคนนั่ง อธิ ตำรวจนอกเครื่องแบบหนุ่มเซอร์ ที่มีลักษณะการแต่งตัว เท่ๆ ดูเชยๆ ซื่อๆหน่อย มีวอเหน็บเข็มขัด เป็นคนรักความบ้านนอกของตนเอง
"ฉันลงไปแป๊บเดียว สายส่งข่าวมา เดี๋ยวเดินตรวจหน่อย"
ประตูด้านคนขับ ทองทาในชุดเชิ้ตลายเก๋ไก๋ มีหมวกมีแว่น แต่งตัวแบบใส่ใจดูแลตัวเองเสมอจนดูเหมือนเกย์
"สายอะไร ยาเสพติดหรือ"
ทองทาลงมาถึงก็มองกระจกข้างจัดผมให้เข้ารูป นิสัยศิลปินนักแสดงอีกเหมือนกัน ต้องดูดีเสมอ อธิที่เป็นเพื่อนสนิทแต่เด็ก เบื่อเพื่อนมาก
"หล่อแล้ว หล่อแล้ว วันๆส่องแต่กระจก ไอ้นกหงส์หยก"
"เอ๊าคนดูแลตัวเอง ทำไมคนมันเยอะอย่างนี้ รู้งี้นอนที่บ้านดีกว่า"
ทองทาอยู่ในช่วงเบื่อชีวิต กำลังถึงจุดเปลี่ยน มองอะไรรอบตัวก็ดูไม่สนุกไปหมด
"ตั้งแต่กลับมาจากเมืองนอก วันๆเอาแต่อยู่บ้านฟังเพลง ออกมาเปิดหู เปิดตาบ้างเหอะ"
ทองทายังมองไปรอบๆ ยืนกอดอกพิงหลังมองไปเห็นชีวิตคนเมืองรอบตัว
"คนเขาไปไหนกันวะ ท่าทางเหนื่อยๆเนอะ จะดิ้นรนอะไรกันนักหนา เฮ้อ น่าสงสารนะ เกิดเป็นคนเนี่ย"
"ติสต์อีกละ เขาเดินทาง เขาก็ต้องเหนื่อย หดหู่ แบบนี้ ระวังโรคซึมเศร้าถามหานะโว้ย ไป ไปเดินเล่น ไปไหนก็ไป รอฉันแป๊บหนึ่ง เสร็จงานจะโทร.ไปบอก"
อธิไปด้านหนึ่ง ทองทายังเซ็งๆมองไปรอบๆ
ตำรวจกระจายกันตรวจค้น คนเดินทางที่มีกล่องมีของ อธิเดินมาเจอ ตำรวจชั้นผู้น้อย ตะเบ๊ะกัน
"ขอตรวจค้นหน่อยครับ ... สวัสดีครับหมวดอธิ"
อธิช่วยดูการค้น บอกจ่า
"นัดกินข้าวกับเพื่อนแถวนี้ ได้ยินเสียงจากวิทยุ เลยแวะมาดูหน่อย"
มาลีเดินมองสิ่งต่างๆรอบตัว เริ่มกลัวภัยเมืองหลวง ระแวงเกินกว่าเหตุ เอากระเป๋ามากอดไว้สุดฤทธิ์ ในความคิดของหนูมาลีที่ได้ชมรายการผู้หญิงถึงผู้หญิง
"สิ่งสำคัญคือ เราต้องรู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน มีกระเป๋ากี่ใบ ใส่เงินไว้ใบไหน อ้อ เวลาถือเป้นะคะ ต้องถือไว้ด้านหน้า กอดไว้เลย แล้วก็ระวังพวกในเครื่องแบบ แท็กซี่ นายหน้าหางาน" ไก่ มีสุข กล่าว
เป็นจังหวะเดียวกับที่มีโซเฟอร์แท็กซี่หน้าตาน่ากลัว และนายหน้าหางานเข้ามาคุยด้วย
"น้องไปไหน แท็กซี่ไหม"
"ไปทำงานไหม พี่หาให้ได้ ก่อสร้าง แม่บ้าน"
มาลีแกล้งทำท่ากร่างใส่ เสียงดัง
"เป็นเด็กเทพ เด็กกรุงเทพ ไปเยี่ยมญาติมา !"
มาลีแอ็คท่ากร่างๆ ทำท่าก๋าๆ พิลึกๆ เดินฝ่าคนที่มารุมออกไป อธิเดินมาหา
"คุณผู้หญิงครับ ผมเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขออนุญาตตรวจค้นหน่อยครับ" อธิบอก
"ตำรวจหรือ"
มาลีมองหัวจรดเท้า อธิมองหน้า
เสียงจากรายการผู้หญิงถึงผู้หญิงยังลอยเข้ามาในหัวสมองของหนูมาลีทันที
"มิจฉาชีพ บางทีก็หลอกเป็นคนในเครื่องแบบนะ ตำรวจอะไรงี้ มากันเป็นแก๊งค์ก็มี เอาว่า อย่าเชื่อใจใครง่ายๆ"
"อ๋อค่ะ"
มาลีทำท่าจะเปิด แต่พออธิก้มลงมา เธอก็เอากระเป๋าฟาดหน้าอธิเปรี้ยง จนล้มครืนเธอวิ่งออกไป
"เฮ้ยคุณ จะไปไหน"
อธิออกวิ่งตาม พวกจ่ามองมาอย่างตกใจ
ทองทาเดินเล่นอยู่มุมหนึ่ง มาลีวิ่งมาทางนี้พอดี อธิกำลังไล่ตามเลยตะโกนบอก
"ทองทาดักไว้ ผู้หญิงคนนั้น ดักไว้"
ทองทาทิ้งน้ำ พุ่งเข้าไปจับจนลงไปปล้ำกันที่พื้น
"เฮ้ย ตัวแค่นี้ ขายยาหรือ หยุด ๆ"
มาลีเตะต่อย ตามประสาสาวบู๊ไม่กลัวใคร เธอดึงสนับมือออกจากกระเป๋า เอาฟาดไป โดนอกของทองทาจนเลือดออก
"โอ๊ย"
ทองทาตกใจ หนูมาลีฉวยจังหวะนั้น ผลักแล้วออกวิ่งไป อธิวิ่งตามต่อ ทองทาจับแผลยืนตกใจอยู่
"เฮ้ยหยุดก่อน หยุด"
มาลีวิ่งมาที่ท่ารถทัวร์อีกมุมหนึ่ง ถูกจ่าและตำรวจอีกกลุ่มดักและกดลงที่พื้น
"โอ๊ย ปล่อยๆ"
จ่าสั่ง "ค้นกระเป๋า"
อธิวิ่งหอบเหนื่อยมาถึง
"คุณหนีทำไม ผมแค่ของตรวจกระเป๋าเฉยๆ"
"พวกหลอกลวง ตำรวจต้องใส่ชุดสีกากี"
จ่าชี้ตัวเองกับเพื่อน
"แล้วนี่กากีพอไหมนี่น่ะ กากี๊กากี แล้วนะ"
มาลีจ๋อยๆ
จ่าค้นกระเป๋าเสร็จแล้ว
"ไม่พบสิ่งผิดปรกติครับหมวด"
หนูมาลีแย่งกระเป๋าคืนมากอด
"ผมเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ นี่เพิ่งเข้ากรุงเทพล่ะสิ เจ็บไหมน่ะ"
"เขาไม่เจ็บหรอก ฉันน่ะสิ" ทองทาว่า
อธิตกใจมองแผลที่เลือดซึมออกมาแล้ว
"ไอ้ทองทา"
"พกอาวุธนะนั่น สนับมืออันเบ้อเร่อ"
มาลีรีบซ่อน แต่ไม่ทัน ทุกคนเห็นหมดแล้ว ทองทาอารมณ์เสียโวยใหญ่เพราะเจ็บตัว
"นั่นไงหลักฐาน เต็มๆเลย ทำร้ายร่างกาย จับได้ไหมครับหมวด"
มาลีหน้าเสีย เขาจะจับเราจริงหรือนี่ !!
ภายในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล นางพยาบาลทำแผลให้ทองทา ที่หน้าห้อง อธิกับมาลี ยืนมอง
"เขาเป็นตำรวจด้วยหรือคะ"
"เปล่าครับ ทองทา เป็นเพื่อนสนิทผม"
ทองทาเดินออกมา หลังจากที่ทำแผลเสร็จแล้ว
"ฉันรับผิดชอบค่ารักษาให้ค่ะ อย่าจับฉันเลยนะคะ"
"ท่าทางจะเยอะนะเราน่ะ แค่ขอค้น วิ่งซะหูตั้งวุ่นไปหมด เป็นรอยแผลเป็นนะ โชว์แผงอกไม่ได้นะ ฉันเอาเธอตายแน่" ทองทาพูดพลางชี้ไปที่รอยแผล
มาลีพูดเสียงดัง
"ก็ฉันกลัว ในกระเป๋ามีทองของย่าด้วย ให้ใครรู้ไม่ได้หรอก อันตรายแย่"
มาลีนึกได้ ปิดปาก เพราะทุกคนมองมาหมด
"โก๊ะจริงๆ คนกรุงเทพที่ดีๆก็มีถมไป เดินทางคนเดียวหรือ มาจากจังหวัดไหนล่ะ"
"เฮ้ย ฉันเด็กกรุงเทพ เด็กเทพไปเยี่ยมญาติมา" เธอชายหางตามองที่หน้าต่าง
โวยขึ้นมา "เฮ้ย รถไฟฟ้า รถไฟฟ้าใช่ไหมคะ รถไฟฟ้าตัวเป็นๆเลย"
ทองทาเซ็ง มาลีเพิ่งนึกได้มองไป คนแถวนั้นแอบขำความเด๋อด๋าเสียงดัง ของเธอ อธิก็ขำเหมือนกัน
อ่านต่อหน้า 2
มาลีเริงระบำ ตอนที่ 1 (ต่อ)
มาลีสดใส มองทุกสิ่งเป็นสิ่งสวยงามน่าตื่นเต้น ตรงข้ามกับทองทาที่ช่างสงสัยกับชีวิต มาลีกินเก่งมากกว่าทองทาเป็นเท่าตัว มีจานชามตรงหน้าสามจานแล้ว แต่ของทองทา ยังละเลียดจานแรกอยู่
"อร่อยจัง เกิดมาไม่เคยกินอะไรอร่อยขนาดนี้เลย กรุงเทพมีแต่ของอร่อยอย่างที่เขาว่าจริงด้วย ทำไมพี่กินน้อยจังคะ ตัวก็โต๊โต"
"ผมเป็นแดนเซอร์ กินเยอะไม่ได้ เดี๋ยวลงพุง"
มาลีตกใจ ยิ้มดีใจที่เขาเป็นแดนเซอร์
"แดนเซอร์"
อธิจะหยิบทิชชูในร้านมาเช็ดมือ ทองทายื่นห่อทิชชูเปียกของตนให้
"ใช้อันนี้ดีกว่า สะอาดกว่า"
"ไม่เอา ไม่อยากแต๋วเหมือนแก"
"พี่เป็นแต๋วหรือ เอ้อ ขอโทษ แต่งตัวดี ขนาดมีเสื้อสำรองในรถมาเปลี่ยน ไม่น่าถามเนอะ"
มาลีชี้เสื้อของทองทาที่เปลี่ยนเอาตัวเก่าซึ่งเลอะเลือดออกแล้ว
ทองทาอิ่มพักหนึ่งแล้ว เช็ดทิชชูเปียก ทองทาเบื่อที่จะตอบเรื่องเป็นเกย์มากที่สุด เพราะว่าไม่ได้เป็น จึงมักไม่สนใจที่จะตอบ
"ผิวสวยม๊าก หน้าตาก็สวยกว่าผู้หญิงอีก จริงสิ พี่เป็นแดนเซอร์ พี่รู้จักนี่ไหมคะ หนูมาลีจะสมัครโครงการนี้"
"เอ๊ะนี่มัน"
อธิรู้ว่าเป็นสถานีโทรทัศน์ของพ่อทองทา แต่เขายกมือไม่ให้พูด
"มากรุงเทพ เพื่อมาสมัครอันนี้หรือ ไร้สาระเปล่าๆ อย่าสมัครเลย"
ทองทาสีหน้าหงุดหงิด ต่อต้านรายการนี้อย่างเห็นได้ชัด
"ก็ลองดู มาหาพ่อด้วย คิดถึงพ่อ"
"งั้นพี่ไปส่ง" อธิบอก
"เอ้อคือ..."
มาลีลังเล เพราะไม่มีที่อยู่แน่นอนของพ่อ
"พี่เป็นตำรวจ ยังจะหาว่าตำรวจปลอมอีกไหม สวยๆ กระเปิ๊บ กระป๊าบอย่างเราเนี่ย เดี๋ยวก็ไปประกาศว่ามีทองในกระเป๋า กับแท็กซี่อีก"
"พี่ชมฉันสวย โห"
ทองทาแอบสังเกตสงสัยๆ อธิดูยังเฉยๆ ดูไม่ออกว่าคิดอะไรกัมาลี
อธิจับไหล่ทองทา
"ไปส่งเขาด้วยกันนะ"
ทองทามองนาฬิกา เพราะมีงานตอนเย็น
"ไปสยามน่ะ ตอนเย็นไม่ใช่หรือ ไปส่งเขาก่อน ทันถมถืด"
มาลีเกรงใจ ยิ้มแห้งๆ เสียงวอดังมาเบาๆ
ภาษาวอ บอกทุกหน่วย มาพร้อมกันที่นัดหมาย อธิตื่นเต้นขึ้นมา
"ต้องกลับไปสถานีขนส่งละ สงสัยจับยาบ้าได้แล้ว ล็อตนี่ใหญ่มาก อยากไปดูเอง ไปก่อนนะ"
อธิเปิดกระเป๋าเงิน
"ไม่ต้อง ให้หนูมาลีเลี้ยงตอบแทนพี่ๆนะคะ"
"เฮ้ยได้ไง เป็นเด็กเป็นเล็ก ไอ้ทองทาไปส่งน้องเขาแทนฉันด้วย สงสารเด็ก ไปล่ะ"
อธิเอาเงินให้บ๋อย ทองทาดูเซ็งๆ เพราะไม่ใช่คนชวน มาลียิ้มแห้งๆเกรงใจทองทา
ทั้งสองเดินมาที่ลานจอดรถร้านอาหาร
"พี่ทองทา ชื่อเหมาะกับพี่มากเลย พี่อ่ะ อย่างกับทองทาไว้ทั้งตัว หล๊อ หล่อ" พอทองทาปรายตามองมองมา มาลีก็เปลี่ยนคำชมทันที "เอ้อ ขอโทษค่ะ สวย"
"เมื่อกี๊บอกว่าชื่ออะไรนะ"
"หนูมาลีค่ะ"
ทองทายิ้มๆ เป่าปากเพลงหนูมาลีเบาๆ ระหว่างเดิน
"ฉันเกลียดเพลงนี้มากเลย โดนล้อแต่เด็ก พี่จะไปสยามทำอะไรคะ"
ทองทาหัวเราะ
"โรงเรียนสอนเต้น"
มาลีดีใจอยากไปด้วย
"โรงเรียนหรือคะ พี่ไปลงเรียนไว้หรือคะ"
"ก็แวะไปดูๆ"
ทองทายิ้ม ดูสงวนท่าที
"ขอไปด้วยได้ไหมคะ อยากดูโรงเรียน อยากดูสยาม อยากดูรถไฟฟ้าใกล้ๆ พี่ไม่ต้องไปส่งหนูมาลีก็ได้ แค่ขอติดรถไปสยามก็พอนะๆๆ"
ทองทาดูนาฬิกาแล้วคิด
"ก็ได้"
"ขอบคุณค่ะ ดอกไม้สวยจัง"
มาลีเข้าไปนั่งในรถ มองกระจกเอาดอกไม้เสียบที่หูทันที เป็นคนชอบดอกไม้ เหมือนโยทะกา ทองทามองแล้วปิ๊ง ดวงตานึกถึงโยทะกา
"พี่เคยเห็นคนทำแบบนี้คนหนึ่ง"
"หือ ..."
"ช่างเถอะ"
ทองทายิ้มให้ รู้สึกสบายๆกับมาลีมากขึ้น
ทั้งสองเดินเล่นท่ามกลางบรรยากาศของสยามสแควร์ ความเจริญของเมืองในแถบนี้ ที่เต็มไปด้วยตึกสูง วัยรุ่นแต่งตัวกันอย่างทันสมัย แนวๆ ทองทาชี้ให้ดู
"นี่ไง รถไฟฟ้า เจอแล้วทำไงดีล่ะ"
มาลียกมือบรรจงไหว้ แล้วทำสีหน้าปลาบปลื้มไม่อายใคร
"รถไฟฟ้าแห่งกรุงเทพมหานคร!!"
ทองทาหัวเราะ ขำมาก
"ไอ้เด็กนี่บ้าว่ะ เออ ชอบๆ ไป ตามมานี่"
"ไปไหนคะ"
"ขึ้นรถไฟฟ้าไง"
"สุดยอดๆๆ"
มาลีแทบกรี๊ด รีบตามทองทาไปทันที
แล้วทองทาพามาลีมาที่โรงเรียนสอนเต้น
"โห พี่เรียนที่นี่หรือ ค่าเรียนแพงมากไหมอ่ะ หนูมาลีอยากมาเรียนบ้าง"
"ผัวฉันมาแล้ว หอมที"
มิกซ์โผล่มาหอมแก้ม ทองทายอมให้หอมแต่โดยดี เพราะสองคนนี้เป็นเพื่อนสนิท
มาลีตกใจ อายๆที่เขาหอมกัน
"แฟนพี่หรือคะ"
ทองทายิ้มไม่ตอบ
"ผัวขา"
แมกซ์โผล่เข้ามาอีกคน ทั้งกอดและหอมแก้ม ทองทาก็ยอมเหมือนกัน แมกซ์ชี้แก้มตัวเอง ทองทาก็หอมแมกซ์กับมิกซ์จริงจัง มาลีเจอภาพนั้นก็เหวอไป
"พี่เป็นเกย์จริงๆหรือ"
ทองทายักไหล่ ความหมายคือเป็นไม่เป็นแล้วไง แต่เธอตีความว่าใช่แน่ๆ!
"แล้วนี่ใครจ๊ะ" มิกซ์ถาม
"หนูมาลี เขาเพิ่งมาจากต่างจังหวัด อยากมาดูๆ"
แมกซ์มิกซ์พยักหน้าโอเค
ภายในห้องซ้อม นักเต้นหญิงทั้งหมดเป็นกลุ่มใหญ่เต้นตามเพลงที่จะเล่นในวันพรุ่งนี้
แมกซ์ มิกซ์เดินนำมาลีมานั่งดู
"นี่ห้องเรียนหรือ"
มาลีตื่นตาตื่นใจตลอดเวลา ทองทาเปลี่ยนเป็นชุดวอร์มแล้ว ออกมาถึงก็ไปยืนเด่นเพื่อนำเต้น แดนเซอร์หญิงที่ยืนอยู่ข้างหลังด้วยท่วงท่าของผู้หญิง เพลงขึ้นปั๊บ ทองทาเต้นไป จนมาลีเหวอ เพราะทั้งเก่งทั้งดูเป็นสาว
"เอ้าพี่…โห"
ทองทาหันมาดูเด็ก แล้วเริ่มสอน เริ่มปรับท่าเด็ก แต่ละคน
"พลังๆๆ อยู่ไหน"
นักเต้นปรับทีท่าด้วยความยำเกรง ทองทาเข้ามาปรับท่าแต่ละคน เนื่องจากเป็นการแสดงที่ใช้ไลน์การเต้นแบบบัลเล่ต์หญิง จริตของทองทาในการปรับท่า จึงดูเหมือนเป็นกะเทยเพราะทองทาต้องออกท่าให้นักเต้นดู เวลานี้ทองทาจึงดูเป็นผู้หญิงทุกกระเบียดนิ้ว
มาลีตกใจ
"เป็นครูไม่ใช่นักเรียน !"
"เขาเรียก คอริโอกราเฟอร์ นักออกแบบท่าเต้น"
"เก่งกว่าครูอีก ! พี่เขาสอนที่นี่หรือคะ"
มิกซ์บอก
"เปล่า เราเชิญมาช่วยงาน ทองทา เขาจบปริญญาเอก ร้องกับเต้น"
แมกซ์บอก
"แดนเซอร์พวกนี้จะไปออกงาน เลยมาให้ทองทาเขาออกแบบท่าให้"
"หา..."
"เล่นละครบรอดเวย์ก็เคย ทำงานเวทีระดับโลกมาเยอะแยะ" แมกซ์ว่า
"โห... เข็มขัดสั้นเลย"
"ไหน ...ใส่มาหรือ" มิกซ์ถาม
"คาดไม่ถึงน่ะสิ นี่พี่เขาอายุเท่าไหร่เนี่ย ทำไมหน้าเด็กอย่างนี้"
"แมกซ์ มิกซ์ มาช่วยหน่อย"
แมกซ์ มิกซ์วิ่งไปช่วยปรับท่าให้แดนเซอร์ที่เหลือ
ทองทา ปรับท่าใหม่ให้สำหรับนักแสดงโชว์ตัวเมน
"หนูต้องใหญ่กว่านี้ ต้องเชิดกว่านี้ ต้องคิดว่าหนูคือนางพญาน่ะ ต้องให้มันใหญ่กว่านี้ ดูนะ"
ทองทาเต้นบัลเล่ต์หญิงให้ดู เพราะเป็นสิ่งที่เรียนมา แต่ท่าทางเหล่านี้ที่เป็นหญิงมากๆทำให้มาลีเข้าใจไปอีกทาง
"แต๋วแตกสุดๆ เฮ้อ เสียดายอ่ะ"
หนึ่งทุ่มแล้ว มาลียังตั้งใจนั่งมองคณะนักเต้นฝึกฝนกับทองทา ที่คอยสอนคอยจี้แดนเซอร์แต่ละคน มาลีลุกขึ้นทำท่าตามอยู่มุมหนึ่ง เพราะอดไม่ได้
จนเวลาสามทุ่ม ทองทาหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดหน้า ดื่มน้ำ พร้อมเตือนสติเธอที่เพลินจนลืมตัวไป
"ดึกแล้ว พ่อเธอเป็นห่วงแล้วมั้ง"
มาลีเพิ่งนึกได้ หน้าตาตื่น
"พ่อ !"
เวลากลางคืน วันเดียวกัน ทองทาขับรถมาส่งมาลีที่หน้าไปรษณีย์ซึ่งปิดทำการแล้ว
"พ่ออยู่นี่หรือ"
"เวลาส่งจดหมายหาพ่อ ต้องส่งมาที่ตู้ป.ณ. 14 ฉันไม่มีที่อยู่พ่อ"
"แล้วทำไมไม่เขียนให้พ่อมารับล่ะ"
"ก็...กลัวพ่อไม่ให้มา"
"เฮ้ย นี่ หนีพ่อมาหรือ"
"พรุ่งนี้เช้าพ่อก็ต้องมาไขจดหมายเพราะฉันน่ะเขียนจดหมายหาพ่อทุกอาทิตย์แหล่ะ นี่ฉันนับไว้แล้วว่าจะมาถึงวันไหน พอพ่อมา ฉันก็โผล่ออกไปหาพ่อก็แค่นั้น ขอบใจนะพี่ที่มาส่ง"
"แล้วคืนนี้ล่ะ"
"เซเว่นอยู่โน่น ฉันจะไปนอนรอที่ปั๊ม มีอะไรฉันก็เข้าไปขอความช่วยเหลือคนในเซเว่นไง ไปนะพี่ทองทา ขอบใจอีกครั้งจ้ะ"
ทองทางงๆ หนูมาลีเดินไปแล้ว ท่าทางของหล่อนดูมั่นใจ
หนูมาลีเดินมานั่งหน้าร้านเซเว่น รอเวลา ดึกมากแล้ว และค่อนข้างไม่มีคน ชายกำลังเมาได้ที่ ขับรถเก๋งมาล้างมือ มองสะดุดตาในความสวยของมาลี
"ดึกดื่นขนาดนี้มารอใครจ๊ะ"
มาลีเดินกระเถิบหนี กระชับกระเป๋า
"มาคนเดียวหรือ จะไปไหนล่ะ นี่รถพี่ พี่รู้จักทุกที่ล่ะ พี่ไปส่งไหม"
มาลีล้วงเตรียมสนับมืออยู่ในกระเป๋า ไม่ให้ชายหนุ่มเห็น
"พี่เลี้ยงน้ำเอาไหม เอาเสลอบี้ไหม"
"จะใส่ยาในน้ำล่ะสิ พี่กาละแมร์เคยสอน เครื่องดื่มจากผู้ชายแปลกหน้า ผู้หญิงห้ามดื่ม ฉันไม่กินของแกหรอก"
"เฮ้ยคิดมาก"
"พี่นีน่าบอก พวกหน้าตาดี แต่งตัวดี ยิ่งต้องระวัง อย่ามายุ่งกับฉัน"
"เอ๊ะ เด็กนี่ วอนซะละ ชวนไปเที่ยวดีๆ ถ้าแกเป็นคนดีจริง แกคงไม่มานั่งตรงนี้คนเดียวหรอก ทำไม กลัวพี่ไม่มีเงินจ่ายหรือ อย่ามาทำสะดิ้ง ไป ไปด้วยกัน"
ชายรถเก๋งกระชากมือ มาลีเลยทำสนับมือตกกระเด็นไป หนูมาลีตกใจเพราะเป็นอาวุธเพียงอันเดียว
ชายมองตามสนับมือ
"โอ๊ะชอบความรุนแรงซะด้วย แบบนี้พี่มีเยอะ มา ไปสนุกด้วยกัน"
"นี่ปล่อยนะ ช่วยด้วยๆ"
ทองทาวิ่งเข้ามาดึงมาลี
"นี่น้องผม ปล่อย"
"น้องจริงรื้อ"
ทองทาแสดงแมนเต็มที่ ดึงมาลีไปด้านหนึ่งแล้วเดินไปหาชายรถเก๋งประมาณว่าไม่กลัวโว้ย เข้มมาก แมนเต็มร้อย
"ถ้าอยากมาก ไปหาซื้อคนที่เขาเต็มใจดีกว่าไหม หรือจะเอา ..." ทองทากำหมัดแน่น
ชายคิดสักพัก วัดหมัด วัดความสูงแล้วเราสูงไม่เท่า เลยเลิก
"เชอะ ฝากไว้ก่อน"
ชายคนนั้น เดินหนีไป
"พี่ทองทา"
ทองทาดึงมาลีขึ้นรถ แต่เธอรีบไปเอาสนับมือก่อนที่จะตามขึ้นรถไป
ทองทากับมาลีขึ้นรถได้ รีบล็อกรถ ท่าทางเข้มแมนหายไป เหลือแต่หน้าที่ซีด กลัวตอนนี้มองซ้ายมองขวาใหญ่
"เฮ้อ วิชาแอ็คติ้งใช้ได้ผล ถ้ามันต่อยพี่ พี่ตายแน่ ตามมาป่าววะ เหงื่อแตกเลย"
"เอ้า นี่พี่กลัวมันหรือ....โห ทำเข้ม เนียนมาก"
"กลัวสิ เคยต่อยกับใครที่ไหน รีบๆไปกันเถอะ"
มาลีพยักหน้าว่าจริงด้วย ทองทารีบล่าถอย ไม่เหลือมาดแมนอีกต่อไป มาลีขำ
บ้านทองทามีลักษณะเหมือนสตูดิโอ เป็นบ้านอาร์ตติสท์ ตกแต่งสวยงาม สมัยใหม่ มีห้องนอน ห้องโถงหรือลานกว้างไว้ซ้อมเต้น ตั้งอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้น่ารัก
ทั้งสองลงจากรถ
มาลีก้มลงหยิบดอกไม้ที่หล่นจากต้นขึ้นมาดู
"บ้านพี่เอง"
"อยู่กี่คนคะ"
"คนเดียว แม่บ้านกับครอบครัวเขา อยู่บ้านในสวนข้างหลัง"
"คนเดียวเหรอ"
มาลีชักห่วงว่าไม่งาม
"เอางี้ มันมีห้องนอน เธอไปใช้ห้องนอนนั้น แล้วปิดประตูล็อก พี่อยู่
ห้องรับแขก โอเคไหม"
"แต่ตอนเช้า ฉันต้องไปเฝ้าไปรษณีย์ ถ้าเกิดพ่อมา"
"พี่ต้องไปวิ่งทุกเช้า เดี๋ยวไปส่ง เห็นหรือยัง กรุงเทพน่ากลัวขนาดไหน เอาน่า ดีกว่าไปอยู่ที่ปั๊มนั่นแล้วกัน"
ทั้งสองเดินเข้าไป
ทั้งสองเข้าบ้าน มาลีถอดรองเท้า ทองทาวางของตนเป็นระเบียบ ทำทุกอย่างเป็นระเบียบมาก ทุกอิริยาบถยิ่งกว่าผู้หญิงหลายๆคน มาลีจับรองเท้าตนให้เป็นระเบียบ วางบนชั้นเหมือนทองทา
"อ๊ะ ขอโทษค่ะ บ้านพี่นี่สวยมากเลยนะ พี่รวยใช่ไหมนี่ เรียนจบสูง เก่ง รวย นิสัยดี โห โชคดีจริงที่ตามย่าหงส์ไปใส่บาตรทุกวัน มาเจอคนอย่างพี่เนี่ย สาธุ"
มาลียกมือพนม ทองทาหัวเราะ เดินนำไป
"โน่นห้องนอน เข้าไปสิ"
มาลียิ้ม
ในห้องนอน มาลีอาบน้ำ เปลี่ยนเป็นชุดนอนแล้ว เดินมาที่โต๊ะเครื่องแป้ง เห็นกระเป๋าเครื่องสำอางครบของศิลปิน
"โอ้โห มีกระเป๋าเครื่องสำอางขนาดนี้ จะกลัวเขาทำไมเนี่ยเรา"
เช่นเดียวกับทองทาซึ่งอาบน้ำแล้ว มาร์กหน้า มาลีเดินถือหมอนออกมาหา
"เอ้าไม่นอนล่ะ ไม่เหนื่อยหรือ"
"บ้านสะอาด สวย หอม ไม่มีมุมไหนรกเลย พี่นี่ เป็นแม่บ้านแม่เรือน จนผู้หญิงอย่างฉันอาย"
ทั้งสองเริ่มนอนห่างๆคุยกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
"เธอกับพ่อ มันยังไงกันหรือ ไม่ได้เจอกันมากี่ปีแล้ว"
มาลีเดินไปเอาหยิบกระเป๋าเงินที่มีซองรูปถ่ายมาให้ดู
"พ่อทำงานหนักมาก ส่งเงินมาให้ที่บ้านหนูมาลี บางเดือนตั้งหลายหมื่น ไม่เคยขาดสักเดือน เจอกันครั้งสุดท้ายสิบปีก่อนตอนนั้นแปดขวบ พ่อเป็นทหาร"
เมื่อมาลีอายุได้ 8 ขวบ เรืองยศในชุดทหารเกณฑ์ กินข้าวกับลูก ท่าทางของเรืองยศยังเป็นปรกติไม่กระตุ้งกระติ้ง ปู่เชื้อ ย่าหงส์นั่งล้อมวงกินด้วยกัน เรืองยศแกะปลาให้ลูกและให้หงส์ เป็นพ่อที่ดี เป็นลูกที่กตัญญู
บริเวณถนน เรืองยศผิวปาก ขี่จักรยานให้ลูกนั่ง หัวเราะกัน
บริเวณสวนผัก เรืองยศจัดการแปลงผักในบ้าน มาลีช่วยเหลือ พ่อลูกรักกัน พ่อชอบร้องเพลง ฮัมเพลงตลอดเวลาเหมือนกัน
ทองทาดูรูปอย่างพิจารณา
"เหมือนชุดทหารเกณฑ์ ป่านนี้น่าจะปลดประจำการแล้วนะ"
"ปลดแล้วถ้าสมัครก็เป็นทหารต่อได้ไม่ใช่หรือจ๊ะ"
"นี่ตกลง ไม่รู้ใช่ไหมว่าพ่อทำอะไร"
มาลีสีหน้างงๆ ต้องรู้ด้วยหรือ ทองทา แปลกใจดูแปลกๆนะนี่
"พ่อนอกจากจะหล่อมากแล้วยังร้องเพลงเก่งมากนะ พ่อชอบเข้าห้องน้ำ ไปร้องเพลงในห้องน้ำนานๆ เสียงเพราะมาก"
ในอดีต มาลีทำการบ้าน มองพ่อ ที่อยู่ในห้องน้ำ ประตูปิดมิดชิด เสียงเพลงนั้นไพเราะจับใจมาก
"เราเขียนจดหมายหาพ่อบ่อยๆ แล้วพ่อล่ะ"
"ปีละครั้ง สองครั้ง วันเกิด วันปีใหม่ พ่อคงเขียนจดหมายไม่เก่ง ผู้ชายส่วนใหญ่พูดไม่เก่งใช่ไหมล่ะคะ"
"ถ้ารับผิดชอบครอบครัวขนาดนี้ ทำไมไม่มาหาลูกบ้าง อืม คงกลายเป็นคนกรุงเทพเต็มตัวไปแล้ว ทำงานหนัก เช้าจรดค่ำ ไม่มีเวลาสำหรับอะไรทั้งนั้น นอกจากหาเงิน"
"ฉันนอนกะพื้นตรงนี้นะพี่ ไม่กล้านอนเตียงพี่หรอก มันสวยเกิน พี่เข้าไปนอนในห้องนะ"
"เอ้า เฮ้ยไม่เป็นไร"
"นอนละจ้ะ พี่ทองทา เทวดาของหนูมาลี"
มาลีหลับตาลง ทองทาทอดสายตาอ่อนโยนมองหน้า เคลิ้มไปสักพัก... แล้วสะดุ้ง
"ไม่ได้การแระ"
ทองทาหน้าเสีย ว้าวุ่นหนัก รีบเดินเข้าห้องปิดประตูฉับ ล็อกห้องทันที รับรู้ถึงความรู้สึกผิดปรกติของตนที่มีต่อหนูมาลี
"ใจยังเต้นอยู่เลย เด็กบ้า"
ทองทายิ้มกว้าง ขณะล้มตัวลงนอน เมื่อนึกถึงความน่ารักของมาลี ที่ทำให้ใจสั่นจนนอนข้างนอกไม่ได้!
อ่านต่อหน้า 3
มาลีเริงระบำ ตอนที่ 1 (ต่อ)
กรุงเทพยามเช้าอีกวัน รถทองทามาจอดที่หน้าไปรษณีย์ มาลีร่าเริงลงจากรถ
"แปดโมงไปรษณีย์เปิดพอดี จะได้เจอพ่อแล้ว อุ๊ยลืม ขอบคุณพี่ทองทามากค่ะ จะไปวิ่งที่สวนลุมใช่ไหมคะ ขอให้พี่เจริญรุ่งเรืองนะคะ"
"เบอร์พี่ เก็บดีๆนะ มีอะไรก็โทรมา"
"ค่ะ"
"เจอพ่อแล้ว โทร.บอกด้วยนะ"
"ค่ะ บ๊ายบาย"
มาลีวิ่งไปข้างใน ทองทามองด้วยความเป็นห่วง
วันเดียวกัน ภายในบ้านหลังเล็กน่ารัก หลังสวนอาหาร เท้าผู้ชายคนหนึ่งก้าวเดินออกจากห้องน้ำ พร้อมฮัมเพลงไปด้วย ก่อนจะเปิดตู้ หยิบเสื้อยืด กางเกงยีนส์มาใส่ บนโต๊ะเครื่องแป้ง เขาหยิบเจลมาลูบผม ฉีดโคโลจน์ที่เรือนร่าง
มาลีนั่งมองรอ... คนใช้บริการกับเจ้าหน้าที่ยังทำงานไป สักพัก มีชายถือกุญแจมา หนูมาลีขยับมอง เขาเปิดตู้อื่น... เซ็ง รอต่อไป
คนขับรถตู้ มาจอดหน้าป้ายร้าน “เซอร์ไพร์ส คาราโอเกะ” ซึ่งเป็นคาราโอเกะขนาดกลาง มีบ้านเป็นหลังๆ ประมาณสิบหลังไว้เป็นห้องคาราโอเกะ มีเวทีกลางเล็กๆ มีโต๊ะอาหารเรียงราชายในชุดเสื้อผ้า รองเท้าผู้ชายดูดี เดินมาขึ้นรถ วางเป้สีดำปรกติ นั่งในรถ... รถแล่นออกไป
ภายในไปรษณีย์ มาลีนั่งง่วง ปิดปากหาว นาฬิกาผ่านเวลาไปจนถึงเที่ยง ผู้ชายกลางคนใส่กางเกงทหารคนหนึ่งเดินมา มาลีรีบตื่น เพ่งมอง กุญแจในมือเขา ซึ่งถูกหยิบออกมา เธอลุกขึ้น ยิ้มๆ แล้วชายคนนั้นก็เดินผ่านจากตู้ 14 ไปไขตู้อื่นๆ มาลีเซ็ง
"ไม่ใช่ตู้ 14 เฮ้อ"
มาลีนั่งลงรอต่อจนหลับไป
หลายชั่วโมงต่อมา ... เมื่อเวลาบ่ายสองโมง ชงโคเดินมาเปิดตู้ที่ 14 มาลีหลับเบลอเห็นคนเดินผ่านหน้าไป แล้วสะดุ้งตื่นขึ้น วิ่งพรวดเข้ามา
"มาเอาจดหมายไปให้พ่อเรืองหรือคะ"
"พ่อเรืองอะไร" ชงโคถาม
"ก็ฉันเห็นคุณไขตู้นี้ ตู้นี้ของเรืองยศ นี่จดหมายฉันเอง"
ท่ลีชี้ไปที่จดหมายในมือที่ชงโค
"เรืองยศ ก็ใช่นั่นแหล่ะ แต่ว่า"
"นั่นล่ะ พ่อเรือง พ่อฉันเอง"
"พ่อ ! โฮ้ย เป็นไปไม่ได้หรอก"
"พาฉันไปหาพ่อหน่อย"
"ฉันมีหน้าที่แค่ เอาจดหมายไปส่ง เรื่องอื่นเอาเป็นว่า ฉันไม่รู้ดีกว่า"
ชงโครีบเดินหนีไป
"เดี๋ยวสิคุณ เดี๋ยวๆ"
มาลีตามชงโคที่เดินเร่งมาแล้วรีบขึ้นรถมอไซค์ขับหนีไป
"คุณๆเดี๋ยวก่อน"
มาลีรีบมองหาวินมอเตอร์ไซค์
"พี่คะพี่ ตามรถคันนั้นไป ไปเร็วเข้าพี่"
รถมอเตอร์ไซค์วินขับตามรถมอเตอร์ไซค์ของชงโคไป
ทองทาขับรถมาเห็นเข้า
"หนูมาลี"
แต่เธอไม่ได้ยิน ทองทาขับตามไปอีกคัน
ชงโคขับรถไปสบายๆ ใส่หูฟังเพลงในมือถือ ไม่สนว่าใครจะตามมา มาลีชี้บอกคนขับไปซ้ายไปขวา มอเตอร์ไซค์ดูฉวัดเฉวียนมาก มาลีภายใต้หมวกกันน็อค มีอาการพะอืดพะอม เมารถ ทองทาขับตามอีกคน
ชงโคขับเข้ามาจอด เดินเข้าร้านคาราโอเกะไป มาลีลงจากรถมาข้างทางแล้ว อ้วก !
วินมอเตอร์ไซค์ส่ายหน้า พูดภาษาอีสาน
"บ้านนอกแท้ๆ"
มาลีจัดการตัวเองเสร็จก็เงยหน้าขึ้นมองป้ายร้าน “เซอร์ไพร์ส คาราโอเกะ” ก่อนจะเดินกลับมาจ่ายเงินกับวิน
"เท่าไหร่คะ"
"มาตั้งไกล ขอร้อยหนึ่งนะ"
มาลีเปิดกระเป๋าจ่ายเงิน ตามองป้ายร้าน
"ไม่ใช่ค่ายทหารนี่ พ่ออยู่นี่หรือ"
หลังร้าน บอยขนเครื่องดื่มขึ้นรถ เพื่อจะไปใช้ในงานปาร์ตี้ของแคที่ที่สตูดิโอ ชงโค หลังเก็บจดหมายแล้วก็วิ่งมาขึ้นรถ
"มาแล้วจ้ะ"
บอยขับรถพาชงโคและขนเครื่องดื่มไปสตูดิโอ
หน้าร้านคาราโอเกะ มีป้าย “ปิด” “ห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาต” มาลียืนลังเลอยู่ว่าจะเข้าดีไหม ทองทาเอารถมาจอด เปิดกระจกลงมาเรียกไว้
"หนูมาลี มาทำอะไรที่นี่"
"พี่ทองทา ผู้หญิงคนนั้นเอาจดหมายไปให้พ่อ เขาเข้าไปในนี้"
"พ่อเธออยู่นี่หรือ ไหนบอกเป็นทหารไง"
รถของบอยขับออกมา ผ่านมาลีและทองทาไปห่างๆ เธอเห็นชงโค ก็รีบขึ้นรถ
"พี่ทองทา ขับตามคันนั้นไป ผู้หญิงในรถ เอาจดหมายไป"
ทองทาขับรถตามรถบอยไป
บนถนน ทองทาขับรถตามรถของชงโคกับบอยไป มาลีเอาผ้าเช็ดหน้ามาปิดปาก เริ่มมึนๆ จะอ้วกอีกรอบ
ที่สตูดิโอ รถของบอย เปิดกระจกลง ยามเปิดที่กั้นให้เข้าไปทันที เพราะรู้จักกัน รถของทองทามา ยามไม่ให้เข้า ถูกกั้นไว้
"พบใครครับ"
"มาเอ้อ... ตามคันนั้นมาครับ"
"ขอแลกบัตรด้วยครับ"
ทองทาเสียเวลาอยู่ตรงนั้น มาลีสีหน้าว้าวุ่น
"ไม่ใช่ค่ายทหารอยู่ดี พ่ออยู่ในนี้หรือเปล่า"
รถทองทาขับเข้ามาแถวหลังสตูดิโอ ที่มีรถของบอยจอดปะปนกับรถคันอื่น แต่แถวนี้ไม่มีที่จอดแล้ว มาลีโวยวายเมื่อเห็น
"รถคันนั้น ฉันจำได้ จอดๆ"
มาลีรีบลงรถไปดู ไม่มีใครอยู่ในรถแล้ว
"ขอเดินดูหน่อยนะ"
หนูมาลีเดินดูแถวนั้น ก่อนหาทางเข้าทันที
"หนูมาลี วนหาที่จอดก่อน"
มาลีเดินหายไปแล้ว ทองทาจำต้องขับต่อไปหาที่จอดคนเดียว
มาลีเปิดประตูสตูดิโอ เหมือนจากโลกหนึ่งไปสู่โลกหนึ่ง เธอตื่นตะลึง ภายในเป็น บรรยากาศปาร์ตี้เกย์ มีอาหาร มีเครื่องดื่ม มีเกย์- กะเทย แต่งตัวจัดเต็ม กินดื่มคุยกัน มีเวทีตรงกลาง ซึ่งตอนนี้มีเกย์หนุ่มล่ำ มาเต้น cover เกาหลีอยู่
มาลีโดยธรรมชาติรังเกียจเกย์และเพศที่สาม จึงรังเกียจ ปนสงสัย เธอมองหา จนเจอชงคที่กำลังสนุกยืนมองหนุ่มๆบนเวที มาลีเดินมาหา
"เย้ๆ วู้ๆ"
"เธอๆ"
ชงโคหันมาเจอ ก็สะดุ้ง เพราะจำได้
"เฮ้ย...มาได้ไง"
"พ่อเรือง พ่อเรืองอยู่ที่นี่หรือเปล่าจ๊ะ"
"โฮ้ย แอบสะกดรอยตามฉันมาหรือนี่"
"ฉันมาจากบ้านนอก ฉันเป็นเจ้าของจดหมายพวกนั้นจริงๆ ฉันมาตามหาพ่อเรืองของฉัน"
"ได้ อยากเจอจริงๆ ใช่ไหม งั้นยืนเฉยๆ มองบนเวทีโน่น เดี๋ยวพ่อของเธอก็มา"
"บนเวที ทำไมอยู่บนเวทีล่ะ"
การเต้นเพลง cover จบ
แคที่ประกาศที่ไมค์บนเวที
"การแสดงชุดต่อไป ขอเชิญพบกับ แม่กุหลาบสาวพราวเสน่ห์ นางโรส !"
ดนตรียิ่งใหญ่ เปิดตัวรับกับการแสดงชุด “ดอกไม้เมืองกรุง” เป็นการโชว์คาบาเรต์ ผสมเทคนิค ตระการตาใน theme ดอกไม้
"ผู้หญิงคือดอกไม้ ทุกดอกต้องยืนสู้ลม ดอกไม้กลีบบาง น่าสงสารที่ลอยไป เพราะพ่อเป็นดิน แม่เป็นน้ำ พ่อแม่จึงหวังว่าเมื่อเธอโตขึ้นจะเป็นดอกไม้ที่เข้มแข็ง กล้าที่จะสู้สายลมที่ชั่วร้าย ด้วยรักของพ่อและแม่ เธอจงเติบโต เป็นดอกไม้ที่ประดับโลกให้สวยงาม"
มาลี ตื่นตะลึง ช็อก !
"นั่นมันพ่อ !"
มาลีเซจะเป็นลม ทองทาวิ่งไปรับ
"หนูมาลี"
มาลียืนมอง ทุกคนกรูกันเข้าไปสนุกกับโรสทางด้านหน้า ทั้งโรสและคนในงานไม่สนใจมาลีกับทองทา โรสยังสนุกโลดแล่นบนเวที โดยมองไม่เห็นลูก
มาลียืนดูสักพักก่อนวิ่งออกไป ทองทาตามไป
มาลีวิ่งออกมาร้องไห้ ทองทาตามมา
"บนเวที พ่อเธอเหรอ... โห .... เจอแบบนี้ โหดแฮะ"
มาลียิ่งร้องไห้
บนเวที โรสยังแสดงอยู่กับเพื่อนๆ ทุกคนในงานชอบมาก เพราะอลังการสุด จัดเต็มสุด
แคที่เดินสนุกกับเพลง และมาเจอชงโค
"เจ๊แคที่ สวัสดีค่ะ พี่โรสนี่ น่าจะเอาดีทางคาบาเร่ต์เนอะ ร้องดี เต้นเริ่ด"
"เอ๊า มันเคยเป็นเจ้าของคาบาเร่ต์นะแก"
"จริงหรือ"
"พอคนขาดมันก็ต้องแสดงเอง เท่านั้นแหล่ะ ชื่อนังโรสดังลั่นทั้งพัทยา เพราะความเริ่ดของโชว์มัน แต่ก็นะ เสียแรงธุรกิจไปไม่รอด"
"ปาร์ตี้ของเจ๊ จัดทุกเดือน อาหารฟรี โชว์ฟรี เจ๊แคที่ใจป้ำสุดๆไปเลยค่ะ"
ชงโคมั่ว กินดื่มไปกับเขา
"สตูดิโอของฉัน ยังไงมันก็ต้องมีวันว่างอยู่แล้ว ขอมีความสุขหน่อย พร้อมกันกับชงโค ชนบอย !"
ดื่มเสร็จ เจ๊แคที่เพิ่งนึกได้ โวย...
"นังชงโค ฉันให้แกมาเสิร์ฟน้ำ แกมาทำอะไรตรงนี้ยะ"
ชงโคสะดุ้งรีบวางบอย
"แฮะๆ ไปแล้วค่ะ ไปแล้ว"
"โฮ้ย อีนี่"
โรสแสดงจบ เข้าเวทีไป
"อ๊าย นังโรส เริ่ดมากย่ะ เริ่ดมาก"
ภายในห้องแต่งตัว โรสเข้ามาพร้อมคณะโชว์ ดูเหนื่อยหอบแต่ยังมันส์อยู่ กรี๊ดกร๊าด หัวเราะกันมา ตีมือกับบอยที่ยืนดูข้างเวที บอยเข้าไปกระซิบโรส
"พี่เจ๋งมาก สวยเซ็กซี่สุดๆ"
บอยจับมือโรส ตาหวานฉ่ำ โรสพยักหน้าไม่ใช่คนแสดงความรักนัก แต่ให้รู้ว่าคู่นี้รักกัน
ชงโครีบเข้ามาบอก
"พี่โรส พี่โรส"
ชงโคกระซิบบอก โรสได้ยินชงโคไม่ถนัด
"อีกทีซิ นังชงโค"
โรสรับน้ำจากบอยมาดื่ม หันไปด่ากลุ่มนักเต้นและเหล่าช่างหน้าผมที่เมาท์กันอีกด้าน
"โอ๊ย อีหอยหลอด เบาๆหน่อยได้ไหม หูจะแตก" โรสหันมาบอกชงโค "เอาใหม่เด๊ะ ใครมานะ"
กลุ่มนักเต้นในห้องเงียบลงแค่ครึ่งเดียว
ชงโคตะโกนลั่น ไม่กระซิบแล้ว
"ลูกสาว เขาบอกเขาเป็นเจ้าของจดหมาย เป็นลูกสาว"
โรสทำบอยน้ำตกลงพื้น สีหน้าช็อก
กลุ่มเพื่อนเกย์นิ่งสนิทเงียบร้อยเปอร์เซ็นต์ มองมาที่โรสเป็นตาเดียว
โรสรีบออกไป บอยกับชงโคมองหน้ากัน ชงโคยักไหล่ว่าไม่รู้เรื่องด้วยจ้ะ
สวนของสตูดิโอ มาลีนั่งร้องไห้ ทองทาปลอบ
"หนูมาลี หนูมาลีร้องไห้เพราะอะไร เสียใจที่เขาเป็นแบบนี้หรือ"
มาลีบอกไม่ถูกว่าร้องไห้เรื่องอะไร
"ฉันอยากไปจากที่นี่ ไปให้พ้น"
"ได้ๆ ไปกัน"
ทองทาจับมาลีลุกขึ้น โรสมาถึง
"หนูมาลี"
หนูมาลีหันมาเจอพ่อ ก็ตะลึงอึ้งไป
"มาได้ยังไง มาคนเดียวหรือ จะมาทำไมไม่บอก"
โรสกับหนูมาลีชะงักมองหน้ากัน หนูมาลีหยุดร้องไห้ เพิ่งเห็นพ่อชัดๆตรงหน้า ตะลึงคนทั้งสามยืนกันอยู่ ราวกับโลกอยู่ในสภาพนิ่งงัน ทั้งสองเอาแต่มองหน้ากันไม่มีคำพูด เกือบนาที เพราะต่างไม่ได้เจอกันมานานเหลือเกิน
ทองทา ห่างออกมาแล้ว นั่งมองพ่อลูกอยู่ไกลๆ ให้เขาได้พูดกัน มาลีหายตกใจแล้ว แต่นั่งมองสำรวจชุดผู้หญิงจนโรสอายลูกที่ต้องมาเจอกันในสภาพนี้
โรสจับเสื้อบอกอย่างเหนียมๆ
"วันนี้ เขามีปาร์ตี้ แต่งเล่นสนุกๆ"
มาลีมองเมินรับไม่ได้จริงๆ
"ตกลงว่ายังไง มาทำไม"
มาลียื่นโบรชัวร์ให้
"มาประกวดเนี่ยนะ อยากเป็นนักร้อง อยากเป็นดารา สิ้นคิดจริงๆ"
"สิ้นคิด ?"
โรสเริ่มดุขึ้นเรื่อยๆตามนิสัย
"มาประกวดร้องเพลง ทั้งที่ได้โควต้ามหาวิทยาลัยแล้วเนี่ยนะ ตกลงจะไม่เรียนต่อแล้วหรือ"
ท่าทางพ่อดูเปลี่ยนไปจากที่เจอกันครั้งสุดท้าย จริตจะก้านที่หน้าตา คำพูดเปลี่ยนไป ไม่เหมือนที่วาดฝัน มาลียังหมกมุ่นแต่เรื่องเดิม ยังสนใจแต่มองกริยาของพ่อที่ออกสาวกว่าที่เคยเห็น
"ก็แค่ปีเดียว แล้วจะกลับไปเรียนต่อ เอ้อ เดี๋ยวก่อนค่ะ ถามจริงๆเถอะ เป็น เอ้อ เป็น"มาลีมองโรสหัวจรดเท้า โรสอึ้ง เป็นคำถามที่ไร้คำตอบจริงๆ !!
จู่ๆแคที่ก็โผล่พรวดเข้ามา เสียงดัง กระดี๊กระด๊า
"นังโรส ! แกสวยมาก แกเริ่ดที่สุด อีพวกเฉาะแล้ว มันยังอายแก แกมัน ตัวแม่ ตัวย่า ตัวยาย ฉันนับถือแกจริง ให้ช้างลากเลยเอ้า"
ทุกอย่างดูแย่ลง เพราะแคที่พุ่งเข้ามาออกท่าทางอย่างเต็ม แถมบทสนทนาก็ยังเป็นคำตอบชัดเจนว่า โรสเป็นเพศหญิงแท้ แน่เชียว
โรสเสียงเข้ม
"แคที่ ฉันขอคุยกับลูกฉันก่อน"
"ได้สิยะ ... ลูกหรือ" แคที่เปลี่ยนเสียงแมน หาเรื่องเดินหนีไปเนียนๆ "ไอ้ชงโค อยู่ไหนวะ ร้อนตับจะแตก น้ำท่าไม่มาเสิร์ฟกู เดี๋ยวพ่อไล่ออกหมดเลยนี่"
แคที่เดินหนีไปทันที ก่อนจะยืนพึมพำคนเดียว
"อ๊าย อกอีแคที่แล่นลึกเข้าตึกแขก ลูก... อีโรสมีลูกสาว"
แคที่เดินหนีไป ทิ้งพ่อลูกให้มีแต่บรรยากาศอึดอัดต่อไป
มาลีหยิบรูปที่พกไว้ออกมาดู หัวเสีย ยิ่งคิดยิ่งรับไม่ได้ ต่างคนต่างหมกมุ่นแต่เรื่องของตน โวยกันต่อ
"ผู้ชายคนนี้ ในรูปนี้ หายไปไหน มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง"
"กลับบ้านไปซะ ไปเรียนครูให้จบมหาวิทยาลัยก่อน เรื่องประกวดอะไรนี่ รอให้เรียนจบก่อน"
"ขอเวลาแค่ปีเดียว เขียนจดหมายบอกมาแล้ว ถ้าทำไม่สำเร็จจะยอมเป็นครูให้ตลอดชีวิต"
"ไม่ได้ ไม่อนุญาต รออยู่นี่นะ จะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เดี๋ยวจะไปส่งที่รถทัวร์ กลับบ้านไปซะ"
โรสเดินไป มาลีโวย
"ไม่ หนูมาลีไม่กลับ"
มาลีเดินจากมาด้วยความโมโห น้อยใจพ่อ
"หนูมาลี"
มาลีเดินกลับมาหาทองทา บอยกับชงโคเดินมาสมทบพอดี ได้ยินทั้งหมด
"พี่ทองทา พาฉันไปหาห้องเช่าที ฉันจะอยู่กรุงเทพ หาห้องเช่า หางานทำ"
"ผู้ชายคนนี้เป็นใคร แฟนหรือ" โรสถามเสียงดุ
ทองทาสะดุ้ง หน้าซีด แล้วแกล้งออกสาว กระตุ้งกระติ้งขึ้นมา
"หนูไม่มีปัญญา ทำใครหรอกจ้ะ"
"เขาเป็นเพื่อนรุ่นพี่ หนูมาลีไม่กลับบ้านนอก ถ้าไม่ให้อยู่ หนูจะไปหาที่พัก หางานทำเอง พี่ทองทา ช่วยหนูมาลีได้ใช่ไหมคะ"
ทองทาหน้าเสียหนัก โรสมองดุ ทองทากลัวโรส
"พี่โรส นี่ตกลงลูกพี่จริงๆใช่ไหมเนี่ย" ชงโคถาม
"มีอะไรหรือเปล่าครับ" บอยถาม
"ฉันยังไม่ได้บอกอะไรพี่บอยนะ พี่คุยกันเองตามประสาผัวเมียแล้วกัน ฉันไปล้างบอยก่อนล่ะ เดี๋ยวเจ๊แคที่โวย"
ชงโคเดินหนี หนูมาลีตะลึงมองบอย
"ผัวเมีย กับคนนี้หรือ"
"ลูก ... ลูกสาว"
มาลีกับบอยมองหน้ากัน ช็อกกันไปทั้งสองฝ่าย มาลีโวยพ่อ อึดอัดถึงที่สุด ตะโกนออกมา
"นี่ไม่อายคนเขาหรือไง คุณเป็น เป็น... คุณไม่ใช่พ่อเรือง ไม่ใช่พ่อหนูมาลีอีกต่อไปแล้ว !"
เหมือนฟ้าผ่าลงมา โรสน้ำตาคลอ ช็อกที่ลูกประกาศรับไม่ได้
"หนูมาลี !"
ทองทาดุมาลีเบาๆ
"พูดอย่างนั้นได้ยังไง เดี๋ยวเขาเสียใจนะ"
"แล้วฉันเสียใจไม่เป็นหรือ เขาหลอกฉัน หลอกมาเป็นสิบๆปี ที่เขาไม่กลับบ้าน เพราะเขาอายคน ที่เขาทิ้งฉัน เพราะเขามีผู้ชายคนนี้ เขาเห็นแก่ตัว เขารักชีวิตของเขา เขารักนายคนนี้มากกว่าฉัน"
มาลีน้อยใจ ชี้หน้าบอย ตีความแบบเด็กๆ เพราะดูแล้วว่าบอยแก่กว่าเธอไม่กี่ปี โรสโวยตอบไม่ลดละ ดุขึ้นกว่าเดิม ปกปิดความรู้สึกที่แท้จริงไว้
"เออ หลอกก็หลอก เออ ฉันมันคนเห็นแก่ตัว! ฉันกับเธอไม่ได้เป็นอะไรกัน ไม่ได้เป็นอะไรกัน พอใจไหม พอใจหรือยัง"
เสียงโวยของโรสที่ดังลั่นใส่ ทำให้มาลีร้องไห้โฮออกมา เดินเข้าไปหาทองทา
"พี่ทองทา ช่วยหนูมาลีที พาฉันไปจากที่นี่ที ฮือ..."
โรสโวยต่อ น้ำเสียงเด็ดขาด
"ถ้าอยากจะหางาน หาบ้าน ฉันมีบ้าน มีร้านอาหาร แกก็มาทำงานที่ร้านฉัน จะหาเงินไปประกวดบ้าบอนั่นก็ตามใจ อ้อ เรียกฉันพี่โรสเหมือนอีชงโค ไม่ต้องเรียกเป็นอย่างอื่น ในเมื่อไม่อยากเรียกก็ไม่ต้องเรียก"
"เอ้อ หนูมาลี ตอนนี้เพิ่งเจอกัน ต่างคนต่างตกใจ ใจเย็นกันก่อนนะ ไปบ้านพ่อก่อน แล้วค่อยคุยกับพ่อนะ"
"เอ๊ะ หูหนวกหรือไง ก็บอกว่าฉันไม่ได้อยากเป็นพ่อมัน มันหาว่าฉันเห็นแก่ตัว ก็ถูกแล้วนี่ มันรู้จักอายแล้วคิดว่าฉันไม่อายหรือ"
มาลีอ่อนลง
"หนูไม่ได้อาย หนูแค่..."
"ค่าแรงวันละสามร้อย ทำงานวันละแปดชั่วโมง น้ำไฟค่าอาหารฟรี เด็กมอหกอย่างแก หาราคานี้ไม่ได้หรอก ไปคิดดู ถ้าตกลง ก็ไปช่วยนังชงโคล้างบอยข้างหลังแล้วตามมันกลับไปบ้านได้เลย"
คราวนี้โรสเป็นฝ่ายเดินหนี บอยเดินตามไป
อ่านต่อหน้า 4
มาลีเริงระบำ ตอนที่ 1 (ต่อ)
โรสเดินมานั่งสงบสติอารมณ์ บอยเดินตามมาดูแล
"พี่โรส"
"แม่เขา เป็นเพื่อนสนิท ชื่อรำเพย"
เมื่อ 19 ปีที่แล้ว ที่โรงเรียน รำเพยเดินนำเรืองยศเข้ามาที่โต๊ะที่กำลังทำพานไหว้ครูค้างอยู่ ทั้งคู่ในอายุ 17-19 ปี เรืองยศหนุ่มธรรมดา ไม่มีจริต แต่แค่สะอาดสะอ้านดูแลตัวเอง"ไม่มีใครช่วยฉันทำเลย แกช่วยฉันหน่อยนะ"
รำเพยเอาดอกไม้เหลือๆมาทัดหู เพราะเป็นนิสัย เห็นดอกไม้แล้วทำแบบนี้เสมอ เธอเริ่มจัดดอกไม้ต่อ เรืองยศยิ้ม เพราะรำเพยเป็นเพื่อนสนิท ในการทำพานนั้น เรือยศไม่ได้หยิบจับดอกไม้เลย
"อยากเป็นหัวหน้าห้องทำไมล่ะรำเพย ก็เหนื่อยอ่ะสิ เอานี่ เอาดอกสีนี้สลับตรงนี้ดีไหม"
เรืองยศแค่ให้ความเห็น ไม่หยิบจับ แค่สนใจ และมีหัวทางด้านนี้
เพื่อนผู้ชายเดินมาปาก้อนหินใส่หลังเรืองยศ
"เฮ้ย มัวแต่จีบหญิง เร็ว ไปเตะบอลกัน"
เพื่อนผู้ชายเริ่มเตะบอลกันแถวนั้น เรืองยศไม่ลังเลวิ่งไปเตะด้วยทันทีคล่องแคล่ว ดูเป็นผู้ชายที่อยู่ตรงกลางระหว่างความเป็นหญิงกับความเป็นชายอย่างพอดี
รำเพยส่ายหน้า ตะโกนบอก
"อยู่แถวนี้นะเรือง อย่าไปไหน เดี๋ยวกลับบ้านด้วยกัน"
เรืองยศหันมาพยักหน้าว่าโอเค ขอเตะบอลก่อน เรืองยศแคร์รำเพยอยู่ไม่น้อยเลย
วันใหม่ รำเพยนั่งเศร้า เรืองยศถือปิ่นโตเดินมาหา
"ไม่ได้เอาข้าวมาหรือ"
"แม่ไม่สบาย โดนพ่อต่อย"
"พ่อเลี้ยงแกน่ะหรือ"
รำเพยพยักหน้า
"มันแย่งเงินไปอีกแล้ว"
"กินด้วยกัน อ่ะนี่ แกกินก่อน"
"เรือง แกเป็นเพื่อนคนเดียวของฉัน ฉันรักแกนะเรือง"
รำเพยแอบจับมือเรืองยศใต้โต๊ะ เรืองยศยิ้มเขิน ได้แต่มองมือนั้น ไม่ได้จับมือตอบ เขายังก้ำกึ่งรักรำเพยอย่างเพื่อนหรือรักตามวัยรุ่น เขาเองก็ไม่แน่ใจ แต่รำเพยรักเรืองยศในฐานะผู้ชายเต็มร้อย
ริมแม่น้ำ ในคืนลอยกระทง ทุกคนลอยกระทงกัน มีคนเล่นพลุ ขายกระทง หลังพุ่มไม้ ลับตาคน รำเพยเอาเชือกมาผูกกระทงทั้งสองใบไว้
"เอาเชือกผูกกันไว้ มันจะได้ลอยไปด้วยกัน เราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไปนะเรืองยศ"
ทั้งสองปล่อยกระทง รำเพยหันมาหอมแก้มเรืองยศ
"ฉันรักแกนะเรือง"
เรืองยศหันมายิ้ม ทั้งสองสบตากันลึกซึ้งและพร้อมใจกันหายลงไปในพงหญ้า
"แม่เขาเป็นเพื่อนสนิท ก็ตามประสาวัยรุ่น ที่จริงตอนนั้น อยากลอง มันอยากรู้เรื่องที่คาใจน่ะ อยากรู้ว่าตัวเองเป็นอะไรกันแน่"
"คบกันนานไหม"
"ก็แค่ครั้งเดียว แต่รำเพยเขาเกิดท้อง เขาคลอดตอนเรียนจบพอดี แล้วรำเพยก็หนีเข้ากรุงเทพ ทิ้งลูกไว้ให้แม่เขา"
วันที่สังคมสงเคราะห์มารับเด็กนั้น แม่ของรำเพย อยู่ในสภาพตาบวมช้ำ เพราะถูกผัวซ้อม
"ช่วยหน่อยเถอะคุณ นังรำเพย แม่มันทนพ่อเลี้ยงตีไม่ไหว หนีเข้ากรุงเทพไปแล้ว ฉันเองก็เลี้ยงไม่ไหว"
"หน้าคุณไปโดนอะไรมา สามีใช่ไหมคะ ทำไมไม่แจ้งตำรวจ"
"ช่างฉันเถอะ เอาเป็นว่า ถ้ามันอยู่กับฉัน มันไม่อดตายก็โดนซ้อมตาย"
สังคมสงเคราะห์พยักหน้า อุ้มเด็กมา
สังคมสงเคราะห์อุ้มทารกมาขึ้นรถ รถตู้ขับออกไป เรืองยศขี่จักรยานตะโกนตาม
"อย่าไป ลูกผม ลูกผม ผมจะเลี้ยงเอง ลูกผม เอาเขาไปไม่ได้"
รถตู้ยังเคลื่อนต่อไปไม่ได้ยิน
เรืองยศยังขี่จักรยานวิ่งตาม ตะโกนต่อไป ไม่ลดละ
เขาขี่จักยานตามจนสุดกำลัง
ในที่สุด คนขับรถตู้มองเห็นที่กระจกข้าง รถตู้จอดพรืด เรืองยศยิ้ม เร่งขับตามไปหา มีความหวัง สังคมสงเคราะห์ เปิดประตูลงมาคุยกับเรืองยศ
"คืนลูกสาวให้ผม ผมเป็นพ่อเขา ผมจะเลี้ยงเอง"
สังคมสงเคราะห์งง คิด ...
หลายวันต่อมา บ้านหลังเขา เรืองยศในชุดนักเรียน เลี้ยงลูกด้วยตัวเอง ชงนม ป้อนนม ไกวเปล
เชื้อทำเบ็ดตกปลา หงส์ทำงานบ้าน มองยิ้มๆ แต่ยินดีที่จะเลี้ยงหลาน เป็นคนเซ็นอุปการะให้
ตอนกลางคืน เรืองยศอุ้มกับตัก ชี้ชวนดูฟ้านับดาว กล่อมนอน เรืองยศไปทำงานก่อสร้างหาเงินซื้อนมที่ร้านค้าในตลาด หน้าตายิ้มแย้ม
เรืองยศอาบน้ำให้ลูก ทำเองทุกอย่าง หาเงินจากการทำงานในสวน ในไร่
โรสนั่งยิ้มคิดถึงการเลี้ยงลูกในวัยเด็ก ภูมิใจมาก
"หนูมาลี โตแล้ว สวยด้วยนะ"
"เขาคือเจ้าของจดหมายปึกนั้นใช่ไหม ในห้องพี่ จดหมายที่พี่ไปรับทุกอาทิตย์"
โรสไม่ได้โกรธที่มาลีด่า ดวงตาเปี่ยมสุขเมื่อพูดถึงลูก
"เขาเรียนเก่งมากนะหนูมาลีน่ะ ที่หนึ่งมาตลอด เป็นหัวหน้าห้อง เหมือนแม่เขาเลย"
"ไปดุเขาซะใหญ่โต ที่แท้ก็รักเขามาก ดูหน้าสิ"
โรสยิ้มต่อ
"เมื่อกี๊ เขาเอารูปตอนพี่เป็นทหารเกณฑ์มาให้พี่ดูด้วยเหมือนพกไว้ตลอด"
"ไม่น่ามาเจอกันในสภาพแบบนี้เลย ไม่เหมือนในละครเลยเนอะ พ่อลูกต้องโผเข้ากอดกันไม่ใช่หรือ"
รอยยิ้มจึงเปลี่ยนเป็นเศร้า
"คงอาย สภาพอย่างเรา คำว่าพ่อ มันสูงเกินไป ! ต่อให้ลูกมันอนุญาต คนทั้งโลก ก็คงไม่อนุญาต พี่ทำใจได้"
และแล้วโรสร้องไห้ออกมา แท้จริงแล้วน้อยใจมาก เสียงร้องไห้โฮของโรส สั่นสะเทือนหัวใจ บอยดึงโรสมากอด อึ้ง ไม่รู้จะพูดอะไรดี
"ร้องออกมาเถอะ ร้องออกมาให้หมด ไม่ต้องเข้มแข็งตลอดเวลาหรอกพี่"
มาลีไม่ได้ร้องไห้แล้ว นั่งคิดว่าจะทำยังไงดี
"ถ้าถามพี่นะ พี่ว่าไม่มีใครดีกับเราเท่าพ่อแม่เราหรอก"
หนูมาลี ตัดสินใจได้ ลุกขึ้น
"เอ้า....จะไปไหนล่ะ"
ภายในสตูดิโอ ชงโคล้างบอยอยู่ มาลีเดินมาหา ทองทาตามมาด้วย
"ฉันชื่อหนูมาลี ฉันตกลงกับเอ้อ ... พี่โรสแล้ว ฉันจะทำงานกับเขา ฉันช่วยจ้ะ"
ชงโคอึ้งๆ มาลีเริ่มล้างบอย คล่องแคล่ว หลังจากตัดสินใจแล้ว
"เออ ก็ดี งั้นล้างให้หมดนี่นะ ฉันจะไปเต้น เอ๊ย เก็บบอยข้างใน ไปล่ะ"
มาลีไม่สนใจอะไรอีก ตัดสินใจจะอยู่กับพ่อ ล้างบอยไปเรื่อยๆ ทองทายิ้มมอง ถอนใจโล่งอก ดีแล้ว ที่มาลีเลือกจะอยู่กับพ่อ
รถมอเตอร์ไซค์แล่นเข้ามาจอด ชงโคพามามาลีลงมาพร้อมกระเป๋า
"เนี่ยหรือชงโค ร้านของพี่โรส"
"เออ เห็นข้างนอกก็สวยดีนะ แต่ข้างใน เฮ้อ มีเรื่อง อึ้งทึ่งเสียวอีกเยอะ อยู่ไปก็รู้เอง ทางโน้น บ้านพักเด็กเสิร์ฟ ตามฉันมา"
ห่างออกไป โรสกลับมาถึงพักใหญ่แล้ว แอบยืนดูแล้วถอนหายใจ ดีใจที่มาลีมากับชงโคและยอมมาอยู่ที่ร้าน
วันใหม่ บ้านกลางสวน ทองทานั่งอ่านหนังสือปลูกกุหลาบ แตงทำความสะอาดบ้าน
มองไปที่หน้าบ้าน เห็นมีรถแล่นมาจอด
"ใครมาคะ หน้าคุ้นๆ นางงามใช่ไหมคะ สิบปีแล้ว คนที่ชื่อ โยทะกา"
โยทะกาสวย สง่างาม เดินเข้ามาตามทาง
แตงมองหน้าทองทาที่เคลิ้มไป
"โห ตาเยิ้มเลย"
"รักแรกของฉันเอง"
ในอดีต เมื่อตอนที่ทองทาอายุได้ 8 ขวบ ภายในบ้านหรูของเมืองแมน เด็กชายทองทา กำลังเต้นแร้งเต้นกา เพราะชอบการเต้นมาแต่เด็ก ทีวีที่เปิดทิ้งไว้เป็นโยทะกาในวัยสาว
โยทะกาในขณะประกวด มีสายสะพาย เดินชมสวนเพื่อให้กล้องทีวีบันทึกภาพ เธอเดินมาหยิบดอกไม้ที่ตกอยู่ที่พื้น มาทัดที่หู
ทองทาวิ่งมาดูที่หน้าจอทีวีเคลิบเคลิ้มหลงใหลกับภาพประทับนั้น
ทองทายิ้มให้โยทะกาที่เดินตรงเข้ามา แตงหลบออกไป
"หาตัวผมเจอได้ไง"
"ถามจากเพื่อนคนหนึ่งไล่ไปเรื่อยๆ เกือบสิบคนมั้ง"
"ซ่อนตัวไม่ได้อีกแล้วสินะ ตามกันถึงบ้านแบบนี้"
โยทะกาเดินมาดูภาพนิ่งที่ถ่ายติดอยู่ที่บ้าน เป็นผลงานของทองทา
โยทะกาชี้จำได้หมด
"บัลเล่ต์ที่นิวยอร์ก , ละครที่บรอดเวย์ , คอนเทมโพรารี่, แดนซ์ที่ญี่ปุ่น อายุเท่านี้ประสบความสำเร็จขนาดนี้ พี่ภูมิใจแทนเธอจริงๆ"
"ในโลกนี้ คงมีแต่พี่โยที่สนใจเรื่องของผม ผมไม่มีค่าอะไรในสายตาคนอื่น"
"อ่านหนังสือปลูกกุหลาบหรือ"
ทองทายิ้ม
ลุงต๋อยกับป้าแตง ทำสวนอยู่มุมหนึ่ง ห่างไป... ทองทาเด็ดดอกไม้จากต้นยื่นให้โยทะกา
"เอาไว้ทัดหูสิครับ"
โยทะการับมาถือไว้
"อย่าเลย พี่ไม่ได้ทำแบบนั้นมานานแล้ว สวนของเธอน่ารักดี หาบ้านเก่งนะ"
"อยู่เมืองนอกมานาน กลับมาเมืองไทยตั้งใจจะมีบ้าน ที่มีสวนสวยๆ วันๆ ปลูกต้นไม้ ชักเบื่อๆกับแสงสีบนเวที"
"ปลูกต้นไม้เนี่ยนะ"
"ป้าแตงกับลุงต๋อยเขาจะช่วย อันไหนเพาะได้เยอะ เขาก็จะเอาไปขาย ได้เงินมาแบ่งกันสามคน"
"เกิดอะไรขึ้น เจอกันคราวที่แล้ว ไม่เห็นหมดอาลัยตายอยากอย่างนี้"
"ไม่รู้สิ ถึงจุดสูงสุดแล้วมั้ง"
"งั้นไปช่วยงานพี่ที่ออฟฟิศนะ"
ทองทาสีหน้าไม่เต็มใจ
สำนักงานทีวี เอ็มเอ็มแชนนัล โยทะกาในตำแหน่ง "กรรมการผู้จัดการ" พาทองทามาที่หน้าห้องประชุมที่มีแต่โปสเตอร์ "เดอะซุปเปอร์สตาร์ สี่แยกนักฝัน" ขนาดใหญ่และเล็ก และรูปของ ซีโร่ มากมาย มีทีวีฉายโฆษณาการประกวดและรูปซีโร่เต็มไปหมด
ในห้องประชุม บรม แซนดี้และทีมงาน กำลังประชุม
โยทะกาบอก
"ปีที่แล้ว โปรเจ็กนี้เรตติ้งดีมาก สถานีโทรทัศน์เราแจ้งเกิดเพราะโปรเจ็กนี้ ตอนนี้ ซีโร่ ศิลปินที่ชนะประกวดเมื่อปีที่แล้ว มีทั้งงานละคร งานเพลง งานคอนเสิร์ตมากมาย เราก็เลยอยากทำปีที่สอง พี่อยากให้ทองทามาช่วยเป็นกรรมการ"
"ชวนผมทำโปรเจ็กนี้เนี่ยนะ"
"จะปลูกต้นไม้ขายจริงหรือ เสียดายความสามารถเปล่าๆ"
"ไม่มีอะไรท้าทายสำหรับผมแล้ว ผมแค่อยากหยุดอยู่เฉยๆ ชีวิตนักเต้น เหนื่อยมากตั้งแต่เด็ก อยากพักบ้าง อะไรบ้าง"
"ทำไมดูเศร้าๆ อายุแค่นี้เอง ทำตัวอย่างกับคนแก่ ไม่เอาสิคะ"
โยทะกาแตะแขนด้วยมือทั้งสองข้าง ทองทามองโยทะกาด้วยความรัก เอามือมาจับ
"ไม่ได้เจอพี่โยมั้ง มีแต่พี่ทำให้ผมรู้สึกดี"
เมืองแมนเดินมา เสียงเข้ม
"จะสวีตกันไปถึงไหน แกคงไม่ลืมสินะ ว่าโยทะกาเป็นเมียพ่อ"
เมืองแมนเดินมาเกาะไหล่โยทะกาแสดงความเป็นเจ้าของ ทองทามองภาพนั้นอย่างหงุดหงิด
"เขาเป็นรักแรกของผม พ่อมาแย่งไปต่างหาก พ่อแย่งทุกอย่างจากผมไป แย่งเฉพาะที่เป็นความสุขเสียด้วย"
"ฮึ ที่แกเรียนหนังสือ ยี่สิบกว่าปี ฉันหมดไปกี่สิบล้าน แล้วดูตอนนี้ ไม่ทำงานทำการ ลอยชายไปวันๆ"
"ชีวิตพ่อคงมีสาระมาก แฟนคนปัจจุบัน อายุเท่าไหร่ ทำร้ายจิตใจผู้หญิงคนแล้วคนเล่า สนุกมากไหม"
"ไอ้ทองทา ...แกต้องมาช่วยงานกับฉัน ถ้าไม่มา ก็ไม่ต้องเข้าบ้าน"
"ถามสักคำไหมว่าอยากเข้าหรือเปล่า ผมเรียนจบ ทำงานตั้งหลายปี หาเงินเลี้ยงตัวเองได้แล้ว พ่อจะบังคับผมได้ยังไงถามหน่อย"
เมืองแมนโวยลั่น
"ไอ้ลูกอกตัญญู"
เมืองแมนเสียงดังตามนิสัยขี้โมโห จนบรมและแซนดี้ หยุดประชุมหันมามอง
"เอ้อ เดี๋ยวโยพูดให้เอง คุณจะไปประชุมใช่ไหมคะ ไปเถอะค่ะ โยพูดให้เอง"
เมืองแมนมองค้อนๆ เดินเข้าห้องบรมและแซนดี้ไป
ทองทากับโยทะกานั่งลงคุยต่อ
"แม่ผมทนพ่อไม่ได้ ขอหย่าจากพ่อตอนผมแค่เจ็ดขวบ ชีวิตผม เคยอยู่กับพ่อ ไม่ถึงสิบปี แล้วสิ่งที่เขาทำกับแม่ พี่โยว่าผมจะทำงานกับเขา เจอเขาทุกวันได้จริงหรือฮะ"
"ทองทากลับเมืองไทยเพื่อค้นหาตัวเองไม่ใช่หรือ ถ้าเต้นเบื่อแล้วเปลี่ยนมาสร้างนักเต้นใหม่ๆดูไหมล่ะ"
"พี่โยนี่ตลกนะ เป็นเมียคนเดียวที่ทนเขาได้ อยู่ช่วยงานที่สถานีนี่ให้เขา ทั้งๆที่ไม่ใช่งานที่สบายเลย พี่รักเขามากเกินไปหรือเปล่า"
"เธอนี่ พี่กับคุณเมืองแมนผ่านอะไรมาด้วยกัน เขาก็มีส่วนดี เปิดใจมองพ่อเธอดีๆหน่อยเถอะ ไหนบอกชีวิตไม่มีใคร ที่ไม่มีใครก็เพราะไม่เปิดใจนี่ล่ะ"
"ชีวิตของคุณเมืองแมน มีแต่เรื่องเงิน ผู้หญิงและผลประโยชน์ สถานีโทรทัศน์เขา รายการของเขา มันก็เหมือนตัวเขานั่นล่ะ ให้ผมตาย ยังดีเสียกว่ามาช่วยงานเขา"
"โธ่ ทองทา"
เสียงเคาะประตู เบล บุณฑริก นีน่า ยาหยีเข้ามา
"พี่ทองทา แอร๊ย ดีใจที่สุดเลย คิดถึงๆ" บุษบาบรรณว่า
ทองทาลุกขึ้นกอดกับน้องดีใจเหมือนกัน
"สวัสดีจ้า นี่อายุเท่าไหร่แล้วเนี่ย ยังถือตุ๊กตาอยู่อีก"
บุษบาบัณชี้แก้ม ทองทาหอมแก้มน้องสาว
ยาหยีกระซิบ
"หล่อเนอะ"
นีน่ามองการแต่งตัวกระซิบ
"สาวหรือเปล่า เป็นแดนเซอร์นะ"
"จะทักกันอีกนานไหม รีบๆคุยธุระเถอะ" บุณฑริกบอก
"คุณหญิงบุณฑริกสวัสดีค่ะ ทองทา"
โยทะกาปรามเตือนเพราะ ทองทาแกล้งทำไม่เห็น เนื่องจากไม่ถูกกัน
ทองทาจำใจไหว้
"สวัสดีครับ"
"ทองทาไงคะ จำได้ไหมคะคุณหญิง"
"ทองทาลูกชายคนโต ของเมียคนที่ 1 ยายเบลหลานฉัน ลูกสาวของเมียคนที่สอง ส่วนหล่อนก็เมียคนที่สาม ไม่มีลูก โชคดีไป เพราะเมียคนที่สี่ ที่ห้า ฉันตามตีแตกหมดแล้ว เป็นไง การลำดับเมียของฉัน ยังแม่น ใช้ได้ไหม"
อ่านต่อตอนที่ 2