xs
xsm
sm
md
lg

ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 16

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 16

เจ้าสัวเชื้อเชิญซินแสเทียนเข้ามา

"เอ้าเชิญ เชิญ ท่านซินแส มาพอดีเลยเรากำลังซักเรื่องคู่ของเจ้ากล้ามันอยู่แน่ะ ... เอ้าว่าต่อสิ"
ซินแสรีบตอบแทนกล้า
"เรื่องคู่ของคุณกล้านั้นเห็นทีจะเป็นไปไม่ได้"
เจ้าสัวแสนสงสัย
"เป็นไปไม่ได้ยังไงรึท่านซินแส"
"เป็นคนละชนชั้นกันขืนอยู่ร่วมกันก็รังแต่จะทำให้ใต้หล้ามัวหมอง"
เจ้าสัวตบเข่าฉาด หันบอกกล้า
"นั่นปะไร ท่านซินแสจับยามดูก็รู้ว่าสิ่งที่เจ้าจะขอข้าคืออะไร ข้ายอมไม่ได้หากเจ้าจะทำให้ใต้หล้าต้องมัวหมอง เพราะฉะนั้นข้าจะจัดหาเจ้าสาวให้เจ้าเพื่อจัดงานแต่งงานให้เร็วที่สุด"
"ท่านพ่อ"
กล้าเครียดหนัก ซินแสทั้งสงสารและหนักใจในคราเดียวกัน

กล้าเดินหัวเสียมาที่มุมลับตาหลังร้าน ซินแสเทียนเดินตามมาด้วยความเป็นห่วง ซินแสแกล้งถาม
"ทำไมจู่ๆคุณกล้าถึงพูดเรื่องอาหยก คุณกล้าเจออาหยกมาใช่ไหม"
กล้าหลบตา
"ผมจะเจอได้อย่างไร ในเมื่อซินแสจับเราสองพรากจากกัน"
"มีคนส่งข่าวมาบอกว่าอาหยกไม่อยู่ปากน้ำโพ"
กล้าหลบสายตา ซินแสพูดต่อ
"อาหยกมาหาคุณกล้าหรือติดต่อส่งข่าวมาบ้างหรือเปล่า"
กล้ายังคงส่ายหัวปฎิเสธ
"ไม่เลย"
ซินแสเศร้าพลางถอนใจ
"ป่านนี้จะไประหกระเหินอยู่ที่ใดกันนะ อาหยกเอ๊ย อั๊วเป็นห่วงเหลือเกิน"
กล้าเห็นซินแสรำพึงถึงหยก
"ท่านซินแสรักพี่หยกเพราะเป็นหลานแท้ๆในไส้ คงจะเสียใจและกระวนกระวายที่คนที่รักหายไป คงจะรู้สึกไม่ต่างอะไรจากผม"
กล้าพูดตัดพ้อ
"ซินแส คงรู้ความทุกข์ของผมแล้วซินะ เราสองคนเป็นทุกข์ไม่ต่างกันเลย"
ซินแสเทียนถอนหายใจ
ซินแสยิ้มๆก่อนพูด
"ต่างสิ คุณกล้ากับอั๊วทุกข์คนละอย่างกัน อั๊วทุกข์เพราะลูกหลานมีรักอันไม่คู่ควร มันเจ็บปวดนักเพราะเป็นคนที่อั๊วรักทั้งคู่"
กล้าแอบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ปล่อยน้ำตารื้นออกมา
"แล้วผมเล่าไม่เจ็บปวดดอกหรือ ที่มีรักที่เป็นไปไม่ได้"
ซินแสมองกล้าด้วยความสงสาร กล้าน้ำตาไหลด้วยความอัดอั้นอย่างที่สุด

บนเรือนใหญ่มีการจัดโต๊ะรับประทานข้าว พวงแก้ว หาญ บุหงา สายฝน เดินมานั่งที่เก้าอี้ เจ้าสัวแสนเพิ่งกลับจากข้างนอกเดินเข้ามาออกมานั่งประจำที่หัวโต๊ะ
พวงแก้วกับบุหงายิ้มรับเจ้าสัว อ่ำเดินนำ ฟ้าหยาดกับเว่ยชิงมาที่โต๊ะ เจ้าสัวยิ้มแย้ม
สองเมียไม่สบอารมณ์
เจ้าสัวหันบอกกับทุกคนในโต๊ะ
"แม่ฟ้าหยาดกับเว่ยชิง จะมาร่วมโต๊ะกับเราทุกวัน"
เมีย 2 คนสีหน้าเปลี่ยนทันที
"ที่ออกจะคับแคบคงไม่เหมาะกระมังคะ" บุหงาเปิดฉากไม่พอใจอย่างแรง
"จริงด้วย ไหนจะพี่กล้าพี่หาญอีก ไม่มีที่นั่งแล้วเจ้าค่ะ" สายฝนบอก
เว่ยชิงกับฟ้าหยาดยืนเก้อ พวงแก้วเก็บอาการไม่พอใจ นิ่งไว้
"นังเอื้อย จัดเก้าอี้มาเพิ่มที แม่ดาวจัดอาหารเพิ่มด้วย"
เอื้อยเลิ่กลั่กจะเอาไงดี พวงแก้วส่งสายตาไม่พอใจ
สายฝนกระซิบบอกแม่
"คุณแม่...คุณพ่อเข้าข้างมันดูสิคะ"
บุหงาดุแบบได้ยินแค่สองคน
"หุบปาก"
สายฝนจ๋อย บุหงาจ้องเว่ยชิงและฟ้าหยาดอย่างเจ็บใจ
"เอ้า !! ยึกยักอยู่นั่น ข้าบอกให้จัดก็จัดซิ ไอ้อ่ำไปช่วยนังเอื้อยจัดทีสิ" แสนบอก
"ขอรับ" อ่ำมองเห็นพวงแก้วถลึงตาใส่ แต่ก็จำใจต้องทำเพราะคำสั่งเจ้าสัว เอื้อยเกร็งๆค่อยๆยกเก้าอี้ อ่ำเข้ามาช่วย ดาวแอบมองฟ้าหยาดอย่างหมั่นไส้
"คดข้าวสิแม่ดาว"
ดาวไม่พอใจแต่เก็บอาการ
"เจ้าค่ะ"
ดาวคดข้าวให้ฟ้าหยาดและเว่ยชิง เจ้าสัวยิ้มชอบใจ
"เอ้าเชิญทุกคนกินเลย"
เจ้าสัวลุกขึ้นมาตักอาหารใส่ในจานให้กับฟ้าหยาดและเว่ยชิง ก่อนเดินมานั่งที่เดิม
"กินเยอะๆนะที่นี่กับข้าวกับปลาเค้าอร่อยแม่ครัวเค้ารสมือดีน่ะ"
พวงแก้วมองค้อนไม่พอใจ
"ขอบคุณเจ้าค่ะ"
ฟ้าหยาดกับเว่ยชิงจะลงมือกินข้าว บุหงาเก็บอารมณ์ไม่ไหวลุกขึ้นคว้าถาดที่วางอยู่ที่โต๊ะไม่ไกลแล้วมาหยิบจานข้าวของฟ้าหยาดและเว่ยชิงที่กำลังจะกินคว่ำลงในถาดพร้อมกับหันไปสั่งเจียม
"ที่นี่ไม่ใช่ที่ของแกสองคน อีเจียม เอาลงไปให้มันกินใต้ถุนเรือน"
"เจ้าค่ะ"
"คราวหลังอย่าสะเอ่อะขึ้นมาเสนอหน้าบนเรือนนี้อีก ไปลงไป"
เว่ยชิงกับฟ้าหยาดตกใจ ไม่คิดว่าจะโดนไล่เยี่ยงหมูเยี่ยงหมาเช่นนี้
แสนยัวะทุบโต๊ะดัง ปั้ง !!! ประกาศลั่น
" ในเมื่อไม่เห็นแก่อาเว่ยชิงและแม่นางฟ้าหยาด งั้นต่อไปนี้เพื่อให้ทุกคนเคารพนางทั้งสอง ข้าจะรับฟ้าหยาดเป็นเมีย"
แก้วน้ำของพวงแก้วร่วงลงพื้น เพล้ง !
แก้ว บุหงา เว่ยชิงต่างประสานเสียง "ไม่ !"

เจ้าสัวไม่พอใจลุกขึ้นจากโต๊ะไม่สนใจเสียงคัดค้าน บุหงาโกรธจัดตามไป

อีกมุมหนึ่งไม่ไกลจากโต๊ะอาหาร บุหงาตามไปโวยวายกับแสน

"อิฉัน ไม่ยอมนะคะคุณพี่ คุณพี่จะทำแบบนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ"
พวงแก้วแอบสังเกตดูว่าทำไม
"หัวเด็ดตีนขาดยังไง อิฉันก็ไม่ยอมให้คุณพี่เอามันมาทำเมียเด็ดขาด"
แสนโมโห ตบบุหงาล้มลงพื้น พวงแก้วตกใจ เจ่าสัวประกาศกร้าว
"ฉันจะเลือกเอาใครก็ได้ ไม่ใช่เรื่องของหล่อน หล่อนไม่มีสิทธิ์มาห้าม"
บุหงากรี๊ด
"อ๊าย... ไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้ อิฉันไม่ยอม"
อีกมุม เว่ยชิงดึงตัวฟ้าหยาดออกมา
"อะไรกันอาเว่ย"
"เราอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วรีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ"
ฟ้าหยาดดื้อ พวงแก้วเดินเข้ามามองเห็นหยุดมองดูน้าหลานเถียงกัน
"อั๊วไม่ไป"
"อาฟ้าลื้อจะอยู่ไปทำไม ลื้ออยากเป็นเมียอีรึไง"
"ฉันไม่ได้อยากเป็นเมียเจ้าสัว แต่ฉันอยากจะเป็นเมียคุณหาญ ต่างหากล่ะ และฉันก็จะทำให้ได้ด้วยคอยดูสิ"
เว่ยชิงตกใจ
"ไม่ได้เด็ดขาด ลื้อจะทำแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด" เว่ยชิงคว้ามือฟ้าหยาดดึงลงเรือน
"มานี่ เลยตามอั๊วมา"
คราวนี้ พวงแก้วเห็นความผิดปกติของเว่ยชิงและบุหงาที่ดูกันท่าฟ้าหยาดอย่างแรง เริ่มคิด
"มัน ต้องมีอะไรแน่ๆ ... เอ็งว่าไหม" พวงแก้วถามเอื้อย
ดาวแอบฟังอยู่ก็เจ็บใจ
"หนอย อยากเป็นเมียคุณหาญงั้นรึ ข้ามศพกูไปก่อนเถอะ"

เว่ยชิงเปิดประตูห้องออกมาจะพาฟ้าหยาดหนี แต่เจออ่ำกับคนงานเฝ้าหน้าประตูอยู่
"ไอ๋หย๊า"
"ท่านจะไปไหนรึ"
"เรื่องของอั๊ว อั๊วไม่อยู่ที่นี่แล้ว"
"ท่านเจ้าสัวไม่ให้แม่นางทั้งสองไปไหน ต่อให้หนีออกไปได้ ยังไงซะ ท่านเจ้าสัวก็ตามท่านกลับมาจนได้ อยู่ที่นี่ให้สบายใจเถิดขอรับ"
เว่ยชิง ฟ้าหยาดจำใจกลับเข้าห้องไป
เว่ยชิงโยนห่อผ้าลงนั่งหันมองฟ้าหยาดที่ดูไม่สะทกสะท้านใดๆ เว่ยชิงนึกย้อนอดีตแล้วปาดน้ำตา มองฟ้าหยาดเก็บเข้า พลางรำพึงกับตัวเอง
"อดีตมันย้อนมาล้างแค้นอั๊วแล้วรึนี่"
ฟ้าหยาดได้ยินสงสัย
"อดีตอะไรรึอาเว่ย"
เว่ยชิงเลี่ยงพูดถึงเรื่องอื่นแทน
"อั๊วพูดไปงั้นเองไม่มีอะไรหรอก อาฟ้า ขออะไรลื้ออย่างได้ไหม"
"อะไรล่ะอาเว่ยถ้าอั๊วให้ได้อั๊วก็จะให้ลื้อ"
"หากลื้อจะอยู่ในบ้านหลังนี้จงทำตัวให้ดีปรนนิบัติเจ้าสัวแบบที่ท่านเป็นผู้ใหญ่แบบผู้มีพระคุณ เป็นร่มไทรให้ลูกนกลูกกาอาศัย อย่าได้วิปลาสพักใจในแบบหญิงชายเด็ดขาด แม้กระทั่งคุณหาญก็คิดเยี่ยงนั้นไม่ได้เด็ดขาด"
ฟ้าหยาดแว๊ดกลับทันที
" โอ๊ย...!! ไอ้นั่นก็ไม่ได้ไอ้นี่ก็ไม่ได้ ห้ามๆๆๆไปหมดบอกอั๊วสักทีได้ไหม ว่าทำไมต้องห้ามห๊ะอาเว่ย"
" เชื่ออั๊วเถ่อะนะ"
"มันอะไรกันนักกันหนาเนี่ย จนป่านนี้จะถูกฆ่าตายหมกใต้หล้าแล้วยังไม่ยอมบอกอั๊วอีกว่าทำไม แต่ช่างเห่อะอั๊วไม่มีอะไรจะเสียแล้วยังไงเสียอั๊วก็จะจับคุณหาญให้ ได้ อ้อ... คอยดูนะหากอั๊วรู้ความจริงเอง อาเว่ยอย่ามาเสียใจภายหลังก็แล้วกัน"
ฟ้าหยาดเชิดใส่เดินออกจากห้องไป
" หากรู้ ลื้อนั่นแหละจะเสียใจที่สุดอาฟ้าหยาด"
เว่ยชิงมองฟ้าหยาดเดินลับตาไปเศร้าใจ

ในเวลากลางคืน หาญเปิดประตูเข้าห้อง ฟ้าหยาดพรวดพราดรีบตามเข้าไปในห้องหาญแล้วปิดประตูทันที หาญแปลกใจที่เห็นฟ้าหยาดร้องไห้
"มีเหตุอันใดเกิดกับเจ้ารึ"
"คุณหาญต้องช่วยฟ้าหยาดนะเจ้าคะ"
ฟ้าหยาดโผเข้ากอดหาญไว้แน่น หาญยืนนิ่งอึ้ง
"ฟ้าหยาดไม่อยากเป็นเมียของท่านเจ้าสัว ฟ้าหยาดไม่ได้รักท่านเจ้าสัวเยี่ยงนั้น คนที่ฟ้าหยาดรักก็คือ คุณหาญเพียงคนเดียวเท่านั้น"
หาญอึ้ง ฟ้าหยาดพร่ำต่อ
"ที่ฟ้าหยาดยอมมาอยู่ที่ใต้หล้าแห่งนี้เพียงเพื่ออยากจะได้อยู่ใกล้ชิดกับคุณ ฟ้าหยาดรักคุณ หาญด้วยใจจริง แต่งงานกับฟ้าหยาดเถ่อะนะคะคุณหาญ"
ฟ้าหยาดยิ่งกอดกระชับแน่นขึ้นไปอีก หาญแกะมือที่สวมกอดออก
"เราขอขอบใจในไมตรีที่แม่นางมีต่อเรา แต่เราคงทำตามที่เจ้าขอไม่ได้หรอก"
"ทำไม ทำไมจึงไม่ได้"
"เป็นเพราะเรามีคนที่รักอยู่แล้วน่ะสิ"
"หมายถึงทาสที่ชื่อดาวงั้นเหรอเจ้าคะ"
"ไม่ใช่หรอก จะเป็นใครก็ช่างเถอะ ยังไงเสียเราก็ไม่มีหัวใจให้หญิงใดอีกแล้ว"
"ถึงจะต้องรอนานเพียงใด ฟ้าหยาดก็สมัครใจที่จะรอคุณหาญเจ้าค่ะ"
หาญจับไหล่ฟ้าหยาดอย่างสุภาพเชิงปลอบโยน
"อย่าเสียเวลากับเราเลยเพราะมันไม่มีทางจะเป็นไปได้ แม่นางเจ้าเป็นหญิงที่งาม เพียบพร้อมข้าเชื่อว่าสักวันเจ้าจะเจอคนที่เค้ารักเจ้าโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ เชื่อเราสิ"
ฟ้าหยาดมองดวงตาของหาญที่จริงจังแต่ดูอ่อนโยนราวกับผู้ใหญ่ที่ปลอบเด็กน้อย ฟ้าหยาดอึ้งไป
ดาวเดินมาใกล้ถึงหน้าห้องหาญแล้วยิ้มเข้าข้างตัวเอง
"คุณหาญจะอดทนได้สักกี่น้ำกัน"
ดาวรีบจัดแต่งชุดขยับนั่นนี่จนเข้าที่ แต่ประตูห้องเปิดออก หาญออกมาพร้อมด้วยฟ้าหยาด ดาวชะงักอึ้ง
"อีฟ้าหยาด"
ฟ้าหยาดเห็นดาวมองอยู่ ก็แสร้งทำสะบิ้งราวกับว่านอนกับหาญมาเมื่อครู่
"ขอบคุณนะเจ้าคะ คุณหาญทำให้ฟ้าสุขใจเหลือเกินเจ้าค่ะ"
หาญยิ้มรับก่อนจะปิดประตูลง ฟ้าหยาดเดินนวยนาดออกไป ดาวเจ็บใจมาก ทนไม่ได้ มองฟ้าหยาดที่เดินอ้อยอิ่งออกไป
"คิดจะแย่งของของกูเหรออีหยำฉ่า"

ดาวเครียดแค้นเดินตามฟ้าหยาดไป
 
อ่านต่อหน้า 2

ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 16 (ต่อ)

ฟ้าหยาดเดินจะกลับเรือน ดาวเอาถุงผ้ามาคลุมหัวฟ้าหยาดแล้วจิกหัวฟ้าหยาด

"ร่านนักใช่ไหม กูขอตบให้หายร่านสักทีเถอะ"
ดาวจิกหัวตบฟ้าหยาดไม่ยั้ง
"อ๊าย ! หยุดนะ คุณหาญช่วยด้วยเจ้าค่ะ คุณหาญ"
ดาวผลักจนฟ้าหยาดล้มคว่ำลงกับพื้น ดาวนั่งทับ เอามือจิกที่ผมกดให้หน้าฟ้าหยาดติดดิน
"คุณหาญเหรอ ใครก็ช่วยมึงไม่ได้หรอกถ้าไม่อยากตายไสหัวออกไปจากใต้หล้าเสีย"
"แกไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน ในเมื่อเจ้าสัวขอให้ฉันอยู่"
ดาวยิ่งปรี๊ดขึ้นอีก
"ก็เอาซี้ งั้นแกก็อยู่ในแบบต่ำๆของแกแล้วกันนังแพศยา"
ดาวจับหัวฟ้าหยาดโขลกกับพื้น ฟ้าหยาดพยายามขืนตัวแต่สู้แรงดาวไม่ไหว
เมฆวิ่งเข้ามาเห็นดาวกำลังซ้อมฟ้าหยาดอยู่ ยืนมองงงๆ
"ยืนบื้ออะไรล่ะมาช่วยกันสิวะ ... เอาผ้ามา"
เมฆรีบหยิบถุงคลุมมาสวมหัวฟ้าหยาด
"ปล่อย ปล่อยฉัน"
ดาวหัวเราะชอบใจ
"ได้...กูจะปล่อยมึง กูจะปล่อยมึงไปขึ้นสวรรค์ยังไงล่ะ ฮ่าๆๆ จะเอามันไปขึ้นสวรรค์หรือลงนรกที่ไหนก็เอาไปเลย อ้อ !! หรือ จะเอาไปลงแขกต่อก็ได้เลยตามใจแก"
เมฆลูบปาก
"หวานล่ะงานนี้"
เมฆตรงเข้าไปจะอุ้มฟ้าหยาดที่ฮึดสู้สุดกำลัง แต่โดนเมฆตุ๊ยท้องจุกจนตัวงอลงไป
"อย่านะ อย่า...ช่วยด้วย"
เมฆหัวเราะสะใจ
"ฮ่าๆๆ"
จังหวะนั้น มั่นผ่านมาได้ยินเสียงร้องของฟ้าหยาด เห็นเมฆกำลังจะก้มลงไปอุ้มฟ้าหยาด
"เฮ้ย...!! หยุดนะ"
มั่นโดดถีบเมฆจนถลาไปในความมืด
เสียงเอะอ่ะของพวกทาสถือคบไฟแสงวาบๆตามหลังมา มั่นจะตามไปซ้ำแต่เมฆรีบขว้าสิ่งของใกล้มือขว้างใส่มั่นแล้วถอยหลบกลัวว่ามั่นจะเห็นหน้า
ดาวเห็นว่ามั่นเข้ามาแส่ก็เจ็บใจรีบถอยหลบในที่มืดๆ
"แม่นางไม่เป็นไรใช่ไหม"
มั่นดึงผ้าคลุมออก ฟ้าหยาดดีใจโผเข้าหามั่น
"ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วยข้าถูกทำร้าย"
พวกเรือนครัวเดินเข้ามาถึงเห็นฟ้าหยาดกับมั่น
ทาส1 บอก
"ข้าได้ยินเสียงร้องเรียกก็เลยชวนกันออกมาดู เกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ย"
"มีคนบุกมาทำร้ายแม่นางเข้าน่ะสิ"
ทาสมองหา พร้อมส่องคบไฟมองหา
ทาส2 บอก
"ไหนมันอยู่ไหน ไหนๆ"
"มันหนีเตลิดไปแล้วล่ะ ลองแยกกันหาดูมันอาจไปได้ไม่ไกล"
ดาวแค้นมั่นที่เข้ามาขัดจนได้ เห็นทาสกระจายตัวออกตามหาจึงรีบเผ่นหนีออกไป
มั่นประคองฟ้าหยาดขึ้นมาพาไปทางเรือนครัว

ดาวหลบมาแอบหลังพุ่มไม้ใหญ่มองดูพวกทาสที่กำลังส่องไฟหากัน เมฆเอื้อมมือมาปิดปากดาวจากทางด้านหลัง ดาวตาโตตกใจ พยายามดิ้นหนี
"ฮื่อ ... อือ..."
"อย่าเสียงดัง ข้าเอง"
ดาวได้ยินว่าเป็นเมฆสะบัดหน้าออกจากมือของเมฆ
"จะบ้ารึไง"
"เอ็งน่ะสิที่บ้า จู่ๆก็มาหาเรื่องให้ข้าอีกแล้ว ข้าจะซวยเพราะเอ็งนี่แหล่ะ"
ดาวโมโหด่ากลับ
"ก็มัวแต่ชักช้าอยู่นั่น มันถึงได้แห่กันมาทันไง โง่ เรื่องเล็กๆแค่นี้ก็ทำไม่สำเร็จ"
"ถ้ามันเป็นแค่เรื่องเล็กๆแล้วเอ็งจะไปทำทำไมวะ"
"แล้วจะรอให้อีนังนั่นมันแย่งคุณหาญไปจากข้าหรือไงล่ะ "
เมฆโมโห
"ไหนว่าเอ็งไม่ได้ใฝ่สูง แล้วทำไมต้องทำขนาดนี้ด้วย แล้วข้าล่ะเอ็งหลอกใช้ข้างั้นรึ"
เมฆคาดคั้นเอาคำตอบ ดาวต้องรีบปะเหลาะ
"แหมดูพูดเข้าสิ ใครที่ไหนจะไปหลอกใช้พี่กันล่ะจ๊ะ นี่ฉันเห็นว่าพี่เป็นคนกันเองหรอกนะถึงได้ไหว้วาน ถ้าพี่คิดเยี่ยงนี้แสดงว่าพี่ดูถูกน้ำใจฉัน"
ดาวสะบัดหน้าหนี เมฆรีบเข้ามาสวมกอด
"เจ้าต้องทำให้ข้าเชื่อสิว่าไม่ได้ปันใจออกห่างจากข้า"
ดาวอึ้งไป เมฆได้ทีซุกไซร้ดาว
"อ๊ะๆ อย่าส่งเสียงดังเดี๋ยวไอ้พวกนั้นมันได้ยินล่ะก็ เป็นเรื่องแน่"
ดาวนิ่งเงียบปล่อยเลยตามเลย ดาวเจ็บปวด ไม่เคยเป็นของหาญ แต่โดนเมฆย่ำยีอย่างไร้ความนุ่มนวล

ห้องซินแสเทียน ซินแสเพ่งกระสินธุ์ มองน้ำตาเทียนที่หยดในน้ำ
"เจ้าหยก ป่านนี้จะอยู่ที่ไหน ได้โปรดช่วยดลจิตดลใจขออย่าให้เจ้าหยกกระทำเรื่องบัดสีเลย"
ภายในห้องลับ หยกและกล้า ต่างจับมือ โลมไล้ นิ้วเขี่ย ซุกไซ้ หลังคอ ฯลฯ
ผลเสี่ยงทาย แย่มาก ซินแสน้ำตาร่วง ที่เห็นเรื่องราวของชายสองคนกอดรัดกัน

วันใหม่ ประตูร้านเปิดออก กล้าเดินออกมาใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส อารมณ์ดีมาก ลูกค้าเดินผ่านไปมา กล้าขายของให้คนนั้นคนนี้ก็มีแถมต่างหาก
อ่ำยกของเรียงหน้าร้านไปมาเริ่มสังเกต
"ประทานโทษเถอะขอรับ นายน้อยอารมณ์ดีเยี่ยงนี้มีเรื่องราวอะไรดีๆรึขอรับ"
กล้ายิ้มๆตอบยียวน
"ทำไม...เราต้องบอกเจ้าด้วยรึ"
"เอไม่บอกก็มิเป็นไรขอรับ ไอ้อ่ำก็แค่อยากรู้ต่อไป"
อ่ำยกของจะเดินไปยังห้องที่กล้าล๊อกกุญแจไว้ กล้ารีบวิ่งไปขวางหน้า
"เดี๋ยวจะยกของไปไหนรึ"
"ลังนี่เป็นสินค้าล๊อตใหม่ที่เจ้าสัวสั่งมาเพิ่ม ท่านสั่งให้เก็บไว้ในห้องนี้ก่อนน่ะ ขอรับ"
อ่ำมองเห็นกุญแจล๊อค
"อ้าว...ห้องล็อครึขอรับ"
กล้าอ้ำอึ้งท่าทีมีพิรุธ
"เอาวางตรงนั่นก่อนก็ได้ไว้เดี๋ยวเราจะยกเข้าไปให้ เอ่อ.. เราทำกุญแจหายน่ะ"
อ่ำฟังที่กล้าพูดแล้วมองจ้องกล้าแล้วถาม
"สองสามวันมานี่คุณกล้าดูแปลกๆนะขอรับ ดูเหมือนพะว้าพะวงหลงๆลืมๆบ่อยๆ ความลับอะไรซ่อนอยู่รึขอรับ"
กล้าอึกอั่ก อ่ำหัวเราะขำเมื่อเห็นนายหน้าเสีย
"ฮ่าๆ กระผมล้อเล่นน่ะขอรับ ฮ่าๆ"

กล้าถอนใจโล่งอก แต่ในใจก็รู้สึกกลัวจริงๆกับความลับที่ซ่อนไว้

บุษบาบรรณเดินเลือกซื้อของอยู่ในตลาดโดยมีตะวันเดินตาม จังหวะนั้นหาญกลับมาจากทำงาน ลงรถลากที่หน้าร้านไม่ไกลจากบุษบาบรรณนัก
 
หาญเห็นตะวันกำลังถือของเดินตามบุษบาบรรณอยู่ดีใจที่ได้เจออีกครั้งเลยตะโกนเรียก
"นายตะวัน นายตะวัน"
ตะวันหันมาเห็นหาญตกใจรีบเร่งฝีเท้าตามบุษบาบรรณไปอย่างเร็ว หาญรีบเดินตามไปเรียก
"นายตะวัน เดี๋ยวสิ เรามีเรื่องอยากคุยด้วย ... ตะวัน นายตะวัน"
บุษบาบรรณหันมองตามที่เห็นว่าตะวันกำลังวิ่งหนีอะไรบางอย่าง แล้วเห็นหาญวิ่งตามมาไกลๆ บุษบาบรรณรีบเรียกตะวันให้หยุดก่อน
"ตะวัน เดี๋ยวสิตะวันอะไรกันน่ะ"
ตะวันวิ่งหนีไปบุษบาบรรณวิ่งตาม เธอรีบตามตะวัน แต่ไม่ทัน ไปหยุดตรงหน้าร้านที่กำลังซ่อมแซม แผ่นไม้ร่วงลงมา หาญตามมาทันเห็นพอดี
"คุณบุษระวัง"
หาญรีบพุ่งตัวเข้าไปกอด เทคตัวหลบแผ่นไม้ที่ร่วงมา คนงานในร้านวิ่งมาดูเห็นนั่งร้านหรือไม้กองอยู่ที่พื้น ไม่มีอะไรโล่งอก
"โหย....โล่งอกนึกว่ามีใครอยู่แถวนี้ซะอีก"
คนงานจะก้มเก็บไม้หรือนั่งร้านที่พังมาออกเหลือบไปเห็น หาญกอดอยู่กับบุษบาบรรณที่มุมหนึ่ง คนงานตกใจอุทานด้วยความลืมตัว
"ตาเถรหก"
ชาวบ้านผ่านมาเห็นอีกร้องกรี๊ด
ชาวบ้าน 1บอก
"อ๊าย...! คุณพระกลางวันแสกๆมานอนกอดกันไม่อายผีสางเทวดากันรึเนี่ย"
ชาวบ้าน 2 บอก
"นั่นสิ อี๊..บัดสีบัดเถลิงที่สุดเลย เจ้าข้าเอ๋ย ...มาดูเร็ว"
หาญกับบุษบาบรรณตกใจพยายามจะอธิบายแต่เสียงชาวบ้านก็แห่กันกันมามุงดู
"เออ...อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะเราสองคนมิได้ทำอะไรอย่างที่ว่านะครับ"
"คุณหาญทำไงดีล่ะคะ"
"คือ ..."
ชาวบ้านแห่กันมาเซ็งแซ่มีบางคนจำได้ว่าเป็นหญิงบุษบาบรรณกับหาญลูกเจ้าสัวต่างก็เมาท์มอยกันจนเละเทะ
ชาวบ้าน 3 บอก
"นั่นลูกชายคนเล็กเจ้าสัวแสนนี่น่า"
ชาวบ้าน 4 บอก
"เออจริงด้วย แม่หญิงนั่นก็ลูกสาวของคุณจันทร์มิใช่หรือนั่น"
เสียงเมาท์ออกแนวคาวๆ กามาเล็กๆงเซ็งแซ่ไปทั่ว กล้ากำลังเช็คของที่หน้าร้านได้ยินชาวบ้านพูดถึงหาญ
ชาวบ้าน1-2 เดินเมาท์กันมา
"เนี่ยแหล่ะเค้าว่ากันว่าลูกชายท่านร้านนี้แหล่ะ"
ชาวบ้าน 2 บอก
"ช่างสับปะดี้สีปะดนซะจริงพาแม่หญิงมาปลุกปล้ำถึงในตลาด"
ชาวบ้าน 1-2 มองที่กล้ากับอ่ำแล้วเดินผ่านไป ชาวบ้านสวนทางไปดูอีกกล้าจึงเดินตามไปกับอ่ำ
"เกิดอะไรขึ้น"
กล้าแหวกผู้คนเข้าไปดูเหตุการณ์เห็นน้องชายอยู่กับบุษบาบรรณกำลังโดนชาวบ้านต่อว่า กล้าได้ยินหน้าชาแทนน้องชาย แม้แต่อ่ำยังคะนองปากตามชาวบ้าน
"โหว นายน้อยของเราไม่เบาเลยนะขอรับ สงสัยจะคึก"
กล้าเอาสมุดจดตบปากอ่ำตามระเบียบ
"อ่ำ..."
กล้าแทรกคนเข้าไปหาหาญ หาญเห็นพี่ชายดีใจ
"พี่หาญ...คือมันไม่ใช่อย่างที่เค้าพูดกันนะขอรับ"
"อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย พาคุณบุษเข้าไปที่ร้านก่อนเถอะขืนอยู่ตรงนี้ต่อมีหวัง ต้องแทรกแผ่นดินหนีแน่ๆ"
กล้าพาน้องชายกับบุษบาบรรณแทรกฝูงชนออกมาโดยมีอ่ำช่วยกันคนแหวกออกมาได้
หาญหันไปบอกกับบุษบาบรรณ
"คุณบุษขอรับเดี๋ยวกระผมกลับมานะขอรับ ... พี่กล้าขอรับผมฝาก ดูแลคุณบุษให้ทีนะขอรับ"

กล้าพยักหน้ารับ หาญรีบร้อนออกไป
 
อ่านต่อหน้า 3

ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 16 (ต่อ)

ตะวันวิ่งเลี้ยวมาทางหนึ่งด้วยความเหนื่อยหอบหาทางหนีหาญ พลางรำพึง

"จะให้คุณหาญเจอไม่ได้เด็ดขาด จะต้องไม่มีเดือนอีกต่อไป"
ตะวันตัดสินใจวิ่งอีกทาง แต่เจอกับหาญ
"นายตะวัน"
"คุณหาญ"
"ทำไมเจ้าต้องหนีเราถึงขนาดนี้ หนีแบบนี้แสดงว่าเจ้ารู้จักแม่เดือน"
ตะวันถอยหลังชนต้นไม้ หาญเดินเข้าหาซักถาม
"เจ้ารู้ว่าแม่เดือนอยู่ที่ไหนใช่ไหม แม่เดือนเป็นยังไงบ้าง บอกข้ามาเถอะ"
ตะวันตัดสินใจ
"ใช่ ข้ารู้จักแม่เดือน"
หาญดีใจเขย่าตะวันซักถามใหญ่
"แม่เดือนเป็นอย่างไรบ้างตะวัน บอกข้ามาสิ บอกข้ามา"
ตะวันตัดใจพูดไป
"ตัดอกตัดใจซะเถิดท่าน แม่เดือนไม่ได้มีความรักให้ใครได้อีกต่อไปแล้ว"
หาญหยุด
"เจ้าพูดอะไร เราไม่เข้าใจ"
ตะวันเลิ่กลั่กคิดหาตัวช่วยทำไงดี นึกออกหยิบผ้าสีนวลที่อยู่ในเสื้อขึ้นมาโชว์
"ผ้านี่ไง"
หาญมองที่ผ้าอึ้งๆ ไม่เข้าใจ
"ข้าเก็บผ้าผืนนี้ได้จากที่นี่ แม่เดือนนำมันมาผูกคอตาย ณ ที่แห่งนี้"
หาญอึ้ง
"ไม่จริง ไม่จริง แม่เดือนไม่ใช่คนหนีปัญหา แม่เดือนเป็นคนเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวไม่มีทางที่นางจะทำเช่นนั้น"
ตะวันอึ้งกับคำพูดของหาญที่เชื่อมั่นในตัวเธอแต่ต้องตัดใจพูดปลดออกไป
"ใช่ แม่เดือนเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว แม่เดือนถึงได้ตัดใจเลิกที่จะรักท่านและทำเช่นนั้นได้อย่างไรเล่า"
หาญอึ้ง
ตะวันยื่นผ้าต่อ
"ผ้าผืนนี้เป็นพยาน ก่อนนางสิ้นลม แม่เดือนบอกกับกระผมว่า นางรักชายคนที่มอบผ้าให้นางมาก แต่นางก็ทำใจไม่ได้หากจะต้องดึงเขาลงมาตกต่ำกับนาง นางจึงเลือกจากไปแบบนี้"
หาญคอตกเมื่อฟังที่ตะวันพูด
"แม่เดือน....ทำไม ทำไม เจ้าถึงเลือกที่จะจากข้าไปแบบนี้ ทำไม.. ในเมื่อเจ้าก็รักข้าเช่นกัน...แม่เดือน"หาญร้องไห้อย่างเจ็บปวด
"ตัดใจเสียเถิดท่าน แม่เดือนจากไปเพื่อต้องการให้ท่านเริ่มชีวิตใหม่โดยไม่มีนางอีก"
"ในเมื่อแม่เดือนตัดใจจากไปได้ง่ายดายเพียงนี้ เราก็จะพยายามตัดใจจากแม่เดือน ให้ได้เช่นกัน เราเชื่อว่าเจ้าไม่พูดปดต่อเรานะตะวัน"
หาญน้ำตาตกค่อยๆหันหลังเดินจากไปอย่างช้าๆ
ตะวันน้ำตาพรั่งพรูทันที ที่แสร้งเข้มแข็งเป็นคนอื่น ความอ่อนแอถาโถม ทรุดลงใต้ต้นไม้ มองผ้าสีนวลจันทร์ในมือตัวเองอย่างอ่อนแรง

ตะวันพับผ้าใส่กระเป๋าเสื้อตามเดิมแล้วเดินเข้าเขตบ้านบุษบาบรรณมา เห็นแม่หญิงนั่งนิ่งอยู่ที่ศาลาสนาม
"คุณบุษ"
ตะวันรีบเข้ามาหาเพราะรู้สึกผิดที่วิ่งหนีไปเมื่อก่อนหน้านี้
"คุณบุษเจ้าคะ บ่าวกราบขอโทษเจ้าค่ะ" เดือนก้มกราบ
บุษบานั่งนิ่งๆไม่หันมา ตะวันคิดว่าบุษบาบรรณโกรธตัวเอง
"คือบ่าวไม่ได้ตั้งใจจะหนีไปไหนนะเจ้าคะ คือ บ่าว ..เอ่อบังเอิญไป เห็นพวกที่เคยจับตัวบ่าวไปบ่าวก็เลยกลัวน่ะเจ้าค่ะ"
จนตะวันสังเกตเห็นว่าบุษบาบรรณไม่ได้โกรธตัวเองเลยแปลกใจว่าบุษบาบรรณเป็นอะไร
"เอ่อ.. คุณบุษ ครุ่นคิดเรื่องอันใดอยู่รึเจ้าค่ะ"
ตะวันเป็นห่วง สีหน้าของบุษบาบรรณดูร้อนใจยิ่งนัก

ที่เรือนใหญ่ หาญก้มลงกราบแทบเท้าของเจ้าคุณพ่อและคุณจันทร์แม่ของบุษบาบรรณ
"ขอประทานโทษที่ทำให้เกิดเรื่องเข้าใจผิดขอรับ กระผมยอมรับผิด ขอรับ"
"เรื่องมันเกิดเพราะขี้ปากชาวบ้านแท้ๆเชียว ผมต้องขอประทานโทษด้วยจริงๆนะ"
เจ้าสัวนั่งอยู่กับพวงแก้ว และหาญ เจ้าคุณพ่อและคุณจันทร์ พร้อมกับบุษบาบรรณ และตะวัน เอื้อยยกน้ำเข้ามาเสิร์ฟให้แขกแล้วนั่งห่างไม่ไกลจากแก้วนัก เอื้อยมองหน้าตะวันยิ้มๆให้ ตะวันยิ้มตอบแล้วก้มหน้าก้มตาหลบหาญ
สีหน้าของคุณจันทร์และเจ้าคุณพ่อของบุษบาบรรณดูเคร่งเครียด
เจ้าคุณพ่อบอก
"ข่าวลือมันแพร่สะพัดไปไกลยิ่งกว่าไฟลามทุ่งเสียอีก เราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ถูกย่ำยีเกียรติวงศ์ตระกูลถึงเพียงนี้"
"ใจเย็นๆๆก่อนนะเจ้าคะท่านเจ้าคุณ" พวงแก้วว่า
"เห็นทีจะเย็นไม่ไหวล่ะค่ะคุณแก้ว ฝ่ายเราเป็นหญิงมีแต่เสียกับเสีย ชาวบ้านร้าน
ช่องเค้าลือกันเลยเถิดไปไหนต่อไหนแล้วลูกสาวอิฉันจะมองหน้าใครต่อใครได้ล่ะคะ"
เจ้าสัวมองที่หาญกับบุษบาบรรณ
"แต่ความจริงกระผมอธิบายได้นะขอรับ คือ..."
แก้วรีบตัดบทเข้าทางตัวเองกับจันทร์ที่แอบขยิบตากันเล็กน้อย
"ข่าวมันแพร่สะพัดไปเช่นนี้แล้วจะไปแก้ต่างก็มิทันการเสียแล้วกระมัง"
แก้วหันไปบอกทางจันทร์กับเจ้าคุณ
"ทางอิฉันก็ไม่อยากให้หนูบุษและครอบครัวคุณจันทร์ต้องมาเสื่อมเสียด้วยเรื่อง คาวๆเยี่ยงนี้ ยิ่งความจริงแล้วทั้งหนูบุษและพ่อหาญก็รู้จักมักคุ้นสนิทสนมกันมาระยะหนึ่ง ดังนั้นคงจะเป็นการดีหากว่าทำให้ข่าวไม่ดีที่เกิดขึ้นนี้กลายเป็นข่าวมงคลเสีย เจ้าสัวและเจ้าคุณหลวงคิดเห็นประการใดเจ้าคะ"
จันทร์ยิ้มพอใจมาก เพราะหมายมั่นกับแก้วไว้ว่า จะให้ลูกสาวลูกชายแต่งงานกัน
เจ้าคุณหลวงมองดูหาญก็เห็นว่าหาญเป็นข้าราชการหนุ่มที่จะมีอนาคตไกล
แสนเห็นช่องทางดังนั้น เอ่ยปากทาบทามบุษบาบรรณกับหาญทันที
"ผมก็เห็นด้วยกับแม่แก้วนะขอรับ ถ้าทำให้มันเป็นเรื่องจริงไปซะผู้คนก็จะหยุดคำ ครหา นินทาไปเอง พ่อรู้ว่าลูกก็คงไม่อยากทำให้หนูบุษต้องเสื่อมเสียไปมากกว่านี้หรอกจริงไหม"
หาญมองหน้าตะวันที่หลบตา หาญนิ่งไป
"เป็นอันว่าทางผมยอมรับผิดทุกประการเพื่อไม่ให้ครอบครัวของเจ้าคุณต้องมัวหมองผมจะหาฤกษ์จัดงานแต่งงานระหว่างเจ้าหาญและหนูบุษให้เร็วที่สุด"

หาญอึ้ง บุษบาบรรณก็ตกใจแต่ได้เพียงเขินอาย ส่วนตะวันนั้นมือไม้สั่น

อ่ำหอบใบตองขึ้นมาจากพื้นถือมาส่งให้ชื่นที่กำลังนั่งเจียนใบตองอยู่

"ใบตองมาแล้วพี่ชื่น"
"เออ"
อ่ำเดินไปหามั่นที่กำลังผ่าฟืนอยู่ไม่ไกลจากชื่นเท่าไรนัก เอื้อยวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในครัวสีหน้าตื่นเต้น
"มีข่าวดีมาบอก"
ดาวเดินเข้ามาในครัวพอดี
"ข่าวดีอะไรวะ"
"นายน้อยจะแต่งงาน"
ทุกคนว่า
"ห๊ะ....นายน้อยแต่งงาน"
ดาวได้ฟังยิ้มเข้าข้างตัวเองแล้วเดินมานั่งกลางวงที่สนทนาคิดว่าเป็นตัวเอง
"คราวที่แล้วแค่ทำพิธีเฉยๆ แต่คราวนี้ล่ะของจริงแล้ว"
ดาวนั่งเชิดๆ เอื้อยมองดาวอย่างหมั่นไส้เต็มที่
"ใช่คราวนี้ล่ะของจริงเพราะคนที่คุณหาญจะแต่งด้วยคือคุณบุษบาบรรณ"
เอื้อยพูดกระแทกน้ำเสียงเยาะเย้ยสุดฤทธิ์ ดาวอึ้ง ลุกขึ้นพรวด
"ไม่จริงน้าเอาอะไรมาพูด"
"ก็เอาความจริงมาพูดน่ะสิวะ คุณสองคนเค้าเหมาะสมกันอย่างกับอะไรดี ไม่ เหมือนคนบางคน"
ดาวเงื้อมือจะตบเอื้อย
"น้าเอื้อย"
เอื้อยยื่นหน้าใส่
"เอาสิวะกูไม่กลัวหรอก อย่างแกน่ะไม่มีทางได้เป็นเมียคุณหาญจริงๆ หรอก อย่างดีก็แค่เอาไว้ขัดตาทัพเท่านั้น ป่านนี้คุณท่านคงเจรจาตบแต่งกันเรียบร้อยแล้วล่ะ ฮ่าๆๆ"
ดาวก็หมดความอดทน
"อ๊าย ! ไม่จริงๆๆ"
ดาววิ่งออกไป ชาวครัวตกใจ
" เฮ้ย มันจะไปไหนวะนั่น"
ทุกคนมองตามอย่างหนักใจ
ทุกคนออกมาส่งบุษบาบรรณและเจ้าคุณ จันทร์ ที่หน้าเรือน
"งั้นเราฝากท่านเจ้าสัวจัดการด้วยแล้วกันนะ" เจ้าคุณว่า
"เรื่องฤกษ์ยามท่านเจ้าคุณมิต้องห่วงนะครับ ผมจะปรึกษาซินแสเทียนเรื่อง วันจัดงาน ทางเรารับรอง ว่าจะจัดงานใหญ่โตให้สมศักดิ์ศรีท่านเจ้าคุณเลย"
ท่านเจ้าคุณกับแสนหัวเราะชอบใจ แก้วหันมายิ้มให้ จันทร์พูดยิ้มอารมณ์ดี
"ขออย่างเดียว ขอให้รักและให้เกียรติลูกสาวคนเดียวของอิฉันด้วยนะเจ้าคะ"
ไม่ทันขาดคำ ดาววิ่งปึงปังเข้ามาหยุดต่อหน้าทุกคนมาแสดงตัว คนอื่นๆที่ตามจากครัวตามมาแต่ไม่ทันการณ์
"แต่ฉันเป็นเมียคุณหาญ"
บุษบาบรรณและพ่อแม่ตะลึง
จันทร์ถาม
"นี่มันอะไรกันคะคุณแก้ว เมียพ่อหาญงั้นรึ"
ทันใดนั้น หาญแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ ท่ามกลางความอึดอัดของพ่อแม่
"ขอรับ"
ตะวันอึ้ง ดาวยิ้มอย่างผู้ชนะ
"หากจะให้ท่านเจ้าคุณ คุณจันทร์และคุณบุษ วางใจแต่แรก กระผมย่อมต้องแสดง ความบริสุทธิ์ใจทุกอย่าง และกระผมสามารถอธิบายทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้ขอรับ"
ดาวคิดว่าขัดขวางบุษบาบรรณกับหาญสำเร็จ

เสียงหัวเราะของบุหงาดัง ก่อนที่เจ้าตัวจะลงนั่งที่ตั่ง สายฝนลงนั่งตาม เจียมตามมา
"นังดาวนี่มันแสบจริงๆ สมควรแล้วที่ข้าสนับสนุนส่งเสริมให้มันได้เป็นคู่เทียมของไอ้หาญ"
"ยังไงเหรอคะคุณแม่"
"ก็เพราะต่อแต่นี้ไปนังแก้วและลูกมันก็คงมีแต่เรื่องคาวๆ ทำคุณไม่ขึ้น ไม่มีวันเจริญไปได้หรอก อีนังแก้วกับลูกมันจะต้องตกต่ำลงเรื่อยๆคอยดูสิ"
บุหงายิ้มกริ่มสมใจ เจียมปากพล่อยย้อนถามบุหงาด้วยความซื่อและโง่
"อ้าว... แล้วฝั่งคุณบุหงาล่ะเจ้าคะ ตอนนี้ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรกอีก นี่ยังแก้ปัญหาไมได้เลยใช่ไหมเจ้าคะ หอกข้างแคร่ มาอยู่ใกล้ตัวซะด้วยสิ ความลับจะเปิดเผยไหมเจ้าคะ"
สายฝนแปลกใจกับคำพูดของเจียม
"เอ๊ะ! อะไรยังไง นังเจียม มีความลับอะไรกันรึ"
บุหงาตบเจียมคว่ำ
"ผีเจาะปากแกมาพูดรึไงอีเจียม สักแต่พูดอยู่นั่นเรื่องไม่เป็นเรื่องล่ะถนัดนัก"
เจียมจ๋อยเมื่อมองตา สายฝนพอจับใจความได้งงๆไม่เข้าใจที่เจียมพูด
" ไอ้หอกข้างแคร่ มาอยู่ใกล้ตัว ที่นังเจียมพูดมันคืออะไรเหรอคะคุณแม่"
บุหงาตาขวางตวาดแว๊ดใส่ทันที
"นี่ก็อีกคน จะไปไหนก็ไปไป๊ นังลูกโง่"
เจียมกระเถิบเข้าไปกระซิบกับบุหงา
"แหมคุณคะ ถ้าคุณสายฝนฉลาดก็คงรู้ความเรื่องความหยำฉ่าของคุณไปนานโขแล้วล่ะค่ะ"
บุหงายกเท้าถีบเจียมหงายหลัง
"อีเจียม...! ไปให้พ้นเลยไป๋"
บุหงาแผดเสียงดังลั่นไล่เจียม สายฝนกลัวจะโดนอย่างเจียมเลยนั่งนิ่งทำตาปริบๆ สงบเสงี่ยม เจียมลุกลี้ลุกลนรีบคลานออกไป
บุหงากังวลถึงเรื่องของเว่ยชิงและฟ้าหยาด

แสนเหี้ยมออกคำสั่งกับอ่ำ เสียงหวายแทรกผ่านอากาศเสียงดัง ฟั่บ !
"เฆี่ยนมันเข้าไปไอ้อ่ำ จนกว่ามันจะสำนึกได้"
อ่ำสั่งทาสหวดหวายผ่านอากาศลงที่หลังดาว ฟั่บ ๆๆ
"โอ๊ย.....บ่าวไม่ผิด บ่าวก็เป็นเมียคุณหาญนี่เจ้าคะ"
พวงแก้วมองด้วยความสมน้ำหน้า
"ปากสว่างดีนัก คราวหลังจะได้เจียมเนื้อเจียมตัวเสียบ้าง กำเริบเสิบสานนัก"
"โบยไปอย่าหยุด" แสนสั่ง
"ขอรับนาย"
ทาสเงื้อมือจะโบยต่อ หาญเข้ามาห้าม
"หยุดเถิดขอรับท่านพ่อ อย่าเฆี่ยนอย่าตีกันเลยขอรับ"
"ดูนังขี้ข้านี่มันทำสิ ฉีกหน้าแม่กับพ่อไม่มีชิ้นดีเลย"
"ช่างเถอะขอรับ กระผมได้แสดงความบริสุทธิ์ใจให้ทางท่านเจ้าคุณ คุณจันทร์ และหญิงบุษฟังแล้ว ที่เหลือก็รอดูว่าทางนั้นจะว่าอย่างไร ถึงจะเฆี่ยนให้ตายก็ไม่มีผลอันใดหรอกขอรับ กลับขึ้นเรือนเถอะขอรับ"
หาญเดินนำเจ้าสัวกลับขึ้นเรือน พวงแก้วเหลือบไปเห็นถังน้ำเกลือที่วางอยู่ต่อหน้าเอื้อยก็คว้ามาแล้วสาดใส่หลังดาว ดาวกรี๊ดลั่น บ่าวไพร่ตกใจ
"อ๊าย... บ่าวแสบเจ้าค่ะ"
พวงแก้วยิ้มร้าย
"เหรอ ฉันนึกว่าแกจะหนังหนาหน้าทนจนไม่รู้สึกรู้สาอะไรเสียอีก คอยดูนะถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาล่ะก็ ฉันไม่เอาแกไว้หรอกนะ นังดาว"
พวงแก้วเดินขึ้นเรือนไป ดาวเจ็บปวดน้ำตาร่วง ทั้งเจ็บทั้งแค้น
ทาสทำท่าจะหวดหวายอีกครั้ง อ่ำและมั่นสั่งให้ทาสหยุดเฆี่ยน
"พอเถอะหยุดเฆี่ยนได้แล้ว คุณหาญสั่งไม่ได้ยินรึไง" มั่นว่า
"มึงจะเฆี่ยนเอาตายเลยไงวะ แรงเยอะนักรึไงวะ"
อ่ำกับมั่นช่วยกันปลดเชือกให้ ดาวลงกองที่พื้นหมดแรง
เอื้อยเข้ามาช่วยแก้มัดดาว แล้วหาน้ำเปล่ามาเทราดทับที่โดนน้ำเกลือ ดาวร้องอีก
"โอ๊ย.........นังเอื้อยฉันแสบนะ"
"ฉันหวังดีล้างเกลือออกให้แกนะ หรือจะให้เกลือมันกัดหลังให้เน่ารึยังไงวะนังดาว"
"ก็เบาๆหน่อยสิ"
ดาวแสบจนน้ำตาร่วง ทั้งเจ็บทั้งแค้น
"ฮึ้ย ! ทำไมต้องเป็นอย่างนี้ด้วย....ฮื่อๆๆ"
"สมน้ำหน้า ไม่ได้กินหนำซ้ำยังเจ็บตัว"

เอื้อยมองดาวอย่างสมเพช ดาวเจ็บแสบไปทั้งหลังสีหน้าแค้นอย่างยิ่ง
 
อ่านต่อหน้า 4

ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 16 (ต่อ)

ย้อนหลังก่อนเหตุการณ์ดังกล่าว หาญกำลังอธิบายให้ทุกคนฟัง

"ที่แม่ดาวพูดเป็นความจริงขอรับ"
เจ้าคุณโกรธ
"แม่จันทร์แม่บุษกลับ"
เจ้าคุณลุกขึ้นทันที เจ้าสัวกับพวงแก้วรีบห้าม
"เดี๋ยวท่าน ฟังความที่พ่อหาญจะอธิบายก่อนสักนิดเถอะ"
พวงแก้วส่งสายตาขอร้องจันทร์ จันทร์บอกเจ้าคุณ
" ใจเย็นๆเจ้าค่ะ พ่อหาญตั้งใจจะบอกเราก็ควรจะเปิดใจรับฟังความนะเจ้าคะ"
จันทร์ดึงเจ้าคุณลงนั่งอย่างเดิม
"ก็ได้ งั้นก็ว่ามา"
"ก่อนหน้านี้ซินแสเทียนเคย ทำนายทายทักเรื่องดวงชะตาของกระผมว่าจะต้องมีคู่หนุนนำดวงชะตา เพื่อนำพาใต้หล้าไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง และดวงของแม่หญิงผู้นั้นก็มาตรงกับแม่ดาว"
ดาวยิ้มโชว์เหนือ
"เจ้าก็เลยต้องแต่งงานกับนางงั้นสินะ เราไม่อยากฟังคำแก้ต่างหรอก นะ" เจ้าคุณบอก
"คุณหาญพูดเรื่องจริงเจ้าคะ แล้วอิฉันก็เป็นเมียของคุณหาญจริงๆ ใครๆ ในเรือน นี้ก็รู้ดีว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน รู้แล้วครอบครัวของท่านก็ควรกลับไปซะอย่าได้คิดที่จะเข้ามาพรากผัวพรากเมียเค้าเลยเจ้าคะ"
เอื้อยดึงดาวให้หยุดพูด
"นังดาว"
"ไอ้อ่ำ ไอ้มั่นเอาตัวนังดาวออกไป" เจ้าสัวสั่ง
"ขอรับ"
อ่ำกับมั่นลากตัวดาวออกไป ดาวดิ้นรนไม่ยอมไป
"ไม่ คุณหาญช่วยเมียด้วยเจ้าค่ะ คุณหาญ"
"หยุดเสียทีนังดาว ...ไป"
ดาวโวยวายเสียงดังว่า กูนี่แหล่ะเป็นเมียคุณหาญไปเรื่อย เจ้าคุณกับจันทร์โกรธจัด บุษบาบรรณนิ่งคิด ตะวันแอบมองดูหาญที่นิ่งด้วยความสงสาร
"ต้องขอประทานโทษนะเจ้าคะ นังดาวเป็นทาสในเรือนที่แค่บังเอิญมีดวงเสริมบารมีให้กับพ่อหาญ อิฉันก็เลยทำพิธีจับดวงผูกกันกับพ่อหาญแต่ไม่นึกเลยว่า มันจะกำเริบเสิบสานมักใหญ่ใฝ่สูงถึงเพียงนี้ ทั้งที่การแต่งนั้นก็เป็นแต่เพียงพิธีเท่านั้นมิได้เป็นเรื่องจริงแต่อย่างใด"
แสนออกรับแทนลูกชาย
"หากจะผิดก็เป็นเพราะผมเอง ผมหวังดีกับลูก อยากให้ลูกได้ดีมีความเจริญรุ่งเรือง ที่ผมมาได้ทุกวันนี้เพราะเชื่อดวงที่ซินแสเทียนแนะนำ การใดที่ดีจึงคิดรวบรัดให้ลูก หากท่านเจ้าคุณจะกล่าวโทษก็กล่าวโทษแก่ผมเถิดขอรับ"
"อย่างไรเสียเราก็ขอชื่นชมพ่อหาญนะที่กล้ายืดอกรับ ในสิ่งที่อาจจะทำให้การพูดคุยครั้งนี้ล้มเหลว พ่อหาญทำให้ฉันได้เห็นถึงความจริงใจ เจตนาอันบริสุทธิ์ไม่เคลือบแคลง พ่อหาญได้ใจฉันในข้อนี้ไปส่วนการพูดคุยตกลงเรื่องงานแต่งงานนั้นฉันคงต้องปล่อยให้เจ้าตัวเค้าตัดสินใจเอง"
หาญก้มกราบ
"ขอบพระคุณขอรับ"
เจ้าสัวและพวงแก้วกราบขอบคุณเช่นกัน
"สุดแล้วแต่ใจลูกนะแม่บุษ" จันทร์บอก
บุษบาบรรณนิ่งงัน ตะวันเป็นห่วงจิตใจของบุษบาบรรณ

ในตอนกลางคืน บุษบาบรรณลงนั่งถอนหายใจเฮือกใหญ่ในห้องนอน
"เฮ้อ...!"
ตะวันมองอยู่ด้วยความเป็นห่วง
"คุณหนูคิดเรื่องคุณหาญหรือเจ้าคะ"
"ทำอย่างที่ใจรู้สึกเถิดเจ้าค่ะ หากรู้ตัวว่ารัก ว่าพึงใจก็อย่าปล่อยไปจนสายเกินกาลเลยเจ้าค่ะ หากเวลาล่วงเลยไปเรานั่นแหล่ะที่จะเจ็บปวดและไม่สามารถเรียกความรักนั้นกลับมาได้"
บุษบาบรรณมองหน้าตะวันที่น้ำตาซึมอย่างสงสัย
"เจ้าเคยมีความรักกับใครงั้นรึ ถึงได้รู้สึกถึงเพียงนี้"
ตะวันรีบปฏิเสธ พลางเลี่ยงบอกอย่างอื่น
"ไม่มีหรอกเจ้าค่ะ เพียงแต่บ่าวเห็นว่าคุณหาญเป็นคนดี บ่าวเคยอยู่ใต้หล้ามาก่อน บ่าวรู้ว่าคุณหาญเป็นคนดี แล้วที่สำคัญคุณหาญนั้นไม่ได้รักแม่ดาวแม้แต่นิดเดียว"
บุษบาบรรณแปลกใจ
"เจ้าจะไปล่วงรู้ถึงใจคุณหาญได้อย่างไร บางทีคุณหาญอาจแอบมีใจให้ใครสักคน ที่เจ้าไม่รู้ก็เป็นได้"
"คุณหาญไม่มีใครอีกเจ้าค่ะ เชื่อบ่าวเถ่อะ ไม่มีอีกแล้ว"
บุษบาบรรณครุ่นคิดหนัก ตะวันน้ำตาคลออัดอั้นในใจ

บรรยากาศยามเช้าของวันใหม่ เว่ยชิงตากผ้าอยู่ข้างเรือน เจ้าสัวแสนโผล่มาตรงที่ตากผ้า "ไอ๊หย๋า"
"ตกใจอะไรเว่ยชิง ฟ้าหยาดอยู่ข้างในเรือนใช่ไหม"
เจ้าสัวทำท่าจะเดินเข้าเรือน เว่ยชิงดัก
"อีไม่อยู่หรอก"
เจ้าสัวแปลกใจ
"อีไปไหน"
"อั๊วไม่รู้หรอก"
เจ้าสัวไม่พอใจ
"ทำไมลื้อไม่รู้ ลื้อจงใจไม่บอกเราใช่ไหม"
เว่ยชิงอดไม่ไหว
"อั๊วขอร้องเจ้าสัวล่ะนะ อย่าสนใจอาฟ้าหยาดเลย อาฟ้าหยาดอียังเด็กปล่อยอีไปเถอะนะ"
แสนหันขวับจ้องหน้าเว่ยชิงอย่างเอาเรื่อง
แก้วตามมาดักคอแสนทันที
"เรื่องนังดาวเราก็ขายหน้าใครๆมากพอแล้ว หากมีเรื่องเจ้าสัวกับ นางโลมอย่างฟ้า
หยาดอีก ใต้หล้าคงจะมองหน้าท่านเจ้าคุณกับคุณจันทร์มิได้กระมัง"
" ไม่เห็นจะเกี่ยวข้องกันตรงไหน พูดไปเรื่อยเปื่อย"
" ทำไมจะไม่เกี่ยวเจ้าคะ ท่านเจ้าคุณกับคุณจันทร์อาจมองว่าพ่อหาญเป็นลูกไม้
ที่หล่นใต้ต้นก็คงจะมักมากในกามเหมือนต้นไม้ใหญ่อย่างท่านเจ้าสัวเป็นแน่"
แสนยัวะจะเถียง แต่เว่ยชิงดันให้เหตุผลสนับสนุนพวงแก้ว ไม่ยินดีให้แสนได้กับฟ้าหยาด
"ทำตามที่คุณแก้วว่าเถอะเจ้าค่ะ นังฟ้าหยาดก็เป็นเพียงแค่นางโลมต่ำต้อยคนนึง ปล่อยมันไปเถ่อะเจ้าค่ะ"
เว่ยชิงชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูดว่านล้อม
"ใต้หล้าของเจ้าสัวคงจะเจริญรุ่งเรืองไม่น้อยหากคุณหาญได้ครองคู่กับแม่หญิงที่คู่ควร จะว่าไปอีฟ้าหยาดเองก็ทำทีว่าสนใจคุณหาญอยู่ไม่น้อยอั๊วเกรงว่าจะรั้งฟ้าหยาดไว้ไม่อยู่ ดังนั้นหากท่านเจ้าสัวให้คุณหาญได้แต่งงานกับบุตรตรีท่านเจ้าคุณไปซะได้ ฟ้าหยาดจะได้ตัดใจน๊า"
เจ้าสัวแสนคิดตามที่เว่ยชิงพูด แล้วยิ้มมีความหวังขึ้นมา
"ดี ตัดใจจากเจ้าหาญได้ จะได้กลับมาสนใจข้า"
"หัวเด็ดตีนขาดยังไงเว่ยชิงก็ยอมไม่ได้เจ้าค่ะ"
เว่ยชิงสีหน้าจริงจัง พวงแก้วยังขู่อีก
"ตอนนี้รอให้ทางบ้านท่านเจ้าคุณตัดสินใจ รวมเป็นทองแผ่นเดียวกับเราเท่านั้นเอง ใต้หล้าของเราก็จะเจริญรุ่งเรือง คุณพี่อย่าได้ทำอะไรให้แย่ไปกว่านี้อีกเลยเจ้าค่ะ คิดว่าเห็นแก่วงศ์ตระกูลที่คุณพี่สู้อุตส่าห์สร้างมากับมือ อย่าให้มันต้องมาพังเพราะมือคุณพี่เลยเจ้าค่ะ"

เจ้าสัวแสนคิดหนัก เว่ยชิงโล่งอกที่ดูเหมือนเจ้าสัวจะคิดได้บ้าง พวงแก้วยังไม่ไว้ใจเว่ยชิง ไม่รู้ว่ามาไม้ไหน

ฟ้าหยาดโยนก้อนหินเล็กๆในมือลงน้ำ นั่งมองดวงน้ำกระเพื่อมเป็นวง เธอจะโยนหินอีกครั้งแต่คราวนี้เสียงตูมที่ลงน้ำกลับเป็นหินก้อนใหญ่ ฟ้าหยาดตกใจหันไปมอง

"คุณสายฝน"
"ไงอีนังกาฝาก อกช้ำระกำทรวง ที่พี่หาญไม่แลรึ ถึงได้มานั่งเอาหินถมคลองอยู่ แบบนี้เนี่ย"
ฟ้าหยาดเดินหนี สายฝนเข้ามาขวาง
"ที่พี่หาญเค้าไม่แลแกเนี่ยก็เพราะว่า พี่หาญเค้าจะแต่งงาน กับผู้หญิงที่มีชาติตระกูลดี มีศักดิ์ศรีอย่างคุณบุษบาบรรณรู้เอาไว้ซะ"
"พล่ามพอหรือยัง"
"ยัง ผู้หญิงหยำฉ่าค้าของคาวอย่างหล่อนคงทำได้แค่เที่ยวร้องแรกแหกกระเชอหาผู้ชายไปทางนั้นทีทางนี้ที อี๊ น่าสมเพช"
ฟ้าหยาดย้อน
"งั้นที่หล่อนเที่ยววิ่งตามผู้ชายที่ร้านขายของล่ะ คงจะทำเหมือนที่พูดมาสินะ เอ๊ะ หรือว่าสั่งใครใครสอนหล่อนทำรึ อ้อ..ฉันนึกออกแล้ว คงจะสืบเชื้อสายมาจากรุ่นแม่ล่ะสิ"
"อ๊าย...อี อีฟ้าหยาด"
ฟ้าหยาดเดินเข้าหา
"อย่าลืมสิ แม่แกก็เคยเป็นนางโลมมาก่อน ค้าของคาวเหมือนฉันนี่แหละ แต่โชคดีอีบุหงาไม่ใช่แม่ชั้น เป็นแม่ของแก อีกหน่อยแกก็คงเป็นเหมือนกันกับแม่แกนั่นแหล่ะ"
" อ๊ายๆๆ อีหยำฉ่า อีค้าของคาว แก"
สายฝนปรี่เข้าไปจะตบฟ้าหยาด พอดีมั่นมา ขวาง จับตัวสายฝนไม่ให้ตบ
"อย่านะครับคุณสายฝน"
"อ๊าย...ไอ้มั่น ปล่อยฉันนะ อย่ามาแตะต้องตัวชั้นไอ้ทาส ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ"
มั่นจำต้องปล่อย สายฝนได้ทีเข้าไปตบฟ้าหยาด แต่ฟ้าหยาดเหนือกว่า พริ้วมาก ผลักสายฝนตกน้ำ โครม ! ฟ้าหยาดยิ้มเยาะเย้ยสายฝนแล้วเดินออกไป
"อ๊ายๆๆ อีบ้า อีฟ้าหยาด"
สายฝนร้องให้มั่นช่วย
"ช่วยด้วยไอ้มั่นช่วยฉันด้วย ช่วยฉันขึ้นไปทีไอ้มั่น"
มั่นแกล้งสายฝน
"บ่าวไม่กล้าหรอกขอรับ บ่าวเป็นเพียงทาสไม่สมควรเตะเนื้อต้องตัวคุณสายฝนขอรับ"
มั่นเดินตามฟ้าหยาดออกไป สายฝนตีน้ำเจ็บใจที่โดนกระทำ

เว่ยชิงจุดธูปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ใต้ต้นไม้ใหญ่ด้วยความหนักใจ
"สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายช่วยไปดลจิตดลใจให้เจ้าสัวแสนเลิกยุ่งกับฟ้าหยาดทีเถิดเจ้า ข้าและขอให้คุณหาญได้แต่งกับแม่หญิงบุษบาบรรณด้วยเถิดเจ้าปะคุณจะได้หมดเคราห์หมดโสกไปสักที สาธุ"
เว่ยชิงยกมือท่วมหัวเอาธูปปักที่โคนต้นไม้หันกลับมาจ๊ะเอ๋ย่างจังเข้ากับเอื้อย เว่ยชิงตกใจ
"อุ่ย"
เว่ยชิงจะหันไปเจอพวงแก้ว
"ทำไมแกถึงสนับสนุนให้ลูกฉันแต่งงานกับแม่บุษ แกต้องการอะไร"
เว่ยชิงบ่ายเบี่ยงที่จะพูด
"แล้วมันไม่ดีรึยังไง นี่อั๊วเห็นว่าลื้อต้องการให้เป็นแบบนี้อั๊วก็เข้าข้างลื้อแล้วไง ลื้อ ยังจะไม่พอใจอะไรอีกล่ะ"
"ไอ้พอใจก็ส่วนพอใจ แต่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมแกต้องมาเข้าข้างฉันด้วย"
เว่ยชิงอึกอักหาทางออกเลยฟอร์มทำเสียงดังข่ม
"หรือลื้ออยากจะให้อาฟ้าหยาดได้กับเจ้าสัวแสนล่ะ เอาสิ รับรองเมียเหี่ยวๆ เฉาๆ กระเจิงแน่"
พวงแก้วข้องใจมาก เชื่อว่า มันต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่ๆ
" แม่ฟ้าหยาดนี่เป็นใคร เป็นลูกสาวแกหรือไงถึงได้ปกป้องขนาดนี้ มันเป็นลูกใคร"
เว่ยชิงโดนคาดคั้นถอยหนี เอื้อยรีบเข้ามาจับตัวล๊อกไว้ พวงแก้วบีบปากให้ตอบ
"บอกมาซะดีๆมันเป็นลูกแกรึลูกใคร"
บุหงากับเจียมผ่านมาพอดีเห็นแก้วกำลังขู่เข็ญเว่ยชิงตกใจ ปรี่เข้ามาตบเว่ยชิง เพราะนึกว่าจะพล่อยความลับ
"มาคุณพี่น้องจัดการเองค่ะ"
พวงแก้วกับเอื้อยประหลาดใจที่จู่ๆ บุหงาก็โผล่มาตบเว่ยชิง
"แกกล้าดียังไงที่จะมาลบลู่คุณแก้ว แกคิดจะมาแย่งชิงอำนาจในใต้หล้า ชิงเจ้าสัวไปงั้นรึ"
เว่ยชิงหัวเราะเยาะบุหงากลับ
"หึ... ลื้อก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร นังบุหงาอยู่เงียบๆไว้จะดี เอง"
เว่ยชิงทิ้งไว้แค่นั้น แล้วสะบัดไป พวงแก้วสงสัย บุหงาเก็บพิรุธไม่ รีบสะบัดไปอีกทาง

มั่นตามฟ้าหยาดด้วยความเป็นห่วงมาจนถึงตลาด
"เจ้าจะตามข้าไปถึงไหน"
"ก็จนกว่าเจ้าจะไม่ให้ข้าตาม"
"เจ้าเป็นแค่ทาสอย่ามายุ่งกับข้าเลย เราต่างคนต่างอยู่จะดีกว่า"
"จริงสิข้ามันลืมตัวไป คิดว่าเจ้าอาจต้องการความช่วยเหลือข้าขอโทษหากทำให้เจ้ารำคาญใจ"
มั่นคอตก หันหลังกลับออกไป ฟ้าหยาดสับสนในชีวิต
"โอย...นี่เราจะต้องอยู่แบบอึดอัดแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนกัน ทำไมอาเว่ยไม่ยอม บอกอะไรกับเราเสียที ทำไมน๊า"
ฟ้าหยาดพลันเหลือบไปเห็นตาดอยู่มุมหนึ่งของตลาด พลางย้อนคิดถึงคราวที่กับตาด
ฟ้าหยาดมองหน้าตาดด้วยความสงสัย

หาญนั่งทำงานอยู่ภายในห้องนอน เสียงเคาะประตูดังขึ้น หาญไม่ทันได้มอง
"เชิญ"
ดาวก้าวเข้ามาในห้องแล้วล๊อกห้อง หาญแปลกใจ
"เธอเข้ามาทำไม"
ดาวแสร้งตีหน้าเศร้า
"บ่าวเข้ามาขอโทษคุณหาญเจ้าค่ะ"
"ขอโทษเรื่องใดรึ"
"เอ่อ... คือเรื่องที่บ่าวก่อเรื่องเมื่อวานน่ะเจ้าค่ะ บ่าวรู้ว่ามันไม่ถูกต้อง ที่บ่าวทำไปเยี่ยงนั้นเพราะว่าบ่าวรักคุณหาญนะเจ้าคะ"
หาญลุกขึ้นเดินหลีกไปทางหน้าต่าง ดาวบีบน้ำตาขอคะแนนความสงสาร
"บ่าวขอความเมตตาจากคุณหาญด้วยนะเจ้าคะ บ่าวรู้ตัวดีว่าบ่าว เป็นแค่ทาสในเรือนไม่อาจทัดเทียมเสมอกับคุณบุษบาบรรณได้ อย่างน้อยก็ขอให้บ่าวได้รับใช้คุณหาญในฐานะเมียบ่าวก็ได้เจ้าค่ะ บ่าวยอมทั้งกายและใจเจ้าค่ะ"
"แม่ดาว เราขอเถอะนะ หัวใจมันบังคับกันไม่ได้หรอก และเราก็คงไม่อาจล่วงเกินแม่ดาวได้ด้วย เราไม่ได้เห็นความใคร่เหนือกว่าความรัก เราพูดเยี่ยงนี้หวังว่าแม่ดาวคงจะเข้าใจนะ"
ดาวอึ้งหน้าชา จะอ้าปากพูดต่อแต่หาญชิงพูดก่อน
"ถ้าไม่มีอะไรเราขอทำงานล่ะนะ เชิญแม่ดาวกลับไปก่อนเถิด"
หาญไม่สนใจหันไปนั่งที่โต๊ะทำงานก้มหน้าดูเอกสารต่อไป ที่หน้าห้อง ดาวหน้าชา เจ็บปวด เจ็บใจและอาฆาตแค้น
"ใครที่ขวางกูจะจัดการให้สิ้น...คอยดูสิ"
ดาวเครียดแค้นอย่างที่สุด

ดึกแล้ว หาญเดินมามองเห็นดวงจันทร์สว่างไสว คิดถึงเดือนจับหัวใจ น้ำตารื้น
"แม่เดือนเจ้าอยู่ที่ไหนกันแน่ รึแม่เดือนจะหมดรักในตัวเราจริงๆ"
หาญคิดถึงภาพความสดใส ความรักที่มีต่อกัน ด้วยสีหน้าที่เศร้าหมอง
หาญนึกถึงคำพูดของตะวันที่พูดครั้งสุดท้ายก่อนหน้านี้
"ตัดใจเสียเถิดท่าน แม่เดือนจากไปเพื่อต้องการให้ท่านเริ่มชีวิตใหม่โดยไม่มีนางอีก"
หาญมองดูดวงจันทร์ที่มีเงาเมฆเคลื่อนมาบังจนมิดมองกิ่งไม้ที่ไหวเอนแล้วถอนใจ
"ไม่ว่าเราต้องพรากจากกันด้วยเหตุใด แม่เดือนจะยังคงอยู่ในหัวใจของเราไปจนวันตายเราสัญญา"

หาญน้ำตาเอ่อตัดใจเดินกลับเข้าเรือนไปท่ามกลางความอ้างว้าง
 
อ่านต่อตอนที่ 17
กำลังโหลดความคิดเห็น